กองห้องเครื่องหลวง
<style type="text/css">BODY{background:url("https://i.imgur.com/osYGNbh.png"); background-attachment:fixed; }</style>
<style type="text/css">.head1 {background-color:none ;}.head2 {background-color:none ;}</style>
<style>
#boxba {
border: 0px outset #d47d3a;
border-radius: 30px;
padding: 10px;
box-shadow: #817772 0px 0px 3em;
background-image: url("https://i.imgur.com/YcZAN53.png");
}
</style>
<style>
#boxOO {
width: 850px;
border: 0px outset #cbb989;
border-radius: 30px;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/lONy8Al.png");}
</style>
<div id="boxba">
<div align="center" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word; color: #444444; font-size: 14px; list-style-type: none; font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif;"><br>
<br><br>
<div id="boxOO">
<br>
<div style="text-align: center;">
<font face="Browallia New" style="font-family: " browallia="" new";="" color:="" rgb(127,="" 57,="" 1);="" font-size:="" 12px;="" text-align:="" start;="" margin:="" 0px;="" padding:="" overflow-wrap:="" break-word;"=""><font size="5" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;"><div style="text-align: center;">
<br>
<img src=" " border="0" alt=""> <br><br></div></font></font>
<span style="text-shadow: rgb(211, 177, 41) 0px 0px 1px, rgb(211, 177, 41) 0px 0px 5px, rgb(211, 177, 41) 0px 0px 10px, rgb(211, 177, 41) 0px 0px 30px;">
<font face="Browallia New" style="" size="7"><pat style="">
<font color="#ffffff"><pat>กองห้องเครื่องหลวง</pat></font></pat></font></span></div>
<br>
<div style="font-family: " browallia="" new";="" text-align:="" center;"="">
<font face="Browallia New" ;="" margin:="" 0px;="" padding:="" 0px;"="" <span="" style="text-shadow: #FF7CC8 0px 0px 0.5em;" color="#ffffff" size="4">
<i style=""><cls style="">{ เขตพื้นที่กองราชการ }</cls></i></font></div>
<br><div style="text-align: center;"><br><img src="https://i.imgur.com/OW9dX9c.png" width="500" border="0"> <br><br></div>
<br>
<img src="https://i.imgur.com/oxT1BM9.jpg" width="600" border="0">
<br><br><br>
<center>
<center>
<style>
#boxEw {
width: 450px;
border: 0px solid;
border-radius: 20px;
padding: 50px;
box-shadow: #817772 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/OPvQ3yp.png");}
</style>
</center>
<center>
<div id="boxEw">
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<img src=" " width="250" border="0">
<span style="text-shadow: rgb(211, 177, 41) 1px 4px 3px;"><br><pat>【 กองห้องเครื่องหลวง 】</pat></span></font>
<br><font color=" #879290" face="Kanit" size="4"><b>『<i>ครัวอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน</i> 』</b></font></div><br>
<div><div>
<font color="#879290" face="Kanit" size="4">
หากจะกล่าวถึงพื้นที่หน่วยงานอันยุ่งเหยิงทว่ารัดกุมเป็นอันดับต้น ๆ ย่อมต้องกล่าวถึง<b> 'กองห้องเครื่องหลวง' </b>ที่ตั้งอยู่ใกล้เขตพระราชฐานชั้นในมากที่สุดในบรรดาพื้นที่ของกองต่าง ๆ เขตพื้นที่โอ่อ่าและวุ่นวายนี้ประกอบไปด้วยเรือนแยกอีกสี่เรือนตามภาระหน้าที่ที่แต่ละฝ่ายรับผิดชอบ ประกอบไปด้วย ฝ่ายเครื่องเสวย , ฝ่ายน้ำจัณฑ์ , ฝ่ายโอสถ และฝ่ายต้นเครื่องที่จะมีหัวหน้าฝ่ายแยกกันสอดส่องดูแล
</font>
<br>
</div></div></div>
<br><br><br>
<p><img src="https://i.imgur.com/0BnH7P6.png" width="450" border="0" alt=""></p>
<br><br>
<div id="boxEw">
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<span style="text-shadow: rgb(211, 177, 41) 1px 4px 3px;"><br><pat>【 หัวหน้าฝ่ายต้นเครื่อง 】</pat></span></font>
<br><font color=" #879290" face="Kanit" size="4"><b>『<i> เนี่ย หนานซิง (34)</i> 』</b></font></div><br>
<div><div><img src="https://i.imgur.com/HIdIBTH.png" width="250" border="0"><br><br>
<font color="#879290" face="Kanit" size="4">
<b>" นี่ไม่ได้ นั่นไม่ถูก " <br></b> อดีตนางกำนัลขั้นสูงที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายต้นเครื่องคอยดูแลเรื่องการเบิกวัตถุดิบที่มาพร้อมชื่อเสียงเรียงนามด้านความเรื่องมากเป็นอันดับหนึ่ง กล่าวกันว่ามาตราฐานของเนี่ยหนานซิงนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สูงทัดเทียบกำแพงเมืองทำให้คุณภาพเครื่องเสวยไม่ว่าจะสุรา ยา หรือของอื่นใดล้วนต้องกล่าวได้ว่าเป็นเลิศในต้าฮั่นเท่านั้น
</font>
<br>
</div></div>
<br><p></p></div>
<br><br><br></center></center></div>
<br><br><br>
</div></div>
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}
img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}
img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>
<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Kanit'); cls {font-family : 'Kanit';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Pattaya'); Pat {font-family : 'Pattaya';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Zhi Mang Xing'); Zhi Mang Xing {font-family: 'Zhi Mang Xing';}</style>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-16 21:09 <br /><br /><style>
#boxcorecenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>
<style>
#boxR0LE {
width: 600px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ทะลวงห้องเครื่อง</span></b></i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">ห้องเครื่องหลวง.. ใครจะไปนึกว่าวันหนึ่งนางต้องร่อนมาถึงที่นี่เพื่อทำของว่างสักชุดไปถวายให้แก่เบื้องบน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AACE68">
“ ลู่เหม่ยเหริน เชิญทางนี้ บ่าวได้จัดพื้นที่รองรับท่านตามคำสั่งของใต้เท้าแล้ว ”</font> จางกงกงอยากฝังนางไว้ภายใต้นามของสตรีที่ได้รับการสนับสนุนจากเขา ลำพังลูกสาวพ่อค้าที่ไม่มีกำลังในวังเช่นนางมีหรือจะไปต่อกรได้ ดูเอาจากที่เขาสามารถคาดการตอบรับของนางได้อย่างแม่นยำ ถึงขนาดฝากประโยคมากลบฝังทับกันได้เช่นนั้น หากนางคิดขยับแข้งขายันเขาในตอนนี้เกรงว่าคนที่จะได้ตกจากหลังคาวิมานหรูหราคงไม่พ้นนาง น่าเวทนานัก รอบตัวนางมีแต่พยัคฆ์หมอบมังกรซ่อนเต็มไปหมด
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ใต้เท้าที่ว่านั่น.. ได้กล่าวอะไรไว้อีกหรือไม่ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สองตาของนวลนางกวาดมองรอบบริเวณที่ถูกแบ่งออกมาอย่างชัดเจน ท่าทางจางกงกงผู้นั้นก็คงจะถนอมชื่อเสียงของนางอยู่บ้าง ถึงได้ทำซะเหมือนการมาของนางเป็นเรื่องลี้ลับชนิดหนึ่งที่ผู้ใดก็ไม่สามารถเข้ามายุ่มย่ามได้โดยง่าย <font color="#AACE68">“ ใต้เท้ากำชับไว้เพียงว่า หากพระสนมต้องการทำสิ่งใดก็ให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ดังนั้นไม่ว่าพระสนมอยากจะปรุงเครื่องเสวยชนิดใดก็สามารถทำได้เจ้าค่ะ ”</font> คำพูดนี้เหมือนจะเกินจริงอยู่บ้าง แต่เมื่อตรวจสอบดูความโอ่อ่าของคลังห้องเครื่อง เกรงว่าต่อให้ใต้หล้านี้นางอย่างทำสิ่งพิสดารอย่างไรก็คงจะทำได้จริง ๆ …
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ไม่ใช่อะไรที่ทำยากเย็นนักหรอก ” </font>เพราะถ้ายากเกินไปแม้แต่นางเองก็ไม่มีปัญญาทำ ลู่ไป๋หรั่นลอบถอนหายใจ นางจุ่มมือตัวเองลงในอ่างทองแดงใช้เวลาบรรจงล้างบรรจงถูไปพลาง ๆ ระหว่างที่คิดว่าสมควรทำอะไรให้อีกฝ่าย <font color="#994D7B"><i>‘ ลำบากแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเขาชอบอะไรหรือรสแบบไหน ถ้าทำแบบสุ่ม ๆ ไปคงไม่เป็นเรื่อง.. ใช่หรือไม่? ’</i></font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ปกติแล้วฝ่าบาทมีของว่างที่ทรงโปรดหรือไม่ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่รู้คำถามของนางไปสะกิดเศษเสี้ยวดำมืดส่วนไหนในใจสาวห้องเครื่องเข้า อีกฝ่ายถึงกับสะอึกไปเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าก้มตาตอบเสียงแผ่ว <font color="#AACE68">“ เรื่องนี้บ่าวเองก็ไม่ทราบ… กล่าวให้ถูกต้องคือ.. ยังไม่มีของว่างชนิดใดที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมาก่อนเลยเจ้าค่ะ ” </font>คำตอบของนางกำนัลหญิงทำเอาพระสนมป้ายแดงถึงกับเหม่อลอย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นี่ขันทีอสรพิษผู้นั้นลากนางมาขึ้นเขียงอีกแล้ว?
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ แบบนี้นี่เอง.. แบบนี้..นี่เอง… ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เหม่ยเหรินกล่าวเสียงเบาในระหว่างที่ใช้ผ้าฝ้ายซับน้ำออกจากมือ ของที่โปรดก็ไม่มี รสชาติที่ชอบอย่าได้หวังว่าจะทราบ ปกติเสวยมากหรือน้อยยิ่งแล้วใหญ่ หว่างคิ้วที่เคยปลอดโปร่งยามนี้ดูสับสนนัก ไป๋หรั่นสูดหายใจเข้าอกจนเต็มคราบ <font color="#994D7B"><i>‘ ช่วยไม่ได้ขึ้นหลังเสือแล้ว จะลงก็คงยาก ’</i></font> นางได้แต่คิดอย่างจนใจ จะว่าไปไม่นานมานี้ก็นับได้ว่าพึ่งผ่านเทศกาลสำคัญ ที่นอกจากจะมีตำนานหวานซึ้งกินใจแล้ว <b>‘เทศกาลซีซี’ </b>ยังมีขนมคู่บุญที่หญิงสาวเมื่อแต่งงานได้ไม่นานล้วนนิยมนำกลับมามอบให้ครอบครัวและสามี..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ข้าจะทำเฉียวกั่ว เจ้าไปเตรียมของเถอะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ตัวเลือกที่เรียบง่ายทำให้ผู้คอยลอบเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยามที่จางกงกงถ่ายทอดคำสั่งลงมายังนึกกลัวด้วยซ้ำว่าจะต้องรับมือกับการกดขี่ใดอีก ทว่าเมื่อสิ่งได้ยินเป็นเพียงเฉียวกั่วธรรมดา ๆ .. เหล่านางกำนัลในห้องเครื่องหันมองกันไปกันมา สื่อสารกันด้วยสายตาราวกับจะแย้งความเห็นของผู้เป็นนายแต่ครู่ต่อมาก็เงียบปากกันทั้งขบวนเมื่อเงยขึ้นมาพบท่าทีสงบเจือรอคอยของผู้เป็นพระสนม
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เหม่ยเหรินเก็บแขนเสื้อขึ้นเช่นเดียวกับเส้นเกศาที่รวบเป็นมวยเผยลำคอระหงส์ นางโน้มลงจัดข้าวของบนโต๊ะเพื่อให้สะดวกต่อการลงมือก่อนจะกลับมายืนหลังตรงประสานมือทอดมองเหล่านางกำนัลที่เดี๋ยวผลุบเข้าผลุบออกราวกับกำลังเตรียมวัตถุดิบยอดอาหาร
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มันก็แค่เฉียวกั่ว…
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
เฉียวกั่วโง่ ๆ ชุดหนึ่งที่จะรอดหรือไม่ก็ยังไม่มีใครรู้</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใช้เวลาไม่นานนักสิ่งที่ต้องใช้ก็มาวางกองอยู่ตรงหน้า ไป๋หรั่นตรวจสอบจนแน่ใจว่าวัตถุดิบไม่มีปัญหา จากนั้นจึงได้เริ่มลงมือทำไปทีละขั้น เฉียวกั่วมีอยู่หลายแบบ ที่ทำจากฝักทอง ที่ทำจากงา ที่ทอดจนบาง หรือที่หน้าตาอ้วนกลมคล้ายขนมแป้งทั่วไป ครั้งนี้นางก็ยังไม่แน่เลยด้วยซ้ำว่าจะทำออกมาในรูปแบบใด <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาทไม่ได้แพ้หรือไม่ชอบสิ่งใดในรายชื่อวัตถุดิบแน่ใช่หรือไม่? ”</font> หางตานางชำเลืองมองนางกำนัลเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันก็กลั้นใจลงมือทำต่อ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เริ่มจากการผสมแป้งจากข้าวสาลีเข้ากับน้ำตาล เกลือ และผงบดจากเมล็ดงาพร้อมด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อยจากนั้นก็ค่อย ๆ เติมน้ำและออกแรงนวดเพื่อให้ได้มาซึ่งก้อนแป้งหนึบหนับขนาดไม่ใหญ่นัก แต่จะนำมาใช้เลยก็ไม่ถูกต้อง ก้อนแป้งสาลีที่ผ่านการปรุงมาแล้วหนึ่งขั้นตอนยังจำเป็นต้องพักหมักไว้ แต่จะให้เปิดอ้าซ่ารับลมก็ใช่เรื่อง สองตาของผู้ที่นานทีปีหนจะเข้าครัวกวาดมองไปรอบตัวและพบเข้ากับกองผ้าขาวสะอาดที่ใช้ปิดหน้าภาชนะ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เอาแป้งนี้ไปพัก ไว้มันได้ที่ค่อยเอาออกมาปั้น ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ภาษาคนทำอาหารพูดกันแค่นี้ก็เข้าใจ ลู่เหม่ยเหรินวางมือจากการทำครัว พักแป้งนานเท่าใด นางก็มีเวลาพักเท่านั้น หลังจากเช็ดมือนุ่มกับผ้าสะอาด พระสนมที่จำใจต้องลงมาเข้าครัวถอนหายใจเฮือกพลางยกมือทุบบ่าทุบไหล่ตัวเองเบา ๆ <font color="#994D7B">“ ระหว่างนี้ใครมีสิ่งใดต้องทำก็ไปจัดการก่อนเถิด ยังไงเสียที่ลงมือก็เป็นข้าอยู่แล้ว… ”</font> ท้ายเสียงแผ่วลงจนแทบจะไม่จบประโยคยามที่สองตาเห็นสีหน้าของคนรอบตัว ในเวลานี้นางพึ่งระลึกได้ว่ารอบตัวหาใช่คนที่มาแค่ <b>‘ช่วยเหลือ’</b> แต่มาเพื่อ <b>‘จับตามอง’</b> ต่างหาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ประเสริฐนัก.. ประเสริฐจริง ๆ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
…
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แป้งได้ที่ ใจคนก็ห่อเหี่ยวได้ที่แล้วเช่นกัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จากก้อนแป้งขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือไม่เท่าไหร่ กลายมาเป็นแป้งที่พองตัวขึ้นมาอีกหลายระดับ ไป๋หรั่นหรุบตาลง นางใช้สองมือคลึงแป้งเป็นการนวดเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ แบ่งมันออกมาเป็นทีละก้อน จำนวนที่มีก็นับได้ว่าอยู่ที่ราว ๆ ห้าถึงหกก้อน ขั้นตอนสำคัญมาถึงแล้ว จะใส่ใจไม่ใส่ใจก็ต้องวัดกันที่ตรงนี้ มือนุ่มประคองแต่ละก้อนมาปั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยม ลู่ไป๋หรั่นมีสิ่งที่เรียกว่าฝีมือ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ ความถนัดของนางถูกใช้ไปกับเรื่องอื่นในการใช้ชีวิตที่ไม่ใช่การทำอาหารดังนั้นจะทำออกมาง่ายสักหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AACE68">
“ พระสนม.. ไม่ใช่ว่าสมควร.. ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ข้าผู้นี้โง่นัก มีใจคิดออกแบบทว่าสองมือกลับไม่สามารถทำตามได้ สิ่งนี้ยังต้องถวายจนถึงมือฝ่าบาท ไม่สู้ทำในแบบที่มั่นใจไม่ดีกว่าหรือ ”</font> อาจฟังดูเหมือนคำลอย ๆ ไร้แก่นสาร แต่สำหรับคนที่พึ่งอ้าปากจะทักท้วงการตัดสินใจการกล่าวเช่นนี้เหมือนกับตอกฝาโลงเข้าอย่างจัง ทว่าที่อีกฝ่ายคิดแย้งก็ไม่ผิดนัก มันดู<b> ‘ธรรมดา’</b> เกินกว่าจะมอบให้ผู้เป็นโอรสสวรรค์อยู่มาก เห็นเป็นฉะนี้แล้ว หลังจากคิดไปคิดมา ไป๋หรั่นก็หัวเราะเบา ๆ พลางหยิบเมล็ดถั่วลิสงวางลงไปตรงกลางก้อนแป้ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เท่านี้ก็ไม่เรียบจนเกินไปแล้ว ตั้งน้ำมันเถอะ ต้องทอดแป้งแล้ว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้แต่ทอดนางก็ยังต้องเป็นคนทำ ลู่ไป๋หรั่นอยากจะร้องไห้ขึ้นมาก็ยามนี้ บุปผาหยกที่เปรียบได้ดั่งดวงใจแห่งขุนเขาหิมะต้องมาจับตะหลิวแตะกะทะเข้าครัวเพื่อบุรุษ สิ่งนี้กล่าวได้ว่า <b><i>‘ขัดต่อความเป็นนาง’</b></i> อยู่มากทีเดียว ให้นางทำนางก็ทำแล้ว ให้นางมอบย่อมมอบให้ถึงที่แต่อย่าได้หวังว่ามันจะเลิศล้ำเกินคาดไปหน่อยเลย ไป๋หรั่นก้มลงมองสิ่งที่อยู่กลางน้ำมันเดือดพล่าน รอจนแป้งทั้งหลายลอยขึ้น ลู่เหม่ยเหรินก็กัดฟันทนไอร้อนใช้ตะเกียบคืบขนมเหล่านั้นขึ้นมาวางบนผ้าที่เหล่านางกำนัลนำมารองเพื่อเตรียมกรองน้ำมันออก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ปั้นมาหกก้อน ไหม้เกรียมไปหนึ่งก้อน ใช้ได้อีกห้าก้อน.. ไม่เลว ไม่เลว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AACE68">
“ ลำบากพระสนมแล้ว แต่อย่างน้อยเฉียวกั่วจานนี้ก็ออกมาหน้าตาดูดีนัก ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#68C0CE">
“ จริงเจ้าค่ะ เหลืองอร่ามน่ารับประทาน ท่าทางเนื้อดูจะไม่กระด้างจนเกินไปด้วย ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฉียวกั่วที่เนื้อไม่กระด้าง? พวกนางมีตาทิพย์กันหรืออย่างไร โฉมงามที่สีหน้าเรียบสงบได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ <font color="#994D7B">“ พูดไปมาใครจะไปรู้ว่าจริงไม่จริง”</font> ระหว่างที่รอให้ขนมหายร้อนเพื่อที่จะง่ายต่อการจัดวาง พระสนมลู่ที่ลำบากลำบนหอบสังขารมาทำขนมก็ใช้ตะเกียบในมือคีบเฉียวกั่วที่หน้าตาพิลึกชิ้นหนึ่งในหมู่นั้นขึ้นมา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ มีใครอยากชิมหรือไม่? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
“ … ”
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทีแบบนี้ล่ะเงียบกันเป็นเป่าสาก…
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ช่างเถอะ ข้าชิมเอง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AACE68">
“ พระสนม มิใช่ว่าสมควรให้ฝ่าบาทเส—- ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
งับ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โชคดีที่เฉียวกั่วเหล่านี้ไม่ได้ร้อนระอุมากอย่างตอนแรก รสสัมผัสหวาน ๆ ปนเค็มที่ต่อมาก็เปี่ยมไปด้วยกลิ่นของงาทำเอาผู้ลิ้มลองชะงักไปหลายอึดใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เลิศรสมาก? .. ไม่<br>
<p style="text-indent: 2.5em;">
หน้าตาดีนัก.. ก็ไม่
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พูดให้ถูกคือนางตะลึงที่ทำหนนี้ไม่ล้มเหลวต่างหาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มันคือเฉียวกั่วรสข้างทางทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้หวือหวาแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่จนทนกินไม่ได้ คนทานเคี้ยว ๆ ไปสักพักก็ถูกกับส่วนที่วางเม็ดถั่วจนสัมผัสได้ถึงรสชาติแปลกใหม่อีกระลอก หวานไม่มาก เค็มกำลังพอดี ทั้งยังได้รสมันจากการทอดและถั่ว แต่ในขณะเดียวกันก็แห้งแสบคอหากว่าทานติดต่อกันมากเกินไปของแบบนี้สมควรแล้วที่จะกล่าวว่าเป็น<b> ‘ของว่างคู่น้ำชา’</b>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ จัดถาดของว่างเตรียมไปตำหนักเว่ยหยาง ”
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
“ แล้วก็.. อย่าลืมนำชุดชงชาเบญจมาศไปด้วย ”</font>
</font>
<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br>
<font face="Sarabun"><font size="3">
<b>ชื่อขนม : </b>ขนมเฉียวกั่ว<br>
<b>คำบรรยาย : </b><-b>‘ ยามที่ค่ำคืนกรุ่นด้วยกลิ่นไอรัก สามีคอยพักภรรยาคอยถนอม ’<-b> ขนมเฉียวกั่ว 巧果 (Qiǎo guǒ) เป็นที่นิยมอย่างมากในเทศกาลชีซี เนื่องจาก คำว่า巧 (qiǎo) ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 桥 (qiáo) ที่แปลว่าสะพาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ ‘สะพานนกกางเขน’ ตามตำนานที่ว่า ในวันที่ 7 ของเดือน 7 ทางจันทรคติ ฝูงนกกางเขนที่สวยงามจะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำบนท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่เพื่อให้สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวได้พบกัน อีกทั้ง คำว่า巧 (qiǎo) ยังสามารถแปลความหมายถึงคำว่า เก่ง ได้อีกด้วย ขนมเฉียวกั่วชนิดนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นขนมแห่งความเฉลียวฉลาด ผู้คนนิยมทานเพื่อให้มีความฉลาดเฉลียว และคล่องแคล่วปราดเปรียว โดยมีเอกลักษณ์อยู่ที่การทำจากงาเป็นหลัก ทั้งยังต้องอาศัยความประณีตในการทำเนื่องมาจากความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลายทำให้สามารถพบขนมเฉียวกั่วได้ในหลายรูปทรงที่สวยงามแตกต่างกันไป<br>
<b>รูปไอเทมขนาด 84*84: </b>https://i.imgur.com/Q3optlL.png
</div>
</div>
<br><br>
</font></font></div></div><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<style>
#Lian01 {
border: 0px solid;
border-radius: 10px;
background-image: url("https://i.imgur.com/BQWz3NC.jpeg"); }
#Lian02 {
border: 0px solid;
width: 75%;
background-color: #26476a;
border-shadow: #000000 5px 5px 5em;}
#Lian03 {
border: 0px solid;
padding: 0px 50px;
width: 75%;}
#Lian04 {
background: url("https://i.imgur.com/tc9tZ3d.png");
background-position: left top;
background-repeat: no-repeat; }
#Lian05 {
border: 0px solid;
padding: 30px;
width: 300px;
border-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/meLD9VX.png");}
</style>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Srisakdi:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">
<div align="center">
<font face="Sarabun">
<div id="Lian01" style="">
<div id="Lian02" style="">
<div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); height: 400px; background: linear-gradient(rgba(38, 71, 106, 0) 50%, rgb(38, 71, 106)), url("https://i.imgur.com/AMtnUq5.jpeg") center center / cover no-repeat;"></div>
<div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); margin-top: -100px; text-align: center;"><b>
<div id="Lian04"><img height="300" src="https://i.imgur.com/n9qQhBZ.png" border="0" alt=""><br>
<span style="text-shadow: #000000 5px 5px 10px"><font size="6"> ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน</font></span></div></b></div>
<br><br>
<div id="Lian03" style="">
<div align="left" style=""><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
</font><font size="5" style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255);"> จากหน้าป้าย </font><font color="#ffffff" style="font-size: medium;"> ประกาศของวังหลวงที่แจ้งว่าพระสนมทุกคนสามารถกระทำสิ่งใดได้บ้าง หรือสิ่งใดที่เป็นเรื่องร้องขอพิเศษ สู่ห้องเครื่องหลวงอันอุดมไปด้วยวัตถุดิบมากมายสตรีบางในอาภรณ์ไหมสีครามอ่อนปักทองลายเมฆาสีทองคลุมทับไหมโปร่งเป็นเอกลักษณ์ก้าวเดินสำรวจภายในห้องเครื่อง ข้าหลวงทั้งหลายที่เร่งก้มกายถวายความเคารพนางก็เอ่ยปรามบอกให้กระทำสิ่งที่ตนต้องทำต่อไปเหลือพื้นที่บางส่วนไว้ให้นางกระทำอาหารถวายไท่โฮ่วเป็นพอ
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
ซึ่งแท้จริงแล้วนางเอาคำขอพิเศษนี้เป็นเครื่องบังหน้าจากการทำอาหารทานเอง
</font><br><br><font color="#48d1cc" style="font-size: medium;">
“ข้าต้องการทำ มี่จือชาเฉา โค่วโร่ว แล้วก็ ฝูหยวนจื่อ โปรดเตรียมวัตถุดิบให้ข้าที”
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เนื่องด้วยไม่เคยมาเยือนสถานที่อันเป็นปากท้องของวังหลวงนางจึงไม่ต้องการสร้างปัญหามากมายด้วยการไปรื้อค้นข้าวของเสียเละเทะปล่อยให้ผู้รู้ช่วยจัดหาและจดจำตำแหน่งไว้เป็นพอ ด้วยเหตุนี้เว่ยเจียเหม่ยเรินจึงเอ่ยปากบอกว่านางจะทำสิ่งใดบ้างอย่างไม่ปิดบังและปล่อยให้ข้าหลวงห้องเครื่องจัดหาสิ่งของให้จนครบและนางก็มาสำรวจวัตถุดิบตรวจสอบอีกครา
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
<i> หมูสามชั้น เครื่องหมักหมูแดง เครื่องปรุงรส น้ำผึ้ง ขิง ผักกาดเขียวดองเค็ม แป้งข้าวเหนียว … และอีกมากมาย
</i></font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
</font><font color="#48d1cc" style="font-size: medium;"> “ขอบใจมากไปทำงานของตนเถิด”
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เสียงใสเอ่ยพลางยกมือปัดให้ข้าหลวงกลับไปกระทำสิ่งที่ต้องทำต่อต่อไปก่อนจะเริ่มถกแขนเสื้อขึ้นตระเตรียมวัตถุดิบ สิ่งใดต้องล้างล้วนต้องล้าง สิ่งใดต้องสับล้วนสับ ตระเตรียมวัตถุดิบพร้อมปรุงคือหนึ่งในขั้นตอนสำคัญเพื่อทำให้การปรุงอาหารในบางจานที่ต้องใช้ความรวดเร็วนั้นประสบผลสำเร็จราวกับทำยาลูกกลอนก็ไม่ปานด้วยนางที่บางครั้งแอบลอบทำอาหารทานเองและแบ่งปันมารดาที่จวนเจ้ากรมโยธาธิการจึงทำให้ท่าทีของสตรีผู้นี้คล่องแคล่วมิใช่น้อย
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เริ่มด้วยของคาวชนิดแรกอย่าง มี่จือชาเฉา
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
นางหยิบหมูสามชั้นขึ้นมาครึ่งหนึ่งจากที่ตนหั่นไว้นำมาใส่ชาม เทเครื่องหมักหมูแดง ซีอิ๊วขาว น้ำผึ้ง และ ขิง โดยใช้ใจชั่งตวงก่อนจะคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ให้รสชาติซึมเข้าเนื้อก่อนสักหน่อยแม้ว่าความจริงต้องทิ้งสักราตรีสองราตรีให้เข้มข้น ทว่านางหาได้สนใจไม่เมื่อนางต้องการทานเสียเดี๋ยวนี้
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เมื่ออย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาจึงใช้โอกาสนี้ในการตระเตรียมของคาวต่อไปอย่าง โค่วโร่ว
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เริ่มจากการทำหมูนางนำหมูสามชั้นที่เหลือเตรียมไว้ทั้งหมดมาใส่ชามสำหรับต้ม ใส่ต้นหอมทั้งต้น และขิงแก่หนึ่งเหง้าที่ผ่าครึ่ง และสุราสำหรับทำอาหารลงไป แล้วเติมน้ำจนท่วมหมู ต้มจนเดือดประมานสองเค่อ
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
<i> ไยอาหารเหล่านี้ที่กระทำช่างใช้เวลามากมายนัก
</i></font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
นางบ่นอุบอยู่ภายในใจก่อนจะหันไปเทแป้งข้าวเหนียวใส่น้ำผสมให้เข้ากัน แบ่งแป้งให้เท่ากันตามสีที่ต้องการผสม ก่อนจะปั้นเป็นก้อนกลมหลากสีซึ่งการปั้นฝูหยวนจื่อได้กลายเป็นกิจกรรมฆ่าเวลาในยามต้องรอโค่วโร่วตามขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาเสียแล้ว
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
เว่ยเจียเหลียนฮวาปั้นไปสักพักก็เดินไปดูส่วนหมูของโค่วโร่วเมื่อแลเห็นว่าได้ที่แล้วจึงตักหมูขึ้นมาผึ่งให้เย็นแล้วเอาไม้จิ้มจิ้มหนังหมูให้ทั่ว จากนั้นก็ทาด้วยซีอิ้วดำทั่วหมูทั้งชิ้นพักไว้ราวหนึ่งเค่อต่อมาจึงนำหมูลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆแบบท่วมหมู โดยเอาด้านหนังหมูลงทอดก่อนจนกรอบ แล้วจึงพลิกอีกด้านลงทอดต่อประมาณไม่ถึงครึ่งก้านธูปแล้วยกหมูออกเอาไปต้มอีกราว ๆ สองเค่อ (ความจริงควรทำเพียงแช่น้ำอุ่นสองเค่อทว่านาง…ต้องการร่นเวลาในการนึ่งในขั้นตอนสุดท้าย) ครบเวลาแล้วจึงนำหมูขึ้นมาหั่นตามขวาง หนาตามชอบ แล้วจัดเรียงลง รองไว้ในถ้วยให้เป็นรูปถ้วย เพื่อที่จะใส่ผักไว้ตรงกลาง
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
ส่วนต่อมาของโค่วโร่วคือการทำผักกาดนางนำผักกาดดองเค็มตากแห้งไปแช่น้ำลดความเค็ม แม้ความจริงต้องกระทำราวสองเค่อ…แต่นางย่นระยะด้วยการล้างเสียหลายน้ำจนกลิ่นเค็มหายแทนแล้วนำมาต้มน้ำทิ้งอีกหนึ่งน้ำแล้วซอยแบบไม่ต้องละเอียดมากตั้งน้ำมันประมานหนึ่งทัพพี น้ำขิงซอยลงไปทอด เมื่อส่งกลิ่นหอมแล้วจึงใส่ผักลงไปผัดต่อประมาณหนึ่งเค่อเสร็จแล้วจึงตักผักใส่ในด้วยที่มีหมูรองไว้แล้ว
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
และส่วนสุดท้ายอย่างน้ำราดนึ่งซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาล น้ำมันงา โป๊ยกั๊ก ใบกระวานเทศ พริกไทยเสฉวนและพริกไทยลงในหม้อ เติมน้ำเปล่าหนึ่งถ้วยตวง แล้วตั้งไฟเคี่ยวจนเดือด เสร็จแล้วจึงนำไปราดลงในถ้วยที่ใส่หมูกับผักเตรียมไว้ นำทั้งหมดไปนึ่งราวครึ่งชั่วยาม
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
ในระหว่างนี้เองเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นางจึงเอาหมูแดงอบน้ำผึ้งมาอบ นำแป้งฝูหยวนจื่อมาต้มกระทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนจะจัดเตรียมจานให้สวยงาม(โดยที่เว่ยเจียเหลียนฮวาแอบกินไปอย่างละสองสามคำระหว่างตระเตรียมจานนี้เอง) ยกอาหารทั้งสามไปถวายแด่ไท่โฮ่ว
</font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
โดยมีอาหารทั้งสามเหลือทิ้งไว้ราวกับจงใจให้ผู้ใดก็ตามที่ต้องการทานสามารถหยิบไปรับประทานได้ตามชอบ
</font><div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br><br><img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""> <br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/D5P471u.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"><br><br>https://i.imgur.com/D5P471u.png<br><br>
ชื่ออาหาร: มี่จือชาเฉา<br>
ประเภทอาหาร: อาหาร<br>
รายละเอียดอาหาร: มี่จือชาเฉา(蜜汁叉烧)หรือ หมูแดงอบน้ำผึ้ง เป็นอาหารดั้งเดิมของพื้นที่ทางใต้ของต้าฮั่นที่มีชื่อว่า มณฑลกว่างตง อาหารที่ชูเอกลักษณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติและความหลกหลายทางฤดูกาล การถนอมอาหารเพื่อการข้ามผ่านเหมันต์ฤดูด้วยความอิ่มท้อง ก่อเกิดเป็นอาหารรสหวานเค็มหอมน้ำผึ้งหมักอย่างดี<br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/fZGSUN1.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br><br>https://i.imgur .com/fZGSUN1.png<br><br>
ชื่ออาหาร: โค่วโร่ว<br>
ประเภทอาหาร: อาหาร<br>
รายละเอียดอาหาร: โค่วโร่ว (扣肉) หรือ เคาหยก หากแปลตรงตัวจะแปลว่า เนื้อคว่ำ เป็นอาหารดั้งเดิมของพื้นที่ทางใต้ของต้าฮั่นที่มีชื่อว่า มณฑลกว่างตง จะใช้หมูสามชั้นหั่นสี่เหลี่ยมผสมกับผักกาดดองเค็มแห้งที่เรียกเหมยกันไช่ (梅干菜) หรือไช่กัว ซึ่งจะผักกาดดองจะนำผักกาดดองไปผัดกับน้ำปรุงรสก่อน จากนั้นจะนำหมูกับเครื่องปรุงใส่ชาม ตุ๋นให้หมูเปื่อยนุ่ม เมื่อสุกแล้ว จะนำจากมาปิดปากชามแล้วพลิกกลับด้านให้เนื้อหมูลงไปอยู่ในจาน จึงเป็นที่มาของชื่ออาหารจานนี้<br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/vfb2XnO.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"><br><br>https://i.imgur .com/vfb2XnO.png<br><br>
ชื่ออาหาร: ฝูหยวนจื่อ<br>
ประเภทอาหาร: ขนม<br>
รายละเอียดอาหาร: ฝูหยวนจื่อ (浮圆子) หรือ บัวลอย ซึ่ง 浮 แปลว่า ลอย และ 圆子 แปลว่า ลูกกลม ๆ ซึ่งอักษร 团圆 เมื่อรวมกันแล้วมีความหมายว่า การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันของคนในครอบครัว เป็นขนมมงคลที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ตงจื้อ (冬至) เพื่อขอบคุณเทพเจ้าฟ้าดินที่ดูแลเราให้ปลอดภัยแคล้วคลาดตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และช่วยอวยพรให้ครอบครัวมีความสุขในปีถัดไปอีก <br><br>
</div>
<div style="text-align: center;"><span style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255);"><br><br><img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""> <br><br>
<br><br>
</span><font color="#48d1cc" style="" size="5"><b style=""><i style=""> เห้ยคือเราแอบทิ้งไว้อ่ะ ทำอาหารเกิน ใครจะมาทานก็มาน้าาาา
</i></b></font><br><br><font color="#ffffff" style="font-size: medium;">
ใครน้า ใครตามมาอ่ะฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้าเฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย</font></div><div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br></div><div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;">@Admin <br></div>
</div>
</div>
<div style="font-size: medium; color: rgb(255, 255, 255); height: 400px; background: linear-gradient(rgb(38, 71, 106) 50%, rgba(38, 71, 106, 0)), url("https://i.imgur.com/lvZQiOw.jpeg") center center / cover no-repeat;"></div>
</div>
</div>
</font>
</div>
<style>
#Hua01 {
border: 0px solid;
border-radius: 10px;
background-image: url("https://i.imgur.com/BQWz3NC.jpg"); }
#Hua02 {
border: 0px solid;
width: 75%;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-color : #262341;}
#Hua03 {
border: 0px solid;
padding: 0px 50px;
width: 75%;}
#Hua04 {
border: 0px solid;
padding: 30px;
width: 300px;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/meLD9VX.png");}
</style>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">
<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3">
<div id="Hua01" style="">
<div id="Hua02" style="">
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/CvdPuBr.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); margin-top: -300px; text-align: center;"><b>
<img height="300" src="https://i.imgur.com/8tE9Mcr.png" border="0" alt=""><br>
<span style="text-shadow: #000000 5px 5px 10px"><font size="6"> ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน</font><br><font size="4"> วันที่ยี่สิบเจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ต้นยามเซิน (15.00 น.)</font></span></b><br><br>
<div style="margin-top: -300px; ">
<div style="height: 378px; background-image: url('https://i.imgur.com/IYOjc3Z.png');
background-position : right top;
background-repeat: no-repeat;"></div></div>
</div><br><br>
<div style="margin-top: -100px;">
<div id="Hua03" style="">
<div align="left" style=""><font color="#ffffff">
</font><font size="5" style="color: rgb(255, 255, 255);">การออกจาก</font><font color="#ffffff">พระราชวังบ่อย ๆ นั้น จากใจจริงแล้วนางชมชอบเหลือหลาย ทว่าการแอบออกไปมิใช่ทางที่ถูกต้องนางทราบดี นางหาได้ใส่ใจไม่ ทว่าหากอยู่ที่สูงแล้วนางต้องระมัดระวังเนื้อตัวทั้งยังต้องดูแลนางกำนัลใต้อาณัติใต้ร่มเงาเถียนเซี่ยกงเช่นนั้นแล้วนางจึงได้มาดมั่นไว้ว่าต่อจากนี้การกระทำทุกสิ่งที่นางจะกระทำคือการเลี้ยงความไว้เนื้อเชื่อใจ เลี้ยงความโปรดปราน ไม่โหยหา ไม่ทะเยอทะยาน เพียงต้องการอิสระและยังคงมีน้ำหนักภายในใจโอรสสวรรค์ไม่มากก็น้อยนี่จึงเป็นเหตุผลที่นางมาอยู่ภายในครัวหลวงของราชวัง
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#c0c0c0">“ถวายความเคารพเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋เจ้าค่ะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “กระทำเรื่องที่พวกเจ้าต้องทำต่อไปเสีย อย่าได้มากพิธีเลย” </font><font color="#ffffff"> น้ำเสียงหวานใสเอ่ยแก่นางกำนัลข้าหลวงทั้งหลาย นางไม่ชอบกระไรที่เอิกเกริกนักจึงบอกปัดให้พวกนางไม่ต้องสนใจนาง มีเพียงคนสองคนที่นางกวักมือเรียกไว้แล้วยื่นกระดาษจดเมนูที่นางต้องการทำ </font><font color="#48d1cc">“ตระเตรียมให้ข้าที”
</font><br><br><font color="#ffffff">
นางกำนัลสองคนที่ได้รับมอบหมายงานจากพระสนมผู้มีอำนาจสูงสุดในบรรดาพระสนมในเวลานี้ก็ยอบกายด้วยความยำเกรงแล้วเร่งตระเตรียมตามที่ผู้ทรงอำนาจต้องการดวงตาสีนิลมองปฏิกิริยาของผู้คนอย่างอ่อนใจ นางมิใช่ผู้ที่ได้รับการเคารพมาช้านานจึงไม่คุ้นชินเท่าใด ซ้ำร้ายยศนางว่ากันตรง ๆ ก็เป็นเพียงเจี๋ยยวี๋ ไหนเลยจะยิ่งใหญ่คับฟ้า
</font><br><br><font color="#ffffff">
ใบหน้าเล็กสะบัดเบา ๆ ทิ้งความคิดทั้งหลายออกไปและเดินเข้าไปยังพื้นที่ทำอาหารเมื่อนางกำนัลตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#c0c0c0">“พระสนมเจ้าคะ ให้หนูปี้ช่วยเหลือหรือไม่เจ้าคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
ผู้เป็นนายหญิงยลยินเช่นนี้ก็ครุ่นคิดอยู่พอควรเชียวก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ให้นางกำนัลในครัวช่วยเหลือข้างกาย
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “พวกเจ้าทำอาหารอันไหนเป็นบ้าง”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#c0c0c0"> “เป็นทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
สิ้นวจีใบหน้าของเว่ยเจียเหลียนฮวาพลันประดับแย้มยิ้มงดงามก่อนจะเอ่ยปากขอให้พวกนางช่วยเหลือคนละอย่างสองอย่างสิ่งใดที่ต้องรั้งรอเวลาก็โยกกายมาช่วยสิ่งอื่นกระทำไปเช่นนี้ใช้เวลาร่วมชั่วยามเชียวกว่าจะเกิดเป็นชุดสำรับอาหารน่ารับประทาน
</font><br><br><font color="#ffffff">
<i>เกี๊ยวซ่าแบบทอดและนึ่ง ไก่แช่เหล้า ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว เสี่ยวหลงเปา และของหวานตบท้ายอย่าง ซิ่งเหรินโต้ฟู ของโปรดของนางเอง
</i></font></div>
<div style="text-align: center;"><br><br>
<font color="#ffffff"><span style="width: 75%;"><img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""></span></font> <br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/vLtQsYj.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur. com/vLtQsYj.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร:เกี๊ยวซ่า (ทอด) </font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: ขนม</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร: “เกี๊ยวซ่า” หรือ “เจี่ยวจือ (煎饺)” อาหารที่ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ แผ่นแป้งเป็นแป้งสาลีนำมาคลึงแผ่และตัดแบ่งเป็นแผ่นกลม ๆ นำมาห่อไส้หมูแล้วทอดลงในน้ำมันร้อน ๆ ได้รสสัมผัสอันกรุบกรอบเคี้ยวเพลินสามารถรับประทานได้ทั้งเป็นของว่าง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย</font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/vEhtDXv.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur. com/vEhtDXv.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร: เกี๊ยวซ่า (นึ่ง) </font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: อาหาร</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร: “เกี๊ยวซ่า” หรือ “เจี่ยวจือ (煎饺)” อาหารที่ทำจากแป้งสาลีห่อไส้ที่ทำจากเนื้อสัตว์ แผ่นแป้งเป็นแป้งสาลีนำมาคลึงแผ่และตัดแบ่งเป็นแผ่นกลม ๆ นำมาห่อไส้หมูแล้ววางซึ้งนึ่งจนสุก จะได้รสสัมผัสอ่อนนุ่มละมุ่นลิ้นสามารถรับประทานได้ทั้งเป็นของว่าง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย </font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/2GkGgpS.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur.com/2GkGgpS.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร: ไก่แช่เหล้า </font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: อาหาร</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร:”ไก่แช่เหล้า" หรือ “เหนียงจิ่วจี (娘酒鸡)” ซึ่งแปลว่า ไก่เหล้าเจ้าสาว ผู้คนชาวเหอหนานนิยมทำเมนูนี้ในการฉลองคลอดบุตรหรืองานแต่งงาน เพื่อบำรุงให้เลือดลมดีกับทางเจ้าสาวและมารดาที่เพิ่งคลอดบุตร นอกจากจะช่วยบำรุงเลือดแล้วยังช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นด้วย เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่อยู่บนเขา และมีสภาพอากาศที่หนาวจัดโดยเหล้าที่ใช้นั้นเป็นเหล้าข้าวเหนียวที่ชาวบ้านนิยมหมักเอง
</font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/uaFu5qg.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur.com/uaFu5qg.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร: ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว</font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: อาหาร</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร: “ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว” หรือ “โต้วจีจ้าอวี๋ (豆汁炸鱼)” อาหารเนื้อปลาเก๋าตัวอ้วนนำมานึ่งพร้อมน้ำซีอิ๊วปรุงรส ด้วยขิงกระเทียมผัดน้ำมันถั่วลิสง เหล้าจีน ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทยขาว ก่อนทิ้งท้ายด้วยกลิ่นน้ำมันงาให้รสเค็มนวลเบาท้องเหมาะสำหรับรับประทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อย่างยิ่ง</font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/efLBRq8.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur.com/efLBRq8.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร: เสี่ยวหลงเปา </font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: อาหาร</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร: “เสี่ยวหลงเปา (小笼包)” ทำจากแป้งขนมปังผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ ไส้เป็นหมูสับมีน้ำซุปอยู่ข้างใน ซึ่งมาจากการใส่วุ้นที่มาจากการเคี่ยวหนังหมู หนังไก่ แล้วพักให้เย็นจนแข็งตัวเป็นวุ้น ตักวุ้นนี้วางบนไส้หมู แล้วห่อด้วยแป้ง จับจีบให้ได้ 18 จีบ เมื่อนึ่งสุกวุ้นจะละลาย กลายเป็นน้ำซุปอยู่ข้างในให้รสเค็มหวานกำลังดีและมีรสสัมผัสที่ฉ่ำน้ำซุปทุกคำที่รับประทาน </font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/vkgaABo.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> https://i.imgur.com/vkgaABo.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่ออาหาร: ซิ่งเหรินโต้ฟู</font><br><font color="#ffffff">
ประเภทอาหาร: ขนม</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียดอาหาร: </font><font style=""><font color="#ffffff"> “เต้าหู้อัลมอนด์” หรือ “ซิ่งเหรินโต้ฟู (杏仁豆腐)”</font> </font><font color="#ffffff"> เต้าหู้ตุ๋นกับน้ำแกงใส่ผลซิ่งเหรินที่ปอกเปลือกแล้ว เคี่ยวช้าๆ ด้วยไฟอ่อน ได้เวลาพอเหมาะก็ยกออกมา ไม่เพียงแต่น้ำแกงจะเป็นสีขาว เต้าหู้ยังมีกลิ่นหอมของผลซิ่งแฝงอยู่ถึงสามส่วน รับประทานตอนร้อนๆ หรือแช่ให้เย็นก็ได้ เมื่อดื่มแล้วจะให้ความรู้สึกชุ่มคอราวกับกลืนน้ำค้างบนยอดหญ้า นับเป็นอาหารชั้นเลิศที่ไม่หวานเลี่ยนและรับประทานเป็นของว่างได้บ่อยครั้ง นิยมรับประทานเป็นของว่างที่รับประทานได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ด้วยย่อยง่ายบำรุงผิวพรรณ </font><br><br>
<br><br><font color="#ffffff">
เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมรักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง<br> @Admin </font><br><br>
</div>
</div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/hr6FYuR.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
</div>
</div>
</div></font></div>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย FuMi เมื่อ 2024-7-28 21:29 <br /><br /><style>
#boxbirdcenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #6F1D3D 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/0C7ZnDN.png");
}
</style>
<style>
#boxBR0LE {
width: 650px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>
<div id="boxbirdcenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxBR0LE"><br><img src="https://i.imgur.com/77gYtcx.png" width="300" _height="300" border="0"><br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#d5a6bd"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #d5a6bd 0px 0px 10px;"><i><b><br>แม่ครัวหลวงผู้ลึกลับ<br>-10-<br></b><br></i></span></font></font></font><img src="https://i.imgur.com/bjHCPe9.png" width="499" _height="57" border="0"><br><div align="left"><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><br></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" style="" face="Sarabun"><b>วันที่ 27 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10</b></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><b>ช่วงเวลา 11.00 - 20.30 น.</b></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;" id="docs-internal-guid-a17ea5cf-7fff-38c9-10e3-a4867288bf10"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#008080"> “ ท่านฝูมี่ซอสเปรี้ยวหวานหมักเสร็จแล้วเจ้าค่ะ ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd"> “ ขอบใจเจ้ามากทางด้านนั้นลอกเปลือกถั่วเรียบร้อยก็เอาลงกวนได้เลยนะ ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd"> “ เตาที่สามเบาไฟลง หากล้างไก่ดำจนได้ที่แล้วค่อยเอาลงน้ำเดิอด อย่าลืมใส่ขิงลงไปด้วยเพื่อดับคาว.. ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> สี่วันมานี้หากจะกล่าวว่าไม่ยอมรับในความสามารถของนางสนองพระโอษฐ์ที่ยืนคุมงานครัวด้วยตนเองพ่อครัวหลวงกลับพูดได้ยาก ห้องเครื่องหลวงเมื่อเว้นว่างจากการเตรียมพระกระยาหารแล้วก็เป็นส่วนที่เหล่าเจ้านายเข้ามาใช้สอยได้มิได้มีคำห้าม ยิ่งไทโฮ่วมีพระเสาวนีย์ด้วยองค์เองให้เหล่าสนมนางในฝึกการครัวใครจะกล้าห้ามพวกนาง จริงอยู่มีสนมแวะเวียนมาขอยืมใช้งานครัวไม่ขาดสายทว่าพวกเขาพูดได้เต็มปากว่า ‘ความชำนาญงานครัวระดับสูง’ สำหรับสตรีฝ่ายในกลับไม่ปรากฎมานาน </font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> สตรีหน้ากากทองนางเริ่มจากขอยืมครัวตุ๋นน้ำแกง </font><i style=""><font color="#dda0dd">‘บำรุงพระวรกายนายเหนือหัวทั้งสอง’</font></i><font color="#000000"> เดิมแม่ครัวหลวงยังคิดว่ารายนี้ก็คงมาต้มๆ ทอดๆ ให้นางกำนัลช่วยทำสามสี่อย่างพอเอาหน้าแล้วจากไปคงใช้เวลาไม่นาน เต็มที่ก็ปันเตาให้สักเตาเครื่องครัวไม่กี่ชิ้น</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> สามวันที่ผ่านมาเนี่ยหนานชิงประจักษ์แล้วว่าตนคิดผิดมหันต์</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> เจ็ดเตาใหญ่ สามเตารอง สิบสองวัตถุดิบหลัก นางขอหม้อดินใบใหญ่ที่สุด การเลือกมีดก็มิใช่สักแต่น้ำหนักเบาเพื่อทุ่นแรง จังหวะการควบคุมไฟวิธีแกะสลักปักและบั้งปลา ไม่ผิดแน่.. เหม่ยเหรินผู้นี้ชำนาญวิชาครัว </font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> เพราะน้ำแกงแม่แบบทั้งสามอย่างต้มนานใช้เวลามาก ด้วยเคล็ดลับของนางคนเดียวในหนึ่งวันช่วยพวกเขาทุ่นแรงไปได้ครึ่งวัน ไม่ว่าใครเข้าไปสอบถามด้วยความสงสัยสนมน้อยนางนี้ล้วนตอบด้วยน้ำเสียงอธิบายนุ่มๆ ด้วยถ้อยคำเข้าใจง่ายไม่มีความเย่อหยิ่งอย่างนายหญิงทั้งหลายเป็นกันเลยแม้แต่น้อย เมื่อมีคนจงใจหาเรื่องก็ได้รับเพียงรอยยิ้มบางๆ ราวกับคนผู้นั้นแค่บังเอิญมิได้เจตนา</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> ฟังว่าตำรับหม้อไฟที่เลือกทำนั้นใช้เวลาและความทุ่มเท ร่างเล็กๆ นั้นคอยพัดคุมไฟด้านหน้าเตาร้อนๆ ด้วยท่าทีสบายๆ บ้างก็หยิบตำราธรรมขึ้นมาอ่าน ผ่านมาสองวันแล้วที่การคงอยู่ของหญิงสาวหน้ากากทองกลายเป็นภาพจำ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd">ซ่างกวนฝูมี่</font><font color="#000000"> - ซ่างกวนเหม่ยเหริน ดูภายนอกแขนบอบบางไร้เรี่ยวแรงนั้นไม่น่าทำอะไรได้นอกจากร่ายรำเรียกความสนใจจากฝ่าบาท หากทว่าเมื่อรายการอาหารจานแล้วจานเล่าปรุงเสร็จออกมาผู้คนในกองห้องเครื่องล้วนต้องมองนางใหม่</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#008080">“ ท่านฝูมี่.. หม้อนี้ตุ๋นมาสามวันแล้วนะเจ้าคะท่านบอกพวกเราได้ไหมว่าทำสิ่งใดกันแน่ถึงใช้เวลานานยิ่ง ” </font><font color="#000000">ชุนเถาเมื่อเสร็จงานในตำหนักเว่ยหยางก็จะวิ่งมาวนเวียนอยู่รอบๆ นางสนองพระโอษฐ์ผู้อบรมตน นางเป็นคนหูตาไวเชื่อว่าคอยหมั่นเรียนรู้จากอีกฝ่ายย่อมเกิดผลดีต่อตนเองในสักวัน</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""> เนตรกวางคู่หวานมองตามอีกฝ่ายพบว่าเป็นหม้อดินใบนั้นที่ตั้งไฟอ่อนเคี่ยวอยู่สามวันสามคืน ไม่ผิด หม้อนี้นางลงแรงไปมากทั้งสิ่งวิเศษจากขุนเขา ธรณี และมหาสมุทรวัตถุดิบทุกชนิดกำลังผสานกันอย่างลงตัว นางเป็นผู้ที่มีนิสัยหนึ่งประการ<i>คื</i><i style="">อ <b>ตัดสินใจว่าจะลงมือทำแล้วต้องตั้งใจให้ออกมาดีที่สุดไม่เช่นนั้นก็อย่าริเริ่มแต่แรก</b></i></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd"> “ สิ่งนี้หรือ? คือหม้อไฟแปดเซียน.. ข้าลองปรับสูตรดูเล็กน้อยใส่สมุนไพรกลิ่นหอมลงไปรออีกสักสองชั่วยามก็ได้ที่แล้วเรามาดูผลกันนะ ” </font><font color="#000000">ดรุณีผิวอ่อนตอบยิ้มพลางพลิกหน้าตำราอนุตรธรรม</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000" style="font-weight: 400;"> </font><font color="#008080" style=""><b> “ หม้อไฟแปดเซียน!! ฝูโช่วฉวนที่ทำยากแสนยากทั้งยังพันตำลึงหาทานไม่ได้นั่นน่ะหรือเจ้าคะ ?” </b></font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> ไม่เพียงชุนเถาเหล่านางในกองต้นเครื่องหันขวับกันมาทั้งหมด พวกเขาควรฉุกใจได้ตั้งแต่ซ่างกวนเหม่ยเหรินถามถึงปลิงทะเล หอยเป่าฮื้อ พร้อมกับกระเพาะปลาแล้วว่าสมควรเป็นตำรับรายการนี้ เพียงแต่.. ลำพังคิดค้นอาหารดัดแปลงสูตรจากสิ่งที่ทำง่ายๆ ไทโฮ่วก็ให้ผ่านแล้ว นางสนมส่วนใหญ่จึงเลือกเอาจากอาหารท้องถิ่นที่เครื่องปรุงวัตถุดิบไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> คิดอีกแง่ ใครเล่าจะยอมเอาใบหน้าที่ถนอมประทินโฉมอย่างบรรจงมาทนควันทนความร้อนหน้าเตากันนานๆ งานครัวมีทั้งเหงื่อทั้งกลิ่นวัตถุดิบ ทั้งยังล้อมรอบด้วยความร้อน เหล่าคุณหนูธิดาชีวิตนี้บางคนยังไม่เคยย่างกรายเข้าครัว อยากทานอะไรก็ให้คนใช้ไปทำมาทั้งนั้น มีอย่างที่ไหนเลือกความลำบากให้ตนเอง ทำออกมาได้ก็ดีไป หากทำมาแล้วทานไม่ได้วัตถุดิบชั้นเลิศทั้งหลายเสียเปล่าก็รังแต่จะให้โทษตรงกันข้าม</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> ไม่เพียงหม้อไฟแปดเซียนที่หลายคนรอชมว่าอีกฝ่ายจะทำออกมาได้ดีสักแค่ไหน งานหินงานยากนี้ฝูมี่ยังเพิ่มตำรับเจียงหนานอีกสามสี่อย่างที่แม่ครัวใหญ่เนี่ยเห็นแล้วต้องถามย้ำว่าจะทำจริงๆ หรือ รายการง่ายๆ ใช้เวลาน้อยดูจะขาดความท้าทายสำหรับนาง..
เด็กสาวผู้นั้นตั้งอกตั้งใจคัดแยกบุปผาแห้งนับสิบชนิด มีทั้งดอกยู่จินเซียง ดอกกุ้ยฮวา ดอกจวี๋ฮวา ดอกไหว และดอกไม้ในฤดูกาลนี้นำมามัดเข้าด้วยกันราวกับจัดช่อ ปั้นเป็นก้อนเล้กๆ ใช้ผ้าขาวบางรัดจนแน่นทิ้งไว้แบบนั้นแล้วผึ่งแดด เมื่อนำมาชงกับน้ำร้อนกลายเป้นบุปผาผลิบานในถ้วยกระเบื้อง ไม่ผิดแน่คือ </font><b style=""><font color="#ff8c00">'กงอวี้ฮวาฉา' </font></b><font color="#000000">หรือคือชาร้อยบุปผาเลื่องชื่อในเหลาชื่อดังฟังว่าร้อยตำลึงยังยากเสาะหามาทาน</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> พวกเขาเฝ้ามองนางเตรียมตั้งแต่ ‘หม้อไฟแปดเซียน’ ล้างของทะเลโดยการลวงในน้ำขิง สิ่งนี้ไม่ใคร่มีคนกระทำเมื่อใช้น้ำส้มสายชูดับคาวได้ดีกว่า จนเมื่อลองคิดตามว่าขิงสามารถดับคาวและเพิ่มความหอมให้วัตถุดิบได้พร้อมกันต้นเครื่องถึงกับจดจำนำไปใช้ คำว่าความพิถีพิถันของคนครัวให้สังเกตตั้งแต่ตอนเตรียมวัตถุดิบ ฝูมี่รวบผมด้วยปิ่นดอกเส่าเย่าแล้วโพกทับอีกทีด้วยผ้าโปร่งไม่มีเส้นผมนางสักเส้นหล่นลงไปในอาหาร การล้างไก่ยังล้างหลายน้ำเสียจนสะอาดไร้เลือดไร้กลิ่นคาว ลวงเครื่องทั้งหมดจจังหวะเตรียมน้ำแกงก็คล่องแคล่วเสมือนผู้ที่เข้าออกครัวเป็นงานประจำ
</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> การตุ๋น</font><b style=""><font color="#ff0000">หม้อไฟแปดเซียน</font></b><font color="#000000">ฟังเหมือนโยนทุกอย่างใส่ลงหม้อไปเคี่ยวนานๆ แต่ความจริงแล้วเปล่าเลย ตำรับนี้ผสานรวมทั้งการนึ่ง ต้ม เคี่ยว และตุ๋นเอาไว้ด้วยกัน นางรองโถดินเผาด้วยสมุนไพรบำรุงสุขภาพหลายชั้นนำเขากวางอ่อนฝานเพิ่มจากตำรับลงไปด้วยเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เรียงไก่ดำ กระเพาะปลา หูฉลาม หั่นเนื้อเอ็นหอยกับหน่อไม้หวานโปะไว้ด้านบนตามด้วยเห็ดหอมและปลิงทะเลด้านบนโถนั้นจัดเรียงอย่างสวยงาม ไม่ลืมใช้เก๋ากี๋หนึ่งกำมือโปรยลงไปและใช้ใบบัวครอบก่อนปิดฝา ใช้ไฟอ่อนคอยคุมไม่ให้ดำรอน้ำแกงผสานเข้าไปขับเคลื่อนรสธรรมชาติของวัตถุดิบเคี่ยวมาได้สามวันแล้ว</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#556b2f"> “ แล้วทางด้านนั้นล่ะเจ้าคะ มีกลิ่นดอกไม้ออกมาด้วย? ท่านฝูมี่หมักสิ่งใดไว้กันนะ ? ”</font><font color="#000000"> ชิงเถาชี้ไปที่โถดินเผาอีกใบรอบปิดผนึกยังไม่ดึงออกก็ส่งกลิ่นหอมหวานออกมาแล้ว</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> สุรานี้คือความภาคภูมิใจของฝูมี่เกิดจากนางอ่านตำราชีวประวัติเซียนท่านหนึ่งแล้วสมองโลดแล่น ฟังว่ามีการหมัก</font><b style=""><font color="#ff00ff">สุราดอกท้อ</font></b><font color="#000000">ในยุคโบราณใช้เวลาอยู่หลายปีสืบหาวิธีปรับสูตร ลองผิดลองถูกนับสิบหนจนได้วิธี เก็บดอกท้อสดใหม่มาพรมด้วยน้ำผึ้งดอกท้อจากนั้นหล่อด้วยสุราไป๋จิ่ว(เหล้าขาว) ปิดผนึกไว้ราวเดือนหนึ่งเป็นใช้ได้ ยิ่งหมักบ่มนานก็ยิ่งใสและให้กลิ่นหอมหวน</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd">“ สุราดอกท้อน่ะ สองปีก่อนดอกท้อผลิบานทั่วลั่วหยางข้าเห็นแล้วเสียดายเลยเอามาหมักสุราก่อนเข้าวังหยิบติดมือมาด้วย สุรานี้ไม่แรงมากยิ่งดื่มก็ยิ่งบำรุงผิวพรรณเหมาะทานกับขนมบัวหิมะเป็นที่สุด ฝั่งนั้นกวนถั่วใกล้เสร็จพอดีเราไปปั้นขนมบัวหิมะกันต่อเถอะ ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> กล่าวจบจึงลุกขึ้นไปหานางกำนัลอีกสองนางที่ปันแรงมาช่วยตนกวนถั่วเปลือกแข็งชนิดต่างๆ ฝูมี่ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียวเข้ากับนมแพะแทนน้ำ นางเคยใช้นมถั่วเหลืองแทนในช่วงเทศกาลกินเจก็ให้รสชาติละมุนไปอีกแบบ ใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลเมื่อกดลงบนพิมพ์ไม้ลวดลายมงคลก็มีทั้งใส้เกาลัด ใส้ถั่วเขียว ถั่วแดง โรยแป้งข้าวข้าวเล็กน้อยไม่ให้ติดพิมพ์เมื่อเคาะออกมามีหลากหลายสีสันจากน้ำดอกไม้พอจัดใส่จานรวมกันยิ่งน่าทาน</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> หลังกัดไปหนึ่งคำพริ้มดวงตาเปี่ยมสุขแป้งนุ่มๆ ของ</font><b style=""><font color="#9932cc">ขนมบัวหิมะ</font></b><font color="#000000">มีรสอ่อนตัดกันกับใส้ละมุนลิ้นเพียงพอให้คนทานมีความสุข เมื่อมีของอร่อยนางแจกจ่ายเหล่าลูกมือไม่เคยคิดหวง</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd"> “ ข้าแบ่งไว้สำหรับถวายสองตำหนักแล้ว ส่วนนี้ทุกคนแบ่งกันทานได้นะ อย่าลืมนำกลับไปฝากเพื่อนพ้องของพวกเจ้าด้วยล่ะ ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#808000">“ ขอบคุณท่านฝูมี่เจ้าค่ะ งั้นพวกข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!! ” </font><font color="#000000">ใครว่าต้นเครื่องเจอของอร่อยจนมีภูมิต้านทาน คนอยู่ใกล้ของกินรสเลิศแต่ทานไม่ได้นี่สิพ่านแพ้ได้ง่ายยิ่งกว่า</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> ถัดจากของหวานคั่นเวลาผู้สวมหน้ากากทองก็กลับมาทำ </font><b style=""><font color="#800080">ปลาเปรี้ยวกับ</font><font color="#9acd32">ลูกชิ้นหัวสิงห์</font><font color="#800080"> </font></b><font color="#000000">ต่อ ด้วยเป้นตำรับโปรดที่ตามมารดาเข้าครัวแต่ยังเล็ก แม้หลับตาฝูมี่ยังสามารถผสมและนวดเนื้อหมูสับผสมเครื่องปรุงออกมาได้กลมเท่ากันทุกลูก บางคนผสมเนื้อสัตวืหลากหลายลงไปตามแต่หาได้สำหรับคนแกล้มกลมที่ยังติดวิสัยการกินแบบเด็กๆ ชอบใช้เนื้อหมูและกุ้งสับเพื่อความนุ่มเด้งของตัวลุกชิ้น ปั้นเสร็จแล้วหย่อนลงน้ำซุปเข้มข้นตุ๋นจนสุกดีพักใส่ชามไว้ ผสมน้ำซุปเข้ากับซอสถั่วดำเคี่ยวจนงวดได้ที่นำมาราดลงลูกชิ้นให้เคลือบทั่วจัดใส่จานพร้อมป๊วยเล้งลวกสีเขียวสด</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#008080"> “ ลูกชิ้นหัวสิงโตนี่นา? ตำรับอาหารเจียงหนานไม่ได้เห็นในวังหลวมานานแล้ว ลูกกลมสวยน่าทานจริงๆ ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> ต้นเครื่องสาวชื่นชมอยู่ในทีเรื่องของรสชาติแต่ละคนอาจชื่นชอบแตกต่างกัน แต่ในเรื่องความสวยงามมองปราดเดียวก็รับรู้ได้ถึงความใส่ใจ ไม่ทันไรก็เห็นทักษะการใช้มีดโค้งบั้งปลาเป็นลลวดลายตารางความชำนาญสูงมาก ใจต้องเด็ดเดี่ยวไม่ลังเล ด้วยบั้งผิดหนึ่งแถวเท่ากับเสียปลาตัวนั้นไปเลยเริ่มทำใหม่ทั้งหมด ดูแล้วสนมเหม่ยเหรินท่านนี้จะถนัดอาหารเจียงหนานเป็นพิเศษทั้ง</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> ฝูมี่คลุกปลาที่ขอดเกล็ดบั้งเสร็จแล้วกับแป้งลงทอดตอนน้ำมันร้อนๆ จนเนื้อเปลี่ยนสีทองสวย กลิ่นหอมน้ำมันกำจายไปทั่วห้องเครื่องเมื่อนำขึ้นมาตัวของปลามีเกล็ดฟูมองแล้วคล้ายลายดอกไม้ ราดซอสเปรี้ยวหวานตามลงไปได้ยินเสียงเฉพาะก็ยิ่งน่าทาน</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><i style=""><font color="#dda0dd"> ‘จริงสิ เหมือนว่าเมื่อเช้าขันทีน้อยบอกว่ามีกุ้งสดพึ่งเข้าวังมานี่นา..’</font></i></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> รู้ดังนั้นผู้มีใจใฝ่การครัวก็ไม่รอช้าจวนซ่างกวนเมื่อทานอาหารถือคติมีครบทุกรส หากมีจ้านรสจัดต้องมีจานที่รสอ่อนนับเป็นอาหารสุขภาพ วันก่อนฝูมี่ขอปันใบชาหลงจิ่งมาจากพี่ชายนางเริ่มทำตำรับอาหารเจียงซูที่ความซับซ้อนน้อยสุดอย่าง </font><b style=""><font color="#008000">‘กุ้งผัดชาหลงจิ่ง’</font></b><font color="#000000"> เริ่มจากกระตุ้นใบชาด้วยน้ำร้อน ระหว่างนั้นล้างกุ้งแล้วแช่ในชาหลงจิ่งจงเข้มราวหนึ่งเค่อ ตั้งกะทะพอร้อนนำลงผัดปรุงรวด้วยเกลือและพริกไท นางไม่ใส่น้ำตาลด้วยกุ้งนั้นสดและมีความหวานในตัวอยุ่แล้ว ปิดขึ้นจากกะทะโปรยใบชาลงไปเพื่อตกแต่งเป็นจานเดียวที่ทำง่ายและรวดเร็วเน้นรสโดยธรรมชาติของวัตถุดิบ</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> ฝูมี่ขลุกอยู่ในครัวค่อนวันเงยหน้าขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดสิ่งที่นางเฝ้ารอคอยท้ายสุดก็มาถึง</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#dda0dd"> “ ดูเหมือนหม้อไฟแปดเซียนจะได้ที่แล้ว.. ตื่นเต้นจัง ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> เพียงเปิดผนึกหม้อดินเผาออกก็เกิดความวุ่นวายขึ้นรอบบริเวณ นอกจากปลิงทะเลที่ตุ๋นจนเงาใสวัตถุดิบอื่นยังแข่งกันส่งพลังทำลายล้างยากต้านทาน กลิ่นของน้ำซุปในตำนานหอมหวนขจรออกไปสะกดผู้คนและเหล่าสนมกำนัลที่ยังคงไม่หลับใหลในละแวกนั้นให้พิศวงเกิดน้ำลายสอ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#008000">“ ห้องเครื่องหลวงปรุงอันใดในเวลานี้ ช่าง.. หอมเหลือเกิน”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#ff8c00">“ โอ้.. หอมยิ่งนัก ข้าพึ่งกินข้าวไปนี่นาทำไมหิวอีกแล้ว!! ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"> </font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun" style=""><font color="#000000"> </font><font color="#0000ff">“ หอมหวนจริงๆ ไปดูสิว่าเป็นกลิ่นของสิ่งใดพอจะปันมาให้ข้าได้รึไม่ ขอสักคำเล็กๆ ก็ยังดี!! ”</font></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><br><img src="static/image/hrline/B13.gif" border="0" alt=""><br><br><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun">1<br></font></b><img src="https://i.imgur.com/aOr5SA1.png" width="78" _height="84" border="0"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">หม้อไฟแปดเซียน</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/aOr5SA1.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"><b><font color="#d12e05">'เร่งไฟให้หอมฟุ้งจรุงซ่าน สมณะละฌานกระโดดกำแพง'</font></b> หม้อไฟแปดเซียนมีชื่อเดิมว่า ‘ฝูโช่วฉวน 福寿全’ (อายุมั่นโชคมั่งมี) หรือเป็นที่รู้จักทั่วโดยไปว่า “พระกระโดดกำแพง” เป็นหนึ่งในสุดยอดตำรับอาหารบำรุงร่างกายจากแดนใต้ที่ว่ากันว่ารวบรวมเอาวัตถุดิบชั้นเลิศมาเคี่ยวและตุ๋นรวมกันนานนับวันใช้ทั้งทักษะและความพิถีพิถันของพ่อครัวจนมีราคาสูงลิ่ว วัตถุดิบหลักพื้นฐานจะมีหูฉลาม ไก่ดำ ปลิงทะเล เป๋าฮื้อ กระเพาะปลา เห็ดหอม ถั่งเช่า เก๋ากี้ โสม ฯลฯ ชื่อแรกสุดของเมนูนี้ เรียกกันว่า “หม้อไฟแปดเลิศล้ำ 坛烧八宝 (ถานเชาปาเป่า)” คือรวมเอาสารพัดวัตถุดิบวิเศษไว้ในหม้อเดียวกัน การเปรียบเปรยว่า ทั้งกลิ่นที่หอมหวล และรสอันเลิศล้ำของอาหารนี้ อย่าว่าแต่เปุถุชนคนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นนักพรตที่เจริญสติแก่กล้านั่งฌานอยู่ ยังต้องสมาธิแตกซ่านกระโดดข้ามกำแพงมาขอชิม</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br>2<br></font></b><img src="https://i.imgur.com/C4WvQlR.png" width="80" _height="80" border="0"><b style="font-weight:normal;"><font size="3" face="Sarabun"><br></font></b></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">ลูกชิ้นหัวสิงห์</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/C4WvQlR.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"><b><font color="#00AA00">'ลูกชิ้นแห่งความสุขสราญใจ หลงใหลในเจียงซู'</font></b> ซือจึโถว หรือ หัวสิงโต หลึ่งในอาหารขึ้นชื่อของหวยหยางทางตอนใต้ ทำมาจากหมูสับติดมันนำไปหมักเครื่อง ปั้นเป็นลูกกลมๆ ลูกโตๆ นำไปทอด จากนั้นตุ๋นกับผักกาดขาวหรือราดน้ำซอสแดง บางท้องที่ใช้ผักก้านเขียวแทนผักกาด ซึ่งผักนี้แทนแผงคอสิงโตที่มีสีขาวและสีเขียวราวหยกต้มให้เปื่อยนุ่มเช่นเดียวกับต้มจับฉ่ายเป็นอาหารที่ทำไม่ยากและอร่อยมาก เรื่องเล่าว่าจักรพรรดิ์ได้พบหุบเขาหนึ่งเต็มไปด้วยดอกทานตะวันบานสะพรั่งงดงาม จึงมีบัญชาให้พ่อครัวหลวงคิดค้นอาหารที่ทำให้พระองค์รำลึกถึงดอกทานตะวันในหมู่บ้านนั้น แล้วเชฟก็สร้างสรรค์ดอกทานตะวันเบ่งบานในชามมาให้ ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ความหมายมงคล ภายหลังก็ได้รับความนิยมไปทั่วดินแดนไม่แค่เฉพาะแถบเจียงหนานแทบทุกโรงเตี้ยมชั้นนำบรรจุไวในรายการ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">
3
</span></font><img src="https://i.imgur.com/xlvMXSb.png" width="80" _height="80" border="0"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br></span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">ปลาเปรี้ยวหวาน</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/xlvMXSb.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><b><font color="#e48825">'ซงฉู่กุ้ยอวี่ • ปลากระรอก'</font></b> ปลาทอดราดซอสเปรี้ยวหวานเป็นหนึ่งในสิบตำรับเลื่องชื่อแดนเจียงหนานมีวิธีการเตรียมและปรุงต่างกันออกไปตามตำรับท้องถิ่น ใช้ความชำนาญของพ่อครัวค่อนข้างสูงไม่ว่าจะเป็นเตรียมหมักซอส เตรียมปลาไว้ในโอ่งดินสองวันเพื่อขับของเสียและลดกลิ่นดิน ตลอดจนถึงทักษะการใช้มีดบั้งลวดลายบนตัวปลาก่อนนำลงไปทอด ที่ขึ้นชื่อคือปลาเปรี้ยวหวานซีหูที่ใช้ซีอิ๋วดำมาทำซอสเปรี้ยวหวาน และต้นตำหรับอย่างปลาเปรี้ยวหวานซานซีที่เน้นน้ำส้มสายชูของขึ้นชื่อจากท้องที่ จานนี้นอกจากความชำนาญการบั้งหั่นเนื้อปลาให้เป็นชิ้นแบบดอกไม้เมื่อนแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือเสียงขณะราดซอสเปรี้ยวหวานลงบนปลา จะได้ยินเสียง "จี๋ จี๋ จี๋" ของ "กระรอก" จึงมีอีกชื่อว่าปลากระรอก</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br>
4
</span></font><img src="https://i.imgur.com/LA9CFyt.png" width="80" _height="74" border="0"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">
</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">กุ้งผัดชาหลงจิ่ง</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/LA9CFyt.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"><b><font color="#00AA00">'หลงจิ่งเซียเหริน'</font></b> ลักษณะเด่นคือใช้กุ้งแม่น้ำที่ปอกเปลือกทั้งหมด ผัดกับชาหลงจิ่งที่เก็บในช่วงเทศกาลชิงหมิง แช่กุ้งสดในน้ำชา ราวหนึ่งเค่อมีคำแนะนำว่าควรใช้ชาเข้มสักหน่อย เพราะหลังจากนำไปคั่วแล้วจะได้มีกลิ่นชาติดอยู่ จากนั้นนำไปคั่วหรือผัดในกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทย ตามชอบ บางสูตรอาจไม่ใส่น้ำตาลเนื่องจากเนื้อกุ้งสดหวานอยู่แล้ว เล่ากันว่าในอดีตหวงตี้เสด็จมายังเจียงหนานเป็นการส่วนพระองค์แล้วติดฝน จึงเข้าหลบฝนในบ้านชาวนาที่อยู่ใกล้ภูเขาหลงจิ่ง ได้เสวยชาหลงจิ่ง และทรงพอพระทัยในรสชาติชาก่อนจากไปนั้นชาวนาจึงมอบห่อชาหลงจิ่งให้ด้วย ถึงตอนเย็นเสด็จไปโรงเตี้ยมขึ้นชื่อและได้สั่งผัดกุ้งพร้อมนำใบชาหลงจิ่งที่ได้มาให้เสี่ยวเอ้อร์ช่วยชง ตอนรับชาเผอิญเหลือบเห็นฉลองพระองค์ที่มีลายมังกรที่สวมอยู่ข้างๆ รีบเข้าไปแจ้งให้เจ้าของร้านที่กำลังทำกับข้าวอยู่ เจ้าของร้านได้ยินตกใจลนลานเป็นการใหญ่ พลาดหยิบเอาชาหลงจิ่งที่เสี่ยวเอ้อร์ถือคิดว่าเป็นต้นหอมจับใส่ในกุ้งที่กำลังผัดอยู่แล้วรีบนำออกไปถวาย หวงตี้ได้กลิ่นหอมของชาหลงจิ่ง รีบคีบกุ้งผัดชาหลงจิ่งมาชิม แล้วทรงออกปากชื่นชมอย่างมากว่าอร่อยเป็นพิเศษ ตั้งแต่นั้นมา "กุ้งผัดชาหลงจิ่ง" ก็กลายเป็นอาหารเจียงหนานที่มีชื่อเสียงอย่างหนึ่ง</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">
5
</span></font><img src="https://i.imgur.com/EgTPYIf.png" width="80" _height="73" border="0"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br></span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">ขนมบัวหิมะ</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br></span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">https://i.imgur.com/EgTPYIf.png</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"><b><font color="#00AA00">'ขนมปิงผีเยว่ปิ่ง'</font></b> เรียกอีกชื่อว่าเป็นขนมไหว้พระจันทร์แบบนุ่ม ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมแป้งข้าวเจ้าใส่นมสดลงไปเพื่อความชุ่มชื้น แป้งหุ้มใสบางจนแทบจะโปร่งแสงมีรสหวานกลมกล่อมและหอมละมุน ลวดลายบนหน้าขนมคล้ายเยว่ปิงแต่แป้งจะนุ่มหนึบกว่าไม่ต้องออกแรงเคี้ยวมาก จึงเป็นที่ชื่นชอบทั้งในหมู่เด็กๆ สตรี รวมไปถึงคนชรา มีการปรับสูตรใส้ด้านในหลากหลาย ทั้งเผือกกวน เกาลัด ไป๋กั่ว ถั่วกวน ไข่เค็ม หรือแม้แต่ใส้งา หากเป็นขนมบัวหิมะชาเขียวมักจะถูกเรียกว่า <b>ขนมแก้วมรกต</b> ชาวฮั่นนิยมทำทานในวันไหว้พระจันทร์เพื่อทานคู่กับน้ำชาในครอบครัวหรือใช้รับรองแขกสำคัญ จัดเป็นของฝากชั้นเลิศมีราคาแรงเพราะตัวขนมต้องทำสดทานสดมีอายุการเก็บรักษาได้ไม่นานนัก</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">
6
</span></font><img src="https://i.imgur.com/1ma3Kuc.png" width="80" _height="80" border="0"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br></span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">ชากงอวี้ฮวา</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/1ma3Kuc.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><b><font color="#DF002F">'ชาหอมดอกไม้บาน ฤดูกาลล่องลอย เฝ้าคอยหิมะมลาย คล้ายได้พบรอยยิ้มคนไกล'</font></b> ไม่ระบุแน่ชัดถึงที่มาเดิมเป็นการใช้ใบชาผสมผสานกับกลิ่นและรสของดอกไม้ ต่อมาการใช้ฝีมือจัดสรรตกแต่งและบังคับชาให้ออกมาตามใจต้องการคล้ายงานศิลปะที่ได้ชื่นชมขณะดื่มชา สืบเนื่องจากการเอาชามาอบร่วมกับดอกไม้เพื่อเอากลิ่น และถูก <b>โรงเตี้ยมซุ่ยเมิ่งเซียนหลิน<b> แห่งเจียงหลิง พัฒนาคุณภาพให้ปราณีตขึ้นนอกจากกลิ่นแล้วยังได้ความสวยงามอีกด้วย ดอกไม้ที่นิยมนำมาทำชาแบบนี้มีมากมายไม่ต่ำกว่า 40 ชนิด ล้วนนำสรรพคุณตามตำราแพทย์สีแต่ละสีจะเข้าไปบำรุงร่างกายในแต่ละจุด ช่วยบำบัด กำจัด และเสริมสร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและขับพิษ สลายพิษ ความเชื่อพื้นฐานเหล่านี้ได้ถูกพัฒนามาใช้กับการทำชาดอกไม้บาน ใช้ยอดชาสีเขียวที่ยังตูมอยู่นำมามัดรวมกันเป็นฐานแล้วค่อยจัดการเรื่องดอกไม้จะเป็นโม่ลี่ฮวา กุ้ยฮวา บานไม้รุ้โรย หรือดอกไม้ทานได้ชนิดต่างๆ ลักษณะก้อนของชาดอกไม้บานที่ดีตัวก้อนเองจะต้องเป็นรูปร่างสวย ถูกมัดมาแน่น ไม่เปื่อย ยุ่ย เละ แห้งแตกสลาย ใบชาที่ห่อเอาไว้ไม่เหลือง ไม่เปราะ สีชาจะต้องออกเขียวอ่อน พอจะเห็นดอกไม้ที่ถูกหุ้มอยู่ให้สังเกตว่าดอกไม้ชนิดนั้นยังคงสีสันดั้งเดิมของมันเอาไว้ ชาพวกนี้เมื่อถูกน้ำร้อนดอกไม้จะบานออกในถ้วยตามการจัดอย่างงดงาม กลิ่นจะนำมาก่อน หอม สดชื่น ดื่มแล้วปรับสมดุลร่างกายได้ถือเป็นยาอย่างหนึ่ง</span><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><br>
7
</span></font><img src="https://i.imgur.com/h63X6A9.png" width="80" _height="80" border="0"><font size="3" face="Sarabun"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;">
</span></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">สุราดอกท้อ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun">https://i.imgur.com/h63X6A9.png</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-weight: 400; font-style: normal; font-variant: normal; text-decoration: none; vertical-align: baseline; white-space: pre-wrap;"><font size="3" face="Sarabun"><b><font color="#ffc0cb">'สายลมจันทราหวนรสเมรัย หน้าน้ำใสความนัยไม่กระจ่าง หวั่นไหว...เมามายในป่าท้อ'</font></b> ท้อเป็นสัญลักษณ์ ของการมีอายุยืนยาวเกี่ยวข้องกับ การกับการป้องกันสิ่งชั่วร้ายถ้าดอกท้อบานในระหว่างการฉลองวันปีใหม่หมายถึง ปีต่อไปจะเป็นปีของโชคลาภและดอกท้อยังใช้ประดับตกแต่ง ภายในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล ป้องกันสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย ในระหว่างเทศกาลชิงหมิงเป็นช่วงเวลาที่ดอกท้อตูมยังไม่บานให้เก็บดอกท้อมาหมักกับน้ำผึ้งและเหล้าขาว ปรุงด้วยป๋ายจื่อทิ้งไว้ 30 วัน ทุกวันเช้าเย็น ให้ดื่มคราวละนิด ในขณะเดียวกันให้เทเหล้า ลงบนฝามือแล้วใช้มือทั้งสองข้างถู จนกระทั้งรู้สึกว่าฝามือร้อน แล้วถูบริเวณใบหน้า ที่เป็นฝ้า กระดำ และรอยหมองคล้ำกรรมวิธีนี้ นับเป็นการรักษาผิวพรรณที่เห็นผลอีกวิธีหนึ่ง สุราดอกท้อเป็นสุราเพื่อความงาม เนื่องจากมีตำนานเล่าขานถึงนางฟ้าชื่อ ตงซวงเฉิง ตำนานเล่าว่าครอบครัวตงปลูกต้นท้อในป่า มองดูราวกับแดนสวรรค์ วันหนึ่ง ตงซวงเฉิงหมักสุราดอกท้อ สุราสีใส รสชาติกลมกล่อมกลิ่นหอมลอยไกลหลายลี้ ผู้คนต่างน้ำลายสอ ยิ่งได้ลิ้มลองก็ประทับใจไม่รู้ลืม</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; text-align: center; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><br></p><p></p><p dir="ltr" style="line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="white-space-collapse: preserve;"><font color="#000000" face="Sarabun" size="3">
</font></span></p><div style="text-align: center;"><font face="Sarabun"><font size="3"><img src="https://i.imgur.com/NHmTTT5.png" width="499" _height="57" border="0"><br><br></font></font><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="3" face="Sarabun"><b>รวม 7 รายการ</b></font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="3" face="Sarabun">ครบ ชา สุรา ผัด ทอด น้ำแกง ต้ม ขนม ของว่าง</font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="3" face="Sarabun"> สวมวิญญาณแม่ครัวเอกแห่งฮั่นกลับมาทวงบัลลังค์แล้วค่ะ!!</font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="3" face="Sarabun">ชาดอกไม้ไม่ใส่ใบชา มันต้องได้สิ!</font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"></p><span id="docs-internal-guid-6297d57c-7fff-27df-e493-b1fe12b14802"><span style="font-size: 11pt; font-family: Sarabun, sans-serif; color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">
คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี
เอฟเฟคพรสวรรค์ลาภลอย : มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่</span></span><font face="Sarabun"><br></font><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><br></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">@Admin <font size="3" face="Sarabun">
</font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; text-align: -webkit-left; line-height: 1.38;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="3" face="Sarabun"><font color="#000000"> </font></font></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><br></p></div></div></div></div><br><br><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<style>
#Hua01 {
border: 0px solid;
border-radius: 10px;
background-image: url("https://i.imgur.com/BQWz3NC.jpg"); }
#Hua02 {
border: 0px solid;
width: 75%;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-color : #262341;}
#Hua03 {
border: 0px solid;
padding: 0px 50px;
width: 75%;}
#Hua04 {
border: 0px solid;
padding: 30px;
width: 300px;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/meLD9VX.png");}
</style>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">
<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3">
<div id="Hua01" style="">
<div id="Hua02" style="">
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/CvdPuBr.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="margin-top: -300px; text-align: center;"><b style="">
<font color="#ffffff"><img height="300" src="https://i.imgur.com/8tE9Mcr.png" border="0" alt=""></font><br>
<span style="text-shadow: rgb(0, 0, 0) 5px 5px 10px;"><font size="6" style="color: rgb(255, 255, 255);"> ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน</font><br><font size="4" style=""><font color="#ffffff"> วันที่</font><font color="#48d1cc">ยี่สิบเก้า</font><font color="#ffffff"> ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามซื่อ (10.00 น.)</font></font></span></b><br><br>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); margin-top: -300px;">
<div style="height: 378px; background-image: url('https://i.imgur.com/IYOjc3Z.png');
background-position : right top;
background-repeat: no-repeat;"></div></div>
</div><br><br>
<div style="margin-top: -100px;">
<div id="Hua03" style="">
<div align="left" style=""><font color="#ffffff">
</font><font size="5" style="color: rgb(255, 255, 255);"> ด้วยความที่ว่า</font><font color="#ffffff">การทำอาหารนั้นมักจะต้องถวายแด่องค์ไท่โฮ่วซึ่งมีไป๋หรั่นเจี่ยเจียพักอาศัยอยู่เป็นการชั่วคราวตลอดการไต่สวนในครานี้นางที่ไม่ใช่ผู้ชมชอบการทำอาหารหรือขนมมากมายไปนอกจากการหาทำในสิ่งที่นางอยากรับประทานจริง ๆ จำต้องลงแรงเพื่อหาโอกาสสื่อสารแลฝากขนมพวกนี้ให้เจี่ยเจียของนาง
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><i style="color: rgb(255, 255, 255);"> เอาเป็นว่า อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจแหละว่าไป๋หรั่นเจี่ยเจียจะไม่อดตาย
</i><br><br><font color="#ffffff">
เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้ตื่นมาเข้าครัวเสียตั้งแต่กลางยามซื่อนั้นคงการกระทำเช่นเดิมอย่างการเข้ามาแล้วบอกให้ข้าหลวงในห้องเครื่องกระทำในสิ่งที่เหมาะควรของตนเองต่อไปและเรียกเพียงแค่คนสอนคนมาช่วยเหลือตระเตรียมวัตถุดิบที่นางหาไม่เจอบ้างแล้ว
</font><br><br><font color="#ffffff">
วันนี้นางหมายมั่นจะทำ เป็ดปักกิ่ง หลี่โต้วเกา(ขนมโก๋ถั่วเขียว) กุ้ยฮวาเกา(ขนมกุ้ยฮวา) ชิงถวน และ หลงซูถัง(ขนมหนวดมังกร) สิ่งที่เน้นหนักในครานี้จงเป็นน้ำตาลกับแป้งเสียส่วนใหญ่
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “พวกเจ้ามีนามว่ากระไร”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#dda0dd"> “เรียนพระสนม ผู้น้อยมีนามว่า ถิงเอ๋อร์ ส่วนนี่ ไฉเอ๋อร์”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “เช่นนั้นถิงเอ๋อร์ ไฉเอ๋อร์ ช่วยข้าทำขนมหวานที”
<br></font><br><font color="#ffffff">
นางกำนัลทั้งสองเอ่ยขานรับคำจากพระสนมก่อนจะแบ่งสรรหน้าที่ให้เรียบร้อย แป้งถูกชั่งตวงให้เสร็จสรรพสำหรับการทำขนมทั้งหลาย ส่วนเหลียนฮวารับหน้าที่ทำของโปรดอย่างเป็ดปักกิ่งเองมือเรียวบรรจุหั่นวัตถุดิบทั้งหลาย หมักเป็ดให้ได้ที่แล้วนำไปอบ ช่วงเวลานี้เองที่รอทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เดินไปช่วยเหลือถิงเอ๋อร์ปั้นแป้ง ส่วนไฉเอ๋อร์ช่วยกวนไส้ของชิงถวนและหลงซูถัง
</font><br><br><font color="#ffffff">
และส่วนสำคัญที่สุดในวันนี้คือการยืดก้อนน้ำตาลคลุกกับแป้งถั่วให้กลายเป็นเส้นไหมหวาน ๆ ราวกับหนวดมังกร ซึ่ง…
</font><br><br><font color="#ffffff">
ใครทำเก่งก็ทำเสียนางยืนให้กำลังใจก็พอ
</font><br><br><font color="#ffffff">
ใช้เวลาราวชั่วยามได้จึงทำเสร็จสิ้นพอดี ได้ฤกษ์ยกไปถวายแด่ไท่โฮ่วตอนเที่ยงพอดิบพอดี
</font><br><br>
</div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br><br>
<img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""> <br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/E53i28v.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br>https://i.imgur. com/E53i28v.png<br>
ชื่ออาหาร: เป็ดปักกิ่ง<br>
ประเภทอาหาร: อาหาร <br>
รายละเอียดอาหาร:“เป็ดปักกิ่ง” หรือ “เป่ยจิงเค๋ายา (北京烤鸭)” เมนูประจำต้าฮั่นอันยิ่งใหญ่ที่รับประทานในรูปแผ่นหนังเป็ดบางกรอบมาพร้อมแผ่นแป้งบางสำหรับห่อ ตามด้วยซอสหวานและเครื่องเคียงอย่าง ต้นหอม โดยจะใช้เฉพาะส่วนหัวที่เป็นสีขาวนำมาซอยเป็นเส้น คู่กับแตงกวาปอกเปลือกหั่นเป็นแท่ง หนังเป็ดจะต้องแล่ออกเป็นแผ่นบางตอนร้อน ๆ ยิ่งหากลงจากเตาใหม่ ๆ จะช่วยให้แล่ง่ายขึ้นและได้เป็นชิ้นสวยงาม <br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/mw6pk88.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br> https://i.imgur.com/mw6pk88.png <br>
ชื่ออาหาร: หลี่โต้วเกา<br>
ประเภทอาหาร: ขนม <br>
รายละเอียดอาหาร: “ขนมโก๋ถั่วเขียว” หรือ “หลี่โต้วเกา (绿豆糕)” ขนมไหว้พระจันทร์ของชาวต้าฮั่นมาแต่ช้านาน ทำจากถั่วเขียวซีกนึ่งแล้วยีให้ร่วนซุย แล้วใช้แม่พิมพ์อัดให้เป็นก้อนแล้วแกะสลักสวยงามบ้างก็เป็นแป้งล้วน บ้างก็มีไส้ทุเรียนกวอยู่ภายใน<br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/y8N7aMK.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br> https://i.imgur.com/ y8N7aMK.png <br>
ชื่ออาหาร: กุ้ยฮวาเกา<br>
ประเภทอาหาร: ขนม <br>
รายละเอียดอาหาร: “ขนมกุ้ยฮวา” หรือ “กุ้ยฮวาเกา (桂花糕)”เมื่อมีกวีผู้หนึ่งนามว่า หยางเฉิน ฝันว่าได้ไปเยือนดวงจันทร์ ในความฝัน เขาเห็นพระราชวังอันงดงามและต้นกุ้ยฮวาขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นหอมหวาน เขาหยิบมันขึ้นมาและนำมันกลับมาด้วย เป็นแรงบันดาลใจให้ครัวหลวงเกิดคิดอยากทำการรวบรวมดอกกุ้ยฮวาสด นำมันมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย รวมถึงสกัดเป็นน้ำตาล และผสมกับข้าวเหนียวโรยกลีบกุ้ยฮวากลายเป็นขนมหวานแสนหอมหวน<br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/WRNpkY1.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br> https://i.imgur.com/ WRNpkY1.png <br>
ชื่ออาหาร: ชิงถวน<br>
ประเภทอาหาร: ขนม <br>
รายละเอียดอาหาร: “ขนมชิงถวน 青团”
ทำด้วยสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “สู่ชวีเฉ่า” ประกอบกับแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวจ้าว เป็นรูปกลมสีเขียว ใส่ไส้รสชาติต่าง ๆ ปกติจะเป็นไส้งา และถั่วแดง <br><br>
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/rwRr2ol.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"> <br> https://i.imgur .com/rwRr2ol.png <br>
ชื่ออาหาร: หลงซูถัง<br>
ประเภทอาหาร: ขนม <br>
รายละเอียดอาหาร: “ขนมหนวดมังกร” หรือ “หลงซูถัง (龙须糖)” หรือ ขนมไหมฟ้า เส้นแพรไหมทำมาจากน้ำผึ้งกวนกับแป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวโพด, แป้งข้าวเหนียว และข้าวโอ๊ต จากนั้นใช้มือขึงให้เป็นเส้นไหมสีขาวหลายพันเส้น และนำมาคลุกกับไส้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ งาขาว และถั่วลิสง จากนั้นจึงปั้นเป็นก้อนกลมๆ
<br><br><br>+50 บารมี ทำอาหารครับ<br><br>
เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมรักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง</div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br></div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><span id="kM0.6595334184380366">@<span id="kM0.41071724502105633">@Admin </span></span><br><br>
</div>
</div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/hr6FYuR.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
</div>
</div>
</div></font></div>
<style>
#Hua01 {
border: 0px solid;
border-radius: 10px;
background-image: url("https://i.imgur.com/BQWz3NC.jpg"); }
#Hua02 {
border: 0px solid;
width: 75%;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-color : #262341;}
#Hua03 {
border: 0px solid;
padding: 0px 50px;
width: 75%;}
#Hua04 {
border: 0px solid;
padding: 30px;
width: 300px;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/meLD9VX.png");}
</style>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">
<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3">
<div id="Hua01" style="">
<div id="Hua02" style="">
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/CvdPuBr.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="margin-top: -300px; text-align: center;"><b style="">
<font color="#ffffff"><img height="300" src="https://i.imgur.com/8tE9Mcr.png" border="0" alt=""></font><br>
<span style="text-shadow: rgb(0, 0, 0) 5px 5px 10px;"><font size="6" style="color: rgb(255, 255, 255);"> ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน</font><br><font size="4" style=""><font color="#ffffff"> วันที่</font><font color="#48d1cc">สาม</font><font color="#ffffff"> ปาเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ</font><br><font color="#ffffff">ปลายยามอู่ (12.30น.)</font></font></span></b><br><br>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); margin-top: -300px;">
<div style="height: 378px; background-image: url('https://i.imgur.com/IYOjc3Z.png');
background-position : right top;
background-repeat: no-repeat;"></div></div>
</div><br><br>
<div style="margin-top: -100px;">
<div id="Hua03" style="">
<div align="left" style=""><font color="#ffffff">
</font><font size="5" style="color: rgb(255, 255, 255);">ราวกับว่า</font><font color="#ffffff">บัดนี้นางเป็นเจ้าของห้องเครื่องหลวงก็ไม่ปาน เมื่อร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฎขึ้นที่ห้องเครื่องหลว
เป็นสตรียศเสียนอี๋ในอาภรณ์ไหมย้อมสีครามทับอาภรณ์ไหมสีขาวย้อมสีหมึกน้ำเงินเข้ม ปักด้ายสีหมึกและขาวเช่นเดียวกันเป็นลวดลายของใบหลิวงามราวกับจรดลากปลายพู่กันแสนนุ่มนวล ทั้งมวลนี้คลุมทับด้วยเสื้อคลุมไหล่ไหมสีดำโปร่ง ปักปิ่นใบหลิวห้อยระย้าเรียบง่ายและงดงาม นางกำนัลภายในห้องเครื่องที่กำลังพักจากการถวายอาหารไปตามตำหนักต่าง ๆ เสร็จสิ้นพลันลุกขึ้นยอบกายถวายความเคารพแด่นางทันใด
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#c0c0c0"><i> “คาราวะพระสนมเสียนอี๋เพคะ”
</i></font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc">“ลุกขึ้นเถิด อย่ามากพิธี” </font><font color="#ffffff">เว่ยเจียเหลียนฮวายังคงเป็นเช่นเดิมที่เอ่ยบอกผู้คนที่ต้องทำงานให้ทำงานของตน ผู้ใดที่ต้องพักผ่อนก็ไปพัก ก่อนที่นางจะหันไปทางจ้าวหนิงเฟยเพื่อบอกสิ่งที่ต้องการจะทำ </font><font color="#48d1cc">“ข้าอยากทำเป็ดเป่ยจิง แล้วก็ตบท้ายด้วยขนมคอเป็ดจ้าวกู่กูช่วยข้าได้หรือไม่ ?”
<br></font><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#ffc0cb"> “ย่อมได้เพคะพระสนม”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “เช่นนั้นช่วยข้าเตรียมของที”
</font><br><br><font color="#ffffff">
ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าจ้าวกู่กูทดเรื่องที่ต้องเอ่ยเพื่อช่วยเหลือพระสนมปรับตนอย่างเรื่องการใช้สรรพนามแทนตนที่ต้องใช้ให้ชินปากอย่าง ‘เปิ่นกง’ ราวกับย้อนวัยไปครั้นสมัยรับใช้เสียนเฟยรัชกาลก่อน นางก็เป็นเช่นนี้ที่ใจดีกับสาวใช้ทั่วไปจนบางครั้งต้องให้กำชับเรื่องการใช้อำนาจในมือเสียบ้างเห็นทีกับพระสนมเสียนอี๋ผู้นี้นางเองก็คงต้องช่วยเหลือเช่นกันจ้าวหนิงเฟยไม่รอช้า ขยับกายคล่องแคล่วหาข้าวของตระเตรียมให้ผู้เป็นนายหญิงแห่งตน
</font><br><br><font color="#ffffff">
ภาพที่จ้าวกู่กูแลคล่องแคล่วนี้เองทำเอาเว่ยเจียเหลียนฮวารู้สึกประหลาดใจมิใช่น้อยนางนั้นมาเยือนตั้งหลายคราก็ยังคงต้องให้ถิงเอ๋อร์กับไฉเอ๋อร์(ที่บัดนี้นางบอกให้พักไปเสียไม่ต้องมาช่วยงาน)ช่วยหาของทุกครั้งไปร่างของพระสนมขยับไปใกล้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างนึกใคร่รู้
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “จ้าวกู่กูหาข้าวของคล่องแคล่วยิ่งข้ามาตั้งหลายครากว่าจะจำหมด”
</font><br><br><font color="#ffffff">
อาจเป็นเพราะไม่ได้เปิดด้วยตนเองทุกครากระมัง กว่าที่นางจะเปิดจดจำเสียครบทั้งหมดเลยต้องใช้เวลาเสียหน่อยจ้าวกู่กูได้ยินเช่นนี้ก็ขบขันเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดูดรุณีผู้เป็นนายก่นอจะหันมาเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#ffc0cb">“เรียนพระสนม ก่อนที่หม่อมฉันจะเป็นสนมในตำหนักในช่วงแรกที่เข้าวังหม่อมฉันประจำห้องเครื่องเพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc"> “เช่นนี้แล้วเรื่องปากท้องข้าคงต้องฝากจ้าวกู่กูเสียแล้ว”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#ffc0cb">“พระสนมกล่าวเกินจริงแล้วเพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
แล้วพวกนางก็ช่วยเหลือกันในการทำอาหารและขนมทั้งสองอย่างก่อนที่ในระหว่างนั้นเองสตรีผู้ใตร่รู้จะเดินซนไปเปิดเห็นตู้ใบชาสำหรับเจ้าขุนมูลนายเท่านั้นจึงหยิบมาแลดูเผื่อจะมีชาที่เข้าคู่กับขนมคอเป็ด
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc">“ไป๋หาวอิ๋นเจินเก่าเก็บราว ๆ ปี ปีหนึ่งเก็บเกี่ยวได้ไม่ถึงสิบชั่งชาขาวหนึ่งปีเป็นชาสามปีเป็นยาเจ็ดปีเป็นของมีราคา ของดีเช่นนี้หากไม่ใช้งานคงเสียดายแย่”</font><font color="#ffffff"> เหลียนฮวาเอ่ยก่อนจะเดินถือไปหาจ้าวกู่กู </font><font color="#48d1cc">“เจ้าสอนข้าชงชาไป๋หาวอิ๋นเจินได้หรือไม่?”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#ffc0cb"> “ย่อมได้เพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
แล้วบทเรียนการชงชาก็เริ่มขึ้นเริ่มจากการต้ำน้ำร้อน นำใบชาลงแช่ชั่วพริบตาก่อนจะเททิ้งเป็นการล้างใบชาหนึ่งรอบครานี้เทน้ำร้อนใส่ พักไปราว ๆ ไม่ถึงครึ่งเค่อก็รินใส่จอกชาได้ชาขาวหอมนางแอบยกขึ้นจิบลิ้มรสชาก่อนผู้ใดชนิดที่จ้าวกู่กูไม่อาจหักห้ามได้จึงแย้มยิ้มอย่างอ่อนใจ
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#48d1cc">“น้ำชาอ่อนโยนนุ่มนวล รสชาติออกหวานไม่ฝาดขม จิบดื่มแล้วชุ่มคอรู้สึกถึงความเย็นชื่นใจอย่างยิ่ง สมแล้วที่เป็นขอดี” </font><font color="#ffffff">เหลียนฮวาเอ่ยชื่นชมใบชาดี ๆ ก่อนจะหันไปแลเห็นสุราเบญจมาศแล้วก็หยิบไหสุราใบเล็กมา พยักหน้าให้จ้าวกู่กูเพื่อเตรียมไปถวายให้หวงตี้ที่บัดนี้ราว ๆ กลางยามเว่ยแล้วคงกลับตำหนักอ่านราชกิจต่อเป็นแน่ </font><font color="#48d1cc">“ไปกันเถิดจ้าวกู่กู”
</font><br><br><font color="#ffffff">
</font><font color="#ffc0cb"> “เพคะพระสนม”
</font><br><br>
</div>
<div style="text-align: center;"><br><br>
<font color="#ffffff"><span style="width: 75%;"><img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""></span></font> <br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/vHbmqAB.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font> <br><font color="#ffffff"> h ttps://i.imgur.com/vHbmqAB.png </font><br><font color="#ffffff">
ชื่อขนม: ขนมคอเป็ด</font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียด: “ขนมคอเป็ด” หรือ “ขนมยาโป๋ถัง (鴨脖糖)” หนึ่งในขนมมงคลไหว้เจ้าอันหมายถึงความหวานที่เพิ่มพูน ความเจริญงอกงาม มีความสุขตลอดปีตลอดไปเป็นขนมที่ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวนุ่มหวานน้ำตาล โรยงาขาวทั่วรอบนอกและมีไข้เป็นถั่วตัดหวานกรุบกรอบมัน ๆ คล้ายกับคอเป็ด
</font><br><br><font color="#ffffff">
รูปภาพ: <img src="https://i.imgur.com/IoKF2s4.png" border="0" alt="" style="max-width:400px"></font><br><font color="#ffffff"> https://i.imgur.com/IoKF2s4.png</font><br><font color="#ffffff">
ชื่อชา: ชาไป๋หาวอิ๋นเจิน </font><br><font color="#ffffff">
รายละเอียด: “ชาขาวเข็มเงิน” หรือ “ไป๋หาวอิ๋นเจิน (白毫银针)” เป็นชาที่ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงวสันต์ฤดู โดยเก็บเกี่ยวเฉพาะยอดส่วนแหลม นำมาผึ่งลมผึ่งแดดและรมควันก่อนจะจัดเก็บทันทีชาไป๋หาวอิ๋นเจินชั้นดีจะให้กลิ่นหอมสดชื่น ทิ้งรสค้างอวลในปาก มีผลต่อการบรรเทาไข้ ขับไล่ความร้อนและล้างพิษ และนับเป็นยาดีในการรักษาโรคหัด ว่ากันว่าจุดเริ่มต้นของชาไป๋หาวอิ๋นเจินนั้นเริ่มต้นมาจากที่สมัยกาลก่อนมีโณคระบาด หากต้องการสมุนไพรรักษาจำต้องขึ้นเขาอันตรายเพื่อขึ้นไปบนยอดสูงโดยห้ามหันกลับมา เมื่อมีผู้พิชิตขุนเขามังกรคำรามได้ก็นำชาไปช่วยชีวิตผู้คนมากมายและนำเมล็ดมาปลูกกลายเป็นชาไป๋หาวอิ๋นเจินในทุกวันนี้
</font><br><br><br><font color="#ffffff">+ คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง)</font><br><br>
<a href="home.php?mod=space&uid=1" target="_blank" style="color: rgb(255, 255, 255);">@Admin</a>
<br><br><font color="#ffffff">
เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมรักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง</font><br><br>
</div>
</div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url("https://i.imgur.com/hr6FYuR.png"); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
</div>
</div>
</div></font></div>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-16 17:57 <br /><br /><style>
#boxcorecenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>
<style>
#boxR0LE {
width: 600px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>เข้าครัวอีกแล้ว</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">
วันที่ 08 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาเจ็ดนาฬิกาสามสิบนาทีเป็นต้นไป</i></font></font>
<br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;">หากไม่ใช่ลู่เจาอี๋ที่ได้รับการกำชับแกมสั่งมาจากสวามีแล้วจะมีใครอีกที่ดั้นด้นเสียเวลามาห้องเครื่องหลวงตั้งแต่เช้า สิ่งแรกที่นางทำเพื่อเตรียมตัวคือการบอกให้หลี่กู่กูไปตามหัวหน้าเนี่ยมาสอบถามบางเรื่องที่นางควรต้องรู้ <font color="#879B7C">“ พระสนม บ่าวพาท่านหัวหน้าห้องเครื่องหลวงมาแล้วเพคะ ”</font> ผู่เยว่ยอบกายลงในระหว่างที่รายงานต่อนงคราญหยกขาวในชุดครามชาดโดยมีเนี่ยหนานซิงผู้เป็นทำตามอย่างเคร่งคัด
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#8B99B0">
“ การที่พระสนมเสด็จมายังที่แห่งนี้นับว่าเป็นเกียรตินัก มิทราบว่ามีอันใดให้นูปี้รับใช้ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นปรายตามองนางกำนัลใหญ่ที่นางเคยพบเพียงแค่ช่วงแรกของการเข้าวัง แม้จะมีประกาศที่บ่งบอกให้ฝ่ายในขยันหมั่นเพียรฝึกฝนความสามารถด้านการปรุงอาหารเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาท ทว่านางกลับเป็นบุคคลเดียวที่เชี่ยวชาญน้อยที่สุด และน้อยนักที่จะมาเยือนด้วยตนเอง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ วันนี้ฝ่าบาทตรัสว่าทรงอยากเสวยอาหารจากเนื้อกวาง เปิ่นกงเลยอยากทราบว่าเดิมทีสำหรับหลวงเคยจัดอาหารจำพวกเนื้อกวางแบบใดขึ้นถวายบ้าง ”</font> ปลายนิ้วขาวนุ่มจรดลงกับโต๊ะไม้กลางห้องเครื่องที่ยามนี้ผู้คนพากันหลีกทางเพื่อไม่ให้พระสนมเอกต้องไปเบียดเสียดกับผู้ใด
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#8B99B0">
“ หากเป็นอาหารจำพวกเนื้อกวาง.. ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เนี่ยหนานซิงที่อยู่กับรายชื่อสำรับอาหารเข้าออกในทุกวันใช้เวลาคิดไม่นานก็เริ่มร่ายรายการอาหารออกมาผ่านริมฝีปากสีสดที่คาดว่าคงทาชาดหนาไว้หลายชั้น เท่าที่นางฟังผ่าน ๆ ดูเหมือนว่าอาหารจากเนื้อกวางจะมีไม่มากนัก นอกจากเนื้อกวางผัดพริกซวงเจียที่กลับมาเป็นที่สนใจได้เพราะเว่ยเจียเสียนอี๋เป็นผู้นำกลับมาขึ้นถวายเป็นผู้แรก ไป๋หรั่นหลุบตาลงใช้ความคิด เนื้อกวางผัดรสจัดจ้านก็มีแล้ว น้ำแกงเนื้อกวางจืดก็เรียกได้ว่าเป็นรายการพื้นฐาน เนื้อกวางย่างก็ธรรมดาเกินกว่าจะขึ้นโต๊ะเสวยหลัก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เหล่าเนื้อตุ๋นเล่า ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#8B99B0">
“ ช่วงนี้มีเพียงโค่วโร่วเท่านั้นที่นำขึ้นถวายเพคะ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางนึกออกแล้ว ลู่เจาอี๋หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นพลางสั่งการเตรียมวัตถุดิบก่อนเป็นอันดับแรก <font color="#994D7B">“ เปิ่นกงจะทำต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย ฉะนั้นวานหัวหน้าเนี่ยไปคัดเนื้อกวางหั่นชิ้นมาสักจำนวนหนึ่ง ทางที่ดีคัดตรงส่วนที่มีเอ็นติดมาด้วย ที่เหลือไปเตรียมลูกผักชีและรากผักชี พริกไทยดำ ใบกระวาน อบเชย จันทร์แปดกลีบ กระเทียม หอมหัวใหญ่ ก้านขึ้นฉ่าย เห็ดหอม ข่า รากบัวก็เอามาด้วย ทีเหลือก็เอาเป็นเครื่องปรุงพื้นฐาน น้ำตาล เจี้ยงโหยว แล้วก็น้ำสำหรับต้ม อ่า.. หากเป็นไปได้นำใบเตยติดมาด้วยก็ดี ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ส่วนหลี่กู่กู มาช่วยเปิ่นกงผูกผ้ากันเปื้อนเสียก่อน หากอาภรณ์นี้เสียหายคงลำบากกองภูษากันแย่ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหล่านางกำนัลที่ได้รับคำสั่งอันชัดเจนฉะฉานนี้ต่างพากันแยกย้ายไปจัดการตามคำสั่ง ไป๋หรั่นทอดมองหลายกระบวนการที่เป็นระเบียบมากขึ้นหากเทียบกับอดีตที่นางเคยมาเยือนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอียงไปกล่าวกับหลี่ผู่เยว่ที่อยู่ข้างกายเบา ๆ <font color="#994D7B">“ น้องสาวเป็นผู้มีความสามารถจริง ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถปลูกฝังความเคยชินให้แก่พวกนางได้แล้ว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
น้องสาว..? หลี่กู่กูชำเลืองตามองพระสนมเอกที่ยืนเหนือนางไปหนึ่งก้าวก่อนจะหลุบตาลงครุ่นคิด หลังเข้าร่วมกับตำหนักตงเฉิน ผู่เยว่ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายไว้แล้ว คนที่นางสามารถกล่าวเต็มปากว่าเป็นน้องสาวทั้งยังแฝงความชื่นชมไว้อย่างนี้เกรงว่าคงมีเพียงแต่เสียนอี๋แห่งตำหนักเถียนเซี่ยแล้ว <font color="#879B7C">“ เรื่องอย่างนี้บ่าวมองว่าพระสนมเองก็สามารถทำได้เพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก็ถูกของนาง ไป๋หรั่นส่ายศีรษะอย่างขบขันก่อนที่จะเกริ่นเสียงเบา <font color="#994D7B">“ มาเถอะ ทำอาหารวุ่นวายไม่น้อย จากนี้ลำบากเจ้าต้องคอยอดทนช่วยเปิ่นกงแล้ว ”</font> ลู่เจาอี๋ก้าวนำหน้าออกไปก่อนที่นางกำนัลคนสนิทของตนจะได้ตอบเสียอีก นงคราญหยกผู้เปลี่ยนจากคนสูงศักดิ์มาเป็นแม่ครัวผู้หนึ่งสูดหายใจเข้าในขณะที่สองตาพรมลงมองวัตถุดิบตรงหน้า
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ตั้งกระทะ เปิ่นกงจักคั่วเครื่องตุ๋น ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำแรกดังขึ้นเหล่านางกำนัลก็เคลื่อนตาม ทั้งหมดพาลู่เจาอี๋เดินไปที่หน้ากระทะซึ่งมีไฟติดอยู่แล้ว ก่อนที่บางส่วนจะต่อแถวเป็นขบวนคอยส่งเครื่องตุ๋นที่ประกอบไปด้วยลูกผักชี พริกไทยดำ ใบกระวาน และจันทร์แปดกลีบ ลงสู่กระทะร้อน ๆ เพื่อให้สาวงามได้คั่วมันจนขึ้นกลิ่นหอม
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พอกลิ่นหอมเครื่องสมุนไพรจัดว่าได้ที่แล้ว ลู่เจาอี๋ก็ตัดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาและเทใส่ผ้าขาวบางที่ปกติแล้วมีไว้เพื่อกรองน้ำแกง แต่ครั้งนี้นางนำมาใช้เพื่อเป็นถุงเครื่องยาจีนสำหรับใส่ลงไปในหม้อที่รอการเติมเต็ม <font color="#994D7B">“ อบเชยและข่าใส่หม้อใหญ่ไว้ได้เลย ”</font> นงคราญหยกสั่งการพลางปลอกกระเทียมสองหัวใหญ่ ๆ แล้วค่อยหย่อนกระเทียมนั้นใส่ลงหม้อตามด้วยการพยักหน้าให้นางกำนัลอีกส่วนเทวัตถุดิบหลักอย่างเนื้อกวาง รวมไปถึงบริเวณเอ็นของกวางลงไปในหม้อ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นชะโงกหน้าไปดูในหม้อเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หยิบหอมหัวใหญ่ ใบเตย ก้านขึ้นฉ่าย รากผักชี และถุงเครื่องยาจีน <font color="#994D7B">“ เติมน้ำให้ท่วมของที่อยู่ด้านในหม้อด้วยล่ะ ”</font> เหล่านางกำนัลที่รอคำนี้มานานรีบพยักหน้าพร้อมหามน้ำมาเทใส่หม้อก่อนจะช่วยกันเติมถ่านใต้หม้อเพื่อสุมไฟให้แรงขึ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ใครมีเรื่องใดต้องไปจัดการก็ไปเถิด เปิ่นกงจะเฝ้าหม้อเอง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถึงจะไม่อยากถูกมองว่าละเลยหน้าที่การดูแลพระสนมแต่พวกนางต่างก็มีงานสำคัญที่ต้องไปจัดการจริง ๆ เหล่านางกำนัลน้อยมองหน้ากันครั้งแล้วครั้งเล่า ในระหว่างที่ลู่เจาอี๋กำลังง่วนอยู่กับการปรุงรส ยังไม่มีผู้ใดกล้ายื่นเท้าเดินออกไปจนเนี่ยหนานซิงถอนหายใจพร้อมกล่าวเสียงเข้ม <font color="#8B99B0">“ รออะไรเล่า รีบแยกย้ายสิ ! ”</font> หัวหน้าห้องเครื่องหลวงเท้าเอวขมวดคิ้วพลางถลึงตาไล่แต่ละรายออกไปอย่างน่ากลัว กระทั่งคนจางหายไปเป็นส่วนมากแล้วถึงได้หันกลับมาพูดกับพระสนมเอกเสียงเบา <font color="#8B99B0">“ นูปี้ทำให้พระสนมต้องขบขันแล้ว หากขาดเหลือสิ่งใดสามารถเรียกนูปี้ได้ทุกเมื่อเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เนี่ยหนานซิงจากไปแล้ว เหลือแต่นงคราญหยกลู่ไป๋หรั่นและนางกำนัลคนสนิทหลี่ผู่เยว่ที่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ <font color="#879B7C">“ พระสนมถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไรต่อดีเพคะ? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ไม่อยากเกินความสามารถหรอก รอเดือดแล้วตักฟองออกจากนั้นก็คีบถ่านปรับไฟให้อ่อน ”</font> พูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายแต่เมื่อทำจริงก็ไม่ได้ง่ายเลยสักนิด ด้วยไฟที่กำลังแรงเต็มที่รอไม่นานนักผิวน้ำก็เริ่มสั่นจนเดือดเป็นรอยปุด ๆ พร้อมกับขึ้นฟองขาว ไป๋หรั่นใช้กระชอนตักฟองเหล่านั้นออกจนหมด แล้วค่อยก้มลงไปใช้ที่คีบถ่านคีบถ่านก้อนใหญ่ที่ร้อนเสมือนเป็นตัวเร่งไฟนำไปเก็บไว้ที่เตาสำรองเพื่อให้เตาหลักมีแค่ไฟอ่อน ๆ เหมาะแก่การตุ๋นที่ต้องใช้เวลานาน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว รอสักหนึ่งชั่วยามค่อยนำเครื่องสมุนไพรออกแล้วใส่ของเพิ่มก็พอ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไป๋หรั่นนั่งโบกพัดรอไปมาจวบจนเข้าปลายยามเฉิน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เปิ่นกงรู้แล้วว่าตนเองลืมอะไร.. หลี่กู่กู ไปขอเบิกดอกไม้จีนจากหัวหน้าเนี่ยมาจำนวนหนึ่ง เปิ่นกงจะนำมันใส่ลงไปในต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย ”</font> ผู่เยว่รับคำสั่งอย่างว่าง่ายก่อนจะปลีกตัวไปอีกทางทิ้งให้ลู่เจาอี๋ต้องเดินวนหาผ้าหนา ๆ มาจับฝาหม้อให้เปิดออกจนควันหอมตลบฉุยไปทั่วห้อง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มือหนึ่งบางปัดไปมาเพื่อไล่ควันออกจากใบหน้า ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปหยิบกระชอนมาตักถุงเครื่องยาจีนและส่วนประกอบอื่นออกเพื่อไม่ให้ตัวเนื้อติดรสขมของสมุนไพรมากเกินไป และลอบใช้ปลายนิ้วแตะกับกระชอนเพื่อชิมรสชาติว่าสมควรปล่อยทิ้งไว้อีกนานแค่ไหน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ พระสนม บ่าวนำดอกไม้จีนมาแล้วเพคะ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลี่กู่กูเดินกลับมาพร้อมขามหนึ่งชามที่มีดอกไม้จีนแช่อยู่เกือบเต็มชาม <font color="#994D7B">“ เจ้ากรองมันออกจากน้ำแล้วมันมาใส่หม้อเถอะ ”</font> ไม่พูดเปล่า ก่อนที่หลี่กู่กูจะจัดการจนเสร็จไป๋หรั่นก็ใส่รากบัวแล้วจากนั้นค่อยรอผู่เยว่ใส่ดอกไม้จีนลงหม้อแล้วค่อยกดกระชอนคนของในหม้อเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะปิดฝาลง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ รออีกหนึ่งชั่วยาม ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ครั้งนี้พอครบหนึ่งชั่วยาม ไป๋หรั่นเปิดหม้อลงเติมน้ำเพื่อไม่ให้น้ำงวดจนเกินไป แล้วก็รอต่ออีกหนึ่งชั่วยาม
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ชั่วยามที่สามสำหรับการทำอาหารครั้งนี้เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงบ้างแล้ว เพราะเนื้อกวางตอนนี้จะกำลังเปื่อยได้ที่ ไป๋หรั่นจึงต้องตักมันออกมาพักไว้ และแน่นอนว่าพอตักส่วนเนื้อออกมาจนครบ ส่วนที่เหลืออย่างเอ็นกวางนั้น… ก็ต้องปล่อยตุ๋นต่อไป
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ พระสนม.. ที่จริงระหว่างที่รอนี้ไปรอที่อื่นไม่ดีกว่าหรือเพคะ? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ตอนนี้เข้าสู่กลางยามเว่ยแล้ว พวกนางอยู่ในห้องเครื่องมาเกือบสี่ชั่วยามเทียบได้กับเวลาขั้นต่ำของนางกำนัลในรั้ววังเลยเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าที่หลี่กู่กูกล่าวมาย่อมเป็นเพราะห่วงในอาการของลู่เจาอี๋ที่ไม่คุ้นชินกับการตรากตำลำบาก หากสุดท้ายป่วยไข้เพราะเรื่องวันนี้เกรงว่าจะมีโทษข้อหาดูแลนายไม่ดีพอตามมา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ไม่ได้หรอก ต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉายหม้อนี้เปิ่นกงไม่เคยทำมาก่อน แม้แต่คนในห้องเครื่องก็เกรงว่าจะไม่เคยมีใครทำ ฉะนั้นแล้วข้อผิดพลาดใดหากเกิดขึ้น ให้มันตกเป็นชื่อเปิ่นกง ดีกว่านำภาระไปใส่ตัวผู้อื่น ”</font> จะบอกว่านางเมตตาก็คงได้ อีกอย่างทำอาหารนาน ๆ ไปมันก็ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด ลู่เจาอี๋ที่ปรับตัวกับการเป็นคนครัวได้แล้วไม่ทันได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งจับจ้องนางอยู่จากพื้นที่ไกล ๆ โดยอาศัยช่องว่างของหน้าต่างที่เปิดไว้ช่วยให้พอเห็นตัวคน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ นางอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้ว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ราว ๆ สามเกือบสี่ชั่วยามได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อทอดสายตามองดูแผ่นหลังที่ก้มลงเติมถ่านใต้เตาด้วยตนเองแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย<font color="#D4AC0D"> “ กันคนออกไป ”</font> คำสั่งของเขาสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ติดตาม เว้นก็เพียงจางกงกงที่ลอบระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปาก ก่อนจะโค้งลงรับคำสั่งแต่โดยดี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใช้เวลาไม่นานหลังจากนั้น อยู่ ๆ ห้องเครื่องที่ควรคึกคักด้วยเสียงคนก็เริ่มเงียบสนิท ผิดสังเกตจนหลี่กู่กูคิ้วกระตุกไม่พัก <font color="#879B7C">“ บ่าวขอไปดูด้านนอกสักเล็กน้อย หากมีเรื่องใดเร่งด่วนลู่เจาอี๋สามารถเรียกได้ทันทีเพคะ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ไปเถอะ ”</font> การรอตุ๋นน่าเบื่ออยู่บ้าง แม้แต่นางเองยังคิดอยากหลับสักงีบหากไม่ใช่ว่าต้องคอยลุกมาตรวจดูเป็นระยะ หลังจากคำอนุญาตดังขึ้นหลี่ผู่เยว่ก็ก้าวจากออกไป ทิ้งให้นางอยู่ในห้องเครื่องเพียงลำพังไปอีกพักใหญ่จนมีเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินกลับเข้ามา นางที่มองว่าคงถึงเวลาสมควรแล้วก็ออกปากไว้วานโดยไม่หันกลับไปมอง <font color="#994D7B">“ หลี่กู่กู ตอนนี้น่าจะได้ที่แล้ว เจ้าไปหยิบถ้วยเนื้อกวางตุ๋นก่อนหน้านี้มาเร็ว เปิ่นกงจะนำพวกมันมาคนรวมกันอีกครั้งแล้วตุ๋นไฟอ่อนครั้งสุดท้าย ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถ้วยเนื้อกวางตุ๋นถูกยกและยื่นให้เงียบ ๆ ลู่ไป๋หรั่นที่มีหน้าที่ทำอาหารก็รับความเอาใจใส่นั้นเป็นอย่างดี นางเทเนื้อตุ๋นกลับไปรวมกับของในหม้อพร้อมใช้ที่คน คนอีกครั้งสองครั้งพอให้ส่วนประกอบเข้ากันจากนั้นก็ตักน้ำซุปขึ้นมาซดชิมเป็นคำเล็ก ๆ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เฮ้อ ร้อนจริง ๆ ยังดีที่รสชาติไม่เลว หลี่กู่กูไปแจ้งด้านนอกเถิดว่าใกล้พร้อมแล้วอีกไม่นานค่อยส่งคนไปแจ้งฝ่าบาท ”</font> ไป๋หรั่นเคลื่อนฝาเข้าปิดหม้ออีกครั้ง และวางกระชอนไว้ด้านบนฝาพลางปัดสองมือไปมาคล้ายว่าเสร็จสิ้นภารกิจ ทว่าต่อให้จัดการเรื่องวุ่นเหล่านี้เสร็จแล้วก็ยังไร้เสียงตอบกลับของหลี่กู่กูอย่างที่ควรจะเป็น ด้วยความสงสัยและไม่ทันคิด ลู่เจาอี๋หันกายไปตามเสียงลมหายใจจนพบเข้ากับ..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อืม เจิ้นรู้แล้ว หน้าตาไม่เลวเลย ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาท ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เจาอี๋เมื่อเห็นว่าผู้ที่อยู่ข้างตนคือใครก็ผงะถอยหลังจนเกือบชนเข้าไปโถหมักสุรา ดีที่โอรสสวรรค์การตอบสนองฉับไวเอื้อมมือเข้าคว้าเอวนงคราญเอาไว้ได้ทัน <font color="#D4AC0D">“ เดินไปมาตั้งนมนานมิเห็นลนลานเท่านี้ แค่พบหน้าเจิ้นก็ซุ่มซ่ามไปหมด เรื่องนี้น่าประหลาดใจขนาดนั้นเชียว? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์มาเยือนห้องเครื่องมีที่ไหนไม่น่าตกใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ห้องเครื่องหลวงวุ่นวายนัก ฝ่าบาทมิควรเสด็จมาด้วยตัวพระองค์เอง หากอยากทราบความคืบหน้าเหตุใดจึงไม่ส่งคนมาสอบถามเล่าเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางถึงกลับกล้าพูดว่ามิควรมา .. โอรสสวรรค์ปล่อยมือออกจากเอวอรชรพอเหมาะมือนั้นก่อนจะผินหน้ามองรอบกาย <font color="#D4AC0D">“ ไม่เห็นวุ่นวายสักเท่าไหร่ ”</font> คำตอบนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถามจนนางถึงกับต้องขมวดคิ้ว สร้างความขบขันให้แก่ผู้ตอบยิ่งนัก ที่ห้องเครื่องไม่วุ่นวายอย่างที่เคยนั่นย่อมเป็นเพราะเขาสั่งโยกคนออกไปก่อนแล้ว หากให้ต้องมาอยู่ท่ามกลางเสียงดังสะนั่นพร้อมตะโกนสั่งอย่างวุ่นวาย เกรงว่าคงได้ประสาทกินกันพอดี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ที่จริงเจิ้นมาดูเจ้า ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ก่อนที่จะได้เห็นนงคราญหยกอ้าปากสั่งสอนเขาเพิ่มอีกกระบวน หลิวเช่อใช้วาจาสองแง่มาเป็นด่านรับหน้า ครึ่งหนึ่งหากเป็นสตรีช่างฝันคงไม่พ้นมองว่าสามีรักใคร่ห่วงหา แต่อีกครึ่งในฐานะผู้ที่รู้จักกันมา ย่อมมีความหมายว่าเขาอยากเห็นสภาพของคนอย่างนางว่าจะสามารถทำได้แค่ไหนด้วยตาตนเอง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ แล้วเป็นอย่างไรเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ … ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์นิ่งเงียบไป ใช้แค่สายตาสบลงกับเนตรหงส์คู่งามนั้นอย่างซื่อตรง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ พอวางใจได้หากว่าเจ้าหลงไปอยู่ที่ใดก็คงไม่อดตาย ”</font></b>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สุดท้ายแล้วก็เป็นผู้ชายปากแข็งได้โล่จริง ๆ
</font>
<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""> <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<img width="90" src="https://i.imgur.com/zhQL0tZ.png" border="0" alt=""><br>
<b>ชื่ออาหาร :</b> น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน<br>
<b>รูปอาหาร :</b> h ttps://i.imgur.com/zhQL0tZ.png<br>
<b>คำอธิบายอาหาร :</b> <.b><.font color="#C55B4D">‘ ต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉาย • 炖鹿腱精藥材 ’ <.b><.font>หรือน้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน ที่เลือกใช้วัตถุดิบชั้นยอดมากมายเพื่อให้ได้รสชาติเลิศล้ำ เช่นน้ำซุปที่ถูกเคี่ยวจนงวดให้สัมผัสหวานมันละมุนกลมกล่อมเจือกลิ่นเครื่องเทศ จับคู่กับเนื้อกวางเปื่อยนุ่มได้ที่และเอ็นกวางที่เคี้ยวง่ายให้ความรู้สึกไม่เบื่อหน่ายยามที่ลิ้มลอง ไหนจะรากบัวกรุบกรอบ รวมไปถึงดอกไม้จีนตุ๋นช่วยเสริมทัพให้อาหารจานนี้มีทั้งเนื้อและผักโดยไม่เสียรส ซึ่งความพิเศษของต้วนลู่เจี้ยนจิงเย่าฉายไม่ได้มีดีแค่รสชาติ หน้าตาหรือกลิ่นหอมที่ลือสะพัดทั่วเขตแดน แต่ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงไขข้อเอ็นกระดูกพ่วงมาด้วยผิวพรรณและกำลังวังชาของคุณชายทั้งหลาย ทำให้เป็นที่นิยมแม้ว่าจะหาผู้ที่ปรุงมันออกมาได้น้อย เพราะถือว่าเป็นสุดยอดอาหารที่ต้องใช้ความใส่ใจรวมไปถึงความสามารถเป็นอย่างมาก<br><br>
+ 15 บารมี ทำกิจกรรมสนทนาการร่วมกับหวงตี้<br>
( ทีเควสทำขนมยังได้ค่าตบะ นี่มานั่งทำตั้งนานไม่ได้จริงอ๋อ )
</div>
</div>
<br><br>
</font></font></div></div><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<style>
#boxcorecenter {
border: 0px solid #152cd5;
padding: 15px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>
<style>
#boxR0LE {
width: 600px;
border: 0px solid #cbb989;
padding: 35px;
box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>
<div id="boxcorecenter">
<div align="center">
<br><br>
<div id="boxR0LE">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>หวงซานเหมาเฟิงและขนมไร้กังวล</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">วันที่ 13 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>สิบนาฬิกาเป็นต้นไป</i><br></font></font>
</font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">
<p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">“ พระสนม ที่จริงวันนี้เสด็จกลับไปพักก่อนไม่ดีกว่าหรือเพคะ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถึงจะใช้เวลาในเรือนพักกู่กูไม่นานเท่าที่คาดไว้ในทีแรก แต่ก็นับว่าการฝึกนั้นลำบากต่อสาวชาวบ้านผู้ไม่เชี่ยวพิธีการของชาววังอยู่พอสมควร ถงกู่กูเข้มงวดเด็ดขาดรายละเอียดเล็กรายละเอียดน้อยที่เคยปล่อยผ่านครั้งนี้กลับถูกคว้านขึ้นมาตีแผ่ให้เห็นกันชัด ๆ ดังนั้นก็ไม่แปลกหากว่าผู้ที่ได้รับการฝึกสอนจะมีท่าทีเหนื่อยล้าไปบ้าง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าแทนที่จะรีบกลับไปพัก ลู่เจาอี๋กลับตัดสินใจมาที่ห้องเครื่องหลวงเพื่อตระเตรียมของไปถวายแก่ฝ่าบาทโดยที่ก็ไม่มีใครทราบวาแท้จริงแล้วนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#748651">
“ พระสนมลู่เจาอี๋ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เนี่ยหนานซิงเดินมารับหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มเหมือนอย่างทุกครั้ง<font color="#748651"> “ ครั้งนี้พระสนมต้องการปรุงสิ่งใดเพคะ? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เปิ่นกงอยากชงชาหวงซานเหมาเฟิง แล้วก็ทำอู๋โยวเกา (ขนมไร้กังวล) ”</font> นงคราญหยกแย้มยิ้มแช่มช้าพลางพับชายแขนอาภรณ์ขึ้น <font color="#994D7B">“ อีกเดี๋ยวเปิ่นกงจะเก็บตัวพักผ่อน คงเป็นการดีหากว่าสามารถปรนนิบัติฝ่าบาทได้ตั้งแต่ยามนี้ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อันที่จริงนางวางแผนจะออกนอกวังไปทำธุระอีกพักใหญ่ ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ผลีผลามแวะมาหานางกะทันหัน ตัวเองก็ต้องทำในสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำเพื่อให้เขาไม่ใช้วิธีนี้ไปอีกสักพัก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#748651">
“ หวงซานเหมาเฟิงนับเป็นยอดชาเขียวขนานแท้ พระสนมช่างมีรสนิยมนัก ทานคู่กับอู๋โยวเกาหวานมันกำลังดี ต้องออกมาน่าทานยิ่งนักแน่เพคะ .. ทว่าส่วนประกอบของอู๋โยวเกา ”</font> เสียงของหัวหน้าห้องเครื่องแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงหนึ่งส่วนประกอบที่อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดไม่คาดคิดอย่างซานเย่า พืชมีพิษรสชาติคล้ายมันที่หากทำถูกต้องตามวิธีการก็จะสามารถนำมารับประทานได้อย่างปลอดภัย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ อู๋โยวเกานอกจากที่ทำจากซานเย่าแล้ว ยังมีสูตรนอกที่ทำจากแป้งด้วย รสความหนึบมันเอาให้เป็นหน้าที่ของมันสีม่วงนั้นเพียงอย่างเดียวเถิด ”</font> แม้ว่าทุกครั้งเจาอี๋ล้วนจัดการด้วยตนเอง จนมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าไม่มีใครเข้าไปแตะต้อง ทว่าหากเกิดเรื่องร้ายก็เท่ากับนางไม่เหลือทางรอดไว้ให้ตัวเองแม้แต่นิด.. หัวหน้าห้องเครื่องลอบขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงแม้ว่ายามนี้จะได้ตัดส่วนที่น่ากังวลออกไปก่อนแล้วก็ตาม
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#748651">
“ ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้ให้บ่าวอยู่เฝ้าอีกแรงเถิดเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ได้ เอาตามที่ท่านว่า ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลังจากตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย หัวหน้าห้องเครื่องก็สั่งการให้คนนำวัตถุดิบทำขนมไร้กังวลออกมา ซึ่งประกอบไปด้วยแป้งข้าวจ้าว แป้งข้าวเหนียว แป้งสาลี มันม่วง น้ำผึ้ง น้ำนมวัว น้ำตาล และน้ำอีกส่วนหนึ่ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขั้นแรก ลู่เจาอี๋นำมันม่วงมาปลอกและล้างทำความสะอาดจนได้ที่ ก่อนจะหั่นแบ่งเป็นหลาย ๆ ชิ้นและนำเนื้อมันม่วงไปนึ่งในซึ้งไม้ไผ่ที่จุดไฟเตรียมไว้แล้ว ก่อนที่จะหันไปผสมแป้งทั้งสามชนิดเข้าด้วยกันผ่านน้ำ พร้อมเติมน้ำตาลลงไปคลุกคนจนกลายเป็นแป้งเหลวแล้วก็ปิดฝาวางพักเอาไว้พร้อมรอให้มันม่วงในซึ้งได้ที่
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
และเมื่อมันได้ที่พระสนมเอกแห่งตำหนักตงเฉินก็เปิดฝาซึ้งและใช้ผ้าช่วยยกถาดมันนึ่งเหล่านั้นเพื่อนำมาบดให้ได้เนื้อเนียน ระหว่างที่บดนางก็เทน้ำนมวัวและน้ำผึ้งอย่างละนิดที่เตรียมไว้ผสมลงไปกับเนื้อมันเพื่อให้ได้สัมผัสที่ละเอียดนุ่มหนึบหนับ หลังจากผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ไป๋หรั่นก็เทเนื้อมันม่วงที่ผ่านการผสมอย่างดีลงใส่กะทะเพื่อร่อนให้มันจับตัวเป็นก้อนมากขึ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อาศัยแค่ขั้นตอนนี้นางก็ใช้เวลาไปเกือบสองก้านธูปได้ นงคราญหยกพลิกแป้งไปมาจนแขนบาง ๆ เริ่มปวดเมื่อยแต่ก็ยังมุ่งมั่นทำต่อไปจนถึงขั้นที่ยกไส้สีม่วงนี้ขึ้นพัก และนำแป้งเหลวมาร่อนกับกะทะเพื่อที่จะให้มันเป็นแป้งหนาห่อส่วนนอก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทุกขั้นตอนใช้ทั้งเวลารวมไปถึงความใส่ใจ แต่ที่กินแรงและความคิดมากที่สุดก็คือในยามที่แป้งทั้งสองพร้อมแล้ว และนางต้องนำแป้งข้าวมาห่อส่วนไส้สีม่วงให้ทั่ว ก่อนจะนำก้อนกลมเหล่านี้มาปั้นจีบรังสรรให้เป็นรูปดอกไม้บ้าง หรือไม่ก็อักษรมงคลบ้างที่เรียกว่ากินเวลาเป็นอย่างมาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#748651">
“ มิทราบว่าพระสนมเคยทำมาก่อนหรอเพคะ พระองค์ดูชำนาญนัก.. ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หัวหน้าห้องเครื่องสอบถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นสองมือที่ปั้นเสกรูปทรงต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว <font color="#994D7B">“ ถ้าเทียบกันแล้ว เปิ่นกงถนัดทำขนมมากกว่าของคาวเสียอีก.. อู๋โยวเกานี้เป็นขนมที่พี่ชายของเปิ่นกงชอบทานนัก น่าเสียดายที่สามารถหาทานได้แค่บางฤดู ฉะนั้นแล้ว หากช่วงใดที่ไม่มีขายทอดตลาด แต่ยังสามารถหาซื้อส่วนประกอบได้ พี่ชายของเปิ่นกงก็จะซื้อมันกลับจวนมาเสียทุกครั้งเพื่อให้ท่านแม่ทำอู๋โยวเกาให้เขาทาน ”</font> เมื่อพูดถึงความหลัง ความใส่ใจที่มีต่อของบอบบางชิ้นน้อยในมือก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เปิ่นกงได้เรียนรู้วิธีการทำเอาเสียก็ตอนนั้น.. ส่วนชาหวงซานเหมาเฟิงก็เป็นชาที่ท่านพ่อโปรดนัก ”</font> แรงบันดาลใจทั้งหลายทั้งแหลของนาง มักมาจากครอบครัวทั้งหมดทั้งสิ้น สาวงามผุดผาดหัวเราเสียงเบาในยามที่วางขนมอู๋โยวเกาสำเร็จชิ้นสุดท้ายลงกับจาน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เสร็จแล้ว.. ประเดี๋ยวเปิ่นกงขอล้างมือเสียหน่อย แล้วจะชงชาเตรียมตั้งแต่ที่นี้ ”</font> นางตั้งใจนำของเหล่านี้ขึ้นถวายในช่วงที่ฝ่าบาทประทับ ณ ห้องทรงอักษร ฉะนั้นหากไปชักช้าท่ามากอยู่ในนั้นก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ซึ่งโชคดีที่หัวหน้าห้องเครื่องเข้าใจ หลังจากนางล้างมือแล้ว อีกฝ่ายจึงได้เตรียมชุดชงชามาจนเสร็จสรรพ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ด้วยความเคยชิน นางใช้เวลาไม่นานในการชงหวงซานเหมาเฟิงชั้นยอดหนึ่งกา ชาเขียวที่ขึ้นชื่อว่าอยู่ในสิบอันดับยอดชาแห่งแผ่นดินป้านนี้หากผนวกกับฝีมือของผู้เชี่ยวชาญแล้ว หนึ่งกาก็คงประเมินค่าได้ราวร้อยตำลึงทอง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นก้มลงดมกลิ่นชาเขียวหอมสดชื่นเพื่อตรวจสอบคุณภาพเป็นหนสุดท้าย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ทั้งหมดพร้อมแล้ว เปิ่นกงคงต้องขอตัวก่อน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เจาอี๋กดศีรษะให้ค้อมลงร่ำลาผู้คนภายในห้องเครื่องอย่างสุภาพ ก่อนจะเดินนำออกไปโดยมีนางกำนัลคนสนิทถือถาดชาและขนมเดินตามออกมา
</font>
<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""> <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<img width="90" src="https://i.imgur.com/SgGW323.png" border="0" alt=""><br>
<b>ชื่อขนม :</b> ขนมไร้กังวล<br>
<b>รูปขนม :</b> h ttps://i.imgur.com/SgGW323.png<br>
<b>คำอธิบายขนม :</b> <.b><.font color="#D2B4DE">‘ อู๋โยวเกา • 无忧糕 ’ <.b><.font>หรือขนมไร้กังวล รสชาติหวานนุ่มมันหนึบที่ชวนให้ผู้ทานประหลาดใจเมื่อได้ทราบในส่วนประกอบที่เรียบง่าย แต่กลับให้รสชาติลึกล้ำตราตรึงใจนัก ไม่ว่าจะเป็นความหวานมันของน้ำผึ้ง และน้ำนมที่ผสมในไส้ในสีม่วง กับความหนึบเคี้ยวพอเพลินของแป้งขาวด้านนอกที่มีความหวานของน้ำตาลแทรกมาอีกเล็กน้อย และปิดท้ายด้วยการรังสรรตัวขนมออกมาเป็นรูปทรงการปั้นแบบต่าง ๆ ที่ใช้ทั้ังจินตนาการและความสามารถของผู้ปรุง โดยที่แม้ว่าขนมไร้กังวลนี้จะดูใช้ของน้อย ทำได้ง่าย แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในขนมที่มีชื่อเสียงมากและหาได้เพียงไม่กี่ที่ ซึ่งมักเจอในโรงน้ำชาอันดับต้น ๆ ของแต่ละเมืองเท่านั้น จนหลายคนกล่าวว่าขนมไร้กังวลคือของว่างเลิศรสกันตายสำหรับนำออกมากู้สถานการณ์ทางการเงินของโรงเตี๊ยมหรือไม่ก็โรงน้ำชานั้น ๆ <br><br>
<img width="90" src="https://i.imgur.com/w73Eill.png" border="0" alt=""><br>
<b>ชื่อชา :</b> ชาหวงซานเหมาเฟิง<br>
<b>รูปชา :</b> h ttps://i.imgur.com/w73Eill.png<br>
<b>คำอธิบายชา :</b> <.b><.font color="#51867A">‘ หวงซานเหมาเฟิง • 黄山毛峰 ’ <.b><.font>หรือชายอดขนแห่งหวงซาน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิบทำเนียบยอดชาแห่งแผ่นดิน โดยหวงซานเหมาเฟิงจัดว่าเป็นชาเขียวชั้นเลิศที่กำเนิดในมณฑลอานฮุย ภูเขาหวงซาน ซึ่งเหมาเฟิงนี้เมื่อชงแล้วจะมีไอน้ำค้างคายตัวออกมามาก กลิ่นเขียวสดของชาแรกให้ความรู้สึกสดชื่นพร้อมเปลี่ยนตัวน้ำให้เป็นสีเขียวอมเหลืองใสสวยงาม ทว่าต่อให้ใบชาคืนตัวแล้วก็จะยังเห็นถึงความสดของใบชาประหนึ่งค้างยอดอยู่บนต้น โดยให้รสสัมผัสหวานหอมละมุนนุ่มนวล กลิ่นหอมคล้ายกล้วยไม้จาง ๆ รสชาติชุ่มชื่นชุ่มคอชื่นใจ ทำให้ผ่อนคลาย โดยชาชนิดนี้มีตำนานเล่าขานว่ากันว่า แต่ก่อนพื้นที่ในแถบภูเขาหวงซานนี้มีหมู่บ้า่นเล็ก ๆ หมู่บ้านหนึ่งซึ่งได้ทำอาชีพค้าใบชาปลูกต้นชามาเนิ่นนานหลายร้อยปีก็ทำกันอยู่อย่างนั้นชื่อว่าหมู่บ้านเซี่ย (谢) ชาวหมู่บ้านนี้ก็ทำใบชาเอาไว้เดินออกไปร่อนเร่ขายส่งขึ้นไปทางเหนือ อยู่มาวันหนึ่งที่ตีนเขาหวงซานมีขุนนางผู้ตรวจการ 8 มณฑลเขตเจียงหนานท่านหนึ่งชื่อ ไคหยวน แต่งตัวเป็นบัณฑิตออกท่องเที่ยวเพื่อหาความสำราญ พอเดินขึ้นมาถึงเขาหวงซานเกิดหลงทางบังเอิญพบพระภิกษุชรารูปหนึ่งเดินแบกไม้ไผ่ลงจากเขาสวนทางมาจึงได้เข้าไปถามทางด้วยภิกษุนั้น พระรูปนั้นก็ว่าหนทางข้างหน้าท่านจะขึ้นเขาไปนั้นมืดแล้วเดินทางลำบากประกอบกับทานไม่รู้จักเส้นทางดังนี้พรุ่งนี้อาตมาภาพจะนำทางท่านขึ้นเขาไป วันนี้ขอท่านเข้าไปพักที่วัดที่อาตมาภาพพำนักก่อนคืนหนึ่ง ไคหยวนได้ยินเช่นนั้นก็ว่าดีนักจึงติดตามภิกษุชรารูปนั้นไป เมื่อเข้าไปถึงที่วัดก็ได้พักในเรือนรับรองกลางสวนสงบของวัด วัดนั้นชำรุดทรุดโทรมมาก มีภิกษุชรานั้นอาศัยอยู่รูปเดียว เมื่อไคหยวนปัดกวาห้องหับแล้วจากนั้นภิกษุชราจึงได้นำถาดชาเข้ามาชงชารับรอง ใบชาที่นำมานั้นไคหยวนสังเกตว่าเรียวงามสีเขียวเหมือนยกเนื้อดีมีสีเหลืองแกมตรงแกน ทั้งยังมีประกายเป็นสีทองยามต้องแสง ปกคลุมด้วยขนชาขาวตลอดทั่วใบ เมื่อชงชาแล้วใบคลี่ออกขับกลิ่นชาฟุ้งกระจายตลบไป ไคหยวนจึงได้เรียนถามภิกษุชรานั้นว่า ท่านขอรับนี้เป็นชาอันใด ภิกษุนั้นก็ได้ตอบว่าชานี้เป็นชาจากยอดเขาหวงซานซึ่งมีชื่อเรียกตกทอดกันมาจากรูปร่างของใบชานี้ที่มีขนอ่อนสีขาวคลุมอยู่เต็มเสมือนหนึ่งยอดเขาที่มีหิมะคลุมขาวสล้างนี้ว่าเหมาเฟิง (ยอดขน) ชานี้จึงเรียกกันว่าหวงซานเหมาเฟิง ไคหยวนเห็นด้วยว่าชานี้นั้นลักษณะตรงกับที่บรรยายมาจริงอีกทั้งยังวิเศษกว่าชาอื่นที่เขาเคยได้ลิ้มรสมา เนื่องด้วยเหมาเฟิงตัวนี้เมื่อแรกชิมเข้าไปก็ได้รู้สึกชุ่มคอชื่นใจไม่รู้รสกลิ่นแต่จอกต่อมาเมื่อใบชาบานกระจายขับรสขับกลิ่นออกเต็มที่จะได้กลิ่นเหมือนดอกบัวขาวพิสุทธิ์ใสท่ามกลางบึงหยกโบราณอันตระการเช่นนั้น จากนั้นรุ่งขึ้นไคหยวนก็เดินขึ้นหวงซานออกชื่นชมธรรมชาติต่อไป จนกลับเข้าเมืองหลวง ไคหยวนได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้ถวายรายงานตามที่ได้ไปตรวจราชการยังมณฑลต่าง ๆ ขณะนั้นฮ่องเต้พระราชทานพระสุธารสให้ไคหยวนจอกหนึ่งเพราะเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแก่การทำราชการของไคหยวน เมื่อไคหยวนจิบแล้วก็รำลึกถึงหวงซานเหมาเฟิงที่ได้ดื่มในวัดแห่งนั้น จึงได้กราบทูลฮ่องเต้ว่าในขณะที่ตรวจราชการนั้นหม่อมฉันได้เดินทางไปยังเขาหวงซาน ณ ที่นั้นมียอดชาชั้นเลิศแห่งแผ่นดินอยู่ขอพระองค์ทรงส่งคนออกสืบหาเถิดพะย่ะค่ะ แล้วก็บรรยายถึงพระภิกษุรูปหนึ่งที่ได้เจอครั้งนั้น ฮ่องเต้จึงไำด้ส่งคนไปเชิญพระภิกษุนั้นเข้าวังชงพระสุธารสชาถวาย ไม่นานพระภิกษุรูปนั้นก็นำใบชาและน้ำจากยอดเขาที่ตักใช้ทุกวันติดตัวมาด้วยเพื่อมาชงชาถวายฮ่องเต้ ฮ่องเต้ชิมชานั้นแล้วทรงโปรดมากจึงได้พระราชทานเงินซ่อมแซมวัดที่เขาหวงซานนั้นให้ใหม่ และได้ทรงโปรดให้ชาหวงซานเหมาเฟิงเป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังทุกปี<br><br>
<img width="90" src="https://i.imgur.com/uadHwC4.png" border="0" alt=""><br>
<b>แถมรูปใบชา :</b> ใบชาหวงซานเหมาเฟิง<br>
<b>รูปใบชา :</b> h ttps://i.imgur.com/uadHwC4.png<br>
<b>คำอธิบายชา :</b> ยอดชาจากต้นชาในหุบเขาที่ผลิยอดแรกหลังเทศกาลเช็งเม้ง คัดเอาแต่ยอดสมบูรณ์ อวบ มัน คั่วด้วยมือจนใบแก่ด้านนอกสุดม้วนพับเข้าคลุมยอดใบอ่อนทำให้เก็บความสดชื่นเอาไว้ภายในใบชานี้ ใบชาเรียวยาวแหลมม้วนสีเขียวอมเหลืองและมีขนอ่อนสีขาวปกคลุมทั่วไป<br><br>
ถ้าคำบรรยายชายาวไปบอกนะคะ
<br>
</div>
</div>
<br><br>
</font></font></div></div><br><br></div><br><br>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>
<div align="center" style="list-style-type: none;">
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chakra Petch'); Chakra Petch {font-family: 'Chakra Petch';}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap'); Charmonman {font-family: 'Charmonman';}
</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Ma+Shan+Zheng&display=swap'); Ma Shan Zheng {font-family: 'Ma Shan Zheng';}
</style>
<style>
@import url('https://fonts.googleapis.com/css2?family=KoHo:ital,wght@0,200;0,300;0,400;0,500;0,600;0,700;1,200;1,300;1,400;1,500;1,600;1,700&display=swap'); KoHo {font-family: 'KoHo';}
</style>
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}
img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}
img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style>
<style>
#boxhuan01 {
width: 900px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 5px;
box-shadow: 1px pink;
background-image: url("https://imgur.com/wknEdxk.jpg");}
</style>
<style>
#boxhuan02 {
width: 650px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 40px;
box-shadow: 0px 0px 0em;
background-image: url("https://imgur.com/bXV59dD.jpeg");}
</style>
<div id="boxhuan01">
<br><br>
<div id="boxhuan02">
<center>
</center>
<img width="500" _height="500" src="https://i.imgur.com/7grM4yF.jpeg" border="0" alt=""><br>
<br>
<font face="Ma Shan Zheng"><font size="10">
<center>
<b>
CHAPTER 24.2</b></center></font></font>
<center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong><br></strong></font></font></center><center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>
วันที่สิบเจ็ดเดือนแปดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ<br>
วันเสาร์ ช่วงเวลาบ่ายโมงตรง</strong></font></font></center><div align="left"><font face="Koho"><font size="3"><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">การปรนนิบัติฝ่าบาทเป็นเรื่องสำคัญ จำนวนข้ารับใช้ก็มีไม่น้อย เหตุไฉนไท่โฮ่วจึงมีพระประสงค์ให้นาง ‘ลงมือ’ ด้วยตนเอง? หลงเยวี่ยขมวดคิ้ว…การต้องลงมือด้วยตนเองทำให้หญิงที่มิได้มีฝีมือเข้าครัวประณีตประหนึ่งพ่อครัวชั้นหนึ่งจะต้องขายหน้า อีกอย่างอาหารแต่ละชนิดมีรสชาติและคุณสมบัติทางยาแตกต่างกัน หากไม่รู้และจำคู่ไม่ดี ทำให้พระวรกายอันล้ำค่าของฝ่าบาทระคายเคือง ยากจะรักษาชีวิตไว้ได้</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>ดังนั้นนางย่อมไม่กล้าให้ผิดพลาดสักกระบวน</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><font color="#ff8c00"><span style="white-space:pre"> </span>“ไล่ออกไปให้หมด มีเพียงถงกูกู่กับข้าก็พอแล้ว” </font></span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ถงรั่วหลันอมยิ้มบางๆ เอ่ยหว่านล้อม<font color="#ff00ff"> “มังกรหรือจะสู้งูดินเจ้าถิ่น อย่างน้อยก็ควรจะให้แม่นางเนี่ยอยู่คอยรับใช้ นางเป็นหัวหน้าฝ่ายต้นเครื่องหญิง สำรับที่นางปรุงฝ่าบาทโปรดปรานอย่างยิ่งเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff8c00">“จัดการตามที่ถงกูกู่เห็นสมควรเถิด”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ห้องแรกที่หลงเยวี่ยถูกพาไป เรียกว่า<b> “ห้องชา” </b>การเสวยชาเป็นวัฒนธรรมอันรุ่มรวยแสดงออกถึงศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่งของราชวงศ์ เมื่อการดื่มชาแพร่หลายและมีพิธีรีตองมากขึ้น ห้องชาก็ถูกแยกออกมาจากห้องเครื่องต้น สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะการเก็บรักษาใบชาชั้นดีเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนยิ่งนัก</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ในห้องชาเพรียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ชงชาหลากชนิด หลงเยวี่ยเดิมทีมีหน้าที่เพียงรินชาและยกถ้วยให้ท่านย่า ไท่โฮ่ว และฝ่าบาท เมื่อมีสิ่งของหน้าตาพิสดารมากมายเช่นนี้วางเรียงรายต่อหน้าก็รู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางบ้าง</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ถงรั่วหลันยื่นสองนิ้วชี้ลงที่กล่องชาซึ่งเป็นผอบทองสลักลายอย่างงดงาม เอ่ยแนะนำ “การชงชาที่ดีการเข้าใจใบชาที่เป็นวัตถุดิบหลักเป็นเรื่องที่ควรถ่องแท้ ตัวชาในสมัยนี้นิยมแบ่งประเภทตามระดับการหมัก รวมแล้วมีหกประเภท”</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">จี๋รุ่ยที่ติดตามมาเป็นลูกมือของถงกูกู่ ให้นำชาในผอบทั้งหก วางลงในถ้วยเพียงเล็กน้อย</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“ชาชนิดแรก ทางด้านนี้เรียกว่า ลวี่ฉา (ชาเขียว) คือ ชาที่ไม่ผ่านการหมัก เพียบอบด้วยไอร้อนและคั่วก็ใช้ได้แล้ว ใบชาแห้งจึงมีสีเขียวอยู่มาก” </font>ถงรั่วหลันเอื้อมมือหยิบกาน้ำที่ร้อนแล้วรินลงไป ควันบางเบาพวยพุ่งขึ้นมาพร้อมกลิ่นชาใหม่ นางชี้ให้หลงเยวี่ยสังเกตสีน้ำ <font color="#ff00ff">“น้ำชาชนิดนี้จะมีสีเขียวถึงสีเขียวอมเหลือง มีคุณสมบัติช่วยให้อ่อนวัยและกำจัดสารพิษในร่างกายเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“เพียงแต่มีข้อเสียอยู่ว่าดื่มมากไม่ดี และไม่เหมาะกับผู้ที่มีม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ถงรั่วหลันอธิบายถึง ไป๋ฉา (ชาขาว) : ชาที่ผ่านการหมักอย่างประณีต, หวงฉา (ชาเหลือง) : ชาที่หมักอย่างอ่อน, ชิงฉา (ชาอู่หลง) : ชากึ่งหมัก, หงฉา (ชาแดง) : ชาที่ผ่านการหมักอย่างสมบูรณ์ และเฮยฉา (ชาดำ) ชาที่หลังการหมัก</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ชาจะแบ่งประเภทตามสีของน้ำชาที่ได้ การจัดประเภทจำพวกนี้ยังไม่รวมถึงชาดอกไม้อื่นๆ ชาเขียวที่ยังไม่ผ่านการหมักแม้จะมีประโยชน์มาก แต่บางประเภทก็ถือเป็นชาระดับล่าง ในจวนของนางมักจะดื่มหลังการฝึกยุทธ์เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หากแต่ยอดชายังคงต้องยกให้เป็นของชาแดงและชาดำ</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ทว่าการแบ่งเฉพาะสีนั้นยังหยาบเกินไป ลักษณะของยอดของใบชาที่เก็บก็สำคัญไม่แพ้กัน ชาที่ถูกจัดมาเป็นของบรรณาการในวังต้องห้ามจะมีทั้งยอดชาเฉพาะสองใบบน สามใบบน และใต้ใบที่สี</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">ชาระดับชั้นเลิศที่คัดเฉพาะสองใบบนนั้น สงวนไว้ให้เชื้อพระวงศ์ระดับสูง ส่วนข้าทาสบริวารโดยมากมักจะดื่มใบชาชั้นต่ำ สกุลของหลงเยวี่ยแม้จะไม่พิถีพิถันส่วนมากก็ดื่มเฉพาะชาชั้นดี….</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“ชนิดนี้คือชาแดง เรียกว่า เจิ้งซานเสียวจ่งมีต้นกำเนิดจากมณฑลฝูเจี้ยน นับเป็นต้นกำเนิดของชาแดงมีประวัติศาสตร์ยาวนานยิ่งเพคะ อันดับต่อมาคือ ฉีเหมินหงฉา จากมณฑลอานฮุย นับเป็นชาชั้นเลิศชนิดหนึ่ง มีกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งและผลไม้สด อาจมีกลิ่นอบรำด้วยสนและใบไม้หอมอยู่ด้วยเพคะ ส่วนทางด้านนี้…”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“ทางด้านนี้คืออชาจินจวิ้นเหมย : คิ้วอาชาทอง เป็นใบชาเกิดใหม่ที่ได้รับการพัฒนาดัดแปลงมาจากชาเจิ้งซานเสียวจ่ง นายหญิงน้อยลงดื่มเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">เมื่อลองจิบดูกลิ่นหอมหวานประหนึ่งดอกไม้และน้ำผึ้งหวานก็อบอวลไปทั่วปาก กลั่นออกมาเป็นความชุ่มฉ่ำและหอมละมุน เปรี้ยวอมหวาน เป็นรสชาติที่ละมุนละไมยากหาใดเปรียบ</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“นอกจากจะเลิศรสแล้วยังสามารถขับอาการหนาวเย็น ไล่ความชื้นในร่างกาย และแก้ร้อนในด้วยเพคะ”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“สำหรับผู้ที่กระเพาะอาหารและร่างกายอ่อนแอ อย่างไรชาแดงและชาดำก็ยอดเยี่ยมที่สุด…”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff8c00">“อืม…” </font>หลงเยวี่ยพยักหน้า <font color="#ff8c00">“การชงชาช่างวุ่นวายนัก”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“เพคะ” </font>ถงรั่วหลันรับคำ <font color="#ff00ff">“พิธีและขั้นตอนแสดงถึงความประณีตรุ่งเรือง สื่อถึงใจที่พิถีพิถันและทุ่มเท เป็นสุนทรียศาสตร์ประการหนึ่ง”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff00ff">“สำหรับการชงชาจะต้องพิจารณาถึง ปริมาณใบชา อุณหภูมิน้ำ เวลาในการชง และกาน้ำชา หม่อมฉันจะสอนวิธีการดูไฟและความร้อนนะเพคะ…”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>รูปภาพ: </b>https://i.imgur.com/V3kABbx.jpeg</p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>ชื่อชา: </b>ชาจินจวิ้นเหมย</p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>รายละเอียด: </b>จินจวิ้นเหมยฉา : ชาขนคิ้วอาชาทอง ยอดชาแดงชนิดใหม่ที่เกิดจากการหมักใบชากับน้ำผึ้งป่าและดอกไม้ จนมีกลิ่นหอมหวานอบอวลของผืนป่า แฝงความรู้สึกสดชื่นละมุนละไมของทิวทัศน์ยามแรกอรุณ ชานี้จะใช้ใบชั้นเลิศที่ปลูกบนที่สูงท่ามกลางลมหิมะและหยาดน้ำค้างจนใบเรียวงามสูงสง่างดงามประหนึ่งขนคิ้วของอาชา ตัวใบติดสีอมแดงเล็กน้อยงดงามยิ่ง เมื่อชงชาแล้วจะได้น้ำชาสีแดงเข้มมันวาวระคนสีทองอร่ามระยิบระยับราวกับแสงอาทิตย์แรกสาดต้องผิวทะเลสาบ ประหนึ่งไหทองคำนับพันเรียงรายบนผิวชา รสเปรี้ยวอมหวาน ไม่ฝาด ไม่เลี่ยน และไม่ขม รสชาติน่าหลงใหลประดุจโฉมสะคราญวัยแย้มบาน สรรพคุณทางยาคือป้องกันพิษหนาวเย็นในร่างกาย ขับไล่ความชื้น สลายพิษ ขับน้ำ และรักษาอาการร้อนใน</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">*ข้อมูลที่ระบุที่เท็จปนจริง ชาบางชนิดที่กล่าวถึงในประวัติศาสตร์ฮั่นจริงๆ ยังไม่เกิดขอรับ*</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">—-</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>ในบรรดาชาทั้งหมดที่ถงกูกู่เพียรพยายามชี้แนะทีละจุดอย่างอดทน หลงเยวี่ยปรุงชาแดงจินจวิ้นเหมยได้รสชาติดีที่สุด ฝึกฝนอีกหลายชาม ถ้วยชาแตกอยู่หลายใบ ถงรั่วหลันถึงพยักหน้าพูดอย่างเพิ่งใจว่า “ใช้ได้แล้ว” และเนี่ยหนานซิงยังเอ่ยปลอบอย่างเมตตาว่า “รสชาติเป็นเรื่องรอง น้ำใจของนายหญิงน้อยต่างหากที่ฝ่าบาทใส่พระทัยที่สุด” ฟังดูแล้วคำว่า ‘ใช้ได้’ ของถงกูกู่คงจะผ่านมาตรฐานของแม่ครัวเนี่ยเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด…</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>เมื่อกล่าวถึงฤดูหนาวจะขาดสามสหายอย่าง ต้นไผ่ ต้นเหมย และต้นสนไม่ได้ หลงเยวี่ยย่อมนึกถึงของกินเล่นอย่าง<b> “ขนมดอกเหมย”</b> ทว่าปลายฤดูร้อนเฉกเช่นยามนี้ดอกเหมยยังไม่บาน จึงขาดดอกเหมยที่เป็นวัตถุดิบสำคัญไป เนี่ยหวายชิงคิดสักครู่ก็แนะนำอย่างผู้ประสบการณ์ว่า <font color="#2e8b57">“ไยพระสนมไม่ทำขนมดอกบัวแทนเล่า ที่ทะเลสาบมีดอกบัวมากมาย สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการทำขนมได้”</font></span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>หลงเยวี่ยปรายมองแววตามีแววครุ่นคิด เมื่อนึกถึงขนมดอกบัวแดงที่ราวกับเบ่งบานบนผืนน้ำ นางก็พยักหน้า <font color="#ff8c00">“แม่ครัวเนี่ยคิดได้ดี…ข้าจะทำขนมดอกบัว”</font></span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>หลงเยวี่ยเคยเป็นลูกมือทำขนมชิ้นนี้เพียงสองถึงสามครั้ง สมัยที่ท่านแม่ยังคงปรกติ นางจำวิธีได้ไม่มากยังต้องขอรบกวนให้แม่นางเนี่ยช่วยชี้แนะ เนี่ยหวายซิงชำนาญเรื่องอาหารคาวหวาน จึงบอกให้คนครัวไปเตรียมวัตถุดิบสำคัญอย่างดอกบัวมาให้มาก เพื่อใช้เป็นสีหลักในการทำขนม</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>วิธีการทำขนมความจริงมิได้ซับซ้อนมาก เมื่อเทียบกับรูปโฉมที่งดงาม</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>ในขั้นแรกจะใช้ถั่วแดง, ถั่วเหลือง หรืออื่นๆ มากวนสำหรับทำเป็นใส้ เคี่ยวถั่วจนเนื้อเปื่อยยุ่ยเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสให้หวานและมันด้วยน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย เมื่อเนื้อข้นก็ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วค่อยปั้นเป็นลูกกลมๆ ขนาดพอดีคำ</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>ต่อมาเป็นการเตรียมเนื้อแป้งห่อใส่ คือการนวดแป้งกับน้ำและมันหมู นวดจนเนียนแล้วพักไว้ ก่อนจะนำไปห่อใส่ถั่วกวนที่ทำทิ้งไว้ในขั้นตอนแรก และเตรียมแป้งทำกลีบบัว ในขั้นตอนนี้จะนวดแป้งกับไขมันหมูเท่านั้น เมื่อนวดจนได้ที่แล้วค่อยใส่กลีบบัวลงไปเพื่อให้มีสีแดงสดสวยน่ารับประทาน แล้วนำแป้งกลีบบัวมาแผ่คลึงให้เป็นแผ่นบาง โรยแป้งและพับทับกันสลับกับคลึง จนแป้งด้านในโปร่งมีหลายชั้น สุดท้ายนำแป้งที่พับทบจนได้ที่มาห่อใส่ ซ่อนปมไว้ด้านหลัง ใช้มีดกรีดลงให้ลึกที่สุดโดยไม่กระทบไส้ด้านใน จากนั้นน้ำไปทอดไฟกลาง</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>แป้งกลีบบัวจะค่อยๆ เปิดออก แผ่ขยายราวกับบัวบานสะพรั่งกลางทะเลสาบ สีแดงจากดอกบัวจะต้องไม่กลายเป็นสีน้ำตาลแก่จึงจะสามารถใช้ได้</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><span style="white-space:pre"> </span>เมื่อเสร็จแล้วก็ตั้งสำรับเตรียมยกไปที่ตำหนักเว่ยหยาง</span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><span style="white-space: normal;"><br></span></p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>รูปภาพ: </b>https://i.imgur.com/CzrFup7.png</p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>ชื่อชา: </b>ขนมดอกบัวบาน</p><p style="text-indent: 3.5em;"><b>รายละเอียด: </b>เหอฮวาซู : ขนมดอกบัวบาน เมื่อกล่าวถึงฤดูร้อนย่อมต้องนึกถึงทะเลสาบที่มีบัวบานสะพรั่ง เหอฮวาซูถือกำเนิดมาจากวิวทิวทัศน์อันงดงามเช่นนั้น ต้นกำเนิดของขนมชนิดนี้อยู่ทางหางโจว มีรสชาติหอม หวาน ผสานกับความมันกรุบกรอบ เดิมที่เป็นดอกบัวตูมเมื่อนำมาทอดจึงค่อยๆ คลี่บานทีละชั้น นับเป็นของว่างดั้งเดิมที่มีรูปลักษณ์ที่หรูหราสง่างาม</p><center><img width="500" _height="500" src="https://i.pinimg.com/564x/96/4c/4a/964c4af1dac58bc592c2e48f8ecfa1d3.jpg" border="0" alt=""></center>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">ดำเนินเควสต์ชงชาต้อนรับเหมันต์ฮะ <span id="kM0.22571582654286027"></span><a href="https://han.mooorp.com/?1" style="font-family: "Microsoft Yahei", Simsun; font-size: 12px;">@<span id="kM0.08813608328916245">@Admin </span></a></p></font></font></div>
</div>
<br>
<br></div></div>
หน้า:
[1]
2