จวนโอวหยาง
<style type="text/css">.head1 {background-color:none ;}.head2 {background-color:none ;}</style>
<style type="text/css">
body {
background: url("https://i.postimg.cc/W1Z4cMnL/bg18.jpg") no-repeat center center fixed;
background-size: cover;
margin: 0;
padding: 0;
}
</style>
<style>
#boxba {
border-radius: 30px;
padding: 10px;
box-shadow: #9f9c97 0px 0px 3em;
background: linear-gradient(rgba(159, 176, 150, 0.6), rgba(46, 50, 44, 0.4)),
url("https://i.postimg.cc/Dy4PgHYL/image-2025-05-28-071028518.png");
}
#boxOO {
width: 850px;
border-radius: 30px;
padding: 35px;
box-shadow: #839c75 0px 0px 0.4em;
background: #fcfcfc7d;}
#boxEw {
width: 480px;
border: 0px solid;
border-radius: 20px;
padding: 50px;
box-shadow: #839c75 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.postimg.cc/JzbcwJ8h/image-2025-05-28-071114923.png");}
</style>
<div id="boxba">
<div align="center" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word; color: #444444; font-size: 14px; list-style-type: none; font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif;"><br>
<br><br>
<div id="boxOO">
<br>
<div style="text-align: center;">
<font face="Browallia New" style="font-family: " browallia="" new";="" color:="" rgb(127,="" 57,="" 1);="" font-size:="" 12px;="" text-align:="" start;="" margin:="" 0px;="" padding:="" overflow-wrap:="" break-word;"=""><font size="5" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;"><div style="text-align: center;">
<br>
<img src=" " border="0" alt=""> <br><br></div></font></font>
<span style="text-shadow: rgb(131, 156, 117) 0px 0px 1px, rgb(131, 156, 117) 0px 0px 5px, rgb(131, 156, 117) 0px 0px 10px, rgb(46, 50, 44) 0px 0px 30px;">
<font face="Browallia New" style="" size="7"><pat style="">
<font color="#ffffff"><pat>จวนโอวหยาง</pat></font></pat></font></span></div>
<br>
<div style="font-family: " browallia="" new";="" text-align:="" center;"="">
<font face="Browallia New" ;="" margin:="" 0px;="" padding:="" 0px;"="" <span="" style="text-shadow: #839c75 0px 0px 0.5em;" color="#ffffff" size="4">
<i style=""><cls style="">──── ถนนสิบลี้ ────</cls></i></font></div>
<br><br>
<img style="border: 5px double rgb(159, 176, 150); border-radius: 25px; box-shadow: rgb(159, 176, 150) 2px 2px 1em; overflow: auto; width: 750px;" src="https://i.postimg.cc/xTxfz6sS/image-2025-06-17-014006104.png" border="0" alt="">
<br><br><br>
<center>
<div id="boxEw">
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<span style="text-shadow: rgb(131, 156, 117) 1px 4px 3px;"><pat>【 จวนโอวหยาง 】</pat></span></font>
<br><font color=" #879290" face="Kanit" size="4"><b>『<i>จวนรองผู้ว่าการแห่งฉางอัน</i> 』</b></font></div><br>
<div><div>
<font color="#879290" face="Kanit" size="4">
อาณาเขตหมู่เรือนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กบนถนนสิบลี้ที่แขวนป้ายชื่อสกุลจากฝีพระหัตถ์เป็นคำว่า<b> '歐陽' (โอวหยาง)</b> ที่แห่งนี้คือจวนของรองผู้ว่าการฉางอัน โอวหยาง เป่าเฉิงผู้เกรียงไกรและเป็นที่นับหน้าถือตา สร้างอยู่บริเวณกลางถนนสิบลี้ใกล้กับจุดทำงานผู้ว่าการ ขนาดพื้นที่ไม่ใหญ่ ดำเนินตามขนบพอเพียงอย่างสุภาพชน แต่เมื่อก้าวเข้าไปด้านในกลับพบของตกแต่งมูลค่าหลายตำลึงทองวางเรียงรายราวกับเศรษฐีใหม่ที่อยู่ในช่วงขยันอวดเบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ในการครอบครัว พื้นที่ภายในแม้จะดูไม่มากแต่กลับเต็มไปด้วยห้องลับสำหรับหารือเจรจากับคนใหญ่คนโต หรือพ่อค้าที่ต้อง<b>ความช่วยเหลือพิเศษ</b> แต่น้อยคนนักที่จะได้ก้าวเข้าไปถึงห้องทำงานด้านหลังซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวของผู้ครองจวน
</font>
<br>
</div></div></div>
<br><br><br>
<p><img src="https://i.postimg.cc/pVFHc2Xy/image-2025-06-17-020514524.png" width="450" border="0" alt=""></p>
<br><br>
<div id="boxEw">
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<span style="text-shadow: rgb(131, 156, 117) 1px 4px 3px;"><br><pat>【 รองผู้ว่าการฉางอัน 】</pat></span></font>
<br><font color=" #879290" face="Kanit" size="4"><b>『<i> โอวหยาง เป่าเฉิง (42)</i> 』</b></font></div><br>
<div><div><img src="https://i.imgur.com/HdL1viH.jpeg" border="0"><br><br>
<font color="#879290" face="Kanit" size="4">
<i><b>" ในเมื่อเป็นเรื่องเร่งด่วนถึงเพียงนี้.. <br>ขอร้องเสียสิ แล้วข้าจะเมตตาสักครั้ง " <br><br></b></i> สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ตำแหน่งรองผู้ว่าการหากไม่ใช่คนฉลาดก็คงยืนไม่ได้<i> โอวหยาง เป่าเฉิง</i>เป็นรองผู้ว่าการที่สมบูรณ์แบบ จัดการงานราชการว่องไว ไม่เคยปริปากบ่น เป็นที่ชื่นชมของหมู่คนพอ ๆ กับที่เป็นเกลียดชังในเรื่องความสองมาตราฐานที่เขาปฏิบัติต่อคนมีเงิน และไม่มีเงิน แต่กระนั้นจะไปว่าเขาก็คงไม่ได้ สกุลโอวหยางรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคน มีก็แต่ก่อนเขาไม่กี่รุ่นที่เริ่มซบเซา หากไม่ใช่ว่าเป่าเฉิงเฉลียวฉลาดสัญชาตญาณไม่เลวจนกระทั่งเผอิญได้พบกับอาจารย์ที่ต้องชะตา เขาอาจกลายเป็นเพียงขอทานข้างถนนไปแล้ว ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองตกต่ำ เขายินดีใช้สารพัดวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะ<b>เลวทราม</b>หรือ<b>ต่ำช้า</b> ขอเพียงกลบฝังความลับนี้ไว้ได้ไวพอ ก็ย่อมไม่มีใครกล้าหือรือ<br><br>เบื้องหน้าอาจจะดูเหมือนขุนนางรักชาติ สงวนวาจาไม่ยุ่งเกี่ยวใคร แต่เบื้องหลังกลับเป็นอสรพิษช่างทะเยอทะยานที่ชักใยคนไว้มากมาย รับมือกับเขาบางทีอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะสามารถสะสางปัญหาที่ตามมาได้หรือไม่ นั่นต่างหากจุดที่น่ากังวล
</font>
<br>
</div></div>
<br><p></p></div>
<br><br><br></center></div>
<br><br><br>
</div></div>
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}
img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}
img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>
<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Kanit'); cls {font-family : 'Kanit';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Pattaya'); Pat {font-family : 'Pattaya';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Zhi Mang Xing'); Zhi Mang Xing {font-family: 'Zhi Mang Xing';}</style>
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเซิน เวลา 16.00 - 17.00 น. จวนโอวหยาง
ขณะที่ลมเย็นปะทะใบหน้าผ่านกองฝุ่นถนนสิบลี้ แสงอาทิตย์ร่วงทาบลงบนแนวหลังตากระเบื้องเงาวาว บ้านเรือนเรียงรายสองฝั่งทางทอดยาวจนสุดลุกหูลูกตา ทว่าใจกลางย่านราชการชั้นสูงแห่งนี้มีเรือนหนึ่งที่อาจจะไม่แน่ใจว่าจะสะดุดจาเกินใครหรือไม่ นั้นคือ จวนโอวหยาง อาณาเขตที่ขนาดพอเหมาะ ไม่หรูเวอร์วังดั่งตำหนักผู้ดีเก่า แต่กลับมีรั้วกำแพงประดับแทรกของหรู ไม้แกะสลักที่ต้องใช้ช่างฝีมือ แผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนซุ้มประตูไม้งามด้วยลายมือฝีกระหัต..ชัดเจนว่าเจ้าของจวนแห่งนี้ได้รับความดีความชอบเพียงใด
สายลมเย็นพัดผมปลิวเบา ๆ ขณะที่เด็กสาวร่างเล็กก้าวเท้ามาตรงประตูอย่างช้า ๆ มือมือหอบผ้าเก่า ๆ อยู่สองหอบ เส้นผมรวบตึงขึ้นแต่ปล่อยปอยบางเคลียร์คลอแก้ม เนื้อตัวสะอาดสะอ้านแต่ก็มีรอยแดงบ่งบอกว่าเป็นคนบ้านนอก ขอบคุณพวกพี่สาวที่หอว่านหงเหริน นี้มันการปลอมตัวโคตรเซียน รูปร่างผอมบางเพรียวจนดูน่าทะนุถนอม แววตาคล้ายลูกแมวข้างทางที่ยังไม่แน่ใจว่าจะโดนตีไล่หนีหรือโดนเก็บไปเลี้ยง น่าสงสารเหลือเกินสำหรับแม่แมวน้อยตัวเล็กบางจ้อยน่าลูบตรงหน้า
นางแจ้งคนเฝ้าประตูว่าตนเองมาสมัครงาน และประตูนั้นก็ต้องรอสักพักก่อนที่จะเปิดออกกว้าง เพมื่อคนเฝ้ายามผลักออกจากข้างใน พร้อมกับการปรากฎตัวของร่างชายวัยกลางคนในชุดพ่อบ้านสีหม่น ดวงตาเรียวลึกใต้คิ้วเข้มเรียงเส้นเหมือนหยักพู่กัน เขาคือพ่อบ้านประจำจวนโอวหยาง คนสนิทที่ดูแลความเป็นไปทั้งหมดของเรือนนี้ และเป็นประตูด่านแรกของคนภายนอกหากจะมาที่จวนแห่งนี้ หากต้องคิดทำอะไรต้องผ่านเขาก่อนเสมอ หากแกไม่ใช่เจ้าของสถานที่นี่ก็คงจะสั่งพ่อบ้านคนนี้ไม่ได้หรอกนะ
เขามองหลินหยาลงอย่างช้า ๆ ไม่พูดไม่จาแต่เอ่ยเสียงเรียบสนิท “มาหาใคร”
หญิงสาวจึงยกมือไหว้พลางโค้งตัวให้จนดูน่าสงสาร “ข้าน้อยมาจากเซี่ยโจวเจ้าค่ะ มีนามว่า เสี่ยวหนาน ข้าเห็นว่าที่จวนแห่งนี้กำลังรับสมัครสาวใช้ ข้าไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วเจ้าค่ะ ข้าทำได้ทุกอย่างเลย จะขัดห้อง ล้างน้ำ หุบข้าว ซักผ้าหรือให้ปีนไปเก็บรังนกบนหลังคาข้าก็ทำได้เจ้าค่ะท่าน” นางเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนลงเหมือนคนกลัวจะไม่ผ่านแบบคนเหนื่อยอ่อน เหมือนคนเกรงใจจนแทบฟังไม่ชัด แล้วก็ไม่รอให้พ่อบ้านถาม เธอรีบล้วงห่อผ้าจากอกเสื้อยื่นออกไปทั้งสองมืออย่างนอบน้อมและมีมารยาทแบบคนต่ำกว่า
“ข้ามีหนังสือรับรองมาด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อบ้านจะตรวจดูเชิญได้เลยเจ้าค่ะ”
พ่อบ้านนั้นรับกระดาษนั้นมาอย่างเชื่องช้า แต่แววตาไม่ละไปจากใบหน้าหวานใสไร้เครื่องสำอางของเด็กสาวตรงหน้าเลย ใบหน้าใสของเด็กเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า อาจกินอาหารไม่พอ เสื้อผ้าไม่ขาด แต่ก็ไม่ได้ดี ผ้าพื้น ๆ ทอหยาบ ๆ เรียบเหมือนถูกซักด้วยมือจนแข็งกระด้างสีขาง ดูไปดูมาแล้วเหมือนแมวหลงทางในซอยเปลี่ยว
หน้าตานางก็ดูดี ดูไม่มีพิษภัย ดูซื่อบื้อแต่แฝงอะไรสักอย่างที่น่าจะดีไม่น้อยหากได้เชยชม นั้นคือสิ่งที่พ่อบ้านคิด เขากวาดตาลงมาที่รูปร่างเล็กนิดเดียวของนาง..หึ..ตัวก็แค่นี้ แล้วไม่พูดต่ออีก เอาแต่เปิดดูหนังสือรนับรอง มือเรียวยาวของชายวัยกลางคนพลิกดูรายชื่อและตราประทับปลอมที่นายท่านใต้เท้าเถียนเฟิงเป็นคนที่จัดทำขึ้นอย่างแนบเนียน ก่อนที่เขาจะพับเก็บอย่างไม่ปริปากออก “ตามข้ามา” เขากล่าวสั้น ๆ แล้วหมุนตัวเข้าไปในเรือน
ภายในจวนมีลานหินสีเทา ต้นบ๊วยตัดแต่งเรียบร้อย มีเสียงน้ำไหลเบา ๆ จากบ่อ กระเบื้องกลางลาน เดินลึกเข้าไปก็จึงพบเรือนย่อยแยกไปแต่ละฟาด แต่ละห้องวางของตกแต่งเกินตัว บางห้องมีถ้วยหยก บางห้องมีแจกันราคาประเมินค่าไม่ได้..
“เรือนไม่ใหญ่แต่ซับซ้อน อย่าเดินเพ่นพ่านหากไม่อยากหลง” เขาพูดพลางเดินไปยังห้องพักสำหรับคนใช้หญิงด้านซ้าย “เจ้าจะนอนห้องเดียวกันกับหญิงชื่ออวี้เยียน นางจะสอนเจ้าทำงานช่วงเช้าให้ ส่วนช่วงเย็นจะเป็นงานอื่น มีพวกทำความสะอาด ตรวจตู้เก็บของ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเจ้าค่ะ” หลินหยาเอ่ยรีบตอบในฐานะเสี่ยวหนาน ดวงตาใสมือยังตับห่อผ้าเก่าของตัวเองแน่นไม่ปล่อย พ่อบ้านก็แค่ปรายตามองนางอีกครั้งก่อนที่จะหยุดตรงบานประตูห้องพักแล้วพูดเสียงต่ำ “และจำไว้ให้ดี ห้ามเฉียดใกล้เข้าห้องทำงานด้านหลังของนายท่านโอวหยาง เว้นแต่จะถูกเรียกตัวเท่านั้น หากข้าจับได้ว่าเจ้าเดินพล่านโดยไม่มีธุระ ข้าจะโยนเจ้าออกจากจวนพร้อมกับเข้าซังเต”
เขากำลังที่จะหันหลังกลับไป เสียงฝีเท้าของพ่อบ้านนั้นเงียบหายไปไม่ถึงห้าก้าวก็ชะงัก เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ คล้ายระลึกบางสิ่งได้ แล้วหันกลับมาเพ่งมองสาวน้อยร่างเล็กที่ยืนก้มหน้ากำลังจะเข้าห้องพักสาวใช้ ดวงตาคมเข้มลึกมองเข้าไปถึงบานประตูไม้ที่ยังปิดสนิทก่อนที่จะถอนหายใจยาวเบา ๆ อย่างที่กำลังรำคาญบ้างเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในแผน
“ข้าลืมไป อวี้เยียนโดนขับออกไป..เพราะนางทำงานพลาดครั้งใหญ่” เสียงเอ่ยเอ่ยเรียบเย็นปราศจากอารมณ์แต่คำพูดทำให้บรรยากาศรอบตัวเหมือนเย็นลงราวกับมีลมวูบหนึ่งพัดผ่านหน้า “ข้าพึ่งจำได้ตอนเห็นเจ้าหยุดอยู่หน้าห้องนั้น” เขากล่าวเข้ามาใกล้ดวงตากดต่ำมองเด็กสาวตรงหน้าอีกครั้งอย่างพินิจ รอบนี้สายตามีความเจืออะไรบางอย่างแต่ไม่พูดออกมา
“ตามข้ามา วันนี้ข้าจะสอนพื้นฐานกับเจ้า” แม้จะดูเป็นชายขี้รำคาญและเย็นชา แต่ก็เก็ยงำความคิดเบื้่องลึกไว้เสมอ หน้าที่ต้องมาก่อน เขาเอ่ยเรื่องการถือถาดเครื่องหอมไปเปลี่ยนที่ไหนบ้าง ให้เธอลองยกของเสิร์ฟดู และหลินหยาก็วางมือเบากว่าลูกสาวขุนนางบางคนเสียอีก เวลาพับผ้าหรือจัดของก็ทำได้ดีไม่เพียงแต่ครั้งแรก เขาเกลือบมองมือเล็กเรียวของนางหลายครั้งที่ทำงาน มันมีผ้าสีขาวที่พัดนิ้วทั้งสองข้างบางนิ้วอยู่
“มือเช่นนั้น ทำงานหนักมาก่อนหรือ?” เขาเอ่ยถามราวกับไม่ได้คิดอะไรแต่ตาไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด หลินหยาชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยพลางทำท่าเขินอายแบบเป็นธรรมชาติ ท่าทางไร้พิษภัย
“เจ้าค่ะ ข้าทำงานหนัก พอดีข้าไม่มีเงินเจ้าค่ะ พ่อแม่ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ข้าเป็นพี่สาวคนโต มีน้องอีกสามคน เลยต้องช่วยทำงานทำกับข้าว เก็บฟืน ขนน้ำ ซักผ้าหรือรับจ้างทำงาน บางครั้งก็มีบาดแผลบ้าง” นางยกมือให้ขึ้นมาดูตรง ๆ นิ้วเรียวงามมีผ้าพันอยู่ตรงิ และยังคงมีรอยแดงบางตามข้อ ถึงมันจะเกิดจากการเล่นดนตรีมากเกินไปก็เถอะ แต่เรื่องจริงนะที่ทำงานเยอะน่ะ!!
พ่อบ้านนั้นไม่ตอบในทันที แค่ส่งเสียงรับในคอ ก่อนที่จะพยักหน้าช้า ๆ เมหือนจะพูดอะไรว่า อืม น่าจะแค่อืม
“ถ้าเจ้าขยันจริงดั่งว่าก็คงดี” น้ำเสียงเย็นแต่ไม่หยาบพูดเหมือนไม่แคร์แต่หางเสียงเหมือนสนใจเล็ก ๆ ต่อไปนี้หลินหยาหรือเสี่ยวหนานต้องทำงานในฐานะคนใช้คนให้ของจวนโอวหยาง หลินหยาได้สอนงานเบื้องต้นจากพ่อบ้านแล้วกลับที่พัก ห้องพักเล็ก ๆ ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอ หลินหยาได้รับชุดเก่าจากสาวใช้เดิม พรุ่งนี้ต้องเปลี่ยนเป็นชุดนี้ทำงาน…เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ไม่ได้เลือกเองแต่ก็ดันไม่ปฎิเสธงานตำลึงทอง ใครมันจะไปปฎิเสธลง…หลินหยาพยายามข่มตาหลับ ปกติเธอจะหลับตรงหอว่านหงเหรินมันมีเสียงทำให้เธอไม่เหงาเท่าไร แต่ที่นี่ เงียบจนใจเจ็บเลยแฮะ หลินหยาพยายามลืมตาขึ้นเธอพยายามข่มตากลับเพราะเอาจริง ๆ วันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วด้วย นี้หน่า..อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: -รางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบแปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง
ลมหายใจแรกของรุ่งเช้าฉางอันนั้นเย็นเฉียบ ราวกับอากาศยังไม่ยอมตื่นตามเสียงระฆังที่ต้องลุกขึ้นมาทำงานตั้งแต่เช้า หมอกบางจากทุ่งหญ้าเบื้องล่างลอยซึมเข้ามาในรั้วจวนโอวหยางอย่างช้า ๆ และในเรือนเล็กสำหรับเด็กรับใช้ เสียงกระพือเสื้อผ้าดังแผ่วขึ้นก่อนฟ้าจะเริ่มสางเสียอีก ร่างของใครบางคนค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา
เด็กสาวร่างเล็กในชุดนอนเรียบจืดชำเลืองตามองตัวเองในกระจกบานเล็กเก่า ๆ ของสาวใช้ กระจกเงาไม่ใสชัดนัก แต่ยังสะท้อนใบหน้าเงาหน้าเรียวกลม ตากลบ จมูกเล็กตรงและผมที่โดนมัดไว้ลวก ๆ ฟูขึ้นเวลานอน มันคือร่างของเด็กสาววัยใสคนหนึ่ง ที่ตอนนี้นางไม่ได้มีชื่อว่า หนาน หลินหยา บุตรสาวเจ้าเมืองกว่างโจว แต่ตอนนี้ นางเป็นเพียง เสี่ยวหนาน สาวใช้ตัวเล็กที่ไม่มีที่ไปจากเซี่ยโจว..
หลินหยาเงียบงันนิดหน่อย พลางมองเงาตนในนั้นนิ่งนานกว่าทุกเช้า..
‘ข้าง่ายเกินไปหรือเปล่านะ’ คำถามเงียบ ๆ ที่ไม่ได้พูดออกมานั้นหลุดมาในใจ ขณะที่มือเล็กยังคงค้างอยู่ที่สายผูกเชื้อสาวใช้ที่เธอพึ่งจะคว้ามาได้ขึ้นมา เงินห้าสิบตำลึงทอง ฟังดูมากมายสำหรับคนจนไร้จะกิน แต่สำหรับคนที่มีศักดิ์ศรี คำถามมันอยู่ที่ว่า ต้องยอมแลกอะไรถึงจะได้มางั้นหรือ?
นางตัวเล็กพ่นลมหายใจวยาว หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าทีละส่วนเหมือนจะลบอะไรบางอย่างออกไปจากตัวเอง แต่ไม่เลย..ไม่มี นางทิ้งร่องรอยอันอ่อนล้าลงไปกับอ่างน้ำไม้ แล้วหยิบเสื้อผ้าของสาวใช้ขึ้นมาสวมโดยไม่ลังเลอีก ..เพราะโลกนี้น่ะ มันต้องใช้เงินไงล่ะ เสียงนั้นดังขึ้นในใจ ราวไม่อยากให้แม้แต่เงาของตัวเองได้ยิน
เด็กสาวในชุดสาวใช้ตัวเล็กมัดผมเรียบร้อยเกล้าผมขึ้นจะได้ไม่เกะกะเวลาทำงานก้าวเท้าเบา ๆ ออกจากห้องพัก ลมหายใจในยามเช้าปะทะหน้าเบา ๆ ทำให้เธอต้องรีบขยับตัวให้ว่องไวขึ้น หน้าที่แรกของวันคือการเตรียมน้ำอุ่นให้เรือนเจ้านาย ซึ่งต้องเริ่มจากการเติมน้ำในถัง ต้มน้ำ แล้วค่อยนำแบกไปเทลงอ่างทองเหลืองของห้องน้ำแต่ละห้องให้ทันก่อนเจ้านายในจวนจะตื่น หลินหยาไม่ได้บ่นสักคำ แม้เหงื่อจะเริ่มไหลออกมาบนไรผมจากไอน้ำร้อนที่ตักส่งขึ้นหลังเธอก้มหน้าก้มตายกถังน้ำเดินเข้าห้องนั้นออกจากห้องนี้ด้วยสีหน้านิ่งเรียบแต่กระฉับกระเฉง ร่างเล็กกว่าคนอื่นทำให้ต้องแบกทีละน้อยแต่บ่อยกว่าคนอื่น แต่เธอก็ไม่เคยขอให้ใครมาช่วยเธอหรอกนะ
หลังจากนั้นหลินหยาก็หันไปทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายในเรือนฝั่งขวา เช็ดราวบันได ปัดฝุ่นแจกัน กวาดพื้นไม้ที่เสียงดังทุกครั้งที่เหรียบแต่เธอก็ทำได้อย่างเงียบเชียบจนเหลือเชื่อเลยล่ะ จนคนงานคนอื่นเริ่มกระซิบกระซาบกับเด็กใหม่ที่เข้ามาว่านางทำงานดีคงจะโดนโขกสับมาตั้งแต่เล็กล่ะสิ ตัวก็เล็ก..
จนเวลาผ่านไปเธอก็เปลี่ยนหน้าที่ไปช่วยพ่อบ้านจัดอาหารให้เรียบร้อย เสิร์ฟให้กับเจ้านายประจำจวน ซึ่งในวันนี้ยังไม่ออกจากห้องของตนเองให้เธอเห็น เสี่ยวหนานหรือหลินหยาเดินตัวตรงถือถาดสองใบพร้อมจานผลไม้เล็ก ๆ เข้าไปอย่างตั้งใจ ใบหน้าไม่แสดงอารมร์มากนักดวงตาดูสดใส “ข้าจัดเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน ข้าจะไปล้างจานที่ห้องครัวต่อ”
พ่อบ้านทำเพียงพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาเรียวยังคงมองเธอเงียบ ๆ ราวกับกำลังสำรวจว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือสาวที่ไร้ทางเป็นเป็นสาวบ้านนอกผู้น่าสงสารเช่นนั้น หลังจากอาหารเช้าหลินหยาก็กลับไปทำงานของตัวเอง ล้างจาน ขัดพื้น ดูแลของใช้ในครัว ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบที่มีเสน่ห์แบบน่ารักหากใครเข้าใกล้ ไม่ทำตัวให้แปลก เคารพคนมาก่อนกดตัวเองให้ต่ำเพื่อดูธาตุแท้ของคนรอบตัว ไม่พูดมาก ขยันทำงาน วางตัวเรียบง่ายและน่ารักอย่างน่าประหลาด
เสียงกระเบื้องหลังคาร้องเบา ๆ รับไอแดดอุ่นที่ทอดลงมาเฉียง เงาหลายสายทอดทามจังหวะของเวลา เสียงกวาดพื้นจากปลายไม้กวาดนั้นยังดังอยู่เป็นระยะแต่ท่ามกลางความเป็นระเบียบของจวนโอวหยาง วันนี้กลับมีคำสั่งมา “เสี่ยวหนาน” เสียงทุ่มดังขึ้นพลันทำให้เด็กสาวที่กำลังก้มเช็ดพื้นอยู่เงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ แสงแดดที่ลอดผ่านไม้เฉียดใบหน้าของเธอเพียงนิด ทำให้ดวงตาคู่นั้นยิ่งดูแจ่มใสในเงา
“วันนี้มีบัญชีของที่ต้องไปซื้อที่จัตุรัสกลางเมืองฉือจิ่งชาน ข้าจะให้เจ้าตามไปกับสาวใช้รุ่นพี่ ไปช่วยนางถือของให้ครบนะ รายการข้าให้นางเป็นคนดูแล เจ้าแค่ตามไปทำตามคำสั่งนางช่วยนางเท่านั้น อ้อ แล้วก็มีเบี้ยหวัดรายวันของสาวใช้ด้วย 300 อีแปะ อยากซื้ออะไรก็ซื้อแล้วกัน”
หลินหยาพยักหน้าเธอรีบวางที่กวาดไม้แล้วเช็ดมือลวก ๆ กับชายเสื้อก่อนพยักหน้ารับไว ๆ “เจ้าค่ะ ข้าจะตามให้เรียบร้อย” เขาไม่พูดอะไรต่อแค่ส่งสัญญาณมือให้หญิงสาวใช้คนหนึ่งมาหา หญิงสาวรุ่นพี่นั้นผมยาวรวบหลมตาคมผิวเข้ม ดูเป็นสาวที่อยู่จวนนี้มานาน ดวงตาของนางมองหลินหยาเหมือนพี่สาวที่เคยเห็นเด็กใหม่มานับไม่ถ้วนแล้ว นางพยักหน้าเป็นเชิงเรียกก่อนที่จะหันหลังเดินนำไป
“เอาผ้าคลุมไปด้วยแล้ว แม่นางน้อยตัวจ้อยนัก เดี๋ยวแดดมันเผาหน้าสวย ๆ ของเจ้าเกรียมหมด” นางเอ่ยแบบไม่หันมามองแต่แววเสียงเจือแววหยอกเอินชัดเจน หลินหยาจึงทำเพียงยิ้มบาง ๆ แล้ววิ่งไปคว้าผ้าคลุมบางจากห้องสาวใช้มาด้วยแล้วก้าวเท้าตามรุ่นพี่ไปอย่างรวดเร็ว
ทั้งคู่เดินผ่านบานประตูไม้บานเล็กสำหรับคนงาน ซึ่งนำไปสู่ตรอกแคบที่เชื่อมต่อออกสู่ถนนใหญ่สายรอง พ่อบ้านมองตามหลังแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปโดยไม่พูดอะไร แสงแดดอุ่นส่องแผ่นหลังของสาวใช้สองคนขณะก้าวพ้นรั้วจวนโอวหยาง สู่อีกโลกหนึ่ง จะว่าไปได้เบี้ยวหวัดสาวใช้ด้วยเว้ย ดี ๆ ตอนแรกอีตาใต้เท้าเถียนเฟิงไม่เห็นจะบอกเธอเลยว่าได้เงินด้วย อุ๊ย แบบนี้ก็ได้มากกว่า 50 ตำลึงทองอ่ะดิ ของดี ท่าทางหลินหยาจะร่าเริงดีนะ?
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ:รางวัล: เบี้ยหวัดสาวใช้รายวัน 300 อีแปะ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง
แสงสีทองอ่อน ๆ เริ่มรินรดขอบหน้าต่างไม้กระดานที่ขัดจนขึ้นเงา เสียงไก่ขันจากบ้านข้าง ๆ ดังแผ่วเหมือนรู้หน้าที่ ส่วนเสียงกรนเบา ๆ จากห้องสาวใช้อีกฝั่งก็ยังไม่หยุดดีนัก แต่ร่างเล็กของเสี่ยวหนาน หรือในชื่อจริงก็คือ หนาน หลินหยา กลับลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่มีใครในเรือนลุก เมื่อคืน..นั่งเฝ้าว่าจะโดนใครเรียกใช้หรือเปล่าจนเกือบห้าทุ่ม สายตาคอยจ้องจับฝ้าไม้เพดานให้มันบอกอนาคต แต่ไม่บอกว่ะ และหลิยหยาก็ดันหลับไปทั้งที่ยังนั่งอยู่หน้าห้องแถมน้ำลายยืดเปื้อนแขนเสื้ออีกต่างหาก…กว่าจะได้กลับห้องมานอนดี ๆ
พอรู้ตัวว่าต้องตื่นไปทำงานก็รีบลุกพรสดมาล้างหน้าบ้วนปาก ปัดผมแล้วก็ทาแป้งหน้าโบ๊ะให้นวน ๆ เพราะรุ่นพี่สาวใช้บอกว่าทาบ้างเถอะแล้วยัดเยียดมา แล้วใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อยในสองจังหวะ อะชิบๆ และแล้วถึงเวลาทำภารกิจที่ไม่ว่าชาติไหนก็ยังเหม็นอยู่ดี.. เอาล่ะ.. “เทเขร้เช้านี้..” หลินหยาพึมพำเบา ๆ กับตัวเองขณะย่อตัวลงหน้าห้องส้งมแบบนั่งยองข้างลานครัว เสียงเหยียบไม้กระบะดังเอี๊ยด กลิ่นนรกแตกชัดเจนจนทำให้แมวในจวนยังวิ่งหนี.. เธอมองภาพตรงนั้นแบบเต็ม ๆ แล้วเหมือนกับหัวสมองถล่มลงมา พยายามไม่มองให้มันเป็นภาพจิตนาการที่หรูหราแต่ตอนนี้มีคนพรากเอารอยยิ้มทั้งชีวิตของเธอออกไปแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ได้ ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ค้างอยู่เป็นนาทีกว่าที่จะทำใจได้..อา...ชีวิต ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ เสี่ยวหนานแห่งเซี่ยโจว ชีวิตนี้..ราคาแพงนัก
https://img2.pic.in.th/pic/35eb4d91af848e3ef617ffe3ec795297.md.jpg
ถังไม้ทรงสูงที่มีฝาบิดครึ่งถึงถูกเปิดออก หลินหยาเบ้หน้าทันทีอย่างไม่อยากเห็นภาพติดตาสัส ๆ แต่ก็ต้องใช้ไม้จับยกขึ้นมาอย่างมั่นคงเหมือนฝึกท่าทางการประกอบเครื่องดนตรี ดวงตาแคบลงอัตโนมัติเหมือนต้องใช้พลังข้างในข่มขืนใจตัวเองไม่ให้อาเจียน “สาธุ..ขอให้ตอนอาบน้ำเขาไม่รู้เลยนะเจ้าคะ ว่าเมื่อสิบนาทีก่อนคนที่เทน้ำให้อาบก็คือคนเดียวกับคนเทเขร้ตอนนี้” เธอพูดพึมพำเบา ๆ แบบระวังตัวเองสุดชีวิตไม่ให้ลื่นสิ่งแปลกปลอมที่ออกมาจากรูประตูหลัง..และด้วยความโชคดี(หรือกรรมเก่าในอดีตชาติ) เธอก็จัดการทิ้งเขร้เข้าลงหลุมให้เรียบร้อย ไม่กระเด็น ไม่หยด ไม่เลอะเท้า ฝัง ๆ แล้วก็ทำให้เรียบร้อย
“เฮ้อ… เอาน่า อย่างน้อยวันนี้ข้ายังไม่โดนใครเรียกไปถูเรือนตอนกำลังยกถังอาถรรพ์นี่อยู่…” แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรจบ เสียงหนึ่งจากอีกฝั่งสวนก็ดังขึ้น
“เสี่ยวหนาน! รีบมาเรือนใหญ่เร็ว จะต้มน้ำอุ่นให้ท่านอาบ หรือจะให้เขาอาบลมกันฮ่ะ!” เสียงพวกรุ่นพี่สาวใช้เอ่ยบอก หลินหยาถึงกับเบ้ปากโค้งตัวแล้ววางถังเปล่าที่โดนล้างน้ำให้เรียบร้อยแล้วพูดตอบรับกลับไป “เจ้าค่ะ ข้ามาแล้วว ข้ากำลังไปทำน้ำอาบให้เจ้าค่ะ” เธอเอ่ยแล้วรีบเดินหนีจากตรงนี้
เธอมาถึงห้องอาบน้ำก็ล้างมือซ้ำสามรอบพรมหอมๆ จนเกือบถลอก แล้วรีบต้มน้ำอุ่นจากหม้อลึกขนาดใหญ่ เทน้ำลงอ่างไม้ให้เรียบร้อยพร้อมกับสวดในใจอีกหนึ่งบท “ถังเมื่อครู่ก็แค่ฝันไปนะเจ้าคะ ฝันไปเลยเจ้าค่ะ ขอร้องล่ะ” หลินหยามองไอน้ำร้อนที่ลอยคลุ้งเหมือนควันบุหรี่ของชีวิตชนชั้นล่าง ท่าทางเธอจะเป็นลูกสาวเจ้าเมืองคนเดียวที่เคยเทถังเขร้ด้วยตคัวเองแล้วหัวเราะกับตัวเองเบา ๆ
“ชีวิตคนรับใช้มันก็งี้แหละ..ดมเขร้ตอนตีห้า เทน้ำอาบให้ขุนนางตอนหกโมง..” เธอบ่นนิดหน่อยแต่ถึงจะบ่นขนาดนี้มือก็ยังเทน้ำลงอ่างอาบน้ำไม่ขาด และสายตาก็เหลือบมองไปรอบ ๆ ว่ามีใครคุยอะไรกันไหม แต่นะ?..อืม ไม่น่ามี
หลังจากที่เสร็จภารกิจในห้องน้ำเสี่ยวหนานก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตากลม ๆ ของเธอรู้สึกเสียสายตาสัส ๆ เหลือบมองไอน้ำที่คละคลุ้งจากอ่างน้ำนั้นแล้วสวดในใจไปอีกหนึ่งบน ให้ลมหายใจกลับมาเป็ยของเธอสักกะที กลิ่นแม่งขมจนตีลำคอเลยอ่ะ วันนี้ไม่ต้องเสิร์ฟอาหารโชคดีหน่อย เพราะพูดตรง ๆ นะ ต่อให้มีข้าวต้มปลาแสนอร่อยตอนนี้หลินหยาก็กินไมใ่ลงอ่ะ กลิ่นของโลกเมื่อครู่มันยังติดจมูกอยู่เลย
เสี่ยวหนานหรือหลินหยาก็คว้าไม้กวาดไปกวาดลานเสียเลยเส้นแห้งแข็งกรอบอย่างคนที่ซื่อสตัว์ในหน้าที่ของตัวเองแล้วเดินดึง ๆ ออกไปที่ลานหินกลางจวน ก้าวเท้าเบา ๆ ไว้คล้ายแมวแต่แรงกว่านี้นิดหนึ่งเพราะเศษใบไม้ร่วงจากต้นชมพูงาม ให้พ้นก่อนแดดจะสูงไม่งั้นจะกลายเป็นลานอะไรก็ไม่รู้แทน ไม้กวาดในมือของเธอขูดพื้นหินเป็นจังหวะ
แคร่ก...แคร่ก...แคร่กกกก
เสียงหวาดดังไปถึงเรือนแม่บ้านหลังเล็กนั้นแหละ แล้วหลินหยาก็..ไหนดูซิมีคนเม้าอะไรกันไหมนะ เสี่ยวหนานยิ้มในใจ…ก้มหน้ากวาดต่ออย่างสงบเสงี่ยมแต่หัวใจเหมือนกำลังนั่งตบเข่าหัวเราะเป็นวง จากนั้นเธอก็หันไปรดน้ำต้นไม้ในสวนเล็กข้างจวนทุกต้นได้รับน้ำอย่างเท่าเทียม แม้บางต้นจะงอแงดินแห้งไปหน่อย
“โตเร็วนะพวกเจ้า โตให้ทันโดนเด็ดไปทำซุป” เธอบ่นกับต้นหอม แล้วก็ยิ้มอยู่คนเดียว ร่างเล็กในชุดผ้าหม่น ๆ ยืนกลางแดดเช้าแบบนั้น…ฟังนินทาไป รดน้ำไป กวาดลานไปและค่อย ๆ เติบโตอยู่เงียบ ๆ ใต้โลกของผู้มีอำนาจ และแน่นอนว่าคนอย่างหลินหยาหรือน้องเสี่ยวหนานของเราคงไม่คิดอะไรมากกว่าการที่ต้องใช้ชีวิตไปวัน ๆ จนกว่าจะได้เบาะแสอะไรบางอย่างนั้นแหละ หญิงสาวพ่นลมหายใจดังเฮือกใหญ่ เพราะว่าเธอไม่รู้จะต้องอยู่ที่นี่นานขนาดไหนกว่าจะได้เบาะแสเหมือนกัน..ทำงานอย่างอื่นมันก็โอเคนะ แต่ไอ้เทเขร้นี้มันเกินเยียวยาจริง ๆ ...หดหู่ว่ะ..ชีวิตของเสี่ยวหนานแห่งเซี่ยโจว ทำไมมันน่าหดหู่แบบนี้วะ
https://img2.pic.in.th/pic/images-16bd4c0e84c8f81e2.jpg
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -รางวัล: เบี้ยหวัดสาวใช้รายวัน 300 เหรียญอู่จู
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซื่อ เวลา 09.00 เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง
หลินหยา..ไม่รู้ว่าเธอควรเริ่มเหนื่อยจากตรงไหน ระหว่างกวาดลานรอบที่สามเพราะใบไม้ร่วงไม่รู้จักพอ หรือจังหวะที่เธอรดน้ำต้นไม้แล้วฝักบัวไม้ไผ่รั่วเปียกตรงหัวพอดีทั้งที่อุสส่าทำงานให้เรียบร้อย..อาจจะตั้งแต่ตอนที่ทำ น้ำอาบ หรือ เทเขร้ แล้วก็ได้ เพราะมันโดนถูกเทด้วยมือเดียวกันในแต่ละลำดับเวลาที่ต่างกันเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง..โอ้ย ไอ้สัส เต็มดวงตาตรูเลย..
น้องนางหลินหยาหรือเสี่ยวหนานนั่งยองพรวนดินข้างกระถางต้นไม้สีขาวกลิ่นหิมอ่อน ๆ ของมันยังไม่ช่วยไล่ความทรงจำเมื่อเช้าให้หลุดจากหัวแบบสะบัดออกไปสักที..ของเหลวสีเหลืองทอง บางอันยังเข้ม..โอ้ย ชีวิตกู..หดหู่สัส..
ดวงตากลมโตนั้นนั่งหม่อมองปุ๋ยหมักตรงโคนต้นไม้ ใบหน้าเรียบร้อยของเธอไม่ได้แสดงอาการอะไรเป็นพิเศษนอกจากเหมือนคนที่กำลังตายจากด้านในไปช้า ๆ มือพรวนดินแต่หัวใจพรวนสติตัวเอง.. นางที่เคยเป็นคนของเมืองกว่างโจว..เป็นลูกสาวเจ้าเมืองกว่างโจวที่มีเงิน..เคยใส่ชุดแพรไหมบางปักลายเมฆเงิน เดินผ่านศาลาก็ถวายผลไม้ให้ ตอนนี้..ต้องมานั่งเทเขร้..โอ้ย..ตายกู
มือเรียวของเธอตัดกิ่งต้นดอกไม้ด้วยมีดทำงาน ที่รุ่นพี่สาวใช้ให้ยืม ใบไม้บางส่วนร่วงกระจายเหมือนจะบอกว่า เ่ออ พวกข้าก็เบื่อชีวิตเหมือนกันนี้แหละ ส่วนหลินหยาก็ถอนหญ้าเสร็จไปสามกอ พรวนดินไปสี่จุด รดน้ำจนชุ่มปอด แล้วหันไปมองลานกว้าง…พร้อมกับความคิดที่ขึ้นในหัวแต่ดันพูดออกมาตรง ๆ …
“ชาตินี้..จะยิ้มได้อีกไหมวะ”
ไม่มีใครตอบเธอ ไม่มีเสียงจากดิน มีเพียงลมพัดผ่านเบา ๆ ที่พักกลิ่นปุ๋ยอ่อน ๆ มาตบหน้าแต่มันยังหอมกว่าไอ้อันเมื่อเช้า..หลินหยาถอนหายใจยาวแล้วหันมองไปสบกับท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ “ฟ้าเจ้าคะ..ถ้าในวันนี้ยังมิได้พบคนรัก..งั้นขอแค่อย่าให้ข้าต้องเจอเขร้ในถังอีกเลย พอแล้ว..ข้าขอพอแค่นี้” ลมพัดมาวูบหนึ่งไม่ตอบอะไร..
เสียงกวาดลานเงียบไปพักใหญ่ เสี่ยวหนานหรือหลินหยากำลังจะเดินไปล้างมือล้างหน้าหาเงาไม้หลบแดดแต่แล้วร่างสูงในชุดคลุมสีเทาเข้มกับปรากฎขึ้นที่หัวมุมเรือน เหงื่อผุดบางบนหน้าผาก และคิ้วที่ขมวดจนแทบจะย่นติดกันบอกได้ชัดว่าเขาไม่ปกติ.. เขามองมาทางหลินหยาเหมือนพยายามมองให้แน่ใจว่าใช้คนที่ต้องการหรือไม่ แล้วเดินเข้ามาแบบไม่ลังเล น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เรียบเฉียบ แต่ใครฟังก็จับได้ว่าเขากำลังเครียดชนิดข่มอารมณ์จนเส้นตัวเองแข็ง หลินหยาไม่เคยเห็นเขาเครียดขนาดนี้มาก่อนเลย และแน่นอนว่าเธอก็คิดว่าบางทีภารกิจของเธออาจจะกำลังถึงจุดที่มีเบาะแสบางอย่างหรือเปล่ากันนะ..แต่หลินหยาน่ะ เกือบลืมไปสนิทเลยล่ะจนฉุกคิดขึ้นมาได้ในตอนนี้..เมื่อครู่มีแต่เรื่อง เขร้ เต็มหัว ตอนนี้ไม่มีแล้วล่ะ ขอบคุณพระเจ้า
“เสี่ยวหนาน เจ้าทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จหรือยัง?”
หลินหยาที่ตั้งใจจะพัก แต่พอเห็นใบหน้าเครียดจัดจนเหมือนจะถอนหายใจกลางประโยคเธอก็ยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม “เสร็จหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ตามข้ามา ถือสมบัติพวกนี้หน่อย” เขาพูดจบก็หันหลังให้เธอทันทีราวกับมั่นใจว่าเธอต้องเดินตามมาแน่นอน บนโต๊ะไม่ไกลมีกล่องไม้อยู่ขนาดพอดีอ้อมแขนหนึ่งของหลินหยาพอดี เธอหรี่ตามองลายที่มันดูหรูหราเหมือนพอสมควร ไม่มีแม้กุญแจ ไม่มีป้ายบอก ไม่มีอะไรเลยที่บ่งบอกว่าภายในคืออะไร แต่มันหนักพอที่หลินหยาลองยก เธอต้องขมวดคิ้ว..แล้วเดินตามพ่อบ้านไปเงียบ ๆ …ฝีเท้าของเขารัวแต่มั่นคง ส่วนหลินหยา..ก็ตามเขาไปเหมือนกัน เงียบปากอย่างดี…
จะไปที่ไหนน่ะ..หืมมมมมมมม
รอต่อตัวใหญ่ ๆ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -รางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หาเบาะแสรอบที่ 2)
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนระอุจนฝุ่นลอยระริกระรี้ในอากาศ เสี่ยวหนาน หรือตัวจริงก็คือ หลินหยา ก้าวเดินกลับมาทางด้านลหลังจองหอประมูลสือฟั่งโดยไม่มีการพูดคำใดเอื้อยนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีหน้าเรียบเฉยคลายคนที่เพึ่งกลับมาจากตลอดซื้อน้ำเต้าหู้สด ๆ แต่หลินหยาไม่คิดจะซื้อหรอกนะ ถ้าซื้อก็คงจะเป็นลูกพีชหรือเหล้ามากกว่า ท่าทางของเธอเรียบง่ายเหมือนไร้แววคิด ไม่รู้สึก ไม่ข้องใจ ไม่สงสัย แต่ก็อย่างที่รู้ว่าหลินหยานั้นแม้ดวงตาจะแววใสแต่ก็ไม่ใช่ใครที่จะอ่านได้จากเพียงแววตาหรือรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ตรงนั้น
ระหว่างการเดินทางกลับเธอไม่ได้ถามอะไรพ่อบ้านเลย ไม่ได้ฟันหลังกลับไปมองด้วยซ้ำ ไม่ได้แม้แต่จะถอนหายใจเสียงดังเพื่อให้รู้สึกว่าเธอกำลังเหนื่อย หลินหยาทำเพียงเดินตามเขาไปเงียบ ๆ จังหวะไม่เร็วไม่ช้า เรียกได้ว่ากำลังดีพอจะดูไม่เร่งรีบ แต่ก็ไม่เชื่องช้าจนดูเื่อยเฉี่อยนหรอกนะ กระนั้นเอง..ท่ามกลางความเงียบงันอันเรียบง่ายเสมอ ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายในใต้ดวงตาที่กะพริบอย่างมั่นคงนั้น
นั้นคือสายตา..
ตลอดเวลาที่เธออยู่ตรงประตูหลังนั้น เธอรู้ตัวดีว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ไม่ใช่สายตาของพ่อบ้าน ไม่ใช่การ์ดที่กำลังเฝ้า ไม่ใช่ของคนที่เดินทางผ่านมาด้วยซ้ำ มันเหมือนเงาอันหนึ่งที่คลุมลงมาอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ เหมือนใครสักคนที่ไม่ได้มองเพียงแต่ เด็กสาวที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ แต่กำลังจดจำรูปร่างและแยกแยะจุดประสงหรือบกพร่องของการเป็นสิ่งของที่จะมีคุณค่าบางอย่างในอนาคต..
หลินหยาไม่ได้หันไปสนใจสายตาพวกนั้น เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร คงเกิดเรื่องขึ้นหลังจากนี้ การเงียบคือการซ่อนลึกกว่าเสียอีก ดังนั้นหลินหยาเลยไม่สนใจ จนเหมือนแทร้งว่าตัวเองไม่รู้…จะประเมินราคาหรือจะเอายังไงก็เถอะ ชีวิตนี้มันเถื่อนอนู่แล้ว คนอย่างเธอน่ะหรือจะให้ค่ากับสายตาแบบนั้น..ไม่ล่ะ สิ่งที่เธอจะทำก็คือ ปล่อยมันไป อย่างที่เป็นนนน ไม่อาจจะเก็บอีกต่อไปปป ปล่อยออกมา เลิกซ่อนเร้นนนน แค่ก..
และถึงจะเป็นแววตาของคนหนานเจ้าผู้นั้นที่ชั่ววูบเหมือนทำให้หลินหยาเหมือนจะแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่งจากความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่ได้มองเธอเป็นมนุษย์ปกติเสียเท่าไร แต่เธอก็คงห้ามอะไรไม่ได้ เขาน่าจะมองว่าเธอขายได้กี่ตำลึงซะละมั้ง? ไม่น่ามองเพราะตกหลุมรักอะไรหรอก..ใช่แล้วล่ะ..เป็นงั้นชัว ๆ เลย เพราะที่หอว่านหงเหริน..พวกผู้คนก็จะมองกันแบบนั้นอยู่แล้ว
หลินหยาเร่งฝีเท้าให้ตามทันพ่อบ้าน เพราะตอนนี้เรื่องที่ควรกังวนจริง ๆ ไม่ใช่สายตาไหนจากตรอกหรอก แต่คือจวนโอวหยางตรงหน้านี้แหละ มันไม่ได้เรียบง่ายแบบที่ผนังจวนด้านนอกจะแสดงออกเลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นพ่อบ้านก็หยุดปล้วหันกลับมาทางหลินหยาหรือเสี่ยวหนานด้วยคำสั่ง “เสี่ยวหนาน ไปช่วยโรงครัวเตรียมวัตถุดิบอาหารเย็นหน่อยสิ จะได้เสร็จเร็วหน่อย” น้ำเสียงนั้นเหมือนสงบแต่แววตากลับแฝงบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนอาจจะโล่งใจกับการที่ตัวเองได้ทำภารกิจที่หอไปเมื่อครู่เสียแล้ว หลินหยาในฐานะ เสี่ยวหนาน สาวใช้คนใหม่ของจวนโอวหยางก็พยักหน้ารับคำอย่างร่าเริง
“เจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน”
ไม่กี่อึดใจต่อมาหลินหยาจึงมาปรากฎตัวตรงลานล้างผักตรงโรงครัว มือขาวนวลของเธอช้อนน้ำขึ้นในอ่างไม้ แล้วเริ่มล้างผักอย่างสนุกสนานเชี่ยวชาญพอตัว ผักมีใบ ผักมีหัว ล้างแบบละเอียดแบบไม่มีดินติดแม้แต่น้อย ล้างแล้วสะบัดไม่ให้มีน้ำติดแล้วนำไปตากไว้ ไม่ให้ผักช้ำ เธอเคยเป็นคนล้างผักร้านชาบูหมุกะทะ (เขียนชื่อมันไม่ออกอ่ะ ผันเสียย๊ากยาก 55)
และที่สำคัญกว่าไม่ใช่แค่การล้างผักหลินหยาขยับใบหนูของตัวเองฟังเสียงรอบด้านอย่างเงียบเชียบ เพราะการจะดูข้อมูล มันก็ต้องจากพวกสาวใช้ขี้เม้าสิวะ พวกนี้แหละ ข่าวชั้นดีโคตร ๆ เลยล่ะ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
เกลือตัวโต ๆ เลขซ้ำ
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ:หาเบาะแสรอบที่ 2รางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง
วันที่สามกับจวนโอวหยาง แสงยามเช้าทอผ่านปลายชายหลังคา หยาดน้ำค้างยังเกาะใบหน้ษเมื่อหลินหยา หรือตอนนี้เธอคือสาวใช้ เสี่ยวหนาน ขยับร่างออกจากเรือนพักของสาวใช้ ร่างบางในชุดผ้าเนื้อหยาบมัดผมลวก ๆ ด้วยเชือกเส้นเดียวก่อนที่จะรีบไปล้างหน้าล้างตาในอ่านหินริมทาง เธอสะบัดน้ำเย็นใส่ใบชหน้าเพื่อไล่ความง่วง แล้วจึงมุ่งหน้าสู่ลานซักผ้าด้านหลังเรือน
ลานซักผ้านั้นเป็นลานหินกว้าง ๆ ที่มีท่อไม้ไผ่ส่งน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ไหลเอื่อยเข้าสู่อ่างหินทรงกลมขนาดใหญ่ สามใบที่ตั้งเรียงกัน พื้ืนหินเย็นเฉียบเมื่อเท้าเปล่าของเธอเหยียบมันลงไป เสียงน้ำกระทบกับพื้นดังซู่ซ่าอย่างเชื่องช้า แต่สิ่งที่ไม่ช้าคือกองผ้าเบื้องหน้า..ดอ้ย จะบ้าตาย ผ้าอ่อนทั้งของเจ้านายโดนรวมกันของจวนโอวหยาง หลินหยาเบ้หน้เา เอาว่ะ เธอทำได้ หลินหยาลองตรวจสอบผ้าแต่ละชิ้น เอาความจริงคือเธอแค่อยากดูว่าพวงเขาลืมอะไรไว้ในชุดเสื้อผ้าบ้าง มีคราบอะไรแปลก ๆ ไหม การเก็บข้อมูลเป็นสิ่งที่ดี เพราะหากคนมองมาก็แค่คิดว่าเธอตัดแยกประเภทผ้าเท่านั้น ทุกอย่างถูกแยกย้ายแล้วก็รวบเอาไว้ซักให้เรียบร้อย วันนี้คงได้กลิ่นสบู่ติดอมือไปอีกสามวัน..
“สาธุ...เทพเจ้าผู้คุ้มครองผิวมือของข้า หากท่านยังเมตตาอยู่ ขออย่าให้ข้านิ้วพองแต่เช้าเลยเถอะ” เสี่ยวหนานบ่นพึมพำแล้วถกแขนเสื้อขึ้น ยืนพ่นลมหายใจทิ้งแรงอารมณ์ขณะเริ่มต้นภารกิจโหดเหี้ยม
เธอหยิบเสื้อคลุมตัวแรกลงอ่างแล้วใช้สบู่ก้อนทำ มันเป็นของชั้นดีเพราะสำหรับเจ้านายเท่านั้นถึงจะใช้ได้ ใช้แรงแขนเอนตัวยไปบนขอบอ้าง ขยี้ด้วยมือเปล่าจนเป็นฟองขาวแล้วเริ่มเสียงผ้าเปียกปะทะกับผิวหินดัง “ปัก ปัก ปัก” ทุกครั้งที่เธอฟาดมันลงเพื่อรีดคราบ จากนั้นก็เอาผ้าขึ้นมากรอกน้ำอีกอ่างวนลูปเช่นนี้ไม่หยุด…บางชิ้น โดยเฉพาะของเจ้านายใหญ่เกินกว่าที่จะจับได้ถนัดมือ เสี่ยวหนานต้องใช้วิธีก้าวขาขึ้นยืดสุดขาไว้แล้วเอามือสองข้างขยี้เหมือนส้มตำดี ๆ นี้เองแต่จะใช้ยำดีได้ไหมก็คงไม่ดีแน่..คงถูกพ่อบ้านลากหัวออกจากจวนก่อนที่จะได้งาน เธอจึงทำได้แค่กัดฟันซักผ้าไป ฟาดไป ฟองสบู่กระเด็นเปื้อนแก้ม เปี้ยกเสื้อผ้าไปทั่วตัว แต่ยังคงแสร้งทำสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเคย..
เสื้อตัวที่หนึ่งผ่านไป ผ้าตัวที่สองผ่านไป กระโปรงตัวที่สามผ่านไป หลินหยาแทบอยากจะกรี๊ดออกมาเป็นภาษาพาเซลแต่ทำไม่ได้เลยได้เป็นภาษาป๊อก ๆ ป๊อก ๆ แทนในตอนนี้ หญิงสาวพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ ตอนนี้หน้าเธอมีฟองสบู่ติดอยู่ด้วยล่ะ อาจจะแปลก ๆ ไปบ้างแต่ก็นะ เธอไม่สนหรอกถ้ามันจะทำให้งานเสร็จน่ะ ลานแห่งนี้ใกล้เรือนใหญ่ด้วยสิ เผื่อมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาอาจจะได้ฟังอะไรดี ๆ ก็ได้นะ? หากมีจริงน่ะนะ เธอพ่นลมหายใจเ์ฮือกใหญ่ ตอนนี้ท้องของเธอเริ่มหิวข้าวแล้วล่ะ เอาความจริงเมื่อวานกินข้าวไม่ค่อยลงเพราะเป็นเวรไปเทเขร้ สภาพไม่รู้จะกลับมาชินชาตอนนี้ได้ไหม หยุดกินฟักทองไปสักพักเถอะตอนนี้
“นี่มัน...โคตรพ่อโคตรแม่ของการซักผ้าจริง ๆ...” หลินหยาพึมพำ แสงแดดเริ่มสาดส่องลงมาที่ยอดไหล่ของเธอ เส้นผมเปียกแนบหน้าไม่ใช่เพราะเหงื่อแต่เป็นเพราะน้ำต่างหากเสียงน้ำสาด การฟาดผ้า การขยี้ด้วยมือเปล่า การบิดจนเส้นเอ็นในแขนดังกร๊อบกร๊อบ ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นจังหวะในยามเช้าที่ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครชม และไม่มีใครอยากทำ แต่สาวใช้ผู้หนึ่งกลับตั้งใจลุยงาน หลังจากนั้นก็เอาไปตาก ตาก ๆ ให้เรียบร้อย..อืม ตรงที่ตากก็อยู่ด้านหลัง ไม่เป็นอะไรหรอก พวกสาวใช้มาช่วยกันตาก เพราะเสี่ยวหนานตัวเล็กสำหรับพวกเขา
เธอเลยได้ไปพักผ่อนมาก แต่ตัวเปียก..ตอนนี้สภาพเหมือนแมวที่พึ่งขนเปียกลูบลู่เลย..เสื้อผ้าก็แนบเนื้อไปหมด..เห่อ..ขอให้ไม่เจออะไรแปลก ๆ ตอนนี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -
รางวัล: เบี้ยหวัดสาวใช้รายวัน 300 เหรียญอู่จู
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 11:05
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (เรามาหาเบาะแสกันเถอะจ้า)
หลินหยาหรือตอนนี้คือเสี่ยวหนาน เธอเดินทางไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางตอนนี้ นางให้สาวใช้รุ่นพี่ตากผ้าแล้วตอนนี้หลินหยากำลังเดินไปทำงานของเธอต่อ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อยกับสิ่งที่ตัวเองต้องทำ ดวงตาของนางประกายวาวของความไม่เหนื่อยแต่กำลังคิดหาวิธีการที่ตัวเองนั้นจะได้เบาะแสเพิ่มมากกว่านี้ ก่อนที่จะเริ่มทบทวนว่าเบาะแสที่นางมีตอนนี้คือสิ่งใด…ตอนนี้เธอมาอยู่ที่นี่ได้สามวันแล้ว วันแรกคือการมาสมัครงาน เธอพบกับพ่อบ้านและเขาก็รับเธอเข้าทำงานเพราะมีใบรับรองและเขาดูจะอยากใช้งานคนอยู่แล้วด้วย อีกอย่างต่อไปวันที่สองคือวันเริ่มงานจริง เธอทำงานตามปกติ แต่แล้วตอนที่ทำงานเสร็จพอบ้านก็มาพาเธอให้ไปยกของ เขาดูเครียดมากทำไมกันนะ? ทั้งที่ตัวเองก็ยกเอาไว้ได้เองแท้ ๆ แต่กลับต้องพาเธอไปด้วย หรือต้องพาใครสักคนไปด้วย แบบนั้นก็น่าแปลกใจนิดหน่อย และวันนี้วันที่สามเธอยังไม่เห็นอะไรผิดปกติ แต่ไม่แน่ว่าไม่นานอาจจะพบ
ประการแรก นายท่านโอวหยางนั้นมีธุรกิจกับคนโรงประมูล เธอเชื่อว่าจะมีมากกว่าหนึ่งแน่นอนไม่ใช่เพียงแต่ชายชาวหนานเจ้าคนนั้น โดยใช้อำนาจของการส่งบุตรสาวไปเป็นพระสนมตำแหน่งเฟยถึงสามคนเพื่อสร้างบารมี และเปิดให้ชาวอื่นเข้าเมืองมาโดยง่ายอาจจะลักลอบขนส่งของหายากและผิดกฎหมายที่โรงประมูล
เสี่ยวหนาน หรือตัวจริง คือหนาน หลินหยา ก้าวเท้าเบา ๆ ลัดเลาะไปตามโถงเรือนใหญ่ของจวนโอวหยาง แสงอาทิตย์ลอดผ่านบานหน้าต่างกระดาษสีขาวนวลจนเกิดเป็นลวดลายสะท้อนบนเงาพื้นไม้ขัดมัน ร่างบางในชุดผ้าฝ้ายหยาบที่เปลี่ยนแล้วถือผ้าผืนหนึ่งกับถังน้ำผสมสมุนไพรสำหรับเช็ดเครื่องเรือนมา เธอมองไปรอบตัวด้วยแววตาเรียบเฉย แต่ลึก ๆ ในใจกลับเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติบางอย่างที่่ไม่อาจมองข้างได้
ตัวเรือนด้านนอกที่ดูเงียบสงบ ในสายตาคนนอก กลับซ่อนอะไรไว้มากมายกว่าที่คิด ประตูทองเหลืองแกะสลักลายล้ำค้า ผนังไม้ฉลุสักทองฝังหินลวดลายฟ้า เครื่องเรือนที่เธอค่อย ๆ เช็ดฝุ่นถูนั้นคือโต๊ะชาชั้นดีแผ่นเดียวที่แกะจากไม้มะเกลือสีดำสนิท หน้าตัดเต็มลายวงปีเรียงกันชั้นอายุยืนราวต้นไม้พันปี วางชิดสถานที่ฉากกั้นลายเขียนทองซึ่งประดับไปด้วยลายปักหงษ์หยกขาว ผ้าไหมแท้จากเมืองใต้ที่นางเคยเห็น
ในห้องยังมีโต๊ะตะเกียงหยกขาวหุ้งโครงทองคำ ขาโต๊ะทำจากไม้กฤษณาแกะสลักงาม กลิ่นของน้ำมันหอมที่ลอยอวลอยู่ในอากาศไม่ใช่แค่เครื่องหอมธรรมดา แต่เหมือนมันกลั่นมาจากเปลือกไม้เก่าหายากซึ่งมักถูกใช้ในพิธีกรรมของราชสำนักหรือในงานฉลองที่เจ้านายชั้นสูงเท่านั้นที่จะมีกำลังซื้อ
หลินหยาเช็ดผิวโต๊ะด้วยผ้าเปียกแล้วรีดแรงมือไปตามลายไม้อย่างเงียบสงบ ท่ามกลางเงาสะท้อนของโคมไฟหยดที่ไหวเบา ๆ ตามแรงลม เสียงน้ำยังคงมี เธอไม่พูดอะไรไม่แสดงสีหน้าไม่ถามแม้แต่สักน้อย แค่ลงมือเช็ดถูต่อไปอย่างเชื่องช้า แต่ภายในใจกลับกำลังพยายามไล่เรียงเหตุการณ์ เสียงของนายท่านที่มีบุตรสาวเป็นถึงพระสนม..
ถ้ามีใครในจวนนี้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือขนส่งสิ่งผิดกฎหมาย..ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น…นั้นคือความคิดของหลินหยา เธอยังคงเป็นเด็กสาวตัวเล็กจากเซี่ยโจวที่ทำงานอย่างหนักเหมือนเคย เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็จะทำงานอย่างหนักต่อไปในฐานะของเสี่ยวหนาน แต่หากมีอะไรที่น่าสนใจเธอก็จะจัดไปอย่าให้เสีย เธอไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ๆ เพราะมันจะทำให้เธอนั้นเสียเวลาใช้ชีวิตมากขึ้นทุกทีกับการอยู่ที่นี่ หญิงสาวพ่นลมหายใจแล้วทำความสะอาดไปเรื่อย ๆ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: หาเบาะแสจ้า ขอเลขดี ๆรางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามโฉ่ว เวลา 01.00 - 03.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (เบาะแสหมายเลข 9)
แสงจันทร์เย็นเยียบในค่ำคืนปลายฤดูร้อนของฉางอัน สาดผ่านเรือนยอดไม้ไผ่เป็นลำแสงบางเฉียบเฉกเช่นมีดคมตัดความมืดยามค่ำคืน เงาของเสี่ยวหนาน หรือหลินหยา นั้นเดินผ่านทางทอดยาวลงบนลานหินหรวดขาว เมื่อเธอเดินลงจากเรือนหอตำราด้วยท่าทางอ่อนล้านัก ปลายนิ้วของเธอยังมีกลิ่นของน้ำยาขัดไม้ติดอยู่จาง ๆ ขณะที่มืออีกข้างกุมโคมไฟกระดาษแสงส้มไว้มั่นนัก หอตำราในยามค่ำช่วงเงียบงันราวกับถูกกลืนกินด้วยความลึกลับของจวนโอวหยางเหลือเกิน ไม่มีเสียงฝีเท้าของข้ารับใช้ ไม่มีแม้แต่เสียงจิ้งหรีดกระโดดบนใบไผ่ มีเพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเธอที่กระทบกับลานทางเดินหน้าตรงไปยังเรือนพัก เมื่อเธอเดินผ่านมุมกำแพงหินตรงหน้าประตูรองนั้นเอง…
“อึก..อึก” เสียงของคนงานที่ยกของหนักทำให้หลินหยาชะงักนิดหน่อย กระพริบตายาว ๆ เล็กน้อย แล้วก่อนที่จะขยับเหลือบมองเพราะตอนนี้เหมือนเธอหลบในเงามืด แต่ไม่ลืมสเพราะเมฆลอยมาปิดร่างของเธอต่างหากเพราะเธออยู่ตรงกระโจมไฟใกล้ตัว เธอพบเห็นว่ามีชาวฉกรรจ์สามคนที่กำลังยกหีบขนาดใหญ่ขึ้นป่าแล้วเดินอย่างมั่นคงไปยังประตูรองของจวน หีบแต่ละใบใหญ่เหลือเกิน แถมยังมีผ้าไหมสีหมนแล้วก็ตราประทับจวนโอวหยางอย่างเป็นทางการด้วย น่าจะ?...หืม? ทำไมตัวหีบไม่มีแต่ตัวผ้ามีกันล่ะ?
ที่น่าประหลาดคือทั้งสามเดินออกอย่างเปิดเผยราวกับไม่มีสิ่งใดที่ต้องปิดบัง หรือไม่มีใครกล้าถามเสียมากกว่าอย่างงั้นหรือ? ไม่เป็นความลับ ไม่สิ..มันเหมือนมีความรีบร้อยอยู่นิด ๆ จากหน้าตา ไม่มีพ่อบ้าน ไม่มีผู้ดูแล แต่เธอแน่ใจว่านั้นกำลังจัดการตามคำสั่งอะไรบางอย่าง..ราวกับว่าสิ่งนี้คือ กิจวัตร ในจวนโอวหยางแห่งนี้..ประหลาดนัก? ทำเช่นนี้แล้วเหตุใดใต้เท้าเถียนเฟิงถึงต้องส่งเธอมาด้วย..ต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ ๆ... เขาดูเหมือนว่าจะย่ามใจนักว่าจะไม่มีใครมาตรวจสอบอะไรแบบนี้ ทำไมกันนะ? เพราะความลำพองใจแก่เส้นสายที่ตัวเองเป็นคนจัดทำขึ้นมาเช่นนั้นหรือ? หลินหยาคิดเล็กน้อย ในหัวของเธอมีหลายสิ่งหลายอย่างตีกันผสมไปหมด แต่รายละเอียดทุกอย่างเธอจำได้ไม่มีทางรู้ลืม..แต่แบบนี้มันก็แค่รู้ถึงความผิดปกติ เธออยากได้หลักฐานอะไรที่มากกว่านี้..ซึ่งขนาดนี้สำหรับเธอ มันยังไม่พอหรอก
หลินหยามองจ้องพวกเขาจนลับตา จากที่ยืนอยู่ เธอเหมือนเห็นอะไรสักอย่างนะ?...หลินหยายังยืนอยู่ตรงนั้น พยายามเงี่ยหูฟังเสียงอะไรบางอย่างที่เมื่อครู่เธอได้ยิน ต้องทำใจนะ ที่หลินหยานั้นหูผีมากกว่าที่ใครคิดล่ะ เพราะเธอเป็นพวกเซ้นส์แรงละมั้ง?
“กึก…กึก..ติ๊ง” เสียงเบา ๆ ดังขึ้น..
เด็กสาวเม้มปากแน่น มองตามหลังของพวกเขาไปโดยไม่คิดตาม แต่ในหัวกลับจดจำจำนวนคน ขนาดของ ทิศทางได้อย่างแม่นยำ แม้ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจนักแต่เธอกลับแน่ใจว่าหีบพวกนั้น..ไม่ธรรมดาแน่นอน เงียบเกินไป หนักแน่นเกินไป..แต่เมื่อกี้เสียงอะไรน่ะ?
หลินหยาพบว่ามีเสียงบางสิ่งตกกระทบขอบหินแล้วกลิ้งลงข้างทางไปทางน้ำในสระด้านข้างสะท้อนแสงจันทร์วาววับประกาย แสงนั้นสิ่งให้หลินหยาเห็นวัตถุบางอย่างตกลงไปจากหีบใหญ่หนึ่งในนั้นกลิ้งตกจากหีบออกมาจากด้านล่างอย่างไม่มีใครสังเกตหรือเหลียวแล ไม่มีทางรู้แน่ว่ามันตก.. เธอผ่อนลมหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะก้าวเท้าไปอย่างแนบเนียนแล้วเดินก้าวเข้าไปเสมียนเพียงแค่ตรวจสอบความเรียบร้อยหลังจากทำความสะอาดเท่านั้นเอง..
นางก้มลงแล้วเก็บวัตถุนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ พลางนิ่งไปเล็กน้อยแล้วกำวัตถุนั้นในมือของเธอ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: หมายเลข 9 ค่ะ ของอะไรหน่อออ อะไรหน่อออ
รางวัล: -
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามโฉ่ว เวลา 01.00 - 03.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หาเบาะแสรอบที่สองงง)
หนาน หลินหยา เวรกรรมอันใดแต่ปางไหนนั้น..เธอคิดแล้วล่ะตอนแรกก็คิดอยู่ หีบพวกนั้นไม่มีเสียงโลหะกระทบกัน ไม่ใช่หีบเครื่องเงิน ไม่ใช่หีบตำรา ไม่มีเสียงบน้ำหนักไหล ไม่มีเสียงขยับจากภายใน เงียบเกินไป..
ใช่…มันอาจเป็นศพ..หรือของสำคัญที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามีหรือไม่มีชีวิต.. แต่หลินหยาเริ่มแน่ใจ..เมื่อเธอพบกับสิ่งนั้น สิ่งที่สัมผัสได้ในอุ้มมือของเธอ ไม่เหมือนเศษผ้า..เธอสัมผัสที่ได้ปลายนิ้วนั้น ไม่ใช่เลย ไม่ใช่หิน ไม่ใช่อะไรทั้งสิ่งที่ควรอยู่ในอุ้งมือของเธอแบบนี้.. มันคือ
นิ้ว..นิ้วคนจริง ๆ นิ้วก้อยของมือ ตัดตรงข้อที่สองพอดี ยังมีคราบเลือดแห้งกรังเบา ๆ ติดอยู่ตรงเล็บที่หยาบกระด้าง อาจะเป็นของผู้ชายหรือผู้หญิงที่ทำงานหนักจากความหนาและสภาพ.. หลินหยาที่เธอเห็นภาพนั้นก็กระพริบตาช้า ๆ ยืนนิ่งอยู่ใต้เงาของต้นไม้นั้นเหมือนเดิม..เหมือนจะแข็งค้างเพราะสติหลุดไปแล้ว..
เธออยากกรี๊ด แต่ตอนนี้ด้วยจิตใต้สำนึกที่โดนกดทับไปหมด จึงทำได้แต่เพียงกลืนลมหายใจเข้าไปในลำคอทันที ราวกับกบที่ถูกจับได้ นางระบายยิ้มแบบเหม่อลอยในใจเบา ๆ ดวงตาขยับหลับตาปี๊เหมือนเคยแล้วเสือกร่างกายไม่ฟังหัวสมองว่าให้ปล่อยมันเพราะเป็นหลักฐานสำคัญ..
‘อีบ้าาาาาเอ้ยยยยยย นิ้ว!! นิ้วหรอออ นิ้วก้อย!! ไอ้เหี้ยยย มันคือนิ้วคนจริง ๆ หรอออ’
โวยวายในใจมือขวาของเธอกำวัตถุนั้นเข้าไปด้วยแบบไม่ตั้งใจจริง ๆ เหมือนกับคลายมือออกจะทำให้นิ้วนั้นกระโจนยังไงก็ไม่รู้ หลินหยาอยากร้องไห้ ใครก็ได้ช่วยนางด้วย นี้มันบาปอะไรของนางแต่ชาติปางไหนวะเนี้ย?..เธอแทบอยากจะกัดริมฝีปากอีกรอบ พยายามสูดลมหายใจเข้าแล้วสั่งตัวเอง..
เสี่ยวหนาน..หลินหยา..หนานหลินหยา..เจ้าแค่ถือนิ้วเอง.แค่นิ้วก้อย..โอเค..ไม่..ไม่โอเคไอ้เหี้ย!! นี้มันคือนิ้วนะโว้ย.. โว้ยยยย
หลินหยาหมุนตัวกลับที่พักอย่างมีจุดหมายเธอไม่เปิดมือไม่กล้าวางลงพื้นด้วย ระหว่างทางเธอขยับตัวเข้าห้องน้ำ หยิบเอาผ้าสะอาดออกมาแล้วใส่นิ้วนั้นม้วน ๆ แล้วมัดเอาไว้ทำให้มันเหมือนหอบเงินตราเก็บส่วนตัว หรือแท่งไม้อะไรสักอย่างก็ได้ ..หลังจากนั้นเธอก็คงต้องมีไอ้นิ้วนี้ติดตัวแล้วล่ะ..
นั้นคือ…เรื่องเมื่อคืน…..
และตอนนี้ก็ได้เวลาหาเบาะแสต่อไปแล้ว หลินหยาพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ นางพ่นลมหายใจของตัวเองออกมา
ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง
อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบิน แสงเลื่อนลอยผ่านม่านผ้าสีครามบางเบา หลิ่นแสงแดดยามเช้าแตะต้องพื้นกระเบื้องในห้องซักอย่างแผ่วเบา หลินหยาที่บัดนนี้หลายเป็นเสี่ยวหนาน สาวใช้ตัวเล็กประจำจวนโอวหยางก็ยังคงทำตัวราวกับไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ชวนอ้วกเมื่อคืนมาเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงขัดถูพื้นหินปูน ล้างลาน กวาดฝุ่นจากขอบหน้าต่างอย่างเชื่องช้าราบเรียบและสะอาดไร้พิรุธในสิ่งใด ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแต่มีรอยยิ้มบางอย่างไม่รู้ว่าหม่นหมองหรือเหนื่อย
เมื่อถึงเวลาเหมาะเธอก็หยิบตะกร้าไม้ไผ่กลม ๆ เดินผ่านเรือนด้านหลังมุ่งตรงสู่ห้องเก็บผ้าโดยมีท่าทีสงบเสงี่ยม ก็แค่สาวใช้ธรรมดา ๆ ที่อาจจะหน้าตาดีหน่อยนิดหนุ่ง ที่จะมาจัดชุดไว้ใช้ในแต่ละวันเท่านั้น กลิ่นของผ้าสะอาดผสมกลิ่นน้ำอบจาง ๆ ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นอบอุ่นผิดพาดเสื้อผ้าแต่ละชุดถูกจัดแยกเป็นชุดสำหรับแต่ละคน พับเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ..
หลินหยาใช้เวลาไม่นานในการคัดแยก เธอหยิบชุดจากตะกร้าแล้ววางเรียบอย่างเบาและเงียบงัน บางครั้งก็แกล้งยื่นจมูกเข้าไปสูดกลิ่นหอมอย่างเผลอตัว..ก่อนที่จะเหมือนคิดอะไรในหัว..
อย่างน้อยก็ไม่ใช่นิ้วที่พึ่งตัดตกพื้นล่ะวะ..
เธอลอบดูสำรวจระหว่างการพับเสื้อผ้าพวกนั้น ตรวจดูรอยฉีกขาด หรือรอยเย็บใหม่ที่อาจบ่งบอกอะไรบางอย่าง ถึงมันจะเหมือนการประเมินว่าผ้ามีสภาพดีไหมก็ตามที จับชายเสื้อ คลำหาของหรืออะไรที่แอบซ่อนไว้หรือไม่ มีช่องลับไหม แม้แต่สิ่งที่หายระหว่างทำความสะอาด..หึ..ของแบบนี้น่ะ มันต้องตรวจสอบสิวะ
https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: เรามาสำรวจรอบที่สองกันเถอะรางวัล: -
หน้า:
[1]
2