SuYao โพสต์ 2025-7-4 16:04:06

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามเซิน (เวลา 15.00 - 17.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">วันต่อมาในยามเซิน หลังจากซูเหยาเสร็จสิ้นภารกิจที่ศาลเจ้าสัจจเทพอี๋เหอเรียบร้อยแล้ว แม้ในใจจะยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ แต่นางก็ตัดสินใจเดินทางกลับมายังศาลเจ้าเถียนฉิงเวยอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านไต้ซือจื่อหลิง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณศาลเจ้าความเงียบสงบยามบ่ายก็ปกคลุมไปทั่ว ลมพัดเอื่อย ๆ พาเอาเศษใบไม้แห้งไหวระริกบนพื้นหิน ซูเหยาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมสมาธิ ก่อนจะเดินลึกเข้าไปยังส่วนหลังของศาลเจ้าตามที่ไต้ซือบอก</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไม่นานนักสายตาก็ปะทะเข้ากับอาคารเล็กๆ เก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ใบประตูไม้ที่ดูทรุดโทรมเผยอออกเล็กน้อยราวกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน ซูเหยาเดินตรงเข้าไปอย่างลังเล แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของท่านไต้ซือที่ว่า ‘หากจิตโยมไม่หวั่นไหว ศาลเจ้าจะเปิดทางเอง’ นางก็รวบรวมความกล้า ก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้าไปในห้องนั้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ภายในห้องมืดสลัว อากาศเย็นยะเยือกจับใจ กลิ่นอายเก่าแก่และกลิ่นธูปจางๆ ลอยอบอวล แทบไม่มีแสงสว่างลอดเข้ามา มีเพียงแท่นบูชาเล็ก ๆ ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมกับเสื่อฟางผืนหนึ่งวางอยู่เบื้องหน้า ทุกสิ่งดูเรียบง่ายและสงบนิ่งอย่างประหลาด ราวกับเวลาหยุดนิ่งอยู่ภายในห้องแห่งนี้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้แท่นบูชา มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ ไม่มีปริศนา ไม่มีข้อความ หรือสัญลักษณ์ใด ๆ ที่จะชี้นำ ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาเบา ๆ พลังงานที่มิได้น่ากลัว แต่นิ่งสงบและบริสุทธิ์อย่างน่าประหลาด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">นางตัดสินใจนั่งลงบนเสื่อฟาง หันหน้าเข้าหาแท่นบูชา หลับตาลงช้า ๆ พยายามทำจิตใจให้ว่างเปล่า ปล่อยวางความกังวล ความสับสน และความกลัวที่เคยมี พยายามจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">จิตของซูเหยาเริ่มหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งความคิด แม้ในตอนแรกจะยังมีความรู้สึกอยากควบคุมการทำสมาธินี้อยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความปรารถนาเหล่านั้นก็ค่อย ๆ จางหายไป นางปล่อยให้ลมหายใจไหลเข้าออกอย่างเป็นธรรมชาติ ปล่อยให้ความคิดลอยผ่านไปเหมือนสายน้ำ ไม่ยึดติด ไม่ตัดสิน เมื่อจิตของนางเข้าสู่สภาวะที่นิ่งสงบอย่างสมบูรณ์ก็เหลือเพียงความว่างเปล่าอันไร้ขีดจำกัด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">นางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงสว่างจางๆ ยามเย็นได้สาดส่องเข้ามาในห้อง แท่นบูชายังคงตั้งอยู่อย่างสงบนิ่ง แต่ความรู้สึกภายในของนางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง หัวใจของซูเหยารู้สึกโปร่งเบา โล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000">นั่งสมาธิกำหนดจิต</font></p><div><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-7-6 18:27:46

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาหลับตาลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปเหมือนกับบางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นเล่นงานจิตใจของนาง แสงเทียนริบหรี่ในความมืดมิดของห้องเล็ก ๆ แห่งนั้นไม่ได้สว่างพอจะขับไล่เงามืดในจิตใจของซูเหยาได้เลย เสียงสะท้อนแผ่วเบาในหัวที่คล้ายเสียงตนเองนั้นยังคงก้องกังวาน ไม่ใช่เสียงที่ปลุกให้ตื่นจากภวังค์ หากแต่เป็นเสียงที่ดึงรั้งจิตวิญญาณของนางให้ดำดิ่งลงไปสู่ห้วงแห่งความทรงจำอันเจ็บปวด</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ท่านตา...ข้ายังช่วยท่านไม่ได้เลย...” </font>เสียงนั้นสั่นไหวปนเปื้อนความเศร้า<font color="#006400"> “ข้ายังไร้ความสามารถ ยังคงอ่อนแอ”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">นิมิตเริ่มผุดขึ้นในห้วงสำนึก ภาพซูเหยากำลังร่ำไห้เบื้องศพท่านตา มือของนางสั่นเทา พยายามจับชีพจรของร่างไร้ลมหายใจนั้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังก้องในหัวนาง นางเห็นตนเองวิ่งไล่ตามแสงโคมของขบวนศพ ร้องเรียกอย่างสิ้นหวัง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ข้าจะต้องเป็นหมอที่ยิ่งใหญ่...ข้าต้องช่วยทุกคน...ข้าจะไม่ยอมสูญเสียใครอีก!” </font>คำปณิธานที่เคยเป็นดั่งแสงนำทาง บัดนี้กลับกลายเป็นเครื่องตอกย้ำถึงความล้มเหลวของตนเอง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ความเจ็บปวดที่ถูกเก็บซ่อนไว้เบื้องลึกของจิตใจปะทุขึ้น ซูเหยาหลับตาแน่น พยายามขับไล่ภาพเหล่านั้นออกไป แต่ยิ่งพยายามเท่าไร ภาพก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกผิดและความเสียใจหลั่งไหลเข้าท่วมท้น จิตใจที่เคยสงบนิ่งจากการทำสมาธิเมื่อครู่พลันปั่นป่วนวุ่นวาย ความโล่งโปร่งที่เคยสัมผัสได้มลายหายไป เหลือเพียงความมืดมิดที่เข้าปกคลุมราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ในศาลเจ้าที่เงียบสงบ พลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นเริ่มบีบรัดซูเหยาพุ่งตรงเข้าสู่ห้วงลึกที่สุดของจิตใจนาง ราวกับกำลังบำบัดจิตวิญญาณของนางด้วยการบังคับให้นางเผชิญหน้ากับความทุกข์ระทมที่ฝังรากลึก ความรู้สึกผิดที่รุนแรงกัดกินจิตใจของซูเหยา ผสมผสานกับความโศกเศร้าที่มิอาจเยียวยา และความกลัวที่จะสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอีกครั้ง ทุกสิ่งถาโถมเข้าใส่ราวกับคลื่นยักษ์ ซัดสาดจิตวิญญาณของนางจนแทบจมดิ่ง ยิ่งนางพยายามต่อต้านภาพนิมิตที่ผุดขึ้นตรงหน้า ภาพเหล่านั้นก็ยิ่งฉายชัดขึ้น ยิ่งนางพยายามสงบจิตใจที่ปั่นป่วนวุ่นวาย ความสงบที่เคยมีก็ยิ่งแตกสลาย พายุอารมณ์โหมกระหน่ำในใจของนางอย่างไม่ลดละ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาตัวสั่นเทา เหงื่อไหลซึมออกมาจากหน้าผากที่ซีดเผือด นางกัดริมฝีปากแน่นจนได้กลิ่นคาวเลือด ดวงตาที่ปิดสนิทเริ่มมีน้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง แม้จะพยายามรวบรวมสติเท่าไร ก็ไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่เอ่อล้นได้เลย ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานนั้น ภาพของท่านตากลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มิใช่เพียงภาพนิมิต ซูเหยารู้สึกราวกับได้สัมผัสร่างอันไร้วิญญาณนั้นอีกครั้ง ความเย็นเยียบจากการสัมผัสปลายนิ้วยังคงตราตรึงอยู่ในใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ในห้วงแห่งความทรมานนั้น พลันมีเสียงกระซิบแผ่วเบาที่แตกต่างออกไปแทรกเข้ามา เสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากภายในใจของนางเอง หากแต่เป็นเสียงที่สงบนิ่งราวกับมาจากเบื้องบน&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#8b0000"><i>“ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป…ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ล้วนเป็นเพียงชั่วคราว”</i></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาได้ยิน แต่ยังคงจมดิ่งในความเสียใจ ภาพท่านตายังคงหลอกหลอน ความรู้สึกผิดยังคงกัดกิน&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ข้าอ่อนแอเกินไป ข้าช่วยท่านตาไม่ได้!” </font>เสียงของนางสะท้อนก้องในหัว</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#8b0000"><i>“ความตายมิใช่ความล้มเหลว”</i> </font>เสียงนั้นเอ่ยต่ออย่างอ่อนโยน<font color="#8b0000"><i> “ความตายคือส่วนหนึ่งของชีวิต ทุกสรรพสิ่งล้วนต้องพบเจอ”</i></font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ทันใดนั้นเอง ภาพนิมิตที่เคยชัดเจนราวกับมีชีวิตก็เริ่มเลือนรางลงทีละน้อย ซูเหยารู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังคลี่คลายความตึงเครียดในจิตใจของนาง มิใช่การบังคับให้ลืม แต่เป็นการนำพาให้เผชิญหน้ากับความจริงอย่างเข้าใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#8b0000"><i>“สิ่งที่สำคัญคือการเรียนรู้จากความสูญเสีย มิใช่จมอยู่กับมัน”</i></font> เสียงกระซิบนั้นยังคงดำเนินต่อไป<i> <font color="#8b0000">“การยึดติดกับอดีตคือการสร้างพันธนาการให้ตนเอง”</font></i></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาเริ่มหายใจได้ลึกขึ้น นางพยายามรวบรวมสติ แม้จะยังคงสั่นเทาอยู่บ้าง นางค่อยๆ นึกถึงคำสอนที่ท่านตาเคยพร่ำสอนเรื่องการปล่อยวาง และความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง ท่านตาผู้ซึ่งเป็นหมอชาวบ้าน ไม่เพียงรักษาโรคทางกาย แต่ยังสอนนางเรื่องการรักษาใจด้วย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“กายนี้ไม่เที่ยง จิตใจก็ไม่เที่ยง”</font> นางพึมพำกับตัวเอง <font color="#006400">“ความเจ็บปวดนี้ก็ไม่เที่ยงเช่นกัน”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">เมื่อนางเริ่มยอมรับ ภาพของท่านตาก็ไม่ได้ดูน่าหวาดกลัวอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นภาพที่เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา นางเห็นท่านตายิ้มให้ เหมือนกับจะบอกว่าไม่เป็นไร</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของซูเหยามิได้เกิดจากความเศร้าอีกต่อไป แต่เป็นน้ำตาแห่งการปลดปล่อย นางเริ่มเข้าใจว่าความปรารถนาที่จะเป็นหมอที่ยิ่งใหญ่ของนางมิได้เป็นเพียงภาระ แต่เป็นแรงบันดาลใจที่ท่านตาได้ทิ้งไว้ให้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#8b0000"><i>“ความสามารถที่แท้จริงมิได้อยู่ที่การป้องกันความตายได้ทุกครั้ง” </i></font>เสียงนั้นยังคงกระซิบอยู่ข้างหูนาง <font color="#8b0000">“หากแต่อยู่ที่การเยียวยาจิตใจของผู้คน และการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในทุกขณะ”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาลืมตาขึ้นช้า ๆ แสงเทียนยังคงริบหรี่ แต่นางกลับรู้สึกว่าห้องสว่างไสวขึ้นกว่าเดิมมาก นางสัมผัสได้ถึงความสงบที่กลับคืนมาในจิตใจ แม้ความเจ็บปวดในอดีตยังคงอยู่ แต่บัดนี้มันไม่ได้เป็นเครื่องบงการนางอีกต่อไป แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่ทำให้นางเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font face="Kanit" size="3"></font></p><p style="text-align: center;"><br></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b>แก้ปัญหาภาพนิมิต</b></font></p><div><br></div><p></p>

LinYa โพสต์ 2025-7-7 05:57:14

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-7 07:22 <br /><br /><span id="docs-internal-guid-b63eefd4-7fff-2b08-433d-2b742edcd897"><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" size="4" color="#4169e1"><b>วันที่ 07 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="4" color="#4169e1"><b>ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">         ยามเฉินต้นยาม ลมเช้าตรู่พัดแผ่วเหมือนเสียงกระซิบจากอดีตกาล พาเอากลิ่นหญ้าชื้นจากหมอกขาวริมทางให้โชยเบา ๆ เข้าสัมผัสผิวนวลของหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าศาลเจ้าเถียนฉิงเวยอันเงียบงัน ท่ามกลางเสียงนกกระจิบตัวเล็ก ๆ บนต้นไม้วิเวก เธอสวมชุดเรียบง่ายสีขาวควันบุหรี่คลุมทับด้วยผ้าคลุมบางสีคราม กลีบผมรวบหลวม ๆ แก้มซีดเล็กน้อยเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ ดวงตากลมโตราวดอกเหมยที่ยังไม่ผลิบาน มองผ่านม่านสายลมไปยังศาลเจ้าหินที่แตกร้าวและผุกร่อนตามกาล</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยาไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา…แค่ยืนอยู่ตรงนั้นเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะถอดรองเท้าฟางแล้วก้าวขึ้นบันไดสามขั้นที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง เธอคุกเข่าลงหน้าศาลเจ้าเก่า ดวงตาก้มต่ำมองกระถางธูปเก่าที่ไม่มีควันหลงเหลือ มีเพียงเถ้าธูปเก่าและดอกไม้แห้งกรังวางอยู่ข้าง ๆ เธอพนมมือขึ้นเงียบ ๆ…ไม่ได้สวดบทใด ไม่ได้เอ่ยนามเทพเจ้าแต่เสียงในใจกลับดังอย่างชัดเจนยิ่งกว่าคำภาวนา</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3" color="#dda0dd"><b>“ข้าวอนขอขอให้ท่านช่วยให้เขาปลอดภัย…ขอให้จางทังรอดพ้นจากอันตรายทุกประการที่กล้ำกลาย ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นเทพองค์ไหน เป็นวิญญาณหรือภูติผีแต่ถ้าท่านยังเหลือเมตตาอยู่...ช่วยข้าอันไร้ที่พึ่งเถิดเจ้าค่ะ”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หญิงสาวหลับตาลง คำขอพรในใจไหลรินราวกับน้ำผึ้งอุ่นที่หลั่งออกจากรอยร้าวบางอย่างในอกซ้าย ใจหนึ่งก็ระทมกับความไม่รู้ของสถานการณ์จางทัง อีกใจก็ปวดแปลบแปลบกับภาพในหัวที่ปัดยังไงก็ไม่หลุดรอยจูบนั้น…กับแววตาของเขาที่ไม่แยแสอะไรเลยราวกับว่านางเป็นเพียงคนผ่านทางในชีวิตเขา เธอกัดริมฝีปากแน่น หยิบหยดน้ำมันหอมกลิ่นกฤษณาเจือดอกลั่นทมจากถุงผ้าเล็กในแขนเสื้อออกมา หยดลงบนเตาน้ำมันเก่าในศาล รอให้กลิ่นหอมอบอวลกลางความเงียบ กลิ่นกฤษณาที่หลินหยาชอบนักมักใช้คลายใจและทำให้นางรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กหญิงในผานอวี้ที่ยังมีชีวิตอิสระ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#dda0dd"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#dda0dd">“ทำให้เขาปลอดภัยด้วยเถอะเจ้าค่ะ…ขอให้คนที่ข้าห่วงใยได้เป็นอะไรเลยเจ้าค่ะ..”</font></b> เสียงของเธอแผ่วเบาแต่แน่นหนักกว่าคำไหน แม้ในอกจะหนักอึ้ง แต่เธอพยายามยิ้ม…ยิ้มให้ตัวเองอย่างที่เคยทำเมื่อตอนยังเด็ก ยิ้มให้กับภาพในความทรงจำที่จางทังเคยเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ครั้งนั้น..และการที่เขาถามเธอว่าหนีไปไหม..ไม่รู้ว่าศาลเจ้าจะศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า ไม่รู้ว่าพรของนางจะถูกฟังไหม แต่แค่ได้มายืนที่นี่ ได้สูดกลิ่นกฤษณา ได้ขออะไรสักอย่างแทนที่จะปล่อยให้ใจเงียบจนหล่นหายไปในห้วงเวิ้งว้าง…ก็พอแล้ว</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองท้องฟ้า ฝนไม่ตกเหมือนเมื่อวันวาน…แต่ยังมีหมอก <b><font color="#dda0dd">"ท่านจางทัง...ท่านได้ยินหรือไม่..."</font></b> เธอกระซิบเสียงเบาที่แทบไม่มีใครได้ยิน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงกิ่งไม้แห้งไหวกระทบกันเบา ๆ เหมือนเสียงกระดูกเสียดสีกลางลมหยอกยามเช้า ขณะที่หลินหยายังคงหลับตาแนบแน่นอยู่หน้าศาลเจ้าเถียนฉิงเวย กลิ่นกฤษณาอ่อน ๆ ยังอวลอยู่รอบกาย ทว่าในห้วงหนึ่งของลมหายใจ…เงาสีดำกลับทอดยาวเข้ามาใกล้เธอโดยไม่มีเสียงฝีเท้าแม้สักครึ่ง เมื่อเธอลืมตาขึ้น พลันพบว่าตรงประตูไม้เก่าของศาล มีร่างหนึ่งยืนอยู่…สูงโปร่ง สวมเสื้อคลุมยาวสีเทาเข้ม ผ้าคลุมหน้าสีหม่นกับหมวกปีกกว้างปิดบังใบหน้าเสียจนมองไม่เห็นว่าภายใต้นั้นเป็นผู้ใด เขายืนเงียบราวกับรูปสลักเก่าแก่ในความฝัน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         <b><font color="#ff8c00"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#2f4f4f">"...เจ้ามีเคราะห์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง..."</font><font color="#ff8c00"> </font></b>เสียงของเขาเปล่งออกมาโดยไม่ทันมีบทสนทนาใดนำพา น้ำเสียงคล้ายทั้งเสียงคนพูด ทั้งเสียงก้องสะท้อนของโพรงลึกในภูเขา ไม่อ่อนโยนไม่หยาบกร้าน แต่แฝงพลังบางอย่างที่ทำให้สั่นสะท้านเข้าไปถึงสันหลัง <b><font color="#2f4f4f">"...แม้จะหนีไปไกลแค่ไหนก็ไม่พ้น...แม้แต่ผู้มีอำนาจสูงส่งยังไม่อาจช่วยเจ้าได้"</font></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยาชะงักหันมองอีกฝ่ายเต็มตา ในแวบหนึ่งดวงตาของเธอสั่นไหวราวกับถูกลมหนาวพัดเข้ากระทันหัน <b><font color="#dda0dd">"ท่าน..."</font></b> นางเอ่ยออกไปเพียงคำเดียวแต่น้ำเสียงนั้นกลับแผ่วเบาอย่างไร้เรี่ยวแรง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#2f4f4f"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#2f4f4f">"เส้นทางเคราะห์ของเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ใช่เพราะชะตาฟ้า แต่เพราะความผูกพันที่เจ้าสานไว้เองด้วยโชคชะตา ด้วยเส้นใยสีชาด ด้วยกงล้อแห่งจิตวิญญาณ"</font></b> เขาเดินเข้ามาช้า ๆ ราวเงามืดเลื้อยคลานในลานศาล <b><font color="#2f4f4f">"โดยเฉพาะกับบุรุษผู้หนึ่ง...สองหน้ากาก สองเงา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาคือใคร?"</font></b> หลินหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยตอนที่อีกคนพูดถึง..สองหน้ากาก?...ก็มีแค่เขาจนลมหายใจสะดุดไปครู่<b><font color="#dda0dd"> "ท่านชายห่าวหมิง...เขาเป็นเพื่อนข้าเจ้าค่ะ"</font></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#2f4f4f"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#2f4f4f">"เพื่อนหรือ?" </font></b>ชายปริศนาหัวเราะในลำคอเบา ๆ <b><font color="#2f4f4f">"เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นจริงหรือ?" </font></b>เธอเงียบไปในฉับพลัน หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับเพิ่งถูกกระแทกด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ราวกับอีกฝ่ายรู้…รู้ทุกการพบ ทุกถ้อยสนทนา ทุกความรู้สึกอันค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจนางกับชายผู้สวมหน้ากากผู้นั้น <b><font color="#2f4f4f">"เขา...ไม่ใช่ผู้เดียวกับที่เจ้าเห็น เขาคือผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเงาเงียบ เขาเคยทำอะไร? เขาอยู่เบื้องหลังอะไร? เจ้ารู้ทั้งหมดหรือยัง?"</font></b> น้ำเสียงไม่เร่งเร้า แต่เหมือนแหลมทิ่มแทงกลางทรวงอกทีละคำอย่างเจ็บลึก</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#dda0dd"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#dda0dd">"ข้า..."</font></b> หลินหยาพูดไม่ออก สีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด นางไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือใครแต่น้ำเสียงของเขาทำให้หัวใจนางคล้ายถูกแหวกเปิด เขาวางคำถามเหมือนเข็มลงบนแผ่นหินบางที่ชื่อว่า ‘ศรัทธา’ ของนาง แล้วกดลงอย่างเงียบเชียบทีละเล่ม</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3" color="#2f4f4f"><b>"เจ้ากล้าพอจะมองเขาในยามที่เขาถอดทุกหน้ากากหรือไม่?"</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#dda0dd"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#dda0dd"><b>"แต่..ท่านชาย...เขาไม่เคยทำร้ายข้า..."</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">      <b><font color="#2f4f4f">   </font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#2f4f4f"><b>"หรือว่าเจ้ามองไม่เห็น? หรือว่าเจ้ารู้...แต่ยอมหลับตากัน?"</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยาสะอึกคำ มองตรงไปที่ชายปริศนาอย่างไม่แน่ใจ ระหว่างกลิ่นกฤษณาที่เคยปลอบโยนใจกับเสียงของเขาที่เหมือนผ่ากลางอกเธอเริ่มไม่รู้แล้วว่าความอบอุ่นที่เคยรู้สึก…มาจากความจริง หรือจากกับดักอันชาญฉลาดของใครคนหนึ่ง&nbsp;</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#2f4f4f"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#2f4f4f">"จำไว้ แม่นางน้อย...บางครั้งความใสซื่อไม่ได้เป็นเกราะกำบังมันคือเชือกที่ผูกตรวนไว้กับคนที่เจ้าควรหนีให้ไกลที่สุด"</font></b> หลินหยานิ่งงันร่างกายของนางเหมือนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาสั่นระริก ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว...แต่เพราะในอกน้อย ๆ ของนางมีบางอย่างไหวสะเทือนอย่างรุนแรงจนนางไม่อาจเอ่ยคำใดตอบ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#2f4f4f"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#2f4f4f"><b>"บุรุษผู้หนึ่ง...สองหน้ากาก สองเงา...เจ้าเชื่อใจเขาหรือไม่?"</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">คำถามนั้นราวกับเสียงระฆังต้องห้ามที่ดังกังวานสะท้อนในโพรงความรู้สึกที่หล่อนพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ทั้งที่ในใจบอกว่าคนผู้นั้นคือสหาย…ทั้งที่ในยามอยู่ใกล้ เขาคือที่พักพิงในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยเล่ห์กล แต่เมื่อถูกสะกิด...หลินหยากลับไม่สามารถตอบว่าเชื่อใจได้เต็มปาก มือน้อย ๆ ที่เคยแนบอกเงียบงัน ค่อย ๆ ชะงักค้างขณะชายคนนั้นกล่าวต่อ ถ้อยคำที่ไหลมาเหมือนกระแสน้ำไหลรินจากหุบเขาสูง ไม่ใช่เพียงการเตือน...แต่เป็นการชี้ชะตาอย่างไร้ทางหลีก</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3" color="#2f4f4f"><b>“ได้ลองมองสายตาของเขาหรือไม่…ได้เห็นเขาในยามถอดหน้ากากหรือยัง…”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ดวงใจของหลินหยาหล่นวูบขณะภาพในอดีตผุดขึ้นวาบครั้งที่เขาเคยมองนางเงียบ ๆ ท่ามกลางม่านฝน…ครั้งที่เขายื่นมืออุ่น ๆ นั้นมาแตะแก้มนางราวกับคนละคน…หรือแม้แต่คำพูดบางคำที่แฝงอะไรบางอย่างลึกเกินจะเข้าใจ เขา…คือใครกันแน่?....แล้วสิ่งที่นางรับรู้อยู่…มันคือความจริงในแสงหรือเป็นเพียงเงาที่แฝงมากับรอยยิ้ม? <b><font color="#dda0dd">"...ข้า...ไม่รู้แล้ว..."</font></b> นางกระซิบเบา ๆ อย่างคนที่ไม่แน่ใจอะไรอีกต่อไปความอบอุ่นในหัวใจที่เคยมีเริ่มกลายเป็นคำถามพันร้อยที่ถักทอเป็นเส้นเงาสลับซับซ้อนในใจนาง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ทันใดนั้น บุรุษปริศนากลับยื่นบางสิ่งมาจากปลายแขนเสื้อ…เป็นแผ่นไม้เล็ก ๆ แกะสลักลายเถาวัลย์ราวกับเงาที่เลื้อยไต่ไปบนเสาไม้โบราณ มีกลิ่นหอมประหลาดไม่ใช่กลิ่นไม้ธรรมดา…แต่เป็นกลิ่นของคำเตือนกลิ่นของโชคชะตา <b><font color="#2f4f4f">“ของนี่มีไว้ปกป้องผู้ที่ยืนอยู่บนทางสายบางเฉียบ...หากถึงเวลาที่ 'เงา' จะกลืนแสง…เจ้าค่อยใช้มัน” </font></b>มือหลินหยารับมันมาโดยไม่รู้ตัว นิ้วเรียวสัมผัสพื้นผิวเย็นเฉียบของไม้เก่าที่ดูธรรมดา…แต่กลับมีน้ำหนักแปลกประหลาดราวต้องมนตร์ นางอยากถาม...อยากรู้ว่า ‘เงา’ ที่ว่า...หมายถึงใคร? หรือหมายถึง ‘เขา’ คนนั้นที่อยู่ในความคิดของนางตลอดมา?</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ทว่า…เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง บุรุษปริศนากลับหายไปราวไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกไร้เสียงไร้ร่องรอยไร้เงาสะท้อน แม้แต่ฝุ่นก็ไม่ทันฟุ้งเหลือเพียงลมวูบหนึ่งที่เย็นเฉียบพัดผ่านศาลเก่า และหญิงสาวผู้นิ่งงันอยู่กลางแสงเช้าจาง ๆ เพียงลำพัง เงาสะท้อนจากแสงอาทิตย์ส่องทาบร่างนางบนพื้นไม้ สองเงาซ้อนกันพอดิบพอดี หนึ่งของนาง…กับอีกเงาที่ลากยาวซ้อนมาจากเบื้องหลังอดีต ที่เธอเริ่มไม่แน่ใจว่า…เขาคือใครกันแน่ หลินหยาหลับตาแน่นหยิบแผ่นไม้ซุกเข้าใต้ร่มแขนเสื้อ ดวงตาคู่หวานที่เคยเปล่งประกายความสดใสในยามปกติ กลับขุ่นมัวและหม่นเศร้าราวหมอกหนาในฤดูหนาว ริมฝีปากเล็กเม้มแน่นอย่างควบคุมตนเอง ทว่าภายในอก กลับปั่นป่วนเหมือนคลื่นที่พัดซัดแหลมหินไม่หยุดยั้ง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">น้ำตาหยดหนึ่ง…จากดวงตาฝั่งขวา คลอหน่วยแล้วไหลลงอย่างเงียบงันและเกือบจะในจังหวะเดียวกันนั้น…เลือดสีเข้มหยดหนึ่งไหลจากปลายจมูกของนาง…ตามด้วยอีกหนึ่งหยดกลิ่นคาวโลหิตผสมกับกลิ่นหอมจาง ๆ จากแผ่นไม้ในร่มแขนเสื้อ กลายเป็นกลิ่นอันน่าหวาดหวั่นที่นางมิอยากรับรู้ <b><font color="#dda0dd">"ถ้าเขาเป็นจริง ๆ …"</font></b> เสียงของหลินหยาดังขึ้นช้าชัด และหนักแน่นดั่งศิลา <b><font color="#dda0dd">"หากเขา…คือคนคนนั้น…"</font></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium; white-space-collapse: preserve;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">หัวใจของนางสั่นสะท้านอย่างยากจะควบคุม แม้แต่ปลายนิ้วยังเผลอกำแน่นจนเล็บจิกลงกับผ้าคลุมบาง ๆ ของชุดกลางวัน นางไม่เคยกลัวที่จะเจ็บ...แต่สิ่งที่นางหวาดกลัวกลับเป็นการ ‘รู้ความจริง’ ต่างหาก หากบุรุษผู้มีดวงตาแสนอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่น และท่วงท่าที่เอาใจใส่กลับเป็น </span><span style="background-color: transparent; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">เขา</span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"> คนที่เคยทิ่มแทงนางจนแทบแหลกสลายเมื่อครั้งอยู่หอว่านหงเหรินและตำหนักจงฉางชื่อ</span></font></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">นางจะทนได้หรือ?..จะยอมให้ความหวั่นไหวที่เริ่มผลิบานกลายเป็นความเกลียดชังในพริบตาได้จริงหรือ?</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ความทรงจำครั้งอดีตพรั่งพรูเข้ามาราวพายุ…น้ำเสียงหวานล้ำสัมผัสเยือกเย็นที่ผิวแก้ม น้ำเสียงที่ทิ่มแทงจนแทบขาดใจร่างและจิตวิญญาณที่โดนตรึงด้วยแรงบังคับขืนจิตใจ ดวงตาที่มองนางราวกับเครื่องมือทางอำนาจที่ใช้งานได้ แม้หลงใหลแต่คงหลงใหลเพียงนางเป็นแค่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่เขาสามารถขยับไปทางใดก็ได้..แต่กระนั้นทำไมกัน? ทำไมภาพเหล่านั้นกลับทับซ้อนกับใบหน้าอีกหนึ่งที่เคยหยิบผ้าให้เค้านางยามฝนตก พูดคุยเงียบ ๆ กับนางตอนเล่นขลุ่ย รับฟังเสียงหัวเราะของนางโดยไม่เอ่ยวาจาตำหนิ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หากเป็นจริงดังว่า…แล้วคนไหนกันแน่คือเขา?</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#dda0dd"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#dda0dd">"ถ้าวันนั้นมาถึง…ข้ายังจะทนมองหน้าเขาได้หรือไม่..."</font></b> นางถามตนเองเบา ๆ เสียงสั่นราวสายลมลอดชายผ้าหรือสุดท้ายแล้ว...นางอาจจะไม่สามารถมองเขาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในฐานะเพื่อน ศัตรู หรือแม้แต่ ‘ใครบางคน’ ที่เคยอยู่ในความคิดของนาง หลินหยาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาที่มีคราบน้ำตาเปรอะตรงขอบมองทะลุผ่านผนังศาลร้างเก่า ๆ ออกไปสู่ท้องฟ้า...แผ่นฟ้าที่กว้างขวางและไร้คำตอบเหมือนหัวใจของนางในตอนนี้ ไม่มีใครช่วยไขความจริง ไม่มีใครยืนยันว่าความรู้สึกของนางนั้นผิดหรือถูก</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">มีเพียงสิ่งเดียวที่หลินหยารู้แน่...คือในตอนนี้ นางเริ่มหวั่นไหวกับบุรุษผู้นั้นและหากเขาคือคนเดียวกันกับผู้ที่เคย ‘ทำลาย’ นาง…บางทีสิ่งที่จะ ‘ตาย’ เป็นอย่างแรก อาจไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นหัวใจของนางเอง</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><br></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png" width="500" _height="57" border="0"><font face="Sarabun" size="3"></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">@Admin&nbsp;</span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><b>พรสวรรค์</b>: ลาภลอย (ไม้)&nbsp;</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><b>อื่น ๆ</b>:&nbsp;เควสปลดคุณพี่แต่คุณพี่ไม่มา แต่คุณพี่ไปเบียดเบียนเควสปลดคนอื่น คุณพี่เป็นไรอ๊าาา</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><br></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="Sarabun" size="3"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><b>รางวัล</b>: </span><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">ได้ แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา (ของใช้เควส/อีเว้นท์สำคัญ)</span></font></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" size="3">เปิดฉากลางเคราะห์ลึกลับครั้งใหญ่ + ปริศนาเบื้องหลังศาลเจ้า</font></span></p><div><span style="font-size: 12pt; font-family: Sarabun, sans-serif; color: rgb(0, 0, 0); font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></div></span><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-7-7 13:27:01

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หลังจากที่ซูเหยาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แสงเทียนที่เคยริบหรี่บัดนี้กลับสว่างไสวขึ้นในความรู้สึกของนาง มิใช่เพราะเปลวเทียนลุกโชนขึ้น แต่เป็นเพราะจิตใจของนางต่างหากที่ปลอดโปร่งจากเมฆหมอกแห่งความเศร้าหมอง ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบห้องเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่คราวนี้กลับเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไป ความคับแค้นใจที่เคยกัดกินนางมาตลอดหลายวัน ดูเหมือนจะมลายหายไปในพริบตา เหลือเพียงความสงบนิ่งที่เข้ามาแทนที่</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">มุมหนึ่งของห้องที่เคยดูเหมือนผนังธรรมดา บัดนี้กลับมีช่องว่างที่เผยให้เห็นทางเดินแคบ ๆ ที่ซ่อนเร้นมานานนับปี ซูเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เคยมีใครบอกนางเกี่ยวกับทางลับนี้มาก่อน หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นปนกับความระแวง&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">“นั่นมันห้องอะไรกัน?”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ความอยากรู้อยากเห็นที่ถูกเก็บกดมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจับใจ เปลวเทียนในมือส่องนำทางขณะที่นางก้าวเท้าเข้าไปในช่องว่างนั้นอย่างลังเล</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ทางเดินทอดลึกเข้าไปในความมืดมิดที่ไม่อาจหยั่งถึง กลิ่นอับชื้นและกลิ่นดินโชยขึ้นมาผสมกับกลิ่นสาบของกาลเวลาที่ผ่านมานับร้อยปี แสงจากเทียนสะท้อนกับผนังหินที่ดูเก่าแก่คร่ำคร่า ชวนให้รู้สึกถึงความลึกลับ นางก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง แม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเองก็ยังดังอื้ออึงอยู่ในความเงียบงัน จนกระทั่งทางเดินนั้นสิ้นสุดลงที่ห้องโถงเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ทันทีที่เท้าของนางเหยียบย่างเข้าไป ความรู้สึกประหลาดก็ถาโถมเข้าใส่ ซูเหยารู้สึกราวกับถูกสายตาที่มองไม่เห็นจับจ้อง ร่างกายของนางเย็นวาบ แม้จะไม่มีลมพัด แต่ขนอ่อนบนแขนก็ลุกชันด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ห้องนั้นไม่เหมือนห้องใด ๆ ที่นางเคยเห็นมา ผนังทุกด้านเต็มไปด้วยอักขระโบราณที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง เป็นภาษาที่นางไม่รู้จัก ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในตำราแพทย์หรือคัมภีร์โบราณใด ๆ ที่เคยศึกษามา อักขระเหล่านั้นดูคล้ายจะเคลื่อนไหวได้ยามต้องแสงเทียน ราวกับพวกมันมีชีวิตและกำลังกระซิบเรื่องราวในอดีตที่ถูกจองจำอยู่ในห้องแห่งนี้ ซูเหยารู้สึกว่าห้องนี้มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">“อ่านไม่ออกสักตัว หรือว่าข้าเรียนมาน้อยไปกัน?”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ใจกลางห้องนั้นมีผลึกสีดำทมิฬส่องประกายสีโลหิต ลอยเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือแท่นหินโบราณ อักขระโบราณถูกสลักไว้อย่างวิจิตรบรรจงรอบผิวของมัน แสงเทียนของซูเหยาสะท้อนกับผิวของผลึก ทำให้เห็นถึงความลึกที่ไม่สิ้นสุดราวกับดวงตาของปีศาจ ผลึกนั้นดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับมันกำลัง เรียกหานาง เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ไม่อาจได้ยินด้วยหู แต่สัมผัสได้ด้วยจิตใจดังขึ้นในความรู้สึกของซูเหยา มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจและความลึกลับที่ยากจะต้านทาน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่เหนือกว่าความกลัวทั้งหมด ซูเหยาจึงเดินตรงเข้าไปหาผลึกนั้นช้า ๆ มือของนางเอื้อมออกไปอย่างไม่ลังเล และในที่สุดก็คว้าหยิบมันมาไว้ในกำมือ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“ผลึกนี้มันคืออะไร?” </font>ซูเหยามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้งจะมีใครบ้างไหมที่จะบอกนางได้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แล้วศาลเจ้าแห่งนี้มันมีเรื่องลึกลับอะไรอยู่?</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p style="text-align: center;"><b><br></b></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b>เลือกคว้าผลึกไททัน</b></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b>ได้รับผลึกไททัน 1 ก้อน</b></font></p><div><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-7-7 15:22:23

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-7-7 15:30 <br /><br /><p style="text-align: center;"><font size="5" face="Kanit" color="#556b2f"><b>วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font size="5" face="Kanit" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font size="5" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หลังจากที่ซูเหยาคว้าผลึกสีดำทมิฬมาไว้ในกำมือได้ไม่นานนัก จู่ ๆ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงขึ้นทั่วทั้งห้องโถง เสียงดังครืนครั่นกึกก้องราวกับโลกกำลังจะถล่ม ผนังหินโบราณที่เคยดูมั่นคงเริ่มมีรอยร้าวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แสงจากเทียนในมือของซูเหยาเต้นระริกตามแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">พื้นค่อย ๆ แตกแยกออกมาเป็นแนวยาว เสียงหินแตกกระเด็นดังลั่น ตามมาด้วยกลุ่มควันสีดำทะมึนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกนั้น กลิ่นกำมะถันฉุนกึกปะทะจมูกซูเหยา พร้อมกับความรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง นางถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดผวา</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">แล้วจากรอยแยกที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ นั้น สิ่งที่ซูเหยาไม่คาดฝันก็ปรากฏขึ้น มันคือ ปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์ ตัวใหญ่โตมหึมา สูงกว่าซูเหยาถึงสองเท่า ผิวหยาบกระด้าง เขี้ยวยาวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากที่แสยะยิ้มอย่างน่าสยดสยอง มันกระโดดออกมาจากรอยแยกพื้นนั้น ด้วยพละกำลังอันมหาศาลพร้อมกับเสียงโซ่เหล็กที่กระทบกันดังแคร้งคร้าง ซูเหยาเห็นว่ามือสองข้างของมันมีโซ่ตรวนที่ขาดห้อยร่องแร่ง บ่งบอกว่ามันเพิ่งหลุดพ้นจากพันธนาการมาได้ไม่นาน ร่างกายของปีศาจเต็มไปด้วยพลังงานที่มืดมิดและบ้าคลั่ง มันมองตรงมาที่ซูเหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายราวกับนางเป็นเพียงเหยื่ออันโอชะเท่านั้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาแข็งทื่ออยู่กับที่ ความกลัวเข้าครอบงำจนไม่อาจขยับตัวได้ ปีศาจตนนี้คืออะไร? มันหลุดออกมาได้อย่างไร? และมันต้องการอะไรจากนาง? คำถามมากมายผุดขึ้นในใจ แต่สิ่งเดียวที่นางรับรู้ได้ในตอนนี้คือภัยร้ายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“เจ้า... เจ้าเป็นใคร!?” </font>ซูเหยาเปล่งเสียงถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เสียงของนางสั่นระริกราวกับใบไม้ต้องลม แม้จะหวาดกลัวจนแทบยืนไม่ไหว แต่สัญชาตญาณของการเอาตัวรอดก็กระตุ้นให้นางต้องพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ทว่าปีศาจตนนั้นหาได้สนใจที่จะตอบคำถามของนางไม่ ดวงตาแดงก่ำของมันจ้องมองไปยังผลึกสีดำในมือของซูเหยาอย่างไม่ลดละ ราวกับนั่นคือสิ่งเดียวที่มันปรารถนา ฟันแหลมคมของมันขบกันดังกึกก้อง เสียงคำรามต่ำ ๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้าโจมตีนางทันทีด้วยความเร็วที่น่าตกใจ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาร้องลั่นด้วยความตกใจ ร่างกายของนางแทบไม่ตอบสนองต่อคำสั่งของสมอง นางนั้นไม่เป็นวรยุทธ์ ไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้ใด ๆ มาก่อน เป็นเพียงหมอธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่กับการรักษาผู้คนและคลุกคลีกับตำราแพทย์เท่านั้น แต่ตอนนี้ทางเลือกเดียวที่มีคือนางต้องพยายามเอาตัวรอด!</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตวัดกรงเล็บอันใหญ่โตเข้าใส่นาง ซูเหยาเบี่ยงตัวหลบอย่างลนลานจนเกือบหกล้ม แรงลมจากการเคลื่อนไหวของมันยังทำให้ผมของนางปลิวไสว ซูเหยาพยายามหลีกหนีการโจมตีอย่างสุดชีวิต นางกระโดดถอยหลังไปชนกับผนังห้องจนเจ็บแปลบ นางหันซ้ายแลขวามองหาสิ่งใดก็ได้ที่จะใช้ป้องกันตัว สายตาเหลือบไปเห็นก้อนหินเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งที่แตกจากพื้น นางจึงรีบคว้ามันขึ้นมา สัญชาตญาณดิบ ๆ บอกให้นาง สู้กลับแบบคนสู้ไม่เป็น ซูเหยาขว้างก้อนหินออกไปสุดแรง แต่ก้อนหินนั้นกลับกระดอนออกจากตัวปีศาจอย่างไม่สะทกสะท้านราวกับมันเป็นเพียงฝุ่นผงเท่านั้น เสียงหัวเราะเยาะเหยียดดังออกมาจากลำคอของปีศาจ มันก้าวเข้ามาใกล้อีกหนึ่งก้าว ห้องโถงแคบลงไปถนัดตาเมื่อเผชิญหน้ากับร่างอันมหึมาของมัน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ในขณะที่ซูเหยากำลังหวาดกลัวสุดขีด จนคิดว่าตัวเองคงไม่รอดพ้นเงื้อมมือปีศาจร้ายนี้ไปได้แน่ จู่ ๆ ก็มี ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางหน้านางไว้ อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบระหว่างนางกับปีศาจยักษ์ นั่นคือ ไต้ซือจื่อหลิง! ใบหน้าอันสงบเยือกเย็นของท่านไต้ซือตัดกับความโกลาหลเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน มือที่ประสานกันแสดงถึงความเมตตาแต่แววตาดูมุ่งมั่น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“อหังการ์! หยุดเดี๋ยวนี้! เจ้าปีศาจ!”</font> ไต้ซือจื่อหลิงเปล่งเสียงกังวานราวระฆังทอง<font color="#4169e1"> “อย่าก่อกรรมทำเข็ญอีกเลย เจ้ามันช่างไม่รู้จักบุญคุณที่โลกนี้ให้เจ้าได้เกิดมามีชีวิต แต่กลับเอาไปใช้ในทางที่ผิด หนักแผ่นดิน! หูตาที่เจ้ามีก็ไม่เคยใช้มองสิ่งดี ๆ ปากที่เจ้ามีก็ไม่เคยใช้พูดจาดี ๆ เป็นได้แค่ปีศาจที่ไร้แก่นสาร!”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตนนั้นชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไต้ซืออย่างแปลกใจ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะเยาะหยันดังก้องห้องโถง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">“ฮ่า ๆ ๆ! เจ้าพระหัวล้าน! มาเทศนาอะไรข้าที่นี่? ลืมไปแล้วหรือไงว่าข้าคือใคร? โซ่ตรวนแค่นี้จะกักขังข้าได้ตลอดไปหรือ? หึ! อย่ามาอวดดี! จงหลีกทางไปซะ ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นอาหารอันโอชะอีกราย!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาคมกริบกว่าเดิม</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“อาหารอันโอชะ? อ้อ...ถ้าเป็นบุญกุศล อาตมายินดีเป็นทาน แต่ถ้าเป็นบาปกรรม ก็เตรียมตัวสำลักคายออกมาเถอะ เจ้าปีศาจโง่เง่า! เกิดมามีแต่เขี้ยวกับเล็บ แต่สมองกลับมีแต่โคลนตม เห็นทีคงฝึกกินแต่ดินกินทรายจนลืมไปแล้วกระมังว่าอะไรควรไม่ควร?”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตนนั้นผงะไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าพระรูปนี้จะตอบโต้ได้เจ็บแสบถึงเพียงนี้ มันคำรามด้วยความโมโห&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">“เจ้า...เจ้ากล้าดียังไงมาว่าข้าโง่! ข้าคือผู้แข็งแกร่ง ผู้ที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“แข็งแกร่ง? หึ! แข็งแกร่งจริงคงไม่ถูกโซ่ตรวนกักขังอยู่นานนมอย่างนี้หรอกกระมัง? ความแข็งแกร่งของเจ้ามันก็แค่เปลือกนอกที่หยาบกระด้างเหมือนหนังสัตว์ไร้ค่า! จิตใจข้างในเน่าเฟะยิ่งกว่าซากศพที่ถูกทิ้งขว้าง ไม่ต่างอะไรกับปีศาจชั้นต่ำที่เกิดมาเพื่อสร้างแต่ความวอดวายไร้สาระไปวัน ๆ! เกิดมาชาติหนึ่งมีดีแค่เป็นภาระให้ผืนแผ่นดินที่เจ้าเหยียบย่ำ!” </font>ไต้ซือจื่อหลิงตอกกลับเสียงดังฟังชัด แต่ละคำราวกับมีดกรีดแทง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาแดงก่ำเบิกกว้างด้วยความตกใจปนความเจ็บใจ มันไม่เคยถูกใครต่อว่าได้เจ็บแสบถึงกระดูกดำเช่นนี้มาก่อน ลมหายใจของมันเริ่มติดขัด มันยกมือขึ้นกุมหน้าอกราวกับถูกทุบด้วยค้อน&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">“เจ้า... เจ้ามันปากดี! ระวังจะไม่ได้ตายดี!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ปากดี? ก็ยังดีกว่าปากเน่าที่วัน ๆ เอาแต่พ่นพิษใส่คนอื่น! ตัวเจ้าก็ใหญ่โตโอหัง แต่จิตใจเล็กกระจิ๋วหลิวเท่าขี้ผง! มีตาแต่หามีแววไม่ มีหูแต่ไม่รู้จักฟังธรรม มีปากแต่พร่ำเพ้อถึงแต่ความมืดมิด! ชีวิตนี้เจ้าไม่คิดจะทำอะไรดี ๆ เลยใช่หรือไม่? เกิดมาเป็นปีศาจก็ขอให้เป็นปีศาจที่มีคุณธรรมบ้างเถิด อย่าให้เป็นปีศาจที่ไร้ค่าหนักโลกเลย!” </font>ไต้ซือจื่อหลิงยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด แต่กลับแฝงด้วยเมตตาอันลุ่มลึกที่ชวนให้ปีศาจสำนึก</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#800080">“เจ้าพระปากร้าย! มายุ่งอะไรกับเรื่องของข้า! รู้จักความสงบปากสงบคำบ้างไหม! หึ! คำพูดเหลวไหลของเจ้ามันไม่สะเทือนปีศาจอย่างข้าหรอก!” </font>ปีศาจคำรามด้วยความหงุดหงิด ดวงตาแดงก่ำยิ่งลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ไม่สะเทือนรึ? ถ้าไม่สะเทือนจะสำลักน้ำลายตัวเองทำไม? หึ! ปากเจ้ามันก็ดีแต่พ่นความมืดมิดออกมา! ไม่ต่างอะไรกับท่อน้ำเน่าที่รอวันแตก! เจ้าคิดว่าคำพูดหยาบกระด้างของเจ้ามันจะบดบังความจริงที่ว่าเจ้ามันก็แค่ปีศาจขี้แพ้ที่ถูกกักขังมานานนมได้หรือไง? โธ่เอ๊ย! เกิดมามีแต่เขี้ยวกับเล็บ! สมองดันมีแต่เศษตะกอน! ไม่ได้ใช้แยกแยะอะไรเลยแม้แต่น้อย! นี่ถ้ามีหางคงกระดิกให้ดูไปแล้วว่าโง่เง่าแค่ไหน!” </font>ไต้ซือจื่อหลิงยังคงยิงคำพูดเผ็ดร้อนราวกับพริกขี้หนูสวน แต่แววตากลับฉายแววเยือกเย็นประหนึ่งพุทธรูปหิน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตนนั้นถึงกับหน้าเขียวหน้าแดง พลังงานสีดำทะมึนรอบกายมันพลุ่งพล่านรุนแรงยิ่งขึ้น กรงเล็บคมกริบตะปบอากาศเสียงดังฉับ ๆ&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">"เจ้า...เจ้ากล้ามากที่มาสบประมาทข้า! ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่! ไม่ใช่พวกขยะที่เจ้าเอาไปเปรียบ!"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“ยิ่งใหญ่? ยิ่งใหญ่ตรงไหน? ยิ่งใหญ่แต่เรื่องไร้สาระ! ยิ่งใหญ่แต่เรื่องเบียดเบียน! ยิ่งใหญ่แต่เรื่องสร้างกรรม! ลองมองดูเงาตัวเองในบึงโคลนบ้างเถิด เจ้าจะเห็นว่าสิ่งที่เจ้าคิดว่ายิ่งใหญ่มันก็แค่ภาพลวงตา! เป็นแค่ปีศาจกระจอกงอกง่อยที่หลงระเริงในความมืดมิด! ชีวิตเจ้ามันน่าสมเพชยิ่งกว่าก้อนหินริมทางเสียอีก เพราะก้อนหินมันยังรู้จักอยู่นิ่งๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร! ส่วนเจ้า? มีแต่หนักแผ่นดิน!” </font>ไต้ซือกล่าวเสียงดังก้อง แต่ละคำแทงทะลุหัวใจปีศาจ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดตรงหน้า นางไม่เคยเห็นท่านไต้ซือในมุมนี้มาก่อนเลย จึงค่อนข้างแปลกใจ จะว่าไปไต้ซือปากแซ่บใช่ย่อย!</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงยังคงกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยความหยามเหยียดราวกับต้องการกระตุ้นโทสะของปีศาจให้ถึงขีดสุด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“อ้อ! นี่เจ้าถึงกับสะอึกเลยรึ? นึกว่าปีศาจอย่างเจ้าจะหน้าหนากว่านี้เสียอีก! หรือว่าความจริงแล้วข้างในก็แค่ลูกแกะตัวน้อยที่ขี้ขลาดกันแน่? น่าสมเพชจริง ๆ! เกิดมามีรูปร่างใหญ่โตแต่ใจกลับเล็กเท่ามด! ช่างเป็นปีศาจที่ไร้ค่าสิ้นดี!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คำพูดเหล่านี้เหมือนมีดคมกรีดแทงลงไปกลางใจปีศาจ พลังงานสีดำทะมึนรอบกายมันพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำลุกโชนราวกับจะแผดเผาทุกสิ่ง แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ปีศาจตนนั้นกลับ กระอักเลือดสีดำทะมึนออกมาจากปาก พลางยกมือกุมหน้าอกอย่างเจ็บปวด มันเซถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแค้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/pc9dtsrdxTVl93FSbaZ-o-2.jpg" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาแทบไม่เชื่อสายตา นี่มันอะไรกัน? แค่คำพูดของไต้ซือก็ทำให้ปีศาจที่น่ากลัวถึงกับกระอักเลือดได้เชียวหรือ?</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#800080">“เจ้า… เจ้ามัน… ไอ้พระปากปีจอ!”</font> ปีศาจคำรามด้วยเสียงแหบพร่า มันจ้องไต้ซือด้วยความอาฆาตแค้นราวกับจะฉีกเป็นชิ้น ๆ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“พระปากปีจอ? หึ! เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึว่าปากอาตมาที่เจ้าว่าปีจอนี่แหละ ที่มันกำลังฉีกกระชากม่านมายาที่เจ้าหลอกตัวเอง! เจ้าคิดว่าคำรามดัง ๆ แล้วจะกลบความจริงได้รึ? ลองฟังให้ดีนะ เจ้าปีศาจโง่เง่า! เจ้าไม่ได้ยิ่งใหญ่! เจ้าแค่กำลังเป็นทาสของความมืดบอดในใจตัวเอง!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตนนั้นตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ มันพยายามจะพุ่งเข้าใส่ไต้ซืออีกครั้ง แต่กลับถูกพลังบางอย่างตรึงไว้ ไต้ซือจื่อหลิงยังคงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังยิ่งขึ้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“เจ้าคิดว่าการทำลายล้างคือความสุขรึ? เจ้าคิดว่าการเข่นฆ่าคือความยิ่งใหญ่รึ? โง่เขลาสิ้นดี! ความสุขที่แท้จริงหาได้มาจากการเบียดเบียนไม่! ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมาจากจิตใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา! เจ้ามันก็แค่ปีศาจที่ถูกความโลภครอบงำ! ไม่รู้จักพอ! ไม่รู้จักธรรมะ! หลงทางอยู่ในวังวนแห่งกิเลสตัณหา! น่าสังเวชยิ่งนัก!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง มันทรุดเข่าลง ดวงตาแดงก่ำสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ คำพูดของไต้ซือมันช่างบาดลึกยิ่งกว่ากรงเล็บแหลมคมใด ๆ มันไม่เคยถูกใครหยามเหยียดได้ถึงเพียงนี้ ไม่เคยมีใครเปิดเปลือยความจริงอันน่าสมเพชของมันได้ชัดเจนเช่นนี้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาได้แต่กลืนน้ำลายมองภาพตรงหน้าด้วยความอัศจรรย์ใจ นางไม่เคยคิดเลยว่าถ้อยคำของพระรูปหนึ่งจะทรงพลังถึงเพียงนี้ ปีศาจที่เมื่อครู่ยังดูน่าเกรงขาม บัดนี้กลับทรุดฮวบลงกับพื้นราวกับถูกค้อนทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงยังคงยืนสงบนิ่ง ใบหน้าเปี่ยมเมตตาแต่แววตานั้นเฉียบคมยิ่งกว่าคมมีด ท่านก้าวเข้ามาใกล้ปีศาจที่กำลังทรมานอีกก้าวหนึ่ง เสียงของท่านกังวานราวระฆังทองคำที่กำลังตีบอกทางสว่างให้ผู้หลงผิด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“เจ้ายังไม่สำนึกอีกรึ? ก้มหน้าก้มตาจมปลักอยู่ในความมืดมิด! คิดว่าการหลบหนีความจริงคือทางออกรึ? หึ! เจ้ามันก็แค่กบในกะลา ที่สำคัญคือเป็นกบแก่ที่ปากเน่าและตัวเหม็นคลุ้ง! ไม่เคยเห็นแสงตะวัน ไม่เคยได้ยินเสียงธรรมะ! วัน ๆ เอาแต่ร้องอ๊บ ๆ อย่างไร้สาระ! ดูถูกความเมตตาที่แผ่นดินให้เจ้าได้ยืน! เกิดมาทั้งทีเอาแต่สร้างเวรสร้างกรรม! คิดว่าชีวิตนี้จะอยู่ไปวัน ๆ โดยไม่ต้องชดใช้รึ? เจ้ามันก็แค่ปีศาจงี่เง่าที่หลงคิดว่าตัวเองฉลาด! ตื่นเสียทีเถิด! ก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นเพียงธุลีดินที่ไร้ค่าไปมากกว่านี้!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจกระอักเลือดสีดำออกมาอีกครั้ง ร่างกายของมันสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาแดงก่ำเริ่มสั่นคลอน ปราการพลังงานสีดำรอบกายเริ่มจางหายไป</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#800080">“เจ้า...เจ้ามัน...พอแล้ว! พอได้แล้ว!”</font> ปีศาจคำรามอย่างเจ็บปวด <font color="#800080">“ข้า...ข้ายอมแล้ว! ได้โปรด...ได้โปรดหยุดเถิด! คำพูดของเจ้า...มันเจ็บยิ่งกว่าโดนไฟนรกลนเสียอีก! ข้าไม่เคยพบเจอสิ่งใดที่จะทำให้ข้าเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้!”</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงยิ้มบาง ๆ แววตาอ่อนลงเล็กน้อย แต่คำพูดของท่านยังคงดุจคมดาบที่ฟาดฟันความมืดมิด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“เจ็บปวดรึ? นั่นแหละคือธรรมะ! นั่นแหละคือการชดใช้ที่เจ้าต้องได้รับ! เจ้ามันใช้ชีวิตอย่างไร้ค่ามานานนม! มัวแต่หลงระเริงในอำนาจจอมปลอม! ไม่เคยแม้แต่จะเปิดใจรับรู้ความดีงาม! สมเพชยิ่งนัก! ยิ่งกว่าปีศาจชั้นต่ำก็คือปีศาจที่ไม่รู้จักประมาณตน! ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี! บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องชำระบาป! จะมาคร่ำครวญอะไรตอนนี้! ตอนที่เจ้าทำชั่วไม่เห็นเจ้าจะร้องไห้! ตอนนี้แค่ฟังธรรมะกลับจะตายเอาเสียให้ได้!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจทรุดลงกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง มันยกมือขึ้นกุมศีรษะราวกับจะระเบิดออก ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">“ข้า...ข้าขอร้อง! ไต้ซือ...ข้า...ข้าทนไม่ไหวแล้ว! ถ้าท่านจะด่าข้าอีก...ข้าคงได้ตายจริง ๆ! ข้า...ข้าไป</font><span style="font-family: Kanit; font-size: medium;"><font color="#800080">บวชก็ได้! ได้โปรด...พาข้าไปบวชทีเถิด! ข้าอยากจะขอขมา! อยากจะล้างบาป! เลิกด่าข้าเถอะ! ฮือออ...” </font>ปีศาจตะโกนเสียงหลง ใบหน้าเปื้อนเลือดสีดำ ดวงตาแดงก่ำทอประกายแห่งความสิ้นหวังและความสำนึกผิดอย่างไม่น่าเชื่อ</span></p><p><span style="font-family: Kanit; font-size: medium;"><br></span></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/E8nR4xnVkAAZtkW.jpg" border="0"><span style="font-family: Kanit; font-size: medium;"></span></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงมองปีศาจที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญด้วยสายตาที่เปี่ยมเมตตา ท่านพยักหน้าช้า ๆ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">“ดี! ในที่สุดก็สำนึกได้! จำไว้ให้ดีนะเจ้าปีศาจ! การบวชไม่ใช่แค่การโกนหัวห่มจีวร แต่เป็นการขัดเกลาจิตใจ! ถ้าบวชแล้วยังทำตัวหนักแผ่นดิน ปากเน่าเหมือนเดิม ข้าจะตามไปเทศน์ถึงกุฏิ! เจ้าเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีเถอะ! นี่แหละคือทางรอดเดียวที่เจ้ามี!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจตัวสั่นสะท้าน มันรีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าไต้ซือจะเปลี่ยนใจ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#800080">“ขอรับ! ข้าน้อยจะบวชขอรับ! ข้าน้อยจะตั้งใจปฏิบัติธรรม! จะไม่ให้ท่านไต้ซือต้องลำบากตามไปเทศน์อีกเลยครับ! สาธุ!”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงมองปีศาจที่บัดนี้ดูหงอลงถนัดตาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะผายมือไปทางรอยแยกบนพื้นดินที่ยังคงมีกลุ่มควันสีดำจาง ๆ ลอยขึ้นมา</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">“เอาล่ะ เจ้าจงกลับไปในที่ที่เจ้าจากมาซะ บำเพ็ญเพียรอยู่ในนั้นจนกว่าจิตใจจะบริสุทธิ์พอที่จะออกมาสู่โลกภายนอกได้อีกครั้ง”</font> ไต้ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ลดความเผ็ดร้อนลง แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยอำนาจบางอย่าง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ปีศาจก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม มันมองซูเหยาแวบหนึ่งด้วยสายตาที่ไม่มีแววหิวโหยอีกต่อไปแล้ว ก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลงและกระโดดกลับลงไปในรอยแยกนั้นอย่างเงียบเชียบ รอยแยกบนพื้นค่อย ๆ ปิดสนิทลงราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น กลุ่มควันสีดำจางหายไปในอากาศ กลิ่นกำมะถันฉุนกึกก็ค่อย ๆ จางลงเช่นกัน เหลือไว้เพียงความสงบที่กลับคืนมาสู่ห้องโถงโบราณอีกครั้ง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p style="text-align: center;"><br></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b>หลักฐานการต่อสู้<br></b></font><font size="4" face="Kanit"><b><a href="https://han.mooorp.com/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&amp;aid=31">หลัวซา (แพ้)</a><font color="#ff0000"></font></b></font></p><div><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b><br></b></font></div><p></p>





<div style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b><iframe width="1" height="1" src="https://www.youtube.com/embed/XbGs_qK2PQA?autoplay=1&amp;loop=1&amp;playlist=XbGs_qK2PQA" frameborder="0" allow="autoplay; encrypted-media" allowfullscreen=""></iframe></b></font></div>

SuYao โพสต์ 2025-7-8 23:54:10

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 3 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p><b><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"></font></b></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยามองรอยแยกบนพื้นหินที่ปิดสนิทลงอย่างตะลึงงัน นางยังคงยืนนิ่งคล้ายรูปปั้นหิน ไม่เชื่อว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่คือความจริง ปีศาจตนมหึมาที่น่าสะพรึงกลัว บัดนี้กลับหายลับไปราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน และทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดของท่านไต้ซือ! นางหันไปมองไต้ซือจื่อหลิงที่ยืนสงบอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าเปี่ยมเมตตาของท่านกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว ราวกับไม่ได้เพิ่งประชันฝีปากกับปีศาจมาเมื่อครู่</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"ทะ…ท่านไต้ซือ...เมื่อครู่...เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?"</font> ซูเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ความตกใจยังไม่จางหายไปจากสีหน้าและแววตา</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงหันมายิ้มบาง ๆ ให้ซูเหยา ดวงตาของท่านทอประกายแห่งความเอ็นดู&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">"อาตมาก็แค่เทศนาธรรมให้ปีศาจตนนั้นฟังเท่านั้นแหละโยม"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"เทศนาธรรมหรือเจ้าคะ?</font>" ซูเหยาเลิกคิ้วสูง <font color="#006400">"แต่คำพูดของท่านไต้ซือ...มัน...มันช่าง..."</font> นางหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้ แต่สิ่งที่ผุดขึ้นในใจคือคำว่า ‘ปากแซ่บ’ หรือ ‘ปากร้าย’ ซึ่งดูจะไม่เหมาะจะใช้กับพระสงฆ์รูปงามอย่างท่านไต้ซือเอาเสียเลย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"โยมซูคงแปลกใจสินะว่าทำไมอาตมาจึงใช้ถ้อยคำรุนแรงเช่นนั้น" </font>ท่านเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะอธิบายต่อ <font color="#4169e1">"ปีศาจบางตนนั้นดื้อรั้นนัก ยึดมั่นในความมืดบอด หากไม่ใช้ถ้อยคำที่เฉียบคมราวคมดาบ ผ่าแทงเข้าไปถึงแก่นแท้ของจิตใจ มันก็จะไม่สำนึก อาตมาต้องกระตุ้นโทสะและบีบคั้นให้มันได้เผชิญหน้ากับความจริงอันน่าสมเพชของตัวเอง จนมันอ่อนกำลังและพร้อมจะรับฟังธรรมะอย่างแท้จริง"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ นางนึกย้อนถึงภาพปีศาจที่กระอักเลือดและทรุดลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดจากการถูกเทศนา ก็อดทึ่งในพลังของท่านไต้ซือไม่ได้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"แล้วปีศาจตนนั้น...มันคืออะไรหรือเจ้าคะ?" </font>ซูเหยาถามด้วยความสงสัย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"ปีศาจตนนั้น คือ หลัวซาหรือที่ชาวบ้านทั่วไปรู้จักกันในนามยักษ์นั่นเองโยม" </font>ไต้ซือจื่อหลิงอธิบาย <font color="#4169e1">"มันเป็นปีศาจประเภทหนึ่งในภพภูมิต่ำ มีกายใหญ่โต มีฤทธิ์เดชพอตัว แต่จิตใจยังคงเต็มไปด้วยกิเลส ตัณหา ความโลภ โกรธ หลง และความพยาบาท"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยามองไปยังจุดที่ปีศาจหายไป&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#006400">"แล้วเหตุใดมันจึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่เจ้าคะ?"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงมองไปที่ผลึกสีดำทมิฬในมือของซูเหยา&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">"นั่นก็เพราะผลึกทมิฬในมือของโยมนี่แหละ มันมีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดปีศาจหลัวซาตนนี้มาแต่ไกล ยิ่งโยมคว้ามันมาไว้ในมือ หลัวซาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังงานที่มันปรารถนา มันจึงพยายามจะเข้าแย่งชิง"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงหันกลับมามองซูเหยาอีกครั้ง ใบหน้าเปี่ยมเมตตายังคงปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ แต่แววตาของท่านกลับจริงจังขึ้นเล็กน้อย</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"โยมซู"</font> ท่านเอ่ยเสียงนุ่มนวล <font color="#4169e1">"อาตมาเข้าใจดีว่าโยมอาจไม่ได้ตั้งใจ แต่การที่โยมสัมผัสกับผลึกทมิฬนั้น ทำให้โยมได้ปลดปล่อยปีศาจตนนั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"ปลดปล่อยหรือเจ้าคะ? ขะ...ข้าไม่ได้ตั้งใจเลยเจ้าค่ะ!" </font>นางรีบปฏิเสธพัลวัน ความรู้สึกผิดแล่นวาบเข้ามาในใจ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">"อาตมาทราบดีว่าโยมมิได้มีเจตนาชั่วร้าย"</font> ไต้ซือปลอบโยน <font color="#4169e1">"แต่สิ่งมีชีวิตทุกชนิด ล้วนมีกรรมเป็นของตน ปีศาจตนนั้นถูกกักขังมานานเพราะวิบากกรรมที่มันได้ก่อไว้ เมื่อมีพลังงานที่เหมาะสมไปกระตุ้นมันจึงหลุดพ้นจากพันธนาการ"</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ท่านหยุดเล็กน้อย คล้ายจะให้ซูเหยาได้ทำความเข้าใจก่อนจะกล่าวต่อ</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">"โยมซูพึงระลึกไว้เถิดว่า ทุกการกระทำย่อมมีผลตามมา ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม การที่โยมได้ปลดปล่อยปีศาจหลัวซาออกมานั้น แม้จะมิได้ตั้งใจแต่ก็ถือเป็นการก่อกรรมหนึ่ง และกรรมนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อภพภูมิต่าง ๆ รวมถึงตัวโยมเอง"</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาหน้าซีดเผือด นางไม่เคยคิดเลยว่าการกระทำเพียงเล็กน้อยของตนจะส่งผลใหญ่หลวงได้ถึงเพียงนี้</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">"แล้วข้าควรทำอย่างไรเจ้าคะ?" </font>ซูเหยาถามด้วยน้ำเสียงกังวล&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">“โยมซู” </font>ท่านไต้ซือเอ่ยขึ้น <font color="#4169e1">“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้แท้จริงแล้วเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ มิใช่เพียงสำหรับปีศาจตนนั้น แต่สำหรับโยมเองด้วย”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองท่านไต้ซือด้วยความฉงน</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">“การปลดปล่อยปีศาจหลัวซา มิใช่เพียงการก่อกรรมอย่างที่โยมเข้าใจเสียทั้งหมด หากมองในทางธรรมะ นั่นคือการปลดเปลื้องพันธนาการให้แก่สรรพสัตว์ตนหนึ่ง”</font> ท่านไต้ซืออธิบาย <font color="#4169e1">“ปีศาจตนนั้นถูกจองจำด้วยกรรมของมัน แต่ในความมืดมิดนั้น มันก็ไม่อาจมองเห็นหนทางแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ เปรียบดั่งคนที่หลงทางในถ้ำมืดสนิท ยิ่งดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยิ่งจมดิ่ง”&nbsp;</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงเปรียบเปรย&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">“แต่เมื่อมีแสงสว่างวาบขึ้นเพียงชั่วครู่ แม้จะทำให้ตกใจกลัว ทว่านั่นก็เป็นโอกาสให้มันได้เห็นทางออก…การที่โยมได้สัมผัสกับผลึกทมิฬนั้น ทำให้ปีศาจตนนั้นได้หลุดพ้นจากที่คุมขัง นั่นเป็นการกระตุ้นให้มันได้ออกมาเผชิญหน้ากับความจริงของตนเองอีกครั้ง เผชิญหน้ากับกิเลส ตัณหา ที่กัดกินจิตใจของมันมานับร้อยปี”</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยานิ่งฟังอย่างตั้งใจ ใบหน้าของนางค่อย ๆ คลายความกังวลลง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">“ธรรมะที่อาตมาได้เทศนาออกไปเมื่อครู่ อาจฟังดูรุนแรง แต่เปรียบได้ดั่งมีดหมอที่ต้องกรีดเนื้อร้ายออก เพื่อให้บาดแผลหายขาด”</font> ท่านไต้ซือกล่าวต่อ <font color="#4169e1">“ปีศาจตนนั้นจมอยู่กับความมืดบอดมานาน การที่จะให้มันสำนึกและกลับใจได้นั้น จำเป็นต้องมีแรงกระแทกที่รุนแรงพอจะทำให้มันตื่นจากภวังค์...</font></font><span style="font-family: Kanit; font-size: medium;"><font color="#4169e1">นี่คือหนทางแห่งการโปรดสัตว์รูปแบบหนึ่ง ที่มิได้มีเพียงความอ่อนโยน แต่บางคราก็ต้องใช้ความเด็ดขาด เพื่อฉุดดึงสรรพสัตว์ที่หลงผิดให้กลับมาสู่หนทางที่ถูกต้อง”</font></span></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">“สำหรับโยมเอง เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นบทเรียนอันล้ำค่า” </font>ไต้ซือจื่อหลิงหันมามองซูเหยาด้วยรอยยิ้ม <font color="#4169e1">“โยมได้ตระหนักถึงผลของการกระทำ แม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท…ในโลกนี้ทุกสรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยงถึงกันและกัน การกระทำใด ๆ ของเราย่อมส่งผลสะท้อนไปถึงผู้อื่นเสมอ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม” </font>ท่านไต้ซือเน้นย้ำ <font color="#4169e1">“การตระหนักรู้ในจุดนี้ จะทำให้โยมมีความระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น และเลือกที่จะกระทำแต่กรรมดี อันจะนำมาซึ่งความสุขสงบทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3" color="#4169e1">“จงจำไว้เถิดว่าการสำนึกคือจุดเริ่มต้นของปัญญา การแก้ไขคือหนทางแห่งการเติบโต และการไม่ประมาทคือก้าวสำคัญสู่การหลุดพ้น”</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาน้อมรับคำสอนของท่านไต้ซือด้วยความเคารพ นางรู้สึกได้ถึงความกระจ่างแจ้งในจิตใจที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#006400">“ข้าจะจดจำคำสอนของท่านไต้ซือไว้ในใจเจ้าค่ะ และจะตั้งมั่นในความไม่ประมาท”</font> ซูเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น <font color="#006400">“ขอบพระคุณท่านไต้ซือเป็นอย่างสูงที่ได้โปรดเมตตา”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ไต้ซือจื่อหลิงยิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><font color="#4169e1">“ดีแล้วโยม”</font> ท่านกล่าว <font color="#4169e1">“บัดนี้ได้เวลาที่โยมจะต้องกลับแล้ว หน้าที่ของโยมในการช่วยเหลือผู้คนยังรอโยมอยู่…ขอให้โยมใช้ปัญญาและความเมตตาที่โยมมี เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับผู้อื่น เฉกเช่นเดียวกับที่โยมได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ในวันนี้”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3">ซูเหยาโค้งคำนับท่านไต้ซือด้วยความเคารพ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากศาลเจ้าไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบสงบ และรอยยิ้มเปี่ยมเมตตาของไต้ซือจื่อหลิงที่ยังคงยืนมองตามหลังนางไป จนกระทั่งร่างของซูเหยาลับหายไปจากสายตา</font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="3"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p style="text-align: center;"><br></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#ff0000"><b>-จบเควสปลดล็อกหัวใจ-</b></font></p><div style="text-align: center;"><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-7-12 13:54:27

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 9 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามเว่ย (เวลา 15.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ภายในโรงหมอที่อบอวลด้วยกลิ่นสมุนไพร บรรยากาศที่เคยตึงเครียดเมื่อครู่พลันคลี่คลายลงทันทีที่ขบวนเสด็จอันโอ่อ่าของเซียวจื่อไท่โฮ่วเคลื่อนลับหายไปจากสายตา เสียงกระซิบกระซาบและฝีเท้าที่เคยหยุดนิ่งเริ่มกลับมาเคลื่อนไหว ผู้คนในโรงหมอต่างพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ทว่าสายตาหลายคู่ยังคงจับจ้องไปยังร่างอรชรของซูเหยาด้วยความชื่นชมระคนประหลาดใจ ไม่ใช่เพียงเพราะฝีมือการรักษา แต่ยังเป็นเพราะความโปรดปรานที่ไท่โฮ่วมีต่อนางนั้นปรากฏชัดเจนจนยากจะปฏิเสธ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยากำลังจะหมุนกายกลับไปจัดยาที่ค้างไว้ เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาก็หยุดลงด้านหลังนาง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#9932cc">“หมอหญิงซู…”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เสียงนั้นนุ่มทุ้ม ทว่าแฝงความคมกริบดุจปลายมีดที่ซ่อนอยู่ในผ้าไหมเนื้อดี ซูเหยาหันกลับไปช้า ๆ พบกับขันทีผู้หนึ่งในชุดขาวสะอาดสะอ้าน มือเรียวประคองห่อผ้าไหมสีม่วงอ่อนปักลายดอกโบตั๋นละเอียดงดงามวิจิตรบรรจง สายตาของเขาดูลุ่มลึกยากคาดเดาราวกับห้วงน้ำวนที่ไร้ก้นบึ้ง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#9932cc">“ข้าน้อยคือเฉินอวี๋ ขันทีประจำองค์ไท่โฮ่ว” </font>เขากระซิบเสียงเบาพอให้ได้ยินกันเพียงสองคน “ก่อนเสด็จกลับ ไท่โฮ่วทรงรับสั่งให้ข้านำของสิ่งนี้มามอบแก่ท่านหมอหญิงซู”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เขายื่นห่อผ้าไหมนั้นออกไป ซูเหยาแม้จะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ค้อมตัวลงรับไว้ด้วยความนอบน้อม</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“ทรงฝากถ้อยคำอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” </font>ซูเหยาเอ่ยถามพลางก้มหน้าลง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เฉินอวี๋คลี่ยิ้มจาง ๆ ที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกลัวว่าลมจะพัดพากลีบดอกโบตั๋นเหล่านั้นให้ปลิวหายไป</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#9932cc">“ไท่โฮ่วตรัสว่า ‘เมื่อถึงยามที่หัวใจเจ้าหวั่นไหว ไม่อาจยึดมั่นในเจตนาเดิมได้ จงเปิดห่อนี้’”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หลังสิ้นคำกล่าวเฉินอวี่ค้อมตัวให้เล็กน้อย นัยน์ตาของเขายังคงจับจ้องซูเหยาเป็นวูบสุดท้าย ราวกับจะประเมินอะไรบางอย่าง ก่อนจะถอยกลับอย่างเงียบงัน ซูเหยาเบิกตากว้างเล็กน้อย สองมือของนางประคองห่อผ้าไหมไว้แน่น หัวใจของนางเต้นระส่ำอย่างไม่ทราบสาเหตุ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/line_konoha02.gif" width="400" _height="12" border="0"></p><p style="text-align: center;"><br></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ในขณะเดียวกัน บริเวณด้านหลังโรงหมอที่ซึ่งราชรถของเซียวจื่อไท่โฮ่วจอดเทียบรอ เสียงสนทนาระหว่างพระองค์และขันทีคนสนิทดังแว่วลอดม่านราชรถออกมา เฉินอวี๋ผู้เพิ่งกลับจากภารกิจทูลถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อมระคนสงสัย</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#9932cc">“พระองค์ทรงโปรดหมอหญิงผู้นี้เป็นพิเศษหรือพ่ะย่ะค่ะ?”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไท่โฮ่วเซียวจื่อแย้มสรวลบางเบา คล้ายจะเป็นถ้อยคำพึมพำกับตนเองมากกว่าจะตอบคำถามนั้น&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#ff00ff"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#ff00ff">“หญิงผู้นี้มีดวงใจมั่นคง…แต่ข้าเห็นเงาสะท้อนของข้าเมื่อยังเยาว์ในดวงตานาง…”</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">พระเนตรเรียวของไท่โฮ่วทอดยาวออกไปในระยะไกล ราวกับย้อนมองอดีตที่ผ่านพ้น&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#ff00ff">“ครั้งหนึ่งข้าเองก็เคยคิดว่าหัวใจที่หนักแน่นจะพ้นทุกสิ่ง…แต่ความหวั่นไหวเพียงคราหนึ่ง กลับเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปชั่วชีวิต” </font>แววตาของพระองค์ฉายแววความอาดูรที่ยากจะคาดเดา เป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ผู้ใดจะเข้าใจได้ง่าย ๆ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เฉินอวี๋รับฟังอย่างเงียบงัน เขารู้ดีว่าไท่โฮ่วทรงหมายถึงเรื่องราวในอดีตที่ฝังลึกอยู่ในใจพระองค์ เรื่องราวที่แม้แต่ขันทีคนสนิทอย่างเขาก็ไม่อาจล่วงรู้รายละเอียดทั้งหมดได้ นอกจากการเฝ้ามองและถวายการรับใช้อย่างจงรักภักดี</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ภายในราชรถกลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง มีเพียงเสียงล้อบดกับพื้นดินที่บ่งบอกว่าขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนตัวออกจากโรงหมอไปช้า ๆ ทิ้งไว้เบื้องหลังเพียงความลับที่ยังคงแขวนอยู่กลางอากาศ และห่อผ้าไหมปริศนาในมือของซูเหยา</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/line_konoha02.gif" width="400" _height="12" border="0"></p><p style="text-align: center;"><br></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คืนนั้น...แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องเข้ามาในห้องเล็ก ๆ ภายในโรงหมอที่ซูเหยาพักอาศัย ความเหนื่อยล้าจากการงานทั้งวันไม่อาจทำให้ดวงตาของนางปิดสนิทได้เลย เสียงของเฉินอวี๋ยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท ราวกับกระซิบอยู่ข้างหูไม่ขาดสาย</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><i>‘เมื่อถึงยามที่หัวใจเจ้าหวั่นไหว ไม่อาจยึดมั่นในเจตนาเดิมได้ จงเปิดห่อนี้’</i></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">คำกล่าวที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง สร้างความว้าวุ่นในใจซูเหยาไม่น้อย นางลุกขึ้นจากที่นอนเก่า ๆ ที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ขยับกาย เดินไปยังโต๊ะไม้ข้างเตียง ที่ซึ่งห่อผ้าไหมสีม่วงอ่อนวางอยู่ นางหยิบมันขึ้นมาถือไว้ในมือ สัมผัสถึงเนื้อผ้าที่นุ่มลื่นและงานปักอันประณีตของดอกโบตั๋น พินิจมองมันด้วยความลังเล</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">จะเปิดดีหรือไม่? คำถามนี้ผุดขึ้นในความคิดครั้งแล้วครั้งเล่า ความอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ แต่ลึก ๆ แล้วซูเหยารู้สึกได้ว่าการเปิดห่อผ้านี้อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่นางยังไม่พร้อมจะเผชิญ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">“คงยังไม่ถึงเวลากระมัง…”</font> นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ในความเงียบสงัดของยามค่ำคืน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ในที่สุดซูเหยาก็ตัดสินใจวางห่อผ้าไหมกลับลงที่เดิม แม้จะมีความอยากรู้อยากเห็นรบกวนจิตใจ แต่สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้นางรอคอย รอคอยจนกว่าเวลาที่เหมาะสมจะมาถึงอย่างแท้จริง นางเชื่อว่าหากไท่โฮ่วมีรับสั่งเช่นนั้น ย่อมต้องมีเหตุผลสำคัญ ห่อผ้านั้นคงจะถูกเปิดในไม่ช้า เมื่อหัวใจของนางถึงคราวต้องเผชิญหน้ากับความหวั่นไหวอย่างแท้จริง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p style="text-align: center;"><br></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>ตัวเลือก :&nbsp;(1) ซูเหยาเก็บห่อผ้าไว้ ไม่เปิด จนกว่าจะมีเหตุการณ์ "หวั่นไหว"</b></font></p><div><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-7-22 16:53:26

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 17 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11&nbsp;</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามเซิน (เวลา 15.00 - 17.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p style="text-align: center;"><br></p><p><font face="Kanit" size="4">ในที่สุดตะวันก็คล้อยต่ำลงสู่ทิศตะวันตกย้อมฟ้าให้กลายเป็นสีส้มอมชมพู ซูเหยาที่เพิ่งนำสมุนไพรไปให้หมอเจิ้งและจัดการธุระที่โรงหมอเสร็จสิ้น ก็ได้เวลายามเซินพอดิบพอดี นางเร่งฝีเท้าไปยังศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย ตะกร้าหวายในมือของนางบรรจุอาหารและอุปกรณ์ทำความสะอาดเล็กน้อย</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">เมื่อมาถึงศาลเจ้าแม้จะดูเก่าโทรมตามกาลเวลาด้วยกำแพงที่ซีดจางและประตูไม้ที่ผุกร่อนบ้าง แต่ก็ไม่ได้ดูรกร้าง เถาวัลย์ที่เลื้อยพันอยู่บ้างก็ได้รับการตัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นว่าที่นี่มีการดูแลอยู่เสมอ ซูเหยาสูดหายใจลึก ๆ เตรียมพร้อมที่จะช่วยไต้ซือจื่อหลิงดูแลสถานที่แห่งนี้ นางวางตะกร้าลงข้างเสาหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำจาง ๆ แล้วเริ่มลงมือทำความสะอาด</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">มือเรียวหยิบไม้กวาดที่นำมาด้วย กวาดใบไม้แห้งและฝุ่นผงเพียงเล็กน้อยบนพื้นศาลเจ้าจนเกิดเสียงซู่ซ่า ฝุ่นคละคลุ้งขึ้นมารอบกายเพียงชั่วครู่ก็จางหายไป ผ้าชุบน้ำถูกนำมาเช็ดถูรูปปั้นเทพเจ้าที่เคยสง่างามแต่บัดนี้มีเพียงคราบฝุ่นบาง ๆ คราบสกปรกจาง ๆ ค่อย ๆ หายไป เผยให้เห็นร่องรอยของสีทองและสีแดงที่เคยสดใส แม้จะเลือนลางไปมากแล้วก็ตาม</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">นางขัดถูแท่นบูชาหินอ่อนอย่างเบามือ คราบราดำเพียงเล็กน้อยที่เกาะติดค่อย ๆ หลุดออก เผยให้เห็นเนื้อหินอ่อนสีขาวนวลที่ซ่อนอยู่เบื้องล่าง แสงจากตะวันที่เริ่มอ่อนแรงส่องลอดเข้ามาต้ององค์เทพ ทำให้รูปปั้นดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเล็กน้อย ซูเหยายิ้มบาง ๆ รู้สึกถึงความสงบที่แผ่ซ่านเข้ามาในใจ ยิ่งทำความสะอาดมากเท่าไหร่ จิตใจของนางก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นเท่านั้น</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">เมื่อทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยดี นางจุดธูปหอมที่นำมาด้วย ควันธูปสีขาวลอยอ้อยอิ่งขึ้นไปในอากาศ ผสานกับกลิ่นอายของป่าเขาที่โอบล้อมศาลเจ้า เสียงกระพรวนลมที่แขวนอยู่หน้าศาลเจ้าส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งแผ่วเบายามลมพัดมา</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ภายในศาลเจ้าไต้ซือจื่อหลิง เพิ่งเสร็จสิ้นการทำวัตรเย็นในห้องโถงหลัก ดวงตาอันลึกซึ้งของเขาพลันรับรู้ถึงการมาของผู้มาเยือน กลิ่นธูปหอมที่ไม่ใช่ของตนลอยมาแตะจมูกพร้อมกับเสียงขยับเขยื้อนภายนอก ไต้ซือคลี่จีวรออกอย่างแช่มช้า ก่อนจะก้าวเท้าออกมาจากความมืดสลัวของห้องโถง</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู สายตาของไต้ซือจื่อหลิงก็จับจ้องไปยังร่างบอบบางที่กำลังจัดวางตะกร้าหวายข้างเสาหิน แสงอาทิตย์ยามอัสดงอาบไล้ร่างนั้นให้เปล่งประกาย โยมซูเหยาที่ท่านคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผู้ที่มักจะมาใส่บาตรที่ตลาดตะวันออกในทุกเช้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและจิตใจอันบริสุทธิ์</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#4169e1">"โยมซู?"</font> เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ ปนความประหลาดใจเล็กน้อย</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ซูเหยาหันขวับ ใบหน้าเรียวสวยขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเมื่อเห็นไต้ซือจื่อหลิงยืนอยู่ตรงหน้า นางรีบโค้งคำนับอย่างนอบน้อม&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#006400"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#006400">"คารวะท่านไต้ซือเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนการบำเพ็ญของท่าน..."</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ไต้ซือจื่อหลิงยิ้มบาง ๆ ดวงตาเปี่ยมด้วยเมตตา&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">"ไม่รบกวนเลย แต่โยมมาที่นี่ได้อย่างไรในยามนี้?"</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#006400">“คือ…วันนี้ข้าน้อยเพิ่งเสร็จธุระที่โรงหมอเจ้าค่ะ พอทำธุระเสร็จก็นึกถึงศาลเจ้าขึ้นมา เลยตั้งใจมาช่วยทำความสะอาด…แล้วก็...” </font>นางเอื้อมมือไปหยิบอาหารจากในตะกร้าหวาย แล้วนำออกมาอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยทำน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนกับชาเบญจมาศมาเจ้าค่ะ คิดว่าท่านอาจยังไม่ได้ฉันเย็นนี้เลยอยากเอามาถวาย”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ไต้ซือจื่อหลิงก้มลงมองอาหารและเครื่องดื่มในมือของนาง กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องยาสมุนไพรโชยมาตามสายลม เขายิ้มบาง ๆ ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความละมุนละม่อม&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">“โยมซู…อาตมาไม่สามารถฉันอาหารหลังเที่ยงได้ มันเป็นข้อวินัยของสงฆ์ อาตมาเคร่งครัดในพระธรรม ไม่อาจละเลยได้แม้เพียงน้อย”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">เพียงสิ้นคำกล่าวซูเหยาก็หน้าเจื่อนทันที นางรีบโค้งตัวลงต่ำกว่าเดิม เสียงเอ่ยขอโทษร้อนรนปะปนความเก้อเขิน&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#006400">“ข้าน้อยมิได้ทราบเลยเจ้าค่ะ ต้องขออภัยท่านไต้ซืออย่างสูง ข้านับถือลัทธิเต๋า…จึงไม่คุ้นกับข้อวัตรปฏิบัติของฝ่ายพุทธนัก ข้าน้อยเพียงแค่…นึกเป็นห่วงท่าน กลัวว่าท่านจะไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องในยามเย็นเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ท่านไต้ซือนิ่งฟัง ไม่ได้แสดงท่าทีตำหนิแม้แต่น้อย เขาเพียงพยักหน้าช้า ๆ แล้วเอื้อมมือไปรับอาหารเหล่านั้นมาไว้ในมือ ก่อนกล่าวเสียงเรียบแต่เต็มไปด้วยเมตตา</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">“โยมมีเจตนาดี อาตมาย่อมเห็นความตั้งใจนั้นชัดเจน แม้จะไม่สามารถฉันได้ในตอนนี้ แต่อาตมาจะฝากสิ่งเหล่านี้ให้เด็กเร่ร่อนที่มักผ่านมาแถวนี้ยามค่ำ พวกเขาจะได้อิ่มในคืนนี้”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ซูเหยาเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายอย่างโล่งใจ ความรู้สึกผิดในใจเจือจางลงเล็กน้อย&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#006400">“หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยินดีแล้วเจ้าค่ะ”</font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#4169e1">“โยมซูมีเมตตา มีจิตใจดีงาม และมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ”</font> ไต้ซือจื่อหลิงกล่าวพลางมองไปยังตะกร้าอาหารในมือ <font color="#4169e1">“สิ่งนี้เปรียบเสมือนการให้ ซึ่งเป็นหนึ่งในบารมีที่นำไปสู่ความหลุดพ้น”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">เขาเงยหน้าขึ้นมองแสงตะวันยามอัสดงที่ทอแสงเรืองรองอยู่เบื้องบน&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">“เช่นเดียวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมายังโลก ไม่ว่าผู้ใดจะเห็นคุณค่าหรือไม่ แสงนั้นก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างสม่ำเสมอ การให้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะได้รับผลตอบแทนหรือไม่ สิ่งสำคัญคือเจตนาอันบริสุทธิ์ที่อยู่เบื้องหลัง”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ซูเหยาตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของท่านไต้ซืออย่างสำรวม นางรู้สึกราวกับว่าจิตใจของนางได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#4169e1">“ธรรมะมิได้จำกัดอยู่เพียงแค่พิธีกรรม หรือข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดเท่านั้นโยมซู”</font> ไต้ซือจื่อหลิงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล <font color="#4169e1">“ธรรมะแท้จริงแล้วแฝงอยู่ในทุกการกระทำ ในทุกความคิด ขอเพียงเรามีสติและพิจารณาอย่างแยบคาย สิ่งเหล่านั้นจะนำพาเราไปสู่ความสงบสุขได้ในที่สุด”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ท่านไต้ซือยิ้มบาง ๆ ดวงตาเปี่ยมด้วยความเมตตา&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">“การที่โยมมาช่วยทำความสะอาดศาลเจ้าในวันนี้ ก็ถือเป็นการบำเพ็ญทานอย่างหนึ่ง ช่วยให้สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นที่พึ่งทางใจของผู้คน นี่คือทานบารมีที่โยมได้สร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ซูเหยารู้สึกอบอุ่นในใจ นางพยักหน้ารับคำสอนของท่านไต้ซืออย่างนอบน้อม</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#006400">“ข้าน้อยเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านไต้ซือ” </font>นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น <font color="#006400">“ข้าน้อยจะจดจำคำสอนของท่านไว้เจ้าค่ะ”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">แสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดเริ่มคลืบคลานเข้ามาแทนที่ ซูเหยารู้สึกว่าถึงเวลาที่นางควรจะกลับแล้ว</font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#006400"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><font color="#006400">“ท่านไต้ซือเจ้าคะ ข้าน้อยขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ” </font>ซูเหยากล่าวพร้อมกับโค้งคำนับอย่างงดงามอีกครั้ง <font color="#006400">“ขอบพระคุณสำหรับคำสอนอันล้ำค่าในวันนี้เจ้าค่ะ”</font></font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ไต้ซือจื่อหลิงพยักหน้าเล็กน้อย&nbsp;</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4" color="#4169e1">“ขอให้โยมเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพเถิดโยมซู”</font></p><p><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p><font face="Kanit" size="4">ซูเหยาคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากศาลเจ้าไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมของธูปและเสียงกระพรวนลมที่ยังคงกรุ๊งกริ๊งแผ่วเบาในยามค่ำคืน</font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b> มอบ น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน และ ชาเบญจมาศ ให้ ไต้ซือจื่อหลิง</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>+30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + ชาหรือสุราก็ได้ (+5)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง ได้โบนัส +5&nbsp;</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>อาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า ชงชา ได้โบนัส +5</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม</b></font></p><div><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-8-3 16:45:29

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 31 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11&nbsp;</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามโหย่ว (เวลา 17.00 - 19.00 น.)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ในระหว่างที่ซูเหยาค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นเคย นางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของนาง นั่นก็คือ ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านไต้ซือจื่อหลิง ทางเดินไปยังศาลเจ้าร้างนั้นคดเคี้ยวและล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่จนร่มครึ้ม แต่ซูเหยาไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะนางมาที่นี่หลายครั้งจนคุ้นเคยกับเส้นทางทุกซอกทุกมุม เมื่อมาถึงบริเวณศาลเจ้า นางก็พบว่าบรรยากาศยังคงเงียบสงบเช่นทุกครั้ง เสียงธรรมชาติรอบตัวดูเหมือนจะดังขึ้นกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อเท้าของนางย่ำลงบนพื้นดิน หญิงสาวเดาได้ว่าเวลานี้ท่านไต้ซือคงกำลังทำวัตรอยู่ด้านใน นางจึงไม่คิดที่จะเข้าไปรบกวนแต่เลือกที่จะรออย่างเงียบ ๆ ที่ด้านนอก</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาลดตะกร้าที่สะพายหลังลงอย่างเบามือ จากนั้นจึงวางตะกร้าถือที่บรรจุจีวรไว้ข้าง ๆ แล้วเงยหน้ามองไปยังลานหน้าศาลเจ้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมาตามกาลเวลา ด้วยความเคยชิน ซูเหยาเดินไปหยิบไม้กวาดที่วางพิงไว้ข้างอาคารขึ้นมา แล้วเริ่มกวาดลานอย่างช้า ๆ การเคลื่อนไหวของนางสงบนิ่งและอ่อนช้อยราวกับกำลังร่ายรำ การกวาดใบไม้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจของนางสงบและมีสมาธิได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ไม้กวาดกระทบกับพื้น ก็จะเกิดเสียงดัง สวบ ๆ เบา ๆ ที่ไม่รบกวนความเงียบสงบโดยรอบ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ขณะที่กวาดไปเรื่อย ๆ ซูเหยาก็เริ่มนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่นางได้พบกับท่านไต้ซือจื่อหลิงเป็นครั้งแรก ท่านเป็นผู้มีเมตตาและคอยให้คำปรึกษาแก่นางเสมอ แม้จะเป็นเพียงการสนทนาสั้น ๆ แต่คำสอนของท่านก็เปรียบเสมือนแสงสว่างที่ช่วยนำทางให้นางได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าอีกครั้ง นางรู้สึกขอบคุณท่านไต้ซืออย่างสุดซึ้ง และการมาเยือนศาลเจ้านี้ก็เปรียบเสมือนการแสดงความกตัญญูเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่นางสามารถทำได้ นอกเหนือจากการเย็บจีวรและการใส่บาตร</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ในขณะที่ซูเหยากำลังกวาดลานเพลิน ๆ นางก็รู้สึกได้ถึงสายลมเย็นที่พัดโชยมาเป็นระลอก กลิ่นหอมจาง ๆ ของธูปและดอกบัวในศาลเจ้าลอยมาแตะจมูก ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้น นางรู้สึกราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นอีกบ้านหนึ่งของนาง เป็นที่ที่นางสามารถมาพักพิงจิตใจจากความวุ่นวายภายนอกได้ทุกเมื่อ การได้ใช้เวลาอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพียงลำพัง ทำให้ซูเหยาได้ทบทวนตัวเอง ได้ใคร่ครวญถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของผู้ป่วยในโรงหมอ เรื่องราวของการปรุงยา หรือแม้แต่เรื่องราวที่ได้พบกับเจอกับผู้คนใหม่ ๆ ในฉางอัน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อกวาดลานจนสะอาดหมดจดแล้ว ซูเหยาก็นำไม้กวาดไปเก็บเข้าที่เดิมอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็เดินกลับมานั่งลงข้างตะกร้าที่นำมา นางหยิบผ้าสะอาดที่พับไว้ในตะกร้าออกมาปูบนพื้นหิน แล้วนั่งรออย่างสงบ สายตาของนางมองออกไปไกลยังทิวทัศน์เบื้องหน้าซึ่งเป็นภูเขาและป่าไม้ที่อยู่ห่างออกไป แสงสุดท้ายของวันกำลังจะลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากสีส้มอมชมพูเป็นสีม่วงเข้ม บรรยากาศเงียบสงบจนได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดที่เริ่มส่งเสียงร้อง และเสียงนกตัวเล็ก ๆ ที่กำลังโผบินกลับรัง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาหลับตาลงอย่างช้า ๆ แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรับเอาความบริสุทธิ์ของธรรมชาติเข้ามาเต็มปอด นางรู้สึกได้ถึงความสงบที่แทรกซึมไปทั่วทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินออกมาจากศาลเจ้าด้านใน หญิงสาวลืมตาขึ้นแล้วหันไปมอง ก่อนจะพบกับร่างของท่านไต้ซือจื่อหลิงที่อยู่ในชุดจีวรสีเทาเก่า ๆ กำลังเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและสงบนิ่งเช่นเคย ท่านยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"โยมซูมาที่นี่มีเหตุอันใดหรือ?"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">"เรียนท่านไต้ซือ ข้าน้อยเพียงแต่มาเยี่ยมเยียนเจ้าค่ะ" </font>ซูเหยาตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า<font color="#006400"> "ข้าน้อยได้เย็บจีวรผืนใหม่มาถวายท่านด้วยเจ้าค่ะ"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หญิงสาวค่อย ๆ หยิบตะกร้าที่บรรจุจีวรออกมาจากข้างตัว แล้วค่อย ๆ เปิดปากตะกร้าออกเผยให้เห็นจีวรที่ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ข้าน้อยเห็นว่าจีวรของท่านเก่ามากแล้ว จึงอยากถวายผืนใหม่เจ้าค่ะ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อไต้ซือจื่อหลิงก้มลงมองไปในตะกร้าก็พบว่าเป็นผ้าเนื้อดีที่มีราคาค่อนข้างสูง คิ้วของท่านขมวดเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความสงสัย ท่านมองซูเหยาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นเคย&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"ผ้าผืนนี้ดูแล้วน่ามีราคาค่อนข้างสูงนะโยม ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้หรอก"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">"ข้าน้อยเพียงแค่รู้สึกอยากทำเจ้าค่ะ"</font> ซูเหยาตอบอย่างนอบน้อม<font color="#006400"> "ท่านไต้ซือได้โปรดรับไว้เถิดเจ้าค่ะ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากข้าน้อย"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงมองซูเหยาอย่างพิจารณา ท่านเห็นความจริงใจที่ฉายชัดอยู่ในแววตาของหญิงสาว จึงตัดสินใจที่จะไม่ปฏิเสธ&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">"หากเป็นเช่นนั้นอาตมาก็จะขอรับไว้" </font>ท่านยิ้มอย่างอ่อนโยน <font color="#4169e1">"แต่ในครั้งหน้า หากโยมมีจิตศรัทธาเช่นนี้อีก ขอให้เป็นผ้าที่หาได้ง่าย ๆ ก็พอ การใช้ของที่มีราคาแพงเกินจำเป็นนั้น อาจก่อให้เกิดกิเลสในใจได้นะโยม"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยารับฟังคำสอนของท่านอย่างตั้งใจ แล้วพยักหน้าเข้าใจ&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ข้าน้อยจะจำไว้เจ้าค่ะ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ตะกร้าที่วางอยู่บนพื้น จากนั้นจึงใช้มือทั้งสองข้างยกตะกร้าขึ้นอย่างระมัดระวัง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"ขอให้บุญกุศลในครั้งนี้ส่งผลให้โยมประสบแต่ความสุขความเจริญ และมีจิตใจที่บริสุทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูกที่ท่านรับจีวรที่นางตั้งใจเย็บมาถวายไว้ในที่สุด นางลุกขึ้นยืนแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ขอบพระคุณท่านไต้ซือมากเจ้าค่ะ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">หลังจากก้มศีรษะแสดงความเคารพ ซูเหยาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข นางมองจีวรในตะกร้าด้วยความภูมิใจและรู้สึกโล่งใจที่ท่านไต้ซือรับไว้ในที่สุด</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">"เรียนท่านไต้ซือ"</font> ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือความกังวลเล็กน้อย<font color="#006400"> "ข้าน้อยไม่แน่ใจว่าขนาดของจีวรจะพอดีตัวท่านหรือไม่ เพราะข้าน้อยกะขนาดโดยวัดจากตัวท่านหมอเจิ้ง ซึ่งอาจจะไม่พอดีกับท่านไต้ซือ ข้าน้อยเกรงว่าจีวรผืนนี้อาจจะสั้นหรือยาวเกินไปเจ้าค่ะ..."</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อได้ยินดังนั้น ไต้ซือจื่อหลิงก็หันมามองซูเหยาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา ท่านยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะกล่าวขึ้นว่า&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">"<font color="#4169e1">ไม่เป็นไรหรอกโยมซู การที่โยมตั้งใจทำจีวรผืนนี้มาถวายก็เป็นบุญกุศลอย่างยิ่งแล้ว ขนาดของจีวรไม่สำคัญเท่ากับจิตใจที่เปี่ยมด้วยความตั้งใจจริงของโยม"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ไต้ซือจื่อหลิงวางตะกร้าลงข้างตัว แล้วคลี่จีวรผืนนั้นออกอย่างช้า ๆ ผ้าไหมเนื้อดีทออย่างประณีตสะท้อนกับแสงยามเย็นที่กำลังจะลับขอบฟ้า ส่องประกายงดงาม ซูเหยาเห็นว่าท่านมองจีวรด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความเมตตา ท่านลูบไล้ไปบนเนื้อผ้าเบา ๆ แล้วยิ้มให้ซูเหยาอีกครั้ง</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">"อาตมาขอรับไว้ด้วยใจจริง" </font>ท่านกล่าว <font color="#4169e1">"แต่วันนี้ดึกมากแล้ว โยมควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว การเดินทางในยามวิกาลอาจจะอันตรายได้"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"เจ้าค่ะ ท่านไต้ซือก็อย่าอยู่ดึกเกินไปนะเจ้าคะ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อเอ่ยลากันเรียบร้อยแล้ว ซูเหยาก็เริ่มเดินทางกลับตามทางที่มา ทิ้งไว้เพียงร่างของไต้ซือจื่อหลิงที่มองตามหลังนางไปจนลับตา</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><font size="4" face="Kanit" color="#ff0000"><b><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b> ไต้ซือจื่อหลิง</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>มอบไหมแก้วแสงจันทร์ (ที่มโนว่าเย็บเป็นจีวรแล้ว) ให้ ไต้ซือจื่อหลิง</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>(ส่วนนี้ไม่รู้มันบวกความสัมพันธ์ไหม ถ้าไม่บวกไม่เป็นไรถือว่าประกอบการโรล)</b></font></p><div><br></div><p></p>

SuYao โพสต์ 2025-9-18 14:07:59

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-18 14:10


วันที่ 18 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ (เวลา 21.00 น.)

https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif


ภายใต้เงาจันทร์ที่หลุบหายไปในม่านเมฆหนาทึบของยามไฮ่ แสงจากคบไฟของชาวบ้านที่อยู่ห่างออกไปลับตาเหลือเพียงจุดริบหรี่ ซูเหยาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางดินที่ทอดผ่านป่าไผ่ สายลมค่ำคืนพัดพาเอากลิ่นดินชื้นและกลิ่นไม้เก่าเข้ามาแตะจมูก เสื้อคลุมสีหม่นของนางถูกรัดแน่นเข้ากับกายเพื่อกันไอเย็นที่แทรกซึมไปถึงกระดูกเบื้องล่าง เส้นทางที่เคยพลุกพล่านด้วยผู้คนและเกวียนยามกลางวัน บัดนี้กลับเงียบสงัด มีเพียงเสียงรองเท้าผ้าที่กระทบกับพื้นดินแห้ง ๆ เท่านั้นที่ดังเป็นจังหวะที่ซ้ำซากราวกับเสียงกลองที่ถูกเคาะอย่างเนิบนาบในพิธีศพของกลางคืน

นางจดจำได้ดีว่าเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน นางได้ใช้ความรู้และฝีมือทั้งหมดรักษาอาการป่วยของแม่นางหนานในหอว่านหงเหรินจนหายดี แต่คุณชายห่าวหมิงกลับไม่ได้มอบค่าจ้างให้ตามที่ตกลงกันไว้จนเวลาล่วงเลยมาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ความสงสัยยังคงเกาะกุมในใจ เหตุใดเขาจึงไม่จ่ายเงินให้ทันทีที่งานเสร็จสิ้น? เหตุใดจึงต้องนัดพบนางในที่เปลี่ยวร้างเช่นนี้? การนัดหมายในสถานที่ลับตาเช่นนี้อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนกว่าที่เห็น แต่ความคิดเหล่านั้นก็ถูกปัดเป่าออกไป เมื่อในมือของนางมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่ม้วนเป็นแท่งเล็ก ๆ มีเพียงข้อความสั้น ๆ ที่เขียนด้วยลายมือที่คาดว่าจะเป็นคุณชายห่าวหมิง


‘มารับค่าจ้างที่ศาลเจ้าเถียนฉิงเวย ยามไฮ่’


สถานที่แห่งนี้ถือว่านางค่อนข้างคุ้นเคยอยู่เพราะเป็นสถานที่พำนักของท่านไต้ซือจื่อหลิงที่นางเลื่อมใส อย่างน้อยก็น่าจะทำให้นางสบายใจขึ้นมาได้อีกนิดเพราะอย่างไรเสียท่านไต้ซือก็อยู่ที่นั่นคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้หรอก
เมื่อซูเหยามาถึงปากทางเข้าศาลเจ้าเถียนฉิงเวย แม้ว่าตัวอาคารจะเก่าแก่ผุพังไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้ดูรกร้างสกปรกอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเดินเข้าไปใกล้ นางก็เห็นว่าลานหินเบื้องหน้าศาลเจ้าได้รับการกวาดถูจนสะอาดเอี่ยม ใบไม้แห้งไม่มีให้เห็นแม้แต่ใบเดียว ภายในศาลเจ้ายามนี้เงียบสงัดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของตนเอง กลิ่นธูปเก่าปะปนกับกลิ่นความชื้นจากซากปรักหักพังลอยเข้ามาในโพรงจมูกของซูเหยาอย่างชัดเจน นางเดินไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง แม้จะตั้งใจมาเพื่อพบกับคุณชายห่าวหมิงและรับค่าจ้าง แต่ไหน ๆ ก็มาถึงแล้วก็ควรเข้าไปนมัสการท่านไต้ซือเสียหน่อย ซูเหยาเดินเข้าไปภายในศาลเจ้ากลับพบแต่ความว่างเปล่า หลังศาลเจ้าก็ไม่มีใคร บางทีในตอนนี้ท่านไต้ซืออาจจะออกไปทำธุระด้านนอกแล้วยังไม่กลับก็เป็นได้
ซูเหยารู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อพบว่าไต้ซือจื่อหลิงไม่อยู่ และคุณชายห่าวหมิงก็ยังไม่มาถึง ลมยามดึกพัดโชยมาเป็นระยะ ซูเหยาขยับเสื้อคลุมให้กระชับขึ้น ก่อนจะยืนเงียบ ๆ รอคอยคุณชายห่าวหมิงอยู่ข้างแท่นบูชาเก่า ๆ ภายในศาลเจ้าร้างเพียงลำพัง…



https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif

มารอรับเงินตามนัด



หน้า: 1 [2] 3
ดูในรูปแบบกติ: [ถนนนอกเมือง] ศาลเจ้าร้างเถียนฉิงเวย