LuBairan โพสต์ 2024-8-28 18:30:31

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-28 18:32 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>เสียงปริศนา</span></b><font face="Sarabun"><font size="2">
<br>วันที่ 17 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>ยี่สิบนาฬิกาเป็นต้นไป</font></font>
</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">“ พระสนมจะออกไปอีกจริง ๆ หรือเพคะ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใบหน้าของนางกำนัลคนสนิทดูย่ำแย่ลงเมื่อพระสนมของตนพึ่งกล่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่ากำลังวางแผนออกจากพระราชวังในระยะยาว.. <font size="4"><b>ระยะยาว !!</b></font> หลี่ผู่เยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยในระหว่างที่สองตาจดจ้องอยู่กับร่างงามที่เตรียมตัวพร้อมสรรพถึงขนาดสวมใส่เสื้อผ้าสำหรับออกไปนอกวังเรียบร้อยแล้ว
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ วังหลวงหาได้มีข้อห้ามใด อีกอย่างเปิ่นกงมีทรัพย์สินอยู่มาก ต่อให้ออกไปก็มิมีทางตกระกำลำบาก ”</font> ไป๋หรั่นกล่าวอย่างเนิบช้าพร้อมด้วยการยกชาขาวขึ้นจิบคำน้อย ๆ ดูแล้วเพลินตาแต่ก็น่าถอนหายใจในความรั้นที่แฝงไว้ใต้ความสงบเสงี่ยม
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ มิมีข้อห้าม แต่หากฝ่าบาททรงเสด็จมากะทันหันจักให้หม่อมฉันทำเยี่ยงไรเพคะพระสนม? ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาท.. ”</font> เนตรหงส์หม่นแสงลงทีละน้อย นงคราญหยกเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ <font color="#994D7B">“ จะมีเรื่องใดให้พระองค์เสด็จมาเล่า วันคล้ายวันประสูติของไท่โฮ่วก็ผ่านมาแล้ว ขณะทูตเองก็ได้รับการต้อนรับแล้ว สิ่งที่หยุดชะงักไปก็สมควรกลับมาดำเนินต่อได้แล้ว ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าอุทยานเม่าหลินมีสัตว์ดุร้าย จัดการได้หรือยัง? ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ ที่มีรายงานจากกองลาดตระเวนว่าพบหมาป่ายักษ์สีเงินบนเนินเขาดูเหมือนว่าฝ่าบาทจะทรงส่งคนไปตรวจสอบตั้งแต่วันที่มีการจัดขบวนส่งศพของเฮ่อถูซื่ออดีตเจี๋ยยวี่แล้วเพคะ ”</font> เมื่อพูดจบ นางกำนัลน้อยลอบสังเกตท่าทางของนายหญิงเล็กน้อย ผู่เยว่เห็นว่ามือที่คลึงจอกชาของอีกฝ่ายหยุดนิ่งไป ทว่าใบหน้างามกลับยังประดับรอยยิ้มเบาบาง
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … นางสิ้นใจแล้วหรอกหรือ ”</font> ไป๋หรั่นพึมพัมเสียงเบาดูเลื่อนลอยนัก ราวกับถูกกำแพงปริศนาครอบทับกายทั้งสี่ทิศ สายตาของนางถูกชักนำให้สนใจเพียงบุคคลไม่กี่ชีวิต โดยเฉพาะเจ้าของรัศมีมังกรนั้นที่โดดเด่นนักในสายตานาง<font color="#994D7B"> “ มีอะไรอีกที่เปิ่นกงพลาดไป ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ ช่วงนี้ชาวเมืองกล่าวกันว่า <b>ปีศาจปลา</b>เริ่มหันมาต่อสู้กันเองจนมีประชาชนได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเหล่าหญิงสาวที่เริ่มมีประกาศเตือนจากทางการให้ระมัดระวังตัว เนื่องจากจำนวนสตรีที่หายตัวไปเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งยังมีผู้พบเห็นร่องรอยการล่าและต่อสู้กับปีศาจปลาในระยะที่ห่างลำน้ำไม่น้อย ซึ่งผิดไปจากรูปแบบเดิมของเหล่าปีศาจปลา ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลี่ผู่เยว่ยังรู้ดีว่าอะไรที่จะใช้โน้มน้าวใจคนได้ นงคราญหยกชำเลืองตามองนางกำนัลคนสนิทตรงหน้าตนเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาพร้อมกล่าวสั้น ๆ ว่า <font color="#994D7B">“ พูดต่อสิ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ อีกอย่างช่วงนี้กลุ่มบัณฑิตที่เชื่อในลัทธิขงจื๊อก็เริ่มออกมาป่าวประกาศอีกแล้วเพคะ ”</font> ม้วนตำราไผ่ชิ้นหนึ่งถูกยื่นให้นายหญิงแห่งตำหนักตงเฉินได้คลี่อ่าน ไป๋หรั่นค่อย ๆ คลายสายผูกภายนอก ก่อนจะคลี่ม้วนตำราดูเนื้อหาด้านในโดยที่เตรียมใจไว้แล้วว่า.. <font color="#994D7B"><i>‘ ขงจื๊อสร้างเรื่อง ไม่พ้นกล่าวโทษสตรีอีกตามเคย ’</font></i>
             <br><br><div align="center"><b>
ลัทธิขงจื๊อเปี่ยมด้วยคุณธรรม สี่คุณธรรม สามคล้อยตาม <br>
วางตัวสตรีเพียบพร้อมและศรีภรรยา แต่ม่อจื่อกลับสร้างความยุ่งเหรินแก่ครัวเรือน <br>
สร้างความชิงดีชิงเด่นในความสามารถจนเกิดความโกลาหลในครอบครัว <br>
อีกทั้งสนมนางหนึ่งก็แอบนัดคบชู้รักยามวิกาลทั้งที่มีโทษกักบริเวณ <br>
อีกนางสนมก็มากด้วยเล่ห์วางแผนสารพัดเพื่อผลักนางสนมผู้โปรดปรานตกธารา</div></b>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่ออ่านจบไม่พ้นหลุดหัวเราะเสียงดังกึกก้องไปทั่วตำหนัก สาวงามในรอบสี่พันปีเช่นไป๋หรั่นลอบยกนิ้วขึ้นปาดหยดน้ำตรงหางตา ก่อนจะโยนม้วนตำราไผ่นั้นลงกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล<font color="#994D7B"> “ แล้วพวกเขารู้หรือไม่เล่าว่าสนมที่คบชู้สู่ชายในยามวิกาลผู้นั้นเป็นคนเดียวกับที่ถูกกล่าวถึงในท่อนถัดไปว่าเป็นที่โปรดปราน ”</font> แววตางามราวผืนนภายามรัตติกาลทอประกายอ่อนใจ พร้อมด้วยดวงหน้าของโฉมสะคราญที่เจือแววเหนื่อยล้าเหลือคณา
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หากคนในคืนนั้นเป็นชู้จริง เปิ่นกงคงมิต้องรู้สึกเสียเปรียบถึงเพียงนี้.. ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ พระสนม กล่าวเช่นนี้มิได้นะเพคะ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงเตือนของผู่เยว่ลอยเข้ามาและไหลผ่านไป พระสนมลู่ผู้งามนักปิดเปลือกตาลงช้า ๆ <font color="#994D7B">“ พูดตอนนี้แล้วมีประโยชน์เสียที่ไหนเล่า.. ผู้คนเชื่อแล้วว่าเปิ่นกงเป็นสาวเริงเมือง คบชู้ทั้งที่ยังต้องโทษกักบริเวณ นับว่าเป็นนางจิ้งจอกที่หาญกล้าเทียมฟ้า ”</font> สตรียิ่งงามเท่าใดก็ยิ่งมีเรื่องยุ่งยากมากเท่านั้น ไป๋หรั่นขยับกายเล็กน้อย นางเอนตัวเข้ากับขอบตั่งนั่งดูคล้ายการเอนหลังพักผ่อนยิ่งนัก
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผู่เยว่ที่สังเกตมาตั้งแต่ต้น แน่นอนว่าต้องห่วงสภาพจิตใจของผู้เป็นนาย นางจึงได้เก็บข่าวที่คิดว่าช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของอีกฝ่ายให้กลับมาได้ไว้ในช่วงท้ายสุด <font color="#879B7C">“ แต่อย่างน้อยก็ยังมีข่าวลือที่ช่วยส่งเสริมพระสนมนะเพคะ ”</font> หลี่กู่กูที่คอยอยู่เคียงข้างนางกระแอมเล็กน้อยก่อนจะเปรยขึ้น
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ ในวันที่พวกท่านเสด็จกลับจากอุทยานเม่าหลิน.. ทั้งสองเสด็จกลับโดยแยกจากขบวนหลวงใช่หรือไม่เพคะ มีข่าวลือว่าพบเห็นพวกท่านทั้งสองดูสนิทชิดเชื้อ ทั้งยังไม่ปลอมตัวเลยแม้แต่นิดเดียว.. จนคนพากันกล่าวว่าพระสนมเป็นที่โปรดปรานมาก ” </font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยังไงก็คงมีผู้พบเห็น ดังนั้นนางเลยไม่ได้แปลกใจ แต่ที่ชวนให้ฉงนที่สุดคงไม่พ้นการที่พวกเขานำไปตีความกันว่า<b>เป็นที่โปรดปราน</b>มากนั่นแล <font color="#994D7B">“ เหตุใดถึงได้เชื่อกันง่ายนักว่าคน ๆ หนึ่งเป็นที่โปรดปราน ” </font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
การเป็นที่โปรดปรานไหนเลยจะง่ายถึงเพียงนั้น ไป๋หรั่นสัมผัสไม่ได้เลยสักนิดว่าตัวเองเป็นที่โปรดปราน ทุกอย่างที่ได้รับมาเป็นเพราะนางเข้ากับเขาได้ในบางส่วน ไม่เป็นคนที่น่ารำคาญหรือเรียกร้อง ไป๋หรั่นรู้ดีกว่าใครว่าทั้งหมดที่รั้งอีกฝ่ายไว้คือความแปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ พระสนม.. ที่ผู้คนเชื่อกันเป็นเพราะยามนี้ แม้แต่คำที่บอกว่าพระสนมทรงเป็นที่โปรดปรานยังถึงขนาดหลุดมาจากปากทหารผู้ติดตามอารักขาขบวนเสด็จเลยเพคะ ”</font> สาเหตุที่เจาอี๋แซ่ลู่กลับมาอยู่ในวงสนทนาได้ไม่ใช่แค่เพราะความโปรดปรานที่ได้รับ แต่เป็นเพราะต้นข่าวมาจากชนชั้นทหารที่ถูกฝึกอย่างหนักทั้งยังไม่ค่อยสนใจความเป็นไปของวังหลวงนอกจากเรื่องของความปลอดภัยในบ้านเมือง แต่ยามนี้ทหารน้ำดีผู้หนึ่งกลับบอกครอบครัวตัวเองว่า ฝ่าบาททรงพบคนที่โปรดปรานแล้ว.. มีหรือที่ผู้คนจะไม่หลงเชื่อ?
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ”</font> สตรีที่ถูกกล่าวถึงในข่าวลือยกมือขึ้นคลึงสันจมูกเงียบ ๆ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อนึกถึงโอรสสวรรค์ผู้นั้นไป๋หรั่นไม่เห็นอะไรนอกไปจากมิตรภาพเส้นหนึ่งที่ขนานกันอย่างเรียบง่าย เขาไม่ใช่คนจำพวกที่นางเฝ้าใฝ่ฝันหา นางเองก็มิใช่สตรีในอุดมคติที่จะสามารถเคียงข้างเขาได้ตลอดกาล ทุกอย่างคงง่ายกว่านี้มากหากนางสามารถออกไปใช้ชีวิตภายนอกได้โดยไม่ติดพันฐานะคนของเขามาตั้งแต่ต้น..
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ช่างเถิด เปิ่นกงไม่อยากออกไปแล้ว เจ้าไปเตรียมน้ำอาบที ”</font> สาวงามแซ่ลู่ปัดมือเป็นสัญญาณให้คนสนิทปลีกตัวออกไป ผู่เยว่ที่ต่อให้กังวลก็ไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ นางเก็บสายตาพร้อมประสานมือย่อกายลงรับคำสั่ง ก่อนจะหันเดินจากไปเพื่อจัดการตามความต้องการของพระสนม
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แต่พระสนมของนางกลับตั้งใจใช้โอกาสนี้ลอบออกไปด้านนอกโดยไม่ให้ใครรู้ตัว ถ้าไม่ติดว่าทันทีที่ก้าวขาข้ามธรณีประตู จะมีเสียงดังสะนั่นกึกก้องในศีรษะมาทำให้ทั้งกายบางทรุดฮวบลงเสียก่อนป่านนี้นางคงรีบย่ำเท้าออกไปจนได้พบกับขบวนเกี้ยวมังกรที่สวนเข้ามาแล้ว
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DEA161">
“ ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้—- เอ่อ .. ลู่เจาอี๋? ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของขันทีที่ขาดช่วงไปทำให้ทั้งจางกงกงที่นำเกี้ยวมาพร้อมด้วยหลิวเช่อที่อยู่ด้านในฉงนใจในทันที <font color="#D4AC0D">“ มีอะไร ”</font> สุรเสียงของโอรสสวรรค์ที่ทั้งหนักแน่นและทรงพลังล้วนลอดออกมาจากช่องว่างของเกี้ยวมังกร
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DEA161">
“ ฝ่าบาท ลู่เจาอี๋ทรุดอยู่ที่หน้าประตู ไม่รู้ว่าเป็นเพ—- ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กระทั่งสายลมยังช้ากว่าการเคลื่อนไหวของเขา หลิวเช่อทะยานลงจากเกี้ยวมังกรมุ่งเข้าประคองร่างอ้อนแอ้นหน้าประตูตำหนัก <font color="#D4AC0D">“ เจาอี๋? ”</font> สีหน้าของโอรสสวรรค์คร่ำเครียดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบสนองต่อการเรียก ทั้งยังดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
             <br><br><div align="center"><font color="#A9C8C5"><b>
‘ ยินดีกับพวกเจ้าด้วยในการปราบปรามจ้าวปีศาจปลาแห่งวังเพ่ยชิงเป็นผลสำเร็จ ’</font></b></div>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ปราบปรามอะไรนะ? ลู่ไป๋หรั่นจมอยู่กับภวังค์ความนึกขึ้นถึงขนาดที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ายามนี้ตลอดทั้งร่างได้ถูกท่อนแขนแกร่งโอบขึ้นแนบอก ฉะนั้นแทนที่จะใช้สองแขนล้อมรอบลำคอแกร่งเพื่อยึดเกี่ยวเป็นที่พึ่ง นางกลับใช้สองมือป้องปิดใบหูด้วยความหวาดผวา
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงนี้ไม่ได้น่ากลัว.. ทั้งยังแฝงความคุ้นเคยมาหนึ่งกระบวน
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แต่เพราะไม่น่ากลัวและคุ้นเคยนี่แล ถึงได้ทำให้นางตื่นตระหนกถึงเพียงนี้
             <br><br><div align="center"><font color="#A9C8C5"><b>
‘ แผ่นดินนี้วุ่นวายจากเหล่าปีศาจมาหลายพันปี มนุษย์สู้ตบตีกับแดนปีศาจมาเนิ่นนาน ’</font></b></div>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า..? ไป๋หรั่นปวดขมับจนต้องขบริมฝีปากหากไม่ใช่ว่ามีปลายนิ้วสากคลึงลงมาช่วยห้ามปรามพฤติกรรมนี้ก็เกรงว่ากลีบปากที่ผู้คนนึกอยากเฝ้าถนอมคงได้มีรอยแผลประทับไว้ไปอีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง
             <br><br><div align="center"><font color="#A9C8C5"><b>
‘ นี่เป็นเพียงก้าวแรกของพวกเจ้าที่ชนะในการปราบปรามปีศาจเหล่านี้’</font></b></div>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ต้องขอบคุณการกระทำของอีกฝ่าย รวมไปถึงไอความคุ้นเคยที่ล้วนแต่สัมผัสมาก่อน
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นคิดว่าตัวเองคงเสียสติไปแล้ว มือน้อยคว้ากำชายภูษาสีเข้มของชายที่ลุกขึ้นหมายจะสั่งให้คนตามหมอหลวงจนเขาถึงกับหยุดวาจาแล้วหันกลับมามอง <font color="#994D7B">“ ไม่.. ไม่ต้องตามหมอ.. เสียงมัน.. ”</font> มืออีกข้างหนึ่งที่ไม่ได้ต้องถูกสิ่งใดยกขึ้นป้องใบหู เสียงลี้ลับนั้นยังคงเนิบนาบเชื่องช้าทว่าหนักแน่นทรงพลัง ราวกับแช่แข็งตลอดทั้งร่างให้รับฟังกับสุรเสียงจากสวรรค์ที่ไม่ว่าใครก็มิอาจต้านทานได้
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ออกไปให้หมด ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางพึมพัมด้วยคำว่าเสียง บางทีคงถูกอะไรบางอย่างทำให้เสียขวัญ ฮั่นอู่ตี้ไล่บุคคลภายนอกออกไปจนสิ้น ก่อนจะที่หันมาใช้สองมือช่วยประคองใบหน้าผ่านการทาบมือลงกับช่วงหูทั้งสองฝั่งเผื่อว่าจะช่วยป้องกันเสียงที่ไม่พึงประสงค์ให้นางได้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
             <br><br><div align="center"><font color="#A9C8C5">
<b>‘ ขอให้หมั่นฝึกฝนและพึงระวังอยู่เสมอ อย่าหลงกับดักของเผ่าปีศาจจนเพลี้ยงพล้ำ ’</font></b></div>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อสิ้นประโยคนี้ความอื้ออึงทั้งหมดก็เลือนหาย เหลือเพียงแต่เสียงสรรพชีวิตรอบด้านที่กลับมามีบทบาทอีกครั้ง รวมไปถึงหินหน้าตาพิลึกสองก้อนที่ค่อย ๆ ก่อร่างขึ้นมาจากความว่างเปล่า พร้อมความรู้สึกร้อนวูบในร่างที่ทำให้หางตาของมังกรสุริยาถึงกับกระตุกไปเล็กน้อย
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ … ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่มีโอกาสตรวจสอบ เขาสัมผัสได้ถึงตบะเล็กน้อยในร่างนางที่หลบซ่อนอยู่ใต้ปราการหลายชั้น ทว่ากระแสร้อนเมื่อครู่นั้นคือตบะฝึกฝนสายใหม่ที่ถูกนางซึมซับเข้าร่างไปโดยกะทันหันต่อหน้าต่อตาเขา รวมไปถึงเรื่องประหลาดอย่างหินดาวเคราะห์ที่อยู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หรือว่านางจะเป็น…
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาท? ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แทนที่จะเป็นความห่วงใยหรืออ่อนโยนดังเช่นในตอนที่นางไม่อาจรับรู้ หลิวเช่อกลับมีท่าทางไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับนึกรำคาญใจต่ออาการเมื่อครู่ <font color="#D4AC0D">“ คนของตำหนักตงเฉินดูแลนายอย่างไรถึงได้ปล่อยให้สภาพร่างกายเป็นเช่นนี้ ”</font> ไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น.. โอรสสวรรค์หยิบหินดาวเคราะห์ทั้งสองก้อนขึ้นมาพิจารณาด้วยมือเดียว ก่อนจะส่งหินที่ฉายรัศมีเหล่านั้นไปไว้บนตักนงคราญด้วยท่าทางไม่สนใจ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ หินสองก้อนนี้ดูมีประโยชน์ เจิ้นนำมาให้เจ้า ”</font> หากบอกนางว่ามันปรากฏขึ้นจากอากาศก็คงสติแตกไปอีกรอบ หนนี้เขาช่วยเกลี่ยระดับความพิศวงให้อ่อนลงคงจะดีสำหรับผู้กลับชาติมาเกิดมือใหม่ <font color="#D4AC0D">“ ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ดีขึ้นมาก.. เพคะ ” </font>นางไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย ไป๋หรั่นไม่เคยรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ผ่านการฝึกฝนใด ๆ มาก่อน เรียกได้ว่าเผิน ๆ อาจจะดีกว่าตอนนางพยายามนั่งทำสมาธิอีกด้วยซ้ำ <font color="#994D7B">“ ว่าแต่ฝ่าบาทเสด็จมาเช่นนี้ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ คืนนี้เจิ้นจะพักที่ตำหนักตงเฉิน ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อีกแล้วเหรอ !?
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ต่อให้อยากร้องไห้นางก็ไม่มีทางร้องออก ลู่ไป๋หรั่นลอบถอนหายใจอยู่กับตัวเองก่อนจะฝืนยิ้มที่ดูแล้วยังนับว่าพอเป็นธรรมชาติราวกับผ่านการฝึกฝนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน <font color="#994D7B">“ หม่อมฉันพึ่งสั่งให้หลี่กู่กูเตรียมยกน้ำเข้ามานับว่าพอดีกับโอกาสนี้นัก ฝ่าบาททรงสรงน้ำก่อนเถิดเพคะ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อืม ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้ตอนที่ลุกจากเตียงนางจะยังเซไปบ้างเล็กน้อยแต่ก็ใช้เวลาไม่นานในการกลับมาตั้งหลักเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาท ลู่ไป๋หรั่นช่วยถอดฉลองพระองค์ออกจากพระวรกายมังกรไปตามขั้นตอนพื้นฐาน กระทั่งในยามที่มาถึงชุดตัวในส่วนสุดท้าย หลิวเช่อก็พูดขึ้น <font color="#D4AC0D">“ เจ้าไปจัดการตนเองให้เรียบร้อยเสียเถอะ ไม่ต้องรีบร้อน ก็แค่ชุดนอน เจิ้นสวมเองได้ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายว่าเป็นคำอนุญาตกลาย ๆ ให้นางได้พักผ่อน ที่แน่นอนว่าลู่เจาอี๋ก็ไม่มีทางปฏิเสธไมตรี นางปลีกตัวออกจากเรือนหลวงของตำหนัก ไปอาศัยห้องอาบน้ำของเรือนเล็กใช้แก้ขัดโดยมีหลี่ผู่เยว่คอยขัดสีฉวีวรรณในทุกขั้นตอนอย่างประณีต จนได้มาซึ่งสาวงามกรุ่นกลิ่นฝูหรงในเอี๊ยมนอนตัวบางที่สวมชุดตัวในคลุมยาวตลอดทั้งร่าง ดูวาบหวิวแต่ก็โปร่งสบายสมกับที่เป็นของสวมใส่ขณะนอนหลับ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ถ้าเรียบร้อยแล้วก็รีบนอนเสีย วันพรุ่ง เสด็จแม่มีรับสั่งให้เหล่าสนมเข้าถวายพระพรไวขึ้นจากเดิม ”</font> ผู้ที่กล่าวโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองคือโอรสสวรรค์ผู้เดิมในชุดลำลองสำหรับพักผ่อนที่ในมือถือม้วนตำราไผ่ชิ้นหนึ่งที่ดูแล้วเหมือนจะคุ้นตาสาวงามอยู่บ้าง.. เสียก็แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เหตุใดหม่อมฉันจึงไม่ทราบเลยแม้แต่น้อยว่าไท่โฮ่วทรงมีรับสั่งเช่นนั้น.. ”</font> เสียงงึมงัมด้วยความสงสัยของนางลอยไปเข้าหูหลิวเช่อที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ใกล้เตียงพอดิบพอดี โอรสสวรรค์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็ตวัดสายตาเย็นเฉียบจนคนที่ได้รับถึงกับเหงื่อตก <font color="#994D7B">“ ขออภัยเพคะ หม่อมฉันหาได้สงสัยในตัวพระองค์ ”</font>
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้จะลอบเบนสายตาไปทางอื่นแต่ก็ยังดีที่การค่อย ๆ ทดกายลงนอนกับเตียงเป็นสิ่งที่ทำให้จักรพรรดิเพียงหนึ่งแห่งแผ่นดินจับสังเกตท่าทางของนางได้ยาก หลิวเช่อที่เห็นว่าฝ่ายสนมรัก(?)ยินยอมแต่โดยดีก็หันมาวางม้วนตำราลงและลุกขึ้นสะบัดแขนหนึ่งครั้งดับเทียนภายในเรือนจนเหลืออยู่เพียงไม่กี่เล่มที่ไกลเกินองศาของกลุ่มลมเมื่อครู่
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
และเมื่อเอนกายลง ปลายจมูกก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นหวานตลบของฝูหรงที่แทรกมาพร้อมไอชื้นจากเรือนร่างข้างกาย การมาเปลี่ยนสถานที่พักผ่อน และอยู่ร่วมกับสนมที่ตนค่อนข้างจะพึงใจนับว่าเป็นเรื่องที่น่าอภิรมย์ แต่การปรับตัวให้เคยชินกับกลิ่นอายเย้ายวนตามธรรมชาติของสตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. หญิงงาม
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก็ยังนับว่ากินแรงเขาไปมาก จริง ๆ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยามรุ่งสางมาเยือน สองชีวิตที่ครองยศแตกต่างกันล้วนตื่นมาใช้ชีวิตกันอย่างพร้อมเพรียง ในเช้านี้หลิวเช่อยังคงมีพระสนมเอกลู่เจาอี๋คอยปรนนิบัติสวมใส่เสื้อผ้าอย่างชำนาญ ต่อด้วยการเกล้าผมสวมกวานที่ยิ่งทำก็ยิ่งคล่องมือ
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ หลังถวายพระพร เจิ้นจะส่งคนมาหาเจ้า หากเขาบอกให้เจ้าตามไป ก็ตามไปแต่โดยดี ”</font> เพราะเกรงว่านางจะขวัญเสียต่อสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำต่อจากนี้ หลิวเช่อที่ปกติไม่คิดจะบอกกล่าวใครก่อนล่วงหน้ายังต้องออกปากด้วยตัวเอง
             <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์กำชับไว้เท่านี้และไม่บอกอะไรเพิ่มไปมากกว่านั้น ปล่อยให้นางสับสนมึนงง..กระทั่งถึงเวลาที่นางได้เผชิญหน้ากับ<b>คำเชิญ</b>ฉบับพิเศษด้วยตัวของนางเอง
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><font face="Sarabun"><font size="3">             <br><br>
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี<br>
ปรนนิบัติทุกค่ำคืน + 1 ปรนนิบัติ<br>
ปรนนิบัติช่วยสวมฉลองพระองค์ + 1 ปรนนิบัติ<br><br>

+15 EXP — ข่าวหมาป่าในอุทยานเม่าหลิน<br>
+10 EXP — การเสียชีวิตของเฮ่อถูเจี๋ยยวี่<br>
+15 EXP —ปีศาจปลาออกอาละวาดในรูปแบบที่แปลกออกไป<br>
+15 EXP — กลุ่มขงจื๊อปล่อยหนังสือเทศน์<br>
+15 EXP — ฝ่าบาททรงเสด็จประพาสนอกวังแบบเต็มยศร่วมกับลู่เจี๋ยยวี่<br>
+15 EXP — ฝ่าบาททรงมีลู่เจาอี๋เป็นคนโปรดอย่างแน่นอน<br><br>
[หินตีบวก x2 , และ มีไอตบะซึมเข้าไปในร่างคุณทำให้รู้สึกแข็งแกร่งขึ้น+10 ตบะ]
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

WeiBin โพสต์ 2024-9-7 02:28:53

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeiBin เมื่อ 2024-9-7 02:31

20 เดือน08 รัชศกเจี้ยนหยวนปีที่10 10:30
ในที่สุดตนก็เดินมาถึงยังตำหนักตงเฉินอีกครั้งที่นี่ยังเงียบสงบเหมือนเคย ต่อไปนี้ที่นี่คือที่ที่เขาอาจจะต้องอยู่ไปทั้งชีวิตชะตาชีวิตขึ้นหรือลงล้วนอยู่ในมือสตรีที่อยู่ภายในตำหนักแห่งนี้ เมื่อทอนลมหายใจเสร็จก็เดินเข้าข้างใน แต่ขณะนั้นก็ถูกสาวใช้หน้าประตูหยุดไว้ก่อน เพื่อให้ตนบอกจุดประสงค์ที่เข้ามาที่นี่“เจ้าช่วยไปทูลพระสนมหน่อยว่าข้าเสี่ยวเว่ยจื่อจากสำนักขันทีขอเข้าเฝ้าพระสนมทั้งยังได้รับคำสั่งให้เชิญราชโองการมา” สาวใช้เมื่อฟังจบก็ยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะรีบหายเข้าไปยังตัวตำหนัก

@LuBairan


“ข้าน้อยคาราวะพระสนม ข้าน้อยมาในครั้งนี้ด้วยเหตุผลสองอย่างก่อนอื่นขอพระสนมเตรียมตัวรับราชโองการก่อนเถิดเจ้ามะคะ” ตนกล่าวจบก็หยิบม้วนราชโองการออกมา กวาดสายตามองเมื่อเห็นพระสนมกับเหล่านางกำนัลพร้อมแล้วจึงเริ่มประกาศ “ด้วยโองการฟ้า!! ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาลู่เจาอี๋มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งสี่ศาสตร์ จิตใจเมตตาบริสุทธิ์และเปี่ยมด้วยคุณธรรม บัดนี้สมควรถึงคราวอันดีได้ฤกษ์ยามอันดี ประกาศราชโองการแต่งตั้งลู่เจาอี๋ขึ้นเป็นลู่ซูเฟย และพราชทานไหมแก้วแสงจันทร์สองพับ พร้อมด้วยแพระพรรณจันทร์หนาวสิบพับแก่พระชายา จบราชโองการ” เมื่อตนประกาศจบก็ยื่นฉบับนั้นให้อีกฝ่าย “ยังเหลืออีกหนึ่งราชโองการเจ้ามะคะ” เมื่อจบตนก็หยิบอีกม้วนออกมา “ด้วยโองการฟ้า ฝ่าบาททรงมีพระบัญชาเรียกตัวหลิวหรูเยี่ยนคืนสู่ฐานันดรพระราชธิดา หลังจากพลัดพลากตลอดหลายปีบัดนี้พระราชธิดาหลิวหรูเยี่ยน แสดงออกถึงความหลักแหลมรู้จักเอาตัวรอด ทั้งยังมีคุณธรรมเปี่ยมไปด้วยเมตตาตามพระมารดา จึงมีรับสั่งโปรดเกล้า แต่งตั้งหลิวหรูเยี่ยนเป็นกงจู่ พระราชทานทินนามว่า หลิงหยวน จบราชโองการ” ตนพูดจบก็รู้สึกได้ถึงคอที่แห้งสนิทตนรีบพยามกลืนนํ้าลาย แล้วส่งราชโองการให้อีกฝ่าย
https://i.imgur.com/998Aj61.png

https://i.imgur.com/sJwDaTb.png

@LuBairan


เมื่อเห็นเด็กน้อยที่พยามรับราชโองการด้วยความไม่ชินตนก็รู้สึกเอ็นดูหลังจากส่งมอบราชโองการเสร็จสิ้นแล้วตนก็ค่อยบอกถึงอีกเหตุผลที่มา“ยินดีกับพระชายาด้วยผ่านไปไม่นานก็ได้เลื่อนสูงขึ้นอีกความโปรดปรานนี้มองทั่วทั้งวังหลังคงมีแต่พระชายาที่ได้รับ อีกเรื่องคือฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้กระหม่อมมาเป็นขันทีประจำตำหนักคอยอยู่รับใช้พระชายากับองค์หญิง” ตนลงไปคุกเข่าคำนับ “ต่อไปหม่อมฉันเป็นบ่าวรับใช้พระชายาแล้ว ขอแค่พระชามีคำรับสั่งกระหม่อมก็พร้อมจะทำให้สำเร็จลุล่วงแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามขอพระชายาเมตตารับหม่อมฉันไว้ด้วยเถอะเจ้ามะคะ” พูดจบตนก็แนบสีรษะลงไปกับจรดพื้นรออีกฝ่ายตอบรับ

@LuBairan


“ขอบพระทัยพระชายาหม่อมฉันสัญญาจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ชายาเด็ดขาด ต่อไปนี้หากพระชายามีอะไรโปรดรับสั่งมาได้เลย” พูดจบก็ค่อยๆลุกขึ้นตอนนี้ก็สายมากแล้วหม่อมฉันไม่กล้ารบกวนพระชายาพักผ่อน เดี๋ยวหม่อมฉันจะขอเดินสำรวจตำหนักให้คุ้นชินเสียก่อนหากพระชายามีอะให้หม่อมฉันรับใช้ก็สามารถเรียกหากระหม่อมได้เลยเจ้ามะคะ”

@LuBairan

เมื่อมองไปที่นางกำนัลหลี่ที่พระชายาพูดถึง ตนก็เหทือนนึกออกที่แท้ก็คือสาวใช้ที่ตนพามาในครั้งที่แล้ว “ขอบพระพระชายาเจ้ามะคะ ถ้างั้นหม่อฉันขอตัวก่อนถ้าพระชายามีรับสั่งอะไรหม่อมฉันจะรีบมาเฝ้าทันที”พูดจบตนก็คำนับก่อนจะเริ่มเดินออกไปพร้อมนางกำนัลหลี่


LuBairan โพสต์ 2024-9-7 12:29:14


<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>พระชายาเอก</span></b><font face="Sarabun"><font size="2"><br>วันที่ 20 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
<br>เวลาสิบนาฬิกาสามสิบนาทีเป็นต้นไป</font></font></i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">ถัดจากเผชิญหน้าเซียวจื่อไท่โฮ่ว ก็ไม่นึกเลยว่าจะตามมาด้วยราชโองการ ลู่เจาอี๋ที่พำนักอยู่ด้านในตำหนักตงเฉินพร้อมด้วยเด็กน้อยอย่างหรูเยี่ยนเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากนางกำนัลประจำตำหนักต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความมึนงง หมายถึง.. คนหนึ่งมึนงงส่วนอีกคนลอบลำบากใจ
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เป็นท่านอีกแล้ว นับว่าเผอิญนัก ”</font> ครั้งสุดท้ายที่พบกันไป๋หรั่นจำได้ว่าอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นขันทีน้อยผู้เดิมที่เชิญพระราชโองการมาอย่างนอบน้อม แต่ครั้งนี้นอกจากเชิญพระราชโองการแล้ว ยังฝากคนมาบอกอีกว่าขอเข้าเฝ้า พระสนมเอกผู้เยื้องย่างออกจากสวนในของตำหนักระบายยิ้มบางพลางกล่าว <font color="#994D7B">“ มิทราบว่ามาเยือนครั้งนี้ด้วยเหตุผลอันใด ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อ่านจากโรลของ@WeiBin
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราชโองการนี้.. ถ้ามีคนรู้เข้าว่านางคาดไว้อยู่แล้ว คงไม่พ้นถูกครหาว่าฝันสูงอีกตามเคย ทีแรกไป๋หรั่นยังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่กับราชโองการอวยยศที่พานางไปยืนอยู่ในขั้นพระชายา.. ทั้งยังเป็นพระชายาลำดับสองที่นับว่าเป็นรองแค่หวงโฮ่ว รวมไปถึงกุ้ยเฟย ทว่าต่อมาก็พลันชะงักกึกเมื่อได้ยินว่ามีราชโองการอีกหนึ่งที่เหลืออยู่ ทั้งที่สองมือที่พึ่งจะรับราชโองการยังไม่ทันได้ลดลง
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อะไรนะ? ”</font> นางหลุดปากอย่างเสียกิริยา แต่วินาทีต่อมาก็ยังสามารถดึงตัวเองกลับมาได้อย่างทันท่วงที ทว่าราชโองการอีกฉบับนี้กลับไม่ได้กล่าวถึงนางโดยตรง แต่เป็นการกล่าวถึงผู้เข้ามาเป็นธิดาผูกรักสมัครใจระหว่างซูเฟยคนใหม่และจักรพรรดิฮั่นอู่
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เสี่ยวเยี่ยน.. ฉบับนี้เจ้ารับเถิด ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จะมีเด็กสักกี่คนที่ได้รับโอกาสนี้ หรูเยี่ยน.. หรือที่นับจากนี้สมควรเรียกว่าองค์หญิงหลิงหยวนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองคนรอบกาย ก่อนจะหยุดสายตาลงที่ร่างของผู้เป็นมารดาด้วยความสับสนว่าต้องทำอย่างไร
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ มาข้างหน้านี้แล้วคุกเข่ารับราชโองการกับ.. เหนียงชินเร็ว ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะตลอดมาไม่มีประสบการณ์ทั้งยังไม่มีใครสอนสั่งมาล่วงหน้า การกระทำแต่ละอย่างขององค์หญิงหลิงหยวนจึงเชื่องช้าไปบ้าง แต่ก็อาศัยระยะเวลาไม่นาน ในที่สุดร่างน้อยก็ขยับมาคุกเข่าเคียงข้างมารดา พร้อมกับลอกท่าทางของคนข้างกายในการยกสองมือขึ้นรับราชโองการ พลางค้อมกายลงกล่าวโดยพร้อมเพียงกัน
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ หม่อมฉันน้อมรับราชโองการ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อ่านจากโรลของ@WeiBin
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในระหว่างที่นางกำลังม้วนราชโองการในมือเก็บก็มีเรื่องให้ตะลึงเพิ่มอีกขั้นแล้ว
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อีกเหตุผลที่เขาใช้คำว่าขอเข้าเฝ้าเป็นเช่นนี้นี่เอง.. ไป๋หรั่นหลุบสายตาลงมองขันทีน้อยที่ทรุดกายลงคุกเข่าคำนับอยู่บนพื้นเงียบ ๆ พลางส่งราชโองการแต่งตั้งของตนเองไปไว้ในมือผู่เยว่ที่คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ <font color="#994D7B">“ เสี่ยวเว่ยจื่อลุกขึ้นเถิด ในเมื่อนับจากนี้ต้องคอยพึ่งพาอาศัยกัน ก็อย่าได้เกรงอกเกรงใจนักเลย ”</font> ซูเฟยผู้นี้มิใช่คนไร้เจ้ายศเจ้าอย่างที่ไร้เหตุผล
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มารยาทและความเกรงใจอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่การหารือโดยเท่าเทียมเพื่อสิ่งที่ดีกว่าก็นับว่าเป็นประโยชน์ด้วยเช่นกัน <font color="#994D7B">“ เป็นคนของเปิ่นกงนั้นไม่ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วยเช่นกัน.. ข้ารู้ดีว่าภายนอกมีข่าวคราวมากมายทั้งร้ายและดี ทว่าเมื่ออยู่ในตงเฉินนี้ ก็ทำใจให้สบายเสียเถิด ”</font>อ
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เปิ่นกงปกป้องคนของตนเองเสมอ ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ฉะนั้นจากนี้มีเรื่องใดก็อย่าได้กังวล เปิ่นกงจะช่วยเจ้าตราบเท่าที่เจ้าเป็นฝ่ายถูกต้อง ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อ่านจากโรลของ@WeiBin
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อืม.. ”</font> การให้เวลาอีกฝ่ายปรับตัวกับสถานที่ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะการจะทำความรู้จักให้คุ้นชินนั้นล้วนแต่สามารถพัฒนาเอาตอนอื่นได้อยู่แล้ว มือบางข้างหนึ่งวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของพระราชธิดาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการพลางกล่าวแนะนำอีกหนึ่งประโยค <font color="#994D7B">“ หากเจ้าจะชมตำหนัก .. เปิ่นกงอนุญาตให้ยืมตัวนางกำนัลหลี่ของเปิ่นกงไปเป็นผู้นำทาง อย่างไรเสียมีคนช่วยแนะนำย่อมดีกว่าเดินคนเดียว อีกอย่างถ้าจำไม่ผิดพวกเจ้าทั้งสองก็เคยเจอกันมาก่อนแล้ว? ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะในครั้งที่ฝ่าบาทพระราชทานนางกำนัลคนสนิทมาให้ ผู้ที่ถือราชโองการก็ยังเป็นขันทีน้อยผู้นี้ ไป๋หรั่นหยักยิ้มบางก่อนจะทิ้งท้ายประโยคสุดท้าย <font color="#994D7B">“ ตอนท้ายให้นางพาเจ้าไปยังเรือนพักก็แล้วกัน เป็นถึงขันทีประจำตำหนักของเปิ่นกง เจ้าก็ใช้เรือนเนี่ยนเจินประหนึ่งบ้านเสียเถิด ”</font>
                   <br><br><div align="center">
       <img width="350" src="https://i.imgur.com/998Aj61.png" border="0" alt=""> <img width="350" src="https://i.imgur.com/sJwDaTb.png" border="0" alt=""></div>

</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">                  <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<b> หลิว หรูเยี่ยน</b><br>
+5 ความสัมพันธ์ประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-9-7 18:55:24

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-9-7 19:53 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>แสดงความยินดี</span></b><font face="Sarabun"><font size="2"><br>วันที่ 22 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
<br>เวลาสิบนาฬิกาสามสิบนาทีเป็นต้นไป</i></font></font><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">หลังข่าวลือแพร่สะพัด ตลอดทั้งตำหนักตงเฉินก็วุ่นวายกับการต้อนรับแขกเหรือที่แวะมาร่วมแสดงความยินดี ไม่เว้นแม้แต่บิดามารดาที่ร่วมส่งของรับขวัญหลานสาวรวมไปถึงจดหมายแสดงที่ส่อแววภาคภูมิใจ … บัดนี้นอกจากนาง ฝ่าบาท และไท่โฮ่ว ก็คงมีแต่ท่านพ่อ ท่านแม่ รวมไปถึงชางหรงเกอที่ทราบอยู่แก่ใจว่าเรื่องราวไม่ได้เลวร้ายผิดประเวณีเช่นในข่าวลือ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D14C80">“ พระชายา หน้าตำหนักมีเหม่ยเหรินมาขอเข้าเฝ้าเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พระชายาผู้เลิศล้ำทั้งรูปโฉมกิริยาลดจดหมายแสดงความยินดีจากขุนนางท่านอื่น ๆ ในมือลง ตรงข้ามกับสายตาที่เคลื่อนขึ้นมองนางกำนัลที่เข้ามารายงาน <font color="#994D7B">“ เหม่ยเหริน? ”</font> จริงอยู่ที่นางจะปล่อยผ่านก็ยังได้ ทว่าคนรู้จักที่ครองยศเหม่ยเหรินก็เหมือนว่าจะยังมีอยู่ ฉะนั้นหากไม่ระบุตัวตนให้ชัดเจนแล้วนางจะเตรียมการต้อนรับให้เหมาะสมได้อย่างไร
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D14C80">“ เพคะ โอวหยางเหม่ยเหริน ซุนเหม่ยเหริน และเหมยเหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้าเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่คุ้นสักนาม.. หลังได้ฟังแซ่ของผู้มาขอเข้าพบ คนงามก็มีแววใคร่รู้พาดผ่านที่หว่างคิ้วโดยทันที สตรีฝ่ายในมีเกือบร้อย คนที่อยากเจอกลับไม่ได้เจอ ส่วนคนที่ไม่จำเป็นต้องเจอก็คล้ายว่าจะมีเรื่องให้เจออยู่ร่ำไป <font color="#994D7B">“ เปิ่นกงไม่เห็นจำได้ว่ามีการแจ้งล่วงหน้าว่าพวกนางต้องการเข้าพบ? ”</font> เศษเสี้ยวความเย็นเฉียบในแววตาหลอมละลายกลายมาเป็นรอยยิ้มเบาบาง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D14C80">“ ทั้งสาม.. ไม่ได้แจ้งมาก่อนจริง ๆ เพคะ ”</font> เหล่านางกำนัลในตำหนักตงเฉินที่รับใช้พระชายาอย่างใกล้ชิดมาตลอดหลายเดือนมีหรือจะไม่ทราบว่าพระนางเป็นคนเช่นไร หลายคนในตอนนี้ลอบมองหน้ากันและกันก่อนจะก้มลงสงบวาจา ลู่ซูเฟยเป็นนายหญิงที่ดี มีหลักการ ไม่เน้นพรรคเน้นพวก ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมแต่ก็ไว้ตัวให้น่านับถือจนเป็นที่รักใคร่ของข้ารับใช้ แต่สำหรับผู้อื่นต่อให้จะดูหัวอ่อนอย่างไร สำหรับคนในความเป็นจริงก็ไม่ใช่เช่นนั้นอยู่ดี
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เป็นโชคของพวกนาง ใต้เท้าเฉียนพึ่งส่งจดหมายมายกเลิกนัดหมายพอดี ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นับว่าเป็น<b>โชค</b>จริงหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ ไป๋หรั่นชำเลืองตามองเงาเคลื่อนไหวลาง ๆ จากภายในห้องที่มีผู่เยว่กำลังอบรมมารยาทในวังฉบับเบื้องต้นให้พระราชธิดาองค์ใหม่ <font color="#994D7B">“ ให้พวกนางมาพบเปิ่นกงที่เรือนใหญ่ ”</font> สาวงามในอาภรณ์หรูหราขยับกายหนึ่งคราก็กระจายรัศมีแพรวพราวไปทั่วบริเวณ แต่ละก้าวที่ย่ำไปแฝงไว้ด้วยความสงบเสงี่ยมแต่ก็ลึกล้ำเกินหยั่งถึง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผิดกับแขกผู้มาเยือนทั้งสามที่บางส่วนเผยความในใจออกมาผ่านสีหน้าและวาจาอย่างไม่นึกเกรงใจคนนำทางเลยแม้แต่น้อย <font color="#738323">“ ดูความอลังการของตำหนักตงเฉินนี่สิ ใครบอกว่ามันอยู่ไกลก็คงไม่ได้รับการดูแลอะไรมากมาย นี่มันแทบจะเกณฑ์คนทั้งวังมาดูแลแล้วกระมัง ”</font> ที่กล่าวเสียงแหลมทั้งยังมีสายตาระยิบระยับอย่างกระหายอยากในความเจริญก้าวหน้าคือ<b>ซุนฉวีหนี่ว์</b> และที่มีแววรำคาญใจในตัวสหายแต่ก็อดไม่ได้ที่จะคล้อยตามไปกับความเห็นของอีกฝ่ายย่อมเป็น<b>โอวหยางจื่อฮวา</b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#832323">“ เป็นถึงตำหนักของพระชายาที่ฝ่าบาทโปรดปราน.. จะเรียบง่ายธรรมดาอย่างที่คนเขาว่าได้จริงเสียที่ไหน ”</font> ผู้ที่เก็บงำประกายความคิดได้อย่างเรียบเนียนเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มเหม่ยเหรินย่อมเป็น<b>เหมยไป๋ฉี</b>ที่ติดตามสหายมาเพียงเพราะต้องการอยากพบหน้าโฉมสะคราญราวนางฟ้าในคำบอกเล่าที่ใครต่อใครต่างก็ยกขึ้นเยินยอดูสักครั้ง แต่ใครจะไปนึกว่าที่ตำหนักไกลปืนเที่ยงที่หลายคนครหาว่าบ้านนอกนี้จะแฝงบรรยากาศหรูหราร้ายกาจไว้ได้อย่างแนบเนียน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#738323">“ เฮ้อ วาสนานี้ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ นางเข้าวังพร้อมพวกเรา แต่ดูสิ บัดนี้เป็นถึงซูเฟยแล้ว ขนาดเว่ยเจียเสียนอี๋ที่ว่าเลื่อนขั้นว่องไวนักยังตามนางอยู่ตั้งหลายก้าว ”</font> หากพระชายาเจ้าตำหนักตงเฉินขึ้นเป็นเสียนเฟยก่อนก็คงไม่แตกตื่นกันเท่านี้ .. ทว่านางเล่นกระโดดจากฉือผินขึ้นซูเฟยในพริบตา ข้ามทั้งเสียนเฟย เต๋อเฟย จนได้ขึ้นเป็นผู้ครองอำนาจอันดับสาม ถ้านับเฉพาะยศของภริยาในองค์จักรพรรดิ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#C7D14C">“ อะแฮ่ม เหม่ยเหรินทั้งสามขอเข้าเฝ้าเพคะพระชายา ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b><font color="#44A094">“ ให้ทั้งสามเข้าพบได้ !! ”</font></b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยามเมื่อเสียงอนุญาตประตูไม้ก็เปิดออกเผยให้เห็นโถงรับรองส่วนกลางสำหรับแขก ที่ปลายสุดทางยังมีเงานงคราญนั่งคลึงจอกชากระเบื้องขาวในมืออย่างเงียบงัน เหม่ยเหรินทั้งสามพากันสูดหายใจเฮือกใหญ่ และค่อย ๆ ปั้นหน้าประดับรอยยิ้มเช่นหญิงของฝ่ายในในยามที่ก้าวเข้าไป
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#000000">“ ถวายบังคมลู่ซูเฟยเพคะ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงประสานทั้งสามสายของหมู่สตรีดังขึ้นพร้อมกายที่ยอบลงคารวะตามธรรมเนียมพอให้ไป๋หรั่นมีเวลาได้พิจารณาดูทั้งสามผู้มาเยือนอย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม <font color="#994D7B">“ ไม่ต้องมากพิธี ”</font>มือขาวเนียนของสาวงามปัดไปมาช้า ๆ ดูเหมือนไม่นึกเข้มงวดในธรรมเนียมปฏิบัติ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อได้รับการอนุญาตให้เงยหน้าขึ้น ทั้งสามชีวิตก็ค่อย ๆ ขยับแช่มช้าเพื่อชำเลืองตาขึ้นพิศโฉมคนงาม ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสามคือสะคราญโฉม ผู้พิลาสหวานล้ำเช่นนางอัปสรจริงอย่างที่คนเขากล่าวขาน ด้วยเอกลักษณ์จากใบหน้าเล็กเรียวที่ทำให้โดดเด่นตรึงสายตา ยังไม่รวมเรือนกายคล้ายรูปสลักที่ถูกปั้นแต่งมาอย่างดีภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศชวนให้คนตะลึงงันอยู่กับที่ในแว่บแรกที่มองเห็น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ รับชา.. สักจอกก่อนดีหรือไม่? ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนงามถามไถ่อย่างเป็นกันเองช่วยปลุกให้เหม่ยเหรินทั้งสามนางตื่นจากภวังค์ความคิดที่แตกต่างกันออกไป ที่ดึงตนเองกลับมาได้คนแรก ถึงขนาดสามารถตอบรับอย่างทันท่วงทีก่อนที่นงคราญจะสั่งการนั้นคือเหมยเหม่ยเหริน เหมยไป๋ฉีที่ยิ้มฝืด ๆ ออกมาโดยไม่รู้สาเหตุ <font color="#832323">“ พวกหม่อมฉันมาแสดงความยินดีเล็กน้อย ไม่ขอรบกวนเวลาของพระชายานานนักดีกว่าเพคะ ”</font> จะมีสตรีใดที่สามารถรับมือกับความงามนี้ในระยะประชิดได้โดยไม่เตรียมใจมาก่อน ใครจะทำได้ก็ปล่อยให้เขาทำไป แต่สำหรับพวกนางทั้งสามที่พึ่งจะเคยได้พบอีกฝ่ายคงได้แต่ยอมรับสภาพว่ารับไม่ได้ทนไม่ไหวจริง ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เช่นนี้นี่เอง.. น้ำใจของทั้งสามทำให้เปิ่นกงซาบซึ้งนัก ”</font> ไป๋หรั่นพยักหน้าเล็กน้อย พลางสำรวจดูโฉมหน้าของแต่ละนาง คนหนึ่งงามฉูดฉาด คนหนึ่งงามสงบเงียบ อีกคนงามเรียบง่าย.. ไม่เลวเลยถ้าเทียบกับสารพัดหญิงที่เคยพบภายในวัง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#235783">“ อะแฮ่ม อย่างที่เหมยเหม่ยเหรินกล่าว พวกหม่อมฉันมาเพื่อแสดงความยินดีและมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อยให้กับพระชายาเพคะ ”</font> จื่อฮวาที่ตามไป๋ฉีมาติด ๆ กระแอมเบา ๆ เรียกสติสหายคนสุดท้ายให้กลับมาเป็นอย่างเก่า พลางหยิบสุราไผ่เขียวทั้งสามไหออกมาวางบนถาดที่นางกำนัลของตำหนักถือมารอรับอยู่ก่อนแล้ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#738323">“ พ พวกหม่อมฉันมีของติดตัวมาไม่มากคาดว่าสุราไผ่เขียวที่มีกันคนละไหนี้อาจทำประโยชน์ให้พระชายาได้จึงนัดกันนำมาถวายเพคะ ”</font> คนที่บอกเล่าสาเหตุการมาครั้งนี้คือซุนฉวีหนี่ว์ที่ก้มหน้าลงกล่าวทั้งที่ใจเต้นระส่ำยากอธิบาย จะว่าอิจฉาก็ไม่ใช่ ชิงชังก็ไม่ถูก.. ดวงใจที่บีบรัดอยู่นี้คงมิใช่ว่าหวั่นไหวเข้าให้แล้ว?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ สุราทั้งสามไหนี้จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน พวกเจ้าวางใจ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#000000">“ ถ้าเช่นนั้นพวกหม่อมฉันขอทูลลา ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหม่ยเหรินทั้งสามกล่าวโดยพร้อมเพรียงพลางโค้งหลังลงขอลาตามคำพูด แน่นอนว่าไป๋หรั่นก็ไม่มีเหตุผลให้รั้งคนไว้ พระราชเทวีพยักหน้าเล็กน้อย และปล่อยให้ผู้ครองยศสาวงามทั้งสามหันหลังเดินออกไป โดยที่คนเหล่านั้นไม่ตระหนักเลยแม้แต่น้อยว่าโถงรับรองขนาดมีเพียงแค่นี้ ต่อให้กล่าวอะไรเสียงเบาก็ยังได้ยินอย่างทั่วถึงกันอยู่ดี
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#832323">“ ที่แท้วาสนาคนเราสู้กันไม่ได้.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#235783">“ อย่าพูดเหลวไหลนะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#832323">“ ท่านดูสิ ยามนี้ในวังจะยังมีผู้ใดที่มีโอกาสได้มากเท่าลู่เหนียงเหนี่ยงที่ได้พบฝ่าบาทครั้งยังเป็นไท่จื่อ ”</font> เรื่องนี้ต่อให้ไม่อยากยอมรับก็ยากปฏิเสธ นอกจากพบหน้าก่อนแต่งแล้ว ยังผูกใจรักใคร่จนมีโซ่ทองคล้องใจออกมาถึงหนึ่งคน แล้วจะไม่ให้คนนึกเชื่อในวาสนารักปานลำนำเล่าขานได้อย่างไร
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#738323">“ ยามนั้นทั้งคู่ยังเยาว์ ฝ่าบาทก็พึ่งก้าวเข้าสู่ช่วงแตกเนื้อหนุ่ม.. ได้พบเจอหญิงงามเช่นลู่เหนียงเหนี่ยงจะทนปฏิเสธไหวได้อย่างไร ”</font> แม้แต่ซุนเหม่ยเหรินที่เงียบมานานยังพลั้งปากพูดความเห็นออกมาอย่างไม่ทันระวัง ส่วนนี้ก็ยิ่งทำให้สหายอีกคนที่เม้มปากแน่นมาพักใหญ่อดไม่ได้ที่จะเปรยเบา ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#235783">“ พวกเจ้าสองคนกล่าวเกินไปแล้ว ความรักไหนเลยจะเลือกเวลา.. ที่แท้สาเหตุที่ฝ่าบาททรงช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลู่เหนียงเหนี่ยงในคดีเย่เหม่ยเหรินคราวก่อน ล้วนเป็นเพราะมิอยากให้คนรักต้องโทษถึงแก่ชีวิต ”</font> ความคิดของคนไหลเร็วราวสายน้ำ พริบตาเดียวจากข่าวลือไร้มูลก็กลายมาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเช่นในคราวนี้ <b><font color="#235783">“ รสชาติหวานล้ำของรักแท้ไร้ขอบเขตนี้.. ข้าเองก็อยากให้มันเป็นข้าบ้างเช่นกัน ”</font></b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สิ้นประโยคนี้ทั้งสามก็ได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ มาจากนางกำนัลที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ฉับพลันทั้งหมดก็ได้สติขึ้นในทันทีว่าบัดนี้พวกนางยังไม่ทันได้ก้าวข้ามธรณีประตูโถงเลยด้วยซ้ำ เหมยไป๋ฉีที่ตระหนักได้รีบหันหลังกลับไปทางพระราชเทวีที่หยักยิ้มอ่อนเสมือนไม่ทันรู้เกี่ยวกับบทสนทนาของคนห่างไกลจนทำให้คนหันมองถึงกับชะงัก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋ฉีชั่งใจเล็กน้อย.. มันยากที่จะแยกแยะระหว่างไม่ได้ยินจึงยังยิ้มได้ หรือเพราะได้ยินแล้วแต่ทำเป็นไม่ได้ยินถึงได้ยิ้มอยู่อย่างเดิม แน่นอนว่าในความเสี่ยงนี้จะขยับตัวอย่างไร้ก็ลำบากไปเสียหมด เหมยเหม่ยเหรินที่สูดหายใจเข้าและทำเป็นใจดีสู้เสือตัดสินใจทำเป็นโยนหินถามทาง <font color="#832323">“ ขออภัยเพคะพระชายา พวกหม่อมฉันไม่สงวนวาจา เผอิญนึกเป็นว่าได้ก้าวออกจากตำหนักแล้ว ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถ้าอย่างนั้นนี่คือบทสนทนานอกตำหนักของพวกเจ้า ?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ หืม? เหตุใดจึงต้องขอโทษเล่า.. เปิ่นกงไม่ทันได้ฟัง พวกเจ้ากล่าวอันใดกัน? ”</font> นงคราญหยกเอียงใบหน้าเล็กน้อยพร้อมด้วยแววตาที่ฉายความใคร่รู้ที่นับว่าเป็นสัญญาณอันดีของเหม่ยเหรินทั้งสามราวกับว่ากระแสความคิดที่ไหลผ่านเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีอยู่จริง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#832323">“ ไม่มีอันใดเพคะ ไม่มี.. ”</font> แม้จะพูดได้ยากแต่ก็ยังพูดออกมาแล้ว เหมยไป๋ฉีลอบช้อนสายตาขึ้นมองอากัปกิริยาของคนงามที่ไม่เปลี่ยนเลยสักนิดด้วยความตะหงิดใจที่ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากหันหลังเดินออกไปอีกครั้ง ทิ้งผู้ครองตำหนักไว้ให้ค่อย ๆ ลดรอยยิ้มบนหน้าลง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#C5AEEC">“ เอ๋อเหนียง ”</font> เสียงเล็ก ๆ ของเด็กสาวดังขึ้นหลังฉากกั้นที่บังทางเชื่อมระหว่างเรือนในกับเรือนรับรอง และแน่นอนว่าเมื่อกล่าวถึงเด็กสาวภายในตงเฉินจะยังมีใครไปได้อีกหากไม่ใช่ <b>‘ พระราชธิดา • หลิวหรูเยี่ยน ’</b> ที่กำลังโด่งดังในเวลานี้
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เรียนเสร็จแล้วหรือเจ้าตัวเล็ก? ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#C5AEEC">“ อือ ! ”</font> ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าบัดนี้ความสดใสเพียงหนึ่งเดียวของตำหนักตงเฉินจะเป็นใครไปได้อีกหากไม่ใช่หลิงหยวนกงจู่วัยหกขวบที่ได้รับความนิยมจากเหล่านางกำนัลรวมไปถึงขันทีประจำตำหนัก ถัดจากร่างบางเล็กจ้อยก็เป็นนางกำนัลคนสนิทของผู้ครองตำหนักอย่างหลี่ผู่เยว่ที่รับบทอาจารย์ชั่วคราวในเวลาที่ไป๋หรั่นไม่ว่างสอนสั่งดูแล
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“ พระชายา.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงที่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยของผู่เยว่เบาบางจนแทบเลือนหายไปกับอากาศ ทว่ามันกลับเด่นชัดในโสตประสาทของหญิงงามที่โน้มลงเปิดฝากล่องสำรับกลางวันของเด็กสาวตัวน้อย <font color="#994D7B">“ เสี่ยวเยี่ยน วันนี้ลองทานโค่วโร่วดูสักชาม จริงสิ เหนียงชินจำได้ว่าเจ้าชอบรสของหวงซานเหมาเฟิง วันนี้เตรียมมาให้ก็ค่อย ๆ ทาน อย่าปล่อยให้ชาร้อนลวกลิ้นอีก เข้าใจหรือไม่? ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายว่าไม่ใส่ใจ แต่ใครเล่าจะรู้เนื้อแท้ด้านใน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รสชาติหวานล้ำของรักแท้ไร้ขอบเขตอะไร.. มีก็แต่รสเปรี้ยวฝาดจากความใกล้ชิดที่อันตรายขึ้นทุกวินาที
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">.
                <br><p style="text-indent: 2.5em;">.
                <br><p style="text-indent: 2.5em;">.
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">ถัดมาได้ไม่นาน ..
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D17A4C">“ ลู่ซูเฟย .. มีคำเชิญจากไท่โฮ่วให้ไปร่วมลิ้มลองน้ำผึ้งจากชนเผ่าหมินเยี่ยที่ส่งมาบรรณาการจากทางใต้ในช่วงบ่าย โดยพระนางมีความต้องการให้เหนียงเหนี่ยงพาองค์หญิงเสด็จไปพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ ” </font>ผู้มาส่งคำเชิญโค้งกายลงอย่างอ่อนน้อม ชวนให้ผู้ครองตำหนักตงเฉินได้แต่ลอบระบายลมหายใจออกอย่างช้า ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">“ เปิ่นกงทราบแล้ว กลับไปแจ้งไท่โฮ่วเถิดว่าเปิ่นกงจะรีบตามไปให้เร็วเท่าที่ทำได้ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">เพราะไม่ว่าใครก็รู้ถึงความวุ่นวายของเหล่าสนมหลังได้รับการแต่งตั้งขึ้นตำแหน่งใหม่ ของขวัญรวมไปถึงจดหมายแสดงความยินดีมากมายหลั่งไหลมาเป็นสาย แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น.. ริมฝีปากบางเหยียดออกเป็นรอยยิ้มจนใจ คำเชิญของแม่สามี ใครกล้าปฏิเสธก็ทำไปเถอะ หนึ่งในนั้นไม่ใช่นางแน่นอน

</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">               <font face="Sarabun"><font size="3"><br><br>
<b> หลิว หรูเยี่ยน</b><br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br>
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง และ +10 ชาเกรดม่วง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากอาหารประเภทอาหารปรุง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากชาประเภทชงชา<br>
+15 โบนัสความสัมพันธ์จากโดดเด่นมีเอกลักษณ์

</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-9-8 15:21:37

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-9-8 15:22 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>อับจนหนทาง</span></b><font face="Sarabun"><font size="2"><br>วันที่ 22 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
<br>เวลาสิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาทีเป็นต้นไป</font></font>
</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">เมื่อเตรียมตัวจนพร้อมสรรพ แทนที่นางจะได้พาองค์หญิงน้อยก้าวออกจากตำหนักอย่างที่คิดกลับต้องมาดูหน้าอีกหนึ่งผู้มาเยือน.. นึกไม่ถึงเลยว่าช่วงนี้ตงเฉินจะเป็นที่นิยมมากถึงขนาดนี้ ไป๋หรั่นนั่งอยู่บนตั่งปลายโถงตัวเดิมพร้อมหลุบตามองร่างอ้อนแอ้นที่ทรุดลงร้องไห้กระซิก ๆ อยู่แทบเท้า
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผีสางนางไม้ตัวใดดลใจให้กงซุนเหม่ยเหรินที่แสนเลื่องลือแบกหน้ามาพบนาง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D50000">“ ฮื่ออออออออออ ฮึก ฟื้ดด ฮืออออออออออ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คิ้วเรียวของสาวงามผู้ครองตำหนักค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันทีละน้อยตามเสียงสะอึกสะอื้นที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา ปลายนิ้วเนียนดั่งหยกเคาะกับราววางแขนบนตั่งช้า ๆ อย่างพิจารณา <font color="#994D7B">“ กงซุนเหม่ยเหริน..บัดนี้แม้แต่บึงในตำหนักตงเฉินก็ไม่กว้างพอรองรับน้ำตาของท่านแล้ว มีเรื่องใดอยากกล่าวก็ว่ามาเถอะ ”</font> นับว่าไป๋หรั่นมีเมตตาไม่น้อยสำหรับคนที่อยู่ ๆ ก็มาขอเข้าเฝ้าแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลนองทั่วพื้นพาลทำให้ทั้งตำหนักที่ควรเคล้าด้วยกลิ่นอายมงคลกลายมาเป็นโศกเศร้าอยู่พักใหญ่
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D50000">“ ฮ ฮึก พระชายา หม่อมฉันไร้ที่พึ่งแล้วเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยในระหว่างที่คิดว่าบัดนี้ธิดากงซุนโหวตั้งมั่นมาหานางแค่เพียงบอกว่าไร้ที่พึ่งแล้ว? ไม่มีทาง หลังจากครุ่นคิดได้พักหนึ่ง ริมฝีปากบางที่เคยปิดสนิทก็เปิดออกระบายลมหายใจ <font color="#994D7B">“ จะไร้ที่พึ่งได้อย่างไร กงซุนโหวก็ยังร่างกายแข็งแรง กงซุนเหม่ยเหรินกล่าวเช่นนี้เกรงว่าไม่ถูกต้อง ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D50000">“ ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ.. อึก หม่อมฉัน หลังจากเรื่องวันนั้น.. ฝ่าบาท ฝ่าบาทก็ไม่เหลียวแลหม่อมฉันอีกเลย ”</font> ถ้อยคำตัดพ้อที่ถูกรีดเค้นออกมาจากความเศร้าโศกาสุดขั้วหัวใจพร้อมเงยหน้าขึ้นเผยดวงตาบวมเป่งจากการร้องไห้ทำให้ลมหายใจของผู้เฝ้ามองชะงักไปเล็กน้อย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทั่วทั้งวังหลวงนี้มีใครบ้างที่จะไม่ทราบถึงวีรกรรมลือกระฉ่อนของกงซุนเหม่ยเหรินที่เผอิญผ่านสายพระเนตรของโอรสสวรรค์ หากจำไม่ผิด.. คู่กรณีของนางคือซ่างกวนเหม่ยเหรินที่หลังจากพบเหตุการณ์นั้นก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นนางสนองพระโอษฐ์ประจำตำหนักเว่ยหยาง สร้างความอิจฉาแก่หมู่คนเป็นจำนวนมากโดยที่เด็กสาวผู้นั้นไม่ทันได้ทราบเลยแม้แต่นิด
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ กงซุนเหม่ยเหรินมาพบเปิ่นกงเช่นนี้คงมิใช่มองว่าเปิ่นกงจะสามารถโน้มน้าวฝ่าบาท.. ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่จำเป็นต้องพูดจนจบประโยคหรือรอฟังคำตอบที่ลอดผ่านริมฝีปากสีแดงสดของธิดาโหวผู้เย่อหยิ่ง ใบหน้าที่ซูบเซียวเพราะช้ำรักก็บอกทุกความต้องการออกมาประหนึ่งหน้ากระดาษที่แผ่ออก การตอบสนองของพระชายาเพียงหนึ่งเดียวดูไม่ปลอดภัยนักในยามนี้ราวกับว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะออกปากปฏิเสธ ฉะนั้นต่อให้จะเสียมารยาท แต่เมื่อริมฝีปากของสาวงามเปิดออกคล้ายจะเอื้อนเอ่ย เป่าหลินที่อับจนหนทางก็รีบคลานเข่าขยับขึ้นหน้าพร้อมกล่าวอย่างฟูมฟาย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D50000">“ หม่อมฉันทราบว่ามันเป็นคำขอที่เกินตัว ของที่หม่อมฉันนำมามอบให้ครั้งนี้ไม่มีค่าพอให้พระชายาออกตัวช่วยเสียด้วยซ้ำ ทว่า .. ทว่าหม่อมฉันไม่รู้จะพึ่งใครแล้วเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว หม่อมฉันยินดีอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ขอเพียงฝ่าบาทหันกลับมาสนใจหม่อมฉันบ้างสักนิด หรืออย่างน้อย ไม่ให้คนตีกลับสำรับที่หม่อมฉันส่งขึ้นถวาย ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เป็นวิธีการ.. ที่โหดเหี้ยมนัก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หนทางดีที่สุดของการแก้ปัญหาเมื่อครั้งนั้นคือขับนางออกจากวังมิใช่ปล่อยให้อยู่กับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าอาจได้รับการอภัย ไป๋หรั่นเคยคาดไว้แล้วว่าคนที่เคยเชื่อมั่นในกำลังของตนเองอย่างอีกฝ่ายจะต้องตกมาอยู่ในสภาพน่าเวทนาในสักวัน คล้ายกับผู้กระหายน้ำกลางทะเลทรายที่สามารถทำทุกสิ่งเพื่อให้ตนได้รับน้ำมาประทังชีวิต
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เรื่องนี้เปิ่นกงช่วยเจ้าไม่ได้ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b><font color="#D50000">“ พระชายา ! หม่อมฉันขอร้องเพคะ แค่ช่วยพูดกับฝ่าบาทสักครั้ง ”</font></b> เป่าหลินอับจนหนทางแล้วจริง ๆ เมื่อได้ยินว่าแม้แต่คนที่มีน้ำหนักในพระทัยของฝ่าบาทมากที่สุดก็ยังออกปากปฏิเสธนางแทบคว้าทุกสิ่งที่ตัวเองมีออกมาประเคนลงแทบเท้า <font color="#D50000">“ จะให้หม่อมฉันเป็นวัวเป็นม้าของพระชายาหม่อมฉันก็ยินยอม หม่อมฉันยินดีช่วยเหลือพระชายาทุกอย่าง ขอเพียงพระชายาเมตตาสักครั้ง ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กงซุนเหม่ยเหรินรีบโขกศีรษะลงกับพื้นสร้างความตกอกตกใจให้กับนางกำนัลที่กระจายกันยืนภายในโถงถึงความกล้าบ้าบิ่น ไม่เว้นแม้แต่พระชายาหยกขาวที่ผุดกายขึ้นจากตั่งนั่งอย่างรวดเร็ว ประจวบเหมาะกับเป่าหลินที่เมื่อพึ่งนึกได้ว่าตนยังสามารถทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายจึงเงยหน้าขึ้นกล่าวเสียงดัง <font color="#D50000">“ หากพระชายาต้องการกำจัดผู้ใด หม่อมฉันยินดีกระทำให้โดยไม่บิดพลิ้ว ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เหม่ยเหรินลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าวันแรกที่เปิ่นกงเข้าวังมาต้องพบสิ่งใด ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใบหน้าของกงซุนเป่าหลินซีดขาวโดยทันที ครั้งหนึ่งพระชายาแซ่ลู่ก็เคยถูกเอาเปรียบ ทั้งยังเคยถูกใส่ร้ายอย่างไม่น่าให้อภัยแล้วจะให้สตรีที่มีบรรยากาศผุดผาดไร้ราคีมีใจคิดอยากทำเช่นนั้นกับผู้อื่นได้อย่างไร เมื่อรู้ว่าตัวเองเดินหมากผิดทาง ทุกเสี้ยวความอดทนที่มีก็มลายหายกลายเป็นการอ้อนวอนอย่างขาดสติเสียแทน <font color="#D50000">“ หม่อมฉัน หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะพระชายา หม่อมฉันสำนึกแล้ว หม่อมฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไปกันใหญ่แล้ว ทั้งหมดนี้วุ่นวายเกินไปแล้ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยิ่งได้ยินเสียงโขกศีรษะลงกับพื้นมากเท่าใด นงคราญหยกก็ยิ่งมีริ้วความลำบากใจอยู่บนใบหน้ามากเท่านั้น <font color="#D50000">“ หรือ.. หรือหากพระชายาต้องการอำนาจในมือ ตระกูลกงซุน ใช่แล้ว บิดาของหม่อมฉัน หม่อมฉันพร้อมช่วยบอกบิดาให้สนับสนุนท่าน ได้โปรดเถิดเพคะพระชายา ”</font> เมื่อใดที่กงซุนเป่าหลินคิดวิธีใหม่ได้ทั้งหมดนั้นก็จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างแตกตื่นเคล้าเสียงร่ำไห้สลับกับการโขกศีรษะชวนให้คนรอบด้านหดหู่ใจ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แต่ที่หนักหนาที่สุด..
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b><font color="#994D7B">“ กงซุนเป่าหลิน ! ”</font></b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
น้ำเสียงไม่ดังไม่เบาดังขึ้นในระยะที่ห่างกันนักพร้อมด้วยสองไหล่ที่ถูกมือขาวรั้งไว้ไม่ให้กดศีรษะลงกระแทกพื้นอีก ธิดาโหวร้องไห้จนตัวโยก นางค่อย ๆ เงยหน้าที่เปี่ยมไปด้วยน้ำตาขึ้นมองผู้ห้ามปราม <b><font color="#D50000">“ ฮึก พระชายา ”</font></b> แม้ไม่อาจทราบได้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงละครบทหนึ่งหรือความปรารถนาจากใจจริงที่ต้องการใครสักคนมาช่วยเหลือ ทว่าไป๋หรั่นก็ยังเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจออกไปด้วยสายตาเจ็บปวดไม่แพ้กัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ แลกทุกสิ่งที่เจ้ามีกับความโปรดปราน ทั้งหมดนี้คุ้มค่าจริงหรือ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#D50000">“ คุ้มสิเพคะ.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b><font color="#D50000">“ หม่อมฉันรักฝ่าบาท .. ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ล้วนคุ้มค่าทั้งนั้น ”</font></b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะแค่<b>รัก</b>คำเดียวทำให้สตรีล้วนโง่เขลา               <br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะแค่<b>รัก</b>คำเดียวทำให้สามารถแลกทุกสิ่งอย่าง               <br><p style="text-indent: 2.5em;">
และเพียงเพราะ<b>รัก</b>คำเดียวเช่นกัน.. <b>ที่ทำลายชีวิตได้ทั้งชีวิต</b>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">               <font face="Sarabun"><font size="3"><br><br>รับรางวัลอีเว้นท์ - สุรานารีแดง 1 เป็ดเป่ยผิง 1 และ แพรจันทร์หนาว 1 พับ
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

WeiBin โพสต์ 2024-9-9 19:33:36

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeiBin เมื่อ 2024-9-9 19:41

วันที่ 09 เดือน 09 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 1010:30

static/image/hrline/li7.gif

เช้าวันนี้ตนเดินดูความเรียบร้อยของตำหนัก ก็มีหญิงสาวเดินตามตนมาจากข้างหลังแล้วเรียกตนไว้

"เว่ยกงกงหยุดก่อน"

ตนจึงหยุดแล้วหันหลังกลับไปก็พบว่าคนที่เรียกตนเมื่อครู่คือหลี่ผู่เยว่นางกำนัลคนสนิทของพระชายา

"พี่สาวหลี่เรียกกันเกินไปเรียกข้าว่าเสี่ยวเว่ยจื่อก็พอแล้ว ไม่ทราบพี่หลี่มีอะไรหรือป่าว"

หลี่ผู่เยว่กวาดสายตามองรอบๆก่อนจะพาตนไปส่วน สวนดอกไม้ที่ไม่มีคน

"ที่นี่ไม่มีใครแล้วไม่ทราบพระชายามีคำสั่งอะไรให้ข้าไปทำ"

นางเห็นว่าตนรู้ทันจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย

"เสี่ยวเว่ยจื่อสมแล้วที่เป็นขันทีที่จางกงกงสนับสนุนเจ้าฉลาดไม่เบา เอาล่ะพระชายาต้องการรู้ความเป็นมาของของเหมยเหม่ยเหริน แล้วไปสืบดูซิว่าช่วงนี้กงซุนเหม่ยเหรินต้องการทำอะไร"

ตนยังเก็บสีหน้าของตัวเองไว้อยู่แต่ในใจกลับคิดทบทวนไปมา พึ่งเข้ามาได้ไม่นานก็ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องในวังหลังแล้ว แต่ไม่เป็นไรเมื่อมีโอกาสได้ทำงานก้ควรคว้าเอาไว้ แล้วการที่พระชายามอบคำสั่งนี้ให้ตนแปลว่านางต้องเชื่อใจตนในระดับนึง

"ข้าน้อยทราบแล้ว ฝากพี่หลี่ไปแจ้งพระชายาด้วยว่าข้าน้อยจะไม่ทำให้ผิดหวัง"

หลี่ผู่เยว่พลักหน้า ก่อนจะเดินออกไปอีกทางนึงของสวนส่วนตนก็ออกทางหลักทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

static/image/hrline/li7.gif



LuBairan โพสต์ 2024-9-9 21:15:02

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-9-9 21:16 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ค่ำคืนสุขสงบ</span></b><font face="Sarabun"><font size="2">
<br>วันที่ 23 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
<br>เวลายี่สิบสองนาฬิกาเป็นต้นไป
</font></font></i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">เพื่อช่วยขับกล่อมห้วงนิทราของนงเยาว์น้อยที่ปิดเปลือกตาลงหลับไหล พระชายาหยกขาวผู้เป็นมารดาสละเวลาพักผ่อนของตนเองมาปรุงกำยานกลิ่นหอมรัญจวนจิตของหมู่ดอกไม้บดเป็นผงที่ผสมกับยางไม้บางชนิดจนร่วนติดกลิ่นหอมได้ที่ ไป๋หรั่นขยับมือไปมาเพื่อดับก้านธูปในมือก่อนจะหยิบฝามาครอบปิดปากเตากำยานอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเจ้าของเสียงลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะแสนสงบ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เนตรหงส์หลุบลงมองร่างเล็กบนเตียงก่อนจะชำเลืองตาไปเห็นแผ่นกระดาษที่มีตักอักษรยึกยือคล้ายการดีดดิ้นของหนอนเปื้อนหมึกที่เขียนออกมาเป็นนามของสถานที่ต่าง ๆ ที่นางพาหรูเยี่ยนไปเยือนพร้อมเขียนชื่อกำกับผู้คัดเอาไว้อย่างรู้งาน เพราะหรูเยี่ยนมีพื้นเพเป็นชาวอู๋เว่ย แม้จะสามารถพูดฟังภาษาต้าฮั่นได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชำนาญ โชคดีที่เด็กน้อยไม่ติดสำเนียงนอกด่านมาทำให้ข้ออ้างว่าเป็นธิดาลับ ๆ ยังพอฟังขึ้นแต่ก็ยังมีข้อบกพร่องด้านการเขียนอ่าน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เห็นแก่ความพยายามของเด็กน้อยที่ไร้แบบอย่าง..
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงขูดกันของจานฝนและแท่งหมึกดังขึ้นในระดับที่ไม่ดังไม่เบาเป็นจังหวะเชื่องช้าคล้ายฝนพรำยามค่ำคืน หลังการเติมหมึกในปริมาณที่พอดีใช้ นงคราญหยกก็เปลี่ยนมือจากการถือแท่งหมึกมาเป็นพู่กันจิ้งจอกราคาแพงลิบ โฉมสะคราญจมลงสู่ห้วงสมาธิครั้นเมื่อคัดอักษร รูปขีดเส้นร่างแต่ละสายที่จรดลงบนกระดาษก่อให้เกิดอักษรลี่ซูแสนงามที่ชดช้อยประหนึ่งงูเหินขยับอย่างพริ้วไหว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อุทยาน <font face="Sarabun">(春和景明花园)..</font> เว่ยหยาง <font face="Sarabun">(威阳)..</font> ตำหนักตงเฉิน <font face="Sarabun">(冬晨宫)..</font><br>
<p style="text-indent: 2.5em;">ซวิ่นเยว่ <font face="Sarabun">(巽月)..</font> และท้ายที่สุด
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b>หลิวหรูเยี่ยน <font face="Sarabun">(刘如艳)</font></b> นามแสนงามของเพียงหนึ่งเดียวของแผ่นดินในเวลานี้
               <br><br><div align="center">
<br><img width="350" src="https://i.imgur.com/Djxi7cj.png" border="0" alt=""><br><br>
               </div><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นวางพู่กันลงช้า ๆ ก่อนจะยกกระดาษแผ่นบางขึ้นด้วยความพึงพอใจ ที่ผ่านมาเนตรงามคู่นี้มักทอประกายความสุภาพอ่อนโยน ทว่าหนึ่งสิ่งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนนั้นคือ<b>ความคาดหวัง</b> แต่มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว.. กระดาษคัดอักษรวางลงบนโต๊ะอีกครั้งโดยมีที่ทับกระดาษวางทับมุมทั้งสองฝั่งเอาไว้ไม่ให้มันปลิวหายไปไหน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สักวันหนึ่งนางหวังว่าหรูเยี่ยนจะสามารถสืบทอดความรู้ความสามารถที่นางมีไปได้อย่างครบถ้วนหรือไม่ก็มากกว่า ..สาวงามประดุจหยกผินหน้ามองแม่หนูตัวน้อยที่นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเสมือนได้รับการฝึกมาก่อน บัดนี้ตระกูลลู่ไร้ผู้สืบทอดแล้ว ลู่อวี้หรานหายตัวไป.. ลู่ชางหรงเร้นกายเข้ากลีบเมฆรับเฉพาะงานเดินทางทว่าไม่แตะต้องส่วนใน แม้แต่บุตรสาวคนเล็กที่เคยคาดหวังว่าอาจจะรับช่วงต่อกิจการได้ สุดท้ายยังไม่พ้นต้องเข้าวังกลายมาเป็นหญิงสูงศักดิ์
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถ้าต่อจากนี้ทุกสิ่งราบรื่นไปจนถึงวันที่เด็กน้อยเติบใหญ่ในสักวันหนึ่งไป๋หรั่นคงยื่นจะยื่นข้อเสนอที่แสนเรียบง่ายให้กับนางอีกครั้ง เช่นเดียวกับข้อเสนอที่เคยใช้เพื่อชักชวนให้มาเป็นธิดาบุญธรรม หากหรูเยี่ยนชื่นชอบที่จะเป็นองค์หญิง นงคราญหยกที่นำพาอีกฝ่ายมาอยู่ในฐานันดรนี้ก็ไม่คิดคัดค้าน ทว่าหากหรูเยี่ยนต้องการเป็นอิสระ หวนคืนสู่เส้นทางเดิมของตนเอง นางก็พร้อมช่วยเหลือให้อีกฝ่ายได้โบยบินออกไปภายใต้หนึ่งเงื่อนไข
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แอ๊ด..
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ประตูเรือนหลิวซิ่วเปิดออกช้า ๆ ด้วยน้ำมือของนางกำนัลคนสนิทที่มีเรื่องจะมารายงาน ผู่เยว่ช้อนสายขึ้นมองพระชายาผู้เป็นนายเล็กน้อย ทั้งสองไม่จำเป็นต้องส่งเสียงเพื่อที่จะบอกความต้องการ หลี่กู่กูเดินเข้ามาอย่างนอบน้อมก่อนจะถวายจดหมายฉบับหนึ่งให้พระชายาได้ทอดพระเนตร
               <br><br><div align="center"><div id="boxLEETTER">
<br>
<p style="text-indent: 2.5em;">พรุ่งนี้ ช่วงสาย ร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง
<br><br>
<div align="right"><b>
ผู้ร้อนใจแทน</b></div>
               </div></div><br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกพลิกกระดาษแผ่นเล็กในมือไปมาช้า ๆ ก่อนจะเทียบมันกับแสงเทียน เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าไร้ซึ่งคำกำชับล่องหนใด ๆ ปลายกระดาษก็หย่อนลงสัมผัสเปลวไฟที่ลุกโชน กลิ่นเผาไหม้อ่อน ๆ แทรกมากลายควันหอม พระชายาหยกขาวปล่อยให้จดหมายถูกเผาจนสิ้น โดยมีผู่เยว่ยื่นเตารองเถ้ามารับอย่างรู้งาน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ พรุ่งนี้เฝ้าหลิงหยวนให้ดี ”</font> สาวงามดั่งหยกปรายตามองคนสนิทของตนเองเล็กน้อยในระหว่างลุกขึ้นจากที่นั่ง เงาร่างของสตรีในช่วงวัยที่บานสะพรั่งเดินเคียงกันออกมาจากเรือนหลิวซิ่วขององค์หญิงหลิงหยวน<font color="#994D7B">“ เปิ่นกงมีธุระต้องทำนอกวัง วันพรุ่งตงเฉินไม่เปิดรับแขก .. ไปกำชับเสี่ยวเว่ยจื่อด้วยล่ะ ”</font>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">               <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Ma Shan Zheng'); Ma Shan Zheng {font-family: 'Ma Shan Zheng';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-9-25 11:47:41

<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>แขกผู้มีเกียรติ</span></b><font face="Sarabun"><font size="2"><br>
วันที่ 31 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>
เวลาสิบนาฬิกาเป็นต้นไป</font></font>
</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">หลายวันถัดจากนั้นพระชายาหยกขาวดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมเป็นพิเศษ นงคราญหยกยังคงทำกิจวัตรอย่างเดิมแม้ว่าความทรงจำหลายส่วนจะเลือนลาง โดยเฉพาะค่ำคืนร่ำสุราร่วมกับเถ้าแก่หลิวและใต้เท้าเถียนที่เช้าวันถัดมานางตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงโดยมีเสื้อคลุมมังกรห่อกายเอาไว้ ลายปักมังกรเหินบนเสื้อคลุมนั้นสร้างผลกระทบให้นางมากแค่ไหนหลายคนในตำหนักล้วนต้องทราบ ทว่าแทนที่จะรายงานเหมือนอย่างเคย ทุกคนกลับเก็บเงียบไม่บอกกล่าว ถึงขนาดที่ทำให้ผู้เป็นพระชายายอมแพ้ในการจะหาคำตอบ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นอกจากความสับสนเกี่ยวกับราตรีที่เลือนลางนั้น ปัจจุบันก็มีเรื่องให้นางต้องคิดจนหัวแทบแตก เมื่อแขกแสดงความยินดีคนสุดท้ายจะเป็นถึง <b>‘ พี่ชายบังเกิดเกล้า ’</b> ที่พึ่งกลับจากต่างเมือง <font color="#8E9CC3">“ พระชายาก็เป็นแล้ว.. ลูกก็มีแล้ว ทรงประสงค์ฝึกยุทธ์อย่างนี้ หรือท่านหวังตำแหน่งขุนพลหญิง? ”</font> คุณชายหยกกดมุมปากข้างหนึ่งหยักลึกเป็นรอยยิ้มดูไม่แยแส ผิดกับพระชายาแซ่ลู่ที่กำกระบี่ในมือแน่นเสมือนไม่กล้าสบสายตา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่ชางหรงกลับมาได้หลายวันแล้ว และเขาก็ไม่ใช่พวกที่จะปล่อยผ่านเรื่องในอดีตไปโดยง่าย คุณชายแซ่หยกท่านนี้อาศัยเส้นสายควานหาข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวมาจนครบทุกฉบับทั้งยังดูชอบใจกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้อยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ล่าสุดที่เรียกได้ว่าพลิกชีวิตของสาวงามไปโดยปริยาย<b><font color="#8E9CC3"> “ คึกคักแปลกตาจริง ๆ ”</font></b> ชายรูปงามปรายตามองเงาร่างเล็กของเด็กสาวที่วิ่งว่อนไปทั่วสวนของตำหนักตงเฉิน สลับกับร่างของนงคราญผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือด
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ชางหรงเกอ.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
การได้เห็นร่างที่สูบลงของพี่ชายค่อย ๆ ตอกย้ำข้อเท็จจริงหนึ่งให้สลักลึกลงในใจนาง แต่แรกแล้วชางหรงไม่เคยสนับสนุนการเข้าเมืองหลวง เขาไม่เคยบอกเรื่องราวของเขาภายในเมืองหลวง ไม่เคยแนะนำเพื่อนในเมืองหลวง ทั้งที่เขาเป็นถึงสหายใกล้ชิดขององค์จักรพรรดิตั้งแต่ครั้งยังเป็นรัชทายาท คนที่ควรจะสุขสำราญในเมืองใหญ่กลับไม่เคยบอกเล่าช่วงชีวิตภายใต้แสงสีนี้ให้ใครได้ฟัง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ครั้งหนึ่งไป๋หรั่นเคยสงสัยถึงสาเหตุที่เรื่องราวกลายมาเป็นเช่นนี้แต่เมื่อได้ประสบด้วยตนเอง นางก็เข้าใจขึ้นมาโดยทันที เมืองหลวงงดงามแล้วอย่างไร ไร้ราตรีแล้วอย่างไร.. สุดท้ายที่แห่งนี้ก็คือดงสัตว์ร้ายจ้องแย่งชิงเกาะกินไม่มีเปลี่ยนแปลง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#8E9CC3">“ ข้าไม่อยู่แค่เดือนเดียว เด็กคนนี้ก็โตขึ้นผิดหูผิดตานัก ”</font> เพื่อเป็นการช่วยยืนยันว่าที่ผ่านมาตัวตนของเด็กคนนี้มีอยู่จริง ต่อให้ยังไม่คุ้นชินชางหรงก็จำเป็นจะต้องรับเอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาเป็นหลานสาว คุณชายหยกปรายตามองน้องสาวร่วมสายเลือดที่ปกปิดแววกระอักกระอ่วนไว้ภายใต้ความสงบนิ่ง เขาไม่ถือสาเอาความกับการกระทำของน้องสาวที่ดูจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถือสา.. กับคนที่เห็นดีเห็นงามไปกับนาง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้จะดูอ่อนล้ากว่าที่ผ่านมา ทว่าความรูปงามของคนแซ่ลู่ก็ยังเป็นที่ประจักษ์ จิ้งจอกผู้พี่จรดนิ้วแตะปลายขอบของจอกชาก่อนจะลากนิ้วไปมาคล้ายการกระทำของคนที่ต้องการคลายความเบื่อหน่าย ดวงตาหงส์คู่คมของผู้ครองโฉมร้ายกาจไม่แพ้ญาติใกล้ชิดหลุบลงมองมือตนเอง <font color="#8E9CC3">“ ฟันอากาศอีกห้าร้อยครั้ง ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ห้าร้อยครั้งสำหรับสตรีในห้องหอที่ไม่ใช่จำพวกฝึกตนมาแต่แรกนับเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อจบคำของเขาเหล่าคนรับใช้ไม่ว่าจะน้อยหรือใหญ่ต่างก็พากันหน้าซีด <font color="#8E9CC3">“ เหอะ ”</font> แว่วเสียงสั้น ๆ ที่สื่อถึงความเย้ยหยันหลุดลอดออกมาจากปากของชายผู้มาเป็นแขก <i><font color="#8E9CC3">‘ คนทำไม่นึกทุกข์ร้อน แต่คนฟังกลับกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง ต้องมาอยู่กลางความยุ่งยากอย่างนี้ นับเป็นกรรมของเจ้าจริง ๆ เสี่ยวหรั่น ’</font></i>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#8E9CC3">“ พี่ชายยังมีธุระต้องไปจัดการ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สีหน้าเย่อหยิ่งของเขาแปรมาเป็นความเสียดายที่ฉายออกมาผ่านแววตา <font color="#8E9CC3">“ หากอยากฝึกยุทธ์ก็หมั่นฝึกสมาธิ ฟันอากาศทุกวันให้ชินกับการใช้แรง เมื่อใดที่อยากก้าวไปขั้นต่อไปก็ให้คนมาบอกข้า หากผู้อื่นสอนเจ้า ข้าไม่วางใจ <b>เขา</b>เองก็คงไม่วางใจ ”</font> กระดากปากนักที่ต้องทำว่าเป็นห่วงเป็นใยแทนหมอนั่น ชางหรงเผลอกรอกตาออกมาอย่างเสียกิริยาแต่นั่นกลับทำให้คนงามแห่งยุคเผยยิ้มออกมาให้กับเขา เมื่อเห็นอย่างนั้นแทนที่เขาจะวางใจ ลู่ชางหรงกลับคร่ำครวญอยู่เงียบ ๆ ว่าสุดท้ายน้องสาวที่เฝ้าถนอมก็กลายเป็นของชายอื่นไปเสียแล้ว ทั้งยังคว้าถูกคนนัก ไปคว้าเอาจักรพรรดิเพียงหนึ่งในแผ่นดินมาเสียได้
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนแซ่ลู่ไม่เกี่ยงภาระหน้าที่ สิ่งใดที่ได้รับมอบหมายล้วนแต่ต้องปฏิบัติให้ดียิ่งกว่าผู้อื่น พี่ชายสละเวลามาให้คำแนะนำ สำหรับคนอื่นอาจเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับไป๋หรั่นนางย่อมรู้ตัวดีว่าสิ่งนี้คือโอกาสล้ำค่าที่ไม่อาจหาได้จากที่ใดอีก ชางหรงได้ชื่อว่านักสู้อัจฉริยะมาตั้งแต่ยังเล็ก เขาคือชายที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับในฝีมือ มีหรือที่ผู้คนจะไม่เคยพยายามขอเป็นศิษย์เขา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อายุก็ตั้งเท่านี้แล้วยังไม่คิดหาภรรยาหรือรับศิษย์ พี่ชายนางออกจะรักอิสระมากเกินไปแล้วจริง ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เสี่ยวเว่ยจื่อ เจ้าไปส่งเขาที่หน้าวังเถอะ ”</font> การไปส่งแขกจำต้องผ่านเขตชั้นนอก ให้ผู้เป็นชายไปส่งคงดีกว่าปล่อยนางกำนัลของฝ่ายในให้ออกไปเดินร่อนเร่ผิดสังเกต ด้านชางหรงที่ยืนประสานมือรับฟังการจัดแจงของเจ้าตำหนักตงเฉินก็กำลังเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในช่วงรัชกาลก่อนเขานับว่าเป็นหนึ่งในคนที่เข้าออกฝ่ายในอยู่บ่อยครั้งตามงานที่ได้รับมอบหมาย ทำให้พอจะมีโอกาสพบหน้าสตรีฝ่ายในหลายคนที่มากความสามารถ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก่อนหน้านี้เสี่ยวหรั่นของเขายังเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง ฉลาดหัวไว เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายท่ามกลางกิจการของบ้าน แต่ตอนนี้นางกลับกลายเป็นสตรีสูงศักดิ์ของฝ่ายในไปเสียแล้ว เสียงหัวเราะในลำคอต่ำ ๆ ลอดออกมาจากชายผู้มาเยือน ความเจ็บปวดนี้บางทีคงจะมีแต่คนเป็นพี่ชายเท่านั้นที่รู้สึก <font color="#8E9CC3">“ ช่วงนี้กระหม่อมกลับมาพักในเมืองหลวงแล้ว หากพระชายาประสงค์พบหน้า กระหม่อมก็พร้อมเข้ามาเยี่ยมเยือน ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ความห่างเหินตามมารยาทนี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหวานนิ่งค้างไปหลายอึดใจ กระทั่งแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปก็ยังฝังอยู่ในภาพจำของนาง นงคราญหยกเคลื่อนสายตาที่เจือไว้ด้วยความอาวรณ์ลงกับกระบี่ในมือ<font color="#994D7B">“ ถอยไป เปิ่นกงจะฝึกต่ออีกสักหน่อย ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงศาสตราผ่ากลางอากาศดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าโดยมีริ้วของความนิ่งเฉยลุกลามไปบนดวงหน้างาม ยังคงเป็นเช่นนี้เหมือนทุกครั้ง นางมักจะสลัดความฟุ้งซ่านทิ้งผ่านการหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ตนเองทำอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้ก็ค่อนข้างแปลกตาสำหรับคนที่พึ่งมาใหม่พอสมควร <font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียงฝึกกระบี่หรือ? ”</font> เสียงเล็กจ้อยของเด็กสาวดังขึ้นนอกพื้นที่ศาลาโล่งกว้าง ต่อให้ไม่ผินหน้าไปมองตามเสียงก็ยังรู้ได้ว่าคนที่ถามไถ่เสียงหวานนี้คือผู้ใด
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ก็แค่ฝึกไว้ให้พอใช้เป็นน่ะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แน่นอนว่าไม่มีทางฝึกไว้เพื่อทำให้ได้แค่นั้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ งึม ๆ น่าเสียดาย ถ้าเอ้อเหนียงอยากลองยิงธนู เรื่องนั้นให้หรูเยี่ยนสอนยังได้ ! ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กงจู่น้อยมีความมั่นใจอยู่มากถึงขนาดแสดงออกผ่านท่าทางอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับผู้ใหญ่รอบตัวที่หลายคนแสดงความฉงนใจออกมาผ่านสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับผู้เป็นมารดา(เลี้ยง)ที่คาดไว้อยู่แล้วว่าความสามารถของเด็กสาวที่เอาชีวิตรอดในเขตทะเลทรายก็คงไม่ได้มีแค่วิ่งไปมาเพียงอย่างเดียว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ยิงธนูเหรอ.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก็ฟังดูน่าสนใจนี่?
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">            <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-10-12 17:37:17


<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>นายพลน้อย</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">วันที่ 31 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาเป็นต้นไป</font></font>
</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#b49a35">“ เจ้ายิงธนูเป็นด้วย? ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในที่สุดก็ถึงคราวของโอรสสวรรค์ที่หลบมองชายาและบุตรสาวมานาน หลิวเช่อปรายตามองตามทางที่สหายของเขาใช้เดินออกไปครู่หนึ่งก่อนจะดึงสายตาเฉียบคมกลับมาในยามที่เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งฝ่าฝูงชนมายืนอยู่ตรงหน้าเขา <font color="#c5aeec">“ เสด็จพ่อ ! ”</font> ทันทีที่รู้ว่าอยู่ในวังหลวงไม่สามารถเรียกแค่ท่านพ่อ หรือพ่อเปล่า ๆ ได้ เจ้าหนูนี่ก็คล้ายจะเรียกเขาเก่งขึ้นทันตา ราวกับว่า <b>‘ เสด็จพ่อ ’</b> คำนี้เป็นเพียงสมญาหลักลอย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ หลิงหยวน ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บัดนี้นางเป็นองค์หญิงแล้วจะทำอะไรก็ควรตระหนักให้มาก ถึงแม้ว่าการวิ่งโผเข้าหาบิดาจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้แต่ในครอบครัวเชื้อพระวงศ์ก็ยังนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร เด็กหญิงตัวน้อยรู้ความหมายในการเรียกของบิดาดี ทว่านางกลับเงยหน้าขึ้นใช้สองตากลมกระจ่างอย่างสดใสสบกับเนตรมังกรคู่นั้นพลางระบายยิ้มกว้าง <font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียงกล่าวว่าเสด็จพ่อทรงงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลา หากว่าแวะมาที่ตำหนักเมื่อใดต้องให้การต้อนรับอย่างดี ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลายคนที่ล้อมรอบด้านต่างก็ไร้วาจา ในบรรยากาศเงียบสะงัดอันน่าอึดอัดนี้แทนที่จะถูกปล่อยผ่านกลับการเป็นว่ามือเล็กขององค์หญิงหลิงหยวนกลับจับเข้าที่ชายแขนเสื้อของบิดา และจูงร่างสูงให้เดินตามนางเข้าไปในศาลา <font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียงท่านวางกระบี่เร็วเข้า ”</font> ดูเหมือนการกระทำนี้จะเผลอไปจุดชนวนความเอ็นดูให้ฝังรากไว้ในใจใครหลาย ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่หทัยหินผาที่แข็งแกร่งที่สุด ปกติแล้วเด็กอายุยังน้อยมักเอาแต่ใจโดยใช่เหตุ แต่เมื่อกล่าวถึงหลิงหยวนกงจู่นางกลับจัดแจงสิ่งที่ต้องการภายใต้ความเป็นห่วงว่าบิดาจะเหนื่อยล้ามาจากงานหลวง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ เจ้าสอนนาง? ”</font> ในระหว่างที่บุตรสาวกำลังวิ่งไปมาบอกว่าต้องการอะไรบางจากคนรับใช้ สตรีผู้ครองตำหนักก็ส่งกระบี่ไปวางไว้ในมือคนสนิทพร้อมก้าวขึ้นศาลา เปิดโอกาสให้สองสามีภรรยาได้สนทนาหลังจากไม่ได้เห็นหน้ากันมาพักใหญ่ ๆ แล้ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เป็นเรื่องพื้นฐาน มิสอนมิได้เพคะ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่ออยู่ในวังหลวงนี้เกราะป้องกันหนึ่งชั้นคือความภักดี ตลอดหลายอาทิตย์ที่นางเฝ้าอบรมด้วยตนเอง เมื่อผนวกกับความพยายามที่จะก้าวหน้าเพื่อให้มีชีวิตรอดของเสี่ยวหรูเยี่ยนในที่สุดก็พอจะมีเค้าโครงของธิดาตระกูลใหญ่เผยออกมาบ้างสักที
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ รับนางกลับมาอย่างนี้ลำบากเจ้าไม่น้อย ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อลดระดับเสียงลงเมื่อคนที่ต้องการสนทนาด้วยขยับเข้ามาอยู่ในบริเวณเดียวกันมากขึ้น ทว่าสองตาหงส์ของสาวงามเมื่อได้ฟังคำนั้นกลับแฝงความประหลาดใจเอาไว้เล็กน้อย <font color="#994D7B">“ หน้าที่มารดาลำบากมากหรือน้อยย่อมไม่สำคัญ บุตรสาวเติบโตได้อย่างดีต่างหากที่สำคัญที่สุด ”</font> ไป๋หรั่นคาดการอย่างเรียบง่ายว่าการเกริ่นเชิงเป็นห่วงครั้งนี้มาได้เพราะต้องการทดสอบ นางที่เป็นผู้นำเรื่องยุ่งยากนี้เข้ามาก็ได้แต่ตอบรับพลางเอื้อมเข้ารินชาให้อีกฝ่าย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียง เอ้อเหนียง ผู่เยว่เจียเจี่ยบอกว่าหลี่โต้วเกาหมดแล้ว..”</font> ใบหน้าจิ้มลิ้มขององค์หญิงน้อยกลายเป็นเศร้าสลดขึ้นมาทันตา หลังจากเข้ามาใช้ชีวิตในวังหลวงมีหลายอย่างที่นางพึ่งได้พบและได้ลอง หนึ่งในนั้นคือหลี่โต้วเกาที่เหมือนจะถูกจริตมากเป็นพิเศษ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“ หม่อมฉันแจ้งแก่องค์หญิงแล้ว ทว่านาง.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ไม่เป็นไร เจี่ยเอ๋อร์อยากทานหลี่โต้วเกาหรือ? ”</font> องค์หญิงหลิงหยวนสับเท้ามุ่งเข้ามาเพื่อเอียงใบหน้าลงซบกับตักบางของมารดาเปล่งเสียงพึมพัมที่ฟังยากนัก หรูเยี่ยนนึกว่าคงไม่มีใครเข้าใจนาง แต่เปล่าเลย มุมปากของโอรสสวรรค์ยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับฟังถ้อยคำน่าเอ็นดู หลิวเช่อยื่นมือวางลงบนศีรษะของพระราชธิดาพลางกล่าวเสียงเรียบ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ นางเพียงอยากให้เจิ้นได้ลองฝีมือเจ้า ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ไป๋หรั่นดูไม่ออก.. นางไม่ทราบเลยว่าน้ำเสียงทุ้มเรียบช่วยชี้แนะรวมไปถึงแววตาเฉียบคมที่อ่อนลงยามเมื่อสบกันจะเป็นเพียงกลเม็ดแอบแฝงหรือความจริงใจ ทว่าหนึ่งสิ่งที่ชวนให้เบาความกังวลคงเป็นความเข้ากันได้ดีของสามีและบุตรสาว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียงทำหลี่โต้วเกาอร่อยมาก.. ”</font> หรูเยี่ยนยังไม่ละทิ้งความพยายาม องค์หญิงน้อยงึมงัมอยู่กับตักบางชวนให้คนนึกเอ็นดู แน่นอนว่าสิ่งนี้กระทบกับความเป็นแม่ลึก ๆ ในตัวพระชายาด้วยเช่นกัน ไป๋หรั่นไม่ได้รีบร้อนรับปาก นางขยับสองมืออุ้มร่างเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวขึ้นพลางแนบปลายจมูกลงกับแก้มนุ่มจนเจ้าตัวหัวเราะคิกคัก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ หากพระองค์มีเวลา.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ เชิญ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในเมื่อนางเต็มใจจะเป็นมารดาที่ตามใจบตรสาว ปล่อยไว้อย่างนี้ก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไร หลิวเช่อยกชาหลงจิ่งขึ้นจิบช้า ๆ ปล่อยให้สาวงามฝากฝังธิดาไว้กับเขาก่อนจะเดินหายไปอีกทางโดยมิได้คาดเลยว่าปล่อยเด็กไว้กับเขา ก็เท่ากับเปิดช่องให้เด็กน้อยได้เล่นซนในแบบที่ต่างออกไป
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โชคดีที่ตำหนักตงเฉินมีพื้นที่ส่วนที่แบ่งออกเป็นห้องครัวส่วนตัวอยู่ก่อนแล้ว ไป๋หรั่นจึงไม่ต้องลำบากไปจนถึงห้องเครื่องหลวงเพื่อทำของว่างไม่กี่ชิ้น หลังจากใช้เวลาอยู่นาน ในที่สุด สาวงามผู้สวมอาภรณ์หรูหราก็ก้าวเท้ากลับมาตามทางเดินพร้อมสองมือที่ประคองถาดของว่างอย่างมั่นคง ทีแรกนางยังนึกสงสัย.. ว่าเวลาว่างของพ่อลูกหากไร้นางจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อเดินผ่านช่วงเลี้ยวที่บังสายตา สิ่งที่พบกลับเป็นสองพ่อลูกยืนประชันหน้ากันโดยมีกระบี่ไม้อยู่ในมือ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ … ? ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ จับให้แน่นกว่านี้ ทุกครั้งที่ฟาดลงมาทั่วร่างกายต้องรู้สึกว่าได้ออกแรง ”</font> โอรสสวรรค์เป็นคนจริงจังขึงขังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้เขาไม่เป็นที่ชื่นชอบนักในฐานะผู้ฝึกสอนเนื่องจากเข้มงวดเกินไป ทว่าคงจะไม่ใช่กับบุตรสาว ถึงจะเป็นคำแนะนำที่ดุดันแต่กลับไม่แข็งกร้าว กระทั่งสายตายังเจือความขบขัน ปลายกระบี่ไม้ในมือหนาวางลงที่ไหล่เล็กเบา ๆ เป็นการย้ำเตือนถึงท่วงท่าที่ถูกต้อง<font color="#b49a35"> “ ไหล่สูงเกินไป ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ มันหนัก.. ” </font>ต่อให้ร้อนหรือเหนื่อย ดรุณีน้อยก็ยังไม่ย่อท้อ ขณะบ่นพึมพัมถึงน้ำหนักของกระบี่ไม้ที่ไม่พอดีกับร่างกายก็ยังปรับท่าทางตามที่บิดากล่าว หนูน้อยที่เห็นมารดาพร่ำฝึกเช่นนี้มาหลายวันไม่ทันได้สังเกตเลยว่าการจะยกกระบี่ไม้ขึ้นแล้วฟันลงไปเรื่อย ๆ นับเป็นเรื่องกินแรงที่น่าขนลุกจริง ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ หากจำมิผิดแต่แรกผู้ที่ฝึกกระบี่เป็นหม่อมฉันนะเพคะฝ่าบาท ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราวกับเสียงสวรรค์มาโปรด มารดานางฟ้าที่หายไปเตรียมของอร่อยกลับมาแล้ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวหรูเยี่ยนไม่รักษากิริยาเลยสักนิด นางปล่อยกระบี่ไม้ลงกับพื้นพร้อมวิ่งร่าหมายจะเข้าไปหาพี่สาวคนสวย ไม่นึกเลยว่าก่อนที่จะขยับตัวได้เต็มก้าว ร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นผ่านการยกของชายตัวสูง การแตะต้องเชื้อพระวงศ์โดยพละการนับว่ามีโทษ ทว่าชายที่ทำอย่างนี้ได้โดยไม่ต้องหวั่นเรื่องใดย่อมมีอยู่เพียงผู้เดียว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ฝึกให้นาง ต่อไปนางจะได้ฝึกให้เจ้า ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ที่จริงนี่เปนเพียงข้ออ้าง หลิวเช่อไม่ใช่ผู้แตกฉานในการจะสนทนาต่อเพศตรงข้ามโดยเฉพาะกับเด็ก และหรูเยี่ยนที่ทราบถึงเรื่องนี้ก็ฉลาดเกินวัยนัก ถึงได้เป็นฝ่ายพูดเยอะกว่าฟังและคอยถามเขาอยู่เสมอว่าหากอยากฝึกสิ่งนั้นสิ่งนี้ต้องทำอย่างไร ในช่วงแรกนางยังพูดถึงสิ่งที่อยู่นอกขอบเขต เช่นการปักผ้า ชงชา.. ทว่าเมื่อเริ่มมาพูดถึงมารยาทการวางตัว รวมไปถึงวิชาการต่อสู้ หลิวเช่่อย่อมสามารถให้คำแนะนำได้ แนะนำได้ดีถึงขนาดกลายเป็นคาบเรียนปฏิบัติไปโดยไม่รู้ตัว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียง เสด็จพ่อดุมากเลย ! ”</font> นางมารน้อยหลิวหรูเยี่ยนออกลายอีกครั้ง นางเบะริมฝีปากทำหน้าตางอแงดีดดิ้นอยู่ภายใต้การคีบ(?)ของบิดา ร้อนไปถึงคนเป็นแม่ที่รีบวางถาดขนมลงกับโต๊ะในศาลาและย่ำเท้าเดินเข้าไปช้อนกายบุตรสาวให้กลับมาอยู่ในอ้อมแขน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท.. นางยังเด็ก ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางเข้าข้างลูกมากกว่าเขา?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งในระหว่างที่หรี่ตามองดูแม่ลูก(ไม่แท้)ที่เหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีกว่าที่เคยคาดเอาไว้ <font color="#b49a35">“ เหอะ ”</font> หนึ่งลมหายใจของโอรสสวรรค์บ่งบอกถึงความไม่พอใจทำเอาเหล่าข้าราชบริพารรอบข้างสั่นสะท้านและหายใจไม่ทั่วท้อง ทว่าสิ่งเลวร้ายที่พวกเขากังวลกลับไม่เกิดขึ้น <font color="#b49a35">“ ลูกรักมารดา สักวันเจ้าจะทำนางเสียคน ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ตราบเท่าที่มีเสด็จพ่อของนางช่วยชี้แนะ อาเยี่ยนจะเสียคนได้อย่างไร ”</font> ลู่ไป๋หรั่นกล่าวเสมือนว่าตนเองไม่ใช่มารดา วาจานี้สะกดใจคนฟังได้อย่างหมดจด ราวกับว่านางยินดีถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อให้อีกฝ่ายได้มีที่ยืนในฐานะผู้สั่งสอนบุตรสาว .. แต่องค์หญิงหลิงหยวนไม่เคยห่างจากพระมารดา หากต้องการจะอบรมด้วยตนเองมิใช่ว่าต้องมาเยือนตงเฉินแห่งนี้หรอกหรือ?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ชั่วพริบตาบรรยากาศเงียบสะงัดน่าอึดอัดก็รายล้อมไปด้วยมวลผกา <i>‘ นอกจากงดงามแล้ว ทั่วใต้หล้านี้คงไม่สามารถหาใครที่กล่าวเกี้ยวสามีได้แนบเนียนเท่าพระชายา ’</i> มีก็แค่หรูเยี่ยนหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นว่าพระเนตรของบิดาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย องค์หญิงแนบแก้มของตนเองลงกับไหล่ของพี่สาวที่มีศักดิ์เป็นมารดา <font color="#c5aeec">“ ลูกเรียนไม่ไหวแล้ว.. แต่ลูกอยากเป็นวิชากระบี่.. เอ้อเหนียง ท่านฝึกกับเสด็จพ่อต่อให้ลูกชมได้หรือไม่ ? ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร้ายกาจยิ่งนัก ! ไม่ว่าผู้ใดเมื่อได้ชมอยู่ก็จำต้องมอบคำชมให้กับการตัดสินใจที่แสนฉลาดในครั้งนี้ สมแล้วที่องค์หญิงน้อยเสด็จกลับมาเพื่อเป็นโซ่ทองคล้องใจฝ่าบาทและพระชายา เพราะคำขอของบุตรสาวย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ให้กำเนิดที่สุด ดูได้จากการที่ทั้งสองสบตากันหลังองค์หญิงกล่าวจบก็รู้แล้ว !
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ เกียจคร้านอย่างนี้เมื่อไหร่จะโต ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ ลูกแค่เรี่ยวแรงน้อย ! ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พ่อลูกเข้ากันได้ไม่นานก็กลับมาเถียงกันอีกแล้ว ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะย่อกายลงปล่อยให้สองเท้าของหรูเยี่ยนเหยียบพื้น <font color="#994D7B">“ เป็นหม่อมฉันเลี้ยงนางให้เคยชินกับความสุขสบาย ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้ว ”</font> สาวงามในรอบหลายพันปีโค้งกายลงหวังให้ผู้เป็นสามีเมตตา แน่นอนว่าต่อมาสิ่งที่ได้ยินย่อมเป็นเสียงถอนหายใจของเขา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ ประเดี๋ยวกระหม่อมไปนำกระบี่ไม้มาเพิ่—- ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ไม่ต้อง ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำพูดของจางกงกงเลือนหายไปในอากาศ หลิวเช่อปฏิเสธไวกว่าที่เขาจะรู้ตัวเสียอีกว่าพูดอะไรออกมา ท่ามกลางสถานการณ์กระอักกระอ่วนยังคงเป็นองค์หญิงหลิงหยวนที่เป็นแม่สื่อให้กับทั้งสองคนได้ดีที่สุด เด็กน้อยก้มลงกลั้นเสียงหัวเราะ เดินอ้อมไปด้านหลังร่างสะคราญและยกสองมือขึ้นผลักแผ่นหลังของมารดาให้ก้าวไปหาบิดา สายตาของไป๋หรั่นและหลิวเช่อสบกันในทุกก้าว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จากที่ยืนห่างกันราว ๆ สองช่วงแขน บัดนี้นางยืนอยู่ต่อหน้าเขา .. โดยห่างแค่ครึ่งแขนเท่านั้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใครมันจะไปกล้ารบกวนบรรยากาศหวานฉ่ำของคู่สามีภรรยา? โดยไม่ต้องออกคำสั่งเหล่าข้ารับใช้พากันถอยหลังคนละหนึ่งก้าวและเก็บสายตาอย่างสงบเสงี่ยม ส่งผลให้พระชายาแซ่ลู่ที่มักสังเกตรอบตัวอยู่เสมอเริ่มประหม่าขึ้นมาบ้างแล้วจริง ๆ ริมฝีปากสีกลีบเหมยกุ้ยขยับคล้ายจะพูด แต่ก็เงียบไป เป็นเช่นนั้นหลายครั้งกระทั่งมีน้ำเสียงนุ่มอันสงบนิ่งแต่ก็แฝงมาด้วยระลอกอารมณ์บางอย่างที่ยากจะทำความเข้าใจดังขึ้นมา <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ สอนเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้ของให้วุ่นวาย ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์กล่าวเสียงเรียบตรงข้ามกับเสียงที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของภรรยา เขาพลิกด้ามกระบี่ไม้ในมือเป็นการบอกให้นางรับไปถือต่อ ด้านพระชายาที่เข้าใจความนัยอยู่เสมอค่อย ๆ ก้มลงเล็กน้อยขณะที่ยื่นมือออกไปรับ จนสัมผัสได้ว่าบนด้ามจับยังมีไอร้อนกรุ่นอันเป็นหลักฐานการใช้งานของหลิวเช่อฝังลึกเอาไว้
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แววตาของไป๋หรั่นอ่อนลงจากความไม่คุ้นชินเปลี่ยนมาเป็นการปรับตัว นางสูดหายใจเข้าช้อนตามองผู้เป็นสวามี และก็พบว่าใบหน้าของเขาสงบนิ่ง สายตาไม่เปิดเผยความในใจดูห่างเหินเหมือนทุกครั้ง แต่ความหนาของกำแพงใจที่ขวางกั้นระหว่างพวกเขากลับลดลงหลายระดับ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ แค่กระบี่ไม้ในมือเจิ้นก็พอ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มือของเขาสัมผัสกับแขนนางและค่อย ๆ ประคองยกให้ปลายกระบี่ชี้ตรง ช่วงเวลานี้แสนสั้นแต่กลับฝากไออุ่นไว้เนิ่นนาน แผ่นหลังของนงคราญแนบไปกับอกของเขา ส่วนตัวเขาก็รับรู้ได้ถึงขนาดร่างกายที่แตกต่างของกันและกันราวกับหลิวเช่อต้องการให้นางสนใจและซึมซับกับการลงมือทำไม่ใช่คำพูดที่เฉยเมยของเขา ทำให้การอบรมที่เงียบงันที่สุดนี้ดำเนินต่อไปอย่างไร้วี่แววว่าจะจบลง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ..
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงสายลม เสียงฝีก้าว และเสียงหอบหายใจ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คือสามคำบรรยายถึงเสียงที่ลอดออกมาจากบริเวณพื้นที่เล่นสนุกของพระชายาและองค์จักพรรดิ แม้แต่จางกงกงที่ยืนเคียงข้างพระราชธิดายังถึงกับตะลึง ไม่เคยมีสตรีใดยินยอมให้ฝ่าบาทอบรมด้วยตัวเองนานขนาดนี้มาก่อน ห่าวหมิงทอดสายตาดูการประมือที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ลอบหัวเราะเสียงเบา ดูเหมือนชายที่เข้มงวดที่สุดในแผ่นดินจะได้เจอลูกศิษย์ที่คู่ควรต่อการอบรมของเขาแล้ว..
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ห่างเกินไป ก้าวเข้ามาอีก ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จากการซ้อมท่าง่าย ๆ กลายมาเป็นการประลองตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในมือของไป๋หรั่นยังคงเป็นกระบี่ไม้ ส่วนในมือของโอรสสวรรค์กลับว่างเปล่าไร้อาวุธ เดิมทีเรื่องราวไม่ควรบานปลายถึงเพียงนี้แต่เมื่อเห็นความตั้งใจที่จะเรียนรู้ หลิวเช่อก็หลุดปากเสนอตัวจะช่วยจำลองสถานการณ์ต่อสู้จริงให้นางได้ทดลองหาหนทางประยุกต์ใช้สิ่งที่พึ่งเรียน จนกลายเป็นทั้งสองต้องมาเผชิญหน้ากันแทนที่จะเป็นแค่คนสอนคนเรียน ตามที่หญิงสาวหลายคนใฝ่ฝัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กระบี่ไม้ยื่นเข้าแทงไหล่ของโอรสสวรรค์ ทว่าผู้รอรับการโจมตีกลับรับมือด้วยการถอยหลังหนึ่งก้าว พลิกกายหลบร่างที่มุ่งเข้ามา ราวกับนางคาดไว้แล้วว่าคงเป็นอย่างนี้ในวินาทีที่เห็นว่าเขาหลบ ไป๋หรั่นขยับข้อมอเปลี่ยนการแทงให้เป็นกวาด หลิวเช่อเลิกคิ้วในขณะที่พิจารณา นางรับมือได้ดีแต่ยังขาดประสบการณ์ ปลายกระบี่ลอยผ่านใบหน้าของหลิวเช่อไปโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องขยับ เปิดโอกาสให้โอรสสวรรค์คว้าข้อมือของชายาตนเอาไว้ มันไม่คล้ายภาพเพ้อฝันเกี่ยวกับการแนบชิดที่แสนหวาน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร่างสะคราญของหญิงสาวที่ปักเข็มปักผ้ามาตลอดชีวิตยามนี้ถูกยอดนักรบรวบให้หันแผ่นหลังปะทะเข้ากับแผงอกเขา แรงกระแทกครั้งนี้มีไม่น้อยทำให้ใบหน้างามปรากฏแววโอดครวญ ผิดกับผู้บงการที่นอกจากจะไม่เปลี่ยนสีหน้าแล้วยังบังคับมือขาวให้ยกคมบี่ไม้พาดจ่อลำคอของตัวนางเอง <font color="#b49a35">“ อย่าปล่อยให้ผู้ใดนำเจ้ามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ”</font> เสียงของเขามาพร้อมลมหายใจที่เฉียดผ่านใบหูทำเอาคนฟังรู้สึกสั่นเทิมไปทั้งร่าง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ วันนี้พอเท่านี้ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อพูดจบโอรสสวรรค์ก็คลายมือจากการกอบกุมชายา ร่างเล็กของไป๋หรั่นพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะพลิกกายหันกลับมามองเขา ลมหายใจของนางไม่สงบยากจะบอกได้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปหรือเขินอายกับความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัว ผู้ที่สบตากับนางยามนี้ได้ก็มีแต่เขา หลิวเช่อเห็นแววตื่นตระหนกในดวงตาคู่หวานของชายา สิ่งนั้นกระตุ้นให้ชายที่อยู่เหนือคนนับหมื่นกระตุกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“ กราบทูลฝ่าบาท และพระชายา ในเมื่อฝึกซ้อมเสร็จแล้วก็รับประทานอาหารกลางวันเถิดเพคะ ”</font> นางกำนัลหลี่ผู่เยว่เป็นคนออกปากเชิญทั้งสองให้วางมือจากการละเล่นชั่วคราวโดยมีจางกงกงคอยสนับสนุนข้าง ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ อืม ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนที่กลับเข้าไปในศาลาก่อนคือผู้เป็นสวามี หาใช่คนเป็นภรรยา ทว่าต่อให้หันกลับไปเร็วอย่างไร ก็ยังไม่ทันได้ลงมือทานเพราะเสียงขานถึงแขกผู้หนึ่งกลับดังกึกก้องขึ้นขัดจังหวะพักผ่อนของเขา <font color="#980000">“ ฝ่าบาท จิ่งฮวนโหว — ฮั่วชวี่ปิ้ง มีเรื่องด่วนจึงมาขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ ! ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ตำหนักตงเฉินคล้ายจะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ใครจะมาก็มา ใครจะไปก็ไปมากขึ้นทุกที
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในเมื่อนายพลฮั่วมีเรื่องด่วน การอนุญาตให้เข้าพบก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควร แต่ไม่นึกเลยว่า <b>‘ ฮั่วชวี่ปิ้ง ’</b> ที่โด่งดังคนนั้นจะมาเยือนในชุดเกราะเต็มยศและประสานมือคุกเข่าลงรายงานด้วยสีหน้าจริงจังเบื้องหน้านางที่นั่งอยู่ข้างฝ่าบาทอีกที
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#73512f">“ กระหม่อม<b> จิ่งฮวนโหว ฮั่วชวี่ปิ้ง นายพลประจำกองรบ</b> กราบถวายบังคมฝ่าบาทและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ ”</font> ขุนพลท่านนี้อายุยังน้อย หน้าตาสะอาดสะอ้านหมดจดไม่คล้ายนักรบโดยทั่วไป อาจเป็นเพราะมีศักดิ์เป็นหลานของแม่ทัพใหญ่เว่ยชิงเลยทำให้เขาได้รับสายเลือดที่ประคับประคองใบหน้าคมคายหล่อร้ายมาโดยไม่รู้ตัว ไป๋หรั่นลอบพิจารณานายพลท่านนี้ด้วยสายตา ถึงนางจะไม่ใช่ผู้ที่เชี่ยวชาญแต่ก็ยังพอเดาได้ว่าเขาอายุอ่อนกว่านางหลายปีทว่าท่าทางเข้มแข็งมุ่งมั่นกลับไปไกลเหนือกว่ามาก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ มีเรื่องอะไร ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#73512f">“ คือ.. ”</font> อาจจะเพราะยังเยาว์เมื่อได้เห็นครอบครัวอยู่พร้อมหน้าในบรรยากาศสงบสุข สิ่งสำคัญที่ต้องรายงานจึงพูดออกมาได้ลำบากนัก โดยเฉพาะตอนที่เขาเผอิญสบตากับเด็กน้อยที่ครองเนตรงดงามปานแก้วผลึกจากฟากฟ้า สีหน้าของชวี่ปิ้งเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน สัญญาณความเป็นเด็กดีของเขาแค่เผยออกมาก็พาลทำให้ผู้ที่โตกว่านึกเอ็นดู
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ นายพลฮั่ว ไม่ต้องเกรงใจ ท่านกล่าวมาเถอะ ”</font> หญิงสาวที่ประคองพระราชธิดาน้อยให้นั่งอยู่บนตักยกยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ ไป๋หรั่นสัมผัสได้ถึงความเกรงใจในแววตาของจิ่งฮวนโหวทำให้นางประเมินเขาไว้ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี แต่ในเมื่อมีเรื่องเร่งด่วน ความเกรงใจนี้คงไม่จำเป็นเสียทีเดียว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#73512f">“ ด่านอี้เหมินส่งม้าเร็วแจ้งข่าวมาว่าเผ่าปีศาจเคลื่อนไหวผิดปกติพ่ะย่ะค่ะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ข่าวนี้นับเป็นสายฟ้าฟาดลงมากลางบรรยากาศสงบของเมืองหลวงได้เป็นอย่างดี แววตาคมกริบของหลิวเช่อทอประกายเย็นเฉียบ <font color="#b49a35">“ ข้าคงต้องกลับแล้ว ”</font> เรื่องที่เกี่ยวพันกับเผ่าปีศาจไม่อาจวางใจได้ โดยเฉพาะหลังจากที่พวกตนพึ่งมีโอกาสปะทะกับแม่ทัพปีศาจที่เขตทะเลทราย ไหนจะเรื่องที่พระชายาหยกลอบไปสืบมาให้เขาได้สำเร็จ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อสามีลุก คนเป็นภรรยาจะไม่ลุกก็คงแปลก ๆ ไป๋หรั่นวางหรูเยี่ยนให้ยืนกับพื้น ส่วนตัวนางก็ลุกขึ้นตามสามีที่เตรียมจะจากไปพร้อมกับถามเสียงเบา <font color="#994D7B">“ ต้องเดินทางไกลหรือไม่ ”</font> ฝีเท้าของหลิวเช่อหยุดนิ่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ หันกลับมาทีละน้อย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ยังไม่แน่นอน ต้องดูสถานการณ์ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ ถ้างั้นพวกท่านเอาเจ้านี้ไปด้วย ”</font> องค์หญิงหลิงหยวนยิ้มน้อย ๆ คล้ายลอกพิมพ์มาจากพระมารดา สองแขนของนางเอื้อมไปบนโต๊ะ หยิบกล่องหลี่โต้วเกามากอดและเดินเตาะแตะไปหาจิ่งฮวนโหวท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้คน องค์หญิงใหญ่ย่อตัวลงนั่งยอง ๆ เบื้องหน้าชายผู้เป็นนักรบ <font color="#c5aeec">“ พี่ชาย ท่านเอาอันนี้ไปนะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#73512f">“ ..กระหม่อม? ” </font>ชวี่ปิ้งผงะไปในชั่วพริบตา ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยในขณะที่เปลือกตากำลังปิดลงและยกขึ้นติดต่อกันหลายครั้งอย่างรวดเร็ว น่าเสียดาย.. นายพลน้อยยังไม่ทันได้ตอบรับก็มีผู้ใหญ่ใจร้ายคิดปล้นมันไปเสียแล้ว โอรสสวรรค์กระแอมออกมาพร้อมกดสายตาลงที่บุตรสาวจนหรูเยี่ยนถึงกับทำหน้ามุ่ย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ โอ๊ย รู้แล้ว ๆ อันนี้ไม่ได้ก็ไม่ได้ ก็แค่หลี่โต้วเกาที่ท่านแม่ทำ ท่านจะหวงอะไรนัก ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขวับ !
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทุกสายตาแทนที่จะจับจ้องไปทางชายที่แสดงอาการไม่อนุญาต ไม่รู้ทำไมคนเหล่านั้นถึงได้ตัดสินใจหันกลับมามองนางราวกับว่านางเป็นคนบังคับให้เขาแสดงอาการ! ไป๋หรั่นที่ไม่เคยมีประสบการณ์ถูกจ้องมองด้วยสายตากึ่งแซวกึ่งชื่นชมได้แต่ลอบกำหมัดใต้ชายแขนเสื้อในขณะที่ใบหน้าเริ่มแดงก่ำจนได้ยินเสียงสามีหัวเราะหึในลำคอ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฟ้าดินไม่ยุติธรรม ใต้หล้าร่วมใจกันแกล้งนาง!
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อาเยี่ยน หลี่โต้วเกานั้นให้บิดาเจ้า ส่วนนายพลฮั่ว หากไม่รังเกียจปลาเปรี้ยวหวานจานนี้กับชาหวงซานเหมาเฟิงถือเสียว่าข้าให้ไว้เป็นของพบหน้า”</font> นงคราญหยกวางชาและอาหารลงบนกล่องที่แน่นหนาก่อนจะถือไปมอบให้นายพลอายุน้อยอย่างใจดี
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#73512f">“ กระหม่อมมิรังเกียจ ขอบพระคุณพระชายาที่เมตตา ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถึงจะรู้สึกแปลกไม่น้อยที่ได้รับความเมตตาจากสตรีฝ่ายในที่อายุต่างกันไม่มาก ทว่าฮั่วชวี่ปิ้งก็เก็บอาการของตัวเองได้เป็นอย่างดี สองมือยกขึ้นรับด้วยใบหน้ามุ่งมั่น ส่วนทางฝั่งคู่พ่อลูก? ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีท่าทางเง้างอดสักแค่ไหน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เพราะท่านเลย ลูกถึงไม่ได้เป็นคนให้พี่ชาย ! ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ แก่แดดเกินวัย ไม่งาม ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เสด็จพ่อ !! ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสี่ยวหรูเยี่ยนแห่งตำหนักตงเฉินถึงจะมีสีหน้าไม่พอใจอย่างไร แต่สุดท้ายก็กอดส่งบิดาทำเป็นว่ารักนักหนาจนคนรู้ตื่นลึกหนาบางถึงกลับต้องกลั้นหัวเราะตัวแทบโยก <font color="#c5aeec">“ เผ่าปีศาจ.. ”</font> เด็กน้อยพึมพัมในขณะที่หวนนึกถึงอดีตในเมืองอู๋เว่ย เพราะเมืองนั้นอยู่ในเขตรอยเชื่อมต่อระหว่างทะเลทรายและต้าฮั่นทำให้มีหลายชาติพันธุ์รวมไปถึงหลายเผ่าพันธุ์ ฉะนั้นที่พวกเขาเรียกกันว่าเผ่าปีศาจนางก็เคยจะพอเห็นมาบ้าง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เผ่าปีศาจเป็นภัยร้ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือเพคะเอ้อเหนียง? ”</font> แม่หนูน้อยเงยหน้าขึ้นถามมารดาที่อนุญาตให้นางปีนขึ้นมานั่งบนตัก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อื้ม อันตรายมาก ”</font> ไป๋หรั่นพยักหน้ายืนยันคำตอบของนาง แม้นางจะไม่เคยมีความคิดเหมารวม ทว่าสิ่งที่ครองอำนาจเหนือมนุษย์ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ยังนับว่าอันตราย และหากพูดถึงด่านอี้เหมิน ความกังวลใจของนางก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ครั้งก่อนแผนการของพวกนั้นมีการกล่าวถึงตวนมู่เหม่ยเหริน.. หรือว่านางควรส่งคนไว้คอยจับตามองจริง ๆ ?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ … ”</font> หรูเยี่ยนสังเกตได้ถึงความกังวลของพี่สาวที่รับเลี้ยงเธอ เด็กน้อยที่มักสดใสในทุกช่วงเวลาซึมซับความกังวลเหล่านั้นจนใบหน้าเปลี่ยนมาเป็นสงบนิ่ง ดวงตาสีผลึกลึกลับหม่นเหลือบมองไปทางบริเวณที่เคยมีแขกคุกเข่ารายงานเรื่องสำคัญ ฉับพลันความคิดหนึ่งที่จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศเศร้าหมองนี้ได้ก็ปรากฏออกมา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“ เอ้อเหนียง พี่ชายคนเมื่อครู่นี้ใส่เกราะแล้วดูน่าเกรงขามมาก ”</font> แก้มตุ้ยนุ้ยของเด็กหญิงวัยหกหนาวเบียดลงกับไหล่เนียน ๆ ของมารดาเพื่อเรียกความสนใจทั้งหมดของสาวงามให้กลับมาอยู่ที่ตัวนาง <font color="#c5aeec">“ โตขึ้นข้าจะสามารถใส่ชุดเกราะเช่นพี่ชายผู้นั้นได้หรือไม่? ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เจ้าอยากเป็นนายพลหญิง? ”</font> เนตรหงส์ของไป๋หรั่นหลุบลงมองดวงตากลมโตที่เปี่ยมไปด้วยความปะเลาะเอาใจอย่างพิจารณาอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมยกสองมือขึ้นบีบแก้มเจ้าตัวน้อยพร้อมกล่าวขึ้นด้วยแววตาที่คลายความกังวลลงหลายระดับ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ก็คงต้องดูที่ความสามารถของเจ้าแล้ว องค์หญิงน้อยของแม่”</font>

</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
ฮั่นอู่ตี้<br>
+5 สนทนาประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br>
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์ขนมประเภทอาหารปรุง<br>
+15 โบนัสความสัมพันธ์โดดเด่นมีเอกลักษณ์<br><br>

ฮั่ว ชวี่ปิ้ง<br>
+5 ความสัมพันธ์ประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br>
+20 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง +10 ชาเกรดม่วง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์อาหารปรุง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์ชาประเภทชงชา<br>
+15 โบนัสความสัมพันธ์โดดเด่นมีเอกลักษณ์<br><br>


จางกงกง<br>
+5 ความสัมพันธ์ประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br><br>

การอัปเลเวลของผู้ติดตาม +10 บารมี ( 1 เวล หลี่ผู่เยว่ )<br>
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี<br>
+ตบะฝึกฝน ฝึกซ้อมกระบี่ร่วมกับผู้มีปราณมังกร


</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-10-21 17:29:02

<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B">
<span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ผีผา</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">
11 เดือน 09 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>ช่วงค่ำ</i></font></font><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">สายลมพัดเอากลิ่นดอกตู้เจวียนมาพร้อมกับความหวานหอมของดอกโม่ลี่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเพียงแค่กะพริบตากาลเวลาก็ผันผ่านมาจนถึงสารทฤดู ภายในเมืองหลวงไร้ราตรี ใต้รั้ววังหลวงทองอร่าม ณ ตำหนักชายขอบที่ห่างไกลยังมีหนึ่งชีวิตคอยเฝ้ามองดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือไม่ก็ใบไม้ที่ปลิดปลิวลงสู่พื้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นานแล้วที่ตำหนักตงเฉินไม่ได้สงบอย่างนี้ .. ไม่รู้ว่าอะไรเป็นสิ่งดลใจให้เช้าวันนี้ตำหนักเซวียนเต๋อส่งคนมาเชิญองค์หญิงน้อยไปค้างแรมกับพระพันปีบางทีอาจเป็นสัญญาณว่าการเติบโตของหลิวหรูเยี่ยนยังคงต้องอยู่ในสายตาของเชื้อพระวงศ์ที่แท้จริงหรือไม่ก็เป็นความเมตตาที่อยากให้สตรีที่ไม่เคยเลี้ยงบุตรมาก่อนได้พักผ่อน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“ พระชายา พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้วเสด็จเข้าชานเรือนเถิดเพคะ ”</font> แม้แต่น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยของนางกำนัลคนสนิทก็ยังไม่อาจทำให้ชายาหยกขาวละสายตาจากฟากฟ้า ผู่เยว่หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายไม่ตอบกลับ ดังนั้นแทนที่จะดึงดันรบกวนต่อไปนางก็เลือกที่จะประคองเตากำยานไล่แมลงวางลงบนโต๊ะเตี้ยที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะถอยหลังกลับปล่อยให้ผู้ครองตำหนักได้มีเวลาส่วนตัว

                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">สายตาของไป๋หรั่นสงบเงียบและรอคอย
                <br><p style="text-indent: 2.5em;">ขอแค่ท้องนภาถึงเวลาแขวนจันทร์แทนตะวัน
                <br><p style="text-indent: 2.5em;">หนึ่งวันที่แสนเงียบเหงานี้ก็จะกลับมาสมบูรณ์แบบ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เวลาผ่านไปได้ไม่นาน แต่แทนที่จะได้เห็นการสิ้นสุดของแสงตะวัน สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของนงคราญกลับเป็นเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่เคลื่อนมาเรื่อย ๆ แต่กลับมีแค่ผู้เดียวเท่านั้นที่เดินอย่างหนักแน่นมาหยุดที่ด้านหลังนาง เขาผู้นั้นมีกลิ่นอายลึกลับเฉพาะตัวที่เกิดจากชาและน้ำหมึก หลอมรวมมาเป็นเอกลักษณ์ของยอดบัณฑิต
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ กำลังรอคอยสิ่งใด ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่าทว่าน่ารับฟัง ในชีวิตของนางคนที่เข้าออกฝ่ายในทั้งยังกล่าวอย่างไม่มีพิธีรีตองอย่างนี้ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ รอคอยว่าเมื่อใดหม่อมฉัน.. ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถ้อยคำของนางเลือนหายไปในหมู่ลมที่พัดใบไม้ให้ปลิวพริ้วแต่ผู้ไถ่ถามที่เผอิญได้ยินเสียงกระซิบกลับเบิกตากว้าง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ … ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
น้ำหนักของเสื้อคลุมสีเข้มทาบลงกับร่างที่แสนจะบอบบาง ไป๋หรั่นแค่หันหน้าเล็กน้อยก็เห็นสามีนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ข้างกาย หลิวเช่อยังคงสวมฉลองพระองค์สีเข้มปักลายมังกรทองโผบินกลางหมู่เมฆ แสงตะวันยามสนธยาสาดลงมากระทบกับเนินจมูกเสริมให้รูปลักษณ์ปานเทพบุตรหล่อร้ายกลายมาเป็นนุ่มนวลอย่างที่ยากจะพบเห็น เนตรหงส์ของพระชายาหยกเคลื่อนจากเสี้ยวองคาพยพบางส่วนเปลี่ยนมาเป็นเส้นผมดำขลับของเขาที่รวบขึ้นแค่ครึ่งศีรษะบ่งบอกให้ทราบว่าคงพึ่งกลับจากทำธุระที่ไม่เป็นทางการ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ นึกไม่ถึงว่าการรับนางเอาไว้จะเป็นผลดีต่อเจ้ามากกว่า ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ตั้งแต่มีหรูเยี่ยนบทสนทนาของพวกเขาก็มักวนเวียนอยู่กับเด็กหญิงตัวน้อยเสมอ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน ทั้งที่ในตำหนักตงเฉินไร้ซึ่งเสียงก้องกังวานขององค์หญิงใหญ่แท้ ๆ รอยยิ้มเบาบางที่กลั่นออกมาจากความอบอุ่นทั้งหัวใจถูกแต้มเอาไว้บนใบหน้าของสาวงาม<font color="#994D7B"> “ ก็แค่ความเห็นเพ้อฝันของสตรี ฝ่าบาทอย่าได้ใส่ใจนักเลยเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อเคยชื่นชมในความไม่แยแสที่นางมี ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นส่วนที่เขาชิงชัง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หญิงแซ่ลู่ผู้นี้ในสายตาของเขาคือก้อนขาวกลม ๆ ชนิดหนึ่งที่ดูดซับเรื่องราวมากเกินไปและปกปิดรอยด่างพร้อยในจิตใจได้ดีเกินไป นางสามารถระบายความคับข้องใจของตัวเองได้ แต่แล้วในวินาทีถัดมากลับบอกว่าเป็นแค่ความเพ้อฝัน? ริมฝีปากของหลิวเช่อขยับยกเป็นรอยยิ้มแม้ว่ารอยยิ้มนี้จะมาจากความขมขื่นลึก ๆ ในใจก็ตาม
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ในเมื่อเจ้ายังกล่าวเช่นนั้นได้ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
น้ำเสียงของโอรสสวรรค์เรียบเย็นแต่จังหวะถ้อยคำกลับเร็วและรุนแรงกว่าปกติ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ดูแล้วก็คงไม่เป็นไรจริง ๆ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขากำลังไม่พอใจ ไป๋หรั่นสัมผัสได้จากน้ำเสียงของเขา นงคราญหยกผ่อนลมหายใจของตัวนางออกผ่านริมฝีปากช้า ๆ นางครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่าว่าควรปฏิบัติต่อชายที่เป็นทั้งสามีและคนที่ตนเคารพอย่างไรในแบบที่ไม่ก้าวข้ามขอบเขตมากจนเกินไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่รัก.. ไป๋หรั่นคิดอย่างนั้น มันอาจเป็นความสนใจชั่วคราว ความสบายใจเพียงข้ามคืนหรือไม่ก็แค่สถานะทางการที่ทำให้พวกเขาไม่อาจมองข้ามกันและกัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาคือจักรพรรดิ ผู้ครองต้าฮั่น รอบกายเต็มไปด้วยคนมากมายที่ผ่านมาและผ่านไป นางเองก็คงจะเป็นหนึ่งในนั้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B"> “ ฝ่าบาท คืนนี้ร่ำสุรากับหม่อมฉันสักไหดีหรือไม่เพคะ? ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของนางเป็นเสมือนลมที่พัดเอาความอ่อนหวานมาห้อมล้อมอยู่รอบกายเขา เนตรมังกรของโอรสสวรรค์หรี่ลงในระหว่างที่พิจารณาความเหมาะสม ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยดื่มสุราด้วยกัน และก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเห็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดของชายาเมื่อนางเมามาย แต่สาเหตุที่ทำให้เขาลังเลกลับเป็นเพราะไม่แน่ใจในจุดประสงค์ของนาง หลังเผชิญหน้ากับความเงียบที่ดำเนินผ่านในที่สุดฝ่ายคนเป็นสามีก็ส่งเสียงรับเบา ๆ ในลำคอว่า <i>‘ อืม ’</i>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะเขาตกลงดังนั้นไป๋หรั่นจึงนำโอรสสวรรค์มายังอีกบริเวณที่อยู่ไม่ไกล
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พวกเขายังอยู่ใกล้อาณาเขตขอบสระบัวภายในตำหนักตงเฉิน ไม่ได้ห่างจากมันไปไหนไกลเพราะล่าสุดนางพึ่งจะออกคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนหนึ่งในสองศาลาริมสระบัวให้กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนในแบบพิเศษ ที่ลานหินรอบสระบัวมีโต๊ะและเก้าอี้ที่จับคู่มากับโต๊ะอีกหลายตัวเสมือนว่าเตรียมพร้อมรอรับแขกแทบทุกเวลาและเมื่อมองถัดไปด้านหลังก็จะพบศาลาที่แขวนม่านสีม่วงแสนประณีตเอาไว้อย่างมิดชิดเพื่อพรางสายตาไม่ให้เห็นว่าที่อยู่ด้านในนั้นคืออะไร
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บนโต๊ะนอกศาลานั้นมีสำรับมากมายวางเรียงรายอย่างหรูหราพร้อมทั้งสุราอีกหลายไหให้ได้เลือกสรร แต่ทั้งหมดนั้นกลับไม่ดึงดูดสายตาของหลิวเช่อเลย สายพระเนตรของโอรสสวรรค์จับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของร่างสะคราญที่กำลังก้มลงโอบผีผาขึ้นแนบอกและหันกลับมาสบตาเขา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อาหารมีแล้ว สุราก็มีแล้ว จะขาดดนตรีไปได้อย่างไร ”</font> นางพูดขณะที่ใช้แขนข้างหนึ่งประคองผีผา ส่วนอีกข้างเอื้อมมารินนารีแดงลงในจอกของเขา ผู้เป็นสามีเฝ้ามองดูการกระทำที่เชื่องช้าแต่มั่นคงด้วยสายตายากจะอธิบาย ชายาของเขายังคงความพยายามในการดูแลเขาเป็นอย่างดีแม้ว่านางจะไม่ได้ถนัดในการทำอะไรอย่างนี้ก็ตาม
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ เป็นคนชวนข้า แล้วเหตุใดถึงไม่ดื่ม ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำถามนี้ของหลิวเช่อทำให้ไป๋หรั่นหัวเราะออกมาเบา ๆ <font color="#994D7B">“ ให้ท่านดื่มก่อนมิได้แปลว่าข้าไม่ดื่ม พระองค์ทรงคิดมากเกินไปแล้ว ”</font> นงคราญหยกทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินตรงข้ามเขาสองมือนางขยับจัดองศาของผีผาก่อนจะเปลี่ยนเป็นการปรับเสียงของสาย โอรสสวรรค์ไม่เคยต้องนั่งมองดูพฤติกรรมพื้นฐานอย่างการบรรจงดีดสายผีผาทีละเส้นเพื่อปรับความตึงหรือหย่อนของสายให้ได้เสียงที่ถูกต้องมาก่อน ที่ผ่านมาเขาเคยชินกับการพบเห็นคนมากมายพร้อมแล้วที่จะนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดตรงหน้า
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฉะนั้นเมื่อได้เห็นการกระทำที่เรียบง่ายนี้.. ก็คล้ายว่าน้ำหนักภาระบนไหล่เขาจะเบาลงขึ้นทันตา ราวกับสลัดยศถาบรรดาศักดิ์ที่เคยมีทิ้งไว้ข้างหลังเป็นแค่สามีคนหนึ่งที่นั่งเฝ้ามองภรรยาเตรียมตัวเพื่อที่จะได้บรรเลงดนตรีให้เขาฟังความรู้สึกเป็นธรรมชาตินี้ค่อยกำลังแทรกซึมลงไปในความคิดและความทรงจำของเขาช้า ๆ ทว่าทรงพลังยิ่งนัก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ พระองค์มีบทเพลงที่ทรงโปรดหรือไม่เพคะ ” </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ … ไม่มี ”</font> ขายผู้ใช้ชีวิตส่วนมากไปกับความหยาบกระด้างอย่างเขามีหรือจะแบ่งพื้นที่ในใจให้กับการจดจำเพลงสักเพลง ถึงไม่ต้องคิดหลิวเช่อก็รู้คำตอบของตัวเองดี เขาขยับมือยกจอกสุราขึ้นจิบช้า ๆ ในระหว่างที่ดวงตายังคงทอดมองไปทางซูเฟยในแบบที่ถึงจะไม่ได้จับจ้องอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้มีท่าทางว่าจะละสายตา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เอาใจชายที่ไม่มีเพลงในใจ ด้วยเพลงที่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะชอบหรือไม่.. นับเป็นบททดสอบที่ยากไม่น้อย นัยน์ตาสีนิลของสาวหยกสั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจแม้ว่าสุดท้ายที่ทำได้จะเป็นแค่การสูดหายใจเข้าและจรดนิ้วไปบนสายผีผา ดีดและสะบัดสร้างท่วงทำนองลื่้นหูราวกับว่าเป็นดนตรีจากฟากฟ้า
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สาวงามในอาภรณ์สีอ่อนหรูหราโอบประคองผีผาแนบลำตัว จรดปลายนิ้วกรีดลงบนสายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยใบหน้าสงบ นางไม่เหมือนนักดนตรีของกรมสัตคีตที่เอะอะเล่นหูเล่นตาหรือขยับหน้าสร้างท่าทาง แต่กลับสามารถตรึงสายตาของผู้คนเอาไว้ได้ทั้งที่ไม่ต้องพยายาม
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลายคนมักกล่าวว่าขอบเขตของดนตรี ไร้เพศ ไร้พรมแดน
                <br><p style="text-indent: 2.5em;">ทว่าผีผากลับถูกจัดให้เป็นเครื่องดนตรีของสตรีมาช้านาน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้แต่คนอย่างหลิวเช่อที่ไม่เคยสนใจเรื่องละเอียดอ่อนว่าของชนิดไหนเหมาะกับใครเมื่ออยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ยังเริ่มคิดขึ้นมาแล้วว่าชายาของตนเหมาะกับผีผามากเสียยิ่งกว่าใครที่เขาเคยพบ.. ชั่วขณะที่บทเพลงดำเนินไป เสียงสูงสลับต่ำตามการกดสายช่วยเสริมบรรยากาศให้กับสนธยาที่กำลังเคลื่อนผ่าน โอรสสวรรค์พบว่าลำคอเขาร้อนผ่าวและแห้งผากถึงขนาดรู้สึกว่าการกลืนสุราลงคอเป็นเรื่องยากแม้ว่าจะกำลังกระหายก็ตาม เนตรมังกรเคลื่อนมองผืนฟ้าปล่อยให้รสชาติหวานปมขมแพร่กระจายทั่วโพรงปากจนแทบเจือจางถึงได้กลืนลง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ท้องนภาสีอ่อนค่อย ๆ ถูกกลืนด้วยความมืด ผสานสีสันหนแล้วหนเล่าจนเปลี่ยนเป็นราตรีที่ประดับประดาด้วยแสงดาวและแสงโคม เสียงผีผายังคงลอยฟุ้งไปตามลมแต่ความเร็วของเพลงกลับตกลงมากจนผู้ฟังชำเลืองตาไปมองคนบรรเลง ปลายนิ้วที่เคยขาวกระจ่างราวต้นหอมตอนนี้แดงช้ำ หากยังฝืนดีดต่อไปอีกไม่นานคงได้แผลบาดลึกลงกับผิว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">" พอแล้ว " </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<i><b>เปร๊ง ! </b></i>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงเพี้ยนแปร่งหูของสายผีผาดังขึ้นจนคนฟังสำลัก ก็ไม่แปลกที่คนเล่นจะเผลอตัดเพลงจบเอาเสียดื้อ ๆ ในเมื่อคนห้ามก็ไม่ได้ใช่วิธีการพูดที่ประณีประนอมเท่าไหร่นัก ใบหน้าของสาวหยกเปี่ยมไปด้วยความสงสัย แววตาของไป๋หรั่นฉาบความประหลาดใจเอาไว้ในขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเขา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">" มือเจ้า "</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดวงตาของไป๋หรั่นหลุบลงมองปลายนิ้ว ข้างที่ใช้เพื่อดีดยังไม่ได้มีอาการรุนแรงแต่ข้างที่ใช้กดสายเพื่อเปลี่ยนเสียงกลับแดงก่ำจนน่ากลัว <font color="#994D7B">" .. อ้อ นี่เป็นเรื่องปกติของคนที่เล่นเครื่องสาย ฝ่าบาทอย่ากังวลไปเลยเพคะ " </font>ไป๋หรั่นทราบขอบเขตของตัวเอง ช้ำเท่านี้ยังไม่นับว่าอันตราย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">" วางมันลง " </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าครั้งนี้สามีของนางจะไม่เปิดรับคำแก้ตัวใด ๆ พระชายาหยกถอนหายใจช้า ๆ และปฏิบัติตามแต่โดยดี นางวางผีผาพิงกับโต๊ะหิน พักมือทั้งสองข้างที่ใช้ติดต่อกันมานานลงกับตัก ไป๋หรั่นไม่ดื้อรั้นหรือต่อต้านกับความเห็นของเขานางก้มหน้าลงมองฝ่ามือของตัวเองเล็กน้อย
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">" ส่วนมาก คนมักมองข้ามความลำบากของผู้ให้ความรื่นเริงแก่พวกเขา .. ฝ่าบาทเป็นคนแรกเลยที่ห้ามปรามหม่อมฉันเกี่ยวกับการเล่นดนตรี "</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางกำลังจะบอกว่าเขาจุ้นจ้าน? แม้ว่าความระแวงจะทำให้เขาคิดไปในทางที่ร้ายเป็นอันดับแรก แต่เมื่อสบตากับผู้กล่าวความคิดเหล่านั้นก็เลือนหายไปโดยทันที ในเนตรหงส์คู่นั้นไม่ได้แฝงคำตำหนิหรือไม่พอใจทั้งหมดที่แสดงออกมาล้วนเป็นแค่ความละอาย<font color="#994D7B"> " หม่อมฉันทำให้พระองค์ไม่สบายใจหรือเพคะ " </font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของนางเบามากจนหลิวเช่อคิดว่าตัวเองหูฝาด เขาขมวดคิ้วในระหว่างที่พูดแต่กลับไม่ได้ดูน่ากลัวในสายตาของนาง <font color="#b49a35">“ คิดเล็กคิดน้อยเกินไป”</font> คำพูดของเขาทำให้ไป๋หรั่นหัวเราะเสียงเบา ลู่หนี่ว์แห่งตำหนักตงเฉินก้มหน้าลง สองมือยื่นไปประคองไหสุรารินเติมให้เขาและตัวเอง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<b><font color="#994D7B">“ คืนนี้มีสุรา เมาเถิดหนา ห่วงไฉน ทุกข์โศก ในโลกไกล ไว้วันพรุ่ง ค่อยทุกข์กัน ” </font></b>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในคืนที่ร้อนจนอบอ้าว ภายในศาลามีเงาของสองชีวิตนอนอิงกันอย่างสงบ คนหนึ่งสวมชุดมังกรสีดำนอนราบบนฟูกหนา อีกคนเป็นสาวงามหมดจดในชุดสีอ่อนนอนตะแคงเข้าหาเขา ไม่แนบชิดแต่ก็ไม่ได้ห่างเหิน ราวกับระยะของพวกเขากำลังลดลง.. ลดลง และลดลง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อรุงสางมาเยือน ต่อให้จะปวดศีรษะเพราะความเมามาย สุดท้ายร่างกายก็ยังผลักให้ตื่นจากฝัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เสวยน้ำแกงสร่างเมาก่อนเถิดเพคะ ”</font> เสียงนุ่ม ๆ พร่ำบอกสิ่งที่เขาต้องทำอยู่ข้างกาย ด้วยความไม่เชื่อใจใคร คิ้วเข้มตรงราวกระบี่ขมวดเข้าหากัน มือหยาบกระด้างของชายที่ผ่านศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนคว้าเข้าที่ข้อมือบาง ๆ ของสตรีผู้หนึ่งจนเผลอปล่อยชามน้ำแกงให้ตกลงแตกกระจายบนพื้น เสียงนี้ปลุกสัญชาตญาณการเฝ้าระวังของหลิวเช่อ เขาดึงร่างของคนปริศนาเข้ามาใกล้ และใช้มืออีกข้างคว้าบีบเข้าที่คอ กว่าจะสังเกตให้ชัดได้เต็มตาก็เกือบจะสายไปเสียแล้ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นคร่อมอยู่บนตักแกร่งตามแรงดึงของเขา ทั้งสองใกล้พอจะรับรู้ถึงความใกล้ชิดในระดับที่ไม่ธรรมดา นางไอสองสามครั้ง บ่งบอกให้รู้ว่าการกำบริเวณรอบคอของนางรุนแรงพอจะทำให้การหายใจติดขัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรอยช้ำที่กำลังปรากฏขึ้นที่ข้อมือและลำคอ ดวงตาของหลิวเช่อเบิกกว้างเขาคลายมือทั้งสองเปลี่ยนมาประคองไหล่ของร่างบางที่ทรุดลงหอบหายใจบนตัวเขาอย่างรวดเร็ว
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ เจ้า .. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นยกมือขึ้นแตะลำคอของตัวเองที่ยังร้อนผ่าว <font color="#994D7B">“ หม่อมฉัน.. ขออภัย ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่ มันไม่ใช่เรื่องที่นางจำเป็นต้องขออภัย โอรสสวรรค์ต่อให้หัวเสียแต่ก็ยังไม่สามารถคลายความถือตัวของตนเองออกไปได้ เขาเบือนหน้าไปอีกทาง <font color="#b49a35">“ ลุกออกไป ” </font>สิ้นคำสั่งนี้ ไป๋หรั่นแทบจะเหาะออกจากตัวเขา นางเหมือนกระต่ายที่ดีดตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนเกือบจะย้อมสถานการณ์ตึงเครียดให้กลายเป็นเรื่องตลก
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#b49a35">“ ช่วยเจิ้นแต่งตัว ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ความเย่อหยิ่งของเขามีมากเกินไป .. ท้ายที่สุดแล้วความผิดพลาดที่มาพร้อมความรู้สึกอันแสนประหลาดและค่ำคืนชวนให้ตระหนกก็เปลี่ยนมาเป็นแค่สถานการณ์ลำลองอย่างเคยที่มีนางคอยช่วยเหลือดูแลในยามเช้าตามที่เขาต้องการก่อนจะจากไป
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">             <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">

ฮั่นอู่ตี้<br><br>
+5 สนทนาประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br>
+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง<br>
+20 ความสัมพันธ์จับคู่ สุราเกรดแดง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์อาหารประเภทอาหารปรุง<br>
+15 โบนัสความสัมพันธ์โดดเด่นมีเอกลักษณ์<br>
+?? ความสัมพันธ์เล่นดนตรีให้ฝ่าบาทฟัง <br><br>

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี<br>
ปรนนิบัติหวงตี้ยามค่ำคืน +20 บารมี<br>
เล่นดนตรีให้หวงตี้ฟัง +?? บารมี<br><br>

ปรนนิบัติทุกค่ำคืน = 1 ปรนนิบัติ<br>
ปรนนิบัติ (เวลา 03.30 - 04.30 น.) เปลี่ยนชุด = 1 ปรนนิบัติ<br><br>

เล่นจนนิ้วแดงนับเป็นการฝึกไปในตัวเพราะงั้น .แบมือขอค่าฝึกฝน

</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
ดูในรูปแบบกติ: [ตำหนักตงเฉิน | 冬晨宫]