ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน
<style type="text/css">BODY{background:url("https://i.postimg.cc/zGsYcbMP/image-2025-06-16-190027220.png"); background-attachment:fixed; }</style>
<style type="text/css">.head1 {background-color:none ;}.head2 {background-color:none ;}</style>
<style>
#boxba {
border-radius: 30px;
padding: 10px;
box-shadow: #9f9c97 0px 0px 3em;
background: linear-gradient(rgba(231, 221, 203, 0.6), rgba(231, 221, 203, 0.4)),
url("https://i.postimg.cc/Dy4PgHYL/image-2025-05-28-071028518.png");
}
</style>
<style>
#boxOO {
width: 850px;
border-radius: 30px;
padding: 35px;
box-shadow: #9f9c97 0px 0px 0.4em;
background: #fcfcfc7d;}
</style>
<div id="boxba">
<div align="center" style="margin: 0px; padding: 0px; overflow-wrap: break-word; list-style-type: none;"><br>
<br><br>
<div id="boxOO" style="">
<br>
<div style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; text-align: center;">
<font face="Browallia New" style="font-family: " browallia="" new";="" color:="" rgb(127,="" 57,="" 1);="" font-size:="" 12px;="" text-align:="" start;="" margin:="" 0px;="" padding:="" overflow-wrap:="" break-word;"=""><font size="5" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;"><div style="text-align: center;">
<br>
<img src=" " border="0" alt=""> <br><br></div></font></font>
<span style="text-shadow: rgb(184, 125, 0) 0px 0px 1px, rgb(184, 125, 0) 0px 0px 5px, rgb(184, 125, 0) 0px 0px 10px, rgb(184, 125, 0) 0px 0px 30px;">
<font face="Browallia New" style="" size="7"><pat style="">
<font color="#ffffff"><pat>ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน</pat></font></pat></font></span></div>
<br>
<div style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;" browallia="" new";="" text-align:="" center;"="">
<font face="Browallia New" ;="" margin:="" 0px;="" padding:="" 0px;"="" <span="" style="text-shadow: #b87d00 0px 0px 0.5em;" color="#ffffff" size="4">
<i style=""><cls style="">{ ถนนสิบลี้ }</cls></i></font></div>
<br>
<div style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; margin-top: 0px;">
<img style="border: 5px double rgb(184, 125, 0); border-radius: 25px; box-shadow: rgb(184, 125, 0) 2px 2px 1em; overflow: auto; width: 700px;" src="https://i.postimg.cc/50hMZH6t/image-2025-06-16-191009563.png" border="0" alt=""></div>
<br><br><br>
<center style="">
<center style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;">
<style>
#boxEw {
width: 450px;
border: 0px solid;
border-radius: 20px;
padding: 50px;
box-shadow: #b87d00 0px 0px 1em;
background: linear-gradient(rgba(255, 255, 255, 0.6), rgba(184, 125, 0, 0.4)),
url("https://i.postimg.cc/XJm02m3N/image-2025-06-09-031807553.png");
</style>
</center>
<center style="">
<div id="boxEw" style="">
<div align="center" style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff"><span style="text-shadow: rgb(184, 125, 0) 1px 4px 3px;"><pat>【 ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน 】</pat></span></font>
<br><font color=" #807b5f" face="Kanit" size="4"><b>『<i>ร้านเต้าหู้สาขาฉางอัน</i> 』</b></font></div><br>
<div style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><div>
<font color="#807b5f" face="Kanit" size="4">
ร้านเต้าหู้เพียงหนึ่งเดียวในย่านถนนสิบลี้ที่ยังไม่มีผู้ใดมาโค่นล้มได้ ที่แห่งนี้คือร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนที่ส่งกลิ่นหอมหวนของเต้าหู้สูตรลับเฉพาะที่ไม่ว่าใครลิ้มลองก็ต้องติดใจ ตัวร้านตั้งอยู่ในเขตคนมีเงิน ขนาดสูงใหญ่เพียงพอต่อการรับรองลูกค้าหลากหลายระดับที่เวียนกันเข้ามาเพื่อติดต่อรับซื้อเต้าหู้เป็นจำนวนมาก <b>ที่นี่ขายเพียงเต้าหู้ ไม่มีอาหารที่ทำจากเต้าหู้ หรือเต้าหู้สารพัดอาหาร</b> กรุณาซื้อไปประกอบอาหารด้วยตัวท่านเอง
</font>
<br>
</div></div><div style="color: rgb(68, 68, 68); font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><font color="#807b5f" face="Kanit" size="4"><br></font></div><div style=""><font color="#807b5f" face="Kanit" size="5"><b>[ดูรายการสินค้า]</b></font></div><div style=""><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b>[</b></font></font><a href="https://han.mooorp.com/shop/anlezhuan.php"><font face="Kanit" size="4">LINK</font></a><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b>]</b></font></font></div><div style=""><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b><br></b></font></font></div><div style=""><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b>ตำราดาราศาสตร์หลิวอัน</b></font></font></div><div style=""><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b>มูลค่า: 69 ตำลึงทอง</b></font></font></div><div style=""><font face="Kanit" size="5"><font color="#807b5f"><b>จำนวน: 5 เล่ม</b></font></font></div></div><br>
<br><br><br></center></center></div>
<br><br><br>
</div></div>
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}
img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}
img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>
<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Kanit'); cls {font-family : 'Kanit';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Pattaya'); Pat {font-family : 'Pattaya';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Zhi Mang Xing'); Zhi Mang Xing {font-family: 'Zhi Mang Xing';}</style>
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 12.00 - 13.00 น. ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน
แสงแดดตรงหัวพอดีกลางย่ามอู่ตกต้องบนแผ่นกระเบื้องสีแดงหม่นของหลังคาร้านเต้าหู้อันเอจ้วนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนถนนสายหลักของย่านการค้าที่แสนคึกคัก เขตที่มีแต่ห้องแถวและกิจการของคนที่มีเงิน แบบ เงินหนา ๆ จริง ถึงจะตั้งร้านไหว เสียงจอแจของคนซื้อของ เสียงคนเร่ขายผลไม้และเสี่ยวหลงเปาที่ตั้งอยู่ตรงแฝงริมถนนคลอเคลียอยู่ข้างเสียงหัวเราะเจื้อนแจ้วของเด็กน้อยจากโรงเรียนใกล้เคียง กลิ่นเจ้าหู้ทอดใหม่ ๆ ลอยแตะจมูกอย่างยั่วน้ำลายจนแม้แต้คนที่ทานข้าวมาแล้วก็ต้องเหลียวมองอยู่
หลินหยาเดินอย่างช้า ๆ ผ่านหน้าร้านเต้าหู้ที่แสนคึกตัก ดวงตาคู่โตงามสีน้ำตาลมะพร้าวเหลือบมองไปเห็นแผ่นไม้ไม้ที่เขียนด้วยลายมือสวยงามเสียจนคิดว่าจ้างเขียนแน่ อันเล่อจ้วน แขวนเด่นเป็นสง่า ด้านหน้าเป็นแผงขายเต้าหู้แบบต่าง ๆ ทั้งทอด ทั้งนึ่งเต้าหู้พะโล้ เต้าหู้น้ำพริก เต้าหู้แห้ง และแม้แต่เต้าหู้กลิ่นแรงที่คนกล้าลองน้อยคนแต่ขายดิบขายดีอย่างประหลาด เธอชะงักเท้าอยู่ครู่หนึ่ง กะพริบตาเร็ว ๆ แล้วขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างเงียบงัน นี่มันย่านทองคำเลยไม่ใช่หรือ?
ราคาที่ดินแพงหูฉีก มีแต่ร้านขายผ้าแพร เครื่องหอม เครื่องประดับ กับร้านบะหมี่ดี ๆ อาหารโคตรเริ่สถึงจะตั้งอยู่ได้ แล้วนี่า?..ฮะ? ร้านเต้าหู้ WTF หลินหยายิ้มน้อย ๆ อย่างไม่รู้ตัวพลางส่ายหน้าเบา ๆ อย่างอดขำไม่ได้ในใจ …แหม่ ตาลุงอันเล่อ ไหนบอกไม่มีเงิน แต่ดันมาเปิดร้านกลางย่านแพงขนาดนี้
ในขณะที่เธอกำลังจะก้าวผ่านไปโดยไม่คิดรบกวนสายลมของคนทำงานก็เหลือบมองเห็นเงาร่างสูงในชุดผ้าไหมสีเข้มเรียบเดินอยู่ตรงหน้าร้านด้านนั้น มือของเขากำลังถือบัญชีรายวันเล่มเล็กไว้ และพนักงานหลายคนก็กำลังเดินพล่านเหมือนกำลังเตรียมของหรือส่งของทั่วเมือง…
คุณชายอันเล่อ…หึ… เขาเหมือนจะเงยหน้าขึ้นมาในจังหวัเดียวกับที่เธอกำลังชะงักเท้าไม่ได้ขยับต่อ ดวงตานิ่งลึกคู่นั้นสบลเข้ากับดวงตาของหลินหยาที่มีประกายแวววาวของเเธอ ที่ถึงแม้ว่าจะทำงานหนักแต่ก็ยังอารมณ์ดีเหมือนเคยเหมือนสายลมร้อนกลางวันนี้ เธอเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเหมือนไม่คิดว่าจะพบกันตรงนี้ ก่อนที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มน่ารักจะยกยิ้มขึ้นแล้วขยับมือโบกให้เขานิด ๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริง แต่ยังมีความเคารพอย่างไม่ห่างมารยาท
“สวัสดีเจ้าค่ะท่านชายอันเล่อ..คนเยอะเลยนะเจ้าคะวันนี้ เหนื่อยไม่เจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม เสียงแผ่วแต่กลับสดใส ผ่าความรู้สึกร้อนเข้ามาได้อย่างแนบเนียนในขณะที่จังหวะที่เสียงรอบข้างพลันเบาลงเพราะลมแรงพัดผ่านเหมือนจังหวะให้โลกหยุดฟังเขาตอบ หลิวอันที่เงียบอยู่ครู่หนึ่งมองเธอแน่นิ่ง ใบหน้านั้นไม่แสดงอารมณ์เท่าไร แต่ในแววตาลึก ๆ ของเขาเหมือนกับมีอะไร และเขาก็ยังคงเป็นเขา
“อืม..” เขาเอ่ยเพียงคำเดียว น้ำเสียงไม่เบา ไม่ดังแต่ก็ง.ตามสไตล์เขาแหละ
หลินหยาหัวเราะแห้งนิด ๆ แล้วขยับเท้าเหมือนจะงอน ๆ กับคำตอบอีกคนไปครึ่งก้าวพร้อมกับลองยิ้มหวานส่งท้าย ดวงหน้าของเธอเปื้อนแสงแดดสะท้อนความสดใสในแบบที่ของเธอที่แม้จะเหนื่อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะทักทายคนรู้จัก “ข้าแค่ผ่านทางมาน่ะเจ้าค่ะ แค่มาเดินตลาด ไม่ได้มารบกวนอะไร ท่านดูแลร้านแล้วกัน ข้าไปล่ะ ฮึ” เธอพูดจบก็ระบายยิ้มให้แล้วขยับตัวเลี้ยวออกมาจากหน้าร้านตรงนั้น ท่ามกลางกลิ่นเต้าหู้ทอดกับเสียงตะโกนของคนขชายข้างทางที่คึกคักสุด ๆ
ส่วนหลิวอันทำอะไรน่ะหรอ เขาทำเพียงยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของหลินหยาที่หายลับไปแล้วหันกลับไปเปิดบัญชีร้านต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 14.00 เป็นต้นไป
ยามเว่ยเข้ามาถึงทีแสงแดดฤดูร้อนยังอาบไล้กำแพงจวนโอวหยางหลินหยาออกจากจวนด้วยท่าทางเรียบเฉยแม้ว่าในอกแทบจะพ่นไฟอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะอากาศแต่เป็นเพราะในตรงใบรายการที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เต้าหู้สดใส จากถั่วเหลืองคุณภาพดี ขอเต็มเมล็ด ไม่ขึ้นรา ไม่เหม็นหืน นั้นมันหมายความว่ายังไงก็มีที่เดียวที่ซื้อได้คือร้านอันเล่อจ้วน.. ก็ไม่มีที่ไหนที่จะขายได้แล้ว ทุนผูกขาดเวอร์..
หลินหยาถอนหายใจแล้วเดินไปเรื่อย ๆ ดวงตากรอกไปมาอย่างหมดทุกเยื่อใยในใจ ขณะเดินออกจากซอยของจวนด้วยจังหวะที่ค่อนข้างเร็ว นี้มันอะไรกันนักหนา รอบก่อนเจอหน้าเขาก็แทบจะหลุดคาร์แรคเตอร์เสี่ยวหนาน รอบนี้..โอ้ย อย่าให้เจอได้ไหมเนี้ย ให้เด็กในร้านขายก็ได้ ไม่ต้องเป็นท่านชายอันเล่อเถอะ..ไม่มีหน้าไปเจอเขาตอนนี้เลย
ทว่าฟ้าช่างไม่เข้าใจฟังเสียงบ่นของมนุษย์เลย เมื่อหลินหยาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร้านเต้าหู้อันเล่อจวนที่สง่างามเกินร้านค้าธรรมดาเธอกลืนน้ำลายหนึ่งอึก...แล้วผลักบานประตูไม้เข้าไปเบา ๆ อย่างระวัง กลิ่นถั่วบดสดใหม่ลอยมาแตะจมูกทันที บรรยากาศภายในสะอาดสะอ้านราวกับตำหนักใน พระอาทิตย์สะท้อนกับภาชนะทองแดงในร้านเป็นประกาย เธอก้าวเข้าไปเงียบ ๆ แล้วเงยหน้ามองหาคนขาย ก่อนที่จะพบว่า…
เขายืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ …
บุรุษร่างสูงในชุดสีเข้มที่คล้ายผ่านการต้มถั่วมาตลอดชีวิตกำลังยืนอ่านรายการคำสั่งซื้ออย่างใส่ใจอยู่ตรงหน้าโต๊ะไม้งาม น้ำเสียงต่ำเย็นของเขาดังขึ้นก่อนที่เธอจะได้เอ่ยคำใด “ถึงกับตามมาถึงร้านเลยหรอ?” เขาพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นแต่ปลายเสียงลากยาวราวกับคนที่ยิ้มอยู่ในใจแม้หน้านิ่ง..หลินหยาเบ้ปากนิด ๆ ในใจแล้วตอบไป
“เปล่าสักหน่อยเจ้าค่ะ ข้ามาซื้อเต้าหู้ตามคำสั่งของคุณแม่บ้านต่างหาก”
หลังจากนั้นหลินหยาก็เริ่มซื้อของตามคำสั่งคุณแม่บ้านทันที เธอซื้อถั่วเหลือง 20 ชุด ชุดละ 85 เหรียญอู่จู่ แล้วก็เต้าหู้เท่าที่มี 7 ถ้วย 379 เหรียญอู่จู่ แล้วก็มีซื้อโสมคน 10 ชิ้น ราคาชิ้นละ 1 ตำลึงทอง 1 ตำลึงเงิน แล้วก็ใบชาลิ่วอันกวาเพี่ยน 5 กล่อง กล่องละ 9 ตำลฃึงเงิน แล้วก็สุดท้าย หินเพลิงฟ้าอัพเกรด 1 ราคา 33 ตำลึงทอง..
“เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ข้าไปล่ะ” เธอเอ่ยกับเถ้าแก่ร้านเช่นนั้นก่อนที่จะเดินกลับไปยังจวนโอวหยางเงียบ ๆ พลางถือของไปด้วย หญิงสาวพ่นลมหายใจกับตัวเองเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอคิดว่าจะกลับไปทำงานอีกแล้วหรอเนี้ย ...ฮือ อยากกลับไปเป็นปกติไว ๆ จังเลย..อีตาใต้เท้าเถียนเฟิง รอบหน้าขึ้นค่าตัวแน่นอน ถ้าไม่ยอมให้ขึ้นค่าตัวจะไม่ทำงานเลยคอยดูสิ ฮึ ..งองอ ๆ หลินหยาอยากงอแงถึงจะทำไม่ได้ก็ตามที แฮปปี้ดีไหมนะ? เอาเถอะ อะไรก็ได้ ไอ้เราก็หน้าตาบ้าน ๆ เหมือนตุ๊กตาเหมือนเด็กเสียด้วยสิ ไม่เหมือนหญิงสาวเลยไม่โดนลวนลามทางสายตาหรอกมั้ง..แต้จ้องจะเอาไปขายให้พวกโรคจิตนี้น่าจะมีอยู่ละมั้ง? หลินหยาคิดก่อนที่จะพ่นลมหายใจกับตัวเอง เพราะทำไมเธอถึงต้องตกไปเป็นเป้าสายตาของพวกอย่างงั้นด้วยน่า..บ่น ๆ ในใจ แล้วก็ได้แต่บ่นแล้วล่ะ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: ซื้อของ ดังนี้ถั่วเหลือง ราคา 85 เหรียญอู่จู จำนวน 20 ชิ้น รวม 1,700 เหรียญอู่จูเต้าหู้ ราคา 379 เหรียญอู่จู จำนวน 7 ชิ้น รวม 2,653 เหรียญอู่จูโสมคน ราคา 1 ตำลึงทอง 1 ตำลึงเงิน จำนวน 10 ชิ้น รวม 10 ตำลึงทอง 10 ตำลึงเงินใบชาลิ่วอันกวาเพี่ยน ราคา 9 ตำลึงเงิน จำนวน 5 ชิ้น รวม 45 ตำลึงเงินหินเพลิงฟ้าอัพเกรด ราคา 33 ตำลึงทอง จำนวน 1 รวม 33 ตำลึงทองรวมราคาทั้งหมด 10+33 = 43 ตำลึงทอง 10+45 = 55 ตำลึงเงิน 1700+2653 = 4353 เหรียญอู่จู
รางวัล: -
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-21 23:55
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบเอ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ไปซื้อของที่ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน
ยามอู่มาถึงแสงแดดยามเที่ยงวันสาดทาบลงบนถนนสีอ่อนอย่างเกียจคร้าน ลมร้อนอบอ้าวพัดวนในย่านการค้าใหญ่ของเมืองแห่งนี้ ริมถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยเสียงจอแจของผู้คนและเสียงเรียกลูกค้าของพ่อค้าแม่ขายร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วนตั้งตระหง่ายอยู่ในย่านที่ดินแพงอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว ร้านเพียงหนึ่งเดียวด้วย ขอบประตูแกะสลัด ป้ายชื่อถูกจัดขัดเงาวับสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ
หลินหยาในชุดผ้าฝ้ายสีอ่อนแบบสบาย ๆ นั้นเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาในร้านด้วยการก้าวเท้าแบบไม่รีบ ร้อนนัก ใบหน้าขาวใสเปื้อนเหงื่อบาง ๆ จากอากาศร้อน แค่ยังมีรอยยิ้มบางประกับมุมปากเหมือนเดิม ชายกระโปรงของนางนั้นพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดผ่านแม้มันจะร้อนมากกว่าก็ตคาม เธอยืนนิ่งอยู่ด้านหน้ากับบุรุษหลังโต๊ะนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ..
“สวัสดีเจ้าค่ะ คุณชายอันเล่อ” หลินหยาเอ่ยทักอีกฝ่าย น้ำเสียงของเธอแฝงความสุภาพแต่ไม่แปลกแยกเป็นการทักทายของผู้ที่เริ่มเคยชินกันบข้างแล้ว “วันนี้ข้าขอเต้าหู้ 5 ชิ้นเจ้าค่ะ” หลินหยาเอ่ยบอก..เธอกับเขาพึ่งพบกันไม่กี่วันก่อน..เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตอนนั้นหลังจากที่เขาเลี้ยวตัวไปตรงมุมกำแพงมีบางอย่างเกิดขึ้นมาที่ไม่ธรรมดา.. เพราะคำพูดที่เรียบง่ายนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความห่วงใยในรูปแบบตรง ๆ …เพราะปกติเขาจะทำเพียงมองเท่านั้น เงียบเช่นเคยดั่งน้ำแข็งที่กระเทาะไม่ออก..
เหมือนความสัมพันธ์นั้นเปลี่ยนสถานะเป็นคำว่าคุ้นเคยมากกว่าคนแปลกหน้า แต่เธอก็ไม่อาจคิดได้ว่าสิ่งนี้ไม่เกิดจากความรู้สึกผิดที่เขามีได้ แม้ว่าเขาดูจะไม่ใส่ใจมันเลยก็ตามที..หลินหยาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นมีคนเฝ้ามองเธอเงียบ ๆ ..ในบางฉาก ในบางครั้ง และเธอไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิด เหมือนมีสายตาที่จับจ้อง แต่เป็นใคร..ไม่รู้..
เขามองเธออย่างเงียบงันครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ไม่พูดอะไรมากนัก มือใหญ่หยิบตะกราหวายแล้วให้คนงานคีบเต้าหู้สดลงไปอย่างแม่นยำไม่รีบร้อน เส้นผมสีดำยาวของเขามัดหลวมคล้ายคนเพิ่งออกมาด้านหน้นาร้าน จมูกโด่งคมสัน ปรายตาไปทางหลินหยาเล็กน้อยเมื่อรับเงินจากนางแววตาคู่นั้นนิ่งสนิทดังเดิม หากแต่มีบางสิ่งในนั้นที่แฝงคล้ายว่าเขากำลังชั่งใจอยู่
หลินหยารับถุงตะกราหวานด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มบาง ๆ เพราะชินท่าทีที่เขาไม่คิดจะพูดอะไรกับเธอแล้วล่ะ “ขอบคุณเจ้าค่ะ” พอเธอพูดจบก็ผละออกจากตรงนั้นเดินช้า ๆ ไปทางประตูร้านเพื่อเดินออก แต่ไม่ทันไรร่างของใครบางคนก็เดินสวนเข้ามากระแทกเข้ากับที่บ่าเล็กของหลินหยาเต็มแรงจนเธอเซไปข้างหนึ่งแล้วทำตะกร้าหล่นมือกระแทกขอบเสาไม้..
“โอ๊ย!!” หลินหยาหลุดเสียงเบา ๆ ข้อมือข้างนั้นเหมือนจะปัดโดนเสาไม้จนช้ำเล็กน้อยแต่เจ็บจริงเพราะมันเป็นเหลี่ยม ชายที่เดินชนเธอไม่แม้จะหันกลับมามอง เพียงสะบัดชายเสื้อแล้วเดินต่ออย่างหน้าตาเฉย ขณะที่ผู้คนรอบข้างยังคงจอแจไม่ใส่ใจเพราะมันเป็นเรื่องเล็ก..
หลินหยาที่กำลังจะพยายามลุกขึ้น เงาร่างสูงของบุรุษเจ้าของร้านเต้าหู้กลับเคลื่อนตัวมาจากโต๊ะอย่างไม่รียบร้อยด้วยซ้ำ มีจังหวะมั่นคงจนเขาหยุดยืนใกล้ ๆ ร่างของหลินหยาที่ตอนนี้กำลังจะพยายามลุกแล้วก้มเก็บของ..
จากนั้นเขาก็ทรุดตัวลงย่อตัวอย่างไม่แยแสต่อสายตาผู้ใด มือหนานิ่ง ๆ เอื้อมหยิบกล่องเต้าหู้ที่หล่นวางไว้ในตะกร้าอย่างระมัดระวังก่อนที่จะใช้ผ้าเช็ดมือของตัวเองเช็ดคราบฝุ่นที่โดนกล่องและตะกร้าให้ ช้า ๆ และเนียบไม่มีคำพูดใดเลย ทว่าเมื่อยื่นตะกร้าคืนให้แววตาใต้เงาเส้นผมดำยาวกลับมองสบกับหลินหยาโดยตรง เป็นอีกไม่กี่ครั้งที่เขาไม่ได้เลี่ยงสายตาของนาง
“อย่ามั่นใจว่าโลกจะใจดีเหมือนเมื่อก่อน” เสียงนั้นไม่ดัง ไม่ราบเรียบเกินจนน่ากลัวแต่ก็ไม่ใช่คำเตือนแต่เป็นคำสอนที่บ่งบอกว่าเขามองเธอเป็นเด็ก แล้วลุกขึ้นเต็มความสูงหันหลังกลับไปประจำที่เดิมของตัวเองราวกับทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีการแสดงออกที่มากเกินพอดี..ไม่มีคำพูดปลอบโยนหรืออ่อยโยนแต่อย่างใด เฉกเช่นที่เขาเคยเป็น เย็นชาแม้จะมองเห็น
หลินหยาที่กำลังนิ่งอยู่นั้นนิ่งไปเล็กน้อยก่อนที่จะก้มมองตะกร้าในมือ มือที่โดนชนยังแดงระบบนิดหน่อย แต่เธอก็เข้าใจเขาในแบบของเขาแหละ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ซื้อของ เต้าหู้ ราคา 379 เหรียญอู่จู จำนวน 5 ชิ้น รวม 1,895 เหรียญอู่จู
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-22 13:49
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบสอง เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 12.00 - 13.00 น. มาซื้อเต้าหู้ ณ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)
ยามอู่กลับมาแล้ว ตอนนี้เข้าสู่เส้นทางของมันแล้วล่ะ แสงแดดเหนือหัวเริ่มเอียงเบนคล้ายกำลังจะอ่อนแรงลงในอีกไม่ช้า ผู้คนในย่านการค้าชั้นดีของฉือจิ่งชานยังคงคึกคัก กลิ่นของอาหารร้านริมทางลอยคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นผ้าหอมจางร้านโน้นร้านนี้ไปด้วย บรรยากาศเช่นนี้ในฤดูร้อนทำให้การเดินเพียงไม่กี่ก้าวนั้นก็เรียกเหงื่อซึมตามขมับได้แล้วนั้นเอง หลินหยาในชุดผ้าบางระบายอากาศดีสีขาวหม่นแต่งลายดอกไม้เล็กน้อย เดินฝ่าฝูงชนเข้ามาที่หน้าร้านอันเล่อจ้วน ด้วยรอยยิ้มท่าทางดีใจเล็กน้อย ท่าทีสบาย ๆ แต่ก็แฝงจุดมุ่งหมายแน่วแน่ เธอไม่เคยลืมเลยว่าเต้าหู้ร้านนี้อร่อยจนทำเธอ..เกือบ..ตาย..ฮึ.. และวันนี้ เธอก็ตั้งใจจะไม่กินมันอีกแน่นอน เดี๋ยวตุยก่อนวัยอันควร..
จะทำยังไงอ่ะ แต่งงานก็ยังไม่แต่ง หมักเหล้ายังไม่สะใจเลย แต่จะแวะไปซื้อฝากคนอื่นต่างหากล่ะ ทำไมคนอื่นชอบกินเต้าหู้กันนักวะเนี้ย? งง.. หลินหยาคิดก่อนที่จะเดินไปที่หน้าร้าน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส “ข้าอยากซื้อเต้าหู้เจ้าค่ะ..เต้าหู้สักหลาย ๆ ชิ้น…หืม?..เอ๊ะ?!!” คำพูดของเธอสะดุดแทบจะกลายเป็นคำแบบอุสาน เมื่อสายตาเธอหวาดไปยังถาดไม้ตรงหน้า…วะ..ว่างเปล่า?..หืม? ว่างเปล่าเกือบหมด..
แล้วดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนก็เหลือบกรอกไปมา แล้วเห็นว่ามีเต้าหู้เพียงหนึ่งชิ้นที่ยังเหลือ
ชิ้น?..หนึ่ง?..
ชิ้น..เดียว?? ถ้วน?....ฉินจ๊ะะะะะะะ
เธอยืนค้างอยู่ตรงนั้นประมาณชั่ววินาที มือแตะริมโต๊ะไม้ ดวงตากระพริบปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ สถานะการณ์ตอนนี้คืออะไรกัน เต้าหู้ทั้งถาดเในร้านที่บอกว่า ทำทุกวัน ทำสดใหม่ทุกเช้า …เหลือ..ชิ้นเดียว.. “หาาาาาา??” เสียงอุทานของหลินหยานั้นเบาจนแทบไม่ได้ยินหลุดออกมาแบบสงสัย เธอค่อย ๆ หันหัวของตนเองไปทางด้านในร้าน สายตาไปหยุดอยู่ที่ร่างสูงในชุดผ้าสีดำเรียบหรูของ คุณชายอันเล่อ..ซึ่งยืนอยู่ที่เดิม ท่าทางเรียบขรึมเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยกับความหายนะที่เกิดขึ้นนี้
เธอยกนิ้วชี้ไปตรงถาดแบบไม่ตั้งใจ “ท่านชาย..มะ..หมดแล้วหรือเจ้าคะ?”
หลิวอัน หรือคุณชายอันเล่อในตอนนี้ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นจากบันทึกบัญชีตรงหน้า เหลือบตามองไปยังถาดแล้วสบตากับหลินหยา สีหน้าของเขานิ่งราวกับหิน น้ำเสียงก็ยังราบเรียบดั่งสายน้ำในช่วงฤดูเหมันต์
“เหลือ 1 ชิ้น” เขาตอบ
“ใช่..ข้าเห็นแล้วเจ้าค่ะ” หลินหยาเผลอยิ้มขื่นนิดหน่อยเหมือนจะกัดลิ้นตัวเองให้ได้.. หลิวอันก็พยักหน้าช้า ๆ แล้วเอ่ยอย่างจริงจังจนน่าหงุดหงิด “ข้าก็ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด คงนับเลขได้ไม่ผิด”
“........”
WTF!!
หลินหยาเบิกตาโตสะอึกกับน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เหมือนเอาไม้หน้าสามมาฟาดกลางหน้ากันต่อหน้าคนอื่น หลินหยายกมือลูบหน้าตัวเองแล้วแก้มแดงนิดหน่อยอย่างหงุดหงิดปนขำจนยากจะแยกออกว่ารู้สึกอะไร ส่วนสิ่งที่หลิวอันทำกลับแค่ปรายตามองนางก่อนที่จะตอบต่อ “แล้วเจ้าจะเอาไหมล่ะ หนึ่งชิ้น หรือจะรอพรุ่งนี้” ก็คือบอกว่า ไม่ทำเพิ่ม มีแค่นี้..
โอ้ยยย อีตาคุณชายอันเล่อ!!
หลินหยาแทบจะกลอกตาไปสุดเบ้าใส่อีกคน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังต้องรักษาภาพลักษณ์ตอนนี้สักหน่อย อาจจะได้ยินเสียงกัดฟันของเธออกมาเป็นจังหวะดนตรีพื้นบ้านไปแล้ว เธอหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายที่นิ่งขรึมไม่รู้ร้อนอะไรบ้างเลย เขาพึ่งตบหน้าเธอด้วยคำพูดที่สุภาพยัง..ยังจะมายืนแบบไม่แยแสอะไรนั้นอีก..
“ข้าจะเอา” หลินหยาเอ่ยพน้อมกับเบิกตากว้างอย่างหัวเสียจนเจ้าหนึ่งชิ้นนั้นแทบกลายเป็นตัวปัญหาประจำปีตอนนี้ เธอซื้อเต้าหู้ไปด้วยหน้างอ หน้าตาคล้ายแมวที่โดนราดน้ำเวลาอาบน้ำแบบแมวขนเปียก ยังต้องทำท่าทางเรียบร้อยอีก แต่นั้นไม่ใช่จุดจบของวันนี้
หลังจากจากที่รับเต้าหู้เสร็จแล้วก็ขยับมือเปิดกระเป๋าเจ็ดสมบัติเสียเลย แล้วยื่นกล่องขนมกุ้ยฮวาเล็ก ๆ สีชมพูเหลืองลวดลายอ่อนออกมาหนึ่งกลอ่ง ขนมที่ทำจากเกสรดอกไม้ รสหวานนวลกลิ่มหอมชวนฝัน แวบแรกก็คงรู้ทันทีว่า ไม่ได้มีให้เจ้าเถ้าแก่ร้านเต้าหู้ที่ปากคอเราะร้ายที่สุดในย่านนี้
เธอส่งกล่องให้เขา ท่าทางไม่ได้อ่อนหวานแต่ก็ไม่ได้เสียมารยาท “ไม่ได้ให้ท่าน ข้าฝากให้แม่นางหรงเล่อบุตรสาวท่าน แต่ถ้ามันเหลือจะกินก็ได้ตามใจ” หลินหยากล่าวเสียงเรียบ น้ำเสียงชัดเจนหนักแน่นจนเด็กในร้านแทบจะชะงักมือที่ทำงานอยู่ พูดจบเธอก็ผลักกล่องนั้นใส่มืออีกฝ่ายราวกับจะส่งมอบของถวายพระ แต่แววตาที่จ้อง..เหมือนแมวขู่ฟ่อ..
หลิวอันรับกล่องไว้ในมือ สีหน้ายังคงเรียบนิ่งแต่สายตากลับดูไม่เหมือนเดิม นัยน์ตาเข้มนิ่งเยือกเย็นคล้ายมีประกายบางอย่างวูบไหว คล้ายความรู้สึกที่เคยโดนใครสักคนพูดจากัดลิ้น "อืม" เขาตอบแค่สั้น ๆ พร้อมพยักหน้าน้อย ๆ ไม่ได้ตอบว่า ‘จะให้ถึงมือหรงเล่อ’ หรือ ‘จะเอาไปกินเอง’ เขาแค่พยักหน้า...แค่นั้น
หลินหยาเบือนหน้าหนีในทันทีคล้ายไม่อยากรอคำตอบเธอก้าวเท้าออกจากร้านแบบเร็ว ๆ แต่อาการหงุดหงิดของเธอที่แสดงออกผ่านแผ่นหลังนั้นชัดเจน หลิวอันหันไปมองกล่องขนมอีกครั้งในมือ มองกล่องที่มีลายดอกกุ้ยฮวาเล็ก ๆ นั้นด้วยสายตาแปลกประหลาดคล้ายจะหัวเราะกับตนเอง แต่ไม่แสดงทางสีหน้าออกมาเลยสักนิด “ยังบอกว่าไม่ได้ให้ข้าอีก…” มือหนาเคาะเบา ๆ บนฝากล่องขนมนั้นหนึ่งที ก่อนที่จะหันหลังกลับไปทำงานของตนเอง
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ซื้อ เต้าหู้ ราคา 379 เหรียญอู่จู จำนวน 1 ชิ้น รวม 379 เหรียญอู่จู
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้มมอบ ขนมกุ้ยฮวา ขนมเกรดม่วง ความสัมพันธ์ +15อาหารปรุง ความสัมพันธ์ +5
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบสอง เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 12.30 - 13.00 น. มาซื้อเต้าหู้ ณ ร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน (พบ หลิว อัน)
หลินหยาที่กำลังก้าวออกจากธรณีประตูพลางเหมือนจะก้นด่าอีตาเจ้าของร้านปากร้ายพูดน้อยต่อยหนัก ทันทีที่เธอหันหลังจะก้าวออกจากร้านเธอได้ยินเสียงต่ำเรียกเรียบนิ่งตามหลังมาทันทีไม่ช้าไม่เร็ว “แม่นางหลินหยารอสักครู่” เสียงฝีเท้าของหลินหยาหยุด เธอหันกลับไปอย่างแปลกใจเล็กน้อย ขณะที่อีกฝ่ายเดินตรงมาพร้อมหยิบสมุดบัญชีปกไม้ขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน ท่าทางนั้นมัน..ใช่เลย..เป็นเขาแบบเต็มขั้น..คุณชายอันเล่อ หรือจะเรียกว่าเถ้าแก่ร้านเต้าหู้จอมจู้จี้ก็เห็นจะได้
“ขาดไป 7 ตำลึง”
“หา?...” หลินหยาเผลอหลุดเสียงเบา สีหน้าเอ๋อเข้าเต็มขั้น ดวงตาใสนั้นซื่อแบบงง ๆ แบบ..ไม่ได้ตั้งใจให้ดูโง่แต่น่าจะโง่จริง เธอจ้องเขาตาโตเหมือนคนที่เพิ่งโดนตีกัวด้วยไม้เรียวแห่างความจริงหรืออะไรที่เธอคาดไม่ถึงสักนิดเลยตอนนี้.. “ข้า..ข้าก็ซื้อชิ้นละ 379 เหรียญอู่จูมาตลอดเลยนี้เจ้าคะ?...นี่ก็จ่ายไปแบบนั้นทุกวัน” หลินหยานั้นพูดพลางมองหน้าเขาแบบงง ๆ ..
หลิวอันหรือคุณชายอันเล่อกระพริบตาช้า ๆ หนึ่งครั้ง ดวงตาเรียบนิ่งอย่างกับอ่านท่าทีของเธอเป็นหนังสือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่สี ไม่ประชด ไม่โกรธเพียงแต่นิ่งจนน่าหวั่นใจ “ราคาขายจริงคือ ชิ้นละ 7 ตำลึงเงิน 379 เหรียญอู่จู รวมภาษีแล้ว” เขาเปิดสมุดบัญชีในมือ ใช้นิ้วเรียวข้องามนั้นเคาะเบาะ ๆ บนบรรทัดวันที่ 19 เดือน 5 “วันที่ 19 เดือน 5 ขาด 53 ตำลึงเงิน วันที่ 21 เดือน 5 ขวด 38 ตำลึงเงิน” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ “รวมวันนี้ที่แม่นางควรจ่ายคือ 98 ตำลึงเงิน 379 เหรียญอู่จู”
“หา…” หลินหยาอ้าปากค้างยืนตัวตรงเหมือนจะกลายเป็นประติมากรรมภายในร้าน ความเงียบชั่้วอึดใจเหมือนทำให้กลิ่นเต้าหู้ที่ลอยอยู่ในอากาศชัดขึ้นด้วยซ้ำ .. “แต่..แต่ข้าไม่ได้ตั้งใจเบี้ยวท่านนะ ข้าคิดว่ามันคือราคาเต็มแล้ว” เต้าหู้บ้านไหนราคาแพงขนาดนี้เนี้ย รู้ว่ามีร้านเดียวในฉางอัน แต่นี้มัน..พระเจ้า จะบ้าตาย..!! เธอพูดเร็วขึ้นพลางควักถุงเงินของตัวเองแทบจะทันที แล้วหันมองเขาแบบจริงจังเล็กน้อย “แล้วเหตุใดท่านไม่พูดตั้งแต่วันแรกเล่า”
หลิวอันปิดสมุดบัญชีลงเสียงเบา “เพราะข้าอยากดูว่าเจ้าจะเซ่อซ่าได้นานแค่ไหน” คำตอบนั้นทำเอาหลินหยาแทบอยากเอาหัวโขกเคาน์เตอร์ไม้ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างหงุดหงินอแต่ยังติดคำว่า รู้จักรักษามารยาทและเธอก็เบี้ยวเงินเขาจริง ๆ ด้วยในหัว..
“ข้านึกว่าท่านจะสุภาพเรียบร้อยกว่านี้เสียอีก ที่แท้ก็ชอบซ้ำเติมคนเผลอ” เธอบอกว่าเธอเผลอ แต่เอาความจริงเธอน่าจะซื่อบื้อมากกว่านะเนี้ย
“ข้าไม่ได้ซ้ำเติม..ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าคนที่แม่นยำเวลาเป่าขลุ่ยถึงขั้นหางเสียงไม่เพี้ยน ยังจะคำนวณเศษเหรียญพลาดไปขนาดนี้ได้อย่างไร” คำพูดนั้นทำให้หลินหยาอยากจะตบหน้าตัวเองเบา ๆ แล้วบ่นเสียงอู้อี้ในลำคอ เธอหยิบเศษเงินออกมานับอย่างไวพร้อมกับยัดลงบนเคาน์เตอร์ด้วยท่าทางที่ดูจะอยากจบเรื่องนี้เต็มที
“ครบ 98 เหรียญตำลึงเงิน 379 เหรียญอู่จูเจ้าค่ะ” เสียงของเธอเน้นคำว่าเจ้าค่ะใส่เขาเหมือนจะกระแทกอารมณ์ที่ทั้งเขิน ทั้งโกรธ ทั้งอาย และทั้งรู้สึกผิด แล้วหลิวอันก็เก็บเหรียญไปเรียบร้อย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับนี่คือกิจวัตรธรรมดาที่มีแม่นางหน้าหวานคนหนึ่งมาจ่ายเศษเหรียญตามหลังสามวัน
หลินหยาเหมือนกับจะอารมณ์ไม่ค่อยคงที่เท่าไร..แต่ระหว่างที่เธอหันหลังกลับเขากลับเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ “ข้าไม่ได้โกรธ..เพียงแต่ข้าเฝ้าดูเจ้าทำสิ่งที่เล็กน้อยเสมอ ด้วยความคิด..และไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังถูกเฝ้าดูอยู่หรือไม่”
หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นก็เหมือนจะชะงักค้าง ลมหายใจเหมือนติดขัดเล็กน้อย หัวใจของเธอเต้นประหลาดไม่รู้ว่าเพราะความโกรธ ความเขิน ความอาย หรือความสับสนที่ทำให้ตัวเองเป็นเช่นนี้แล้วรีบเดินหนีออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว..เพราะหากเป็นเช่นนี้ เธอจะสู้หน้ากับเขาต่อได้ยังไงล่ะ แม้เธอจะฝืนทำสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับโกลาหลราวกับพายุทอร์นาโดขนาดย่อม ความรู้สึกปะปนพวยพุ่งขึ้นมาจนแทบจับต้นชนปลายไม่ถูก ทั้งโกรธเขาที่ไม่เตือน ทั้งเขินอายตัวเองที่พลาดง่าย ๆ อย่างนั้น ทั้งความรู้สึกบางอย่างที่แค่แวบเดียวก็พลุ่งขึ้นมาจนร้อนข้างแก้ม
มือของเธอที่กำลังจะกำชายกระโปรงแน่นชะงักค้าง สายตาเบิกนิด ๆ ก่อนรีบเบนหนี...ไม่ใช่เพราะกลัว ไม่ใช่เพราะโกรธ ไม่ใช่เพราะยินดีหรือหวั่นไหวอย่างเดียวดาย แต่มัน...มากกว่านั้น มากจนอยากหนีจากตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หลิวอันยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิม มองตามหลังเล็กของเด็กสาวที่เล็กลงเรื่อย ๆ ในสายตาโดยไม่ได้ขยับแววตาของเขาและแววตาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด แต่ลึกในใจของเขากลับเหมือนมีคลื่นระลอกหนึ่งค่อย ๆ ซัดเข้ามากระทบชายฝั่งของตัวเขาเอง ไม่ได้ไล่ตาม ไม่ได้เรียกร้องหรือทำสิ่งใดให้ดูร้อนรน กลับกัน..สิ่งที่เขาทำคือการยืนนิ่งเพียงเท่านั้น คิ้วขยับเข้าหากันช้า ๆ ประหนึ่งมีอะไรบางอย่างสะกิดใจ
“แปลกจริง…”
เขาไม่ยิ้ม แต่แววตาเหมือนเปลี่ยนไปช้า ๆ เหมือนบางอย่างในตัวของเขาคลายออก เงียบงันแต่รุนแรงไม่ต่างจากเปลวไฟในเตาถ่านที่ลุกโชติช่วงในร้านอาหาร เขาเดินกลับไปมองกล่องขนมที่พึ่งได้มา เปิดฝาแล้วพบว่าด้านในคือขนมกุ้ยฮวา สีทองอ่อนกลิ่นหอมหวานที่เธอบอกว่า ไม่ได้ให้เขา แล้วขยับมือปิดฝากล่องพลางพูดกับตัวเองเล็ก ๆ ..
“ข้าจะไม่กินของคนที่ ‘ไม่ได้ให้ข้า’ หรอกนะ”
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: จ่ายเงินคืนให้ครบพร้อมภาษีที่จ่ายเงินช้าด้วย 98 ตำลึงเงิน 379 เหรียญอู่จู
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-24 03:05
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบสาม เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซวี เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป ณ ร้านอันเล่อจ้วน
ร้านอัลเล่อจ้วนในยามค่ำ แม้จะไม่มีเสียงคึกคักของลูกค้า ไม่มีกลิ่นหอมของเต้าหู้ทอดลอยตลบเหมือนยามกลางวัน แต่บรรยากาศกลับเงียบสงบจนน่าประหลาดใจ เหล่าคนงานที่ยังอยู่นั้นทำความสะอาดโดยไม่มีใครถามสักคำเมื่อเห็นเถ้าแก่ผู้มักเข้มงวดกับทุกสรรพสิ่งเดินเข้ามาพร้อมสตรีแปลกหน้า แม้จะไม่ได้แต่งตัวงามดั่งเช่นนางรำในหอมนางโลม แต่แววตาแดงก่ำและอาการเหม่อลอยของนางกลับน่าสงสารมากกว่าอะไรเสียอีก
หลิวอันเดินนำหลินหยาผ่านบานประตูไม้บานใหญ่เข้ามาในพื้นที่ด้านหน้า ซึ่งเคยเป็นที่ต้อนรับแขกและลูกค้า เขาหุดฝีเท้าแล้วหันหลังกลับมามองหญิงสาวที่เดินตามมาเงียบ ๆ ไม่ได้ก้าวนำหรือเร่งรัด บางครั้งนางก็เดินเชื ่องช้าราวกับแบกบางสิ่งไว้บนบ่า น้ำหนักที่มองไม่เห็นแต่กดร่างให้ทรุดลงได้เพียงด้วยเวลาเท่านั้น
เมื่อเขาพาเธอมาถึงโต๊ะริมผนังที่ไกลจากสายตาคนงานเล็กน้อย เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงใช้มือลูบโต๊ะเบา ๆ เพื่อปัดเศษฝุ่นที่ไม่มีแล้วผายมือให้เธอนั่ง หลินหยาไม่ได้สบตาเขา ไม่ได้ทำหน้ากลบเกลื่อนหรือแสร้างยิ้มอย่างเคย เธอเพียงนั่งลงช้า ๆ เหมือนคนหมดแรง เหมือนคนที่นั่งก็ไม่ใช่เพื่อพัก แต่นั่งเพราะไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนอีกต่อไป ดวงตาของเธอแดงก่ำช้ำ เส้นผมที่เคยเรียงตัวงามเรียบร้อยหลุดรุ่นลงเล็กน้อยเพราะฝีเท้าที่นางเดินมา ดวงหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ขอบตาเปียกชื้นเป็นเงาน้ำ นางวางมือซุกไว้บนตัก ไม่กอด ไม่กุม ไม่มีแม้แต่ท่าทีระแวงข้างกาย เพราะดูเหมือนว่าใจของหลินหยา…จะไม่เหลือที่ว่างให้สิ่งใดอีกแล้ว
หลิวอันยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าร่างนั้นอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ไม่ได้ถามหรือกระแอมไอ หรือแม้แต่จะถอยหนีสายตารที่ไม่ยอมมองเขา เขาเพียงทอดตามองเธอ ราวกับเห็นสิ่งที่นางไม่พูดทั้งหมดผ่านท่าทางอันเงียบงันนี้ นานหลายนาทีที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ไม่มีเสียงใดในโลกที่ดังไปกว่าเสียงใจเต้นเบา ๆ ของคนสองคนที่ต่างก็ยังไม่รู้ว่าตนควรพูดคำไหนก่อนดี เอาความจริงเขารู้จากคนที่ส่งให้ติดตามหลินหยาไปเงียบ ๆ ไม่ให้นางรู้ตัว ว่าตอนนี้นางอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับจางกงกง...ขันทีคนนั้น..
หลิวอันขยับมือเบา ๆ ไปหยิบกาน้ำชาที่มีอยู่ตรงมุมโต๊ะ ไม่ได้ปลอบอะไร แค่รินน้ำชาใส่ถ้วยแล้ววางมันลงตรงหน้าหลินหยาโดยไม่พูดอะไร ท่ามกลางความเงียบที่ถาโถม ไม่ใช่ความอึดอัด ไม่ใช่ความห่างเหิน แต่เป็นความเงียบที่ยอมรับ ว่าบางความเศร้า…มันใหญ่เกินกว่าจะพูดแก้ให้หาย เขาแค่อยู่ตรงนั้น อยู่ใกล้เธอพอจะให้รู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ว่าโลกทั้งใบจะเหมือนหายไปจากใจเธอก็ตาม
ภายในร้านเงียบสงัด มีเพียงเสียงถูพื้นที่เสียดสีกับกระเบื้องหยาบ ๆ ด้านในมุมครัว เสียงหยดน้ำจากอ่างไม้ดังเป็นจังหวะเย็นชา และลมหายใจหนักของหญิงสาวผู้ที่เหมือนโลกทั้งใบดึงลงมาให้พังทลาย หลินหยา..นางยังนั่งนิ่งตรงโต๊ะไม้ตรงนั้น ตอนนี้เธอคือคนเดียวในห้วงความเงียบ นางนั่งตัวตรงเหมือนตุ๊กตาที่หมดลมหายใจ ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนปิดสนิทอย่างพยายามกลั้นอะไรบางอย่างไว้ใต้เปลือกตานั้น มือสองข้างวางอยู่บนตัก ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับกลัวว่าแม้แต่ลมหายใจจะเผยความอ่อนแอออกมาให้ใครได้เห็น
“ท่านชาย..” น้ำเสียงของหลินหยาเบาหวิวจนแทบคล้ายสายลมที่พัดผ่านรอยร้าวของประตูเก่าที่ใกล้พังเต็มทน “หากโลกใบนี้มืดแปดด้าน ข้าควรทำเช่นไร..”
หลิวอันเหลือบมองแม้คำพูดจะดูเรียบง่ายแต่กลับมีน้ำหนักมหาศาล หนักจนแทบจะบดบังอากาศทั้งร้านให้หยุดนิ่ง เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่พูดหรือยิ้มและขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ดวงตาของเขาจ้องจับไปที่เด็กสาวตรงหน้า หญิงสาวที่เคยพูดจาอวดดี หน้างอใส่เขาแทบทุกครั้งที่พบกัน และบ้างครั้งก็ถึงขั้นดื้อรั้นแบบไม่เกรงใจ แต่ตอนนี้ นางดูเปราะบางจนหลิวอันเองยังไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าใช่คนเดียวกับหญิงสาวที่เคยแย่งเต้าหู้ชิ้นสุดท้ายในร้านของเขาหรือไม่
“ถ้าเจ้าถามข้าในฐานะพ่อค้าเต้าหู้…” เขาเริ่มตอบ น้ำเสียงยังราบเรียบเช่นเคย ทว่าแววตานั้นลึกและแน่นิ่ง “…ข้าคงตอบว่า เมื่อไฟดับ ก็จุดตะเกียง เมื่อถนนหาย ก็เหลาไม้ไผ่ทำไม้ค้ำเดินต่อ เมื่อคนไม่รับฟัง ก็เงียบไว้ รอฟังเสียงหัวใจตนเองแทน”
“แต่ถ้าเจ้าถามข้าในฐานะคนรู้จัก..ข้าจะบอกว่าอย่ากลัวความมืดนัก เพราะบางครั้งมันอาจช่วยให้เรารู้ว่าดวงตาเรานั้นจะมองเห็นอะไรได้บ้างเมื่อไม่มีใครคอยชี้นำ” เขาอยู่ตรงข้ามกับเธอ ชั่วขณะนั้นไม่มีคำปลอบโยน ไม่มีมุกตลก ไม่มีเต้าหู้ ไม่มีอะไรเลย มีเพียงชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามหญิงสาวที่แหลกสลาย เขาหลุบตามองมือของนางบนตัก มือที่เรียวสวยงามบอบบางน่าทะนุถนอมแม้ฝึกดนตรีไม่หยุดหย่อน มือที่เคยส่งขนมกล่องเล็กให้เขาให้ลูกสาวเขา มือที่เคยลนลานจ่ายเงินผิดมาเกือบอาทิตย์โดยไม่รู้ตัว
หลิวอันไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงพิงฟลังกับพนักเก้าอี้ไม้ แล้วเอ่ยเสียงเบาราวกับบ่น “เจ้าก็เหมือนคนหลงทางในป่าใหญ่ ถึงไม่พูดอะไรเลย ข้าก็รู้ว่าเจ้ากำลังพยายามเดินอยู่” เขาไม่ยื่นมือออกไป ไม่เอ่ยถามใด ๆ เพราะเขารู้ว่า...ตอนนี้ การอยู่ตรงนี้เฉย ๆ อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่หลินหยาต้องการ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ปลดหัวใจจจจจจจจจจจจสักที ก่อนนุจะต้องไปเป็นนางกำนัล ฮืออรางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น. เป็นต้นไป ณ ร้านอันเล่อจ้วน
ห้องเก็บของด้านหลังร้านอันเล่อจ้วนนั้นเล็กมากจนแทบหมุนตัวไม่ถนัดเพราะของเยอะ กำแพงไม้ขึ้นชื้นเย็นจากไอค่ำของเมืองหลวงในฤดูร้อนแห่งนี้ กลิ่นผ้าใบและฟืนเก่า ๆ คลุ้งปนกับกลิ่นหวานของถุงขนมที่วางค้างบนชั้นไม้ ดวงจันทร์ด้านนอกลอยสูง แสงลอดผ่านช่องไม้เข้ามาเป็นเส้นริ้วซีดจาง สาดลงบนร่างบอกบางที่ขดตัวอยู่ใต้ผืนผ้าห่มหยาบสีหม่น หลินหยาไม่ได้หลับสนิท แต่ก็ไม่ลุกขึ้น เธอเพียงขนตัวนิ่ง เงียบงันอยู่ท่ามกลางลังไม้และกองผ้าเก่าที่ซ้อนทับชั้นเป็นอีกที ความเงียบทำให้ความคิดก้องในหัวชัดเจนขึ้นทุกวินาที เสียงหัวใจของเธอเองราวกับสะท้อนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แห่งนี้
เธอไม่ได้กลับไปที่หอว่านหงเหริน ไม่ใช่เพราะอยากหนี แต่เพราะหัวใจของเธอแตกละเอียดเกินกว่าที่จะกลับไปท่ามกลางแสงโคม เสียงหัวเราะ กลิ่นโลหะคาวที่ปะปนกับน้ำหอมพวกนั้นในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าคุณชายอันเล่อรู้หรือไม่ หรือเขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอแอบอยู่ตรงนี้หรือเปล่า..
แต่หลินหยารู้ว่าเมื่อประตูหลังร้านไม่ได้ถูกล็อคไว้ ทั้งที่ควรถูกปิดให้สนิทนับตั้งแต่สามทุ่มของทุกคืน มันหมายความว่ามีคนคนหนึ่ง คนที่ไม่พูด ไม่เอ่ยถาม ไม่เรียกชื่อเธอแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่ค่ำที่ผ่านมา ได้เฝ้าดูเธอจากอีกด้านหนึ่งอยู่เสมอ ๆ และเลือกที่จะไม่ทำลายความเงียบนี้ลงเลย หลิวอันไม่ปรากฎตัวให้เห็น ไม่พูดให้ได้ยิน แต่เพียงสั่งคนงานเพียงสั้น ๆ ก่อนร้านปิด
“คืนนี้ไม่ต้องล็อคประตูหลัง ปล่อยไว้แบบนั้น” นั้นคือทั้งหมดที่ไม่มึคำอธิบายหรือแววตาอ่อนโยน แต่สิ่งนั้นสำหรับหลินหยามันมากพอ มากพอที่จะให้เธอซุกหน้าแนบแขน ลมหายใจหนักสะอื้อนเพียงแผ่ว เธอไม่ได้โดดเดี่ยว…ถึงจะเหมือนอยู่คนเดียว ผืนผ้าห่มเก่าเริ่มอบอุ่นขึ้นแม้ไม่ได้มาจากเตาไฟใด ๆ ความเหนื่อยล้าจากร่างกายค่อย ๆ ละลายหายไป เธอซุกกายขดแน่นขึ้น ลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ แม้จะยังเจ็บปวด แม้จะยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป แต่ในคืนที่เธอไม่อาจกลับไปที่ใดได้อีก
ในความเงียบสงัดของยามจื่าอ เสียงจิ้งหรีดบางตัวยังไม่หยุดส่งเสียง ลมกลางคืนลูบไล้กระดิ่งที่ห้อยอยู้ใต้ชายคาร้านค้าให้สั่นไหวเบา ๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่มือของชายผู้หนึ่งค่อย ๆ วางพิณไม้ลงบนตักอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวมันจะสะเทือนความทรงจำอันเก่าแก่ที่หลับใหลอยู่ในไม้ชั้นบางนั้นให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง..
หลิวอัน หรืออ๋องหลิวอันแห่งหวยหนาน มักไม่ปรากฎกายยามค่ำคืนโดยไร้สาเหตุจำเป็น แต่ในคืนนีน้เขากลับก้าวเท้าออกมาจากจวนอย่างเงียบเชียบ ผ่านโถงว่างเปล่า ผ่านแสงไฟวูบไหวใต้ร่มไม้ แล้วมาหยุดอยู่ตรงล้านเล็ก ๆ หลังร้านเต้าหู้ที่ไม่มีใครอยู่..นั้นสิ ไม่อยู่ตรงหลังร้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าด้านในหลังร้านนั้นไม่มีใครอยู่นี้จริงไหม?..
พิณไม้เก่าที่เก็บไว้ไม่รู้กี่ปี ถูกถือออกมาด้วยมือที่มักจะทำแต่งาน จดแต่ตัวเล็ก ตวัดปากกา บงการเกมการเมืองหรือบัญชาความตาย แต่ค่ำคืนนี้มือคู่นั้นกลับค่อย ๆ ปรับสาย คลึงลูบ และดีดลงไปอย่างเงียบงัน ราวกับทุกเสียงที่เขาเคยกลืนไว้ กำลังค่อย ๆ ถักทอเป็นทำนอง เสียงแรกที่เปล่งออกมา แห้งกรอบ และสั่นไม่ต่างจากเสียงหัวใจของเขาที่ไม่เคยพูดกับใครเลย เสียงต่อมาเริ่มเข้าที่เข้าทาง แว่วเบาแต่มั่นคง มีความลังเลในจังหวะแรก ๆ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองอันเรียบง่าย ไม่มีการเสแสร้ง ไม่มีความพยายามโอ้อวดฝีมือเพราะเขาไม่ได้เล่นเพื่ออวดใครเลย
เขาแค่เล่น..เพราะใจอยากให้ใครบางคนได้ยิน..
ท่ามกลางแสงโคมไฟเก่าที่สาดแสงนวลส้มลงบนเงาด้านหนึ่งของชายหนุ่ม ริมฝีปากของเขาไม่เอื้อนเอ่ยใด ๆ ดวงตาคมเข้มนั้นมองเหม่อไปยังเงามืดใต้ชายไม้หลังร้านตรงที่เขารู้ว่านางกำลังหลับอยู่หรืออย่างน้อยก็อาจกำลังฟังอยู่ หลิวอันไม่ได้ต้องการคำตอบตอนนี้ ไม่ต้องการให้เธอออกมาหาในตอนนี้ หรือไม่ต้องการให้เธอรู้ด้วยซ้ำว่าเขามานั่งตรงนี้
แต่เขารู้ดี..ว่าคนที่บาดเจ็บมักหลับได้ยาก และคนที่ร้องไห้จนอ่อนแรงมักไม่กล้าพูดความจริงใด ๆ ออกมาอีกในคืนนั้น เขาจึงเลือกใช้เสียงพิณนี้ เล่นอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่เพราะอยากให้เธอรู้สึกดี แต่เพราะเขาไม่รู้ว่าจะอยู่ข้างเธอในฐานะอะไร
พ่อค้าเถ้าหู้..ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย?
อ๋องหลิวอันที่ไม่เคยชายตามองผู้ใด
หรือชายคนหนึ่งที่ไม่เคยหยิบยื่นอะไรให้เธอได้นอกจากความเงียบ
เสียงพิณที่แผ่วเบาแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ในยามค่ำคล้ายสายลมต้องกลีบดอกไม้หล่น เสียงนั้นไหลผ่านใจที่เหี่ยวแห้งของหลินหยา เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ใต้ผ้านอนที่ยังอุ่นกลิ่นฝุ่นไม้ผสมกลิ่นเต้าหู้จาง ๆ ในห้องเก็บของของหลังร้านอันเล่อจ้วน ดวงตาที่เคยแดงก่ำคล้ายยังบวมช้ำเล็กน้อยจากการร้องไห้ที่ผ่านมากลับมองผ่านม่านความฝันเข้าสู่เสียงจริงที่ลอดผ่านผนังไม้เข้ามาอย่างอ่อนโยน..
เธอไม่พูดอะไร ไม่เรียกหาใคร ไม่ผลีผลามออกไปด้วย ไม่แม้แต่จะปัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เธอเพียงแค่ลุกขึ้นจากเสื่อเก่า ๆ แล้วเดินไปเปิดบานประตูไม้บานเล็ก ๆ อย่างแผ่วเบาเสียงกรอบแกรบของกลอนขัดกึกก้องอยู่เพียงในใจของเธอเท่านั้น เธอแง้มประตูไว้นิดเดียวเท่านั้น ไม่พอให้คนข้างนอกเห็น ไม่พอให้แสงลอดเข้ามาจนแสบตา แต่พอให้เธอเห็นและได้ยินเขาเท่านั้น
เงาของชายหนุ่มผู้นั้นนั่งอยู่ภายใต้โคมผ้าผืนหนึ่ง แสงส้มอ่อนทาบเงาของเขายาวออกไปถึงริมกำแพง เห็นเพียงเสี้ยวหน้าที่โน้มต่ำลงเล็กน้อย คล้ายเงี่ยหูฟังเสียงของตนเองขณะดีดสายพิณทีละวรรคในบทเพลง นิ้วเรียวยาวขยับอย่างมั่นคง ราวกับมือของพ่อค้าที่ฝึกควบคุมความเรียบง่ายในทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างสงบงัน และช่ำช่องในความเงียบเฉพาะของตนเอง หลินหยาไม่รู้ว่าเขาเล่นเพลงนี้ให้ใคร อาจะไม่ใช่เธอ อาจเป็นความเศร้าของเขาเอง อาจเป็นใครสักคนที่เขาเคยสูญเสีย หรืออาจเป็นตัวเขาในวันที่อ่อนแอเกินกว่าจะพูดกับใครได้..
แต่เธอรู้…รู้ว่าเขารู้ว่าเธอกำลังฟังมันอยู่
เธอมั่นใจในสิ่งนั้นพอ ๆ กับความจริงที่ว่าเขาไม่เอ่ยอะไรเลยตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าร้านของเขา ไม่ถามหรือซักไซร้ ไม่ถึงขั้นพูดชื่อของเธอออกมาด้วยซ้ำ เขาตอบเมื่อเธอถามเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ เขากำลังพูดอยู่ ผ่านเสียงพิณ..
และเธอก็กำลังตอบผ่านดวงตาที่มองเขาอยู่เงียบ ๆ จากหลังบานไม้ที่ยังคงแง้มอยู่อย่างงั้น ไม่ใช่คำพูด ไม่ใช่น้ำตา ไม่ใช่สัมผัส แค่การอยู่เงียบ ๆ ตรงนี้ให้เขารู้ว่าเธอได้ยิน ให้เธอรู้ว่าเขารู้ โลกอาจมืดแปดด้าน แต่ในยามจื่อของคืนนี้มีเสียงหนึ่งที่ดังลอดออกมาจากหลังร้านแห่งนี้ในย่านกลางกรุงต้าฮั่น เสียงที่บอกว่าบางครั้ง ‘การรับฟัง’ ก็เพียงพอแล้ว สำหรับหัวใจที่หล่นกระจายจนไม่รู้จะเริ่มเก็บจากตรงไหนก่อน
บานไม้เล็กที่แง้มอยู่เงียบงันยังคงนิ่ง เงาของเด็กสาวด้านในยังนั่งอยู่ในท่าเดิม เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาหรือเสียงสะอื้นก็ไม่มี ไม่ขยับตัว ไอเบา ๆ ก็ไม่มี แต่หลิวอันก็ยังอยากทำยางอน่าง ราวกับรู้ว่าเธอกำลังฟังมันอยู่ และอาจจะต้องการคำพูดเหล่านั้นจริง ๆ มากกว่าที่เธอเองจะยอมรับเสียด้วยซ้ำ เสียงของเขาราบเรียบ เย็นและสม่ำเสมอเช่นเคย ไม่ใคร่ในความโอบอ้อมอารี ไม่ยืดยาดเอื้อนเอ่ยดั่งพ่อพระ ไม่หยิบยื่นความปลอบโยนเหมือนผู้รู้ทุกอย่างในโลก เขาไม่ยื่นมือมาหรือเข้าไปลูบหัว ตอนนี้เขาไม่แม้แต่จะหันเหลียวกลับไปมองเธอ แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น
“ข้าฝึกดีดพิณเพราะอยากสอนลูกสาว..แต่ลูกข้าไม่ได้สนใจดนตรีเลย” มือที่ยังคงจับคอพิณแน่นอยู่เล็กน้อยนั้นดูมั่นคงกว่าที่เคย เงาของเขาบนกำแพงยืดยาวมันนิ่งพอ ๆ กับความเงียบที่ตามหาหลังจากนั้น “สุดท้ายมันเลยกลายเป็นเสียงที่เอาไว้พูดกับตัวเองเสียมากกว่า”... และนั้นมันกลับดังชัดยิ่งกว่าเสียงพิณเมื่อครู่ที่เพิ่งจบไปเสียอีก
ในความเงียบที่คตล้ายจะอบอวลไปด้วยความว่างเปล่า เสียงนั้นกลับหยั่งลึกถึงขั้วหัวใจของหญิงสาวที่นั่งฟังอยู่ด้านหลังบานประตู เธอหลุบตาลงช้า ๆ คล้ายจะกลั้นบางอย่างที่ปริ่มขึ้นมาอีกระลอก แต่ไม่มีหยาดน้ำตาหยดใหม่หล่นลงมาแล้วในตอนนี้ มีเพียงความเงียบที่แผ่ซ่าน เงียบแบบที่เข้าใจจริง ๆ ไม่ใช่เงียบแบบโดดเดี่ยว
“บางครั้งข้าไม่รู้จะปลอบเจ้ายังไง…ก็เลยดีดดูแทน”
คำพูดนี้เหมือนมีบางอย่างร่วงหล่นลงกลางอกของหลินหยา เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเจ็บนัก แต่ก็ดันอบอถ่นเหลือเกินในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงของเขาไม่หวาน ไม่แฝงความอาทรสิ่งใดให้คล้อยตาม ไม่เอ่ยคำว่าห่วงหรือพยายามที่จะเป็นที่พึ่งพา ไม่ปลอบประโลมด้วยคำโกหกหรือหว่านล้อมใด ๆ แต่กลัยกลายเป็นคำพูดที่มีอาณุภาพมากพอที่จะทำให้ความเศณ้าอันแหลมคมของเธอชะลอลงได้ชะงักนัก
และก่อนที่เธอจะตอบหรือก้าวออกไปข้างนอก เขาก็พูดต่ออย่างไม่เร่งเร้า “หากคืนนี้ยังนอนไม่หลับ..เจ้าจะฟังอีกสักหน่อยก็ได้นะ..ข้าไม่คิดเงิน” ประโยคนั้นทำให้มุมปากของหลินหยาเผลอยกขึ้นนิดหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็นยิ้มที่มาจากความรู้สึกเดียวกับตอนที่คนเรารู้จักคำว่าตัวเอง..ไม่ได้ถูกปล่อยให้สู้กับโลกคนเดียวเสียทีเดียวใช่ไหมนะ?
เงาเงียบของหลินหยานั้นเริ่มลุกขึ้น เธอเดินออกมาจากห้องเก็บของ ค่อย ๆ ปรากฎใต้แสงโคม เธอไม่ส่งเสียงหรือขาดเรียก หรือกระทั่งสบตา แค่เดินมาช้า ๆ แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างเขาอย่างสงบแทบจะไร้เสียง ไม่ได้นั่งตรงที่นั่ง แค่นั่งบนพื้นแทน ให้อีกฝ่ายนั่งสูงกว่าตนเองไป ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับความฝันที่ละมุนในยามค่ำ แต่ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความสั่นไหวอย่างน่าหวาดหวั่นเกินจะมองข้ามได้เลย
หญิงสาวนั่งกอดเข่ากับตัวเองแน่นเหมือนต้องการให้โลกทั้งใบเหลือเพียงพื้นที่เล็ก ๆ ระหว่างแขนของตนเองกับหัวใจที่แตกสลาย เธอเอาหน้าซุกกับหัวเข่าแน่น เธอไม่กล้ามองเขา ไม่กล้ารับความอ่อนโยนมากนักในตอนนี้…
“ได้โปรด..เล่นอีกเถอะเจ้าค่ะ..” แต่เธอก็เอ่ยออกมาในที่สุด น้ำเสียงขาดห้วง เหมือนลมหายใจร้าว ๆ ของคนที่แบกรับสิ่งเกินจะรับหรือทนไหว ..เสียงของเธอเบาราวกับจะหลุดลอยไปกับสายลมของเวลากลางคืน “ข้าอาจมีเวลาไม่มากแล้ว”
เสียงนั้นสั่นเล็ก ๆ เธอกัดปากแน่นราวกับจะกลั้นเสียงเอาไว้จนเลือดแทบซึมในเรียวริมฝีปากของเธอก่อนที่จะกลั้นใจพูดต่อ แผ่วเหมือนคำสาปที่เปล่งผ่านลมหายใจของตนเองในเฮือกสุดท้าย “วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ข้าพบท่านก็ได้..เพราะข้ามีเวลาถึงแค่วันพรุ่งนี้..แต่หากหาทางได้ ข้าจะพยายามใช้ชีวิตอยู่ให้มีความสุขแล้วกลับมาพบทุกคนนะ”
หลินหยาพูดเช่นนั้น..ราวกับเธอยังคงมีหวังเสมอแม้มันจะริบหรี่ มือของหลินหยาเล็กและยังซีด มือเรียวงามนั้น..กำผ้าชุดของตัวเองแน่นจนมันยับย่น ดวงตานั้นแดงก่ำแต่ไม่หลั่งน้ำตาออกมาในทันที มันรั้งไว้ เหมือนรอคำบางอย่างจากเขา
“และทุกอย่าง..สำหรับข้า..มันคง…”
เธอกัดคำสุดท้ายไว้..น้ำตาเหมือนจะซึมออกมาเล็กน้อย แต่กลับทำให้เสียงในลำคอของเธอขมราวกับชุบอยู่ในเหล็กกล้ากลิ่นสนิม เธอพูดไม่ออกมันขมในปากเหลือเกินไป มันร้าวในอกจนคำใด ๆ ที่ติดอยู่ก็เพียงในใจที่แตกสลาย “ท่านคงเป็นอีกหนึ่งไม่กี่คน..ที่ไม่ได้มองข้าเป็นหมากหนึ่งบนกระดานนั้น” เธอพูดมันออกมาในที่สุด ราวกับกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป..แต่ก็ไม่ได้หมดทั้งขนาดนั้น..
“ข้าดีใจที่เป็นเช่นนั้นนะ…”
เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่มองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่สาดทับแสงโคมให้ละมุนนุ่มเกินบรรยาย เสียงเธอเบาและแตกพร่า..
“ขอให้ท่านกับหรงเล่อมีความสุขนะ”
นั้นไม่ใช่คำอวยพรธรรมดา นั้นคือการส่งท้ายของใครคนหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์เลือกอนาคตของตนเองได้ มันเหมือนกับเป็นเสียงสุดท้ายของหัวใจแม้จะถูกเหยียบย่ำโดยใครบางคน แต่มันก็ยังคงรักและยังคงอาทร และยังคงปรารถนาให้ผู้อื่นได้พบความสุขที่เธออาจจะไม่มีวันได้แตะ เธอไม่รู้ว่าเขาจะตอบอะไรไหม หรืออยู่ตรงนี้ได้อีกนานขนาดไหน แต่ ณ ตอนนี้ เวลานี้..
ความเงียบที่เธอทิ้งไว้ให้เขาเผชิญ มันกลับไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่มันคือความรู้สึกทั้งหมดที่เธอมี ที่เธอกล้าเอ่ยให้เขาได้ยินได้เท่านี้ แม้จะไม่มีดอกไม้ ไม่มีดวงตะวัน ไม่มีเพลงบรรเลงใดในยามนี้ แต่จิตใจบางอย่างของหลินหยาจะยังคงเดินต่อ..ประกายเล็ก ๆ ไม่หมดลงง่าย ๆ นักหรอก
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ:-
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น. เป็นต้นไป ณ ร้านอันเล่อจ้วน
เงาของโคมผ้าผืนเก่าที่ไหววูบเล็กน้อยตามแรงลมในยามดึกนั้นทาบทอลงบนใบหน้าของหลินหยา ดวงตาที่เคยหม่นแรงกลับค่อย ๆ เงยขึ้นสบตากับอีกคนอย่างเงียบงันเมื่อได้ยินประโยคของเขา “หากมีเรื่องไม่สบายใจ เจ้าสามารถปรึกษาข้าได้” เป็นคำพูดเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่สำหรับหลินหยาที่โลกทั้งใบเหมือนกำลังจะล่มสลาย…
มันกลับเหมือนเสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันอันแสนทรมาร เป็นถ้อยคำที่เธอไม่กล้าหวังว่าจะได้ยินจากใครหน้าไหนในช่วงเวลาแบบนี้ เธอหันมองหน้าเขาอย่างแปลกใจนิดหน่อย ขมวดคิ้วน้อย ๆ อย่างคนที่ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดแบบนั้นทำไมทั้งที่ควรปล่อยให้เธอผ่านไปเงียบ ๆ ไม่ข้องแวะกันอีกเลยก็ยังได้..
นางอยากพูดถามว่าท่านจะทำอะไรหรือช่วยอะไรนางได้..เธอเกือบหลุดพูดคำนี้ออกไป แต่สุดท้ายนางทำเพียงถอนลมหายใจออกมาแล้วส่ายหัวแทนคำตอบของตนเอง
“ข้าต้องจัดการด้วยตนเองเจ้าค่ะ” เสียงของหลินหยานั้นหนักแน่นเหลือเกิน ไม่อ่อนแออย่างที่ใครอาจคาดคิดไว้ เธอไม่ใช่หญิงสาวที่จะรอให้ใครมาช่วย ไม่ใช่คนที่จะหวังพึ่งพาใครได้ง่าย ๆ เพราะในโลกของเธอ มันโหดร้ายกว่านั้นเยอะ..เธอไม่มีทางมาลากพ่อค้าเต้าหู้อย่างเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด ดวงตาเรียวใสของหลินหยาที่เงยขึ้นอีกครั้งภายใต้แสงโคมนั้น มีประกายแข็งกล้าที่ไม่ยอมดับลงง่าย ๆ อยู่ภายใน แม้มันจะเป็นเพียงแสงเล็ก ๆ ในความมืด…แต่มันก็เป็นแสงของคนที่ไม่ยอมถูกความโหดร้ายกัดกินจนหมดสิ้น
“ข้าจะกัดฟัน…จะดิ้นรน…จะไม่พ่ายให้โชคชะตา ไม่ว่าเส้นทางข้างหน้าจะซับซ้อนมากแค่ไหน” น้ำเสียงของเธอในวินาทีนั้นมั่นคงยิ่งกว่าที่หลิวอันเคยได้ยินจากเธอมา มันคือเสียงของคนที่แม้จะเคยล้ม เคยอ่อนแอ เคยร้องไห้จนอาบแก้ม แต่กลับยังเลือกจะยืนขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยขาของตนเอง
“และหากวันใดข้าต้องการ..” เธอเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ใช่เพราะกำลังลังเล แต่เหมือนกำลังคัดครองคำพูดของตนเองให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะพูดออกมาได้ “…ข้าขอเพียงท่านอยู่นิ่ง ๆ แล้วฟังข้า ฟังคำของข้า ฟังเพลงของข้า หรือเล่นดนตรีให้ข้าสักเพลงก็เพียงพอแล้ว” เธอไม่ขอมากกว่านั้น เพราะเธอไม่ต้องการให้เขาแบกรับอะไรจากเธอเลย เธอไม่คิดว่าเขาจะทำได้ หรือควรต้องทำ และหากเขายังมีอยู่ตรงนี้ เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ เวลาที่โลกทั้งใบของเธอกำลังพังทลายอีกครั้ง..แค่นั้น..
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
แววตาของเธอยังจับจ้องเขาเหมือนจะฝังคำพูดไว้กับตัวเขาให้ลึกที่สุด ก่อนเธอจะเบือนหน้ากลับไปยังความเงียบตรงนั้นอีกครั้ง ส่วนหลิวอันที่นั่งนิ่งอยู่ข้างเธอ…เขาไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงรับรู้ รับฟัง แล้วมองหญิงสาวตรงหน้าเหมือนกับว่าตัวเขาเอง…เพิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง..นางคนนี้เช่นนั้นหรือ?...เหมือนแมวตัวเล็กที่เปียกป้อน..แต่หัวใจกลับเต้นแรงราวกับพยักฆ์
สำหรับหลิวอัน..เขารู้และเดาได้อย่างง่ายดายว่าหากช่วยนางจะเกิดอะไรขึ้น..ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าชายคนนั้น..เอาแต่ใจตนเองขนาดไหน เขารู้ดีจางกงกงไม่ใช่เพียงขันทีผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท แต่คือผู้วางกลและลงมืออย่างเลือดเย็นได้อย่างไม่มีใครคาดคิด ที่ผ่านมานางยังมีโชคที่ไม่ถูกกัดจนหมดทั้งตัว แต่จากคืนนี้ หลินหยาไม่มีทางรอด หากยังอยู่ภายใต้สายตาของเขาคนนั้น และเขาเองก็เช่นกัน…หากเขาแตะต้องเรื่องนี้แม้เพียงปลายนิ้ว แม้จะใช้ชื่ออ๋อง แม้จะเคลื่อนคนเพียงเพื่อ ‘ปกป้องครอบครัวของนาง’ เท่านั้นก็ตาม เขาก็จะถูกผลักเข้าสู่กับดักของการเมือง เขาจะไม่มีทางกลับไปเป็นแค่เจ้าของร้านเต้าหู้อีกต่อไป
เขาไม่ได้คิดเลือกความปลอดภัยมากนัก แต่ตอนนี้ก็เหมือนหันหลังให้กับเรื่องนี้ปล่อยให้นางหายไปตามเส้นทางโชคชะตาที่ถูกขีดไว้เช่นนั้นหรือ? แต่นี่ไม่ใช่เพียงหญิงสาวที่มาซื้อเต้าหู้ ไม่ใช่เพียงแขกประจำที่ชอบพูดจาดื้อดึงทุกครั้งที่เขาพบ นางคือหลินหยา..คนที่ฝากขนมหวานให้บุตรสาวเขาเหมือนคนในครอบครัว คนที่สบตากับเขาแล้วร้องไห้อย่างเงียบงันโดยไม่ต้องการคำปลอบใด ๆ และยังเป็นคนเดียวที่มองเขาเป็นมนุษย์ เป็นชายคนหนึ่ง ไม่ใช่อ๋องหรือเครื่องมือ หรือสัตว์ประหลาดที่เร้นเงามือของอำนาจและราชสำนัก
แต่นางกลับ..บอกว่าจะไม่พ่ายให้โชคชะตา..และนางต้องการเพียงความเงียบของเขาที่ฟังนางก็เพียงพอแล้ว..ช่างน่าขำนัก นางช่าง..เขาจำคำวันนั้นได้ ที่เทือกเขาฉินหลิน..
https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/imagedec0bebe0ada6892.png
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ:
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 26 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 12.00 - 13.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ร้านอันเล่อจ้วน
ลมต้นเวลากลางของของฤดูร้อนยามบ่ายพัดเบา ๆ ผ่านปากตรอกเข้าสู่ร้านอันเล่อจ้วน กลิ่นน้ำแช่เต้าหู้และไอหม้อยังอุ่นลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ราวกับเวลาหยุดหมุนอยู่ตรงนั้นเมื่อหญิงสาวร่างเล็กในชุดธรรมดาเดินเข้ามาด้วยท่าทีที่สบายใจ ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องผ่านผ้าแถบตรงประตูไม้ เงาของหลินหยาก้าวข้ามประตูมาโดยไร้การหลบซ่อน ไม่มีความลับเล ไม่มีโซ่ตรวจในดวงตาเหมือนก่อนอีก
หลิวอันหรือคุณชายอันเล่อซึ่งนั่งอยู่ด้านในของร้านกำลังก้มหน้าดูสมุดบัญชีเล่มหนึ่งข้างกล่อง เขาได้ยินเสียงระฆังเล็ก ๆ ที่ประดับด้านหน้าดังขึ้นก่อนเงยสายตาขึ้นโดยไม่แสดงสีหน้าแต่แววตาที่ยังแน่นิ่งกลับสะท้อนความแปลกใจอันเงียบเชียบ..นาง..
กลับมา?..
หลินหยาไม่ได้พูดอะไรในทันที เธอเดินตรงไปที่วางเก้าหู้ห้องกล่องไม้ที่ใส่เต้าหู้ยิ้ม ๆ พอเห็นว่ามีเหลือก็ระบายยิ้ม ใบหน้ากลมของเธอก็เผลอยิ้มอย่างไม่ปิดบังเลย หยิบกล่องไม้มากอดไว้ในอ้อมแขนเหมือนสมบัติล้ำค่า แล้วจึงเหลือบตาไปมองเจ้าของร้านที่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น “วันนี้ข้าไม่ได้ทำตัวเป็นขโมยเบี้ยวเงินท่านนะ..แต่ข้ามาเพราะแค่อยากซื้อเต้าหู้ของท่านเท่านั้นเอง” หลินหยาพูดเสียงแผ่วแต่นิ่ง แน่นอนว่ารอยยิ้มของนางยังคงอยู่เสมอไม่มีเปลี่ยน
หลิวอันมองหญิงสาวตรงหน้าเงียบ ๆ ไม่แม้จะยกคิ้ว ไม่พูดตอบรับหรือไถ่ถามสิ่งใดคงยังเป็นเหมือนเคย แต่แววตาใต้คิ้วเข้มที่มองผ่านไอน้ำร้อนกลับจดจ้องอยู่ที่บางสิ่ง เส้นผมที่สั้นลงอย่างไม่สมบูรณ์ของนางเอง..
ผมสั้น..ลง?..
เขาไม่พูดว่ารู้หรือเห็นอะไร รอยตัดนั้นไม่เนียนตาพอที่จะหลอกตาคนเฉียบแหลมเพราะเมื่อนางยกเส้นผมมัดไว้ด้านบนเพื่อหลอกตาแต่เขาก็มองออกอยู่ดี โดยเฉพาะเขา ผู้เติบโตมากับวงในของราชสำนัก รู้ดีว่าการตัดผม..ไม่สิทุกคนรู้ว่าการตัดเส้นผมสำหรับชาวต้าฮั่นนั้นคือสิ่งใด.. ไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนทรงผม แต่มันเหมือนกับการเปลี่ยนเลือดเนื้อหรือกระทั่งใจ..ไม่ใช่เรื่องของความงามแต่นางตัดบางสิ่งของอดีต
หลิวอันก็ยังคงไม่เอ่ยถ้อยคำใด ตลอดระยะเวลาที่นางเลือกกล่องเต้าหู้หลิวอันเพียงก้มหน้ากลับไปยังบัญชีตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดเสียงเรียบโดยไม่เงยหน้า “5 ชิ้น 35 ตำลึงเงิน 1895 เกรียญอู่จู” เรียบง่ายเหมือนเคย ไม่ใส่อารมณ์แต่ก็ไม่มีรอยประชดหรือเยาะเย้ย นั้นเพราะเขารู้ว่าสิ่งที่นางตัดไปไม่ใช่แค่เส้นผม แต่มันคือ..ความลังเล ความไร้หนทางและความกลัว
หลินหยาที่เห็นเธอยกยิ้มมุมปาก “วันนี้ไม่มีขาดนะเจ้าคะ ข้าเตรียมมาครบเลย” ว่ากล้วก็ค่อย ๆ หยิบเหรียญจากกระเป๋าผ้าสีซีดแล้ววางลงตรงนั้นให้ครบ จนครบถ้วนก่อนที่จะมองเขาอีกครั้งเพราะตอนนี้อยู่ในระยะใกล้กันมากขึ้น แววตาของเธอไม่มีคำถามหรือคำขอ แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจที่ไม่จำเป็นต้องพูดเป็นคำ
“ท่านยังคำนวณได้แม่นเหมือนเดิมเลย กำลังชั่งน้ำหนักสิ่งที่เกิดขึ้นจากสายตาหรือ”
“ข้าแค่ชินกับการมองเห็นรอยร้าวก่อนจะหัก” หลิวกันตอบแสียงแผ่ว
“อืม..ข้ารู้แล้วล่ะ ว่าคนที่ดูเหมือนเย็นชาเช่นท่าน ก็อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่..ยิ่งบางครั้งที่ท่านทำบางสิ่งแล้วอาจจะต้องเสียใครไป แต่ไม่เป็นอะไรหรอก..วันนี้ข้ากลับมาสบายใจแล้ว และต่อให้พรุ่งนี้ข้าต้องจากไป อย่างน้อยข้าก็ไม่เสียดายชีวิตกับสิ่งที่ข้าทำลงไป และมีเต้าหู้ของท่านเต็มสองมือด้วยนะ” หลินหยายิ้มให้กับเขา เหมือนเด็กดื้อคนเดิมแต่นัยน์ตานางเติบโตขึ้น แน่นขึ้น หลิวอันเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยื่นห่อผ้าเล็ก ๆ ให้ “ระวังอย่าอย่าให้มันรสเปลี่ยน”
“ท่านรู้ว่าข้าไม่ได้จะกินมันหรอก ไม่งั้นก็ตายสิ..แค่เต้าหู้ท่านมีคนแย่งกันเยอะเกินไปหน่อยแค่นั้นเอง” นางกล่าวด้วยสีหน้าล้อเลียนในที ยิ้มตาโค้งราวกับเจ้าแมวน้อยที่พึ่งกลับจากล่าสิ่งล้ำค่ามาในป่าใหญ่ และไม่มีความจำเป็นต้องขอการยอมรับจากใครอีก หลิวอันนั้นไม่ได้ตอบทันที แต่สายตาเขานิ่งเฉยไม่หลบเลี่ยง ขณะมองนางอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่เนิ่นนาน เงาของเปลวเฟลิงใต้หม้อต้มน้ำร้อนสะท้อนแววตาเรียบเฉย
“ก็ดีแล้ว…อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องใส่ส่วนลด..เพราะเจ้าสลบหรือร้องไห้อีก” น้ำเสียงของเขายังเรียบเรื่อยเหมือนทุกครั้ง ไม่มีโทนเสียงอ่อนโยน ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้แสดงความห่วงใยแบบโจ่งแจ้ง แต่คนที่รู้จักเขาดีจะเข้าใจว่านั่นคือคำพูดที่อบอุ่นที่สุดจากหวยหนานหวางหลิวอัน ส่วนหลินหยาเห็นแบบนั้นก็หัวเราะเสียงใส เธอหรี่ตาใส่เขาแล้วตอบกลับทันที “ส่วนลดนั้นท่านไม่เคยให้จริง ๆ สักที..อย่าแทรงทำเป็นใจดีไปหน่อยเลยเจ้าค่ะ” นางทำหน้ายู่ใส่อีกคน
เขาขยับริมฝีปากเล็กน้อยเหมือนอยากหัวเราะเมื่อเห็นหน้ายู่ ๆ ตรงนั้น “เจ้าพูดแบบนี้แสดงว่าอาการหายดีแล้วสิ?”
“ไม่เคยป่วยสักหน่อยหนิ” เธอพูดแบบดื้อดึงต่อหน้าเขาแบบที่เคยเป็นความจริงก็คือป่วยบ่อยพอสมควรแหละ “แค่เหนื่อย..แค่เดินหลงทางในกรงไปพักใหญ่ แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าทางที่ข้าต้องเดินคืออะไรเจ้าคึ่ะ”
“แล้วเจ้าจะเดินไปไหน” หลิวอันถาม
หลินหยาระบายยิ้ม.. “เดินอย่างมีความสุขเจ้าค่ะ..และข้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องก้มหน้าอีกแล้ว และข้าก็จะไม่หนี ไม่เคยหนีแบบนั้น..” หลินหยาเงยหน้ามองอีกคนระบายยิ้มงามตามฉบับของนาง หลิวอันไม่ตอบ เขามองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งด้วยสายตาของคนที่เห็นภาพบางอย่าง ไม่ใช่แต่เพียงหญิงสาวที่ซื้อเต้าหู้ แต่เป็นคนที่เลือกด้วยขาและหัวใจตัวเอง
“เต้าหู้นี่จะอยู่ถึงค่ำหรือเปล่า” เขาถามพลางปรายตามองกล่องไม้ที่เธอกอดไว้แน่น “อืม..ถ้าท่านไม่แอบสะกดรอยข้า ก็จะไม่ต้องห่วงว่าจะโดนปาทิ้งทางข้างหรอกเจ้าค่ะ ไอ้เจ้าก้อนนุ่มของเข้ามันแพงขนาดนี้ใครจะไปละลายเงินทิ้งกัน”
เขาไม่ตอบเช่นเคย เพียงยกน้ำชาขึ้นดื่มเงียบ ๆ อย่างรู้ทันทุกประโยค โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมาเหมือนชายที่คุ้นชินกับการเห็นคนเจ็บ และคุ้นชินกับการเฝ้ามองให้พวกเขาเติบโตจนกลับมาแข็งแรงอีกครั้งด้วยตัวเอง
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ซื้อ เต้าหู้ ราคา 7 ตำลึงเงิน 379 เหรียญอู่จู จำนวน 5 ชิ้น รวม 35 ตำลึงเงิน 1895 เหรียญอู่จู
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป หลิว อันหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม