แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2025-5-31 20:30 <br /><br /> <style>
/* Response Container */
.response-container {
max-width: 850px;
margin: 40px auto;
background: linear-gradient(to bottom, #faf5f5, #7e2121);
border: 2px solid #d4a373; /* Gold border */
border-radius: 15px;
box-shadow: 0 10px 20px rgba(0, 0, 0, 0.6);
overflow: hidden;
padding: 20px;
}
/* Header */
.response-header {
text-align: center;
font-size: 2em;
color: #d4a373; /* Gold accent color */
font-weight: bold;
margin-bottom: 15px;
}
/* Character Info */
.character-info {
display: flex;
align-items: center;
background: #7e2121; /* Dark brown for contrast */
border: 1px solid #805e3b; /* Subtle decorative border */
padding: 15px;
border-radius: 10px;
margin-bottom: 20px;
}
.character-info img {
width: 150px;
height: 150px;
border-radius: 50%;
margin-right: 15px;
border: 3px solid #d4a373;
}
.character-info .details {
display: flex;
flex-direction: column;
}
.character-info .name {
font-size: 1.8em;
color: #d4a373;
}
.character-info .status {
font-size: 1em;
color: #c6b197;
margin-top: 5px;
}
/* Dialogue Box */
.dialogue-box {
background: #f9e8e8;
border: 1px solid #805e3b;
padding: 100px;
border-radius: 10px;
color: #a0a0a0;
font-size: 1.2em;
line-height: 1.8;
position: relative;
}
.dialogue-box:before {
content: '“';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
left: 10px;
top: -10px;
font-family: serif;
}
.dialogue-box:after {
content: '”';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
right: 10px;
bottom: -10px;
font-family: serif;
}
/* Footer */
.response-footer {
text-align: center;
padding: 10px;
color: #c6b197;
font-size: 0.9em;
margin-top: 10px;
border-top: 1px solid #805e3b;
}
/* Hover effects */
.response-container:hover {
box-shadow: 0 12px 20px rgba(0, 0, 0, 0.15);
}
.dialogue-box:hover {
background: #f1f1f1;
}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';} </style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';} </style>
<div class="response-container">
<!-- Header -->
<div class="response-header"><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#7e2121">
<span style="text-shadow: rgb(213, 182, 213) 1px 4px 3px;">บันทึกฝูหรงแห่งหยกขาว</font></font></font></span></div>
<!-- Character Info -->
<div class="character-info">
<img src="https://i.imgur.com/y8kffKa.jpeg" alt="Character Avatar">
<div class="details">
<div class="name"><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#b69153">
<span style="text-shadow: rgb(41, 0, 0) 1px 4px 3px;"><b>ลู่ไป๋หรั่น</span> ཐིཋྀ หนึ่งวันในตงเฉิน</b></font></font></font></div>
<div class="status"><font face="Sriracha"><font size="2">กุ้ยเฟยแห่งตำหนักตงเฉิน ⋆ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง<br>ช่วงเย็น - 9 เดือน 11 (ธันวาคม) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10</font></font></div>
</div>
</div>
<!-- Dialogue Box -->
<div class="dialogue-box">
<p><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">ลมหนาวท้ายปีวนกลับมาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ครอบครัวของนางอบอุ่นกว่าเดิมมาก เสียงร้องเล็กแหลมด้วยความสนุกสนานขององค์หญิงใหญ่กระจายไปทั่วตำหนักตรงข้ามกับความหนาวเย็นของฤดูกาลช่วงท้ายปี ไป๋หรั่นนั่งอยู่ภายในศาลา ตลอดทั้งร่างคลุมด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ช่วยให้ความอบอุ่น ความอบอุ่นแก่นาง?
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่ , แก่ลูกน้อยต่างหาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ อาเสวียน.. พี่สาวเจ้าอยู่นิ่งไม่เป็น วันหน้าอย่าเอาอย่างนาง เข้าใจหรือไม่? ”</font> ใบหน้าของนงคราญโน้มลงกระซิบเหนือหน้าผากกลมของราชโอรสตัวน้อย ไออุ่นของบุตรชายในอ้อมแขนดีกว่าเตาอุ่นมือใด ๆ ที่เคยใช้มาทั้งชีวิต ไป๋หรั่นในช่วงนี้จึงเสพติดการอยู่ใกล้บุตรชาย ทว่าความเร็วในการเติบโตของเขากลับเป็นที่น่ากังวล
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แค่สองเดือนกว่า เด็กคนนี้ก็มีขนาดตัวเท่าเด็กอายุสามหนาว ประหลาดเกินไป แต่ไม่ว่าจะประหลาดอย่างไร เด็กคนนี้ก็เป็นลูกของนาง ไป๋หรั่นปกป้องเขาจากสายตาของภายนอกและฮั่นอู่ตี้ก็เห็นดีเห็นงามไปกับนาง <font color="#994D7B">‘ ฝ่าบาทกล่าวว่าทั้งหมดนี้เป็นความพิเศษของสายเลือดมังกร.. แต่จากบันทึกเก่าก่อนก็ไม่เห็นมีกล่าวถึงเชื้อพระวงศ์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ’ </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อ้อมกอดสำหรับหนูน้อยที่ยังโตไม่เต็มที่เริ่มแน่นขึ้น เสียงถอนหายใจหลุดลอดออกจากริมฝีปากเป็นสัญญาณของความเหนื่อยล้าที่กดทับบนบ่าของผู้เป็นมารดา ไป๋หรั่นยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับความฝันประหลาดที่นางมี ไม่ว่าจะฝันรับแสงจากสตรีแปลกหน้า..หรือฝันอำลาของผิงหยางกงจู่ <font color="#994D7B">‘ มีเรื่องให้คิดเต็มไปหมด ’</font> ลมหายใจล่องลอยออกจากปากกลายเป็นกลุ่มควันท่ามกลางหิมะขาว ดวงตาของนงคราญหลุบลงมองเด็กชายตัวน้อยที่กำลังกำเสื้อคลุมขนสัตว์บนไหล่นางแน่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตานางด้วยดวงตากลมโต
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">‘ มีบุตรชายน่ารักน่าชังถึงเพียงนี้แล้วยังต้องกังวลอันใดอีก ’</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“ เจ้าเอาแต่อุ้มเขาจนคนอื่นตัวเป็นขนกันหมดแล้ว ”</font> น้ำเสียงเรียบเข้มแต่ทรงพลังของฮั่นอู่ตี้ดังขึ้นจากด้านข้างของศาลา โอรสสวรรค์ผู้ฝากตนเป็นแขกประจำปรากฏตัวในพระภูษาสีนิลขลิบลายทอง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการสวมภูษาอย่างนี้หมายถึงพระองค์พึ่งกลับจากการออกไปชมเมือง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราวกับรู้ว่าสิ่งไหนจะสามารถทำให้ใจชายที่แข็งดังหินผาอ่อนลง ไป๋หรั่นค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาสวามีพร้อมโอรสในอ้อมแขน <font color="#994D7B">“ อาเสวียนโตไวกว่าผู้อื่น คลาดสายตาเพียงครู่เดียวก็เหมือนว่าจะโตขึ้นอีกแล้ว หม่อมฉันไม่อยากพลาดช่วงเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา มีอันใดผิดหรือเพคะ ”</font> ริมฝีปากบางหลังจากพูดก็เปลี่ยนมาแย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน ใบหน้างามขยับขึ้นมองเจ้าแผ่นดินจนเจ้าตัวเป็นฝ่ายหลบสายตา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“ แขนขาเก้งก้างเหล่านี้ยาวขึ้นกี่ชุ่นแล้ว ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท! ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มีอย่างที่ไหนกล่าวถึงบุตรชายตัวเองอย่างนี้ แก้มขาวของโฉมงามพองลมด้วยความไม่พอใจ ปากเล็ก ๆ ขยับมุบมิบราวกับเก็บงำคำต่อว่ามากมายเอาไว้ในใจแต่ไม่ยอมเปล่งเสียง เสียงเย้ยหยันในลำคอของฮั่นอู่ตี้ดังขึ้นพร้อมมือสากที่เคลื่อนเข้าบีบปากของชายาเอกจนหน้ายับยู่ยี่ <font color="#7f6000">“ อย่าเสียงดัง เขาตกใจหมดแล้ว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยังจะใช้อาเสวียนของนางมาเป็นข้ออ้างอีก !
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ท้ายที่สุดแล้วคนที่พลิกขาวเป็นดำเก่งที่สุดก็คงไม่พ้นเขา ไป๋หรั่นมุ่นคิ้วเข้าหากัน ปากที่ถูกบีบจนยู่ขยับโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะไว้ไมตรีเปิดโอกาสให้นางตอบโต้แต่ดูแล้ววันนี้ฮั่นอู่ตี้คงจะล้าอยู่มาก เขาถึงได้ออกคำสั่งเบ็ดเสร็จในคราวเดียว <font color="#7f6000">“ อย่าเถียง ”</font> เขาปรามนางด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะอ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางเหล่านางกำนัลที่คอยยืนล้อมศาลาเอาไว้ <font color="#7f6000">“ ตั้งสำรับ —- บอกองค์หญิงใหญ่ของพวกเจ้าให้เลิกวิ่งเล่นแล้วมาทานมื้อเย็น ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นเห็นครอบครัวมาหลากหลายแบบ ที่สนิทสนมกันก็ดี ที่ตึงเครียดก็ดี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บิดาแบบฮั่นอู่ตี้จะว่าถูกต้องก็ไม่ผิด แต่ในอนาคตคงไม่พ้นถูกเด็ก ๆ ตีตัวออกห่าง <font color="#994D7B">‘ ช่างเถิด อย่างไรเขาก็เป็นเจ้าแผ่นดิน จะให้อยู่ดี ๆ กลายเป็นพ่อดีเด่นเลยก็คงประหลาดเกินไป ’</font> ไป๋หรั่นส่ายหัวแค่เล็กน้อย ก่อนที่จะปล่อยให้เสียงโวยวายแกมเว้าวอนของอาเยี่ยนที่ถูกขัดจังหวะการเล่นสนุกกลายมาเป็นยาบรรเทาความกังวลที่กำลังก่อร่างสร้างตัว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">‘ ขอให้ทุกอย่างอบอุ่นแบบนี้ไปนาน ๆ .. ขอให้บ้านของเราอย่าต้องพบกับเรื่องวุ่นวายเลย ’</font>
</font></font></p>
</div>
<!-- Footer -->
<div class="response-footer">Presented by the House of Jade</div>
</div>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-5-31 10:01 <br /><br /> <br><br><style>
#boxcorecenter2 {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #6F1D3D 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.supaimg.com/b9d3230b-f96c-4499-8674-546debfa23aa.jpg");
}
</style>
<style>
#boxR0LE2 {
width: 670px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter2">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE2">
<br><img width="450" src="https://i.supaimg.com/85993dbc-9004-4d8b-ab3b-72ff6c7e0d5c.png" border="0" alt="">
<br><img src="https://i.imgur.com/tDqgS6A.png" width="400" border="0">
<br><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#980000"><b><i>มือซ้ายถืออีแปะ มือขวาถือตำลึง</i></b><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun">
<p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-align: center; text-indent: 2.5em;"><b>31 หลิวเย่ว์ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 ยามซื่อ < 09.00 น. - 10.59 น. ></b></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-align: center; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">ตำหนักตงเฉินในยามสาย ดวงตะวันยังเพียงแตะขอบฟ้าทางตะวันออก อากาศยังไม่ร้อนจัด แต่กลิ่นหอมจากบุปผาในสวนเล็กหน้าตำหนักก็ลอยเอื่อยผ่านผ้าม่านบางที่ปลิวไหวแผ่ว ๆ ด้วยแรงลมอ่อน ชุดแพรบางขององค์ชายน้อยกระเพื่อมเบา ๆ ขณะเจ้าตัวยืนเท้าสะเอวอยู่กลางห้อง หัวคิ้วขมวดแน่นอย่างคนที่กำลังขบคิดเรื่องสำคัญระดับปฐพีสะเทือน</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ถุงไหนกันนะ ที่มีขนมงาดำซ่อนอยู่” </font></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><span style="text-indent: 2.5em;"><br></span></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><span style="text-indent: 2.5em;">เสียงใสเอื้อนเอ่ยคล้ายพึมพำกับตัวเอง แต่ดวงเนตรคู่นั้นกลับจ้องเขม็งไปยังสองถุงเบ้อเริ่มที่วางอยู่ตรงหน้า ริมฝีปากสีชมพูเม้มเป็นเส้นตรงในที ก่อนเจ้าตัวจะยื่นมือเรียวยาวตามประสาเด็กผู้ดีไปหยิบถุงใบซ้ายขึ้นชั่งน้ำหนักอย่างพินิจพิเคราะห์</span><span style="text-indent: 2.5em;"></span></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“เจ้าว่านะกงกง ถุงหนึ่งมีสามหมื่นห้าพันอีแปะ อีกถุงมีสามสิบตำลึงทอง...ข้าจะเอาอันที่หนักกว่า ดีไหม?”</font></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“อ...อ่า... ขึ้นอยู่กับพระองค์พะยะค่ะ ถุงทองแม้เบากว่า แต่มีค่าเป็นสิบเท่าของอีแปะ...”</font></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">เสียงกระซิบกระซาบของขันทีสูงวัยฟังดูประหนึ่งคำเตือน แต่เจ้าโอรสตัวจ้อยกลับยักไหล่ราวกับเรื่องเงินทองเป็นเพียงการเลือกของเล่นในลาน</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“แต่ถุงนี้มันกลิ้งได้นะ” </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">ท่านองค์ชายกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างจงใจ ขณะเอียงศีรษะเพ่งมองถุงอีแป๊ะที่กลมกลึงจนเกือบกลิ้งหนีจากโต๊ะ </span><font color="#000080">“ของที่กลิ้งได้ มักจะหนีไปง่าย ข้าไม่อยากต้องวิ่งตามเงินของตัวเองไปทั่ววังหลวง”</font></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">คำพูดไร้เดียงสาแต่เจือเชิงประชดประปรายทำเอากงกงต้องยกมือปิดปากกลั้นขำ ใบหน้าเหี่ยวย่นปรากฏรอยยิ้มเจื่อน ๆ ขณะสบตากับโอรสน้อยซึ่งกำลังใช้ปลายนิ้วเขี่ยผ้าผูกถุงตำลึงทองอย่างกระตือรือร้น</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ข้าจะเอาถุงนี้”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> เขาชี้นิ้วอย่างมั่นคง </span><font color="#000080">“ไม่ใช่เพราะข้าโลภ...แต่เพราะมันสวยกว่า มัดเชือกแดงด้วย ข้าชอบสีแดง”</font></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">ขันทีผู้ติดตามถึงกับนิ่งอึ้งอยู่ครู่ ก่อนจะโค้งคำนับพลางรับคำเบา ๆ ว่า “รับพระบัญชา”</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">เด็กชายตัวเล็กในชุดไหมสีอ่อนเดินยืดอกตรงเข้าหาถุงเงินอย่างภูมิใจ ริมฝีปากเล็กขยับคล้ายจะฮัมทำนองเพลงที่ไม่มีใครรู้จัก ขณะหยิบถุงทองขึ้นพาดบ่าดั่งแบกสมบัติล้ำค่า ใบหน้าเปื้อนรอยระเรื่อคล้ายคนเพิ่งชนะศึกสงครามในสมรภูมิความโลภ</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">เสียงฝีเท้าของเด็กน้อยดังเบา ๆ ราวกับหิมะโปรยบนพื้นหินเย็น ด้านในห้องตกแต่งด้วยผ้าม่านโปร่งลายเมฆา เขาเดินผ่านตั่งไม้หอม โฉบหยิบพัดสีเขียวอ่อนจากโต๊ะ แล้วฟาดเบา ๆ บนฝ่ามือ ราวกับขุนศึกผู้กำลังออกคำสั่งศึก</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“วันนี้จะไม่อ่านตำรา!”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> เสียงเล็กประกาศก้องกับตัวเอง ราวกับจักรวาลต้องสยบ</span></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">พัดในมือโบกไปมาเหมือนผู้มีอำนาจกำลังตัดสินใจอะไรยิ่งใหญ่ แล้วเด็กชายตัวน้อยก็หันซ้ายแลขวา ก่อนจะคว้าชิ้นขนมถั่วแดงที่วางอยู่ข้างเตียงขึ้นมากัดคำโต ริมฝีปากน้อย ๆ เปื้อนเศษแป้ง เขาเคี้ยวตุ้ย ๆ พลางหลุบตามองถุงทองที่วางอยู่ข้างหมอนอย่างพึงพอใจ</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">หวงไท่โฮ่วเคยกล่าวกับเขาไว้ว่า “คนที่รู้จักเลือก จะไม่มีวันจน” ซึ่งเขาก็เห็นด้วย...ในบางเงื่อนไข</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ก็ถ้าเลือกได้ทั้งทองทั้งขนม ใครจะยอมเลือกแต่ขนมเล่า จริงไหม”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> องค์ชายน้อยหัวเราะอีกคำ แต่ครั้งนี้ไม่มีเสียงออกจากปาก รอยขีดเล็กบนหางตาบอกว่าผู้พูดยินดีจะเก็บความขำนี้ไว้คนเดียว</span></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">แสงแดดยามสายสาดผ่านหน้าต่าง ลงกระทบถุงทองจนเกิดแสงระยิบระยับ เขาเหลือบตามองแสงสะท้อนนั้นเหมือนเด็กน้อยกำลังเล่นของเล่นใหม่ ดวงตาสีดำวาวใสเหมือนหยกน้ำแข็งในคืนจันทร์เต็มดวง</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">หลิวหรูเสวียนยังคงนั่งลูบถุงทองเหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง หัวสมองเล็ก ๆ ของเขาหมุนติ้วไปมา ทั้งแผนแจกขนม ทั้งแผนแอบไปข้างนอกวังตอนเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ไปเที่ยวกันสองต่อสอง ทั้งวิธีขนของหวานจากห้องเครื่องมายังตำหนักอย่างไม่ให้ใครจับได้</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">ชีวิตของโอรสแห่งฮั่นอู่ตี้ดูจะวุ่นวายไม่แพ้บรรดาแม่ทัพนายกองในสนามรบ...แต่อย่างน้อยก็มีขนม มีทอง และมีพัดหนึ่งอัน ซึ่งตามหลักแล้ว เพียงพอสำหรับประกอบความสุขหนึ่งวัน</p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; color: rgb(0, 0, 0); text-align: center; text-indent: 2.5em;"><br><br><img src="static/image/hrline/11.gif" border="0" alt=""><br><br><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;"><font size="4">รับ - เบี้ยหวัดฐานะประจำเดือน 30 ตำลึงทอง</font></p></font></div></div></div></div>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<style>
/* Response Container */
.response-container {
max-width: 850px;
margin: 40px auto;
background: linear-gradient(to bottom, #faf5f5, #7e2121);
border: 2px solid #d4a373; /* Gold border */
border-radius: 15px;
box-shadow: 0 10px 20px rgba(0, 0, 0, 0.6);
overflow: hidden;
padding: 20px;
}
/* Header */
.response-header {
text-align: center;
font-size: 2em;
color: #d4a373; /* Gold accent color */
font-weight: bold;
margin-bottom: 15px;
}
/* Character Info */
.character-info {
display: flex;
align-items: center;
background: #7e2121; /* Dark brown for contrast */
border: 1px solid #805e3b; /* Subtle decorative border */
padding: 15px;
border-radius: 10px;
margin-bottom: 20px;
}
.character-info img {
width: 150px;
height: 150px;
border-radius: 50%;
margin-right: 15px;
border: 3px solid #d4a373;
}
.character-info .details {
display: flex;
flex-direction: column;
}
.character-info .name {
font-size: 1.8em;
color: #d4a373;
}
.character-info .status {
font-size: 1em;
color: #c6b197;
margin-top: 5px;
}
/* Dialogue Box */
.dialogue-box {
background: #f9e8e8;
border: 1px solid #805e3b;
padding: 100px;
border-radius: 10px;
color: #a0a0a0;
font-size: 1.2em;
line-height: 1.8;
position: relative;
}
.dialogue-box:before {
content: '“';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
left: 10px;
top: -10px;
font-family: serif;
}
.dialogue-box:after {
content: '”';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
right: 10px;
bottom: -10px;
font-family: serif;
}
/* Footer */
.response-footer {
text-align: center;
padding: 10px;
color: #c6b197;
font-size: 0.9em;
margin-top: 10px;
border-top: 1px solid #805e3b;
}
/* Hover effects */
.response-container:hover {
box-shadow: 0 12px 20px rgba(0, 0, 0, 0.15);
}
.dialogue-box:hover {
background: #f1f1f1;
}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';} </style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';} </style>
<div class="response-container">
<!-- Header -->
<div class="response-header"><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#7e2121">
<span style="text-shadow: rgb(213, 182, 213) 1px 4px 3px;">บันทึกฝูหรงแห่งหยกขาว</font></font></font></span></div>
<!-- Character Info -->
<div class="character-info">
<img src="https://i.imgur.com/y8kffKa.jpeg" alt="Character Avatar">
<div class="details">
<div class="name"><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#b69153">
<span style="text-shadow: rgb(41, 0, 0) 1px 4px 3px;"><b>ลู่ไป๋หรั่น</span> ཐིཋྀ เหมยกลางเมฆ</b></font></font></font></div>
<div class="status"><font face="Sriracha"><font size="2">กุ้ยเฟยแห่งตำหนักตงเฉิน ⋆ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง<br>ช่วงเช้า - 19 เดือน 12 (มกราคม) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10</font></font></div>
</div>
</div>
<!-- Dialogue Box -->
<div class="dialogue-box">
<p><font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">ฝันประหลาด มักมาพร้อมการตั้งครรภ์
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
และไป๋หรั่นก็พลาด.. เพียงแค่พูดลอย ๆ เกี่ยวกับฝันที่เกิดขึ้นให้คนในตำหนักฟัง ใครจะไปนึกว่าเหล่าข้าราชบริวารจะนำไปคิดเป็นตุเป็นตะ ทั้งยังพูดจาไม่ระวังจนข่าวลือแพร่กระจายออกไปทั่ว ถึงขนาดที่ไท่โฮ่วยังเรียกนางไปพบ และแนะนำให้เชิญหมอหลวงมาตรวจสอบ จนนำมาสู่การที่ตำหนักตงเฉินมีหมอหลวงเดินเข้าออกตลอดสองวันและจบลงที่มีคำประกาศอย่างเป็นทางการภายในท้องพระโรงว่าอัครเวทีผู้เป็นที่รักยิ่งอย่างลู่กุ้ยเฟยตั้งครรภ์.. อีกแล้ว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มีหลายคนที่ดีใจกับข่าวนี้ โดยเฉพาะจางกงกงที่ยิ้มแก้มแทบปริ ทว่าคนที่ตั้งครรภ์กลับไม่ดีใจสักนิด ขุนนางอื่นที่ส่งบุตรสาวเข้ามาในวังก็ด้วย แม้บัดนี้กุ้ยเฟยจะยังถือสิทธิ์เป็นใหญ่ในวังหลัง ทว่าตำแหน่งอื่น ๆ ก็ใช่ว่าจะว่างเหมือนแต่ก่อน การเมืองภายในเริ่มตึงเครียดขึ้นทุกวันเมื่อเส้นสายและอำนาจครอบครัวส่งผลต่อการเลื่อนระดับ ครั้งก่อนเป็นเพราะนางได้ให้กำเนิดพระราชโอรสจึงได้ฐานะกุ้ยเฟยมาครอง แต่ครั้งนี้?
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหมือนกับศึกตัดสินว่านางและตระกูลใหญ่จะเป็นภัยต่อกันมากหรือน้อยแค่ไหน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะหากเด็กคนนี้เป็นชาย โอกาสที่ทายาทของนางจะได้กลายเป็นผู้สืบสันติวงศ์ก็จะยิ่งมากขึ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว ดังนั้นตลอดช่วงที่ตั้งครรภ์ จึงไม่มีผู้ใดได้ก้าวขาเข้ามาเยี่ยมเยือนยกเว้นเพียงคนเดียว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่ น อู่ ตี้
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
…
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
19 เดือน 12 — ท้ายปีที่รอคอย พร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของกุ้ยเฟยคนงามที่ต้องเผชิญหน้ากับการคลอดลูกในเรือนอีกครั้ง ความเจ็บปวดยังเท่าเดิม ความทรมาณก็ยังเท่าเดิม เพิ่มเติมที่ครั้งนี้มีประสบการณ์พอจะรู้ว่าควรหายใจตอนไหน ควรจะเบ่งยังไง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เจ็บมากจนน้ำหูน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#abd1bf">“พระชายา อดทนไว้เพคะ ใกล้แล้ว หายใจเข้าแล้ว เบ่งงง”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก้านนิ้วบางปานต้นหอมจิกลงกับขอบเตียงขณะที่ร้องสุดเสียง ตลอดทั้งร่างชุ่มเหงื่อ ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่ปวดร้าวระบม และตามธรรมเนียม ไม่ว่าชายใดก็ไม่ควรเข้ามาอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับสตรีที่กำลังคลอดลูก ดังนั้นแม้แต่กำลังใจจากสามี นางก็ยังไม่ได้รับ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผ้าขาวนุ่มเนียนซับลงที่กรอบใบหน้าของนาง เสียงของนางกำนัลต่างก็ดังขึ้นในทิศทางเดียวกัน แหลม สูง ใส เสียงของสตรีที่เต็มไปด้วยความกังวล ล้อมหน้าล้อมหลังราวกับแมลงปอในช่วงคิมหันต์ที่น่ารำคาญ ลมหายใจของนางติดขัด รู้สึกพะอืดพะอมจากน้ำคร่ำจนอยากหมดสติ แต่เมื่อเปลือกตาปิดลง สิ่งที่พุ่งเข้ากระแทกการรับรู้ของนางกลับไม่ใช่ความมืดแต่เป็นภาพของอะไรบางอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แสงวูบไหว คนเคลื่อนตัว เสียงปริศนา และความรู้สึก.. ประหลาด
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#e7b1dd">“แอ้ แอออออ้”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงแรกที่ดึงนางออกจากภวังค์คือเสียงทารกที่ดังซ้อนกันกับภาพลวงตาการมองเห็นค่อย ๆ ถูกคืนกลับมาให้คนงาม ท่ามกลางความปลื้มปิติของผู้คนที่บ้างก็ร้องไห้ บ้างก็ยิ้มกว้าง <font color="#abd1bf">“พระชายา หนนี้เป็นพระธิดาเพคะ”</font> ทารกน้อยหน้าตายับยู่ยี่เหยียดแขนแกว่งไปมาอยู่ในห่อผ้าราวกับกำลังคว้าหาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่คนแปลกหน้า
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดวงตาของไป๋หรั่นที่ปรือจนแทบปิดสั่นระริกด้วยความอ่อนล้า หน้าของนางซีดลงจากความเจ็บปวดที่ยังหลงเหลือ แต่ประสาทการรับรู้อื่น ๆ กลับตื่นตัวเต็มที่ จนได้กลิ่นดอกเหมยที่ลอยมาโดยไร้ต้นทางเหมือนกับ.. ฝันในคืนนั้น <font color="#994D7B">“เสี่ยวเหมย… ของแม่”</font> เสียงที่หลุดจากริมฝีปากนางแหบแห้ง หยาบกร้าน แต่กลับไม่มีวี่แววของความแข็งกระด้าง นับว่าเป็นสุ้มเสียงอ่อนโยนที่ทำให้ทารกน้อยหยุดร้องโวยวาย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าความยินดีนี้อยู่ได้ไม่นาน เมื่อต่อมาหมอหญิงที่นั่งประจำตำแหน่งช่วยทำคลอดกลับร้องออกมาเสียงดัง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#abd1bf">“แย่แล้ว! ไปนำผ้ามาเร็วเข้า เยอะ ๆ เลย พระชายกำลังาตกเลือด!”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คลอดเด็กคนนี้.. ทำนางเกือบตายจริง ๆ
<br><br>
<div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br>
ให้กำเนิดองค์ชายหรือองค์หญิง +200 คุณธรรม<br>
กุญแจนำทางไปสู่บทปลดความทรงจำ | ทางเลือกแห่งชีวิต (รอใส่)
</div>
</font></font></p>
</div>
<!-- Footer -->
<div class="response-footer">Presented by the House of Jade</div>
</div>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2025-6-19 03:14 <br /><br /> <style>
/* Response Container */
.response-container {
max-width: 850px;
margin: 40px auto;
background: linear-gradient(to bottom, #faf5f5, #7e2121);
border: 2px solid #d4a373; /* Gold border */
border-radius: 15px;
box-shadow: 0 10px 20px rgba(0, 0, 0, 0.6);
overflow: hidden;
padding: 20px;
}
/* Header */
.response-header {
text-align: center;
font-size: 2em;
color: #d4a373; /* Gold accent color */
font-weight: bold;
margin-bottom: 15px;
}
/* Character Info */
.character-info {
display: flex;
align-items: center;
background: #7e2121; /* Dark brown for contrast */
border: 1px solid #805e3b; /* Subtle decorative border */
padding: 15px;
border-radius: 10px;
margin-bottom: 20px;
}
.character-info img {
width: 150px;
height: 150px;
border-radius: 50%;
margin-right: 15px;
border: 3px solid #d4a373;
}
.character-info .details {
display: flex;
flex-direction: column;
}
.character-info .name {
font-size: 1.8em;
color: #d4a373;
}
.character-info .status {
font-size: 1em;
color: #c6b197;
margin-top: 5px;
}
/* Dialogue Box */
.dialogue-box {
background: #f9e8e8;
border: 1px solid #805e3b;
padding: 100px;
border-radius: 10px;
color: #a0a0a0;
font-size: 1.2em;
line-height: 1.8;
position: relative;
}
.dialogue-box:before {
content: '“';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
left: 10px;
top: -10px;
font-family: serif;
}
.dialogue-box:after {
content: '”';
font-size: 3em;
color: #d4a373;
position: absolute;
right: 10px;
bottom: -10px;
font-family: serif;
}
/* Footer */
.response-footer {
text-align: center;
padding: 10px;
color: #c6b197;
font-size: 0.9em;
margin-top: 10px;
border-top: 1px solid #805e3b;
}
/* Hover effects */
.response-container:hover {
box-shadow: 0 12px 20px rgba(0, 0, 0, 0.15);
}
.dialogue-box:hover {
background: #f1f1f1;
}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';} </style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';} </style>
<div class="response-container">
<!-- Header -->
<div class="response-header"><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#7e2121">
<span style="text-shadow: rgb(213, 182, 213) 1px 4px 3px;">บันทึกฝูหรงแห่งหยกขาว</font></font></font></span></div>
<!-- Character Info -->
<div class="character-info">
<img src="https://i.imgur.com/y8kffKa.jpeg" alt="Character Avatar">
<div class="details">
<div class="name"><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#b69153">
<span style="text-shadow: rgb(41, 0, 0) 1px 4px 3px;"><b>ลู่ไป๋หรั่น</span> ཐིཋྀ อริเก่ากลับใจ</b></font></font></font></div>
<div class="status"><font face="Sriracha"><font size="2">กุ้ยเฟยแห่งตำหนักตงเฉิน ⋆ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง<br>ช่วงสาย - 22 เดือน 04 (พฤษภาคม) รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</font></font></div>
</div>
</div>
<!-- Dialogue Box -->
<div class="dialogue-box">
<p><font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">หลายเดือนแล้ว เด็กชายและเด็กหญิงที่นางพึ่งคลอดได้ไม่นานมานี้กำลังวิ่งเล่นสนุกสนานในสวนราวกับเด็กที่โตแล้วแทนที่จะนอนพักกินนมเหมือนอย่างคนอื่น — ไม่ใช่ว่านางไม่รู้เกี่ยวกับข่าวลือที่บอกว่านางให้กำเนิดเด็กปีศาจ ทว่าใครกันจะกล้าว่าร้ายกันต่อหน้าในเมื่อปัจจุบันนี้หวงตี้ก็ยังทรงให้การคุ้มครองนาง.. และให้การคุ้มครองเด็ก ๆ ที่เป็นลูกของเขา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ความจริงเป็นสิ่งที่รู้อยู่แก่ใจ ฝ่าบาทเค้นให้นางคายความลับออกมาว่าตัวเองฝันอะไรบ้างในระหว่างช่วงที่ตั้งครรภ์ทั้งสองชีวิต ก่อนจะนำเนื้อหาในฝันนั้นไปถอดเป็นอักษรและให้ตงฟางซั่วตรวจสอบจนได้คำตอบว่าทั้งองค์ชายใหญ่และองค์หญิงเล็กต่างก็เป็นคนที่ถูกประทานมาจากฟ้า
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าคนอื่นไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ ไม่เว้นแม้แต่พี่สาวคนโตของพวกเขา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“เด็กพวกนี้โตเอา โตเอา ไม่ได้การแล้ว! ข้าต้องรีบฝึก”</font>เด็กหญิงเพียงหนึ่งเดียวที่ยังเติบโตตามเวลาปกติอย่างหลิวหรูเยี่ยนกำหมัดทุบกับโต๊ะก่อนจะกระโดดออกจากตักมารดา ตั้งท่าขยันขันแข็งพับแขนเสื้อกะจะไปหยิบดาบไม้มาซ้อมท่ามกลางสายตาเอ็นดูของเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายที่มองตามเป็นระยะ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“อาเยี่ยน, หมกตัวจ้องดาบอยู่ทั้งวันก็มิได้ทำให้ลูกสร้างจิตกระบี่ขึ้นได้หรอก นั่นเป็นวิถีของสำนักหัวซาน จนกว่าจะโตพอเข้าสำนักได้ อาเยี่ยนไปศึกษาศาสตร์อื่นก่อนจะดีกว่า”</font> ไป๋หรั่นเอ่ยพลางก้มลงสูดกลิ่นชาชงใหม่ที่กำลังส่งกลิ่นหอมโชยไปทั่วศาลา นิ้วของนางเคาะลงกับเนื้อกระเบื้องมันวาวที่อุ่นกำลังพอดีในมือช้า ๆ ก่อนจะหยักยิ้มบาง <font color="#994D7B">“ชาบุปผาคราวนี้รสชาติไม่เลว ส่งมาจากไหนล่ะ?”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“เป็นตำหนักจื่อเสียของเถียนเจาอี๋ หลานสาวของเซียวจื่อไท่โฮ่วเพคะ”</font> นางกำนัลคนสนิทอย่างผู่เยว่รายงานต่อนายหญิงอย่างระมัดระวังพร้อมเหลือบตาดูท่าทางของคนงามที่นิ่งฟัง <font color="#879B7C">“ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ดูเหมือนไท่โฮ่วจะเป็นผู้แนะนำให้ผูกมิตรกับพระชายา”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“เจาอี๋เคยเป็นตำแหน่งข้า.. ผ่านมาไม่นานก็มีเจาอี๋คนใหม่เสียแล้ว” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดวงหน้าที่พาให้ใจคนล่องลอยเอียงไปด้านข้างช้า ๆ หลานสาวของไท่โฮ่ว ผูกมิตรไว้ก็ไม่ใช่ว่าแย่ ยังไงสามเฟยสกุลโอวหยางก็เหมือนจะระแวดระวังนาง เทียบกันแล้ว สามขุนนางใหญ่ยังไม่มีทายาทจึงไม่ได้ส่งใครเข้าวัง ดังนั้นที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดคงเป็น.. โอวหยาง หรือไม่ก็ซ่างกวน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ซ่างกวนฝูมี่เร้นหายเข้ากลีบเมฆ ข่าวคราวไม่ชัดเจน ตรงข้ามกับสามโอวหยางที่ยิ่งไต่เต้าขึ้นทุกวัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“จะว่าไป.. เจาอี๋ก็ถือว่าเป็นสนมขั้นฉือผินเหมือนกับเหลียนเอ๋อร์”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“จดเอาไว้ วันใดว่าง เปิ่นกงจะเชิญนางมาพบสักครั้ง”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#879B7C">“เพคะ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผู่เยว่โค้งคำนับอย่างนอบน้อมก่อนจะถอยกลับไปยืนในตำแหน่งของตัวเอง สลับกับเสี่ยวเว่ยจื่อ ขันทีประจำตำหนักที่ก้าวขึ้นมาแทนที่และกระซิบแจ้งถึงแขกที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ เสียงถอนหายใจจากปากของคนงามลอยละล่องไปทั่วเรือน เนตรบุปผาจรดมองสามพี่น้องที่วิ่งพล่านซุกซนก่อนจะส่ายหน้า
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“เด็ก ๆ อย่ามัวแต่เล่นจนลืมหน้าที่”</font> เสียงหวานของกุ้ยเฟยดังกังวานสง่างามแต่ไม่กดดัน รอยยิ้มของโฉมสะคราญเหยียดกว้างพาให้ฝูงชนจรรโลงใจ <font color="#994D7B">“อาเสวียน คัดซันจื้อจิงไปถึงไหนแล้ว อาเหมย ผู่เยว่บอกว่าเจ้าเอาถุงหอมไปซ่อน ส่วนอาเยี่ยน..”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“เล่นต่อไปเถิด”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#c5aeec">“เสด็จแม่!” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงโวยวายของหรูเยี่ยนดังขึ้นหลังการหันจากไปของกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดา ไป๋หรั่นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เดินออกไปเพื่อพบกับคนที่คงจะนำพาความบันเทิงมาให้นางได้อีกไม่น้อย — จากเรือนกลางตำหนักเคลื่อนมาสู่เรือนหน้าซึ่งเป็นเขตรับรองแขก ความสงบกึ่งสบายที่ไม่เคร่งพิธีรีตองของเจ้าตำหนักตงเฉินเองก็เปลี่ยนมาเป็นความงดงามสูงส่งที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกส่วน ไม่เว้นแม้แต่การหายใจเมื่อที่อยู่ต่อหน้าบัณฑิตผู้หนึ่งที่แต่งกายคล้ายนักบวช
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#445bc6">“คารวะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” </font>เสียงหนักแน่นแต่กลับปลอดโปร่งเช่นปัญญาชน ชายตรงหน้าโน้มลงคารวะอย่างสุภาพตามหลักการ ไม่มีสิ่งใดผิดระเบียบแม้แต่น้อย ก่อนจะค่อย ๆ ยืดกายกลับยืนตรงอีกครั้งเมื่อได้รับการอนุญาตจากสาวงามในอาภรณ์ขาวราวเทพเซียนที่นั่งอยู่บนตั่งไม้
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“มิทราบว่าท่านคือ..?”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วว่าคงถูกถาม แต่เมื่อได้ยินเสียงของคนงามเข้าจริง ๆ บัณฑิตน้อยก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง คนที่งามถึงเพียงนี้ ตลอดพันปีคงจะหาได้เพียงหนึ่งเท่านั้น บัณฑิตหนุ่มยกมือขึ้นป้องใบหน้าพลางกระแอมเสียงเข้มเพื่อรวบรวมสติของตนเองกลับคืนมาก่อนจะแนะนำตัว <font color="#445bc6">“กระหม่อมแซ่จาง นามเสี่ยวหลง เป็นเพียงบัณฑิตผู้น้อยในสำนักหลวง อาศัยหยาดเหงื่อแห่งการศึกษาและบรรพชนที่ฝากคัมภีรไว้ มิกล้าเปรียบตนสูงส่งกว่าผู้ใด แต่ในยามบ้านเมืองกำลังเสาะหาหลักยึด กระหม่อมเห็นโอกาสเหมาะที่จะแสดงสัตย์จริงแห่งขงจื๊อถวายเบื้องพระพักตร์พระองค์”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บัณฑิตน้อยจากสำนักหลวง ผู้ศรัทธาในขงจื๊อ?
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กล้าหาญทีเดียวที่เข้ามาในวังในและยังขอให้กุ้ยเฟยที่เคยถูกเหล่าผู้ศรัทธาในหลักคำสอนของขงจื๊อประนามเมื่อครั้งที่ตำแหน่งของนางยังต่ำกว่านี้มาก ไป๋หรั่นไม่ค้าน นางขยับท่านั่งบนตั่งให้สบายขึ้นแต่ก็ยังเหมาะสมกับการอยู่ต่อหน้าชายที่ไม่รู้จัก <font color="#994D7B">“ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็.. เชิญ เปิ่นกงจะรับฟังเอง”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อสตรีที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนสำคัญของแผ่นดินยินยอม บัณฑิตน้อยก็เผยรอยยิ้มสว่างสดใส ก่อนจะรีบทูลความที่เตรียมมา <font color="#445bc6">“ขงจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า ‘เจิ้งหมิง จึงสงบ, เมิ่งซุนกตัญญู จึงพาแผ่นดินมั่น’ เหนียงเหนียง หากวันหนึ่งแผ่นดินจะต้องเลือกองค์รัชทายาทเพื่อสืบสานราชวงศ์ กระหม่อมใคร่กราบทูลว่าแก่นแท้ของขงจื๊อหาใช่เพียงพิธีกรรม หากคือระเบียบธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ‘กตัญญู’ อันบริสุทธิ์ระหว่างบุตรกับบิดา ระหว่างผู้น้อยกับผู้อาวุโส”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาตั้งใจมากล่อมนาง ทั้งยังเตรียมตัวมาดีเสียด้วย มุมปากของไป๋หรั่นยกขึ้นพลางพยักหน้าน้อย ๆ เป็นสัญญาณให้เขากล่าวต่อ จางเสี่ยวหลงเห็นดังนั้นก็จึงยิ่งมีความกล้าพูดออกมาโดยไม่คิดจะระวังปาก <font color="#445bc6">“องค์ชายน้อยของเหนียงเหนียง.. โอรสเพียงหนึ่งเดียวของฝ่าบาทในขณะนี้คือผู้ที่สวรรค์ได้ทรงประทานมาให้ด้วยจิตวิญญาณแห่งความกตัญญู หากหล่อหลอมภายใต้หลักขงจื๊อ กระหม่อมกล้ายืนยันว่าองค์ชายจะได้เป็นกษัตริย์ที่รักราษฎร์ดังบุตร และเคารพบรรพชนดังเทพ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะมัวแต่พูดจึงไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มบนหน้าของกุ้ยเฟยคนงามที่นิ่งค้างไปแล้ว มือขาวของโฉมสะคราญยกขึ้นนวดขมับเบา ๆ ก่อนจะถอนหายใจเพียงลำพังโดยที่ผู้นำเสนอยังไม่นึกเอะใจ <font color="#445bc6">“ยิ่งไปกว่านั้น หากกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงทรงเมตตาผลักดันแนวทางขงจื๊อให้มีที่ยืนในราชสำนัก มิใช่เพียงกระหม่อมเท่านั้น หากแต่เหล่าบัณฑิตทั่วแผ่นดินจักหันมาเป็นแนวร่วม ด้วยเหตุนี้ ฝ่าบาทอาจทรงเลิกเสาะหาโอรสอื่น เพราะธรรมเนียมของขงจื๊อย่อมถือบุตรคนโตแห่งหวงโฮ่ว หรือพระสนมชั้นเอกผู้เป็นที่โปรดปรานเป็นองค์รัชทายาท”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หรูเสวียนเกิดมาได้ไม่ถึงปี ถึงร่างกายและสติปัญญาจะพัฒนาไวกว่าคนทั่วไป แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์ก็เริ่มกระโจนเข้าหาเสียแล้ว คิ้วเรียวของไป๋หรั่นขมวดเข้าหากันเล็กน้อย <font color="#994D7B">“มีเป้าหมายเป็นเรื่องดี แต่เรื่องนี้ มิใช่สิ่งที่บัณฑิตจางจะกำหนดได้”</font> อาจเป็นเพราะความนุ่มนวลในน้ำเสียงของนางที่มีมากจนเกินไป อีกฝ่ายนอกจากจะไม่ตระหนักรู้แล้วยังคิดไปว่าพระชายาคงเป็นกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเขาไม่หนักแน่นพอจึงรีบเสริมอีกประโยค
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#445bc6">“โดยกฎธรรมชาติแห่งฟ้า ‘เจิ้งหมิง’ ย่อมหมายถึงเรียกสิ่งใดให้ตรงกับคุณธรรมของสิ่งนั้น หากองค์ชายน้อยได้ทรงเติบโตในเงาแห่งขงจื๊อ— เขาย่อมได้เป็นรัชทายาทโดยไม่มีผู้ใดโต้แย้ง และหากพระองค์ทรงสนับสนุนแนวทางนี้ กระหม่อมกับพวกจักถือเป็นบุญหาที่สุดมิได้ จะขอถวายจิตวิญญาณเพื่อชูหลักขงจื้อให้มั่นในแผ่นดิน ทั้งยังขอภักดีต่อพระองค์ตลอดชั่วชีวิต หวังว่าทรงเมตตารับไว้พิจารณา”</font> ทันทีที่พูดจนจบ จางเสี่ยวหลงก็ทิ้งเข่าลงกระแทกกับพื้นตำหนัก และโค้งลงแนบหน้าผากไปกับพื้นอย่างนอบน้อมแต่ก็ยังเหลือไว้ซึ่งเศษเสี้ยวของความเป็นผู้ดีที่เหลืออยู่
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
การถอนหายใจที่ฟังดูเหมือนสายลมในช่วงสารทดังขึ้นจากทางพระชายาผู้ทรงเกียรติ <font color="#994D7B">“บัณฑิตจาง เปิ่นกงซาบซึ้งในความตั้งใจของท่านที่หวังจะชูหลักธรรมเพื่อประโยชน์แห่งแผ่นดิน”</font> ไป๋หรั่นโบกมือช้า ๆ เป็นท่าทางที่ผู้น้อยล้วนรู้กันดีว่าให้เลิกตั้งท่าอ้อนวอนแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่กำลังจะถูกเอ่ยออกมา <font color="#994D7B">“เพียงแต่.. เปิ่นกงแม้จะเป็นผู้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องยุคลบาท แต่ในทางราชการ กลับมิได้มีอำนาจอันใดมากไปกว่าความเมตตาที่ฝ่าบาททรงมีให้”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ปฏิเสธ — แต่เป็นการปฏิเสธที่ฉลาดมาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รอยยิ้มบนใบหน้าของคนงามไม่เคยที่จะสั่นคลอน ยังดูอ่อนหวานงดงามแต่ก็เริ่มมีความลึกล้ำแฝงเข้ามาโดยที่คนไม่ทันรู้สึกตัว <font color="#994D7B">“สตรี.. แม้ได้อยู่ในตำหนักสูง ก็ใช่ว่าจะมีมือเอื้อมไกลถึงราชสำนัก”</font> มือของไป๋หรั่นเคลื่อนไปยกกาน้ำชาบนโต๊ะเล็กขึ้นรินชาลงจอก <font color="#994D7B">“เปิ่นกงมิเคยคิดฝ่าฝืนระเบียบหรือก่อให้เกิดคลื่นใต้น้ำในราชวงศ์ หากวันนี้เปิ่นกงเลือกสนับสนุน จะต่างอะไรไปจากการทำให้ฝ่าบาทคลางแคลงใจ?”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#445bc6">“แต่..”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ที่สำคัญ เปิ่นกงอยากให้องค์ชายเติบโตโดยมีคุณธรรม ไม่ใช่เพราะมีมารดาที่หวังผลักบุตรในไส้ขึ้นสู่บัลลังก์ หากวันหนึ่ง พระองค์มีบุญวาสนาพอ บัลลังก์ก็จะเป็นของเขา โดยไม่จำเป็นต้องแย่งชิง”</font> ไป๋หรั่นไม่ได้บอกว่า.. ตนเองจะไม่สนับสนุน หากบุตรชายคิดอยากเป็นองค์รัชทายาท แต่ในขณะนี้ทำไมจะต้องยัดเยียดสิ่งที่ใหญ่เกินตัวเอาไว้ในมือเด็ก ในเมื่อเด็กเองก็ไม่เคยร้องขอ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดวงหน้างามของโฉมสะคราญอ่อนลงอย่างนุ่มนวลเมื่อคิดถึงบุตรชาย ใครจะไปทราบว่าการไม่ทันได้เตรียมสีหน้าให้สง่างามตลอดเวลาจะไปสะกิดให้บัณฑิตจางนึกเลื่อมใสในความปราดเปรื่อง <font color="#994D7B">“บัณฑิตจาง หากท่านศรัทธาในขงจื๊อ เปิ่นกงก็ขอเพียงให้ท่านช่วยอบรมองค์ชายให้เป็นบุตรที่กตัญญูต่อบิดามารดา เป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อแผ่นดิน เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว สำหรับแม่คนหนึ่งที่จะวางใจในอนาคตของบุตร”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#445bc6">“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางเสี่ยวหลงเอ่ยคล้ายต้องการจะออกความเห็น แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอย่างนั้น ไป๋หรั่นกลับยกมือห้ามพร้อมกับลุกขึ้นช้า ๆ <font color="#994D7B">“เรื่องหลักยึดมั่นทางศาสนาของแผ่นดินและราชสำนัก.. รอให้ฝ่าบาททรงมีพระราชประสงค์ก่อนเถิด เปิ่นกงไม่กล้าเสนอสิ่งใดที่เกินพระทัย”</font> กุ้ยเฟยเพียงหนึ่งเดียวของแผ่นดินก้าวเดินช้า ๆ ไปที่หลังฉากกั้น ทิ้งไว้เพียงเสียงฝากฝังที่ไม่ดังนัก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“บัณฑิตจางดื่มชาสักป้าน ..หากมีวาสนา สองเราคงได้พบกันอีก”</font>
<br><br>
<div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br>
อีเว้นท์พิเศษ 22/05/2025 - จบ | รางวัล : ?<br>
(ตอบสวยขนาดนี้ มงนางงามต้าฮั่นให้เราได้ไหมคะ)<br><br>
หลิว หรูเยี่ยน<br>
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์จากหัวดี
</div>
</font></font></p>
</div>
<!-- Footer -->
<div class="response-footer">Presented by the House of Jade</div>
</div>
<br><br><style>
#boxcorecenter2 {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #6F1D3D 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.supaimg.com/b9d3230b-f96c-4499-8674-546debfa23aa.jpg");
}
</style>
<style>
#boxR0LE2 {
width: 670px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter2">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE2">
<br><img width="450" src="https://i.supaimg.com/85993dbc-9004-4d8b-ab3b-72ff6c7e0d5c.png" border="0" alt="">
<br><img src="https://i.imgur.com/tDqgS6A.png" width="400" border="0">
<br><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#980000"><b><i>พระกระยาหาร ยามราตรี</i></b><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun">
<p style="color: rgb(0, 0, 0); text-align: center; text-indent: 2.5em;"><font size="4"><b>22 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 ยามไห่ < 21.00 น. - 23.00 น. ></b></font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ยามไห่แผ่คลุมทั่วฟ้ากรุงฉางอัน ลมอ่อนพลิ้วผ่านม่านแพรบางของตำหนักตงเฉิน เสียงกระดิ่งลมกระทบกันแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบของเทวัญบนสวรรค์ องค์ชายน้อยแห่งวังหลวงเอนพระวรกายอยู่บนตั่งหยกขาว ทรงถอดรองพระบาทแล้วบรรจงเหยียดปลายพระบาทลงบนพรมขนนกกู่ ความเย็นจากพื้นลามขึ้นมาตามฝ่าพระบาทจนเจ้าตัวต้องย่นนิ้วหลบเหมือนลูกแมวที่เผลอเหยียบหิมะเป็นครั้งแรก</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เด็กน้อยพึมพำอะไรเบา ๆ พลางเบี่ยงพระพักตร์ไปมองฟ้าผ่านช่องหน้าต่าง เขารู้ดีว่าเวลาเช่นนี้ ควรเป็นช่วงที่เหล่าขันทีพากันเงียบเป็นเป่าสาก รอให้ท่านชายบรรทมตามพระประสงค์ แต่แทนที่จะได้ยินเสียงลมหายใจของข้ารับใช้ตามมารยาทกลับมีเสียงฝีเท้าของใครบางคนเบาและมั่นคงเกินกว่าขันทีธรรมดา</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ประตูไม้จันทน์ข้างตำหนักแย้มออก เผยร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่ง เขาครองอาภรณ์ขันทีชั้นสูง สีม่วงอ่อนปักลายไล่ลงมาจนจรดชายเสื้อ มือเรียวยาวที่มีรอยแผลเก่าจาง ๆ ค่อย ๆ ยกขึ้นคำนับตามแบบแผน องค์ชายน้อยปรายพระเนตรไป เห็นเพียงปลายจอนผมและเสี้ยวหน้าของผู้มาเยือนก็ทรงรู้ทันที</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“จางกงกง? มายามนี้ แปลว่าข้างนอกฝนคงจะตก กลิ่นกลัวสายฟ้าเลยตามมาหลบที่ตำหนักกระมัง”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เสียงน้อย ๆ ของเด็กชายแว่วหวานแต่พกไว้ด้วยเลศนัย เจือหยอกเย้าอย่างมีชั้นเชิง ทว่าสองตากลับจับจ้องอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">จางห่าวหมิง หรือที่ใครต่อใครเรียกขานว่า จางกงกง มิได้มีทีท่าตกใจต่อวาจาขององค์ชายน้อยเลยแม้แต่น้อย เขาเคลื่อนกายเข้าใกล้ เพียงสองก้าวแต่กลับให้ความรู้สึกหนักแน่นราวเดินข้ามเส้นโชคชะตา</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#4169e1">“ถวายพระพรองค์ชาย”</font><font color="#4b0082"> </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">น้ำเสียงของเขานุ่มราบไร้แววอารมณ์ แต่ดวงตากลับไม่เฉื่อยชาอย่างเสียง</span><font color="#4169e1"> “กระหม่อมได้น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนมาชุดหนึ่ง ผ่านการตรวจพิษมาแล้วอย่างรอบคอบ มิเข้าข่ายมารยาใด ขอพระอนุญาตนำมาถวายเป็นของว่างก่อนบรรทม”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">องค์ชายกระพริบพระเนตรช้า ๆ ขนพระเนตรเป็นแพยาวไหวสะท้อนแสงตะเกียงดุจปีกผีเสื้อขยับ </span><font color="#000080">“โอ้? ของว่างที่ได้มาช่วงยามไห่ มิใช่ว่าปกติควรจะได้มาในยามอู่หรือโหย่ว… ”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เจ้าตัวโปรยวาจาเหมือนหว่านกลีบดอกเหมยลงในถ้วยน้ำชา ขณะลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนตั่ง ท่าทางของเขาไม่เหมือนชั้นเจ้านายหรือผู้มีอำนาจแต่คล้ายลูกชายบ้านผู้ดีที่เพิ่งรู้ว่ามีขนมของชำแจกฟรีมาวางบนโต๊ะ จางกงกงได้แต่ยืนสงบนิ่ง สีหน้าไม่ยินดียินร้าย แต่ถ้าใครจับตาดี ๆ จะเห็นปลายหางคิ้วกระตุกขึ้นแผ่วเบา</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#4169e1">“ขนมชุดนี้ หาใช่ของธรรมดา” </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">เขากล่าวเสียงราบ </span><font color="#4169e1">“เป็นยาจีนตุ๋นจากเขากวาง ผสานตัวยาสิบสี่ชนิด บำรุงหัวใจ ปอด ม้าม กระเพาะ แม้แต่จิตใจก็ยังน่าจะได้ผล ไม่อาจหาซื้อได้ตามร้านใดในนครหลวง”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เด็กน้อยยื่นพระหัตถ์ไปรับถ้วยยา สายพระเนตรไม่หลบไปไหนจากดวงตาอีกฝ่าย</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“จางกงกงบรรยายจนข้านึกว่ากำลังจะอภิเษกกับยาเสียแล้ว ถึงกับสรรเสริญเพียงนี้”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> เขาเอียงพระเศียรเล็กน้อย ประหนึ่งเจ้าเหมียวที่เพิ่งได้กลิ่นปลาทู</span></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">จางกงกงมิได้ตอบ กลับยกถาดขึ้นสูงระดับอกแล้วโน้มกายถวาย เด็กชายรับไว้ด้วยพระหัตถ์สองข้าง ทรงมองน้ำสีอำพันที่ยังอุ่นควันลอยขึ้นบางเบา แล้วแกล้งยื่นพระนาสิกดมใกล้ ๆ ลอบสูดลมหายใจพลางกล่าวเสียงเบา </span><font color="#000080">“มีกลิ่นหอม ๆ อยู่ด้วย… ของจากใครกันแน่นะ? หรือเป็นของขวัญลับ ๆ จากเสด็จพ่อ?”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">จางกงกงวางถาดลงที่โต๊ะ ก่อนตอบโดยไม่หันกลับไป </span><font color="#4169e1">“กระหม่อมได้รับผ่านต่อจากผู้น่าเชื่อถือ มิเห็นสมควรให้ทรงวุ่นวายเรื่องผู้ส่งยามนี้”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“เช่นนั้นหรือ?”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> เด็กน้อยจิ้มพระโอษฐ์กับขอบถ้วยแล้วจิบไปเพียงคำเดียว ทรงนิ่งอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกลอกพระเนตรไปมาแล้วเปรยเสียงอ่อนปนซน</span><font color="#000080"> “ข้าชิมแล้ว ไม่เป็นอะไรไปภายในสามอึดใจก็แสดงว่าไม่มีพิษ… จางกงกงเองก็โล่งใจแล้วกระมัง?”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">ขันทีหนุ่มปรายตามอง พลางยกมือประสานอย่างสุภาพ</span><font color="#4169e1"> “หากเป็นพระองค์… ต่อให้เป็นยาพิษก็ยังอาจหาทางพูดให้คนลงมือยอมเปลี่ยนใจระหว่างยกถ้วย”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">องค์ชายหัวเราะในลำคอ เสียงน้อย ๆ ละไมดั่งขลุ่ยไม้ไผ่เป่าคลอสายลม</span><font color="#000080"> “ข้าหรือมีวาจาเช่นนั้น? ข้าแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ผู้ไร้พิษภัย พูดนิดเดียวก็อาจโดนมารดาดุ”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#4169e1">“นั่นเพราะลู่กุ้ยเฟยทรงเห็นพระองค์เป็นแก้วตาดวงใจ”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> จางกงกงเอ่ยพลางหยิบผ้าสะอาดซับเหงื่อให้เบา ๆ ด้วยมือที่แม้ไร้พลังบุรุษ แต่ทว่ามั่นคงเฉียบเย็น</span></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“เช่นนั้นหรือ? วันนี้จางกงกงดูจะพูดเหมือนคนมีอารมณ์ขันเป็น”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> เจ้าตัวพูดแล้วหลุบพระเนตรลงประหนึ่งกำลังครุ่นคิด</span><font color="#000080"> “แต่อืม… น้ำทิพย์นี่อร่อยกว่าที่คิดนะ รสยาขมปลายลิ้นแต่มีหวานแฝง เหมือนบางคนแถวนี้มิมีผิด”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">คำพูดนั้นพอออกจากปากเขา เงาสะท้อนในถ้วยชาขององค์ชายก็สั่นไหวเล็กน้อย เด็กน้อยมิกล่าวสิ่งใดกลับในทันที ทรงแตะพระริมฝีปากกับขอบถ้วยอีกครั้ง แล้วทอดพระเนตรออกไปยังม่านแพรที่พลิ้วตามลม</p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080"><br></font></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ข้าไม่ชอบอะไรหวานเกิน” </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">ทรงพูดคล้ายลอย ๆ</span><font color="#000080"> “ของหวานมากไป ทำให้ลิ้นไม่จำรสอื่น”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">จางกงกงพยักหน้า ไม่กล่าวแก้แม้คำเดียว</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">แล้วบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบอันน่าพิศวงอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่องค์ชายจะปัดผ้าคลุมพระขา แล้วบ่นเหมือนคนช่างพูดที่ทนเงียบไม่ได้</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“แต่ข้าว่า… ถ้าได้กินพร้อมผลบ๊วยเค็มคงเข้ากันดี แก้เลี่ยนได้… ใช่หรือไม่จางกงกง?”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ขันทีหนุ่มยิ้มบาง ทว่ามิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วโน้มกายคำนับอย่างสงบเรียบร้อย ทิ้งเพียงประโยคเดียวไว้เบื้องหลังว่า</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p></font><p style=""><font face="Sarabun" size="5" color="#4169e1">“หากองค์ชายทรงประสงค์สิ่งใด วันหน้า… กระหม่อมจะเตรียมให้เหมาะกว่าเดิม”</font></p><font face="Sarabun"><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">แล้วเงาร่างของจางกงกงก็ค่อย ๆ ละไปตามประตูข้างอย่างเงียบเชียบ ไม่เหลือแม้กลิ่นน้ำอบบนอาภรณ์ให้ติดค้าง องค์ชายน้อยทรงจ้องถ้วยในมือราวกับเห็นทะเลลึก ทรงจิบอีกคำช้า ๆ ก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์ไปคว้าผ้าห่มคลุมพระวรกาย แล้วทอดพระวรกายลงบนตั่งหยกอย่างเกียจคร้าน</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ยานี่… ไม่หวานอย่างที่คิด”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เสียงน้อย ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ยิ้มบางที่ไม่เรียกว่ายิ้มวาดขึ้นมุมพระโอษฐ์เล็กน้อย แล้วก็ค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอของเด็กชายที่ปิดพระเนตรลงช้า ๆ ทิ้งให้แสงจันทร์เพ็ญอาบไล้ผ้าห่มขาวปักลายเมฆซ้อนซึ่งไหวอยู่แผ่วเบาราวกับภาพฝันในค่ำคืนอันไร้คำตอบ</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ไออุ่นจากน้ำทิพย์ยังอ้อยอิ่งอยู่ปลายลิ้น องค์ชายน้อยทอดพระเนตรถ้วยในพระหัตถ์ประหนึ่งพบของวิเศษล้ำค่า ละเมียดละไมทุกคำอย่างละวาง ไม่เร่งร้อน ทว่าก็ไม่ชักช้าเหมือนคนฝืนกลืนยาแต่อย่างใด กลิ่นอ่อน ๆ ของตัวยาแทรกมากับกลิ่นเครื่องตุ๋น จาง ๆ ของหญ้าสมุนไพร กับเศษเปลือกส้มแห้งบดละเอียดคล้ายกลิ่นบ๊วยหมัก รสขมนิด เค็มนิด หวานแฝงลึกเข้าไปในลำคอ</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เจ้าตัวจิบอีกคำ ดวงเนตรพราวระยับเลื่อนลอยเหมือนท่องไปกลางหมอกไผ่ ก่อนเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงแผ่วบางราวกลัวทำให้รสในปากจางไป</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ช่างเป็นอาหารรสเลิศยิ่งนัก ผู้ปรุงช่างมีฝีมือ… นางกำนัลห้องเครื่องหรือ?”</font><span style="color: rgb(0, 0, 0);"> พระสุรเสียงนุ่มนวลคล้ายคำชมหล่นจากปากเซียนหนุ่มบนยอดเขา</span><font color="#000080"> “หากได้พบก็คงดี… ข้าอยากร่ำเรียนวิชาปรุงอาหารจากนาง”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">มือเล็กหมุนถ้วยเบา ๆ ปลายนิ้วไล้ตามขอบถ้วยแก้วหยกคล้ายกำลังจินตนาการว่าผู้ใดกันที่สามารถต้มยากวางจนกลายเป็นน้ำทิพย์เช่นนี้ จางกงกงยืนนิ่งอยู่ข้างประตู ภายใต้แสงตะเกียงสีส้มอ่อน เขาเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ดวงหน้าไม่เผยอารมณ์ใดจนแทบคล้ายเป็นภาพแกะสลักหิน แต่ในที่สุดก็เปล่งเสียงราบเรียบ</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#4169e1">“งานครัว เป็นหน้าที่ของบ่าว… มิใช่สิ่งที่องค์ชายพึงเอาพระทัยใส่”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">น้ำเสียงของเขามิได้ข่มขู่ ทว่าชัดเจนราวทวนเหล็กพาดขวางทาง แม้คำจะอ่อนโยน ทว่าความหมายข้างในกลับหนักแน่นอย่างยิ่ง</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เด็กชายวางถ้วยลงกับโต๊ะ ดวงเนตรที่มักเปล่งแสงอยู่เสมอฉายแววครุ่นคิดชั่วขณะ แต่หาได้มีเงาของการขัดขืนหรือเถียงสักนิด หากแต่ยกพระกรขึ้นวางใต้พระหนุอย่างสบายอารมณ์คล้ายผู้ใหญ่ครุ่นคิดเรื่องภาษีเกลือ</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“อา… เช่นนั้นก็มิเป็นไร ข้าเข้าใจดี” </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">พระวรกายเอนหลังพิงหมอนผ้าไหม ดวงหน้าฉายรอยเสียดสีอ่อน ๆ </span><font color="#000080">“หากนางเป็นนางกำนัลจริง ข้าก็แค่อยากเชิญนางมาลองทำงานที่ตำหนักนี้ดู”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0);">พระสุรเสียงทุ้มนุ่มแฝงความเจ้าเล่ห์บางเบา </span><font color="#000080">“บางที… ข้าอาจจะได้ทานของอร่อย ๆ ทุกวันก็เป็นได้”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">จางกงกงไม่ตอบ ดวงตาเรียวยาวเคลื่อนมองเจ้าตัวที่บัดนี้ทำหน้าสำรวม ทว่ามุมพระโอษฐ์กลับขยับยกเพียงน้อย ราวกำลังยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง น้ำเสียงนั้นเหมือนคนพูดเล่น แต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงความอยากรู้อย่างยิ่ง หากเป็นเด็กทั่วไป คงจะคิดเพียงแค่ว่าอร่อยแล้วอยากกินอีก ทว่าองค์ชายน้อยผู้นี้… กลับคิดไกลถึงผู้ปรุง</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ขันทีหนุ่มลดสายตาลงเล็กน้อย นัยน์ตาใต้คิ้วเข้มเป็นประกายคมกริบ ไม่ยอมตอบกลับแม้เพียงคำ เหมือนคนที่รู้ว่าถ้าตอบสิ่งใดออกไป ก็ย่อมมีบทสนทนาอีกสิบประโยคตามมาทันที</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">องค์ชายเห็นความนิ่งเฉยของอีกฝ่ายก็ทรงเปลี่ยนท่าทีเป็นประหนึ่งไม่ใส่ใจนัก ทรงเอื้อมพระหัตถ์ไปหยิบผลสาลี่ลูกหนึ่งมาหมุนเล่นในพระหัตถ์ ดวงเนตรเหลือบมองจางกงกงเพียงชั่วแวบ ก่อนเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเหมือนพูดกับผลไม้นั้นเอง</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“จางกงกงพูดคล้ายกับว่าข้าจะจับตะหลิวแล้วลงมือปรุงเอง”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เสียงนั้นคล้ายรำพึง แต่หากฟังดี ๆ กลับมีหนามเล็ก ๆ แหลมคมซ่อนอยู่ใต้ท่วงทำนองละมุนละไม</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ข้าก็แค่อยากรู้ ว่าคนที่ทำของอร่อยได้เช่นนี้ หน้าตาเป็นเช่นไร… มือนุ่มหรือหยาบ มีรอยแผลจากน้ำมันกระเด็นหรือไม่ มีนิ้วไหม้เพราะหม้อต้มบ้างหรือเปล่า”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">สิ้นคำ พระเนตรก็เหลือบชำเลืองมายังจางกงกงอีกหน พลางวางสาลี่ลงบนพานทองเสียงเบา</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“บางทีข้าอาจจะไม่อยากได้แค่ยานี้… ข้าอยากรู้ว่าผู้มอบมานั้น มีเหตุใดจึงให้ข้า ไม่ให้ผู้อื่น”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">คำพูดนั้นฟังดูราวเด็กอยากรู้อยากเห็น แต่น้ำเสียงที่กล่าวกลับคล้ายขุดลึกลงไปยังจิตใจใครบางคน</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">จางกงกงขมวดคิ้วแทบไม่สังเกตได้ สีหน้าเรียบนิ่งไร้ร่องรอยเหมือนเดิม มือประสานไว้หลังหลังยืนประหนึ่งเงาในความมืด มิได้ขยับแม้แต่น้อย แต่ในใจกลับสะท้อนคำพูดของเด็กน้อยคนนั้นซ้ำไปมา</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">องค์ชายน้อยแม้ยังไม่พ้นวัยเรียนเดิน ทว่ากลับช่างมอง… ช่างคิด… และช่างจับอารมณ์คนเกินเด็กทั่ว ๆ ไปโดยสิ้นเชิง</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ถ้าเป็นไปได้…” </font><span style="color: rgb(0, 0, 0);">เสียงเล็ก ๆ เอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างไม่รีบร้อน </span><font color="#000080">“ข้าอยากเชิญนางมาทำอาหารให้ที่ตำหนักทุกสามวัน หรือห้าวัน… แล้วแต่จางกงกงเห็นสมควร แต่ถ้าไม่ได้เลย ก็ไม่เป็นไร”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">จางกงกงยังคงเงียบ ไม่เอ่ยแม้แต่เสียงถอนใจ ทว่ายามเขาหลุบตาลงเล็กน้อยนั้น ใบหน้าซึ่งดูเย็นชาราวหน้ากากเหล็กกลับแฝงความร้าวบางเบา </p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“กระหม่อม… จะพิจารณา”</font></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เสียงนั้นเบาและแหบเล็กน้อย ต่างจากทีแรกอย่างชัดเจน องค์ชายพยักหน้าช้า ๆ พระโอษฐ์โค้งขึ้นแผ่วเบาราว</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">เขาเอนพระวรกายพิงหมอนอีกครั้ง พระขาทอดเหยียดออกอย่างสบายเหมือนลูกแมวที่ได้ครอบครองหมอนปุกปุยของตนแล้ว ยามนี้ได้กินอิ่มนอนหลับ องค์ชายผู้นี้คงได้ถึงคราวฝันดีแล้วกระมัง</p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br><div style="text-align: center;"><img src="static/image/hrline/11.gif" border="0" alt="" style="text-indent: 2.5em;"></div><br></p><p style="color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b>หากดื่มน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนทันที จะได้รับความสนิทสนมกับจางกงกง +35</b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b><br></b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b>+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จางกงกง</b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b><br></b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b>หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20</b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b><br></b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b>โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม</b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b><br></b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b>อื่น ๆ : </b>ใครเป็นคนทำมาให้กันนะ---</p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">@Admin </p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><b><u>เปิดใช้งานพรสวรรค์</u></b></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">ลาภลอย </p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;">- มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่</p><p style="text-align: center; color: rgb(0, 0, 0); font-size: x-large; text-indent: 2.5em;"><br></p></font></div></div></div></div>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 25 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอิ๋น เวลา 03.00 - 05.00 น. ณ พระราชวัง ตำหนักตงเฉิน
ภายใตั้ม่านรัตติกาลที่ดำสนิท จันทร์ข้างแรมคล้ายใจร้างไร้แสง ฝูงเมฆหนาทึบบดบังดาราแทบหมดสิ้่น เหลือเพียงแสงโคมประปรายที่ทอเรืองรำไรตามแนวทางเดินหินขาวของตำหนักตงเฉิน สะท้อนเป็นเงาจางบนบึงน้ำนิ่งเงียบ ดุจภาพวาดที่ไร้ชีวิตชีวา ทุกอณูอากาศหนาวเย็นแทรกซึมเข้ากระดูกดำ กลิ่นหอมบางของดอกไม้ที่เบ่งบานอบอวลปะปนกลิ่นไอหมอกจาง เสียงฝีเท้าฉับของขันทีผู้พาเธอมาดังขึ้นบนไม้กระดานขันเงาราวกระจก สะท้อนร่างของทั้งสองให้ยืดยาวคล้านเงาของวิญญาณ
หลินหยาเดินเงียบ มือแนบข้างลำตัว ร่างระหงในชุดเรียบง่ายของสาวใช้ทั่วไปในหอว่านหงเหรินนั้นแทบกลืนไปกับความเงียบของค่ำคืนนี้ ราวกับนางมิได้มีตัวตนอยู่ตรงนี้ ดวงตากลมโตงามของนางยังคงจับจ้องมองแค่พื้นตรงหน้า ไม่เหลียวแลซ้ายหรือขวาแต่ขยับเงนหน้ามองยอดตำหนักที่สลักลวดลายงามเหนือหัว …เพราะในยามนี้ นางมองไม่เห็นแม้กระทั่งเหตุผลของการมีชีวิตอยู่นอกจากเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง..
ข้างในอกยังรู้สึกชา
เพียงก้าวผ่านซุ้มประตูหินสลัดงามที่ทอดยาวเข้าสู่เรือน เสียงฝีเท้าเงียบงันสะท้อนในโถงหินขัดแวววาวของตำหนักตงเฉิน ท่ามกลางแสงของตะเกียงน้ำมันที่สั่นไหวแผ่วเบา คล้ายจะรับรู้ถึงการมาถึงของใครคนหนึ่ง หญิงสาวในชุดสาวใช้หอว่านหงเหรินเดินทางอย่างเรียบง่าย ซึ่งวันนี้ก็ไม่มีกระทั่งผ้าคลุมไหล่ เธอถูกนำพาเข้ามาโดยขันทีไร้นาม ที่หน้าตาเหมือนจะอ่อนเยาว์เล็กน้อยจากการดูแลตัวเอง แต่ดวงตากลับไม่ไร้เดียงสา
เขาพานางมายืนต่อหน้าทางเข้าห้องฝั่งตะวันออกของตำหนักก่อนที่จะก้มคำนับนางกำนัลคนหนึ่งอย่างนอบน้อมแล้วประกาศเสียงเรียบ “ข้าน้อยขอนำพาแม่นางหลินหยา ว่าที่นางกำนัลประจำตำหนักคนใหม่ ตามคำสั่งใต้เท้าจางขอรับ” ขันทีนั้นว่าพลางขยับตัวไปทางหลินหยา เขาเหลือบมองแล้วดวงตาเรียบนิ่งราวกับคนได้รับการฝึกมาแล้วหลายชั้นแล้วยื่นห่อผ้าสีขาวปักดิ้นเงินยื่นให้นาง
“นี่คือชุดนางกำนัลอย่างเป็นทางการของตำหนักตงเฉิน แม่นางจะได้พักในเรือนสำหรับนางกำนัลตอนนี้ว่างอยู่ที่หนึ่ง” หลินหยารับห่อผ้านั้นไว้โดยไม่เอ่ยสิ่งใด ดวงตาคู่คมทอดมองเงาสะท้อนของตนบนพื้นหินอย่างเงียบงัน ผ้าม่านตรงโถงลึกของตำหนักสะบัดเล็ฏน้อยตามลมพัดจากช่อง เสียงกระพรวนห้อยหัวสั่นเบา
ขันทีน้อยขยับตัวเข้าใกล้ น้อมกายลงเล็กน้อยก่อนที่จะกระซิบเบาแทบจะไม่ให้ใครได้ยิน “เจ้าใต้จางฝากมากระซิบว่า หากแม่นางสามารถทำให้ภารกิจสำเร็จได้ ไม่ว่าจะทำให้ องค์ชายสนพระทัย หรือองค์ชายทรงไว้วางใจ สำเร็จ แม่นางจะได้รับรางวัลส่วนตัวจากใต้เท้าเองถึง 100 ตำลึงทองขอรับ” คำนั้นมิใช่คำขู่ แต่กลับเหมือนกับมันกำลังหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงสุภาพเสียจนน่าขนลุก
หลินหยาไม่ได้ตอบอะไร ดวงตาของเธอนิ่งขรึมต้องมือของตนเองที่ประคองห่อผ้าแน่น เธอไม่หวั่นไหว ตอบรับ หรือปฎิเสธ แต่นิ่งเช่นเคย แม้ในใจจะมีคำถามที่ไม่ถูกบอกออกมา
ส่วนขันทีนั้นผ่ายมือเล็กน้อยไปทางระเบียงไม้ “ที่นี่คือตำหนักตงเฉิน วังของพระสนมลู่กุ้ยเฟย พระมารดาขององค์ชายองค์โต และองค์หญิงเว่ยจางกงจู่กับหลิวหยวนกงจู่ ทั้งสามพระองค์พักอยู่ในเรือนชั้นในของตำหนักนี้” เขาหันมองมาทางหลินหยาแววหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยต่ออย่างเร่งรียบเล็กน้อย ราวกับเกรงว่าคำสั่งใครบางคนจะมาถึงช้าไป
“หัวหน้าขันทีประจำนำหนักนี้คือท่านเว่ยปินกงกง..ท่านใจดี แต่ต้องไม่ละเลยหน้าที่..ท่านเป็นหูเป็นตาให้ใต้เท้าจางเช่นเดียวกัน หากมีสิ่งใด ขอให้แม่นางขอคำแนะนำจากท่านเว่ยปินได้โดยตรง” เขาเล่าบอกก่อนถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วค้อมตัวอีกครั้ง “จากนี้ไปแม่นางจะได้รับเบี้ยหวัดจากวังเดือนละ 20 ตำลึงเงิน และใต้เท้าจางจะมอบให้อีก 5 ตำลึงทองจากทุนส่วนตัว..เป็นค่าเหนื่อยพิเศษ ขอให้แม่นางตั้งใจทำงาน”
หลินหยาเหมือนกับอยากหัวเราะ..หัวเราะในใจ..อย่างน้อยนางก็ยังเห็นว่าเขายังขึ้นค่าตัวให้นางมากกว่านางกำนัลทั่วไปสินะ?..20 ตำลึงเงิน..ข้าทำงานได้วันละ 30 ตำลึงเงิน..เดือนหนึ่งนางทำเงินได้เกือบ 100 ตำลึงทอง..บัดซบชีวิตเหลือเกิน นางอยากจะเห็นหน้าเขาสักที แล้วบีบหน้านั้นให้เหมือนกับที่เขาใช้มือที่ฆ่าฟันชีวิตคนที่เชยคางนางขึ้นมา..
“พระสนมลู่กุ้ยเฟยไม่อยู่ในตำหนักเวลานี้..แต่มี หลี่ผู่เยว่ นางกำนัลคนสนิทของพระสนม เป็นผู้ดูแลตำหนักและเหล้าองค์ชายองค์หญิงอยู่ หากแม่นางคิด..ข้าคิดว่าคงไม่ได้นานอย่างที่หวัง จงทำตัวดี ๆ และอย่าให้ใครมองเห็นว่าแม่นางคิดอะไรอยู่ในใจ ข้าน้อยขอลา” ประโยคนั้นจบลงโดยที่ไม่มีเสียงก้าวเท้าเลยแม้แต้น้อย ราวกับร่างของเขาหายวัวไปพร้อมกับสายลมยามนี้ที่เยือกเย็น ละออกน้ำค้างตามไม้ประดับหน้าต่างเริ่มทอประกายกับแสงจันทร์เร้นราง ตำหนักตงเฉินยังคงเงียบสงบแต่หนาวบาดลึกเหลือเกิน
หลินหยายืนอยู่ตามลำพังภายใต้เพดานไม้แกะสลัก กลิ่นไม้จันทร์ลอยวงรอบกายอย่างแผ่วเบา นางยังไม่ได้ก้าวเท้าไปไหน ดวงตางามกลบโตที่เคยเปล่งประกายความกล้า แต่บัดนี้เหมือนพร่าเลือน ไม่ใช่จากน้ำตาแต่เหมือนจะหมดแรงรับรู้..
“ให้สำรวม..อย่าให้ใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ..” นางทวนคำนั้นออกมาจากริมฝีปาก
ข้างหน้ามีเพียงทางเดินทอดยาวผ่านสระใส ที่เงาสะท้อนของตำหนักชั้นในสั่นระริกตามสายลม กลีบดอกไม้ตกลงมาตรงปลายพอดี เหมือนเย้ยหยันว่านางคงมีชีวิตทั้งที่อยากจะสูญไปให้สิ้น มือบางกำห่อผ้าแน่นอีกครั้ง นางเดินช้า ๆ ตามทางที่ถูกชี้นำ แม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องพักเรือนไหน หากแต่หัวใจตอนนี้..มันไม่คิดว่าจะหลงทาง เพราะสิ่งที่รู้สึกมีเพียงความกลวงเปล่า..
บางสิ่งถูกพรากไปตั้งแต่คืนที่ห้องพักพิเศษทิศตะวันตกปิดม่านลง บางสิ่งถูกล่ามเอาไว้แล้วด้วยตราประทับที่ไม่มีน้ำหมึกแม้แต่สักหยดเดียว บางสิ่งกำลังเริ่มต้นโดยไม่มีใครถามความยินยอม..แต่หลินหยาก็คงคิด..ว่าช่างมันเถอะ..พรุ่งนี้ยามเหม่า..นางก็แค่ต้องยิ้มให้เหมือนผู้ที่ไม่รู้สึก ต้องคุกเข่าให้เหมือนกับมิได้ถูกบีบให้สลบ ต้องอยู่ให้เหมือนดอกไม้ริมทาง แต่ชูช่อให้เพียงนิ้วงามของคนที่โดนเรียกว่าองค์ชาย..
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ฝากตัวรับใช้นายย ย ย ยรางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบห้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ พระราชวัง ตำหนักตงเฉิน
ยามเหม่าเพิ่งย่างเข้าที่ปลายฟ้ายังเรืองรองริ้วขาวจาง ๆ หลินหยากลับลุกขึ้นแต่งกายเรียบร้อยตั้งแต่ฟ้ายังดำสนิท นางไม่ได้หลับแม้แต่สักครึ่งกระพริบตา เงาร่างของนางเคลื่อนไหวช้า ๆ ในห้องพักราวเงาวิญญาณในสุ่มไม้ เงียบงัน จนไม่มีแม้แต้ใครสังเกตว่าหญิงสาวคนนี้ไม่เคยนอนมาก่อน น้ำเย็นของนางใช้ชำระใบหน้า ผ้าแห้งซับอย่างชำนาญราวกับทำมาเป็นร้อยครั้ง แม้มือจะสั่นน้อย ๆ จากความเย็น แต่ทุกจังหวะของการแต่งกายกลับไม่ผิดพลาด สม่ำเสมอ จงใจ และนิ่งราวกับหัวใจของนางเหมือนจะโดนปิดตาย..
นางสวมชุดนางกำนัลสีเปลือไม้หลืนกับแสงเช้า ผ้าเนื้อดีที่ไม่คุ้นชินทำให้หลินหยาต้องขยับตัวอย่างระมันระวัง ไหล่ตั้งตรง ดวงตาก้มต่ำ มือทั้งสองแนบข้างกายขณะเดินตรงไปยังเรือนหน้าที่อยู่ภายในตำหนัก..เส้นผมของนางโดนม้วนไปด้วยปิ่นสีเงินเพียงชิ้นเดียวเรียบ ๆ บ่งบอกถึงตำแหน่งที่นางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองไม่ใช่แค่นางกำนัลธรรมดา
“น้อมคำนับ เว่ยปินกงกง” น้ำเสียงของนางนั้นนุ่มนวลแต่ชัดถ้อยคำ กิริยาน้อบน้อมไร้ข้อครหาไม่รู้ว่าการเรียนมารยาทที่ท่านแม่เคยสอน เหตุใดจึงต้องขุดมาใช้ในเวลานี้และไม่อาจปฎิเสธมันได้เลยสักนิด
ขันทีวัยกลางคนในชุดสีครามเข้มละสายตาจากบัญชีผ้าในมือ มองเด็กสาวดวงหน้างาม อาจไม่งามหยดเหมือนสนมทั่วหล้า แต่สตรีตรงหน้ากลับใบหน้าเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นแบบตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ..ตุ๊กตาหุ่นกระบอก ริมฝีปากระเรืองาม แม้จากที่ดูนางอาจจะยังไม่ได้พัก แต่ใบหน้าก็ไม่ได้โรยรามากนัก เขาครุ่นคิดมองนาง ละสายตาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสียงหอบแต่หนักตามวัยตน “เจ้าคือนางกำนัลคนใหม่จากคำสั่งใต้เท้าจางใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ..ข้ามีนามว่าหลินหยา”
เว่ยปินกงกงพยักหน้าแผ่ว แล้วพลิกผ้าบัญชีม้วนหนึ่งข้างกาย “จากนี้ไป เจ้าคือหนึ่งในผู้ดูแลตำหนักตงเฉิน หน้าที่ของเจ้าคือการจัดการงานเรือน ดูแลของใช้ บรรยากาศและอำนวยความสะดวกในทุกด้านแก่พระสนมและพระโอรสธิดาในตำหนักแห่งนี้” เสียงของเขาหยุดเล็ฏน้อย แต่พลันกลับแข็งกร้าวขึ้นเมื่อกล่าวต่อ “..เว้นเสียแต่ใครบางพระองค์จะได้รับพระราชทานตำหนักแยก..เจ้าจึงจะได้ไปประจำการที่นั้น” เว่ยปินกงกงเหลือบมองหลินหยา ดวงตาของเขานิ่งสนิทแต่ประกายแพรวพราว..
“โดยเฉพาะ..องค์ชาย”
หลินหยารู้ทันทีว่าเขาหมายถึงใคร องค์ชายพระโอรสของพระสนมลู่กุ้ยเฟย หนึ่งเดียวในราชวังหลวงที่หมายตาของใครต่อใคร ไม่ว่าจะชอบหรือหวาดหวั่น แต่นั้นก็เกินกว่าที่หญิงนางหนึ่งอย่างหลินหยาจะจัดสินใจอะไรได้.. แล้วเว่ยปินกงกงก็โบกมือให้นางเห็น
“ไปเถิด..ไปยืนรอหน้าห้ององค์ชาย ยามเฉินจะใกล้มาแล้ว อีกไม่นานพระองค์จะทรงตื่นบรรทม..และอย่าทำเสียหน้า เจ้าถูกส่งมาด้วยชื่อใต้เท้าจาง ห้ามอับอาย พูดเกินคำและห้ามให้ใครเห็นว่าเจ้าคิดอะไรในใจ”
หลินหยาโน้มกายคำนับอีกครั้งก่อนที่จะถอยออกมาอย่างเงียบเชียบ นางไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ มีเพียงปลายดวงตาที่จางรางเลือน จากคืนที่ไร้การหลับใหล..
“ห้องขององค์ชายหรือ?..” เสียงนั้นแผ่วเบาออกมาเล็กน้อย เหมือนจะลอบถอนหายใจแต่ก็ไร้เสียง นางยืดหลังให้ตรงอีกครั้งขณะก้าวไปตามทางหินที่ปูด้วยสิ่งชั้นดีดวงตาของนางยังงาม แต่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่าง..ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวนั้น เหมือนอยากจะกระชากโซ่ครานด้วยเปลวเพลิงจากข้างในตัวเอง..
นางมาถึงหน้าห้ององค์ชายตามคำบอก แล้วขยับตัวย่อทรุดตัวลงเพื่อรอให้คนภายในได้ตื่นและเรียกใช้โดยที่นางไม่รู้ว่าองค์ชายจะเป็นเช่นไร เป็นดั่งคำเล่าขานหรือไม่เพราะนางไม่สน..แต่สิ่งที่หลินหยาไม่รู้..ไม่รู้เลย.. ว่าใครบางคนที่นางเคยอยู่ในหัวสมองและความทรงจำของนาง อาจจะปรากฎตัวออกมาจากหลังประตูบานนั้น..
คำแววดังไกลย้อนกลับไปยังคืนหน้าหอว่านหงเหริน…ที่นางคิดไม่ถึง ‘ข้ามีนามว่า เสวียนอิ๋ง’
@LiuRuxuan
นางกำนัลคนใหม่..แม่นางหลินหยานั่งอยู่หน้าประตูห้องพักขององค์ชายเพียวคนเดียวของฮ่องเต้และพระสนมลู่ ในยามเช้าตรู่ของวังหลวงที่แสนกว้างใหญ่และเย็นยะเยือก เงาร่างบอบบางของนางคล้ายจะกลืนหายไปกับม่านหมอกที่ยังไม่ทันจาง ร่างนางยืดตัวตรง กิริยาไม่ผิดเพี้ยนแม้เพียงปลายก้อย ราวกับความจำที่เคยเรียนกิริยามารยาทสตรีกับท่านแม่เมื่อครั้ง 5 ขวบปีกำลังกระตุ้นความทรงจำให้กลับนำมาใช้ต่อได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ประคับประคองเอาไว้ด้วยความอดทนที่เหลืออยู่เพียงเศษเสี้ยว
ผิวขาวของเธอที่เคยมีเลือดฝาดแผ่ว ๆ อมชมพูแบบคนชอบทำงานจนสุขภาพดีโดนขัดถูจนนวลผ่อง..แต่ผ่องแบบซีดจางมันกลับดูซีดเซียวราวกับกระดาษข้าวเปลือกที่ถูกแดดจางฟอกซ้ำจนจางแล้วจางอีก ดวงหน้าเรียวงามอ่อนเยาว์ดั่งเช่นดวงตะวันงามชูผลท้อหวานฉ่ำน้ำยังคงรูปอยู่ ทว่าความงามนั้นไม่ใช่ความมีชีวิตชีวาอย่างที่ผ่านมา มันกลับดูเหมือนดอกไม้แสนสวยที่ถูกเด็ดทิ้งจากแหล่งน้ำเดิม แล้วย้ายมาปลูกในแจกันแห้งไร้หยาดหยดงามอย่างเปล่าเปลือง งามอย่างที่เตรียมจะโรย..เพราะดินนั้นคนละชนิดกัน
ดวงตานั้น...ดวงตาที่เคยแพรวระยับด้วยประกายดื้อรั้นซุกซนตอนนี้กลับมืดมนราวฟ้าหลังพายุ แม้ยังมีแสงวาววับแผ่วเบาแฝงอยู่ในก้นบึ้ง แต่ก็เป็นแสงที่ใกล้ดับเสียเหลือเกินแสงแห่งการดิ้นรน แสงแห่งคนที่ยังไม่ยอมตายทั้งเป็น
นางกินอะไรไม่ลงเลยตลอดสองวันที่ผ่านมา มีเพียงน้ำและหมั่นโถวไม่กี่ลูกประทังชีวิต ไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะกินไปนางก็อาเจียนออกมาจนเกือบหมด ร่างเล็กที่เคยบอบบางอยู่แล้ว ยิ่งดูราวกับจะแตกสลายได้เพียงลมพัดแรง ๆ แขนเรียวซ่อนอยู่ในแขนเสื้อที่ดูจะกว้างเกินตัวเล็กน้อย ชายผ้าคลุมลู่ตามลมโดยไร้แรงต้าน แม้ใบหน้าจะไม่มีรอยน้ำตาแม้แต่น้อย แต่หากมีใครสังเกตให้ดีและฉลาดพอที่จะรับรู้ จะรู้ว่านางเคยร้องไห้จนเหือดแห้งไปแล้ว ร้องจนหยดสุดท้ายถูกกลืนลงไปพร้อมความรู้สึกของตนเองที่ต้องใช้เวลานานในการหวนกลับมา
กลิ่นดอกไม้ในอากาศ...หอมอย่างที่ควรหอม แต่สำหรับหลินหยาแล้ว มันคือกลิ่นของแผ่นดินใหม่ที่ไม่เคยเลือก กลิ่นของความแปลกแยก กลิ่นของชะตากรรมที่ไม่มีใครร้องขอ แต่เธอต้องร้องขอเพื่อชีวิตของคนที่ตัวเองรัก ของคนที่ตัวเองเคารพและเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เป็นครอบครัวที่อยู่ห่างไกลที่ผานอวี้
นางยังงามและอ่อนเยาว์จนน่าทะนุถนอมเพราะตอนนี้นางคงเหมือนแมวหลงทางที่ไม่ยอมกินข้าวเพราะหาคนไว้ใจมิได้ในวังหลวง..แม้จะงามและอ่อนเยาว์จนขันทีคนหนึ่งที่ผ่านยังเผลอมอง แต่นั้นมันราวกับสิ่งต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เหมือนดอกไม้งามที่เติบโตผิดฤดูในหุบเขาที่ไม่มีใครรู้ชื่อพร้อมจะโรยโดยไร้ผู้เห็น แม้นางจะกำลังเติบโตในกระถางไม้ เหมือนชุดที่นางสวม..ปกติหลินหยาจะไม่ซื้อผ้าเนื้อดี เพราะหากมันขาด คงเสียดายแน่ที่ไม่ได้สวมหรือสวมยังไม่ขึ้ม
และในใจของนาง...บางอย่างกำลังค่อย ๆ แตกหักเงียบ ๆ อย่างงดงามและเศร้าสร้อยในเวลาเดียวกัน จนไม่รู้ว่าจะจุดติดเมื่อใด หรือใครจะจุดมันคิดขึ้นอีกครั้ง สำหรับประกายไฟเล็ก ๆ นั้น
@LiuRuxuan
แผ่นไม้นั้นเรียบเย็นใต้ฝ่าเท้าและส่วนที่โดนกับขาของเธอ พร้อมกับนางพบว่าได้ยินเสียงบางอย่างจากด้านใน แล้วประตูนั้นก็เปิดออกเป็นร่างของนางกำนัลคนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนสนิทขององค์ชายที่พำนักอยู่ภายใน นางชายตามองหลินหยาเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยออก “เชิญแม่นาง” เสียงของนางนั้นเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลินหยานั้นน้อมรับคำนับด้วยท่าทางของนางที่แผ่วราวกับไม่ใช่ร่างของนางจริง ๆ
เสียงฝีเท้าของหลินหยานั้นเป็นจังหวะยามนางก้าวเข้าไปในตำหนักที่เงียบงันยิ่งกว่าภายนอก ด้านในอบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อนของ..อืม?..อาหารหรอ? ไม่แน่ใจ แสงจากบานหน้าต่างเล็ก ๆ เพียงไม่กี่ช่องสาดลงพื้นดั่งลำแสงที่บีบให้ทุกย่างก้าวของนางแคบลง รู้สึกอึดอัดและใจเต้น เหมือนกับกำลังเดินผ่านตรอกที่โดนจับจ้องด้วยสายตานับพันเพ่งมองจับผิดและหากพลาดชิดเดียวนั้นคือชีวิต
นางนั้นยังไม่เงยหน้าขึ้น ยังคงไม่กล้ามองเพราะแม้ในใจจะพยายามฝืนให้สงบนิ่ง และพยายามจะสง่าเรียบเย็นให้ได้มากที่สุดแต่ในใจก็ใจสั่น..อื้ออคงเหมือนพายุฝุ่นที่ไม่มีวันลง ก้าวอีกก้าว อีกก้าว จนกระทั่งนางหยุดอยู่ตรงหน้าที่นั่งประจำตำแหน่งแล้วหยุดอยู่ตรงเด็กหนุ่มที่น่าจะสูงกว่านางด้วยซ้ำไป..เธอยังเห็นแค่เท้าของเขาเพราะยังไม่กล้าเชยหน้ามอง ซึ่งหากเพียงเงยหน้าสบตากับพระพักตร์ของพระองค์…
เธอเปลี่ยนไปแล้ว..หรอ?
แม้ใบหน้าจะยังคงเป็นหลินหยา แม้ผิวขาวรวลนั้นจะยังเหมือนครั้งก่อนที่เธออยู่หอว่านหงเหริน แม้ริมฝีปากจะแดงอ่อนยังคงรูปโค้งและขยับเข้าหากันราวกับเด็กหญิงแรกรุ่นที่เคยพูดกับเขาเบา ๆ ว่าเดี๋ยวก่อน เพื่อหยุดรั้งเขาไว้และส่งมอบขนมหวานแสนอร่อย สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นเห็นได้ชัด แววตาของนางคู่นั้น แววตาใสบริสุทธิ์ของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยความสดใสไร้เดียงสา ดั่งลูกแก้วใสไร้มลทิน บัดนี้กลับร้างรา ไม่ใช่เพราะเกลียดโลก แต่รู้ทันมันเสียแล้วว่ามันโหดร้ายถึงเพียงใด
นางไม่จำเป็นต้องถูก ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับองค์ชายว่านางถูกบังคับมาให้ทำสิ่งที่ตนเองไม่ได้อยากคิดฝัน แต่กลับโดนบอกว่าห้ามให้รู้..หากรู้ชีวิตของครอบครัวจะขาดสะบั้นแล้วนางก็ต้องทนอยู่กับความอัปยศไปชั่วชีวิต
หญิงสาวทำใจแล้วเธอก็ขยับตัว นางที่เคยร่าเริงและงดงามดั่งดอกท้อแรงรับแสงทองของอาทิตย์ บัดนี้อยู่ตรงหน้าตำหนักที่เงียบงันประหนึ่งเป็นเงาจางในความทรงจำของใครสักคน..หรือใครบางคน ท่าทางของนางนั้นเรียบร้อยเกินวัยจนชวนใจให้บีบรัด ไม่รู้ว่านางไปศึกษาสิ่งนี้มาจากไหน ดวงหน้าขาวนวลที่ครั้งหนึ่งเคยเปื้อนรอยยิ้มอ่อนหวานกลับเรียบหายเฉยเมยและเงียบงัน ราวกับถูกกรอบของพิธีการในวังหลวงและกฎเกณฑ์หล่อหลอมจนแข็งราวกับหยกเย็น เธอขยับตัวเล็กน้อยก่อนก้มลงคุกเข่าลงคำนับอีกคนให้เรียบร้อยเกินคำว่าสามัญชน แม้จะมีความเก้กังอยู่บ้างจากความเกร็งที่ไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
ปลายนิ้วแตะตามการทำ ดวงหน้าก้มลงต่ำแต่ยังคงกลั้นกล้ำกลืนความสงสัยระคนประหม่าเอาไว้ในใจ เธอไม่ได้เงยหน้าโดยพลันเหมือนเคย ยังคงนิ่งน้อมตามระเบียบที่ท่านแม่เคยยัดใส่หัวเมื่อครั้งวัยเยาว์ ก่อนที่ดวงตากลมโตที่เคยใสราวลูกแก้วจะกล้า ๆ กลัว ๆ ขยับขึ้นมองอย่างเชื่องช้า..แต่เพียงแววตาของเธอเหลือบขึ้นทุกอย่างกลับเงียบงันนัก..มันหยุดนิ่ง สายตาคู่นั้นของนางดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนเบิกกว้างก่อนที่จะสั่นระริก ราวกับมีใครสาดน้ำเย็นใส่กลางใจของนางในขณะที่เธอเพิ่งเริ่มจะมีแรงยืน
เบื้องหน้านางไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่คือเด็กหนุ่มผู้ที่เคยยื่นมือรับขนมไหมฟ้าที่เธอเคยถือไว้ในมือ เด็กชายที่ยิ้มรับด้วยสายตาอ่อนโยนซื่อใส แม้ภายในใจตอนนั้นของเขาจะร้อนรุ่มเหมือนร่างกายแต่กลับไม่เคยอ่อนข้อให้กับมันไม่เคยให้มันมาคลุมกายและสติ ยืนหยัดจนวินาทีสุดท้ายจนเขาสามารถสยบสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณได้อย่างชะงักนักจนน่าเหลือเชื่อ ตอนนั้นนางคิดว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่บังเอิญอยากมาเที่ยวหอว่านหงเหริน แต่ภายหลังก็รู้ว่าไม่ใช่ เขาไม่ได้ต้องการ..
…คุณชาย?...เสวียนอิ๋ง?..
หัวใจของหลินหยาหล่นวูบในวินาทีนั้น ตัวของเธอชาไปหมดจนแทบไม่รู้ว่ากำลังหายใจอยู่หรือไม่ ใบหน้าของนางไร้สีราวกับกระดาษเก่า ดวงตาที่เคยอ่อนโยนและบริสุทธิ์ดั่งลูกท้อฉ่ำน้ำในวันนั้นกลับดับสนิทในพริบตา เหมือนไฟที่ถูกลมกรรโชกหนักกลบมิดไม่เหลือแม้แต่ไออุ่นให้เก็บไปฝัน เธออยากจะถอยหนี แต่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ อยากจะกรีดร้องแต่กลับไม่มีเสียงแม้แต่แผ่วเบา อยากจะถามว่าทำไมแต่รู้ว่าไม่มีคำตอบใดจะเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป
หลินหยารู้ว่านางไม่ได้โกรธถือโทษคนตรงหน้าแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเขาจำเป็นต้องปดปิดสถานะของตนเองเพราะโลกใบนี้ไม่มีที่ว่างให้กับความไว้วางใจได้ง่าย ๆ สำหรับคนที่ตำแหน่งสูงเช่นเขา..คนที่มีสายเลือดมังกรไหลเวียนในตัว แต่สิ่งที่โหมไหม้หัวใจของนางให้กลายเป็นเถ้าธุลีดินกลับเป็นความรู้สึกว่านาง โง่เง่าเกินไป..
โง่เง่าที่ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ในมือใต้เท้าจางมาตั้งแต่แรก โง่เง่าที่คิดว่าไม่สามารถเลือกเส้นทางตัวเองได้เลย โง่เง่าที่กล้าเร่าเริงยื่นขนมให้ใครบางคนโดยที่ไม่รู้ว่าอีกกี่วันตนต้องคุกเข่าให้เขาแล้วพบความจริง..เพราะแบบนี้กระมัง? ดวงตาแก้วใสคู่นี้จำไม่เหลือแสงอีกต่อไป ไม่มีความสง่า ไม่มีประกายแห่งความฝัน มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่เงียบเหงาและเจ็บลึกจนน้ำตาไม่อาจไหลออกมา เพราะเจ็บเกินจนจะร้องไห้แล้วจริง ๆ
หลินหยาพยายามคุมเสียงของนางแทบไม่รู้ว่าควรใช้คำว่าอะไรเพื่อคำนับอีกคน ต้องพูดคำว่าเพคะไหม? ต้องบอกว่าสวัสดิ์ดีหรือเปล่า?
“คะ..คา..” พยายามออกเสียงออกมาจากลำคอ แต่ยากเหมือนกลืนเข็มแสนเล่ม “คำนับเพคะ..ฝ่าบาท” สั่นเครือจนอยากจะลงโทษตัวเองนางทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมองเขาทำแค่นั้น ไม่คาดหวังสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว…พอแล้ว
@LiuRuxuan
ปลายนิ้วเรียวงามที่เคยเล่นดนตรีในหอหว่านหงเหรินอย่างสนุกสนาน และเล่นดนตรีในสวนของจวนเจ้าเมืองผานอวี้เมื่อครั้งวัยเยาว์ตอนที่ยังอยู่นอกสถานที่แห่งนี้ บัดนี้จิกแน่นเข้ากับข้อมือตัวเองจนเลือดซึมผ่านเนื้อผ้าไปแล้ว หลินหยานั่งอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้ตัวว่าตนเองทำอะไร ม่านผมดำที่โดนปิ่นเงินเพียงชิ้นเพียงปักอยู่ปลิวตามลมหายใจที่ขาดห้วงของเธอ สตรีน้อยผู้เคยมีประกายตาเปล่งแสงราวกับลูกแก้วสว่างกลับดูคล้ายตุ๊กตาดินเบาที่ถูกวางไว้ไม่เข้ากับที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย..ไม่สิ น่าจะเป็นตุ๊กตากระบอกที่โดนชักใยตามข้อต่อของกระดูกที่เส้นด้ายแห่งโชคชะตาชุ่มโชกไปด้วยเลือดนางที่ซึมลงไปในเส้น จนแดงฉานราวพันธนาการของรังไหมสีโลหิตเสียมากกว่า
เสียงของพระองค์..ใช่..เสียงของเขาจริง ๆ องค์ชายหรูเสวียน..เจ้าของ..รอยยิ้มจาง ๆ ตอนนั้น
ที่เคยยืนตรงหน้าเธอที่หอว่านหงเหริน ไม่แม้แต่จะจับจ้องตัว มีแต่ความเคารพและประหม่าแบบเด็กชายที่พึ่งแตกเนื้อหนุ่ม ผู้ที่เคยรับขนมไหมฟ้าจากมือเธอด้วยสายตาอ่อนโยนเกินกว่าที่จะเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีแต่หอกข้างแคร่ไม่รู้จบ แต่ตอนนี้..ดูสิ เขาอยู่ตรงนั้น..ไม่ใช่เขา ต้องเป็นพระองค์ ในตำแหน่งที่สูงส่ง ที่แม้แต่เงาของเธอก็ไม่สมควรจะได้ชายตาแลมองเข้าไปด้วยซ้ำ
ทุกคำที่เขาเอ่ยออกมา แม้จะราบเรียบและสุภาพแต่ก็เฉียบคมดุจดาบที่เสียบผ่านอกของหญิงสาว นางไม่เคยรู้สึกตัวเล็กขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยรู้สึกว่าห้องที่อยู่มันจะมืดแปดด้านเรียงตัวประชิดจนแทบหายใจไม่ออก ไม่ใช่เพียงเพราะฐานะที่ต่ำต้อยของนางในตอนนี้ หากแต่เพราะสิ่งที่เธอเคยคิดว่า จริง ในสิ่งที่เกิดขึ้นมันกลับกลายเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจเอ่ยได้อีกเลยต่อไป..นางให้เจ็บใจนัก นางต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือหรือ?..
ชายบริสุทธิ์ที่ไม่คิดจะเปลี่ยนสีหน้าเมื่อนางอยู่ตรงนี้น่ะหรือ? โหดร้ายเหลือเกิน ใต้เท้าจางท่านมัน..อสรพิษ
ดวงตากลมโตของหลินหยาเงยขึ้นเล็กน้อยเพียงชั่ววินาทีที่ผ่าน เมื่อพระองค์เอ่ยถึงหอโคมแต่นางกลับขยับดวงตาก้มลงหน้าอีกครั้งราวกับถูกคำสาป มือบางของนางกำชายกระโปรงไว้แน่นจนข้อขึ้นสีแต่เล็บก็ยังจิก..และเลือดสีแดงก็ซิบขึ้นมาจากเล็บที่เรียงตัวสวย
“เป็น..พระมหากรุณาธิคุณ..เจ้าค่ะ” น้ำเสียงเธอเบา สั่น แต่นุ่มนวล ราวกับไม่ใช่เสียงของหลินหยาคนเดิมอีกต่อไป..อย่างน้อยเขาก็รู้ตัวว่าเธอคือสตรีคนเดียวกันที่หอโคม ตอนนี้ในหัวของเขานางคิดไม่ออกหรอกว่าจะรู้หรือไม่ เขาอาจจะ..คิดว่านางรวมหัวกับใต้เท้าจางเพื่อทำอะไรบางอย่างที่เลวร้าย..พระเจ้าช่วย นางจะบ้าตายอยู่แล้ว เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากของนางไม่ได้แข็งแกร่งหรือกล้าหาญอย่างเคย หากแต่คือเสียงของผู้ที่ยอมจำนน สับสน แตกร้าวเหลือแสน มิใช่เพราะยอมรับในโชคชะตา แต่เพราะไม่รู้จะหนีมันไปทางใดกันแน่
หลินหยาไม่กล้าแม้แต้จะสังเกตว่าพระองค์ทรงจดจำตนได้มากน้อยเพียงใด แม้แต่ใบหน้าของเธอก็ไม่อาจรักษาความเรียบเฉยเอาไว้ได้ ดวงตาของเธอราวกับกำลังจะปล่อยน้ำตาที่กลืนลงคออยู่ทุกขณะไม่ให้ไหลออกมา แต่เอาความจริงมันก็แทบจะเหือดแห้งจนไม่เหลือแล้ว..นางทำเพียงแต่กลั้นไว้อย่างสุดกำลัง นางกลัวเหลือเกินว่าแม้แต่น้ำตาก็อาจะเป็นเหตุให้นางถูกตำหนิในที่ที่ไม่ควรแม้แต่จะหายใจผิดจังหวะ
ภายในใจของเธอราวกับเสียงพันเสียงกู่ร้อง รอยแผลที่ใต้เท้าจางทิ้งไว้ยังไม่ทันสมาน..วันนี้นางยังต้องมาเผชิญหน้ากับความจริงอีกครั้งเช่นนั้นหรือ อย่างน้อยก็ยังดีที่เขาอาจจะเป็นนายเหนือหัวที่ดีละมั้ง? แรงบีบจากภายในทรวงอกฉุดดึงความดันโลหิตให้ต่ำลง ความเครียด ความอับอาย ความเสียใจและความสับสนประเดประดังเข้ามาราวกับพายุที่โหมกระหน่ำทั้งเมืองให้ราบเป็นหน้ากลอง เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนยังนั่งหลังตรงอยู่หรือไม่ ร่างกายของเธอเริ่มไร้ความรู้สึก แขนขาชาไปหมด..
หากเวลานั้นมีเสียงเล็กน้อยจากผ้าคลุมหรือพัดที่สะบัดกระทบพื้น เสียงนั้นคงดังกว่าความคิดใด ๆ ของนางเสียอีกในตอนนี้ เพราะสมองของหลินหยากลับขาวโพลน ร่างเล็กเริ่มสั่นเบา ๆ อย่างที่นางไม่อาจห้ามได้อีกต่อไปแล้ว..และนางกำลังคิดแน่แล้วว่าความเครียดคงพุ่งสูง สูงพอที่นางสามารถสลบได้..และคงไม่นานหรอก ก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงตรงหน้า..
ไม่ตื่นขึ้นมาเลยคงจะดี
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: ลูกฉันสลบไปแล้วววววววว อ๊าาาาาา
รางวัล: -
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-6-25 11:22 <br /><br /> <br><br><style>
#boxcorecenter2 {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #6F1D3D 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.supaimg.com/b9d3230b-f96c-4499-8674-546debfa23aa.jpg");
}
</style>
<style>
#boxR0LE2 {
width: 670px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter2">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE2">
<br><img width="450" src="https://i.supaimg.com/85993dbc-9004-4d8b-ab3b-72ff6c7e0d5c.png" border="0" alt="">
<br><img src="https://i.imgur.com/tDqgS6A.png" width="400" border="0">
<br><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#980000"><b><i>พานพบ มิคาดฝัน</i></b><br></font></font></font>
<br>
<div align="left"><div style="text-align: center;"><iframe width="200" height="50" src="https://www.youtube.com/embed/DNrhDWHvqRk?autoplay=1&loop=1&playlist=DNrhDWHvqRk" frameborder="0" allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen="" style="font-family: Sarabun;"></iframe></div><div style="text-align: center;"><br></div><div style="text-align: center;">(เพลงอาจไม่เกี่ยวกับโรลแต่อยากใส่ 😆)</div>
<font face="Sarabun"><font size="5"><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-align: center; text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">25 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</font></p><p style="text-align: center; text-indent: 2.5em;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">ยามเหม่า < 05.00 - 07.00 น. ></span><font color="#000000"></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">@LinYa</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ยามเหมาใกล้พ้นเต็มที่ แสงสว่างแรกของวันค่อย ๆ ลูบไล้ลงมาทาบทับผืนฟ้าเหนือฉางอัน กลืนกลบความหม่นของราตรีให้จางหาย ชายผ้าม่านที่ผูกไว้ด้วยเชือกไหมสีอ่อนเคลื่อนไหวเบา ๆ เมื่อสายลมเช้าโชยพัดผ่านเข้ามาในห้องนอนของตำหนักตงเฉิน เสียงนกตัวเล็กบ้างส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างระมัดระวังราวเกรงใจใครบางคนในตำหนักนี้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">บนตั่งหยกประจำห้อง ร่างเล็กขององค์ชายยังทอดพระวรกายอยู่ใต้ผ้าห่มปักเมฆซ้อน เส้นพระเกศาดำขลับหล่นลงละมุนบนหมอนหยก ทว่าเปลือกพระเนตรก็ขยับเล็กน้อยพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มมีจังหวะหนักแน่นขึ้นเป็นสัญญาณว่าเวลาตื่นบรรทมใกล้เข้ามา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของนางกำนัลคนสนิทเอื้อนย่ำบนพื้นไม้ข้างตำหนัก ก่อนจะหยุดลงหน้าเตียงพอดี เสียงผ้าไหมเสียดสีกันเบา ๆ ขณะนางคุกเข่าลงอย่างนุ่มนวล แล้วประสานมือเบื้องอกพร้อมเรียกเบา ๆ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“องค์ชาย… ได้เวลาแล้วเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ราวกับถูกปลุกด้วยเสียงของสายลม องค์ชายหรูเสวียนขยับพระเนตรเปิดออกอย่างช้า ๆ ลมหายใจอุ่นแรกหลุดออกจากพระโอษฐ์เมื่อสิ่งแรกที่ทรงเห็นคือเพดานไม้แกะลายพรรณไม้ซับซ้อน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ทุกอย่างรอบตัวดูคุ้นเคย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ดวงเนตรสีดำยังพร่าเล็กน้อยจากการบรรทม ทรงขยับพระวรกายเล็กน้อย พลางขมวดพระขนงเหมือนกำลังดึงสติกลับมาจากความฝัน พระวรกายของเด็กชายแม้จะยังเล็ก แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับเปี่ยมด้วยจังหวะที่มั่นคงและเปี่ยมแบบแผน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางกำนัลช่วยพระองค์เปลี่ยนเครื่องแต่งกายยามเช้าด้วยความชำนาญ ทรงปล่อยให้นิ้วเล็กของนางทำหน้าที่ไปโดยไม่ตรัสแทรก กระทั่งเมื่อเสื้อผ้าถูกจัดให้เรียบร้อยและเข็มกลัดประดับอกถูกปักอย่างเหมาะเจาะ องค์ชายจึงทรงหันมาพลางกล่าวเสียงเบาแต่เฉียบ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“วันนี้ดูเหมือนเจ้าจะตื่นก่อนข้าด้วยซ้ำ”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางกำนัลที่อยู่เคียงพระองค์ทุกวันแย้มยิ้มเล็กน้อยแล้วค้อมศีรษะแทนคำตอบ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ขณะพระวรกายทรงยืดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ องค์ชายพลันได้ยินเสียงกระซิบของนางกำนัลอีกผู้ที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างนัก</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“ทูลองค์ชาย… เมื่อครู่เว่ยปินกงกงแจ้งว่ามีนางกำนัลคนใหม่ส่งมาจากใต้เท้าจางเพคะ มาประจำหน้าห้องขององค์ชายตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้ว”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เด็กชายขยับพระเนตรขึ้นเล็กน้อย คิ้วเรียวเหนือดวงตาคมกริบขมวดช้า ๆ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“นางกำนัลคนใหม่?”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">พระสุรเสียงของเขาแผ่วนัก คล้ายจะพูดกับตนเองมากกว่าจะเป็นคำถามจริงจัง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายหรี่พระเนตรเล็กน้อย รอยยับที่เกิดขึ้นระหว่างหัวคิ้วยังไม่จางหาย ความสงสัยไม่ได้เกิดขึ้นจากความไม่พอพระทัยนัก แต่เป็นเพราะ… สิ่งนี้มาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า และผู้ส่งมาก็คือใต้เท้าจาง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ใต้เท้าจาง…</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ชื่อที่ปรากฏขึ้นในพระทัยทำให้เงาแห่งความทรงจำวาบผ่านเข้ามาแผ่วเบา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ค่ำคืนนั้น กลิ่นกำยาน เสียงนางโลม กล่องไม้ใบเล็ก และคำพูดของใครบางคนว่า "ข้ามีนามว่า เสวียนอิ๋ง"</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ชื่อปลอมที่เขาเอ่ยออกด้วยความตั้งใจจะปิดบังฐานะในยามจำเป็น… กลับจู่ ๆ ผุดขึ้นในพระทัยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายทรงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ดวงเนตรค่อย ๆ ลาดลงต่ำ พระหัตถ์แตะชายอาภรณ์เบา ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยสุ้มเสียงเป็นปกติ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“นางมาอยู่ประจำหน้าห้องของข้าเลยหรือ?”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“เพคะ กงกงแจ้งว่าให้มารอรับบัญชา…ตั้งแต่ยามเหม่า ท่าทีเรียบร้อยดีนัก ไม่มีผู้ใดตำหนิได้”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายพยักพระพักตร์เล็กน้อย แต่ไม่ตรัสสิ่งใดเพิ่ม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ใต้เท้าจางจะส่งคนมา ยังนับว่าเป็นผู้ที่หวงตี้ไว้วางใจ ทว่าส่งมาประจำตำหนักเขาโดยไม่ผ่านการแจ้งล่วงหน้าเช่นนี้… ก็ชวนให้คิด</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เห็นเหตุให้ตื่นตระหนก</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">คนคือคน นางกำนัลคือผู้ทำหน้าที่ หากทำได้ดี ก็อยู่ไป หากไม่เหมาะสม วันหนึ่งก็จักถูกปลดเปลี่ยนไปเช่นกัน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“เตรียมตารางของวันนี้ให้ข้า ข้าจะออกไปที่สวนหินหลังตำหนักหลังทานอาหาร”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายเอ่ยโดยไม่ได้มองไปยังใครเป็นพิเศษ ราวกับตัดความคิดทั้งหมดลงภายในหนึ่งลมหายใจ ก่อนจะเหยียดพระวรกายยืดคลายกล้ามเนื้อให้ตื่นเต็มที่</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ส่วนผู้ใดกัน… ที่กำลังค้อมกายเงียบอยู่หน้าประตูในตอนนี้ หากโชคชะตาคิดจะเล่นกลอีกครั้ง เขาก็พร้อมจะรับมันด้วยท่าทีเช่นเดิม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"> </font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">@Linya</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">แสงเช้าสะท้อนปลายกรอบหน้าต่างกระทบลงบนผนังห้องพักอันสงบของตำหนักตงเฉิน แสงอ่อนของยามเหม่านั้นมิได้เร่งร้อนแต่ก็ไม่ล่าช้า พอเหมาะพอดีกับการเริ่มต้นวันใหม่ที่ไม่เร่งรีบจนเกินไปสำหรับผู้เป็นโอรสของมังกร</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของนางกำนัลดังขึ้นอีกคราหนึ่งในห้องขนาดย่อม ด้านหนึ่งมีตั่งไม้เนื้อดี ประดับด้วยลายฝังทองบางเบา ด้านหนึ่งวางตู้ชาหยกเขียวที่มีกลิ่นชาจาง ๆ ลอยออกมา ชวนให้รู้สึกสงบจนแทบไม่อยากเอ่ยถ้อยคำใดให้ฟุ้งเปล่า</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียน ขยับพระวรกายเล็กน้อย พลางหมุนข้อมือเบา ๆ ด้วยท่วงท่าผ่อนคลาย เมื่อจัดทรงผมและอาภรณ์เสร็จสิ้นด้วยฝีมือนางกำนัลมือประจำ ตำหนักเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เด็กชายจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นตามธรรมดา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“นางกำนัลคนใหม่…คือนางที่ว่าไว้เมื่อเช้าใช่หรือไม่”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางกำนัลที่คุกเข่าทำความเคารพอยู่ใกล้ ๆ รับคำทันทีด้วยท่าทีนอบน้อม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“เพคะ องค์ชาย นางรออยู่หน้าห้องตั้งแต่ต้นยามเหม่าแล้วเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย คล้ายประหลาดใจที่ใครบางคนจะตั้งใจตื่นก่อนเขาได้ในเช้าอันหนาวเหน็บเช่นนี้ เขาไม่ใช่ผู้มีวินัยเป๊ะจนจับผิดใครหากมาช้ากว่า แต่หากใครมาถึงก่อน มันก็เป็นเรื่องที่สะกิดใจได้บ้าง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">โดยเฉพาะหากผู้นั้นเป็นผู้ที่ใต้เท้าจางส่งมา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เด็กชายขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดน้อย ๆ ความจำของเขาไม่ได้เลวร้ายถึงขั้นลืมเหตุการณ์สำคัญเมื่อหลายวันก่อน น้ำทิพย์ตุ๋นกวาง กลิ่นหอมหวานที่แปลกประหลาด และบทเรียนใหม่เกี่ยวกับ…ฤทธิ์ยา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ดวงตาของหรูเสวียนพลันเปล่งประกายขึ้นแววระวังเล็กน้อย ไม่ถึงกับหวาดหวั่น แต่ไม่ไว้ใจเต็มร้อย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">คนที่ใต้เท้าจางส่งมาน่ะหรือ จะให้เชื่อใจง่าย ๆ ก็ออกจะประมาทเกินไปหน่อย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าประตูเป็นชั่วยาม รอให้ข้าเรียกอยู่ข้างเดียวหรืออย่างไร”</font><font color="#000000"> เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แฝงอารมณ์ขันบางเบาไว้ในคำพูด</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางกำนัลหัวเราะแผ่วแล้วตอบอย่างรู้หน้าที่</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">“หม่อมฉันจะไปแจ้งให้เข้าพบเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนโบกมือเบา ๆ พลางหมุนตัวนั่งลงบนตั่งหยกประจำตำแหน่ง ดวงตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างที่แสงเช้าเริ่มกล้า</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">แม้ในแววตาจะมีร่องรอยของความเป็นเด็กอยู่เต็มเปี่ยม แต่ผู้ที่ได้มองลึกลงไป จะเห็นความคมคายบางอย่างแฝงอยู่</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เด็กคนนี้…รู้ว่าโลกไม่ได้มีเพียงภาพสีทองที่ใคร ๆ วาดไว้ให้เขาเห็น หากคนที่อยู่หน้าประตูคือคนของจางกงกงจริง และเกี่ยวโยงกับเรื่องเมื่อคราวก่อน </font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาก็อยากจะเห็นหน้าชัด ๆ ว่าใต้หน้ากากนางกำนัลธรรมดานั้น มีเงาอะไรซ่อนอยู่หรือไม่</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">@LinYa</font></p><p style="text-align: center; text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ในความเงียบงันอันคลี่คลุมภายในตำหนัก เสียงลมหายใจแผ่วเบาจากคนทั้งสองมิได้กระทบกระเทือนความนิ่งของยามเช้าแม้แต่น้อย หรูเสวียนทอดพระเนตรไปยังร่างของหญิงสาวที่ยังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า สีหน้าขององค์ชายมิได้แปรเปลี่ยนออกชัดนัก ทว่าความรู้สึกในอกกลับปั่นป่วนคล้ายคลื่นกระทบฝั่งไม่สิ้นสุด</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางเคยเป็นเด็กสาวที่เขาเข้าใจว่าไร้ที่ยืนในโลกกว้าง ต้องอาศัยซอกมุมของหอโคมเพื่อดำรงชีพ แม้จะพูดจาตรงไปตรงมา แต่ก็เปี่ยมด้วยความจริงใจในแบบของผู้ที่มิเคยมีอะไรให้ต้องปิดบัง สีหน้ารอยยิ้มครั้งนั้นล้วนมาจากใจจริง ไม่มีเค้าโครงของพิธีการหรือการปรุงแต่งใด ๆ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ทว่าวันนี้...หลินหยาไม่เหมือนเดิม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ทุกกิริยาของนางล้วนแลดูผ่านการขัดเกลามาอย่างตั้งใจ ประหนึ่งตุ๊กตาเคลือบเงาที่ถูกจัดวางไว้ในตู้กระจก ไม่มีแม้แต่อณูของความเป็นตัวตนเก่าหลงเหลือ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนหลุบสายพระเนตรลงเล็กน้อย ขณะที่ขบคิดเงียบงัน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เป็นไปไม่ได้ที่นางจะเลือกเข้าวังด้วยตนเอง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">สถานที่แห่งนี้หาใช่ที่อันพึงปรารถนาสำหรับหญิงสาวใดไม่ ยิ่งผู้ที่เคยอยู่ในเรือนหอโคม ยิ่งไม่มีหนทางอันเปิดกว้างเข้ามาโดยไร้แรงผลักจากเบื้องหลัง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เช่นนั้นจึงเหลือคำตอบเดียว</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หลินหยาถูกส่งเข้ามา โดยใครบางคน และชื่อของผู้ต้องสงสัยก็เด่นชัดยิ่งนักในใจของเขา จางกงกง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ขันทีผู้นั้น แม้ภายนอกจะก้มตัวต่ำ พูดจาอ่อนน้อม แต่น้ำเสียงและสายตากลับราวคมมีด เขาไม่เคยเชื่อในความภักดีอันเกินพอดีของอีกฝ่าย การนำยาตุ๋นบำรุงพละกำลังมามอบให้เขาโดยมิได้ขอ คือสิ่งยืนยันว่าหัวหน้าขันทีย่อมมีแผนการณ์แฝงซ่อนไว้ในเงาเสมอ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หลินหยาอาจไม่รู้ตนเองเป็นเครื่องมือ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรือบางที...รู้ และจำต้องยอมรับด้วยเหตุผลที่เขาไม่อาจล่วงรู้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">องค์ชายสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ สายพระเนตรทอดไปยังนางกำนัลที่ยังก้มต่ำ มิได้เอ่ยคำใด มิได้ร้องขอหรืออธิบายใดให้ตนฟัง ราวกับยอมจำนนต่อชะตากรรม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรือเพราะนางมิได้มีสิทธิ์แม้แต่จะอธิบายอะไรเลย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">พระหัตถ์ของหรูเสวียนขยับเล็กน้อย ก่อนหยุดนิ่งกลางอากาศ เขาลังเลเพียงชั่วครู่ ก่อนวางมันกลับที่เดิมบนพระเพลา ตอนนี้เขายังไม่ควรถาม แต่เขาจะรู้ให้ได้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เพราะในวังหลวงที่เต็มไปด้วยเงามืดและอำนาจ หากเขาหลับตาแม้เพียงหนึ่งคืน สิ่งที่เกิดขึ้นอาจมิใช่เพียงการเสียสละของเด็กสาวคนหนึ่ง แต่จะเป็นเงื่อนไขใหม่ ที่ลากตัวเขาไปยังสนามหมากอีกกระดานหนึ่ง โดยไม่ทันตั้งใจ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนยังคงนิ่ง แต่นัยน์ตากลับขบคิดอย่างจริงจังทุกขณะ หลินหยาถูกวางไว้ในตำหนักของเขา นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เงาสะท้อนจากม่านแสงที่สาดต้องบานหน้าต่างโบราณส่องลงบนพื้นไม้ขัดมันสะท้อนแผ่วราวกับผิวน้ำ ดรุณหนุ่มก้าวลงช้า ๆ ก่อนหยุดยืนอย่างมั่นคง ชายผ้าอาภรณ์สีกลีบบัวลู่ลงกับพื้นราวม่านหมอก ดวงเนตรสีหยกนิลนั้นแม้จะทอดมองร่างบอบบางที่คุกเข่าเบื้องหน้าโดยตรง ทว่าสายตากลับไม่แสดงแววใดนอกเหนือจากความสงบเฉยราบเรียบประหนึ่งเจ้าของดวงเนตรนั้นมิได้รู้จักมักจี่กับนางมาก่อนเลย</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เมื่อเห็นดวงหน้าเงยขึ้นตามมารยาทของผู้รับใช้ หรูเสวียนเพียงพยักหน้าลงเล็กน้อย สีพระพักตร์เรียบนิ่งราวคลื่นที่ไม่กระเพื่อม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">"เจ้าคือนางกำนัลใหม่ที่จางกงกงส่งมาใช่หรือไม่" </font><font color="#000000">สุรเสียงขององค์ชายแผ่วเบา ทว่าชัดเจน หนักแน่นแต่ไร้แววเคร่งขรึม เป็นเสียงของเด็กชายที่รู้จักการควบคุมอารมณ์แม้ในยามประหลาดใจยิ่ง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยนั้นไม่เพียงแต่เป็นคำถามห้วนเรียบ หากแต่เป็นเกราะกำบังอันบางเบาที่เขาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันสายตาผู้ใดก็ตามที่อาจซุ่มซ่อนอยู่ตามมุมมืดของตำหนักนี้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาไม่ลืมว่าที่นี่คือวังหลวง</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ที่ซึ่งแม้แต่เสียงถอนหายใจก็อาจกลายเป็นกระแสข่าว</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">"ข้าชื่อหรูเสวียน เป็นองค์ชายประจำตำหนักตงเฉิน ตั้งแต่ยามนี้เป็นต้นไป เจ้าจะทำหน้าที่ประจำตำหนักนี้ หากมีสิ่งใดข้องใจในหน้าที่สามารถถามเว่ยปินกงกงได้โดยตรง หรือหากเรื่องนั้นเกี่ยวข้องกับตำหนักโดยเฉพาะ ก็มาถามข้าได้เช่นกัน" </font><font color="#000000">กล่าวเสร็จ หรูเสวียนหันกายไปเล็กน้อย สุ้มเสียงที่เอ่ยถัดจากนั้นคล้ายเบาลง ราวกับแฝงเจตนาไม่ให้เลยไปถึงหูของใครอื่นที่มิใช่ผู้ตรงหน้า</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><i style=""><font color="#0000ff">"ที่นี่ไม่เหมือนหอโคม...เจ้าอยู่ให้สงบเป็นพอ"</font></i></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">พระโอษฐ์ของเขาขยับเล็กน้อย ทว่ามิได้เอื้อนยิ้ม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">มีเพียงประกายวาวในดวงตาคู่นั้น ที่หลบเร้นความรู้สึกไว้เบื้องหลังม่านความสงบ ดรุณน้อยที่แม้จะเยาว์วัย แต่กลับเข้าใจโลกใบนี้ดีเกินไปแล้ว</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของนาง และเขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกว่าจำได้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">…เพราะหากมีใครจับจ้องอยู่จริง สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ควรแม้แต่จะสะท้อนในดวงตาเขาเลยแม้สักเศษเสี้ยวเดียว</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนค่อย ๆ เดินกลับขึ้นไปนั่งยังตำแหน่งเดิม สายพระเนตรทอดมองนอกหน้าต่าง ดั่งมองไปยังลานสวนไผ่เบื้องนอก แต่แท้จริงแล้วนั้น เขาเพียงกำลังพยายามกดกลบความรู้สึกหลากหลายที่กำลังสั่นคลอนอยู่ภายในอก</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">@LinYa</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีที่เห็นร่างของหลินหยาเริ่มเอนเอียงเล็กน้อย ก่อนจะทรุดฮวบลงต่อหน้าต่อตา ประดุจดอกไม้บางเบาที่โอนเอนภายใต้แรงลมกรรโชกโดยไม่อาจต้านทาน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาทิ้งทุกความระวังทุกระเบียบในหัวสมอง วิ่งก้าวยาวเพียงสองสามก้าวก็ถึงตัวนาง เสียงพัดกระทบพื้นไม้ดังกรับใต้ฝีเท้าของเขา แต่ไม่ดังเท่าเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“นางกำนัล! พานางไปหาหมอหลวงเดี๋ยวนี้!”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เสียงรับสั่งขององค์ชายองค์โตของแผ่นดิน มิใช่เสียงดังลั่น แต่หนักแน่นเร่งร้อนจนไม่มีใครกล้าขัดขืน ขันทีและนางกำนัลที่อยู่ใกล้เร่งฝีเท้าออกจากตำหนักโดยไม่ต้องรอคำซ้ำ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนทรุดกายลงข้างหญิงสาวที่แน่นิ่งบนพื้นไม้เย็นเฉียบ ผิวของนางซีดจนแทบไร้สีเลือด เส้นผมเงาดำปลิวหล่นลงเคียงใบหน้าเหมือนเส้นไหมที่ขาดสะบั้น ลมหายใจรวยรินจนแทบจับจังหวะไม่ติด เขากวาดสายตาเพียงนิดก็เห็นรอยเลือดสีแดงจาง ๆ ที่ชายแขนเสื้อ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">มือเรียวเล็กนั่นยังจิกเข้ากับเนื้อของตัวเอง แม้ร่างจะไร้สติแล้วก็ตาม</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">…นางทำแบบนี้ทำไมกัน?</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ดวงตาขององค์ชายหรี่มองรอยเลือดอย่างไม่เข้าใจ แวบหนึ่งเขาคิดว่าอาจเป็นพิษ แต่ไม่น่าใช่ เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีอาหารหรือยาสมุนไพรใดในตำหนักของเขาจะกล้าผิดพลาดถึงขั้นทำให้คนล้มหมดสติ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">…แต่ถ้าไม่ใช่สิ่งภายนอก แล้วเป็นอะไรเล่า?</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หรูเสวียนคิดพลางกำหมัดแน่น ในใจของเขารู้สึกปั่นป่วน สายตาทอดลงบนใบหน้าของหลินหยา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางไม่เหมือนเดิมเลยแม้แต่น้อย นางคือคนที่เคยหยิบขนมไหมฟ้ายื่นให้เขาด้วยรอยยิ้มขี้เล่น ช่างเจรจาและไร้เดียงสาอย่างน่าเอ็นดู</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">แต่ตอนนี้ สตรีผู้นี้ไม่เหลือเค้าเงาของเด็กหญิงคนนั้นแม้แต่น้อย มีเพียงเปลือกเปราะบางที่แฝงรอยแตกร้าว นัยน์ตาคู่นั้นมีเพียงเงา…เงาที่ดูจะจมหายลงไปทุกขณะ</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เพราะอะไรนางถึงเป็นเช่นนี้?</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาเม้มริมฝีปากแน่น ชื่อของขันทีหนุ่มผู้นั้นผุดขึ้นในความคิดทันที</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">จางกงกงเคยจงใจพาเขาไปยังหอโคมในยามที่ฤทธิ์ยากำลังพลุ่งพล่าน และครานี้…หลินหยา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นางปรากฏในตำหนักของเขา โดยที่ไม่มีคำอธิบายใดรองรับอย่างชัดเจน มีเพียงคำว่า “ใต้เท้าจางส่งมา” เท่านั้น</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ราวกับเขากำลังถูกจัดฉาก ถูกชี้นำ ถูกผลักไปยังเส้นทางที่ใครบางคนขีดไว้</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เด็กชายหรูเสวียน แม้จะอ่อนวัย แต่กลับรู้ดีถึงกลิ่นไอของอำนาจที่ไร้ความเมตตา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">และยิ่งมองรอยแผลที่ฝ่ามือของหญิงสาวเบื้องหน้า ยิ่งตอกย้ำว่า หลินหยามิได้มาโดยสมัครใจ นางถูกผลัก ถูกข่ม และถูกปิดปากด้วยพันธนาการบางอย่างที่เขายังมองไม่เห็น</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาหันไปยังขันทีที่เพิ่งวิ่งกลับเข้ามาพร้อมนางกำนัลอีกคนที่พยุงถาดเครื่องใช้ยา</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000080">“ให้หมอหลวงตรวจให้ละเอียดที่สุด อย่าให้มีผิดพลาด”</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">น้ำเสียงของเขาเรียบเย็นประหนึ่งลำน้ำที่ไหลใต้ธารหิน ทว่าในแววตากลับมีแววกร้าววาวลึก</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนอีกครั้ง สายพระเนตรทอดยาวออกนอกหน้าต่างไผ่ที่สั่นไหวในสายลมเช้า</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า แต่ภายในใจของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยเงามืด</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">เด็กชายเม้มริมฝีปากอย่างเงียบงัน หัวใจของเขาอึดอัดราวกับมีมือหนึ่งกำแน่นอยู่ภายใน ดวงเนตรใสราวหยกขององค์ชายหลุบลงต่ำ กรอบความคิดเรียงตัวอย่างว่องไว</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">จางกงกง…</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">นั่นคือจุดร่วมเดียวที่โยงเรื่องนี้ทั้งหมดเข้าหากัน</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">…เงามืดที่กำลังหาคำตอบจากใยพิษของจางกงกง และเงามืดที่อาจซ่อนอยู่หลังแววตาของเด็กสาวนางหนึ่งที่เคยยิ้มให้เขาในแสงตะเกียงยามค่ำคืน </font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000">หากใครมีหูทิพย์พอฟังเสียงบางที…อาจได้ยินเสียงแผ่วเบาของโชคชะตากำลัง</font><span style="color: rgb(0, 0, 0); text-indent: 2.5em;">หัวเราะอยู่ในความเงียบแน่แท้</span></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#000000"><br></font></p></font></font></div></div></div></div>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 25 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 13.00 - 15.00 น. ณ พระราชวัง ตำหนักตงเฉิน
ยามอู่ อากาศภายนอกวังนั้นยังอบอวลไปด้วยกลิ่นร้อนของแดดยามบ่ายที่แผดเผาจนเงาของต้นไม้นั้นทอดยาวอยู่ตรงปลายเท้าของบ่าวในตำหนัก แต่ในห้องพักของนางกำนัลตำหนักตงเฉินนั้นกลับเงียบงันจนแม้แต้เสียงลมหายใจอ่อน ๆ ก็ฟังดูดังเกินไปสำหรับหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งเพิ่งฟื้นจากความมืดบอดแห่งสติและห้วงนรกในดวงใจของนาง
หลินหยาลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เงาตะวันยังวูบไหวอยู่บนขื่อไม้เหนือศีรษะนาง ใจยังคงเต้นให้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหนแม้มันจะเต้นไม่เป็นจังหวะดีด้วยแรงสั่นสะเทือนของเหตุการร์ที่เหมือนฝังร่างกายนางทั้งเป็นเหมือนที่ผ่านมา..ทั้งตำแหน่งนางกำนัล ทั้งใบหน้าขององค์ชายที่เจือนิ่งจนราวกับนางอยากตัดขาด นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำมือแน่นจนพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นขาว ทั้งความรู้สึกผิดและความเจ็บลึกที่ปลายนิ้ยังรู้สึกได้ถึงข้อมือซึ่งตนเผลอจิกเล็บลงไปจนเลือดซึม ใจของหลินหยายังบอบช้ำราวกับกระจกที่เพิ่งตกกระแทกพื้นอย่างแรง แม้ภาพรวมยังเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เสียงฝีเท้าเร่งรียและเสียงผ้าม่านเลื่อนเบา ๆ ทำให้เหลินหยาเกลือบดวงตาของนางมองน้อย ๆ ก่อนที่จะเห็นนางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้วก็ระบายยิ้มให้เล็ก ๆ แล้วผละหายออกไปทันที จากนั้นไม่นานชายผู้หนึ่งในชุดขันทีที่มีอุปกรณ์ของหมอ เป็นคนสูงวัยก็เดินทางเข้ามาแทน เขามีใบหน้าสงบ ขนตาตกเล็กน้อยดั่งผู้ที่ใช้ชีวิตมามากนัก มือของเขาอบอุ่นและนิ่งยามจับชีพจร ท่วงท่าของเขาเปี่ยมไปด้วยความชำนาญ ทว่าหลินหยาเพียงสมตาแววเดียวก็เย็นวาบถึงสันหลัง เขาคือสายตา ปาก และหูของจางกงกงโดยที่ไม่ต้องมีใครกล่าวให้แน่ชัด
“รู้สึกตัวหรือยังแม่นาง..”น้ำเสียงของขันทีแพทย์ฟังดูสุภาพอย่างยิ่งแม้คล้ายจะลอยห่างไปหน่อย “ข้าจะถามเพียงไม่กี่คำ แม่นางรู้ตนอยู่หรือไม่ว่าเป็นใคร?”
“ข้า..ชื่อหลิน..หลินหยาเจ้าค่ะ” เสียงของหลินหยาแผ่วเบา เหมือนเพียงกระซิบผ่านลมในท้องฟ้าที่อับฝนเมฆครึ้ม
“ดีแล้ว สติแม่นางยังครบถ้วน” เขาผงกศีรษะพลางหยิบตลับยาขึ้นมาเรียงแผ่นยาแล้วต้มมันด้วยน้ำร้อนจากหม้อเล็กที่พกมาด้วยอย่างชำนาญ ท่ามกลางไอร้อนที่ลอยขึ้นจากชามทองเหลือง ขันทีแพยท์กลับเอ่ยเสียงเรียบ “แม่นางต้องพักผ่อน ร่างกายของเจ้าอ่อนแอมากนัก เลือดลมตีขึ้นศีรษะ หัวใจสูบฉีดไม่สม่ำเสมอ หากฝืน..อาจถึงคราวร้ายกว่านี้..ข้าจัดยาไว้ให้แล้ว ยาต้มฟื้นแรง ยาคลายเครียด และยาบำรุงระบบลมปราน จงดื่มให้หมด”
แต่ก่อนที่หลินหยานั้นจะได้รับยา เขากลับเอียงหน้ามาใกล้มากขึ้นอีกเล็กน้อยราวกับพึมพำข้างหูของนางแต่ไม่ใกล้เกินไป “และจงจำไว้ จางกงกงฝากบอกเจ้าไว้ด้วยความหวังดี..” รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่แม้จะยกขึ้นครบครึ่งวง ริมฝีปากเพียงขยับอย่างนุ่มนวล “บุรุษ..นั้นมักสงสารสตรีอ่อนแอ..ต่อหน้าองค์ชายจงแสดงให้เหมือนเจ้าถูกรังแกมา เจ้ากล้ำกลืน เจ็บปวด จงทำให้เขาอย่างประคองแม่นาง อยากช่วยแม่นาง อยากปกป้อง..”
ชั่วขณะนั้นเอง ดวงตาของหลินหยากลับเย็นวาบลง ทั้งร่างชาเงียบไร้ถ้อยคำ สะอื้นในอกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ข่มไม่อยู่กลับไม่อาจมีน้ำตาลสักหยกให้ไหลหลั่งออกมา นางรู้ดีว่านี่คือโซ่ตรวนอีกเส้นที่คล้องคอลงมาอย่างแนบเนียน ตอนนี้นางมีโซ่กี่เส้นแล้วล่ะ ที่ล่ามแขนล่ามขา ล่ามคอนางไว้อยู่ หากแต่ก็ไม่ลดลงความหนักของมันลงแม้แต่น้อย มือของหลินหยาที่กำชับผ้านวมแน่นจนเส้นเอ็นปูดบวม เริ่มสั่นเบา ๆ แววตาของนางนั้นค่อย ๆ ว่างเปล่า นางอยากตะโกน อยากร้องไห้ อยากวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ แต่แทนที่จำทำอะไรได้ หลินหยาทำได้เพียงยิ้มบาง ๆ ให้แก่ขันทีแพทย์คนนั้นแล้วค้อมหัวตัวเองลงเพื่อตอบรีบเ้บา ๆ อย่างอ่อนน้อม
“เจ้าค่ะ..ข้าจะไม่ทำให้ตัวท่านผิดหวัง”
เธอหมายถึงจางกงกง..หรือว่าจะเป็น ใต้เท้าจางกันนะ? ภายใต้คำพูดเรียบง่าย ในอกของหลินหยาเต็มไปด้วยเปลวเพลงที่ลุกโชนขึ้่นอย่างเงียบงัน ไม่ได้มาจากแรงโทสะต่อชะตากรรม แต่มาจากสิ่งที่จางกงกงไม่อาจเข้าใจได้แม้แต่น้อย คือการที่เขา ไม่เคยเห็น ว่านางคือมนุษย์ผู้มีหัวใจ มีความรู้สึก มีความนึกคิด มีครอบครัว มีความรัก และมีจิตใจที่บอบช้ำได้เหมือนกับคนอื่น ๆ เขามองนางเป็นเพียงสิ่งของของตนเช่นนั้นหรือ..
หากได้ยินเพียงคำขู่ที่หนักหนานอีกครั้งสองครั้ง สติของหลินหยาก็คงขาดผึ่ง นางคิดถึงแม่นางหรงเล่อที่ชอบเล่าเรื่องราวสนุก ๆ ให้ฟัง นึกถึงท่านชายเว่ยที่เคยมองมาอย่างอบอุ่น นึกถึงใต้เท้าเถียนเฟิงที่อย่างน้อยก็เคยถามว่านางต้องการสิ่งใด และแน่นอนว่านางนึกถึงคุณชายอันเล่อ ชายคนเดียวที่ตอนนี้นางอยากใช้ชีวิตที่เคยไปซื้อเต้าหู้เพียงเพื่อได้พบหน้าเขาอีกสักครั้งหากเป็นไปได้..
“หากแม่นางมีกำลังแล้ว ให้ไปพบจางกงกงเพื่อรับเบี้ยหวัดที่ตำหนักจงฉางซื่อ ท่านจะอยู่ที่นั้นตั้งแต่ช่วงกลางหรือปลายยามโหย่ว” ขันทีแพทย์พูดต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แม่นางควรขอบคุณท่านด้วยนะ ที่กรุณาส่งข้ามาดูแลแม่นาง เพราะนอกจากองค์ชายที่ให้ตรวจละเอียดแล้วจางกงกงก็เช่นกัน”
หลินหยานั้นเงียบ..เงียบดั่งเสียงลมหายใจสุดท้ายของผีตนเอง หลินหยาไม่ตอบอะไรเลย ดวงตาของนางเบือนกลับไปมองเพดานสูงเหนือหัว ปล่อยให้น้ำตาไหลย้อนกลับลงกระบอกตาและลำคอราวกับจะกลืนมันทั้งหมด ทั้งชีวิต ทั้งศักดิ์ศรี ทั้งความเจ็บลึกเข้าไปให้หมด เหมือนกับกลืนใบมีดพัน ๆ เล่ม
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -รางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 25 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น. ณ พระราชวัง ตำหนักตงเฉิน
ยามซวีแผ่คลุมด้วยเงาของความเงียบสงบแห่งวังหลวง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ราตรีใกล้โรยกลีบลงมาจากปลายฟ้า แสงตะวันที่เคยเรืองรองยามสนธนาแต้มปลายเมฆเหมือนถักทองไว้ปลายพู่กันนั้นหายไป หลินหยาเดินกลับมาถึงตำหนักตงเฉินอีกครั้งหลังผ่านเหตุการณ์มากมายในวันเดียวกัน ใบหน้าของนางซีดเซียวลงไปบ้างจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาทอ่อน ๆ ที่หมอให้ตอนยามอู่ แต่ดวงตาของนางกลับไม่ขุ่นมัวอีกแล้ว เพียงแต่ยังมีบางอย่างในนั้นที่ดูอ่อนล้าเกินกว่าจะกล่าวคำใดได้โดยไม่ต้องเลือกสรร
นางยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเป็นทางการ ยังอยู่ในชุดของนางกำนัลสีจันทร์หม่นเรียบง่าย มือเรียวบางของนางนั้นถือชามน้ำอุ่นซดเบา ๆ ที่ได้รับมาจากพี่สาวนางกำนัลร่วมตำหนักเพื่อให้ร่างกายตนเองดีขึ้น..ทว่าขณะที่ริมฝีปากของนางจะผละออกจากขอบชามนั้น เว่นปินกงกงก็กลับเดินเข้ามาหานางแล้วหยุดไม่ไกลจากที่นางนั่งพักที่มุมหนึ่งของเรือนพักสำหรับนางกำนัล
“แม่นางหลินหยา”
เสียงของเขาเรียกขานเบา ๆ แต่ชัดเจน มีความนุ่มนวลและเป็นกลางแบบขันทีผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอด หลินหยาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ วางชามลงแล้วขยับกายลุกขึ้นยืนก้มคำนับอีกฝ่ายด้วยความเคารพและสำรวม มือหนึ่งอยู่ตรงหน้าตัก ท่าทางสำรวมเช่นผู้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี แม้นางจะรู้สึกปวดเล็กน้อยจากอาการอ่อนเพลียที่ยังตกค้างอยู่ในร่างก็ตามที
“เจ้าคะ?..เว่ยปินกงกง”
“ข้าทราบจากท่านหมอแล้วว่าตอนนี้เจ้าควรพักผ่อนให้มากนัก แต่เรื่องนี้ไม่หนักหนา แค่เพียงฝากของเท่านั้น หากข้าไม่ใช้เจ้าเสียบ้างจะมีคนกล่าวครหาลำเอียงได้” เขาพูดพลางหยิบห่อผ้าเล็ก ๆ สีน้ำเงินปักลายเมฆลอยออกมาจากแขนเสื้อ ห่อแน่นหนาแต่ไม่ใหญ่โตนักน้ำหนักเบา..เสื้อผ้าหรือ?..อาจจะเครื่องประดับไม่มั่นใจ “ของสิ่งนี้เป็นของจางกงกง ข้าเองตั้งใจจะนำไปให้ท่าน แต่ติดงานบัญชีและการฝึกฝนพวกนางกำนัลที่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ใหม่ จึงยังไม่มีโอกาส หากเจ้าไม่ขัดข้อง ก็ช่วยข้าเอาไปส่งให้ที่ตำหนักจงฉางซื่อหน่อยแล้วกันนะแม่นาง” คำพูดของเว่ยปินกงกงนั้นสุภาพนัก ไม่มีการบังคับแม้แต่น้อย บางทีอาจจะเป็นเพราะท่านหมอบอกให้หลินหยานั้นหลีกเลี่ยงความเครียดที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่คนอื่นไม่รู้นี้ ว่าจางกงกงคือแหล่งกำเนิดความเครียดของนางแบบชั้นดีเลยล่ะ..
หลินหยาหลุบตาลงมองของในมือของอีกฝ่ายเพียงชั่วครู่หนึ่งเท่านั้นก่อนที่จะยื่นมือไปรับไว้ นางไม่ได้ถามว่าสิ่งใดอยู่ภายใน ไม่แม้แต่จะเปิดดู เพราะนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างแม่นางหลินหยาจะทำ เธอไม่ทำ..นางอาจจะลอบเค้นเสียงหัวเราะในใจต่อโชคชะตาที่เล่นตลกเสียเหลือเกินทั้งที่ตนเองพึ่งเดินกลับจากตำหนักนั้นเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาแท้ ๆ แต่กลับต้องย้อนกลับไปอีกครั้ง..โซ่ตรวนหนาแน่นนัก..
แต่เธอก็รับมันไว้อย่างเงียบ ๆ เอ่ยเพียงถ้อยคำที่ดูฟังแล้วนิ่งสงบเงียบ แต่ในน้ำเสียงหวานล้ำนั้นมีแฝงความเหนื่อยล้าแบบผู้ที่กำลังพยายามรักษารูปแบบของตนเองไว้ไม่ให้แตกละเอียด “เจ้าค่ะ กงกง..ข้าจะนำไปส่งให้ด้วยตนเอง..โดยเร็วที่สุด” นางก้มเล็กน้อยรับคำ ก่อนที่จะม้วนปลายห่อผ้าอย่างบรรจง เก็บไว้ใต้สาบเสื้อให้แน่นหนาเหมือนเคย หลินหยาก็ยังคงเป็นหลินหยา นางรู้หน้าที่ แม้จะไม่เต็มใจนักที่จะทำ แต่ก็รู้ว่าบางสิ่งนั้นยิ่งหลีกเลี่ยงบางสิ่งยิ่งสร้างความน่าสงสัย นางจึงต้องเดินออกไป เขาใกล้กงจักรที่แสนเจ็บปวดนั้นอีกครั้ง กรงจักรที่นางเคยเห็นว่าเป็นเพียงดอกบัวงาม นางต้องไปอีกครั้งด้วยฝีเท้าอันอ่อนโยนแต่มัน..เจ็บปวด ราวกับแฝงมีดพันเล่มไว้ใต้เท้าที่นางเหยียบย่างลงไป บางทีหากคืนนี้ดาวล้อมเดือนและมีสายลมพัดอ่อน ๆ ก่อนไปถึงตำหนักจางฉางซื่อ บางคำที่ไม่ควรพูด อาจถูกกลืนไปในหมอกยามราตรีเสียก่อนจะได้หลุดออกจากปากไปก็ได้นะ?...
ว่าไปนั้น..
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -รางวัล: -