LinYa โพสต์ 2025-6-20 12:54:14

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 19:23

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หมายเลข 0 ว่ะ เอาดี๊ มาดี๊)

          กลิ่นของผ้าที่เพิ่งพับเรียบร้อยยังอุ่นอยู่ในอุ้งมือของหลินหยา กลิ่นน้ำอบอ่อน ๆ ปะปนกับกลิ่นดอกไม้แห้งจากถุงหอมที่เย็บซ่อนอยู่ตรงชายผ้าคลุมแต่ละชุดลอยแตะจมูกหลินหยาอยู่เบา ๆ เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานที่มีเสื้อคลุมผ้าไหมเนื้อดี ผ้าแพรผืนบางและชุดเจ้าหน้าที่ประจำจวนโดนทำใฝห้เรียบตึง กลิ่นความหอมสะอาดละมุนก็ยิ่งซึมซับเข้าไปในทุกผืนผิวของร่างนางไม่เว้นแม้แต่ปลายนิ้วเรียวที่เริ่มมีกลิ่นประจำของเรือนผ้าเกาะติดเอาไว้อย่างนุ่มนวล

          หลินหยาหรือเสี่ยวหนาน ในตอนนี้กำลังใช้สองแขนโอบผ้ากองเล็ก ๆ ก้าวเดินช้า ๆ ไปตามทางเรือนจวนใหญ่ เส้นผมถูกรวบตึงขึ้นหลวม ๆ ด้วยริบบิ้นผ้าสีซีดจากห้องเย็บผ้า ทำให้เส้นผมดำขลับที่หลุดลุ่ยลงมาข้างแก้มยิ่งดูขับให้เหมือนคนที่ไม่มีพิษภัยยิ่งนัก เธอก้มหน้าเล็กน้อยชขณะที่สายตากวาดผ่านขอบบัวและช่องหน้าต่างระหว่างเดินกลับราวกับกำลังเพลินอยู่กับสิ่งรอบตัว แต่ในใจนั้นกลับไม่ได้สงบเงียบอย่างรูปลักษณ์ภายนอกเท่าไร เพราะแท้จริงนางกำลังจดจำเส้นทางเก็บข้อมูลอยู่นั้นเอง..

          “หอมจังเลย”.. หลินหยากระซิบกับตัวเองพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตรงปลายจมุกแล้วยิ้มนิด ๆ ราวกับหลุดเข้าไปในห้วงของความหอม และเธอแทบจะไม่รู้เลยว่า..บางทีอาจจะมีใครบางคนก้าวเดินมาตรงนี้ก็ได้..บางทีกลิ่นนี้อาจจะไม่ได้มาจากนิ้วของนางอาจเป็นกลิ่นของอำนาจ กลิ่นของความลับ หรือภัยที่คืบคลานเข้ามา..

          ฝีเท้าหนักแน่นของบุรุษที่แผ่กลิ่นอายของอำนาจลอยอวลมาจากหัวมุมทางเดินก่อนที่จะปรากฎร่างของชายวัยกลางคนในชุดเจ้าขุนมูลนายเขาสวมเสื้อผ้าที่สวงนไว้สำหรับผู้มีตำแหน่งสูงเท่านั้นใบหน้าเหมือนจะนิ่งเฉยแต่แฝงความดุดัน ดวงตาคมลึกริมฝีปากบางแน่นภายนอกงามสง่าเฉกเช่นผู้รักษาธรรม แต่ลึกลงไปกลับซ่อนงูพิษใต้ห่มผ้าไหม

          และเช่นเคย ข้างกายขชองเขามีสาวงามแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่เดินตามมาอย่างประดิดประดอยท่วงท่านาง ราวกับเครื่องประดับที่ผลักเปลี่ยนไปตามวันและอารมณ์เหมือนเรื่องเล่าในครัวที่มักจะบอกปากต่อปากกัน ว่านายท่าน..ไม่เคยหยิบผู้หญิงมาซ้ำหน้า หากซ้ำแปลว่านางคงได้รับความโปรดปรานนัก…

          หลินหยาในร่างของเสี่ยวหนาน สาวใช้หน้าใหม่ผู้ถือผ้าไว้ในอ้อมแขนจนแทบบังทัศนียภาพเบื้องหน้าก้าวพรวดออกมาจากโค้งทางเดินอย่างไม่ระมัดระวัง และในพริบตานั้นเองร่างของเธอเกือบจะชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ของบุรุษตรงหน้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายยื่นมือออกมารับรั้งมือเรียวของเธอไว้ก่อน มือของคุณชายโอวหยางหนักแน่น ทว่ากลับประกองมือของหลินหยาไว้มั่นไม่ให้ล้มแม้สักนิดเดียว ราวกับเขาควบคุมแรงทั้งหมดไว้ด้วยปลายนิ้ว

          หลินหยาตกใจเล็กน้อย ดวงตากลมใสสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนของนางนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ แววตาเปร่งประกายของหญิงสาววัยเยาว์ผู้มีแก้มแดงน้อย ๆ ตามธรรมชาติ ริมฝีปากเล็กเผยคล้ายจะพูดอะไรบางอย่างออกมาด้วยเสียงเบาและสุภาพ

          “ข้าขออภัยนายท่าน ข้ามัวแต่ทำงานเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกเสียงของเธอประหนึ่งระลอกน้ำที่กระเพื่อมเบา ๆ บนผิวสระ แฝงทั้งความเคารพและความตกใจเล็กน้อยในน้ำเสียง ร่างบางรีบโน้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างมารยาท ไม่กล้าสบตานานเกินควรใบหน้าหวานล้อมด้วยเส้นผมดำขลับตกลงมารอบแก้ม ท่าทางนั้นดูไม่ต่างจากกวางน้อยที่เดินหลงเข้ามาในเขตหวงห้าม

          มือของคุณชายโอวหยางชะพงักเล็กน้อยเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลเรียวงามและความบางเบาของฝ่ามือของสตรีตรงหน้า แววตาคมกลับชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะที่จ้องมองเด็กสาวผู้นี้ด้วยสายตาที่มิใช่การตำหนิ…แต่มันเหมือนกับอะไรบางอย่างที่ดูง่ายกว่านั้น..

          คุณชายโอวหยางยังคงยืนอยู่ตรงนั้นแผ่นหลังตรงราวเสาหิน แววตาขรึมแต่ทอประกายลึกลับขณะทอดมองหญิงสาวตรงหน้า เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายหมน ทว่ามือของเขาที่สัมผัสกลับมิใช่มือที่หยาบกร้านจากการทำงานหนักเหมือนหญิงสาวทั่วไป แต่กลับละมุน นุ่มแน่นยิ่งกว่านางรำที่เขาเคยสัมผัส นิ้วเรียวยาวนั้นคล้ายจะสื่ออารมณ์ขวยเขินอย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อดวงตากลมใสนั้นสบกับดวงตาของชายหนุ่มชั่วครู่ก่อนที่จะหลบสายตาแล้วก้มหน้าลงกับไม่กล้าทำให้ชายสูงศักดิ์ยศใหญ่ต้องเสียมารยาท

          กลิ่นหอมจางของผ้าอมที่ติดปลายนิ้วเส้นผมที่หลุดลุ่ยแนบแก้มแดงเรือเพราะความอับอายล้วนปะติดปะต่อภาพรวมให้เธอเหมือนกับผลไม้ฤดูใบไม้ผลิอที่เพิ่งพลิความหวานฉ่ำรอคอยให้ใครบางคนมาเด็ดลิ้มลอง และเมื่อได้ลิ้มลองอาจจะลืมรสอื่นไปเสียสนิท เขาขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อยเหมือนคนที่กำลังสนใจอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะให้ความสนใจนัก ทว่ายิ่งห้ามใจกลับยิ่งอยากรู้

          “เจ้าชื่ออะไร?” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยถาม

          หลินหยานั้นเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เพียงเสี้ยววินาที ดวงตากลมใสนั้นยังไม่กล้าจ้องตรงนักริมฝีปากเอ่ยขยับปากเบา ๆ “ข้ามีนามว่าเสี่ยวหนานเจ้าค่ะนายท่าน ข้ามาจากเซี่ยโจว พึ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน” นางเอ่ยพลางก้มลงหน้าเล็กน้อยอย่างสุภาพ แต่สายตานั้นเหลือบกลับมองฝ่ามือของอีกฝ่ายที่ยังคงจับมือเธอไม่จางหาย รอยเขินไล่ขึ้นแก้มเล็กน้อย ทำให้ชายตรงหน้าคิดว่านางคง..

          เขินจริง

          ไม่ใช่เพียงแสร้งทำ หลินหยาพียงหลุบตาลงต่ำเล็กน้อยที่ยังคงมองฝ่ามือที่ยังจับมือนางอยู่ดวงตาคู่นั้นมีความหมายบางอย่างแฝงเร้นแต่กลับยังไม่ปล่อย “จากเซี่ยโจวงั้นหรือ?” เขาขายทวนชื่อเหมือนจดจำไว้มือนั้นยังคงไม่ได้ปล่อยนักราวกับเขาไม่จำเป็นต้องปล่อยมือจากของที่คิดว่าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: เอาดี๊ มาดี๊รางวัล: -


LinYa โพสต์ 2025-6-20 18:30:06

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 19:22

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง

         ปลายนิ้วของคุณชายโอวหยางนั้นคลายออกช้า ๆ อย่างแช่มช้อย ก่อนที่จะปล่อยมือของหลินหยาหรือเสี่ยวหนานโดยไม่แม้แต่จะกลับมามอง ดวงตาคมของเขาฉายแววบางอย่างคล้ายการสัมผัสชั่วครู่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ทำให้เหมือนว่าการแตะเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ไม่ต่างจากการหยิบจับผ้าเช็ดหน้าในเช้าวันฟ้าหม่น ทั้งที่ความจริง มันมิได้ไร้เจตนาเช่นนั้นเล่นสักนิด เพราะอย่างไร เขาก็จะหันกลับมาอยู่แล้ว ทำให้นางได้รับรู้ว่านางไม่มีทางหนีไปตรงไหนพ้น..เพราะสำหรับสาวใช้ มันก็เหมือนกับสมบัติของเจ้าของนั้นแหละ และเจ้าของก็คือเจ้านายนั้นของเขา เฉกเช่นสตรีทุกคนที่เขาเคยผ่านมือมาทั้งสิ้น เสี่ยวหนาน...นางก็ไม่เว้นสำหรับเขา

         เขาหมุนตัวกลับไปยังสตรีผู้งดงามในชุดผ้าแพรราคาแพงที่ยืนรออยู่ไม่ไกล สาวงามผู้นั้นมีท่าทางเรียบร้อย ตกแต่งกายอย่างปราณีตดูราคาแผง ริมฝีปากเคลือยสีอ่อน สายตาคาดหวังในน้ำเสียงของเขาว่านายท่านโอวหยางจะพูดอะไรกับเธอ ทว่าคำพูดที่ออกมากลับเรียบร้อยแต่หวานลึกเสียจนเสียวหลายกระดูกสันหลัง จนหญิงสาวแทบละลายลงไปกองตรงนั้นด้วยยกัน

          “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ..” เขาเอ่ยเสียงนุ่มทุ่มทรงเสน่ห์ “วันหน้า ข้าจะให้คนไปรับเจ้าอีกครั้ง อย่าได้เสียใจไปเลย” เขายิ้มให้นางเพียงเล็กน้อยพร้อมกับยกมือสัมผัสข้างแก้มของสตรีงามนั้นอย่างไม่สนใจขนมธรรมเนียม ยิ้มในแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนอยากเป็นเจ้าของ และเมื่อเขาหยิบล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบถุงเงินใบหนึ่งขึ้นมาส่งให้นาง สตรีผู้นั้นก็ยิ้มกว้างเสียจนตาแทบหายไปจากพวงแก้ม ถุงเงิน..แม้จะเป็นเพียงขนาดเล็กสำหรับเขา แต่ภายในอัดแน่นจนป่องออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเงินตำลึงแท้ เสียงเหรียญกระทบกันในถุงยังคงห้องอยู่ในใจหญิงสาวนานจนมันตกลงมือของนาง

          “ข้า..ขอบพระคุณนายท่านเจ้าค่ะ..อย่าลืมข้านะเจ้าคะนายท่าน” หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นแผ่วยั่วเย้าเก็บอาการไม่อยู่ แล้วโค้งศีรษะให้อีกคนอย่างงดงามก่อนที่จะหมันตัวกลับ เดินจากไปอย่างอารมณ์ดีเหมือนกับสุนักที่ได้อาหารหรือกระดูกแทะอย่างสำราญใจจากมือของเจ้านายตนเอง จนเมื่อเสียงฝีเท้าของนางเลือนหายไปหลังจากเรื่อนคุณชายโอวหยางก็หันกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่หันกลับไปหาสตรีเมื่อครู่..แต่ทว่ากลับเป็นการหันกลังมามองสตรีร่างเล็กของเสี่ยวหนานที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น หญิงสาวผู้ที่มือสะอาดจากการพับผ้า แต่ดวงตากลับซ่อนบางอย่างเป็นสิ่งที่ลึกล้ำกว่าเนื้อผ้าใด ๆ เสียอีก

         “มาเถอะ วางผ้านั้นไว้ ตอนนี้เจ้ามีหน้าที่ทำตามคำของข้า” คุณชายโอวหยางเอ่ยขึ้นเขาเอ่ยพลางให้นางวางผ้าลงข้างทาง แล้วมือหนาก็ขว้าข้อมือของคนร่างเล็กกว่าเข้ามา เอาขยับอีกมือโอบเอวบางนั้นให้แน่นราวกับเธอเป็นเพียงหุ่นไม้ในอารมณ์ของชายผู้นี้เท่านั้น “อย่าทำท่าเอ๊ะอะนักสิ..ตามข้ามา” น้ำเสียงไม่ดัง ไม่เร่ง ไม่หยาบ แต่เย็นเยือกจนเลือดในกายไหลช้าลงชั่วครู่

         เสี่ยวหนาน หรือ หลินหยา ถูกผ้าเข้าห้องอย่างไม่มีทางเลือก ประตูไม้นั้นปิดลงเบื้องหลังอย่างไร้เสียง แต่กลับก้องยิ่งกว่าระฆังเตือนของเมือง ภายในห้องนั้นกว้าง โล่ง แต่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนยที่คนธรรมดาไม่มีทางแตะต้องได้ ผ้าม่านไหมจากแดนตะวันตกประดับชายมุก หีบไม้หอมวางเรียงกันตรงมุมห้อง ตรงกลางคือเตียงยาวที่ปูด้วยผ้าแพรอย่างดี และเบาะหนานุ่มที่มีรอยยุบจากการใช้งานของใครสักคนที่นั่งสบายมานานพอสมควร พื้นเงาเคลือบไร้ฝุ่น เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่อาจตีราคาสลัดจากลายไม้ดำ สิงโตทะยานกลางเปลวเพลง..แสงแดดยามนี้ลอดผ่านเพียงเล็กน้อยทำให้ห้องนี้ดูมืดกว่าที่เคยราวกับเอาไว้ทำกิจกรรมและใช้ในการพักผ่อนบางอย่าง

         คุณชายโอวหยางปล่อยมือจากร่างของเธอในจังหวะที่พอดีจะไม่ทำให้ร่างบางเสียหลังเล็กน้อยราวกับบอกเป็นนัย ๆ กลาย ๆ “เจ้าต้องอยู่ในกำมือข้า ไม่ใช่ยืนด้วยขาของตนเอง” เขาเอ่ยพลางยกมือขึ้นเหมือนจะเชยคางเธอขึ้นมาให้มองหน้าเขา..เพียงจับจ้องมองใบหน้าหวานล้ำของสตรีแรกรุ่นคนนี้เขาก็มีอะไรบางอย่าง ผิวนางเนียนละเอียดไร้ริ้วรอย ใบหน้าอ่อนเยาว์จนแทบคลั่งน่าทำลายบดขยี้นัก เขาเปลี่ยนท่าทีตัวเอง เดินเลยไปนั่งเอนหลังบนเตียงนอนของตนอย่างสบายใจ ลำแขนข้างหนึ่งวางพาดเบาะ อีกข้างยกถ้วยชาแล้ววางลงโดยไม่แตะดื่มแม้แต่น้อย

         ดวงตาคมกริบที่ผ่านการรบนโยบายสนามมาหลายผีต้องมองมาที่เด็กสาวผู้สะดุดตาและใจเขาอย่างจัง “เจ้าจะทำอะไรให้ข้าพอใจดีล่ะ เสี่ยวหนาน?...ไม่แน่นะ หากข้าพอใจเจ้าอาจจะไม่ต้องเป็นสาวใช้อีกต่อไปเลยก็ได้” น้ำเสียงเรียบเฉยค่อย ๆ พ่นออกมาเหมือนเปลวเพลิงใต้เถ้าถ่าน สายตาของเขาไม่ปิดบังความหมายที่ซ่อนอยู่ เป็นสายตาที่อาจหมายถึงการยกย่อง หรือการกดทับ กลืนกินและหลอมละลายนาง เป็นอำนาจอันเร้นลับที่หยักราดลงลึกกับระบบขุนนางที่มีอำนาจ ในนั้นมีการยื่นข้อเสนอที่ไม่ใช่เพียงถ้อยคำ แต่คือเส้นทางของชีวิต..

         หลินหยานั้นเงียบไปเล็กน้อย หัวใจของเธอเต้นช้าลงด้วยแรงควบคุม นางหลุบตาลงอย่างตั้งใจเอียงหน้าน้อย ๆ ให้เงาของเส้นผมนั้นหล่นบังแววตาที่แท้จริงของตนเอง เสี้ยววินาทีนั้นที่เงียบงัน นั้นไม่ใช่เพราะอะไร สำหรับเธอชายตรงหน้าคือเป้าหมาย เขาคือหมากที่เธอต้องไขปริศนา ผู้ที่สามารถยกหญิงสามัญขึค้นเป็นเมียลับอย่างเปิดเผยหรือจะเหยียบให้จมหายเหมือนไม่เคยมีอยู่ก็ได้ทั้งนั้น..

         แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้..ก็คือเธอไม่ใช่เพียงแค่สาวใช้น่ะสิ..

         เสี่ยวหนานเงยหน้าเพียงเล็กน้อย ยิ้มบาง ๆ ไม่เกินงาม เสียงของนางอ่อนโยนแล้วแต่มั่นคง ราวกับกำลังยื่นดอกไม้งามแสนอ่อนหวานแต่ซ่อนบางด้วยเข็มพิษเล่มเล็กนับพัน “ข้ายังไม่รู้เลยเจ้าค่ะนายท่าน ว่าอะไรที่ทำให้นายท่านเรียกว่าพอใจกันแน่” นางเอ่ยขึ้นมา คำพูดนั้นอาจดูดนุ่มเหมือนอ่อนน้อมแต่กลับเรียกรอยยิ้มกระตุกที่มุมปากของนายท่านโอวหยางได้อย่างดีกับการช่างพูดของนางนักราวกับมีบางอย่างมาดลใจให้เขารู้สึกถูกชะตาต้องกันกับนางอย่างไม่รู้ตัวจนอาจหันหลังกลับไม่ได้

         หลินหยาในฐานะของเสี่ยวหนานนั้นย่อตัวลง หัวใจของเธอยังเต้นอย่างมั่นคงทำให้นางไม่แสดงความตื่นกลัวหรือหุนหันตามสถานะการณ์ที่ยากจะคาดเดา หากแต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างแนบเนียนพร้อมกับรอยยิ้ม ร่างกายของนางก้มลงคำนับต่อบุรุษเพศตรงหน้าที่ทรงอำนาจ ด้วยถ้อยคำที่แสนสุภาพอ่อนเยน เสียงหวานของเธอพูดขึ้นเบา ๆ คล้ายสายลมหวานที่ต้องแผ่นน้ำ

          “เช่นนั้นขอให้นายท่านอย่ารีบร้อย..ข้าจะบริการให้ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะพึงทำได้เจ้าค่ะ”

         ไม่ใช่เสียงสั่น ไม่ใช่คำขอร้อง หากแต่เป็นถ้อยคำที่เชิญชวนให้อีกคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้าอาณาเขตของนางแต่โดยดี ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ากำลังจะกลายเป็นอะไรบางอย่าง.. หลินหยาก้าวเท้าไปอย่างสงบนิ่ง นางหยิบกล่องไม้หอมจากตู้เล็กที่อยู่มุมห้อง เป็นกล่องไม้ดำที่บรรจุเครื่องหอมหลากชนิดไว้ภายในกล่องเดียว มันถูกเก็บไว้เพื่อถึงเวลาใช้งาน ปลายนิ้วเรียวบางของหลินหยาหยิบกำยานเล็ก ๆ รูปกลีบดอกไม้ออกมาทีละชิ้น ก่อนจะจัดวางลงบนกระถางนั้นปั้นดินเผาเคลือบเงินด้วยความชำนาญ

         กลิ่นแรกที่ลอยมาคือไม้กฤษณา กลิ่นที่ลึก หนักหน่น อบอุ่นและหรูหราเย้ายวน มีเสน่ห์อย่างสุขุม มันแผ่กระจายเบื้องต้นคล้ายกับการปูพรมแกงในห้องลับที่ไม่มีใครอนุญาติให้เข้าไป ตามมาด้วยกลิ่นไม้จันทร์ที่นุ่มนวลน่าหลงใหล เจือกลิ่นของกลีบบับวแห้งที่อบจนฟุ้งกลิ่นหอมละมุนละไม ให้ความรู้สึกคล้ายสตรีนั่งร่ายรำในม่านผ้าขาวบางกลางห้องหอมแล้วปิดท้ายด้วยอบเชยเพียงปลายนิ้ว ไม่มากพอให้ฉุน ไม่น้อยพอให้จาง แต่มากพอให้รู้สึกว่าภายในห้องหแห่งนี้ เป็นกลิ่นหอมที่แฝงความร้อนแรงรำแร รอการสัมผัสที่ลึกซึ้งกว่านี้อยู่

         อาหาศในห้องเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา กลิ่นลอยวนไม่เร่งเร้าแต่แผ่ซึมเข้าสู่อก สู่เส้นเลือด ไปจนถึงภายในสำนึกของจิตใจ คุณชายโอวหยางที่นอนอยู่บนเตียงจ้องเธออีกครั้งพลางยกคิ้วเล็กน้ยอไม่เอ่ยสิ่งใด สายตาไม่ได้มองเพียงแค่รูปร่างหรือความงามภายนอกอีกต่อไป แต่เริ่มจับความได้ว่าเด็กสาวคนนี้ ไม่ใช่แค่สาวใช้ที่มีใบหน้าอ่อน นิ้วเรียวงดงาม เพราะผู้หญิงที่เข้าใจกลิ่นกำยานถึงระดับนี้ ไม่ได้มีเพียงสองมือที่ทำงานบ้านเก่ง แต่ต้องมีใจนิ่งพอที่จะรู้จัดบรรยากาศการควบคุมจังหวะในห้อง

         เสียงลมหายใจเบา ๆ ดังเป็นจังหวะระหว่างกลิ่นกำยานยังคงลอยคละคลุ้งอยู่ในห้องพักส่วนตัวของคุณชายโอวหยางยามนี้ชวนให้นึกถึงห้องลับที่มีเพียงกลุ่มหมทอกบางของไม้กลิ่นหอมร่ายเงาในอากาศ และบุรุษเพียงผู้เดียวที่นั่งเอนหลังเช่นเจ้าโลกทั้งใบในอาณาจักรส่วนตคัวกำลังปล่อยให้หญิงสาวผู้หนึ่งนั้นขยับตัวสัมผัสเอาไปทั่วร่างกาย

         หลินหยาหรือเสี่ยวหนานในนามปลอม ก้าวเข้าใกล้เพียงเล็กน้อย คล้ายไม่แน่ใจว่าตัวเองควร ยั่ว ตามที่หญิงมากมายก่อนหน้านี้เคยทำเพื่อไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงหรือไม่ หรือควรเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่ไร้เดียงสาต่อไปดี แต่สุดท้าย..หลินหยาก็เลือกที่จะเป็น ตัวของตัวเอง ที่แฝงไหวพริบไว้เงียบงัน

         ปลายนิ้วเรนียวแตะขอบสาบเสื้อคลุมแพรไหมของนายท่านโอวหยางแล้วค่อย ๆ ปลดออกจากไหล่กว้างโดยไม่เร่งเร้า เสื้อคลุมหลุดออกอย่างเงียบงัน เผยเรือนกายของบุรุษในวัยเปี่ยมไปด้วยพลังและความน่าเกรงขาม กล้ามเนื้อที่เคยผ่านการฝึก ทว่าตอนนี้กลับบอมให้มือบางเล็กของหญิงสาวนวดคลึงด้วยความเงียบเชียบ กลิ่นหอมเจือบัวอบลอยตามแรงลมที่กรีดผ่านม่านขาวบาง หลินหยาใช้สองมือแตะบ่าแน่นของเขา ก่อนที่จะออกแรงกดบนจุดที่ถูกต้องอย่างพอดิบพอดี

         คลายเส้น..อย่างแผ่วเบาแต่ลึกถึงเนื้อใน..ให้ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของนาง ฝ่ามืออุ่นของนางที่เรียบเนียนกดลงในลักษณะที่ซึมลึกถึงแก่น เสียงร้องคำรามในลำคอเบา ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่มันเป็นเพียงของความพึงใจถึงที่สุด ที่ร่างกายหนักแน่นของเขาแทบจะลอยขึ้นเหนือเตียงจากสัมผัสที่ลื่นไหลราวกับน้ำจากสตรีตรงหน้า..

         “…อืม..” น้ำเสียงของเขาแผ่วต่ำในลำคอของเขาราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังเพลิดเพลิน เขาเหลือบมองตามหญิงสาวตรงหน้า ดวงตาเรียวคมซึ่งปกติเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองเวลาอยู่กับโลกของตนเองนั้นเจนจัด จ้องมองนางอย่างไม่กระพริบ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกอื่นนอกจากความหื่นกระหายดิบเถื่ิอนและความสงสัยระคนหลงใหลเกินจะเอ่ย

          “เจ้านวดเก่งถึงเพียงนี้ ใครสอนเจ้ามาหรือ?” น้ำเสียงเจาแผ่วต่ำเจือหยอกเย้า คล้ายกำลังถามเล่น แล้วยกมือขึ้นขยับจับเส้นผมของนางขึ้นทัดหูให้เขาได้เห็นใบหน้านั้นอย่างชัด ๆ ..หลินหยาก็ยังคงกดคลึงไปตามแนวไหล่ไล่ไปจนถึงต้นคอ ให้นิ้วหัวแม่มือหมุนช้า ๆ ที่หลังใบหู เขาไม่รู้เลยว่าสัมผัสเล็ก ๆ แบบนี้สามารถปลุกชีพจรบางอย่างในร่างบุรุษให้ตื่นเต้นขึงขังมากกว่าการจูบเสียอีก

          “ก็มีบางที่ต้องนวดให้แก่บิดามารดาเจ้าค่ะ..พวกท่านเหนื่อยล้ามากมาย ข้าต้องทำให้พึงใจอยู่เสมอ” หลินหยายิ้มเพียงเล็กน้อย หากแต่เสียงนุ่มแผ่วของนางเอื้อนเอ่ยคลายคำอธิบาย เธอยังคงนวดต่ออย่างไม่รีบร้อน ไม่กลัว ไม่เร่งรัด ไม่ถอยหลัง ดั่งแม่น้ำสายไหลไปตามทางของมันโดยไม่ต้องตัดผ่าน แต่สุดท้ายก็พัดพาเรือของคุณชายโอวหยางไปกลางวงวนของนางจนได้ แล้วจะมีไหม? ชายใดเล่าที่ไม่ลุ่มหลงผู้หญิงซึ่งไม่เอ่ยคำขอใด แต่กลับทำให้เขาอยากครอบครองนางเพื่อแลกกับรอยยิ้มเบาเบาเพียงครั้งเดียว

         นายท่านโอวหยางหลับคาลงเพียงครู่หนึ่งแต่กลับลืมตาขึ้นใหม่เพราะรู้สึกถึงบางอย่าง ยบางอย่างที่คันหัวใจแต่หาไม่พบว่าต้นตออยู่ตรงไหนกัน ความอึดอักชนิดที่ไม่ใช่ความคั่งค้างของตัณหาเพียงอย่างเดียว หากแต่มีความกระหายแปลกประหลาด กระหายที่จะรู้จักหญิงสาวผู้นี้ให้ลึกซึ้งกว่าผิวกายที่เปลือยเปล่าของนาง

         มือเล็กของหลินหยากดนวดอย่างแผ่วเบาต่อเนื่อง ลูบไล้ไปตามแนวกล้ามเนื้อจากไหล่สู่แผ่นหลัง เธอไม่รีบร้อย ไม่ตีกรอบให้เขารู้ว่ากำลังถูกยั่วยวน หากแต่ปล่อยให้ร่างของเขา รู้สึก ด้วยตัวของมันเองว่าถูกเคลื่อนไหวด้วยบางอย่างทีร่เกินของคำว่า สัมผัส ทางการ

         “เจ้าไม่เกรงกลัวข้าหรือ?” น้ำเสียงของคุณชายแผ่วต่ำ แม้ไม่ตะคองแต่กลับมีแรงสั่นสะเทือนอยู่ในใต้เสียงนั้น เป็นคำุามที่เขาเคยถามสตรีมานับไม่ถ้วน หลายคนละลายและสะท้อนต่อหน้าเขา แต่หลินหยาเพียงพริ้มตาเล็กน้อยราวกับไม่แน่ใจว่าเขาถามสิ่งใดกัน หรือไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไรให้ตัวเองได้คำตอบที่เขาอยากได้ แต่สุดท้ายเธอก็ตอบไปตามใจอยู่ดี

          “ข้าเพียงแต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ” นางตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทว่าชัดถ้อยชัดคำราวกับอีกฝ่ายกลับยิ่งพยายามลากนางเข้าสู่แกมของเขา แต่ท่าทีของเธอกลับเรียบเฉยงดงามของคนที่ไม่ประสีประสา

         คุณชายโอวหยางขยับมือเลื่อนขึ้นมาที่ปลายนิ้วแตะเส้นผมของนาง ขยับมือลูบผ่านไหล่ขาวนวลที่พ้นแขนเสื้อบางเบาออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความเสน่ห์หาจนทำให้ลมหายใจขาดห้วงกระตุกสั่น เขารู้ดีว่านางรู้ตัว ทว่าก็ไม่ปฎิเสธ ไม่ตอบสนองเกินเลยและนั้นเองที่ทำให้เขาอยากทำ..

           “เจ้าทำให้ข้าลังเลนัก..เสี่ยวหนาน” เขาพึมพำ ทั้งที่ยังคงนอนอยู่ตรงนั้น มือยังคงซนสัมผัสกายนางที่พ้นผ้าจนหลินหยาต้องพยายามนิ่งไว้ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาที่ไม่เกินเลย “ปกติข้ารู้ดีว่าควรทำอะไรกับหญิงสาวที่งามเช่นเจ้า..แต่กับเจ้า ข้าไม่อาจตัดสินใจได้เลย” เขาหัวเราะในลำคอเขา ๆขยับมือไปหยิบถ้วยน้ำชาที่เย็นยืดมาจิบเพื่อคลายความร้อนรุ่มในอกของตนเอง ดวงตาคมคารยของเขากวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนมุมปากอย่างมีเลศนัย

         “หรือเจ้าอยากให้ข้าลองก่อน? แล้วค่อยตัดสินใจว่าเจ้าคู่ควรที่จะถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของข้าหรือไม่?” เสียงของเขาฟังดูรื่นหูราวกับไม่ต้องการคำตอบ หลินหยาที่ได้ยินเช่นนั้นเธอไม่รู้คิดยังไงขยับตัวขึ้นแล้วค่อย ๆ ลูบนวดช่วงไหล่ของเขาอีกครั้งอย่างนุ่มนวล พลางก้มลงกระซิบใกล้ใบหูของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงบางเฉียบแต่เย้ายวนแสนหวานแต่ยังคงเป็นเสี่ยวหนาน ผู้เหมือนจะไร้เดียงสา..

          “ข้าเป็นเพียงหญิงสาวผู้ไร้ที่พึ่งเจ้าค่ะ..หากแต่นายท่านพอใจ..ข้าอาจจะยินดีอยู่ใกล้ท่านอีกสักหน่อย..ในคืนนี้”

         น้ำเสียงนั้นทำเอาคุณชายโอวหยางแทบสติหลุด เขาขยับมือตัวเองแตะมือบางของนางยกมันขึ้นมาดมเบา ๆ เหมือนกับจะจูบบางเบาเพื่อคลายความร้อนรุ่มในกายของเขาสักครา “หากข้าขอให้เจ้านวดด้วยอะไรที่งามกว่านี้ เจ้าจะทำไหม?” เขาเอ่ยถามแล้วขยับมือออกจากนิ้วเรียวงามของหลินหยา..ก่อนที่จะขยับมือลูบช่วงแขนของนางแล้วเลื่อนลงมาเรื่อย ๆ จนยกเท้าของนางอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูบฝ่าเท้าเนียนละเอียดนั้นช้า ๆ ราวกับจะลิ้มรสน้ำจันทร์อันเก่าแก่ ดรุณีน้อยถึงกับอึ้งวูบไปทั่วตัวแต่ไม่ได้กระชากเท้าหนีแต่กลับหายใจผิดจังหวะ..

         จนสร้างรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ให้กับอีกคนที่สัมผัสมันอยู่ เขาชอบเวลานางสะดุ้งจังเลย?

         หลินหยาขยับตัวโน้มมองอีกคนจ้องมองเขาด้วยสายตาแล้วเอ่ยเสียงนุ่มคล้ายลมพัดเฉื่อย “หากนายท่านมีบัญชา..เสี่ยวหนานก็ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะขัดเจ้าค่ะ” เสียงของเธอเหมือนกับพยายามเก็บงำอารมณ์บางอย่างแต่หวานซึ้งนอบน้อมแฝงแรงดึงดูดจนเหมือนคำเชื้อเชิญกลาย ๆ ทั้งที่นางยังคงแตะต้องเขาในขอบเขตของการนวด ..

          “เจ้าว่าเจ้าทำได้งั้นรึ..” เขาเอ่ยถามก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ ยกยิ้มมุมปากขึ้นอีกอย่างพอใจ

          “เสี่ยวหนานพูดแต่สิ่งที่ตนเองทำได้เจ้าค่ะ” หลินหยาหลุบตาลงต่ำ วางมือเล็กน้อยเมื่อเขาปล่อยมือจากข้อเท้าของเธอ หญิงสาวขยับตัวขึ้นยืนบนเตียงแล้วขยับตัวเหยียบขาอีกคนไว้ กดหัวเข่าแล้วเริ่มนวดอีกคนอย่างไม่หวั่นไหว บรรยากาศของทั้งคู่เหมือนกับเส้นเชือกที่ตึงพร้อมจะกระตุกขาดหรือแน่นยิ่งกว่าเดิม..

         คุณชายโอวหยางร้องครางด้วยความชอบใจ เขาเหลือบตามองเสี้ยวหน้าของเสี่ยวหนาน แสงกำยานคละคลุ้งไอจางลอยเรื่อ ยๆ รอบ ๆ ใบหน้านิ่ง กลิ่นกฤษณาและอบเชบลอยกรุ่นแสงจากโคมกระทบแก้มขาวเนียนคล้ายเปลือกไข่ที่ยังอุ่นอยู่ เท้าเล็กของนางคลึงเบา ๆ ตรงจุดที่เหนื่อยล้ามากที่สุด สายตาของนางไม่เคยมองตรงไปยังเรือนกายของเขาเลย ไม่แม้แต่จะจ้องหน้าขณะนวดซึ่งจะยั่วเย้า

         “กล้ามเนื้อแถวนี้ตึงเล็กน้อย นายท่านคงตราตรำทำงานหนัก ท่านควรอาบน้ำอุ่นแล้วพักผ่อนให้มากขึ้นนะเจ้าคะ” เหมือนคำภักดีของสาวใช้ตัวน้อยที่อ่อนโยนเสียยิ่งกว่าภรรยาที่รู้ใจ คุณชายโอวหยางขยับกายจากท่านอนนั่ง ดึงผ้าเสื้อคลุมคลุมตัวเองไว้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วหรี่ตานิดหน่อยมองนางที่ตอนนี้กลับยั่วเย้ายิ่งกว่าสิ่งใดที่เขาเคยมองเสียอีก เพียงนวดไม่กี่กระบวนท่า กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกจับตามองแล้ววางกับดักโดยปลายฝ่าเท้าเล็ก ๆ ของนางเสียอย่างงั้น

         ตอนนี้หลินหยาหรือเสี่ยวหนาน กำลังขยับตัวให้เรียบร้อยกับขั้นตอนจะสุดท้าย นางทอดตัวต่ำลงด้วยมารยาทอันอ่อนช้อยแต่ปลายนิ้วกับแนบสัมผัสขาท่อนล้างของนายท่านโอวหยางอย่างรู้จักหวะ ซ้ำยังวางน้ำหนักให้ดีไล่ตามสถานที่ทำให้เลือดลมไหลเวียน คล้ายไอร้อนวิ่งบางวน..

         “เจ้าทำเช่นนี้ทุกวันได้หรือไม่..เสี่ยวหนาน” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างซับซ้อนและนุ่มลึก

          “เจ้าค่ะ หากท่านให้ข้าอยู่ข้าง ๆ” หลินหยาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบราบแต่ชวนให้ขบคิด ดวงตาของนางเชิดขึ้นน้อย ๆ ให้่เห็นแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ซ่อนประกายบางอย่างเอาไว้อย่างคลุมเครือคุณชายโอยหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิัมมุมปากของบุรุษที่ผ่านสตรีมานักแลดูสงบแต่สายตากลับจับจ้องนางมิเสื่อมคลาย เส้มผมของนางตกข้างแก้มเพราะมันไว้เพียงหลวม ๆ ไม่ได้ประดับประดาสิ่งใดให้งดงาม ทว่าเขากลับเห็นว่าน่าดูนัก มือของหลินหยาประทองปลายเท้าแล้วกดเบา ๆ ที่ส้นราวกับนวดคลายจิตใจมากกว่ากล้ามเนื้อ..

         “ข้าพอใจเจ้ามากนัก หากเจ้าเป็นเช่นนี้ ห้ามข้าอย่างไรให้ไม่ต้องหาเรือนให้เจ้าอยู่ได้กัน แม้ข้าจะใคร่ให้เขาทอดกายข้างข้าเสียมากกว่าก็ตาม” นายท่านเอ่ยเสียงนุ่มคล้ายจะบอกความจริงที่เขารู้สึกในตอนนี้ ส่วนหลินหยาก็เงยหน้าช้อนตาขึ้นช้า ๆ พับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหวานบางไม่ได้ตื่นเต้นหรือ่อนปวดเปียก “หากนายท่านพอใจข้าก็ยินดี..แต่ข้าไม่คิดว่าสตรีอย่างข้าจะคู่ควรกับความกรุณานั้นได้เลยเจ้าค่ะ..ข้าเกรงใจยิ่ง”

         คุณชายโอวหยางนิ่งไป หัวใจพลันเต้นรัวอย่างมิอาจเข้าใจตัวเอง เหมือนถูกท้าทายโดยนางไม่เอ่ยท่า เหมือนถูกยั่วโดยนางไม่แตะต้องเขาเลยแม้แต่น้อยนอกจากการนวดเฟ้น “เจ้าคงไม่รู้ตัว ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเริ่มมีผลกับข้ามากเพียงใด…ข้าให้สงสัยว่าอาจติดรสสัมผัสของเจ้าเข้าเสียแล้ว” เขากระซิบเขา ๆ กึ่งคล้ายหัวเราะในลำคอท่าทางผ่อนคลายแต่ห้วงตากลับดำดิ่งลงอย่างผู้ในกำลังอยู่ในกับดักสายไหมและกลิ่นหอม

         เขาจะห้ามตัวเองไม่ให้สัมผัสและอยากได้นางได้เช่นใด ในเมื่อนางน่าหลงใหลถึงเพียงนี้..เสี่ยวหนาน?

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: อู๊วววว อ๊าาาาาา ซีดซาดๆรางวัล: -

LinYa โพสต์ 2025-6-20 20:01:28

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-20 20:04

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง ห้องคุณชายโอวหยาง

         คุณชายโอวหยางไม่ได้เป็นชายที่ไร้สติ แต่ในยามที่เสี่ยวหนานเบี่ยงกายเบา ๆ พลิกจังหวะด้วยสัมผัสดวงตาเรียบนิ่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นกลับมิใช่ความงามล่มเมืองเฉกเช่นคนอื่น ๆ แต่กลับรู้สึกสงบนิ่งอย่างรู้ทันทุกความเคลื่อนไหวของเขา ทำให้สิ่งที่เคยคิดว่า อยู่เหนือ มาตลอด นั้นแปรเปลี่ยนเป็นอยากเอาชนะ เสียเหลือเกิน..

         “เสี่ยวหนาน” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงแผ่วต่ำ คล้ายจะละลายกลิ่นหอมอบอวลในห้องให้ร้อนขึ้นอีกระดับ เสียงนั้นแฝงแรงอารมณ์แต่ไม่หยาบคาย คล้ายคำร่ายเสน่ห์ของบุรุษผู้มั่นใจในตนเองจนแทบจะสะเทือนอากาศโดยรอบ.. “เจ้ารู้หรือไม่ หากบิดาข้าได้พบเจ้า..อาจเอ่ยว่าเจามีราศีความเป็นภรรยามากเสียยิ่งกว่าบุตรีขุนนางบางคนในเมืองเสียอีก” เขาเอ่ยบอก

         หลินหยาทอดตามองอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลเพราะเอาความจริงแล้ว นางก็เป็นบุตรีขุนนาง แม้จะเป็นขุนนางหัวเมืองก็ตามที แววตาดั่งผิวน้ำนั้นสงบแต่เย็นลึกไม่ปฎิเสธ ไม่ท้าทาย มีเพียงรอยยิ้มบางที่ผุดขึ้นตรงริมฝีปาก มุมปากที่หยักสวยงามราวกลีบดอกท้อสุก “หากท่านชายเอ่ยเช่นนั้น ข้าก็คงต้องขอบคุณในความกรุณาเจ้าค่ะ” เสียงของเธอนุ่มละมุนละไม มิได้สั่นเครือ แต่ก็ไม่แข็งกระด้าง เย้ายวนในใจความสงบที่ไม่ต้องพยายามเกินจำเป็น..

          “แต่..” หลินหยานั้นเหมือนพูดแบบลากเสียง เธอโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อย พอให้เขาสัมผัสกลิ่นได้เพียงเล็กน้อย เธอยกมือขึ้นข้างหนึ่งวางเบา ๆ บนบ่าของคุณชายโอวหยาง “หากสิ่งที่คุณชายต้องการคือความพึงใจ บางทีสิ่งนั้น..อาจจะมาจากการได้สัมผัสในเวลาที่เหมาะสมต่างหากเจ้าค่ะ”

         ประโยคนั้นราวกับรั้งสติของโอวหยางไว้ตรงขอบเหวแทบจะผลักเขาคงลงไป ไม่ยอมให้หนี นางจับพรมแดนนี้ด้วยปลายนิ้ว ปล่อยให้ความคิดของชายหนุ่มเป็นอิสระเสรี จนกลายเป็นการพันธนาการโดยไม่รู้ตัว คุณชายโอวหยางกลืนน้ำลายลง ภายในอกพลันเหมือนถูกบีบรัดด้วยความปรารถนาอันอัดแน่นแต่ไม่อาจระเบิดออกได้ง่าย นางช่างร้ายกาจ ไม่ใช่ร้ายด้วยคำพูดหรือวาจา แต่ร้ายในความอ่อนโยนที่แฝงเหมือนใบมีดเคลือบน้ำผึ้งหวานเดือนห้า…

         จะห้ามตัวเองได้หรือ…บ้าน่า..ใครจะไปทำได้..

          !!!

         ร่างบางของหลินหยาแทบไม่ทันตั้งตัวเมื่อนิ้วมือของชายหนุ่มข้างบนโน้มรั้งเธอลงช้า ๆ โดยไม่ได้ทันให้ถอดกายหนี ข้อมือเล็กของเธอถูกกุมด้วยมือร้อนแน่นที่พอให้รู้สึกถึงแรงแต่ไม่ถึงกับรุนแรง และเพียงอึดใจเดียว แผ่นหลังของเธอก็สัมผัสกับผ้าปูเตียงเนื้อดีที่เย็นนุ่มราวกับกลีบดอกบัวยามเช้าของฤดูฝน คุณชายโอวหยางโน้มตัวคร่อมตัวร่างเล็กของนางไว้ไม่ห่าง ให้ใบหน้าหล่อเหลาอาบไล้ด้วยแสงสลัวจากแสงด้านนอกที่สะท้อนดวงตาคมลึกของเขา ดวงตาที่ไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ละสายตาจากเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว..

         “เจ้า..เป็นสาวใช้ประเภทไหนกันแน่เสี่ยวหนาน..เหตุใดจึงทำให้ข้าไม่อยากปล่อยเจ้าขึ้นจากเตียงนี้ไปเลยสักนิด” เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างแก้ม แผ่วเบาเสียจนกลิ่นกำยานบนผิวเนื้อนั้นกลายเป็นสิ่งเดียวที่ล่องลอยอยู่ในอากาศร่วมกับถ้อยคำและลมหายใจร้อนที่รดใบหน้าของหลินหยา..ริมฝีปากของเขาไม่แตะต้อง แต่คำพูดนั้นทำเอาผิวของหลินหยารู้สึกได้ถึงมันจริง ๆ กับลมหายใจอุ่น ๆ ที่สัมผัสอยู่ทุกจุดที่ถ้อยคำนั้นเคลื่อนไหวผ่าน

          หลินหยา…ชิบหายแล้วอีนางน้อย..

         เธอไม่ได้ดิ้นรน ไม่มีท่าทีขันขืนให้อีกฝ่ายพึงใจ นางเพียงหลุบตาลงต่ำอย่างไม่หลบเลี้ยงแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขานั้นสงบนิ่ง สองแก้มมีสีเลือดฝาดจาง ๆ อย่างควบคุมไม่ได้ หญิงสาวมองเขานิ่งแล้วพูดน้ำเสียงเปล่งออกมาแผ่วเบา..

         “เพราะข้าทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ มิได้ทำเพื่อยั่วยุ..แต่หากมันทำให้ท่านหวั่นไหว..ข้าขออภัยที่ทำหน้าที่ตนเองเกินหน้าที่” เธอพูดในอ้อมแขนของเขาที่กระตุกเกรง ไม่หลบไม่สั่น…เรียวปากขยับเพียงนิดเดียวเพื่อส่งเสียง เสียงที่ไม่ดังแต่กระตุกอารมณ์อีกฝ่ายให้แน่นหนึบในหน้าอก ความละมุนนั้น คล้ายมือที่ลูบกลับความคิดอันร้อนแรงของเขา…แต่มันแทนที่ด้วยความปรารถนาอันลึกซึ้งกว่าการแตะต้องเสียอีก

         "เจ้านี่…อันตรายกว่าที่ข้าคิดไว้มากนัก เสี่ยวหนาน" เขาเอ่ยชิดริมใบหู เขามิใช่ชายที่มักรอคอยสิ่งใดโดยเฉพาะยาวเสน่หาเริ่มไหลเวียนในเส้นเลือดของเขา ชายหนุ่มขยับมือหมายจุมพิษริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นให้ได้รับความอบอุ่นสักครา หากแต่เมื่อปลายนิ้วเรียวของหลินหยาไล้แนบข้างแก้มของเขาช้า ๆ ด้วยสัมผัสงาม เปรียบดั่งกลีบบัวจุ่มน้ำผึ้ง เขากลับหยุดนิ่งราวกับกลัวจะทำลายช่วงเวลานั้นด้วยความเร่งเร้าจนมากเกินพอดี

          “ท่านชาย..อย่ารีบร้อนนักเลยเจ้าค่ะ..ยังยามเว่ยอยู่เลย กลางวันแสก ๆ เช่นนี้ แสงยังไม่ทันหายไปหลังเรือนด้วยซ้ำ ข้ายังมิได้อาบน้ำเลยนะเจ้าคะ” เสียงของนางหวานหยด หยอดลงมาเหมือนสุราอุ่นในยามค่ำ เธอแสร้งถอนหายใจนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์แต่ก็แฝงไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย “ทั้งวันข้าทำงานหนัก อาจมีกลิ่นที่ท่านไม่พึงประสงค์ กลัวว่าจะไม่เหมาะนักหากต้องมาใกล้ชิดคุณชายในสภาพนี้”

         คำพูดนั้นไม่ตัดรอน แต่เป็นการหลบหลีกอย่างมีชั้นเชิง ราวกับกำลังล่อเหยื่อให้อยู่ในบ่วงด้วยกลิ่นน้ำหอมของการปฎิเสธอันงดงาม คุณชายโอวหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย ดวงตาคมกริบเหมือนดาบตัดใจ ชะงักนิดหน่อยก่อนที่เขาจะยิ้มกระตุก เข้าใกล้นาง แผ่วเบาและมั่นคง ลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดข้างลำคอขาวเนียน มือเขาวางบนไหล่เปลือยที่เขาขยับลงให้มันพ้นโผล่ชาวผ้าเนื้อบางนั้น

          “ไหนเล่ากลิ่นที่ว่า..ข้ากลับได้กลิ่นอันหอมหวาน เย้ายวนใจ ราวกับราตรีที่มีแต่ดอกไม้หอมสะพรั่งใต้แสงจันทร์” เสียงทุ้มต่ำนั้นดังขชึ้นประชิดผิวเนื้อ เขาก้มหน้าลงช้า ๆ ดวงจมูกแนบลไหล่นวลนั้น ดมกลิ่นหอมลึกจากเรือนกายนางราวกับไม่เชื่อถ้อยคำนั้นแม้แต่น้อย หลินหยาเกือบที่จะสะดุ้งและลมหายใจขาดหาย เธอหลุบตาลง ยอมให้อีกฝ่ายสัมผัสแต่เพียงพอประมาณแม้ภายในใจแทบอยากหลบหนีจากตรงนี้ ใบหน้าของเธอยังสงบเยือกเย็นดังเดิม แต่ปลายนิ้วยังคงวางอยู่ตรงอกของเขาเบา ๆ เป็นเชิงเตือน..

         “หากคุณชายยังหิว..กลิ่นข้าคงไม่อาจทำให้อิ่มยามนี้หรอกหรอกเจ้าค่ะ” คำของหลินหยาเอ่ยขึ้น ถ้อยคำที่แฝงความยั่วเย้าแหลมคม สลับความความกล้าหาญแสนแสบที่ทำให้ชายใดก็อยากจับมัดไว้ทั้งตัวทั้งใจ คุณชายโอวหยางหัวเราะเบา ๆ เสียงในลำคอเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เริ่มขาดสะบั้นจากการควบคุม..

         เขาเริ่มรู้แล้วว่าแม่นางเสี่ยวหนานหาใช้สาวใช้ตามครรลอง..แต่เป็นนางมีพิษอ่อนหวาน หยดทีละคำ จนชายใดได้ลิ้มลองแล้วจะไม่มีวันถอนตัวออกไปได้เลย..หากเขาหลงนางเสียแล้ว จะยอมรับได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: รอดเถอะ ขอร้องแหละ สาธุ สิรอดบ่หน่อ..รางวัล: -
คนจริง เลข คี่ ลาก่อนไอ้ชาย


LinYa โพสต์ 2025-6-20 21:51:52

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง (หาเบาะแสสุดท้าย ขอร้องอย่าโหดร้ายกับหนูนักเลย)

         ยามที่มือของคุณชายโอวหยางกำลังเลื่อนไปแตะกลีบผ้าฝ้ายที่บางเฉียบบนแผ่นอกนวลของหลินหยาหรือเสี่ยวหนานด้วยแววตาหิวกระหายและหมายมั่นในใจว่า สตรีคนนี้จักต้องเป็นของเขาให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม แต่เหมือนมีเสียงสวรรค์ยังเข้าข้างคนที่เกิดมาด้วยพรสวรรค์โชคลาภอยู่

         “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังราวกับฟ้าผ่าใส่กลางอกที่กระเหี้ยนกระหือรือของชายหนุ่ม เสียงของสาวใช้ดังขึ้นด้านนอกห้อง ด้วยน้ำเสียงเรียบร้อยในถ้อยคำนั้น “คุณชายเจ้าคะ นายท่านเรียกเข้าพบเจ้าค่ะ ให้คุณชายไปพบเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นเช่นนั้น

         คุณชายโอวหยางถึงกับชะงักนัก ปลายนิ้วที่กำลังไล้กลีบผ้าชะงักอยุ่กลางอากาศ นัยน์ตาคมกลบอกมองไปทางประตูราวกับอยากจะจารึกความแค้นใส่หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ … เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างยาวและหัวเสีย ราวกับเสือที่กำลังได้กลิ่นเลือดเนื้อสด ๆ แล้วถูกลากกลับกรงกลางคันเสียอย่างงั้น จ้องมองหลินหยาที่เหมือนทำหน้ายิ้ม ๆ ระบายให้เขา แต่หัวใจของเธอแทบจะกรีดร้องเต้นระบำร้องเพลงสวดส่งตัวเองที่รอดตายแล้วโว้ยยย

         จากไอ้หื่นตรงนี้ เย่!! สวรรค์เค้ารักฉัน!

         ริมฝีปากของเธอม้มเล็กน้อย ท่าทางประหนึ่งกำลังระลึกถึงฟ้าเบื้องบนที่เมตตาส่งใครสักคนมาหยุดมันให้ไม่ให้เกิดเรื่องวินาทในวินาทีคับขันนี้ …

         เสียงสถบในลำคอเบา ๆ ของคุณชายโอวหยางดังขึ้นคล้ายเสียดายแล้วขยับมาหานาง มือหนึ่งจับตรงสาบเสื้อของนางพลางจัดให้เรียบร้อยอย่างอ่อนโยนผิดกับก่อนหน้านี้อย่างแรง “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะเสี่ยวหนาน” เสียงของเขาต่ำแต่ยังแฝงแรงเร้าภายใน หากแต่ดวงตานั้นมีทั้งความเสียดาย ความหมายปอง และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือความหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยสักนิด “ข้าหวังว่าครั้งหน้า..เราจะได้อยู่กันเงียบ ๆ โดยไม่มีใครกล้ามาขวางระหว่างเราอีก” เสียงนั้นขยับกระซิบเขช้าข้างหูของหลินหยาเหมือนจะหยอก แต่กลิ่นอายรอบตัวของเขาร้อนระอุเหมือนเพลิงรอการลุกไหม..

         หลินหยาถึงกับอยากเหม่อมองฟ้า..นกกาโบยบิน..อ๊า…ไอ้สัส รอบหน้าตรูจะรอดไหมวะเนี้ย.. เธอก้มหน้าเล็กน้อยตอบรับอีกฝ่ายโดยไม่กล้าถ้อยคำใด มือที่เหมือนจะเกือบสั่นเก็บชายเสื้อของตนเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะถอนหายออกจากห้องอย่างสำรวม นางเดินไปตามโถงเรือนอย่างไม่เร่งไม่ช้า แต่ในใจนั้นเต้นโหมกระหน่ำจนเหมือนทั้งร่างจะสั่นคลอนไปกับฝีเท้า ในขณะที่คุณชายโอวหยางก็มุ่งหน้าไปทางห้องท่านพ่อของตนเอง ดวงตาของเขายังคงหันกลับมามองประตูนั้น..ที่พึ่งปิดลง

         แววตาของเขามิใช่เพียงต้องการกายของเสี่ยวหนานอีกต่อไป..แต่ต้องการครอบครองทั้งกายใจของนางอย่างถึงที่สุด

         …
         …..

         หลินหยานั้นเดินพรวดออกมาจากห้องพักของคุณชายโอวหยางทั้งที่ขาทั้งสองยังรู้สึกสั่น ๆ เหมือนมีกล้ามเนื้อแอบเกร็งจากการฝืนความรู้สึกเอาไว้ตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอเม้มปากแน่นมือหนึ่งกุมชายเสื้อ มือหนึ่งก็กำแน่นจนเล็บจิกผ้าด้วยความอึดอัดใจสุดขีด ท่ามกลางกลิ่นในอากาศความอบอุ่นของห้องนั้นราวกับจะฝังเธอตรงเตียงไปกับคนแบบนั้นตลอดกาล..

         ‘โอ้ยยยย ไอ้บ้าเอ้ยยย’ หลินหยานั้นสถบในใจพลางเดินตรงไปยังห้องน้ำด้านหลังเรือนพักสาวใช้ ทั้งเดินทั้งปัดตรงไหล่ไปด้วย ‘ขยะแขยงง!! โอ้ยยย จูบได้ไงวะ!! ไอ้เหี้ย!!’ เธอกัดฟันกรอด ๆ สะบัดหน้าแรง ๆ จนผมเล็ก ๆ ที่มัดไว้หลุดรุ่ยลงมาเป็นพวง ท่าทางเหมือนแมวป่าถูกบังคับให้ลงไปคลุกโคลนหรืออาบน้ำรีบล้างตัวล้างหน้าและซับไหล่ที่ถูกจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมเสียงก้นด่าในใจ

         ‘หน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่เอาสิวะ แล้วตรูจะไปรอดมั้ยเนี้ย ฮือออ ไม่เอา ลงทุนเกินไปไหมนะเรา? ทำไมไม่ใช่เถียนเฟิงมาแทนฟระ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ไอ้โรคจิตแบบนี้ แต่ไอ้เหี้ยใต้เท้านั้นมันก็โรคจิตเหมือนกันแหละวะ!!’ มือบางนั้นซับน้ำออกจากไหล่ระหว่างสถบบ่นทุกคนที่ขวาหน้า ในขณะที่เธอกำลังฟาดฟันกับอารมณ์จนเกือบสำลักคำด่าเสียงหนึ่งก็ดังจากด้านนอกเสียอย่างงั้น

         “เสี่ยวหนาน.!!! เสี่ยวหนาน!! พ่อบ้านเรียกหาเจ้า!”

         หลินหยาสะดุ้งโหยง รีบจัดทรงผมให้เรียบร้อย ดึงเสื้อคลุมให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้อยู่สภาพเดิมแล้วเดินออกมาอย่างหญิงตามปกติแม้ในใจจะกรีดร้องออกมายิงกว่าสาวที่โดนฆ่าในคดีฆาตกรรม เมื่อเดินถึงโถงของพ่อบ้านที่อยู่ตรงนั้น เขายื่นม้วนกระดาษเล็ก ๆ มาให้ หลินหยาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แล้วถามเสียงงง ๆ นิดหน่อย “อะไรหรือเจ้าคะ?” เธอเอ่ยถามแบบรู้สึกงง ๆ นิดหน่อย

          “มีจดหมายมาส่งให้เจ้า จากเด็กชายอายุหกขวบปีได้ เจ้านี้เสน่ห์แรงไม่เบานะ หัวกระไดบ้านมิเคยแห้งสักคราเลยล่ะสิ สตรีสาวจากเซี่ยโจวผู้นี้...ดูท่าคงไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เจ้าคงไม่รู้ตัวกระมัง ว่าเสน่ห์ของเจ้ากระจายไปทั่วเรือนแล้ว” พ่อบ้านหัวเราะ หึ ๆ ในลำคอเจือเสียงที่แซวปนขำแบบไม่ปิดบัง หลินหยานั้นอ้าปากพะงาบ ๆ ???

           “ห๊าา ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ” มือเล็กของเธอยื่นไปรับกระดาษมาเปิดออกเบา ๆ ในนั้นเขชียนด้วยลายมือผู้ใหญ่ที่สวยงาม…หืม?...หรือว่าจะเป็น..โอ้วก๊อด อีตาใต้เท้าเถียนเฟิงแน่นอน

         เย็นย่ำแสงจันทร์คล้อยลงปลายฟ้า
         เถากล้าจื่อเถิงเริ่มโปรยกลิ่นหอม
         จันทร์นั้นแม้นเยียบเย็นยังเฝ้าจอม
         รอใครล้อมโลมใจใต้ศาลา

         เมฆาผ่านพรางจิตดั่งเคยพราก
         คำฝากไว้เพียงเงาเถาวัลย์พรางตา
         มิเสียงใครแต่ใจยังเอ่ยว่า
         เจ้าจะมาหรือไม่...ในยามไห่

         ครานั้นหากจิตยังคิดเสน่หา
         โปรดนำใจเคียงมาอย่าหวั่นไหว
         แม้ไม่ใช่คราวรักอันยิ่งใหญ่
         แต่ข่าวในใจนี้...รอฟังเพียงเจ้า

         หลินหยาที่อ่านจดหมายนั้นแทบทำหน้าอ้วกแต่ต้องเก็บไว้ เธอพับม้วนนั้นเบา ๆ แล้วเก็บมันไว้ในสาบเสื้อด้านในพลางเม้มปาก ..เขียนอะไรของมันวะเนี้ย หวานชิบหาย..หวานไปปะเนี้ย..

         เธอเดินออกมาอย่างคนเหม่อ ๆ ท่ามกลางสายลมเย็นเบา ๆ บาง ๆ ที่เริ่มพัดลงจากฟ้าสีครามของท้องฟ้าในยามนี้เริ่มเปลี่ยนจากสีส้มอ่อนปลายแสงอาทิตย์เสียแล้ว.. ‘ยังจะเขียนกลอนมาอีก อีตาบ้าใต้เท้าเถียนเฟิง’ เธอเหมือนอยากจะบ่นในหัว มือกอดอกขณะเดินผ่านรั้วไม้ประดับซึ่งลมพัดเย็นพัดใบทิ้งปลิวไปตามทางเดินตรวด ..หลินหยามองท้องฟ้าก่อนพึมพำ..

         ใจเธอเต้นตุบ ๆ อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่เคยพบเขาตอนกลางคืนมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไมจดหมายนี้กลับทำให้ทุกอย่างหวือหวาขึ้เนมากว่าทุกคืนย..เพราะกลอนหวานจัด หรือเพราะคำว่า รอฟังเพียงเจ้า หรือเพราะคำว่าเสน่หากันแน่? “อี๊..” หญิงสาวถึงกับต้องบิดตัวแบบสนอง อีตาหมอนั้นมันไปกินอะไรมาถึงกลายเป็นคนเขียนกลอนรักได้ขนาดนี้ แต่มันเป็นคนฉลาดอยู่แล้วแค่นี้ก็ไม่แปลกหรอก จดหมายฉบับนี้..ร่องรอยจูบบนหัวไหล่ยราวกับจะย้ำเตือนหลินหยาเสมอ

         ว่าเส้นทางสาวใช้ปลอมตัวไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ขอเลขดี ๆ สาธุครับรางวัล: -

LinYa โพสต์ 2025-6-21 01:42:51

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ ยี่สิบเอ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามจื่อ เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป ณ จวนโอวหยาง

          หลินหยาเดินทางกลับมาจากนอกเมืองเมื่อเธอนั้นลำบาก หลินหยาต้องมาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย เธอไม่ใช่คนที่จะหายไปเฉย ๆ ได้โดยที่ไม่บอก ต่อให้สิ่งนั้น เสี่ยวหนาน จะเป็นสตรีที่ไม่เคยมีอยู่แต่แรก แต่นางจะจบบทบาทของนางให้ได้ดีที่สุด นางเดินทางไปหยิบบางอย่างออกมาจากโรงนอน นางจะไม่เขียนจดหมายไม่ใช่เพราะมันขี้ขลาด..แต่หลินหยาเขียนแล้วอ่านไม่ออกหรอก นางเขียนลายมือห่วยแตกมากต่างหาก…

          ก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานที่อยุ่ของพ่อบ้านจวนโอวหยาง ที่ตอนนี้อาจจะกำลังนั่งทำบัญชีอยู่ตรงที่เดิมในทุกวัน หลินหยาเดินทางมาหาเขา พ่อบ้านวัยกลางคนจนเกือบแก่ของจวนโอวหยางนั้นยืนค้อมหลังอยู่หน้าชั้นบันทึกบัญชีเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูแง้มในยามดึก ก่อนที่จะเห็นร่างของสาวใช้ตัวบางเบาที่เขาเริ่มจดจำได้ดีด้วยเหตุผลหลายประการนัก เสี่ยวหนาน สตรีแปลกหน้าในจวนแห่งนี้ที่เหมือนดอกไม้ป่าระบัดแซ.มอยู่ท่ามกลางต้นไม้เรียงรายงามของตระกูลขุนนาง..

          นางค้อมกายลงอย่างงามงอนทุกระเบียบนิ้ว สงบนิ่งดั่งสตรีผู้ผ่านโลกมานาน ทั้งที่ยังอ่อนเยาว์วัยนัก น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็แฝงความอ่อนน้อมและหนักแน่นเจือกันจนชวนฟัง “ท่านพ่อบ้าน เสี่ยวหนานมาลาเจ้าค่ะ..เสี่ยวหนานขอลาออกจากตำแหน่งสาวใช้ของจวนโอวหยาง ข้ารู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ลำบากสำหรับข้าเพราะท่านพ่อบ้านและสกุลโอวหยางมีบุญคุณล้นพ้น” นางเอ่ยขึ้นก่อนที่จะขยับตัวตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จแบบไม่หลุดสักกะแอะ เนียนโคตร..

          พ่อบ้านขมวดคิ้วน้อย ๆ ดวงตาฉายแววประหลาดใน ทว่าในฐานะคนที่ผ่านการรับใช้มาหลายสิบปี เขารู้ดีว่าในจวนนี้โดยเฉพาะใต้ชายคาของโอวหยางเป่าเฉิง สำหรับสตรีที่เริ่มได้รับการโปรดปรานจากคุณชายโอวหยางหรือกระทั่งนายท่าน ได้ใกล้ชิดย่อมหนีไม่พ้นวันต้องจากหากนางบริสุทธิ์ใจ ไม่อยากตกเป็นอนุภรรยา..หรือภรรยาแต่ง แต่ที่น่าแปลกคือสตรีตรงหน้าไม่ได้จากไปด้วยความเศร้าหรือเจ็บช้ำ หากแต่มาพร้อมกับการวางตัวตนที่สง่างามอย่างน่าประหลาด ไม่เรียกร้องสินไหม ไม่เรียกร้องเงินตรา

          “ข้าขอมอบสองสิ่งนี้เจ้าค่ะ..ทางบ้านข้าส่งมา สุราไผ่เขียวข้าขอมอบให้ท่านพ่อบ้าน..ส่วนสุรานารีแดงนี้ ข้าขอให้ท่านส่งมอบให้คุณชายโอวหยาง..โปรดบอกเขาว่าข้าลาออกแล้วขออภัยด้วย ที่ข้า..อาจไม่ได้พบหน้ากับคุณชายโอวหยางอีก” นางเอ่ยถึงคุณชาย อย่างน้อยเขาก็คิดว่านางมีเยื่อใยกับเขา แสดงอีกหน่อยจะเป็นเช่นไร..

          เมื่อพ่อบ้านเห็นนางยื่นสุราทั้งสองชนิดออกมา สุราไผ่เขียวหนึ่งไผ กับสุรานารีแดงอีกไหหนึ่ง พ่อบ้านนิ่งไปราวกับคาดไม่ถึง ดวงตาใต้คิ้วนั้นมองสั่นไหวเล็กน้อยขณะรับสุราทั้งสองไว้ในอ้อมแขน “สุรานี้ หอมหลิ่นไผ่ไม่ต่างจากคำลาของเจ้าเลยนะ เสี่ยวหนาน..ข้าจะมอบสุรานารีแดงให้คุณชายเอง..อย่าห่วงเลย” เขากล่าวเสียงต่ำ ก่อนที่จะพยักหน้าช้า ๆ ในสายตาของเขา..วันนี้เหมือนจะได้ยินว่านางหายไปกับคุณชายชั่วครู่..

          อาจจะไม่มีอะไรเกินเลยมากนัก..แต่คุณชายดูหวนคิดถึงนางอยู่ตลอด เขาไม่ได้เอ่ยถามเหตุผล ไม่ได้กล่าวห้ามปราม ราวกับเข้าใจทุกอย่างได้จากสายตาของหลินหยา

          “เจ้าวางใจได้ ข้าจะบอกว่าเจ้าเดินทางกลับบ้านเกิด ข้าไม่อาจรั้งผู้ใดได้ หากเขาเลือกแล้ว” เขาหลุบตาลงเล็กน้อยแล้วเงยหน้าึ้นอีกครั้ง ดวงตานั้นไม่ได้มีความโกรธเคืองใด ๆ กลับสงบนิ่ง "ขอให้เจ้าดื่มจอกลาในชีวิตใหม่อย่างมีรสชาติ...ดั่งสุราที่เจ้ามอบให้" เขายกไหสุราในมือขึ้นเล็กน้อยประหนึ่งขอบคุณ หลินหยานั้นค้อมตัวอีกครั้งเพื่ออำลาแล้วเดินทางจากออกมา..

          และแล้ว..หนานหลินหยา…หรือเสี่ยวหนาน..ก็..

          ปิดฉากบทบาทในจวนโอวหยางได้อย่างงดงาม…

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: มอบสุราไผ่เขียวให้พ่อบ้านจวนโอวหยาง (ส่งแล้ว)มอบสุรานารีแดงให้คุณชายโอวหยาง (ส่งแล้ว)รางวัล: -
หน้า: 1 [2]
ดูในรูปแบบกติ: จวนโอวหยาง