[ถนนนอกเมือง] ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย
<style type="text/css">BODY{background:url("https://i.imgur.com/ahUeFhd.png; background-attachment:fixed; %7D</style><style type="text/css">.head1 {background-color:#51351e;}.head2 {background-color:#51351e;}</style>
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<style>
#boxชื่อตัวแปร1 {
border: 5px solid #daa520;
padding: 10px;
box-shadow: #7a5a3d 0px 0px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/RTvCK1b.png");}
</style>
<div id="boxชื่อตัวแปร1">
<p>
<marquee behavior="alternate" direction="up" width="80%">
<marquee direction="right" behavior="alternate">
<div align="center" style="text-align: start; list-style-type: none;"><font size="7" ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="Chonburi" color="#ffffff"><span style="text-shadow: #7a5a3d 0px 0px 0.7px, #7a5a3d 0px 0px 25px, #7a5a3d 0px 0px 10px;"><br>ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย<br></span></font></div><font size="7" ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" color="white" face="Chonburi"><br>
</font></marquee></marquee></p>
<img width="590" _height="120" src="https://i.imgur.com/di1iiI0.png" border="0" alt="">
<br><br><br>
<br>
<div style="text-align: center;"><img src="https://i.imgur.com/mPFCfTP.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></div><br>
<br><style>
#box3 {
width: 600px;
border: 3px double #daa520 ;
padding: 20px;
box-shadow: #7a5a3d 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/DaIiPnX.png");}
</style>
<p></p><div id="box3"><font size="5" ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff">
<br><span style="color: rgb(255, 255, 255); font-family: Chonburi; font-size: x-large; text-align: start;"><span style="text-shadow: #daa520 0px 0px 0.5em;">【 ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย 】<br>【 นอกเมืองฉางอัน 】
<br><br></span>
</span></font></font><p><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><span style="text-align: initial; white-space: initial;"><font font="" face="Itim" color="#FFFFFF" style=""><span style="text-shadow: #daa520
0px 0px 0.5em;">ร่องรอยเก่าแก่ของความรุ่งโรจน์ ศาลเจ้าที่เคยเป็นพื้นที่รวมจิตใจของชาวฉางอัน ถูกลืมเลือนไปตามการเวลา หน้าประตูศาลเจ้าที่เคยมีรูปปั้นหินปีศาจหลัวซาที่วิจิตรงดงามถึงสองรูปบัดนี้ผุพังไปถึงหนึ่ง เหลืออีกเพียงหนึ่งที่ทรุดโทรมใกล้หมดแรงจะต้านทานลมฝน ป้ายไม้เก่าแกะนูนชื่อศาลปรากฏสามตัวอักษร '恬晴微' รวมเป็นความหมายถึง 'ท้องฟ้าปลอดโปร่งอันสงบเงียบและลึกซึ้ง' <br><br>เมื่อก้าวข้ามธรณีประตู ล้วนรู้สึกประหนึ่งว่าหลุดเข้าไปในพื้นแห่งจิตสงบท่ามกลางความผุพังของศาลที่ก่อร่างสร้างจากไม้เสียส่วนใหญ่ ที่ด้านในเรือนหลักปรากฏ 'รูปปั้นพระโพธิสัตว์ตี้จังผ่อซา' ที่แม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนานแต่กลับไร้ซึ่งฝุ่นเกาะ ตลอดรอบแนวรั้วมีคูน้ำลำธารขุดเลาะรอบ เสริมบรรยากาศร่มเย็นเป็นสุข ด้านท้ายปรากฏช่องบนกำแพงที่สามารถก้าวออกไปตามเส้นทางคูน้ำเพื่อเชื่อมกับลำธารใหญ่ตามธรรมชาติ <br><br>
<img src="https://i.imgur.com/NoWYrng.png" width="450" border="0"><br><br>
<span style="color: rgb(255, 255, 255); font-family: Chonburi; font-size: x-large; text-align: start;"><span style="text-shadow: #daa520 0px 0px 0.5em;">【 หลังตู้ไม้ผุพังมีรอยหมึกบทกลอนเขียนไว้ 】<br><br></span>
</span></span></font></span></font></font></p><div align="center" style=""><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><font font="" face="Itim" color="#FFFFFF" style=""><marquee direction="up" style=""><i style="3"><font style="" size="4" color="ffffff"><span style="text-shadow: #daa520 0px 0px 0.5em;"><b><div style="text-align: center;"><span style="font-family: " chonburi";="" text-align:="" initial;="" white-space:="" initial;"="">เดือนดาวพราวพรายฉายฉาน<br>เนิ่นนานในนภาสวยสม<br>นำใจให้ชื่นรื่นรมย์<br>เชยชมฟากฟ้าราตรี<br>ชมถ้อยร้อยรจน์พจน์พากย์<br>หลากหลายเพื่อนพ้องน้องพี่<br>ดั่งเดือนดาวพรายโสภี<br>มากมีความคำล้ำเลอ </span></div></b></span></font></i></marquee></font></font></font></div><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><font font="" face="Itim" color="#FFFFFF" style="">
</font><p></p></font></font></div><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><b style="text-align: initial; white-space: initial;">
<p></p>
<div align="center" style="list-style-type: none;"><br></div></b><b style="text-align: initial; white-space: initial;">
<br><img src="https://i.imgur.com/di1iiI0.png" width="450" border="0"><br><br><br>
</b></font></font></div><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><b style="text-align: initial; white-space: initial;"><font size="5" ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular">
</font></b></font></font></div><font ;="" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;" face="FCActiveRegular"><font color="#ffffff" style="font-size: 20px;"><b style="text-align: initial; white-space: initial;">
<div style="left: 10px; position: fixed; top: 415px;">
<marquee behavior="alternate" direction="up" scrollamount="1" scrolldelay="20" height="200" style="word-wrap: break-word;">
<div style="text-align: center;"><img src="https://i.imgur.com/mtS5NAV.gif" align="center" border="0" alt="" hspace="" vspace="" width="150" height="40">
<center>
<iframe width="150" height="80" src="https://www.youtube.com/embed/vCpVw08WBK0?autoplay=1&loop=1&playlist=vCpVw08WBK0" frameborder="0" allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen=""></iframe>
<div style="text-align: center;">
<img src="https://i.imgur.com/mtS5NAV.gif" align="center" border="0" alt="" hspace="" vspace="" width="150" height="40">
</div></center>
</div></marquee></div>
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}
img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}
img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>
<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Itim'); Itim {font-family: 'Itim';}
</style></b></font></font> [เก็บข่าวลือ] เจ้าเชื่อเรื่องเซียนหรือไม่
[เงื่อนไข]- ไม่จำกัด Level ทำได้ทุกระดับ- ระยะเวลาหมดข่าวลือ 14 กรกฎาคม 2024
https://i.imgur.com/4PXVAiO.png
- กำหนดสตรอรี่ตามสตรอรี่ตัวละครของตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีใครช้ำกัน -
- เขียนโรลเพลย์พบผู้เฒ่ากำลังนั่งสวดมนต์หน้ารูปปั้นฝุ่นเขรอะ ในศาลเจ้าร้าง(เนื้อหาเกี่ยวกับคุณผ่านไปเจอผู้เฒ่า และได้พูดคุย ทำให้คุณได้ยินข่าวลือว่าผู้เฒ่าเห็นเซียนบริเวณศาลเจ้านี้ เขาเลยมาขอพรให้ลูกสาวที่กำลังป่วย)(คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ได้ เพราะผู้เฒ่าไม่มีหลักฐานว่าตนเองได้เห็นเซียนจริง ๆ และเขามาที่นี่สามครั้งแล้ว ลูกสาวเขาก็ยังไม่หายดีใด ๆ เลย)
ได้ค่าประสบการณ์ฟังข่างลือ +15 EXP
(หากให้เงินตำลึงผู้เฒ่า 5 ตำลึงทองและบอกให้ผู้เฒ่าไปหาหมอดี ๆ โดยบอกว่าเซียนถ้ามีจริงลูกสาวผู้เฒ่าคงหายดีไปนานแล้ว)+20 EXP , +30 พลังใจ , +10 ตบะฝึกฝน และ -15 คุณธรรม +15 ความชั่ว และ ความโหด (เหตุเพราะทำให้ผู้เฒ่าเสียศรัทธา)(หากให้เงินตำลึงผู้เฒ่า 5 ตำลึงทองและบอกให้ผู้เฒ่าไปหาหมอดี ๆ โดยอ้างว่าท่านเซียนส่งมา)+20 EXP , +50 พลังใจ , +10 ตบะฝึกฝน และ +35 ค่าคุณธรรม และ +20 ความโหด
https://i.imgur.com/4PXVAiO.png
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย zhoujin เมื่อ 2024-7-12 22:58
หลังจากที่อาจินเดินทางออกจากบ้านมาเขาเดินทางใกล้ถึงเมืองฉางอันแล้วก่อนเข้าเมืองก็ได้เจอศาลเจ้าเเห่งนึงที่มีชายชราท่าทาง ซูบผอม กำลังจุดธูปด้วยสีหน้าศรัทธา
"อาอี้ อาเอ้อรฺ์ หยุดรถก่อน" อาจินกล่าวสั่งคนของพ่อและเดินลงจากรถม้า
"ผู้เฒ่า เจ้ามาขอพรแบบนี้ตลอดเจ้าต้องการอะไรเนี่ย" อาจินกล่าวถามผู้เฒ่า
"เจ้าน่ะเชื่อเรื่องเซียนรึเปล่า ข้าน่ะ เห็๋นเซียน เห็นจริงๆ นะถ้าข้ากราบไหว้ท่านเซียน ท่านเซียนต้องช่วยข้า ไม่ซิช่วยลูกสาวข้าให้หายจากโรคที่เป็นอยู่แน่นอน" ผู้เฒ่ากล่าวเสียงสั่นพลาง พนมมือสวดมนต์อ้อนวอน
โจวจิน มองโดยรอบสังเกตุไปที่ศาลเจ้าที่มีร่องรอยของฝุ่น พลางคิดในใจ นี่จะเป็นการทำดีครั้งสุดท้ายของข้า หลังจากนี้ข้าจะต้องเป็นพ่อค้าที่ใฝ่หากำไร และ เด็ดขาดไม่ปล่อยให้ความสงสารครอบงำ
"อาอี๋ อาเอ๋อ หยิบเงิน 5 ตำลึง" อาจินสั่งไปที่คนรับใช้
"แต่ นายน้อย 5 ตำลึงนี้เป้นจำนวนที่มากเลยนะขอรับ ถ้านายท่านรู้เข้าว่านายน้อยเอาเงินที่ใช้ทำธุรกิจมาทำแบบนี้ จะส่งผลกับตำแหน่งของนายน้่อยนะขอรับ" อาอี๋ ทำสีหน้าไม่เห็นด้วยพลางกล่าวคัดค้่าน
"รายงานพ่อข้าได้เลย นี่จะเป็นการทำดีครั้งสุดท้ายของข้าก่อนที่ข้าจะก้าวหน้าเป็นพ่อค้า และที่สำคัญ ผู้เฒ่าคนนี้อยู่มานานขนาดนี้วันนี้ข้าช่วยเขาวันหน้าอาจจะมีประโยชน์ก็ได้ สัญชาตญาณพ่อค้าของข้ามันร้่ำร้อง" อาจินกล่าวกับอาอี้ อาเอ้อรี์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางยื่นมือไปรับถุงเงิน
"ตาเฒ่า เจ้าสักการะท่านเซียนแต่เจ้าไม่สังเกตุเลยรึว่าเจ้าปล่อยให้รูปสลักท่านมีฝุ่นเครอะแบบนี้ได้ยังไง เพราะแบบนี้ท่านเลยส่งข้ามาเตือนเจ้า จงรับเงินนี่ไปรักษาลูกสาวเจ้าซะ นี่เป็นประสงค์ของท่านเซียน และจงจำไว้ว่า พ่อค้าผู้ใจบุญนามโจวจิน ได้ก้าวเข้าสู่สังเวียนการค้าขายในฉางอันแล้ว" โจวจินส่งถุงเงินให้ตาเฒ่าเเละเดินไปทำความสะอาดรูปปั้น และกล่าวขอพรขอให้่ตัวเองโชคดี ประสบความสำเร็จในเส้นทางพ่อค้า
"ยัง ยังไม่ไปอีก ลูกสาวเจ้ากำลังรอเจ้าอยู่นะ" หลังจากที่โจวจิน ทำความสะอาดและเคารพรูปปั้นเสร็จเข้าหันไปกล่าวกับตาเฒ่าก่อนที่จะเดินจากไป
<style>
#boxcorecenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>
<style>
#boxR0LE {
width: 600px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>คำภาวนาที่ยากนักจะเป็นจริง</span></b></i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">เพราะเจอเรื่องกระทบจิตใจ(?)มามากภายในโรงเตี๊ยมชางลั่งถิง หลังออกมาจากที่นั้นนางจึงเหมือนคนที่ใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา แทนที่จะเดินทางกลับวังหลวง ตรงกันข้าม ยามนี้นางกำลังมุ่งหน้าออกไปนอกเมืองโดยอาศัยการจ้างรถลากให้พานางตะลอนทั่วฉางอันสัก.. หนึ่งรอบ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกคลึงด้ามกระบี่สลักจันทราช้า ๆ ในระหว่างที่ทั้งร่างกำลังสั่นคลอนกับถนนขรุขระนอกเมือง สายตาของนางก็ทอดยาวไปไกลอย่างไร้จุดหมาย นางเสียขวัญหรือ? ก็ไม่ใช่ ประหลาดใจ? ก็ไม่เชิง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึก <b>‘ตระหนักได้’ </b>ที่พาดผ่านไปทั่วหัวใจ ใต้ฟ้านี้กว้างใหญ่แค่ไหน ใต้หล้ายิ่งใหญ่เพียงใด ตลอดมานางรับรู้แต่ก็ใช่ว่าจะสนใจ ขอแค่ได้ใช้ชีวิตสงบสุข สำราญใจไปกับรสชาติแห่งชีวิตที่มีขึ้นและลง ทว่าการขึ้นและลงของนางกลับเป็นการก้าวขาขึ้นสู่แดนมังกรที่นับจากนี้จะถูกจับตามองไปทุกฝีก้าว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DD6F0E">
“ แม่นางมีเรื่องไม่สบายใจหรือ ”</font> คนลากรถกล่าวขึ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นเลื่อนสายตามองไปยังแผ่นหลังของคนลากรถที่กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น <font color="#994D7B">“ ท่าทางท่านลุงจะพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มามากถึงได้กล่าวถูกต้องนัก ” </font>คำตอบของนางสร้างเสียงหัวเราะให้กับเขา ขณะเดียวกันอาศัยแค่เพียงหนึ่งเสียงหัวเราะ สิ่งที่นางครุ่นคิดมานานก็ปลิวหายราวกับว่าไม่เคยมี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DD6F0E">
“ พวกนายหญิงเวลามีปัญหาในเรือนหรือทุกข์ใจต่างก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ชายวัยกลางคนที่ร่างกายบึกบึนพูดทั้ง ๆ ที่ยังดันรถลากขนาดหนึ่งคนนั่งไปด้านหน้า <font color="#DD6F0E">“ อย่าว่าแต่พวกนายหญิงหรือคุณหนูเลย.. หากข้ามีเรื่องทุกข์ใจ บางทีการได้เฝ้ามองความเป็นไปของเมืองนี้ผ่านรถลากสักคันก็คงช่วยแบ่งเบาภาระในใจได้บ้าง ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แบ่งเบาภาระในใจ คำ ๆ นี้ได้ผลชะงัดนัก ทว่าผลนี้กลับไม่ใช่การปัดเป่าภาระในใจ แต่เป็นการชวนให้ฉุกคิดถึงสิ่งหนึ่ง <font color="#994D7B">“ เหตุใดชาวเราถึงเฝ้ามองแต่การแบ่งเบาภาระ ทว่ากลับหาได้มองหนทางอยู่ร่วมและยอมรับเล่า? ” </font>คนงามใต้ผ้าแพรถามเสียงเบาพลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า นางใช้ชีวิตผ่านฤดูกาลทั้งสี่มาถึงสิบเจ็ดรอบ ครึ่งหนึ่งกล่าวได้ว่าเป็นผู้มากประสบการณ์ อีกครึ่งก็ถือว่าเป็นวัยกำลังเรียนรู้ แต่ผู้ที่สอนนางได้มากที่สุดหาใช่บิดามารดา แต่เป็นชีวิตในทุกวัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DD6F0E">
“ คำตอบนั้นง่ายมาก ”
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
“ ในเมื่อสุดท้ายต้องกัดฟันอยู่ร่วมแล้ว เหตุใดถึงยังต้องยอมรับทั้งที่ใจไม่อยากอีกเล่า ” </font>ชายผู้นั้นกล่าวอย่างเป็นธรรมชาติ ความเร็วของรถลากเปลี่ยนมาเป็นช้าลงอีกครั้งเมื่อกำลังเคลื่อนผ่านศาลาชมทุ่งหญ้า <font color="#994D7B">“ แม่นาง ถึงข้าจะเป็นชายชราที่โง่เง่ามาตลอดชีวิต แต่กับเรื่องนี้.. ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนเข้าใจ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหตุใดจึงต้องยอมรับทั้งที่ใจไม่อยาก … นั่นสิ เหตุใดกัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นับจากนั้นเสียงสนทนาก็เงียบลงไป๋หรั่นเฝ้ามองสองข้างทางที่ผ่านไปเงียบ ๆ จนกระทั่งเหลือบตาไปเห็นสถานที่ผุพังที่คล้ายว่าจะเคยเห็นมาก่อน หญิงงามใต้ผ้าแพรเม้มริมฝีปากเข้าหากัน นางใช้เวลาตัดสินใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น <font color="#994D7B">“ ท่านลุง จอดตรงนี้ให้ข้าสักประเดี๋ยว ”</font> แม้จะประหลาดใจ แต่ผู้รับจ้างก็ยินดีจอดให้แต่โดยดี ชายวัยกลางคนผู้นั้นวางมือจากรถลากและหลบให้นางก้าวลงมา เมื่อเป็นเช่นนั้น นงคราญหยกก็ได้หยุดยืนลงที่หน้าประตูที่มีสายลมพัดโกรกไปมา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DD6F0E">
“ แม่นางระวังด้วย ที่นี่ทรุดโทรมลงไปมาก ”</font> อีกฝ่ายเตือนด้วยความเป็นห่วง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ข้าจะเข้าไปข้างในสักหน่อย ท่านรอตรงนี้สักครู่ ”</font> เมื่อสิบปีก่อนนางเคยมาที่นี่ สถานที่รกร้างแห่งนี้ยังไร้ซึ่งการดูแลเหมือนอย่างที่ผ่านมา กลิ่นไม้กลิ่นดิน รวมไปถึงฝุ่นล้วนกระจัดกระจายไปทั่วชั้นอากาศ ยิ่งเมื่อนางก้าวเข้าไปด้านใน หนึ่งเสียงสวดมนต์ก็ชัดขึ้นเรื่อย ๆ รอบฉางอันนั้น นอกจากพื้นที่ป่าสูงและลานบุปผา หรือศาลาชมเมืองก็ยังมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อีกมากที่ถูกปล่อยปะละเลย หนึ่งในนั้นศาลเจ้าร้างแห่งนี้ที่ผุพังมานานแต่บางครั้งก็ยังมีผู้ศรัทธาวนเวียนมาเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้ารูปสลักพระโพธิสัตว์ตี้จังผ่อซายังมีชายชราคุกเข่าสวดภาวนาอย่างแน่วแน่
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สายลมพัดเอากลิ่นมู่ตานจากกายนางผ่านเข้าสู่การรับรู้ของผู้เฒ่าท่านนั้น คนชราที่ตลอดทั้งวันทั้งคืนอยู่แต่กับกลิ่นฉุนของซากไม้และเศษดินชะงักกึกก่อนจะค่อย ๆ หันไปตามที่มาของกลิ่นนี้
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4BA98C">
“ ท่าน.. ท่านเป็นเทพธิดาหรือ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เกรงว่าจะไม่ใช่ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำตอบของนางทำให้ชายชราสีหน้าซีดเซียวลงไปมาก ไป๋หรั่นมองภาพนั้นด้วยความเวทนา คำโกหกหนึ่งคำสามารถกล่าวได้ง่ายดาย ทว่าคำพูดที่แท้จริงกลับมีน้อยคนที่จะทำใจยอมรับได้ บุปผาหยกละสายตาจากร่างที่เหี่ยวเฉา หันไปกราบไหว้สักการะรูปปั้นพระโพธิสัตว์
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4BA98C">
“ เมื่อใดพระองค์จะส่งเซียนผู้นั้นกลับลงมาช่วยลูกเล่าองค์เทพ ”</font> เสียงคร่ำครวญของคนข้างกายดังก้องอยู่ทั่วศาลที่ไร้คนนอก จากชายแก่ที่สามารถนิ่งขรึมได้ตามวัย กลับกลายมาเป็นผู้เฒ่าที่ฟูมฟายกับความเชื่ออันไม่สามารถพิสูทธิ์ได้ <font color="#4BA98C">“ หากท่านไม่คิดเมตตาแล้วเหตุใดจึงส่งเซียนมาให้ลูกได้พบกัน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
เซียน..?</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ท่านเคยพบเซียนหรือ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผู้เปรียบได้ดั่งเทพธิดาแต่ก็หาใช่เทพธิดาถามไถ่เสียงเบา แต่เพราะรอบด้านนอกจากพวกเขาแล้วไม่มีใครอื่นการถามครั้งนี้จึงถือว่าฟังชัดมากทีเดียว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4BA98C">
“ ข้าเคยพบท่านเซียนที่นี่.. เมื่อหลายวันก่อน ทว่ายามนั้นข้าไม่สามารถรั้งตัวเขาไว้ได้ เพื่อบุตรสาวที่กำลังป่วย ข้าจึงมาภาวนาอยู่ที่นี่ ”</font> สีหน้าของผู้ตอบดูอ่อนล้า เช่นเดียวกับจังหวะการพูดที่เดี๋ยวกล่าวเดี๋ยวหยุด ตัวคนเองก็ชรามากแล้ว สิ่งเดียวที่ผลักดันให้มาตกระกำลำบากเช่นนี้ยังไม่พ้นความศรัทธาต่อผู้ที่ไม่อาจพบได้โดยง่าย <font color="#4BA98C">“ บุตรสาวของข้าป่วย.. แต่ตาเฒ่าเช่นข้ากลับไม่สามารถหาทางมารักษานางได้ ข้ามาที่นี่ถึงสามครั้งแล้ว หากว่า.. หากว่าไม่สามารถตามท่านเซียนกลับไปได้ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขณะที่น้ำตาลูกผู้ชายกำลังจะรินไหล สองมือขาวละเอียดของลู่ไป๋หรั่นก็ขยับเข้าประคองมือที่เปื้อนไปด้วยฝุ่น<font color="#994D7B"> “ เทพแล้วอย่างไร เซียนแล้วอย่างไร ท่านผู้เฒ่า ใต้ผืนฟ้านี้มีคนมากมายภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิปรากฏกาย อีกทั้งหากได้พบแล้ว ท่านมั่นใจได้อย่างไรว่าจะสามารถโน้มน้าวใจเซียน ใจเทพได้? ”</font> น้ำเสียงของไป๋หรั่นเรียบนิ่งราวสายน้ำประโลมไหล แต่กลับเฉียบเย็นคล้ายธารบนภูเขาหิมะ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ แล้วหากรอไปเรื่อย ๆ รอไปวันแล้ววันเล่า อาการของบุตรสาวท่านทรุดหนักจนเกือบสิ้นใจอยู่รอมร่อ แต่ต้องห่างหน้าบิดาเพียงเพราะว่าท่านหมายอยากให้เทพเซียนช่วยเหลือ .. ท่านผู้เฒ่า ความซาบซึ้งของมนุษย์มีขีดจำกัด สุดท้ายแล้ววันที่นางจากไป อาจจะหาได้จากไปพร้อมความเข้าใจ แต่เป็นความเสียดาย ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ยามนี้ผู้ที่พบท่านคือข้า ท่านติดปัญหาที่ใด เงินทอง? ข้าช่วยได้ หยูกยา? ข้าเองก็ช่วยได้ ท่านอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ ขอเพียงไม่หมดศรัทธาในมนุษย์ ชีวิตนี้ย่อมดำเนินต่อไปได้”</font> ตำลึงทองที่ชีวิตนี้ยากนักที่ชาวบ้านชาวช่องจะได้เห็นถูกหยิบออกมาอย่างช้า ๆ หนึ่งก้อน สองก้อน สามก้อน สี่ก้อนและห้าก้อน ตำลึงทองหนัก ๆ เหล่านั้นถูกห่ออยู่ในผ้าเช็ดหน้าสีขาวปักชายเกล็ดหิมะที่ชายขอบก่อนจะวางลงบนกลางฝ่ามือที่เหี่ยวย่นของชายชรา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ข้าไม่ใช่เทพ ไม่ใช่เซียน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ แต่ก็ถือว่าเป็นผู้มีน้ำใจ ท่านผู้เฒ่า นำเงินนี้ไปหาหมอดี ๆ ให้ช่วยรักษานาง หายไม่ได้ก็ถือว่าช่วยบรรเทาอาการ ชีวิตคนมีเวลาจำกัด อย่างน้อยให้บิดาอยู่กับบุตรสาวในวาระสุดท้าย.. เท่านั้นก็ยังดี ” </font>ตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่ไป๋หรั่นไม่แม้แต่จะเปิดเผยโฉมหน้า นางฝากฝังสิ่งสำคัญไว้เท่านี้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า<font color="#994D7B"> “ พบหน้าครั้งนี้นับว่าเป็นวาสนา ภายภาคหน้าหากมีเรื่องคับขัน ชุนหลันฉีแห่งลั่วหยางสามารถช่วยเหลือท่านได้ ขอเพียงกล่าวว่าหยกขาวเช่นข้าต้องการช่วยท่าน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ข้าเองยังมีธุระที่ต้องไปสะสาง ท่านผู้เฒ่า รักษาตัวด้วย ”</font> สองมือน้อย ๆ ประสานกันและโค้งลงร่ำลา นับเป็นภาพการจากลาที่น่าตราตรึงใจ ทว่าเมื่อเดินผ่านหน้าประตูไดัไม่เท่าไหร่ก็พบร่างบึกบึนของคนลากรถแอบซ่อนอยู่ไม่ไกล..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ท่านทำอะไร? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#DD6F0E">
“ ข้าเห็นท่านเข้าไปนาน นึกกังวลว่าจะเป็นลมอยู่ด้านในเลยตามเข้ามาดู ไม่นึกว่าแม่นางน้อยจะกำลังให้โอวาทแก่ชายชรา ”</font> ชายวัยกลางคนยิ้มแหยออกมา แต่เมื่อเห็นการนิ่งเงียบของหญิงสาวที่เดินผ่านเขาขึ้นรถลากไปอย่างช้า ๆ ก็พาลทำให้สงสัยขึ้น <font color="#DD6F0E">“ ท่าน.. เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ หรือ? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
เชื่อ? เชื่อในอะไร.. ในมนุษย์นะเหรอ?</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใต้หมอกม่านอันมีนามว่าหมวกไผ่ผ้าคลุม ผู้สวมเหยียดรอยยิ้มขึ้นช้า ๆ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B"><b>
“ เกี่ยวอะไรกับว่าข้าเชื่อหรือไม่เชื่อ .. ข้าก็แค่กล่าวในข้อเท็จจริงที่เขาต้องการ ข้อเท็จจริง..ที่ไม่ว่าใครก็คงอยากได้ฟังกันสักครั้ง ”</b></font>
</font>
<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br>
+15 EXP ฟังข่าวลือเทพเซียนในศาลร้างเถียนฉิงเวย<br>
<b>ทำเควส : </b>เจ้าเชื่อเรื่องเซียนหรือไม่ (รางวัลให้ขึ้นอยู่กับที่แอดอ่านแล้วมองว่าเหมาะสม)
</div>
</div>
<br><br>
</font></font></div></div><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<style>
#boxbirdcenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #6F1D3D 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/0C7ZnDN.png");
}
</style>
<style>
#boxBR0LE {
width: 650px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>
<div id="boxbirdcenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxBR0LE"><br><img src="https://i.imgur.com/n1kHYih.png" width="358" _height="258" border="0"><br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#d5a6bd"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #d5a6bd 0px 0px 10px;"><i><b>เซียนปกปักษ์เทพอารักขา<br></b>-2-<br><br></i></span></font></font></font><img src="https://i.imgur.com/bjHCPe9.png" width="499" _height="57" border="0"><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#d5a6bd"><br></font></font></font><div align="left"><p dir="ltr" style="font-family: Sarabun; line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><br></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font size="3"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font color="#000000" style=""><font face="Sarabun, sans-serif">
</font><font face="Sarabun"> </font></font></span></font><font size="3" face="Sarabun"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font color="#000000">ความพลิกผันของธรรมชาติย่อมไม่มีใครทราบว่าวันที่ท้องฟ้าโปร่งแดดจ้าเช่นนี้จะมีฝนโปรยลงมาได้ ผู้ที่ขังตัวเองอยุ่ในเรือนก็แล้วไปแต่สำหรับคนทำงานนักเดินทาง หรือแม้แต่กลุ่มขบวนเดินทางไกลอย่างรถม้าตระกูลซ่างกวนก็มีอันถึงที่หมายล่าช้าไปตามๆ กัน หลังออกห่างจากลั่วหยางใช้เวลาราวสองวันภายใต้การอารักขาของผู้คุ้มกันและสมุหราชเลขาหนุ่มพวกเขาห่างจากประตูทิศเหนือเพียงสองชั่วยาม
</font><font color="#a0522d"> “ ใต้เท้า ทางด้านหน้าผ่านเทือกเขาสูงเมฆฝนตั้งเค้าเช่นนี้หากฝ่าไปเกรงจะอันตราย ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#000080"> “ อืม.. ละแวกนี้พอจะมีศาลเจ้าร้างอยู่ไปพักที่นั่นจนพายุสงบค่อยออกเดินทางต่อ ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd"> “ เหยียนเกอ.. เหตุใดจึงหยุดรถเล่า ? ” </font><font color="#000000">เสียงกระจ่างใสของดรุณีในรถม้าเรียกความสนใจของทั้งสองจนสิ้น ผู้คุ้มกันรีบก้มหน้าลงเมื่อเห็นว่าปลายนิ้วขาวกระจ่างแตะที่ม่านหน้าต่าง
</font><font color="#000080">“ เราจะแวะพักที่ด้านหน้ากันก่อนข้างนอกลมแรงเจ้าอย่าออกมาหากจับไข้เอาได้ ”</font><font color="#000000">
กระทั่งสมุหราชเลขาที่มักพูดจาไร้อารมณ์ไม่แยแสเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ยังใช้ถ้อยคำถนอมน้ำใจคนฟังขึ้นหลายส่วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงสาวด้านในรถนั้นมีน้ำหนักในใจเขาขนาดไหน กระแสลมนอกม่านเริ่มรุนแรงพวกเขาเร่งม้าจนถึงศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเว่ยก็พบว่ามิได้มีเพียงขบวนเดียวรั้งอยู่รอฝนซา
ด้านหนึ่งคณะปราชญ์ขงจื้อผู้เดินทางเผยแพร่หลักคำสอนกำลังจับกลุ่มผิงไฟกับนักเล่านิทาน อีกด้านกลุ่มพ่อค้าพึ่งเดินทางออกจากฉางกันก็เริ่มสนทนาอย่างออกรสเพื่อฆ่าเวลา
</font><font color="#8b0000"> “ ลู่เหม่ยเหริน?? อีกแล้วรึ!ตอนนี้ไปที่ใดในฉางอันมีแต่ข่าวลือเกี่ยวกับนาง ตั้งแต่เข้าวังวันแรกตบตีเหล่าสนมกำนัล วันนี้อะไรอีก? ได้พบกันครั้งแรกกับโอรสสวรรค์ ?? ที่ไหนนะ.. ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#008080"> “ เพ้ยข้าบอกว่าอุทยานไงเล่า สวนสวยๆที่พวกคนรวยชอบทำไว้เดินเล่นน่ะ.. เจ้านี่มันตกข่าวเสียจริงนางเก่งกาจขนาดไม่โดนลงโทษหลังก่อเรื่องวิวาทในวัง อีกหน่อยไม่ต้องเป็นมันแล้วเหม่ยเหริน! บางทีตำแหน่งที่ว่างเว้นอยู่นั้นจะได้มีเจ้าของสักทีกระมั้ง ”</font><font color="#000000">
บัณฑิตขงจื้อที่นั่งฟังอยู่คุณธรรมในใจดิ้นเร่าหน้าเขียวหน้าแดงโต้แย้งไปว่า </font><font color="#ff0000">“ ใช้ได้ที่ใดกัน มารดาแห่งแผ่นดินสมควรเป็นกุลสตรีผู้ประเสริฐอ่อนหวานสมแม่แบบแห่งสตรีในต้าฮั่น เคร่งต่อจารีตสามเชื่อฟังสี่คุณธรรม! ตบตีแย่งชิงความโปรดปราน วิสัยหญิงริษยาเช่นนี้มิเหมาะสมอย่าได้ให้ลูกหลานเอาอย่างเชียว ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#48d1cc"> <b> </b></font><font color="#8b0000"><b>“ วาจาเล่นน้ำลายเอาอันใดมาพูด!! บัณฑิตต้มตำรากินอย่างพวกเจ้าหาได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดก็พูดเพ้อเจ้อใส่ความคนบริสุทธิ์ ไปเห็นด้วยตาตัวเองมารึไงห๊า!! รู้ไว้เสียบ้างว่าลุ่เหม่ยเหรินที่พวกเจ้าสาดโคลนอยู่ได้รับเลือกไปปรนนิบัติเป็นคนแรก! เจ้าจะหาว่าโอรสสวรรค์ต้าไร้แววมองคนไม่ออกเข้าข่ายหมื่นเบื้องสูงก็เอาสิ! ”</b></font><font color="#000000">
พ่อค้าฝั่งที่กำลังติดลมบนกับกระแสข่าวลือลู่เหมยเหรินได้ยินเข้าก็เดือดดาล พวกเขานับถือม่อจื้อ ทั้งยังแว่วๆ ว่าสนมแซ่ลู่พื้นเพมาจากตระกูลพ่อค้าเช่นพวกตนก็ยิ่งให้การปกป้องลูกหลานของพวกพ้องโดยธรรมชาติ (?) หากวว่านางได้ปีนยอดไม้ขึ้นตำแหน่งสูงไม่แน่อาจสร้างแรงบันดาลใจเป้นความใฝ่ฝันต้นแบบของเหล่าบุตรสาวพวกตนในอนาคต
คนสามกลุ่มเริ่มตีกันคนเอะอะมะเทิงแข่งกับเสียงสายฝนไม่ทันมองว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งมาถึงยังศาลเจ้าและกำลังฟังบทสนทนาของพวกเขามาพักหนึ่งแล้ว
</font><font color="#a0522d">“ ..... ”</font><font color="#000000"> ผู้ค้มกันและเหล่าสาวใช้แทบพุ่งไปปิดหูคุณหนูเล็กเมื่อสัมผัสได้ว่าสายตาคู่คมของคุณชายใหญ่เย็นยะเยียบลง
</font><font color="#000080">“ หนวกหูเสียจริง เข้าไปด้านในเถอะ ” </font><font color="#000000">บุรุษชุดครามถอนหายใจเบาๆ บัณฑิตหยูนับวันชักเสื่อมถอยไม่เอาเวลาไปแก้ปัญหาบ้านเมืองท่องแต่ตำรา สายตาคอยจับผิดผู้อื่น หูก็ฟังแต่สิ่งไร้ประโยชน์
ซ่างกวนซีเหยียนเพื่อหลบเลี่ยงความวุ่นวายเขาสวมหมวกไผ่ผ้าคลุมดำรวมไปถึงเหล่าผู้คุ้มกันมีท่าทีดุดันน่าเกรงขาม เมื่อก้าวเข้ามาด้านในศาลเจ้ายังนำเอาไอหนาวเหน็บจากสายฝนเข้ามารดสติพวกหัวร้อนสามสี่กลุ่มนั้นด้วย อันว่าบุคคลบางจำพวกแม้ไม่ถือดาบก็ให้สัมผัสบรรยากาศไม่ต่างจากพยัคฆ์ซ่อนเขี้ยว การปรากฎตัวของบุรุษม่านคลุมดำก็เป็นเช่นนั้นทำเอารอบด้านสงัดลง มือของเขาไร้ศาสตราเพียงประคองดรุณีผิวผ่องท่วงท่าอรชรไปเงียบๆ แค่เท่านั้นก็ทำผู้คนหลงลืมการหายใจ
บุรุษสตรีทั้งสองแม้อำพรางใบหน้าทว่าบรรยากาศรอบตัวมิธรรมดาไม่มีใครกล้าส่งเสียงเมื่อพวกเขาเดินผ่าน บ้างก็ลอบคาดเดาในใจด้วยภัสตราภรณ์ทั้งสองแม้จะดูเรียบง่ายแต่ประกอบขึ้นด้วยของชั้นดี ลอบมองไปฝั่งหญิงสาวอาภรณ์ขาวนั้นได้ไม่นานก็รีบหลบเกรงจะถูกคนคุ้มกันของนางที่ยินขึงตาอยู่เอาเลือดหัวออก
ราชเลขาหนุ่มเตรียมที่ให้สตรีคนสำคัญของเขาพักผ่อนด้านหน้าเทวรูปโพธิสัตว์ ด้านข้างมีเพียงชายชรากำลังสวดภาวนาดูแล้วไม่มีอันตรายใดที่เกินแรงเขารับมือจึงประคองนางลงนั่ง สอบถามน้ำเสียงเบาราวพูดกับเด็กน้อย
</font><font color="#000080"> “ เจ้าหิวริไม่? เกอจะไปดูว่ามีอะไรที่พอทานรองท้อง เฉียวฮุ่ยดูคุณหนูรองอย่าปล่อยพวกแมลงมาเข้าใกล้นาง ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#9acd32"> “ เฉียวฮุ่ยทราบแล้วจะปกป้องคุณหนูอย่างดีเจ้าค่ะ! ” </font><font color="#000000">สาวใช้ประจำตัวน้องสาวพยักหน้ารับคำ กว่าจะชิงตำแหน่งคนที่ได้ติดตามคุณหนูเล็กเข้าวังตนต้องลงแรงไปมากเพราะอัตราการแข่งขันพุ่งสูงติดเพดานตนต้องทำหน้าที่ให้ดี ไม่มีบกพร่อง
สตรีอาภรณ์ขาวพยักหน้าเงียบๆ ด้วยนางยังคงปะติดปะต่อกับข่าวลือที่ได้ยินเมื่อครู่จึงใจลอยอยู่มาก ผิวเผินเหมือนจะไม่เกี่ยวกับตนทว่าการมาเยือนฉางอันครานี้ตนจำเป็นต้องเข้าวังหลวงจึงให้ความใส่ใจเล้กน้อย ตามที่มารดากล่าวว่าวังหลังเป็นสถานที่อันตรายข้างในนั้นไร้ดาบกระบี่ทว่าแค่ความคิดของเหล่าสตรีชาววังก็สามารถสังหารผู้คนได้ จากข่าวลือด้านหนึ่งลู่เหม่ยเหรินผู้นั้นค่อนข้างน่ากลัวถึงอย่างไรก็เป็นคนโปรดของฝ่ายในตนควรอยู่ให้ห่างจากเรื่องวุ่นวายทั้งมวล
</font><i style=""><b style=""><font color="#dda0dd"> ‘ดูเหมือนข้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องการหลบเลี่ยงความสนใจ.. แต่เป็นการหลบเลี่ยงภัยในรูปแบบสตรีด้วยกันเสียแล้ว’</font></b></i><font color="#000000">
ระหว่างกำลังคิดเรื่อยเปื่อยพลางๆ เบื้องหน้าก็มีธูปก้านหนึ่งหล่นจากมือของชายชรากลิ้งมาทางนาง สาวใช้กำลังผุดลุกขึ้นมือคุ่ขาวพลันรั้งตัวไว้แล้วช้อนแขนเสื้อขึ้นเก็บธูปก้าน
</font><font color="#dda0dd"> “ ท่านผู้อาวุโส นี่ธูปของท่าน ”</font><font color="#000000"> โทนเสียงเสนาะหวานแม้ลำพังประโยคเรียบง่ายก็กระทบใจคนฟัง
</font><font color="#ff8c00">“ โอ้.. ขอบใจแม่นางน้อย ไม่สิ.. คุณหนู ท่านอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกสาวของข้าเลย ”
</font><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd"> “ ไม่เป็นไร ท่านสามารถเรียกข้าว่าเสี่ยวยาโถว(สาวน้อย) ก็ได้ ท่านกำลังรอบุตรสาวมารับหรือ ?”</font><font color="#000000">
</font><font color="#ff8c00"> “ ฮะๆ ได้สิเสี่ยวยาวโถว ข้ามิได้รอนางหรอกมีเพียงนางที่เฝ้ารอข้ากลับไป ลูกสาวที่ล้ำค่า.. ถ้าเพียงท่านเซียนมาถึงนางก็จะหายจากโรคและกลับมาแข็งแรงดั่งเดิม” </font><font color="#000000"> ชายชรารับธูปมาพลางเริ่มชวนสนทนาเมื่อเห็นว่าดรุณีน้อยให้ความเป็นมิตรไม่ถือตัว
</font><font color="#dda0dd">“ เซียน ? ที่แท้ท่านผู้อาวุโสกำลังเฝ้ารอท่านเซียนนี่เอง บุตรสาวท่านป่วยด้วยโรคใดถึงต้องรอให้ท่านเซียนมารักษาหรือ ” </font><font color="#000000">
ฝูมี่พยักหน้าโดยไร้ข้ออคติ ด้วยฐานะเทพธิดาขับขานผู้ที่เชื่อถือข่าวลือเกี่ยวกับตัวนางบ้างก็เข้าหาตนด้วยอาการเจ็บป่วยรักษาไม่หายไม่ตนเองป่วยก็เพื่อคนสำคัญของพวกเขา อันที่จริงคุณหนูเล็กคุ้นเคยกับดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังเช่นนี้มากทีเดียว น่าขันที่พรสวรรค์ประหลาดของตนช่วยเหลือได้เพียงผู้อื่นมิอาจแก้ไขเภทภัยที่ตนเองประสบ
</font><font color="#ff8c00">“ ใช่แล้วล่ะที่แห่งนี้เคยมีเซียนปรากฎตัว เขามีตัวตนจริงข้าเคยพบกับท่านเซียน.. เขาจะต้องมาที่นี่อีกแน่นอน! ” </font><font color="#000000">เมื่อถึงคราวเล่าชายชราเหมือนทำนบน้ำไหลบ่าแม้พี่ชายของเด็กสาวจะกลับมายืนจ้องกดดันอยู่ด้านหลังเขาก็ไม่ทันสังเกต พูดด้วยความสะท้อนอกสะท้อนใจ </font><font color="#ff8c00">“ ลูกสาวข้าป่วยเป็นโรคไข้ลมมาร่วมเดือนตอนนี้นางเดินไม่ได้.. พวกหมอเอาแต่พูดว่านางไม่อาจลุกจจากเตียงได้อีกแล้ว ข้าไม่เชื่อ! รอข้าภาวนาจนท่านเซียนปรากฎตัวถึงตอนนั้นนางก็จะกลับมาเดินได้อีกครั้ง แต่ข้าภาวนามาครึ่งเดือนแล้วทำไม…”</font><font color="#000000">
<i>เป็นความหวังที่แขวนอยู่กับการรอคอย ริบหรี่ยิ่งแสงเทียนในคืนฝนพรำ</i></font></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font color="#000000">
ฝูมี่ฟังแล้วพยักหน้าอีกคราไม่ปฎิเสธการมีอยู่ของเซียนเพราะตัวนางเองก็ถูกมารปีศาจรังควาน</font></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font color="#000000">
โลกนี้มีภูตผีวิญญาณนางสื่อสารกับพวกเขานับแต่จำความได้ ประสาอะไรกับเทพเซียน เชื่อว่าพวกเขามีตัวตนอย่างแน่นอน ทว่า.. ในหนึ่งชีวิตของมนุษย์เรือนแสนจะมีสักคนได้รับวาสนาพบนั้นยากยิ่ง
</font><font color="#dda0dd">“ ท่านผู้อาวุโส ท่านเซียนอาจมาพบท่านอย่างน้อยก็ในช่วงนี้ ”</font><font color="#000000"> หลังตรองดูแล้วฝูมีเลือกกล่าวตามสัตย์จริง
</font><font color="#ff8c00">“ ไม่จริงหน่า.. รึว่าข้ายังสวดภาวนาได้ไม่มากพอ.. ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd"> <i><b>“ มิได้ ในอดีตเคยมีเรื่องเล่าของนายพรานผู้หนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้วันนั้นบังเอิญมีกระต่ายวิ่งมาชนตอไม้ด้านข้างจนตาย เขากลับเชื่อว่าวันถัดๆ ไป ก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเช่นกันจึงใช้เวลานับวันนับคืน เฝ้าตอไม้รอกระต่าย ผ่านเป็นเดือน เป็นปี ก็ไม่มีกระต่ายตัวไหนหลงมาชนตอไม้อีก.. ”</b></i></font><font color="#000000">
นางอธิบายด้วยความใจเย็นโดยน้ำเสียงนุ่มนวลฝูมี่หันไปสั่งคำสาวใช้สั้นๆ ให้กลับไปยังรถม้านำของบางสิ่งมาให้ ผู้เป็นพี่ชายเพียงถอนหายใจเบาๆ มิได้ห้ามปรามทว่าก็คอบปกป้องพวกหูผึ่งคอยลอบมองลอบฟังอยู่อีกฝากไม่ให้มายุ่มย่ามสิ่งที่น้องสาวกำลังทำอยู่
</font><font color="#dda0dd">“ ผู้อาวุโส ท่านมิใช่เหมือนนายพรานผู้นั้น? เรื่องราวในโลกหลายสิ่งเกิดขึ้นจากความบังเอิญ สุ่มจับปลาในลำธารแล้วปล่อย เมื่อจับขึ้นมาอีกหนยากจะเป็นมัจฉาตัวนั้นที่ท่านปล่อยมันไป ท่านเซียนเองก็เช่นกัน.. เทพเซียนมีภาระสิ่งที่ต้องพิทักษ์มากกว่าที่มนุษย์เช่นพวกเราจะเข้าใจ การบำเพ็ญของพวกเขากินเวลานับชั่วคน ท่านเข้าใจที่ข้าต้องการสื่อรึไม่ ”</font><font color="#000000">
</font><font color="#ff8c00"> “ ท่านเซียน ไม่มา.. ไม่ได้ยินคำภาวนาของข้าเช่นนั้นหรือ ” </font><font color="#000000">
หากท่านเซียนกลับมาที่นี่อีกหนอาจเป็นเวลาที่เราท่านต่างเป็นธุลีไปแล้วต่างหาก
</font><font color="#dda0dd"> “ คำภาวนาของท่านสวรรค์ย่อมรับรู้แค่เวลาบนสวรรค์และโลกมนุษย์เร็วช้าต่างกัน น้ำไกลไม่อาจดับไฟได้ทันการณ์ เผอิญว่าข้ารู้จักโรคที่บุตรสาวท่านป่วยอยู่ หากผู้อาวุโสเชื่อในคำภาวนาโปรดรับสิ่งนี้ไปพร้อมกัน ” </font><font color="#000000">มือเรียวรับถุงผ้าแพรจากเฉียวฮุ่ยด้านในบรรจุตำลึงทองหนักห้าชั่ง ถึงจะเป็นทุนรอนจากความห่วงใยของครอบครัวส่งนางเข้าวังทว่าฝ่ายในคงไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้บ่อยนัก นางตั้งใจจะอยู่เงียบๆ มีสิ่งล้ำค่ามากไปก็ดูแลรักษาลำบาก
</font><font color="#ff8c00"> “ เสี่ยวยาโถว.. เงินจำนวนนี้มากเกินไปข้า.. รับเอาไว้มิได้ ”</font><font color="#000000"> ชายชราสองมือสั่นเทาเอาแต่ส่ายหน้า
</font><font color="#dda0dd">“ <b><i>รับไว้ มิใช่เพื่อตัวท่านหากเพื่อบุตรสาวของท่าน</i></b>.. การที่บุพการีร่างต้องมานั่งคุกเข่าทรมานสังขารกลางที่ชื้นเย็นเฝ้าภาวนาราวกับไถ่โทษให้ลูกหลานอย่างเรา หัวใจของผู้เป็นลูกรู้เข้าจะทนรับได้หรือ? รับไว้เถิด พานางไปรักษาพร้อมสิ่งนี้ต้มให้นางดื่มวันละสามเวลาขาของนางจะกลับมาเดินได้อย่างแน่นอน ”</font><font color="#000000">
ในถุงอีกใบคือโสมคนอายุร้อยปีและฝูหลิงชั้นดี.. หากนี่มิใช่ความบังเอิญก็คงเป็นพรของชายชรา
ฝูมี่เคยป่วยเป็นไข้ลมจากสุขภาพที่ทรุดโทรมลงเมื่อปีก่อน นางศึกษาสมุนไพรเพื่อรักษาตนเองมาตลอดทว่าครั้งนั้นนขาดกระสายยาสำคัญเพื่อต่อพลังชีพตนเอง หลังรอดจากความตายหมอเทวดาผู้ลงจากเขามาช่วยรักษาเกิดถูกชะตาลูกคนเล็กบ้านซ่างกวนปันตัวยาล้ำค่าให้จำนวนหนึ่ง ที่บ้านไม่มีใครสนใจการแพทย์ยามเข้าวังตนจึงขนมาทั้งหมดนั่น บังเอิญเสียจริง..
</font><font color="#ff8c00"> “ ที่แท้สวรรค์ก็ยังมีเมตตาต่อเราพ่อลูก.. ผู้มีประคุณขอบคุณ ขอบคุณท่านจริงๆ ”</font><font color="#000000">
เมื่อชายชรารับทั้งสองถุงไปแล้วฝูมี่ค่อยยิ้มแย้มออกมา แม้จะเป็นรอยยิ้มลางเลือนหลังม่านแพรบางผู้คนโดยรอบกลับรับรุ้ได้ถึงบรรยากาศผ่อนคลายจากตัวนาง </font><font color="#dda0dd">“ เรื่องเล็กน้อยไม่นับว่าเป็นบุญคุณ้เลย ฝนหยุดตกแล้วท่านผู้อาวุโสรีบกลับไปหาลูกสาวท่านเถิด ข้าจะช่วยภาวนาต่อเพื่อพวกท่านเอง ”</font><font color="#000000">
คล้อยหลังชายชราดรุณีน้อยก็พาพี่ชายของนางมาจุดธูปบูชาพระโพธิสัตว์ยังใจกลางศาลเจ้าร้างจริงๆ ท่าทียามจ่ายอัฐ 5 ชั่งของนางไม่มีลังเลเสมือนที่วางไปนั้นมีใช่เงินทองแต่เป็นเศษผ้าหนึ่งชิ้น ทำเอาราชเลขาหนุ่มคิดอ่านอีกครั้งเรื่องที่ตนจะแอบเพื่มเงินขวัญถุงน้องสาวจากสองเท่าเป็นห้าเท่าดีรึไม่ ดูเอาเถิดแจกคนเก่งเพียงนี้เท่าไรถึงจะบอกให้ถึงนาง
ฝูมี่ประสานหัตถ์ทั้งสองภาวนาต่อตี้จั้งฝ่อซาปรารถณาความสุขสงบให้สองพ่อลูกเมื่อครู่ อำนวยพรแก่ครอบครัว และขอให้พระโพธิสัตว์ผู้ขึ้นชื่อเรื่องโปรดแม้แต่สัตว์นรกให้พ้นเคราะห์ช่วยปกป้องคุ้มครองชีวิตในวังหลังของตนด้วย..
</font><font color="#000080"> “ เจ้าซูบลงกว่านี้คงปลิวไปกับสายลม ขอพรเสร็จแล้วก็ทานอะไรรองท้องสักหน่อย ”</font><font color="#000000"> มองใบหน้าด้านข้างน้องสาวเขาก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้กังวลใจ
</font><font color="#dda0dd">“ มี่เอ๋อห์ไม่ค่อยหิว พี่ชายท่านทานเถิดออกเดินทางกว่าสองวันพี่แทบไม่กินอะไรเลย”</font><font color="#000000">
</font><b style=""><font color="#000080">“ กินไม่ลง ”</font></b><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd">“ เอ.. ” </font><font color="#000000">ฟังคำของพี่ชายคล้ายมีอารมณ์ขุ่นมัวในน้ำเสียง
</font><font color="#000080"> “ ข้าเลี้ยงของข้ามาไม่ว่าใครก็อย่าคิดฝันแตะต้อง พอคิดว่าต้องส่งเจ้าไปอยู่ในมือ<b><u>เจ้านั่น</u></b>.. ถึงจะแค่สองปีก็ตาม ” </font><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd"></font><i style=""><font color="#dda0dd">เจ้านั่นที่ท่านพูดถึงน่ะ.. หวงตี้ในรัชการนี้ ทั้งยังเป็นสหายและเจ้านายท่านนะ!
</font></i><font color="#000000">
</font><font color="#dda0dd">“ มี่เอ๋อห์ปิดหู ขอไม่รับรู้ เรื่องนี้พวกท่านคุยกันไปแล้วไม่เอา ต้าเกอไม่พาล.. ” </font><font color="#000000">
กล่าวจบมือเรียวยกขึ้นป้องหูทันที ท่าทางของนางกลับมาเป็นเด็กสาวสมวัยเอาดื้อๆ มาดนางเซียนเมื่อครู่อันตธานหายไปสิ้น</font></span></font></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font size="3" style=""><font color="#000000" face="Sarabun">
</font></font></span></p><div style="text-align: center;"><font size="3" face="Sarabun"><img src="https://i.imgur.com/NHmTTT5.png" width="499" _height="57" border="0"><font color="#000000"><br></font></font></div><b style="color: black; font-weight: normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b><p style=""></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="Sarabun" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center; color: black; text-indent: 2.5em;"><span style="text-align: -webkit-left; text-indent: 0px; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><b>รางวัล: สามารถพิจารณาได้ตามสมควร มอบเงินให้ชายชรา 5 ตำลึง/พิเศษใส่โสม</b>
</font></span></p><div style="color: rgb(0, 0, 0); white-space-collapse: preserve; text-align: center;"><font face="Sarabun" size="3">+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือลู่เหม่ยเหรินคือสนมคนแรกที่ฝ่าบาทพลิกป้ายไปปรนนิบัติ</font></div><div style="color: rgb(0, 0, 0); white-space-collapse: preserve; text-align: center;"><font face="Sarabun" size="3">+15 EXP ฟังข่าวลือเทพเซียนในศาลร้างเถียนฉิงเวย</font></div><div style="color: rgb(0, 0, 0); white-space-collapse: preserve; text-align: center;"><font face="Sarabun" size="3">+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือขงจื้อวิจารณ์ลู่เหม่ยเหรินตบตีเหล่าสนม</font></div><div style="color: rgb(0, 0, 0); white-space-collapse: preserve; text-align: center;"><font face="Sarabun" size="3">+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือลู่เหม่ยเหรินได้พบกับฝ่าบาทครั้งแรก
</font>@Admin <font face="Sarabun" size="3">
</font></div><p style="text-align: center; color: black; text-indent: 2.5em;"><font face="Sarabun" size="3"><br></font></p></div><font face="Sarabun"><font color="Black" style=""><br>
</font></font></div></div><br><br><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-28 08:41 <br /><br /><span id="docs-internal-guid-65e50108-7fff-da96-f1f5-8c7840d9d8b7"><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br><br><img src="static/image/hrline/newbg22.png" border="0" alt=""><br></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" color="#4169e1" size="4"><b style="">วันที่ 27 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" color="#4169e1" size="4"><b style="">ยามไห่ เวลา 23.00 น. เป็นต้นไป ณ นอกเมืองฉางอัน ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3" style=""> ใต้เงาโคมแดงซีดสีที่สั่นไหวจากแรงลมขับความสลัวเร้นของศาลเจ้าร้างกลางป่าให้อึดอัดราวกับแดนนรกใต้พิภพ เถาวัลย์เหี่ยวแห้งเกาะแน่นตามเสาทรุดผุ เพดานไม้ส่งเสียงครวญครางในความเงียบ แสงจันทร์ย้อมลานศิลาบิ่นเบื้องหน้าบันไดด้วยสีเงินหม่น ขับเงาร่างของชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งนิ่งอยู่ตรงฐานของพื้นอิฐจากหินเก่าเงาของเขายาวเหยียดแผ่คลุมร่างสตรีผู้กำลังทรุดเข่าร่ำไห้อยู่เบื้องหน้า ….หวยหนานหวาง..หลิวอัน บุรุษผู้ไร้คำสรรเสริญแต่เปี่ยมด้วยอำนาจที่ไร้ซึ่งใครกล้าตั้งคำถาม เขาสลัดคราบเถ้าแก่ร้านเต้าหู้กลายเป็นดั่งฉายา เ<i><b>ขี้ยวคมอสุรา</b></i></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงกรีดร้องดังขึ้นตอนที่นายทหารโยนร่างหญิงสาวผู้หนึ่งลงตรงหน้าเงานั้น ใบหน้าของนางขาวซีดจากความตระหนก กลิ่นเลือดจาง ๆ จากปากแผลบนแขนยังสดใหม่เกินจะปิดบังได้ทัน <b><font color="#006400">"ข้า...ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด...ได้โปรดเถอะ...ท่านอ๋อง..." </font></b>เสียงเธอสั่นระริกเหมือนขนนกบนพายุ ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตากระทบกับดวงเนตรของบุรุษที่นั่งอยู่เบื้องบนทันทีที่นางเงยหน้าขึ้นมอง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium; white-space-collapse: preserve;"> </span><font face="Sarabun" size="3"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">หลิวอันไม่ได้ตอบ นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นมืดมนล้ำลึกเกินจะเดาออกว่าในหัวเขาคิดอะไร เขาเพียงขยับปลายนิ้วไปหยิบกระบี่ </span><span style="background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">กระบี่เจ็ดดาว</span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"> ซึ่งวางอยู่ข้างกายอย่างเชื่องช้า เหมือนการเคลื่อนไหวของคนที่ไม่ได้รีบร้อน เพราะรู้ดีว่า...เหยื่อของเขาจะหนีไม่พ้น เสียงโลหะเสียดสีกับปลอกดังแผ่ว ใบกระบี่สะท้อนแสงจันทร์...ก่อนที่ปลายคมจะเลื่อนเข้าหาผิวลำคอของหญิงตรงหน้าอย่างแผ่วเบาแล้วมันก็ครูดกับลำคอขาวนั้นเป็นทางยาวแต่ไม่ทิ้งรอย..</span></font></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b style=""><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b style=""><font color="#8b0000">“ไม่ผิด?"</font></b> เสียงทุ้มเย็นเยียบดังขึ้นในที่สุด น้ำเสียงไม่กดดัน ไม่กร้าวเกรี้ยว แต่กลับทำให้ทุกเส้นเลือดในร่างของนางหดเกร็ง ปลายกระบี่ลากเป็นวงช้า ๆ บนต้นคอเปราะบางของเธอ ราวกับกำลังร่างลายเส้นชะตาใหม่ให้นาง...ลายเส้นที่เขาเป็นผู้กำหนด <b><font color="#8b0000">"เจ้าคงลืมไปแล้วว่า ข้าคือใคร" </font></b>เขาโน้มตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่มากพอให้อีกฝ่ายคิดว่าใกล้ชิด หากมากพอให้รังสีมรณะแผ่กรุ่นแตะปลายจมูก</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#8b0000"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"ข้าคือเงาในคืนมิด คือผู้ที่แม้จะอยู่ปลายตลาด ก็ยังทำให้ชื่อ ‘หวยหนาน’ เป็นคำที่สั่นคลอนแม้แต่กระดูกขุนนางชราในวังหลัง"</font></b> เขาหยุด ลมหายใจเย็น ๆ กระทบรดหัวของสตรีตรงหน้า ไม่เข้าใกล้เพราะรังเกียจนัก<b style=""><font color="#8b0000"> "เจ้าคิดผิดเพียงข้อเดียว...คือเชื่อว่าข้าจะไม่ลงมือ"</font></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">นางกำนัลผู้นั้นสั่นสะท้านทั้งร่างทันทีที่สิ้นเสียงเย็นยะเยือกของชายตรงหน้า เสียงของเขาไม่ได้ดัง ไม่ได้เกรี้ยวกราด ไม่ได้กรีดร้องแต่กลับแหลมคมเฉียบดุจปลายกระบี่เย็บใจที่แทงลึกจนไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ปกป้องอีกแล้ว ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ปากคอสั่นสะท้านจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีก <b><font color="#006400">“ขะ…ข้า…ข้าขอโทษ ท่านอ๋อง! ได้โปรด ได้โปรดเถิด!” </font></b>นางทรุดตัวลงแทบจะในทันที ฝ่ามือทั้งสองทาบลงบนพื้นหินเย็นเยียบ ใบหน้าซุกแน่นกับพื้นในท่าคำนับที่ต่ำจนแทบจะไร้ศักดิ์ศรีใด ๆ หลงเหลือ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#006400"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#006400">“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ! เป็นข้าคนเดียว! ข้าดื่มจอกนั้นจริง ๆ…ข้าถูกจางกงกงสั่งให้ทำ! เขาให้เงินข้ามาหลายสิบตำลึง ข้าขัดเขาไม่ได้…เขาเป็นจงฉางชื่อ ข้าเป็นเพียงนางกำนัล! หากข้าปฏิเสธ ข้าก็ไม่เหลือแม้แต่ชีวิต!”</font></b> นางร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงตาแดงกล่ำราวกับผู้กำลังจะจมน้ำในบาปที่ตัวเองก็ไม่ได้เต็มใจแบกรับ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">แต่เสียงที่ตอบกลับนาง…กลับไม่มีความเมตตาใด ๆ ซ่อนอยู่เลย</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">“เหตุผลของเจ้า ฟังดูน่าสงสารดี” </font></b>หลิวอันกล่าวเสียงเรียบ พลางยืนขึ้นอย่างสง่างามดั่งพญามัจจุราชที่หยัดกายจากบัลลังก์ยมโลก เงาร่างสูงใหญ่ของเขายืดตรง บดบังแสงจันทร์จนมืดครึ้มราวกับทั้งโลกกำลังจะปิดตายลง <b><font color="#8b0000">“เจ้ากำลังบอกข้าว่า…คนที่ไม่มีทางเลือก ควรได้รับการให้อภัยหรือ?”</font></b> เสียงของเขายิ่งเย็นราวสายน้ำแข็งที่ไหลผ่านเส้นโลหิต นัยน์ตาคู่นั้นทอดมองนางกำนัลด้วยแวววาวดุดัน ไม่ใช่เพราะเขาโกรธเกรี้ยว หากแต่เพราะเขา ‘เข้าใจ’ ดีว่าอะไรคืออันตรายที่สุดในเกมนี้</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">“เจ้าคิดว่าการ ‘ทำตามคำสั่ง’ โดยไม่สนว่าจะฆ่าใคร จะทำลายใคร จะทำให้เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลของมันเลยหรือ? น่าสนใจ” </font></b>เขาหยุดยืนตรงหน้านางกำนัลที่คุกเข่าร้องไห้ก้มหน้าราวกับผีบาป พร้อมกับโน้มตัวลงเล็กน้อย เสียงของเขากระซิบราวกับลมหายใจปีศาจที่ข้างหูนาง <b><font color="#8b0000">“หากข้าไม่ใช่ ‘หวยหนานอ๋อง’ หากข้าเป็นเพียงชาวบ้านผู้หนึ่ง…เจ้าก็คงไม่ได้ร่ำไห้ขอชีวิตแบบนี้หรอก เจ้าก็คงหัวเราะกับเงินตำลึงที่ได้มา แล้วเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเหยื่อของเจ้าอีกครั้งเลยสิ”</font></b> เขาตวัดสายตาเฉียบวูบขึ้น แววตาเย็นจัดอย่างไร้ปรานี</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>“จำเอาไว้ให้ขึ้นใจ…การเป็นหมาก มันไม่ได้ลดทอนบาปที่เจ้าแบกไว้ได้เลย คนที่ยอมเป็นหมากของจางกงกง…ต้องพร้อมจะรับผลในแบบเดียวกับมัน”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">“ไปสารภาพเสีย ก่อนเปิดศาลวันพรุ่ง ไปให้ถึงหน้าตุลาการพยัคฆ์เหล็ก จางทัง แล้วพูดทุกอย่างตามที่เจ้าพูดกับข้าเมื่อครู่ อย่าตุกติก อย่าโกหก และอย่าคิดจะเอาตัวรอดด้วยเล่ห์กล” </font></b>เสียงของหลิวอันยังคงราบเรียบเหมือนเคย ทว่ามีบางอย่างในน้ำเสียงนั้นคล้ายกับแผ่นเหล็กที่ค่อย ๆ กรีดผ่านความคิดของผู้ฟังทีละชั้น</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#006400"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#006400">"ขะ...ขะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง… ขอบพระทัยที่ทรงไว้ชีวิต..." </font></b>น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นแทบไม่เหลือสภาพมนุษย์ผู้มีเกียรติอีกต่อไป เป็นเพียงเสียงของผู้ที่ถูกขยี้ศักดิ์ศรีจนไม่เหลือชิ้นดี นางฟุบหน้าลงกับพื้น ลมหายใจตื้นราวกับถูกดูดวิญญาณไปแล้วครึ่งหนึ่ง นางกำนัลคนนั้นตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ เธอไม่ใช่สตรีกล้าแกร่งอะไรนัก แค่หญิงสาวธรรมดาที่ถูกลากเข้าไปในวังวนอำนาจ เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าหลิวอันตอนที่เขาพูด เพราะเพียงแค่น้ำเสียงเรียบ ๆ ของเขาในครั้งนี้กลับราวกับอสรพิษที่พันธนาการร่างและจิตใจเธอไว้ทั้งเป็น</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> <b><font color="#8b0000"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>“ข้าอาจช่วยลดโทษเจ้าไม่ได้หรอก ถิงเว่ยผู้นั้นไม่ใช่คนปล่อยผ่าน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทนโบยสักสิบ ยี่สิบไม้ได้ หากสำนึกจริง และอยากมีชีวิตต่อ เจ้าเป็นผู้ก่อ ชดใช้เสีย… คราวหน้า จะได้ไม่คิดวู่วามกล้าแตะต้องขุนนางอีก จะได้ไม่เป็นเรื่องวุ่นวาย”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">เขากำลังกำราบ...ไม่ใช่เพื่อเธอแต่เพื่อสตรีผู้หนึ่งที่เขาไม่ต้องการให้ใครแตะต้องหากนางต้องแตกสลาย</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">นางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ น้ำตาเปียกแก้มทั้งสองข้าง แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาของหลิวอันที่สบมาด้วยดวงตาเรียบนิ่งอย่างนั้น เธอกลับไม่กล้าร้องขออะไรอีกแม้แต่คำเดียว แล้วคำพูดสุดท้ายของเขาก็ตามมา…คล้ายคำสาปที่ติดตัวไปชั่วชีวิต<b><font color="#8b0000"> “ข้ามีคนจับตาเจ้าอยู่ หากเจ้าแม้แต่จะคิดทรยศ หวังหลอกตุลาการ หรือหาทางหนี…ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นแสงเดือนหรือแสงตะวันอีกเลย” </font></b>ถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้เปล่งด้วยโทสะ แต่กลับหนักหนาเสียยิ่งกว่า เพราะในน้ำเสียงสงบเยือกเย็นนั่นนางเชื่อหมดใจว่าเป็นความจริง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">นางกำนัลรีบซุกหน้ากับพื้นอีกครั้ง <b><font color="#006400">“เพคะ…เพคะ ข้าจะไป ข้าจะสารภาพ… ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ขอเพียง…ขอเพียงไว้ชีวิตข้าเถิด…”</font></b> เสียงสะอื้นนั้นไม่อาจกลั้นได้อีกต่อไป</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"> </span><font face="Sarabun" size="3">หลิวอันไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขาเพียงสะบัดชายเสื้อยาวอย่างสง่าผ่าเผย แล้วหันหลังกลับไปยืนในเงามืดที่ทอดยาวไปจนสุดทางเดินหินเก่า เสียงฝีเท้าเขาหนักแน่นและเงียบเชียบราวกับมัจจุราชผู้ตัดสินความผิดด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำแข็งเพราะหาก <i>‘จางกงกง’</i> ยังคิดว่าโลกนี้ไม่มีใครคอยมอง เขาจะเป็นดวงตาที่เยียบเย็นที่สุด…เฝ้ามองจากในเงา จนกว่าจะถึงวันมันต้องตอบแทนทุกอย่างที่ทำไว้ และเขาจะไม่ยอมให้นางผู้นั้น…ต้องอยู่ในกรงเหล็กของใครอีกหากนางไม่ยอมรับมันอย่างใจจริง</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br><br><img src="static/image/hrline/li14.gif" border="0" alt=""><br><br><br></span></p></span><p></p> <p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 30 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ยามโหย่วแสงตะวันเริ่มคล้อยต่ำ แผ่ไออุ่นสีส้มแดงอ่อนๆ ทั่วผืนฟ้า ซูเหยาเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เตรียมมาใส่ถุงผ้าเรียบร้อย นางก้าวเท้าออกจากโรงหมอเจิ้งเทียน มุ่งหน้าสู่ ศาลเจ้าเถียนฉิงเวย ตามคำแนะนำของท่านป้าผู้ป่วย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เส้นทางสู่ศาลเจ้านั้นเปลี่ยวร้าง ลึกเข้าไปในป่ารกทึบ สองข้างทางมีแต่เงาไม้สูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า ซูเหยาจุดโคมไฟกระดาษที่พกมา แสงสลัวของโคมไฟส่องนำทางบนเส้นทางลูกรังที่คดเคี้ยวไปตามแนวป่า เสียงใบไม้แห้งกรอบแกรบใต้ฝ่าเท้าเป็นเพื่อนร่วมทางเดียวของนางในยามนี้ แม้ความเงียบสงัดของป่าจะปกคลุมไปทั่ว แต่ซูเหยากลับรู้สึกสงบอย่างประหลาด ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไม่นานนักแสงโคมไฟก็กระทบกับเงาของสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ เบื้องหน้าของนางคือซุ้มประตูไม้ที่ผุพังไปตามกาลเวลา มีเถาวัลย์เลื้อยพันปกคลุมอย่างหนาแน่นราวกับม่านธรรมชาติ หน้าประตูศาลเจ้าที่เคยมีรูปปั้นหินปีศาจหลัวซาที่วิจิตรงดงามถึงสองรูป บัดนี้ผุพังไปถึงหนึ่ง เหลืออีกเพียงหนึ่งที่ทรุดโทรมใกล้หมดแรงจะต้านทานลมฝน ป้ายไม้เก่าแกะนูนชื่อศาลปรากฏสามตัวอักษร '恬晴微' ซูเหยาพึมพำออกเสียงตาม </font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">“เถียนฉิงเวย...ท้องฟ้าปลอดโปร่งอันสงบเงียบและลึกซึ้ง” </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางมองสำรวจไปรอบ ๆ บริเวณศาลเจ้า ซึ่งดูรกร้างจริงอย่างที่ท่านป้าว่าไว้ แต่สิ่งที่ทำให้ซูเหยาประหลาดใจคือ แม้จะรกร้างแต่บริเวณลานหน้าศาลเจ้ากลับไม่ได้สกปรกมากนัก ราวกับว่ามีคนคอยกวาดใบไม้และทำความสะอาดอยู่เสมอ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"แปลกจริง...หรือว่าจะมีคนแอบมาดูแลที่นี่" </font>ซูเหยาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางวางโคมไฟลงข้างบันไดหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ แล้วหยิบไม้กวาดและผ้าแห้งออกมาจากถุงผ้า ซูเหยาเริ่มกวาดเศษใบไม้แห้งและกิ่งไม้เล็ก ๆ ที่ร่วงหล่นอยู่บริเวณรอบนอกศาลเจ้าอย่างตั้งใจ แม้จะเป็นเพียงการทำความสะอาดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่นางก็รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสถานที่แห่งนี้ ซูเหยาค่อย ๆ กวาดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพื้นที่บริเวณรอบนอกศาลเจ้าสะอาดตาขึ้นพอสมควร</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ขณะที่ซูเหยากำลังตั้งใจกวาดลานศาลเจ้าอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นเสียงสวดมนต์ทุ้มต่ำก็แว่วมาตามลม เสียงนั้นดังกังวานและเปี่ยมด้วยความสงบ ราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย ซูเหยาหยุดมือจากการกวาด มองไปรอบ ๆ อย่างงุนงง เสียงนั้นดังมาจากด้านในศาลเจ้า นางจึงตัดสินใจเดินตามเสียงไปอย่างเงียบเชียบ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูที่ผุพังเข้าไป ซูเหยารู้สึกประหนึ่งว่าหลุดเข้าไปในพื้นที่แห่งจิตสงบ ท่ามกลางความผุพังของศาลที่ก่อร่างสร้างจากไม้เสียส่วนใหญ่ เบื้องหน้าในเรือนหลัก ปรากฏร่างของไต้ซือท่านหนึ่งกำลังก้มลงกราบไหว้อยู่เบื้องหน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ตี้จังผ่อซา รูปปั้นที่แม้จะผ่านเวลามาเนิ่นนานแต่กลับไร้ซึ่งฝุ่นเกาะ </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาค่อย ๆ ถอยห่างออกไปเล็กน้อย แอบนั่งลงบริเวณหน้าประตูศาลอย่างเงียบเชียบ พนมมือขึ้นตาม จิตใจของนางสงบนิ่งลงทันทีที่ได้ยินเสียงสวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ ราวกับจิตวิญญาณได้รับการชำระล้าง นางนั่งเฝ้ารอด้วยความเคารพ จนกระทั่งการทำวัตรของไต้ซือเสร็จสิ้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เมื่อไต้ซือลุกขึ้นยืน ซูเหยาก็ตั้งใจจะลุกขึ้นไปทำความสะอาดต่อโดยไม่ให้เป็นการรบกวน ทว่าเท้าของนางดันไปเหยียบกิ่งไม้แห้งเข้า เสียงกิ่งไม้หักดังขึ้นในความเงียบสงัด ทำให้ไต้ซือหันกลับมามองทันที ดวงตาของซูเหยาสบเข้ากับดวงตาของไต้ซือผู้เป็นที่คุ้นเคย ใบหน้าอันสงบและเปี่ยมเมตตาที่นางเคยเห็นทุกเช้าขณะใส่บาตร ไม่ผิดแน่…นี่คือไต้ซือจื่อหลิง! ไต้ซือเองก็ดูจะจำนางได้เช่นกัน แววตาอบอุ่นฉายชัดขึ้นเล็กน้อย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยารีบลุกขึ้นยืนโค้งคำนับด้วยความเคารพ </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"คำนับไต้ซือเจ้าค่ะ"</font> นางกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม <font color="#006400">"ข้าซูเหยา ไม่เคยแนะนำตนเองให้ไต้ซือทราบมาก่อน วันนี้บังเอิญผ่านมาเห็นศาลเจ้าแห่งนี้ ดูรกร้างว่างเปล่า จึงอยากเข้ามาช่วยปัดกวาดทำความสะอาดเล็กน้อยเจ้าค่ะ"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงมองซูเหยาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">"อา...โยมซู ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกันที่นี่ ยามเช้าแม่นางมีเมตตาแบ่งปันอาหาร วันนี้ยังมาช่วยดูแลศาลเจ้าร้างแห่งนี้อีก นับเป็นบุญของศาลเจ้าแห่งนี้ยิ่งนัก"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"ไต้ซือเองก็มาที่นี่ด้วยหรือเจ้าคะ?" </font>ซูเหยาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าไต้ซือจะมายังสถานที่ที่ดูร้างผู้คนเช่นนี้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"อาตมาอาศัยอยู่ที่นี่มาได้สักพักแล้ว"</font> ไต้ซือตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ศาลเจ้า</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาเบิกตากว้างเล็กน้อย ไต้ซืออาศัยอยู่ที่นี่? นั่นหมายความว่าตลอดมาที่มีคนดูแลศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือไต้ซือจื่อหลิงนี่เอง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"เช่นนั้นก็มิน่าเล่าเจ้าค่ะ"</font> ซูเหยากล่าวด้วยรอยยิ้มเข้าใจ <font color="#006400">"ข้าเห็นว่าศาลเจ้าแห่งนี้แม้จะดูเก่าแก่ แต่ก็ไม่สกปรกอย่างที่คิด ราวกับมีคนดูแลอยู่เสมอ ที่แท้ก็เป็นท่านไต้ซือนี่เอง"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">"การดูแลสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะโดยผู้ใด ล้วนเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมทั้งสิ้น โยมซูมีจิตใจอันดีงาม มาช่วยดูแลสถานที่แห่งนี้ นับเป็นบุญกุศลอันใหญ่หลวง"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"มิได้เจ้าค่ะ เป็นเพียงสิ่งที่ข้าอยากทำเท่านั้น ไต้ซือไม่รังเกียจที่ข้าเข้ามาช่วยทำความสะอาดใช่หรือไม่เจ้าคะ?"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"เหตุใดอาตมาจะต้องรังเกียจเล่า"</font> ไต้ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ท่านไต้ซือเมตตายิ่งนัก” </font>ซูเหยากล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงเพียงยิ้มบาง </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">“จิตใจอันบริสุทธิ์ของโยมซู ต่างหากที่สมควรแก่การสรรเสริญ การได้ดูแลสถานที่แห่งนี้ถือเป็นปณิธานของอาตมา ยิ่งมีผู้มีใจเมตตาเช่นโยมซูมาช่วยแบ่งเบา ยิ่งเป็นการเติมเต็มบุญกุศลให้แก่สถานที่แห่งนี้”</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยารู้สึกอบอุ่นในใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตนจะได้รับการมองเห็นและชื่นชมถึงเพียงนี้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ข้าน้อยยินดียิ่งนักเจ้าค่ะที่ได้ช่วยดูแลสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้” </font>ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางเริ่มกวาดใบไม้และกิ่งไม้อีกครั้ง คราวนี้ทำด้วยความกระตือรือร้นยิ่งขึ้นไปอีก ไต้ซือจื่อหลิงมองซูเหยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเมตตา ก่อนจะหยิบผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ ขึ้นมาเช็ดฝุ่นตามองค์พระโพธิสัตว์และแท่นบูชาอย่างเบามือ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ทั้งสองคนต่างทำงานไปเงียบ ๆ โดยไม่มีคำพูดใด ๆ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความสงบ ซูเหยาสังเกตเห็นว่าไต้ซือเช็ดทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมอย่างพิถีพิถัน แม้แต่จุดที่เล็กที่สุดก็ไม่ละเลย แสดงให้เห็นถึงความเคารพและความศรัทธาอย่างแท้จริง ซูเหยาเองก็ตั้งใจกวาดลานศาลเจ้าจนสะอาดหมดจด ไม่มีใบไม้แห้งหรือเศษฝุ่นหลงเหลืออยู่เลย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เมื่อซูเหยากวาดเสร็จ นางก็เดินเข้าไปด้านในศาลเจ้า เพื่อดูว่ามีอะไรที่พอจะช่วยไต้ซือได้อีกบ้าง นางเห็นไต้ซือกำลังเช็ดทำความสะอาดบริเวณผนังไม้ที่เก่าแก่ ซูเหยาจึงหยิบผ้าอีกผืนขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณเสาไม้และธรณีประตูที่เหลือ ไต้ซือจื่อหลิงหันมายิ้มให้ซูเหยาเป็นการขอบคุณ ซูเหยารู้สึกดีใจที่ได้มีส่วนช่วยในการดูแลสถานที่แห่งนี้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แสงสุดท้ายของวันเริ่มจางหายไป เหลือเพียงความมืดมิดที่ค่อย ๆ เข้ามาปกคลุม ทั่วบริเวณศาลเจ้าสะอาดหมดจดราวกับได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ ซูเหยาเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของนางใส่ถุงผ้า</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"ข้าน้อยคงต้องขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะไต้ซือ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"อาตมาขอขอบคุณโยมซูยิ่งนักที่เมตตามาช่วยดูแลสถานที่แห่งนี้" </font>ไต้ซือจื่อหลิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม<font color="#4169e1"> "บุญกุศลที่โยมสร้างในวันนี้ จะส่งผลให้ชีวิตของโยมพบแต่ความสงบสุข"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"เป็นเกียรติของข้าน้อยเจ้าค่ะที่ได้มีส่วนร่วมดูแลสถานที่แห่งนี้"</font> ซูเหยากล่าวด้วยความจริงใจ <font color="#006400">"ข้าน้อยจะแวะเวียนมาช่วยดูแลศาลเจ้าแห่งนี้บ่อย ๆ เท่าที่ทำได้เจ้าค่ะ"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาโค้งคำนับลาไต้ซือจื่อหลิงอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกมาจากศาลเจ้าแล้วกลับเข้าเมืองฉางอัน…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font face="Kanit" size="3"></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โรลเพลย์ขอปลดล็อกหัวใจ</b></font></p><p><br></p><p></p> <p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 2 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามอิ๋น (เวลา 03.00 - 05.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ในค่ำคืนนั้น ณ โรงหมอเจิ้งเทียน ซูเหยาตกอยู่ในห้วงแห่งฝันอันประหลาดพิสดาร นางนิมิตเห็นสายลมยามใกล้รุ่งอันชื้นเย็นพัดโชยระลอก ลูบไล้ยอดหญ้าสีเขียวขจี และเส้นผมดำขลับของสตรีผู้หนึ่งซึ่งนั่งสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าองค์พระโพธิสัตว์ตี้จังผ่อซา เสียงสวดมนต์ยามค่ำคืนก้องกังวานอยู่ในความฝันนั้น นางตกใจตื่นผวาขึ้นมาทันใดราวกับว่าความรู้สึกอันแปลกประหลาดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในห้วงสำนึก มิอาจจางหายไปได้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ด้วยจิตใจที่มิอาจสงบ นางจึงมิอาจข่มตาหลับต่อได้อีก นางตัดสินใจลุกขึ้นแต่งกายอย่างรวดเร็ว แล้วก้าวเท้าออกจากโรงหมอเจิ้งเทียนในยามอิ๋นอันเงียบสงัด มุ่งหน้ากลับไปยังศาลเจ้าเถียนฉิงเวยอีกครั้งในยามนี้ ราวกับมีแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างชักนำให้กลับคืนสู่สถานที่แห่งนั้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ศาลเจ้าเถียนฉิงเวยที่รกร้างในยามนี้เงียบงันยิ่งกว่ายามเย็นเมื่อวันวาน ความวังเวงเข้าปกคลุมทุกอณูอากาศ ราวกับโลกใบนี้มีเพียงนาง ลมที่พัดโชยต้องพุ่มไม้ใบหญ้าส่งเสียงเสียดสีกันแผ่วเบา และเสียงเรไรที่เริ่มส่งเสียงทักทายยามใกล้รุ่งอรุณแข่งกับความเงียบงัน</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาก้าวเข้าสู่ลานศาลเจ้าอีกครั้ง แสงจันทร์เลือนรางส่องนำทาง นางจุดโคมกระดาษที่พกติดตัวมา แสงนวลอ่อนขับไล่เงามืดมิดที่เกาะกุม ไต้ซือจื่อหลิงมิได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ ทว่าลานศาลเจ้าก็ยังคงสะอาดสะอ้าน ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยดูแลอยู่เสมอ ซูเหยาเดินเข้าไปพนมมือเบื้องหน้าองค์พระโพธิสัตว์ตี้จังผ่อซา ดวงตาจับจ้องไปยังพระพักตร์อันเปี่ยมเมตตา ยืนนิ่งอยู่ในความเงียบงันนั้น ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปกับกระแสแห่งความรู้สึกที่อัดแน่นในอก จนกระทั่ง… </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><i>เพล้ง!</i></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เหมือนมีเสียงบางอย่างตกแตกดังมาจากด้านในห้องเล็กที่อยู่ข้างศาลเจ้า ซึ่งซูเหยามิได้สังเกตเห็นมาก่อน นางลังเลเพียงชั่วครู่ หัวใจพลันเต้นระรัวด้วยความฉงน พลางนึกฉงนว่าผู้ใดกันจะมาอยู่ในศาลเจ้าร้างแห่งนี้ในยามวิกาลเช่นนี้ได้ นางตัดสินใจถือโคมในมือ ก้าวเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง พร้อมด้วยสัญชาตญาณของหมอที่สั่งให้นางต้องยื่นมือเข้าช่วย ไม่ว่าสิ่งใดจะรอคอยอยู่เบื้องหน้าก็ตาม</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">แสงจากโคมส่องสว่างนำทางเข้าไปภายในห้องเล็ก ๆ ที่มืดสลัว กลิ่นอับชื้นผสมผสานกับกลิ่นแปลกประหลาดบางอย่างลอยมาแตะจมูก ซูเหยาไล่สายตาไปตามพื้น ก่อนจะพบว่าที่พื้นมีแจกันใบเล็กตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ เศษกระเบื้องกระจัดกระจายราวกับเพิ่งถูกกระแทกอย่างแรง ใกล้กันนั้นมีผ้าแพรสีหม่นพับไว้เรียบร้อย ดูเก่าแก่และผ่านการใช้งานมานาน บนผ้าแพรนั้นมีห่อผงสีแดงอมทองวางอยู่เด่นชัด แสงโคมสะท้อนกับละอองผงนั้นระยิบระยับ ลวดลายโบราณประหลาดที่ดูคล้ายอักษรโบราณหรือยันต์บางอย่างล้อมรอบยันต์วงกลมขนาดเล็กที่อยู่กลางห่อผงนั้นอย่างบรรจง ซูเหยาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“นี่มันสิ่งใดกัน? แล้วผู้ใดที่ทิ้งมันไว้ในศาลเจ้าร้างแห่งนี้นะ?” </font>นางพึมพำกับตนเอง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาก้มมองอย่างสนใจ มือข้างหนึ่งสัมผัสยันต์นั้นเบา ๆ และทันใดนั้น แสงสว่างวาบขึ้นชั่วพริบตาเดียว </font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางเห็นภาพในหัวเป็นผู้คนสวมชุดขาวดำกำลังเดินขึ้นศาลเจ้า เปลวเพลิงลุกไหม้ศาลเจ้าแห่งนี้ในคืนหนึ่งกลางสายฝน เสียงสวดมนต์จากหลายร้อยปากกึกก้องดังไม่ขาด ราวกับพิธีกรรมใหญ่บางอย่างกำลังถูกกระทำเพื่อผนึกบางสิ่งไว้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางก้มมองมันอย่างสนใจ ดวงตาจับจ้องไปยังห่อผงสีแดงอมทองนั้นอย่างไม่วางตา มือเรียวข้างหนึ่งค่อย ๆ เอื้อมออกไปสัมผัสยันต์นั้นเบา ๆ ด้วยความระมัดระวัง และทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างวาบขึ้นชั่วพริบตาเดียว เจิดจ้าเสียยิ่งกว่าแสงจากโคมในมือนาง แสงนั้นดูดกลืนทุกสิ่งรอบกายไปชั่วขณะ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ภาพเบื้องหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป ราวกับมิติกาลเวลาได้พับทบเข้าหากัน นางเห็นภาพในหัวเป็นผู้คนสวมชุดขาวดำนับร้อยนับพันกำลังเดินขึ้นสู่ศาลเจ้าเถียนฉิงเวย เสียงฝีเท้าที่กระทบกับพื้นหินดังกระหึ่ม ภาพนั้นชัดเจนจนราวกับนางยืนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เปลวเพลิงสีแดงฉานลุกไหม้ศาลเจ้าแห่งนี้ในคืนหนึ่งกลางสายฝน หยาดฝนไม่อาจดับเปลวเพลิงนั้นลงได้ มีเพียงเสียงสวดมนต์จากหลายร้อยปากที่กึกก้องดังไม่ขาดสาย ราวกับพิธีกรรมใหญ่บางอย่างกำลังถูกกระทำเพื่อผนึกบางสิ่งไว้…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาสะดุ้งเฮือก เลือดลมในกายพลันปั่นป่วน นางยกมือเรียวแตะขมับตนอย่างงุนงง ภาพนิมิตนั้นเลือนหายไปโดยไร้ร่องรอย ทว่าหัวใจกลับเต้นแรงไม่หยุดราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความรู้สึกประหลาดถาโถมเข้าใส่นาง</font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"สถานที่นี้ เคยเป็นศาลเจ้าผนึกสิ่งศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งแว่วมาในความเงียบงันนั้น เสียงนั้นไม่ใช่ของไต้ซือจื่อหลิง หากแต่เป็นเสียงของบุรุษชราที่นางไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงนั้นเบาแผ่วดุจสายลม แต่กลับชัดเจนก้องกังวานอยู่ในห้วงสำนึกของนาง ราวกับกระซิบอยู่ข้างหู</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางหันมองไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมกริบกวาดสำรวจทุกซอกมุมของห้องเล็ก ๆ แห่งนั้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไม่มีใครเลย…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ความว่างเปล่าเข้าปกคลุมอีกครา ทว่าบนกำแพงไม้ของศาลเจ้า ที่นางเพิ่งช่วยขัดถูเมื่อวานนี้ บัดนี้ปรากฏรอยเส้นบาง ๆ เป็นอักษรเก่าแก่ที่เลือนรางจางหายไปตามกาลเวลา แม้มองเผิน ๆ จะไม่เห็น แต่ในยามนี้ อักษรเหล่านั้นกลับปรากฏชัดเจนในสายตาของซูเหยา</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">‘ผู้มีจิตสะอาดเท่านั้น...จึงจะมองเห็น’</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาเงียบไปชั่วขณะ ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น ความสงสัยใคร่รู้ผสมปนเปกับความรู้สึกหวาดหวั่น กัดกินจิตใจของนาง นางเริ่มตระหนักแล้วว่าตนเองกำลังถูกดึงเข้าสู่ชะตากรรมบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในศาลเจ้าร้างแห่งนี้ ซึ่งมิได้รกร้างอย่างที่ตาเห็น หากแต่มีเรื่องราวลึกลับที่รอคอยการเปิดเผยอยู่ต่างหาก</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ทันใดนั้นเองภาพของไต้ซือจื่อหลิงพลันปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของซูเหยา ท่านไต้ซือผู้นี้ใช้ศาลเจ้าร้างแห่งนี้เป็นที่จำวัดมาสักพักแล้ว ย่อมต้องเคยพบเห็นสัญญาณแปลกประหลาดเหล่านี้มาก่อนแน่ หรือบางที…ท่านอาจจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันเร้นลับของศาลเจ้าแห่งนี้ก็เป็นได้ ความคิดนี้จุดประกายความหวังในใจของซูเหยาขึ้นมาทันควัน นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่! และผู้เดียวที่สามารถให้คำตอบแก่นางได้ในยามนี้ ก็คือไต้ซือจื่อหลิง นางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องตามหาท่านไต้ซือให้พบ เพื่อไขปริศนาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ให้กระจ่าง…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font face="Kanit" size="3"></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b style="">ทางเลือกในการดำเนินเรื่อง เลือกข้อ 2</b></font></p><div><br></div><p></p> <p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 2 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามอิ๋น (เวลา 03.00 - 05.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาหยุดนิ่งงันกลางห้องเล็ก ๆ ดวงตาจับจ้องอักษรโบราณบนผนังที่ปรากฏขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ ความคิดมากมายถาโถมเข้าใส่จนยากจะเรียบเรียง แต่แล้ว...เสียงแผ่วเบาก็ลอยมาตามสายลม คล้ายบทสวดโบราณที่ก้องกังวานในความเงียบงันของยามราตรี</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3"><i>‘หนึ่งจิตเยียวยา หนึ่งจิตนิ่งสงบ</i></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3"><i>สองประตูธรรมลบ ผนึกจักเปิดเผย</i></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="3"><i>หากจิตยังวุ่นไหว...อย่าได้หวังเห็นแสงเลย’</i></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เสียงนั้นค่อย ๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงความงุนงงที่เพิ่มพูนในใจของซูเหยา </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"หนึ่งจิตเยียวยา? หนึ่งจิตนิ่งสงบ? หมายความว่าอย่างไรกัน?" </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางพึมพำกับตนเอง นัยน์ตาคมกริบกวาดมองไปรอบตัวอีกครั้ง ราวกับจะหาที่มาของเสียง แต่ก็ไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงเศษแจกันที่แตกกระจายกับห่อผงสีแดงอมทองวางนิ่งอยู่บนผ้าแพรเก่าแก่เท่านั้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นเยียบก็แล่นเข้าจับขั้วหัวใจ ราวกับมีลมหนาวพัดผ่านเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ที่ปิดทึบ ซูเหยาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอับชื้นที่เปลี่ยนไป มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายดอกไม้ป่าผสมผสานกับกลิ่นดินและกลิ่นสาบของเก่าแก่ที่ปะปนกันอย่างแปลกประหลาด สายตาของนางพลันสะดุดกับเงาราง ๆ ที่มุมห้อง เงาจาง ๆ ที่แต่เดิมเหมือนเป็นเพียงความมืดมิด บัดนี้กลับดูคล้ายรูปร่างของสิ่งมีชีวิตบางอย่าง นางเพ่งมองอย่างตั้งใจ หัวใจเต้นรัวด้วยความประหลาดใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">“นั่น…อะไรกัน?”</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เงารางนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนซูเหยาพอจะมองเห็นเป็นร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ร่างกายผ่ายผอม ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาเหม่อลอยคล้ายคนไร้ชีวิต เขานั่งคุดคู้อยู่ที่มุมห้อง เงียบงันเสียจนซูเหยาเกือบจะคิดว่าตนเองตาฝาดไป แต่สัมผัสเย็นยะเยือกและกลิ่นประหลาดที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก็บอกกับนางว่านี่ไม่ใช่ความฝัน</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ด้วยสัญชาตญาณของหมอที่ฝังลึก ซูเหยาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาช้า ๆ แสงจากโคมในมือส่องกระทบใบหน้าของเด็กหนุ่ม เผยให้เห็นร่องรอยความทุกข์ทรมานที่ฝังลึกอยู่ในดวงตาที่ว่างเปล่านั้น นางไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร มาจากไหน หรือมีชีวิตอยู่จริงหรือไม่ แต่จิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตาผลักดันให้นางต้องยื่นมือเข้าช่วย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“เจ้าเป็นอะไรไป?” </font>ซูเหยาเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา พยายามไม่ให้เสียงของนางไปรบกวนความเงียบงัน <font color="#006400">“ข้าเป็นหมอ อาจพอช่วยเจ้าได้”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เด็กหนุ่มไม่ตอบสนองใด ๆ สายตาของเขายังคงเหม่อลอยราวกับไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของนาง ซูเหยาสังเกตเห็นว่าที่ข้อมือของเด็กหนุ่มมีรอยคล้ายรอยไหม้จาง ๆ คลื่นความเจ็บปวดที่มองไม่เห็นแผ่ซ่านออกมาจากร่างของเขา ราวกับความทุกข์ทรมานได้กัดกินชีวิตของเขาจนเกือบหมดสิ้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยารู้สึกได้ทันทีว่าการรักษานี้ไม่ใช่การรักษาบาดแผลทางกาย แต่เป็นการเยียวยาจิตวิญญาณที่รวดร้าว นางนั่งลงเบื้องหน้าเด็กหนุ่มอย่างช้า ๆ หยิบห่อสมุนไพรบางอย่างที่พกติดตัวออกมา วางลงบนพื้นเบา ๆ พร้อมกับถ้อยคำปลอบโยนที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ความเจ็บปวดใด ๆ ก็ตามล้วนมีทางบรรเทา” </font>นางกระซิบเบา ๆ<font color="#006400"> “จงอย่าให้ความทุกข์นั้นกัดกินเจ้า”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางค่อย ๆ นวดสมุนไพรลงบนฝ่ามือ ปล่อยให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ คละคลุ้งในอากาศ ก่อนจะค่อย ๆ ประคบลงบนข้อมือของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบา พลางท่องบทสวดที่ท่านตาของนางเคยสวดให้ฟังเมื่อครั้งยังเด็ก บทสวดแห่งเมตตาและสันติที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจให้สงบ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ขณะที่ซูเหยากำลังเยียวยาเด็กหนุ่ม ดวงตาของนางก็พลันปิดลง ราวกับถูกดึงเข้าสู่ภวังค์อันลึกซึ้งอีกครั้ง เสียงสวดมนต์ของนางยังคงก้องกังวาน แต่ภาพในหัวกลับเปลี่ยนไป นางเห็นแสงสีทองเรืองรองลอยวนอยู่รอบตัวเด็กหนุ่ม และค่อย ๆ กลืนกินความมืดมิดที่เกาะกุมร่างของเขา แสงนั้นไม่ใช่แสงที่เจิดจ้าบาดตา หากแต่เป็นแสงที่อบอุ่นและอ่อนโยน ราวกับแสงแห่งความหวังที่กำลังส่องนำทางวิญญาณที่หลงทาง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ความว้าวุ่นใจในตอนแรกที่ถูกเสียงปริศนาและนิมิตโจมตี เริ่มจางหายไป ความกังวลเกี่ยวกับการไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ เด็กหนุ่มเบื้องหน้าคือสิ่งเดียวที่อยู่ในความสนใจของนางในตอนนี้ ทุกสิ่งรอบตัวเลือนหายไป มีเพียงลมหายใจของนาง เสียงสวดมนต์ และความตั้งใจที่จะเยียวยาเท่านั้นที่คงอยู่</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ขณะที่จิตใจของนางนิ่งสงบลงเรื่อย ๆ ราวกับผิวน้ำที่ไร้ระลอกคลื่น ซูเหยาสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของนางเอง พลังที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ พลังที่เชื่อมโยงนางกับเด็กหนุ่มเบื้องหน้า และพลังที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงนางกับศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้จะนำพาไปสู่สิ่งใด ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะได้รับการเยียวยาหรือไม่ แต่ในวินาทีนั้น จิตใจของซูเหยาเปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างแท้จริง ไร้ซึ่งความลังเลสงสัย และปราศจากความหวั่นไหวใด ๆ มีเพียงความปรารถนาที่จะช่วยชีวิตหนึ่งชีวิตที่กำลังทุกข์ทรมานอยู่เบื้องหน้า</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เมื่อสมุนไพรถูกประคบลงบนข้อมือของเด็กหนุ่มจนหมด บทสวดสิ้นสุดลง แสงสีทองที่โอบล้อมร่างเด็กหนุ่มก็เรืองรองขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับร่างของเขา ซูเหยาลืมตาขึ้นช้า ๆ ห้องเล็ก ๆ กลับมามืดสลัวและเงียบสงัดอีกครั้ง ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น นางได้แต่ถอนหายใจ </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"นี่ข้าได้ช่วยเหลือเขาจริง ๆ หรือเปล่านะ?"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">แต่แล้ว...เสียงกระซิบเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#2f4f4f"><i>“เจ้าผ่านแล้ว…”</i></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">หัวใจของซูเหยาเต้นแรงระรัว </font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">“นี่มัน…อะไรกันแน่?” </font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นางพึมพำกับตัวเอง ไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังฝันไปหรือไม่ แต่สัมผัสเย็นเยียบที่ข้อมือยังคงอยู่ ราวกับเป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของปริศนาแห่งศาลเจ้าเถียนฉิงเวยที่รอคอยการไขกระจ่าง…</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font face="Kanit" size="3"></font></p><p><br></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>เสร็จสิ้นเงื่อนไขแห่ง "จิตพิเศษ”</b></font></p><p><br></p><p></p> <p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 2 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามอิ๋น (เวลา 03.00 - 05.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p style="text-align: center;"><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หลังจากซูเหยาผ่านพ้นบททดสอบแรกในห้องเล็กอันมืดมิด นางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางก้าวเท้าออกจากห้องเล็กนั้น สัมผัสเย็นเยียบยังคงอยู่ ตอกย้ำความจริงที่ว่านางเพิ่งเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่เหนือธรรมชาติ ณ ศาลเจ้าแห่งนี้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อเท้าของซูเหยาก้าวพ้นธรณีประตูของศาลเจ้า กลิ่นหอมเย็นของธูปที่ปะปนกับกลิ่นดินและกลิ่นสาบของเก่าแก่ก็โชยมาอ่อน ๆ ลมหอบหนึ่งพัดผ่านเบา ๆ ราวกับจะพัดพาความสงสัยและความเหนื่อยล้าออกไปจากใจของนาง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“ในที่สุด...โยมก็เปิดประตูแรกจนได้”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เสียงเรียบสงบที่ดังขึ้นจากความมืดมิดทำให้ซูเหยาหันขวับทันที ดวงตาคมกริบกวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดลงที่มุมหนึ่งของลานศาลเจ้า ใต้เงาไม้ใหญ่ นางเห็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งยืนตระหง่าน ถือไม้เท้ายาวในมือ ใบหน้าของเขาเปี่ยมด้วยเมตตา ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับคล้ายซ่อนเร้นบางสิ่งไว้ ราวกับมหาสมุทรที่ยากจะหยั่งถึง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิง คือ ผู้ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายที่ดูสูงโปร่งภายใต้ชุดจีวรสีเทาดูสงบนิ่ง แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องร่าง ทำให้เงาของท่านทอดยาวบนพื้นหินเก่าแก่ของลานศาลเจ้า บรรยากาศรอบตัวท่านเต็มไปด้วยความสงบเงียบงัน แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยพลังลึกลับบางอย่างที่ยากจะอธิบาย</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“อาตมารอเวลานี้มานานมากแล้ว โยมซู”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกของไต้ซือจื่อหลิงทำให้ซูเหยาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่นางจะได้เอ่ยคำถามใด ๆ ออกไป ไต้ซือก็กล่าวต่ออย่างสงบ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ศาลเจ้าเถียนฉิงเวยแห่งนี้ โยมรู้หรือไม่ว่าเคยเป็น ศาลเจ้าผนึกพลังแห่ง 'สมดุล' ” </font>ไต้ซือเว้นวรรคเล็กน้อย ดวงตาของท่านทอดมองไปยังส่วนลึกของศาลเจ้า ราวกับกำลังหวนรำลึกถึงอดีตกาลอันไกลโพ้น <font color="#4169e1">“ที่นี่มีหน้าที่ 'ผนึกความลับของเต๋าและมาร' ให้คงอยู่ร่วมกันโดยไม่ล้ำเส้น”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาขมวดคิ้วแน่น คำกล่าวของไต้ซือยิ่งเพิ่มความสับสนในใจของนาง เต๋าและมาร? สมดุล? ศาลเจ้าแห่งนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนเกินกว่าที่นางจะคาดเดาได้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงก้าวเข้ามาใกล้ซูเหยาอีกเล็กน้อย ดวงตาของท่านทอประกายลึกล้ำภายใต้แสงจันทร์ ท่านกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่เน้นย้ำทุกถ้อยคำ ราวกับกำลังเปิดเผยความลับอันยิ่งใหญ่ที่ถูกเก็บซ่อนมานาน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ศาลเจ้าแห่งนี้เก็บงำคำทำนายศักดิ์สิทธิ์ที่รอคอยการเติมเต็มมานานแสนนาน โยมซู” </font>ไต้ซือเอ่ยพลางเงยหน้ามองดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังลานศาลเจ้าที่เงียบสงัด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“เมื่อจิตเยียวยาได้เปิดทาง ประตูสุดท้ายจะต้องถูกเปิดด้วย ‘จิตนิ่งสงบ’ หากล้มเหลว ศาลเจ้าจะผนึกทุกสิ่งไปตลอดกาล”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คำทำนายนี้ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของซูเหยา หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตระหนก </font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">"ประตูสุดท้าย…ผนึกทุกสิ่งไปตลอดกาล…หรือเจ้าคะ?"</font> ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ถาโถมเข้ามาในใจ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“โยมคือ ผู้ถูกเลือกแห่งศาลเจ้า” </font>ไต้ซือกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น <font color="#4169e1">“ไม่ใช่ด้วยโชคชะตา แต่มันคือด้วย เมตตาในใจโยมเอง”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาประหลาดใจกับคำกล่าวนี้ นางเป็นเพียงหมอคนหนึ่งที่ต้องการช่วยชีวิตผู้อื่น ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะมีความสำคัญถึงเพียงนี้</font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ศาลเจ้าแห่งนี้มิได้ต้องการให้ใครมาแก้คำสาป หรือมาปลดปล่อยสิ่งใด”</font> ไต้ซืออธิบาย <font color="#4169e1">“แต่มันรอผู้เห็นธรรม”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คำว่า ‘ผู้เห็นธรรม’ ทำให้ซูเหยานิ่งงัน ความหมายของมันลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะเข้าใจได้ในทันที</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ถ้าโยมยังยึดติดว่าอยากช่วยด้วย พลัง หรือ ปัญญา” </font>ไต้ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง <font color="#4169e1">“โยมจะไม่มีวันเปิดประตูสุดท้ายได้”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ถ้อยคำของไต้ซือจื่อหลิงทำให้ซูเหยาครุ่นคิดหนัก พลังและปัญญาคือสิ่งที่นางเชื่อมั่นมาตลอดในฐานะหมอ หากสองสิ่งนี้ไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้อง แล้วอะไรคือสิ่งที่ศาลเจ้าแห่งนี้ต้องการ?</font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“แล้วข้าน้อยจะต้องทำอย่างไรเจ้าคะไต้ซือ?”</font> ซูเหยาถามด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง ความสงสัยในตนเองเริ่มก่อตัวขึ้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ประตูสุดท้ายมิใช่ประตูแห่งพิธีกรรม” </font>ไต้ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่กังวานในความเงียบยามราตรี <font color="#4169e1">“หากคือ ประตูในจิตโยมเอง”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“ประตูในจิต?” </font>นางพึมพำ</font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ใช่แล้วโยม”</font> ไต้ซือยืนยัน <font color="#4169e1">“หากโยมกล้าปล่อยวางทุกอย่าง รวมถึงแม้แต่ความกลัวที่จะสูญเสีย…ประตูนั้นย่อมเปิดเองโดยไม่ต้องแตะต้อง”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คำว่า ‘ปล่อยวาง’ และ ‘ความกลัวที่จะสูญเสีย’ ดังก้องอยู่ในใจของซูเหยา นางเป็นหมอผู้ยึดมั่นในชีวิตและปรารถนาจะช่วยเหลือผู้คนมาตลอด การปล่อยวางทุกสิ่ง รวมถึงความกลัวที่จะไม่สามารถช่วยใครได้ ความกลัวที่จะสูญเสียแม้กระทั่งตัวตนของตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าการรักษาบาดแผลทางกายหลายเท่านัก</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงผายมือไปยังอาคารเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่หลังศาลเจ้าหลัก ภายใต้เงาของต้นไม้อายุหลายร้อยปี</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“อาตมาเตรียมห้องสงบจิต ไว้ให้หลังศาลเจ้าแล้ว”</font> ไต้ซือกล่าวต่อ <font color="#4169e1">“คืนพรุ่งนี้ โยมจงไปที่นั่น หากจิตโยมไม่หวั่นไหว ศาลเจ้าจะเปิดทางเอง”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เขามิได้กล่าวสิ่งใดอีก เพียงหันหลังกลับไปอย่างเงียบงัน ร่างสูงโปร่งในชุดจีวรสีเทาค่อย ๆ กลืนหายไปในเงามืดของราตรี เหลือเพียงแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายังลานศาลเจ้าที่กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาถูกทิ้งไว้เพียงลำพังกับดวงใจที่ยังสั่นไหว คำทำนายศักดิ์สิทธิ์และคำชี้แนะของไต้ซือจื่อหลิงวนเวียนอยู่ในความคิดของนาง สิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะเคยพบเจอมาในฐานะหมอผู้รักษาคนไข้ นางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินทางกลับไปยังโรงหมอเจิ้งเทียน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><div><br></div><p></p>