[The Earth] โลกดั้งเดิม 2024

[คัดลอกลิงก์]

โลกดั้งเดิม





โลกดั้งเดิม เป็นโลกที่คุณเคยอยู่อาศัยก่อนชีวิตคุณจะตาย
โดยโลกดั้งเดิมอยู่ในช่วงปีปัจจุบันตามเวลาโลกจริง
และคุณสามารถเลือกกำหนดสถานที่ ประเทศที่จะตายได้อย่างอิสระภายในที่นี่




18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9961
ความชั่ว
721
ความโหด
5118
โพสต์ 2024-7-7 21:00:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-7 21:11






ปฐมบทการถือกำเนิด

รสาเคยคาดหวังว่าเธอจะประสบความสำเร็จ

แต่ความสำเร็จบนโลกนี้ไหนเลยจะง่ายปานนั้น

เรวรินณ์ ทรัพย์ปรีดา หรือ ‘ รสา ’ นักศึกษาจบใหม่จากคณะจิตวิทยามีชื่อของมหาวิทยาลัยดังที่โยนตัวเองเข้าสู่สมรภูมิการทำงานด้วยการเริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้ดูแลภาพลักษณ์ศิลปินในค่ายนักร้องนักแสดงแห่งหนึ่งพ่วงด้วยการเป็นจิตแพทย์จำเป็นสำหรับปรับพื้นฐานจิตใจให้กับคนในที่ทำงานจนเรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่ไฟแรงที่ทำงานเกินค่าจ้างไปมาก เดิมทีไม่เคยมีใครคาดหวังกับน้องใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานอย่างรสา พวกเขาต่างก็นึกว่าตำแหน่งหน้าที่การงานนี้เธอได้มาจากการใช้หน้าตาที่โดดเด่น แต่ใครมันจะไปรู้ ว่าสาวน้อยที่พวกเขาเรียกกันว่าเด็กเส้น จะกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน

“ ล่าสุดพี่เมเน GE0LOUD บอกว่าเรเจฟมีปัญหา รสาหนูไปเช็คให้พี่หน่อย ช่วงนี้น้องกำลังดัง ถ้ามีเรื่องขึ้นมามันจะพาลเดือดร้อนกันไปทั้งวง ”

เสียงกำชับของหัวหน้าทีมเรียกให้รสาเงยหน้าขึ้นจากจอคอมที่ยังเผยให้เห็นข้อความของสแปมอีเมลฉบับหนึ่ง อีเมลที่บอกว่าเธอกำลังจะเสียชีวิตในอีกไม่นาน ความคิดในหัวเริ่มที่จะแล่นอย่างเร็วจี๋เพื่อตรวจสอบว่าใครคือ เรเจฟ วง GE0LOUD จนกระทั่งนึกออก เหมือนว่าเจ้าของชื่อเรเจฟนี้จะเป็นหนุ่มที่ได้รับฉายาจากมวลมหาชนว่า ‘คุณชายน้อย’ ช่วงก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะดังเป็นพลุแตก รสาจำได้ว่าเธอเคยแลกงานชั่วคราวกับเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ที่ไม่สบายอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือครั้งที่ทำให้เธอได้เจอกับอีกฝ่าย

“ นิสัยชอบเหม่อลอยนี่.. จนถึงป่านนี้แล้วยังแก้ไม่ได้อีกเหรอครับ? ”

เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นเหนือหูแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เอาจนคนฟังตกใจจนสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว

ต้องโทษการทำงานที่หนักเกินไป ช่วงนี้รสาพักผ่อนน้อยจนไม่รู้ว่าในแต่ละวันตัวเองรอดชีวิตมาได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่นการที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงห้องแต่งตัวที่เป็นเป้าหมายตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ตั้งใจจะมาหาได้ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาเกือบสิบนาทีได้แล้ว

“ ทำงานหนักอีกแล้ว ผมบอกแล้วไงครับว่าทำแบบนี้มันอันตราย ดูสิ กว่าจะเรียกกลับมาได้ ปะ เข้าไปข้างในกันเถอะ พี่เมเนบอกให้มาดูผมใช่ไหมล่ะ เราไปคุยกันข้างในดีกว่า ”

ความสดใสของเรเจฟยังเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาใจผู้คนได้เสมอ

แน่นอน เพราะเธอเป็นคนวางคาร์แร็กเตอร์ของเขาให้ออกมาเป็นแบบนี้เอง

ประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นห้องแต่งตัวด้านในที่ไร้ผู้คน ดูท่าวันนี้คงจะไม่ได้มีใครเข้ามาในบริษัทเพื่อถ่ายงาน ดังนั้นห้องแต่งตัวถึงได้ถูกจองไว้ใช้สำหรับการสนทนาเฉพาะกิจที่ไม่อยากให้กดดันถึงขนาดต้องไปใช้ห้องประชุม

“ ตรงนี้มีของว่างด้วย ทานสักชิ้นไหมครับ? ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ เจฟทานเลย พี่ทานอย่างอื่นมาก่อนแล้ว ”

บทสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอยางช้า ๆ ภายใต้จุดประสงค์ที่ต่างฝ่ายต่างก็พยายามเพื่อทำความเข้าใจกันและกัน แต่ไหนแต่ไรมา รสาเป็นคนเจ้าแผนการ ภายใต้ใบหน้าใสซื่อนั้นซ่อนไว้ซึ่งไหวพริบชาญฉลาดที่เตรียมไว้ใช้งานในทุกเวลา ดังนั้นแม้จะไม่มีท่าทีกระโตกกระตาก แต่มีเหรอที่เธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังย่นระยะห่างระหว่างพวกเขาให้น้อยลงทีละนิด .. ทีละนิด

“ ไม่ใกล้เกินไปหน่อยเหรอคะ ? ”

เสียงนุ่มดังขึ้นขัดการคืบคลานอย่างเชื่องช้าของไอดอลหน้ามนที่หมายจะจับจองพื้นที่ข้างตัวเธอ

“ ผม .. ผมแค่อยากดูว่าพี่จดอะไรถึงได้ตั้งใจขนาดนั้น ”

ตาเหยี่ยวของหนุ่มไอดอลหลุบลงอย่างกับต้องการจะดูเนื้อหาข้างใน แต่เจ้าของสมุดไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น สองมือคว้าหมับปิดหน้ากระดาษอย่างว่องไวจนคนมองต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย

“ มันเป็นอะไรที่ผมเห็นไม่ได้เหรอครับ? ”

“ มันเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ค่ะ ”

“ แล้วทำไม.. ”

ถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูจะตัดพ้อจนเกินเหตุไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในขั้นที่เธอคาดการณ์เอาไว้พอดี สาวสวยเจ้าของตำแหน่งผู้ดูแลภาพลักษณ์ศิลปินหลุดหัวเราะร่วนพลางยกมือขึ้นขยับแว่นสายตากรอบหนาที่เธอสวมอยู่

“ มีวิธีอีกเยอะแยะที่เจฟจะขอสมุดจากพี่ไปอ่าน แน่นอนว่าพี่ให้เราอ่านได้ ”

“ แต่ไม่ใช่กับในกรณีที่เราเลือกขยับเข้ามาดูเอง ”

ผู้หญิงที่เหมือนกับกุหลาบสีอ่อน หอมหวานน่ามองชวนให้สัมผัส แต่เมื่อแตะลงที่ก้านก็กลับพบหนามแหลมคอยทิ่มแทง รสาเป็นผู้หญิงแบบนั้น เธอปิดสมุดลงพร้อมกับวางปากกาไว้บนหน้าปก ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยความขบขันอยู่ไม่นาน ก่อนที่ทั้งหมดจะกลับมาเป็นท่าทีปลอดโปร่งเหมือนอย่างเคย

“ ยังอยากอ่านอยู่ไหมคะ? พี่สามารถให้เจฟอ่านมันได้ ถ้าเกิดว่าเรายอมถอยกลับไปนั่งที่เดิมดี ๆ ”

รสาหรี่ตาลงเพื่อพิจารณาใบหน้านุ่มนิ่มที่กำลังจมอยู่ในความคิด แต่เพียงแค่ชั่วขณะเดียว เธอก็สังเกตเห็นกระแสอารมณ์บางอย่างพาดอยู่ในแววตาเขา อารมณ์บางอย่างที่ทำให้มุมปากเธอยกขึ้นทีละน้อย

“ งั้นก็ช่างมันไป ไม่อ่านก็ไม่อ่าน ”

ดูแล้วในสายตาอีกฝ่าย บางทีการได้นั่งข้างเธอสักสิบนาทีคงจะคุ้มค่ากว่าการอ่านสมุดที่ด้านในเขียนเกี่ยวกับเขา น่าเสียดาย นึกว่าจะแตกต่างจากคนอื่นที่เคยเจอมาซะอีก .. เมื่อสัมผัสได้ว่าความน่าสนใจจางหายไปจนแทบไม่เหลือ รสาก็เก็บสายตากลับมาจากใบหน้าหล่อเหลา เธอหัวเราะเบา ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่คล้ายจะกระอักกระอ่วน

อย่างไรซะตอนนี้เธอก็รู้แล้วการสนทนาครั้งนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง

มีปัญหา ? เหลวไหลทั้งเพ , หาทางเล่นอะไรไม่รู้ความกันอีกล่ะสิไม่ว่า เห็นแก่ที่เป็นรุ่นน้อง คนที่เห็นอะไรมา ‘มาก’ แบบเธอจะให้บทเรียนเขาสักชุดก็แล้วกัน

“ เจฟ ถ้าเราจะเล่นสนุกกับชีวิตสักหน่อยพี่ก็ไม่ว่า ”

“ แต่อย่างน้อยถ้าจะเล่นก็ต้องเลือกให้ดี เห็นแก่ที่พี่เคยดูแลเรามา วิธีการเล่นว่าควรจะทำยังไง.. ”

“ ให้พี่เป็นคนสอนก็แล้วกัน ”



“ แก แกได้ยินข่าวหรือยัง ข่าวที่เจฟไปเดทน้องน้ำฟ้า ดาราค่าย xx อะ ”

“ ได้ยินแล้ว กำลังคิดอยู่เลยแบบนี้เจ้ฝนไม่วีนแย่เลยเหรอ ”

“ ก็เล่นชอบทำตัวอวดว่าแอบกินอยู่กับน้องเจฟซะเปล่า ตัวจริงเขามาละ ตอนนี้คงไม่กล้าเชิดหน้าชูคอละมั้ง ”

เสียงปึงปังที่ไม่เบานักดังขึ้นขัดการนินทาอย่างสนุกปากของพนักงานขาเม้าท์ประจำโรงอาหาร ส่วนสาเหตุของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหนแต่เป็น ‘ฝน’ พนักงานบัญชีสาววัย 24 ปีที่กระแทกมือลงกับโต๊ะอาหารของรสาอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดังไปทั่ว

ใช่ โต๊ะอาหารของรสา

“ เลิกงานเมื่อไหร่ขึ้นมาหาฉันที่ดาดฟ้าด้วย ”

“ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน ”

รสายกกระดาษทิชชู่ขึ้นซับมุมปากช้า ๆ พลางชำเลืองตามองคนที่อยู่ ๆ ก็ปุบปับมาก่อกวนมื้อเที่ยงของเธอ ถึงกระนั้นในฐานะคนที่ไม่ได้มีความคิดจะสร้างปัญหา เธอก็ทำแค่พยักหน้ารับเป็นอันว่าเข้าใจ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินสะบัดก้นจากไป

โอ๊ย ให้ตาย.. ต้องมีเรื่องยุ่งยากอีกแหง ๆ

และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดเป๊ะ

สาวบัญชีทรงเฟียสก่อนหน้านี้กลายมาเป็นยัยขี้แงร้องไห้ฟูมฟายท่ามกลางลมหนาวบนดาดฟ้ายามค่ำคืนที่ทำให้ใจสั่น

“ ฮืออออ เขาทิ้งฉัน ”

“ เขาทำแบบนั้นไปได้ยังไง ฮืออออ ”

บนความสูง 32 ชั้น มีคนบ้าอกหักในแบบที่แสดงออกด้วยการตีอกชกหัวนั่งอยู่กับจิตแพทย์จำเป็นที่คล้ายว่าจะยิ้มยากขึ้นเรื่อย ๆ รสาจับประเด็นได้ไม่มาก เธอรู้แค่ว่าทั้งคู่คบกันมานาน เป็นความสัมพันธ์แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่ไม่ว่าใครก็คงจะเคยเผชิญมาสักครั้ง ทว่าต่อมาฝ่ายชายกลับเริ่มห่างเหิน หันไปเจ้าชู้มากขึ้น หว่านสาวคนอื่นมากขึ้น หนักที่สุดคือตอนนี้อีกฝ่ายถึงขนาดไปลักลอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวงการที่ฝ่ายหญิงไม่สามารถเทียบได้ ก็เลยว้อแตกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เปลี่ยนตัวตนของคนรัก.. จริง ๆ แล้วกำลังนั่งฟังทุกคำระบายด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ในแบบของเจ้าตัว อันที่จริงส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของเธอที่หันไปชี้โพรงให้กระรอก แต่ใครมันจะไปนึกว่าเด็กที่ดูเรียบร้อยอย่างเรเจฟจะเรียนรู้ได้ดีถึงขนาดเอาไปปรับใช้ได้อย่างเลือดเย็นถึงขนาดนั้น

“ ผู้ชายเxี้ย ๆ แบบนี้แค่ตัดใจก็จบแล้ว ”

“ แต่เขาหล่อ ”

… อืม ไม่เถียง

“ เขาไม่ส่งข้อความไม่โทรหาฉันมาจะเป็นเดือนแล้ว แม่ง โคตรเครี—- ”

รับสายสิวะ รับสิว้อย รับบบ ก็บอกให้รับไง !!

“ … ”

เสียงริงโทนสุดฮาร์ดคอร์ดังขึ้นด้วยระดับความดังสูงสุด รสาหลบตาจากเพื่อนร่วมงานและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่วพริบตาที่เห็นว่าหน้าจอขึ้นเป็นชื่อใคร ชั่วขณะนั้นเธอกตระหนักได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

เป็นเรื่องแล้ว

เรเจฟ is calling you ..

“...”

“ ทำไมเขาถึงโทรหาเธอ ”

“ ไม่รู้ ” รสาตัดสายพลางเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แต่ว่าฝ่ายเพื่อนร่วมงานกลับไม่ยินยอมให้เป็นแบบนั้น มือมารของสาวบัญชีพุ่งเข้ามายื้อแย่งโทรศัพท์ของเธอ ประจวบเหมาะกับสายเรียกเข้าสายที่สองจากคนเดิมที่ถูกโทรเข้ามา ในช่วงเวลาที่สองสาวมัวแต่ตะลุมบอนกันนั้น ก็ดันมีคนเผอิญโดนปุ่มกดรับเข้าพอดี

‘ อ๊ะ รับแล้ว ’

ร่างกายที่ยุ่งเหยิงของสองสาวพนักงานบริษัทค่ายดาราหยุดชะงักกึกกันไปทั่วคู่

‘ พี่รสา ผมทำตามที่พี่บอกแล้วนะ แบบนี้สนุกกว่าที่คิดเยอะเลย แต่คงจะสนุกกว่านี้ถ้าพี่ยอมเล่นกับผม ผมพูดจริง ๆ นะ ผมคิดถึงพี่มาก หลังจากวันนั้นพี่ก็ไม่ยอมรับนัดผมเลย เอาแบบนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวผมไปคุยกับประธานให้ย้ายพี่มาดูแลวงผม ทีนี้เราจะได้เจอกันบ่อย ๆ .. เอาแบบนี้ดีกว่า พี่หนีผมไม่ได้หรอก เพราะผมบอกแล้วไงครับ ’

‘ ว่าผมชอบพี่ ’



ไอxิบหาย

คุณน้องครับ พูดได้ดี และพูดได้ถูกจังหวะเกินไปแล้วครับ !!

จังหวะนั้นเธอไม่สนแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่อยู่บนมือของอีกฝ่าย รสาพยายามห่อตัวให้ลีบที่สุดเพื่อหลบหนีออกจากเงื้อมมือปีศาจประเภท ‘คนคลั่งหลังอกหัก’ ที่ตอนนี้ได้มารู้ความจริงในจังหวะที่ไม่ควรจะรู้

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงคลั่งหลังอกหักแล้ว มีเหรอจะพลาดโอกาสอาละวาด

รสาได้ยินเสียงวางสายในขณะที่เธอกำลังปรี่ไปยังประตูเพื่อออกจากดาดฟ้า ใครมันจะไปนึกว่าในตอนที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงประตู เธอกลับถูกสาวบัญชีจิกหัวแล้วตบมันตรงนั้น ความรู้สึกชาแล่นแปร๊ดไปทั่วหน้า ยังไม่เท่าความเจ็บจากการที่เธอเผลอกัดลิ้นหลังจากถูกตบ หลังจากนั้นก็เหมือนสงครามขนาดย่อม เธอจำไดัว่าตัวเองถูกตบ ถูกทึ้ง ถูกผลัก และถูกฟาด เสียงตะโกนด่าทอมากมายดังขึ้นในแบบทเธอไม่คิดจะโต้แย้ง

รสารู้ดีว่าตัวเองผิด แต่ก็ไม่ได้ผิดถึงขนาดที่จะมาโดนกระทำแบบนี้

“ แกบ้าไปแล้วหรือไง ! ตัวเองคุมผู้ชายไม่อยู่ก็อย่ามาโทษชาวบ้านเขาสิวะ ฉันไปเล่นด้วยกับมันตอนไหน ไม่ได้ยินหรือไงว่าขนาดเจ้าตัวยังบอกว่าฉันหนี ถ้าจะหลงผู้ชายเxี้ย ๆ ก็หัดโทษผู้ชายที่มันเxี้ย ไม่ใช่เอาแต่โทษคนอื่น !!!! ”

เมื่อสาวสงบปากสงบคำวีนแตกขึ้นมา ระดับความรุนแรงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนบ้าที่อยากเอาชนะเลยแม้แต่น้อย “ อีกอย่างนึงนะ โอ๊ย **จะเครซี่ ใครเขาสั่งเขาสอนให้แอบกินกันในบริษัท พนักงานกับศิลปิน มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าผลลัพธ์มันจะทุเรศแค่ไหน ยัยโง่เอ๊ย หัดคิดซะบ้าง !! ” แต่แทนที่คนฟังจะได้สติ อีกฝ่ายกลับสติหลุดยิ่งกว่าเดิมจนได้แต่ตบตีจิกทึ้งหมายจะอาละวาดให้อิ่มใจ

รสาจำได้ว่าในช่วงสุดท้ายคือเธอทรุดลง สองตาพร่ามัวในระหว่างที่เธอพยายามยื่นมือไปยึดจับกับราวดาดฟ้า ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่รู้ว่าเป็นพวกเธอที่เหวี่ยงกันมาชนราวมากเกินไป หรือเป็นความผิดพลาดทางการก่อสร้าง ตัวน็อตที่ยึดราวกลับหลวมขึ้นมาจนทำให้ทันทีที่รสาทิ้งน้ำหนักตัวลงไป มันก็พลันหลุดออกจากราว ส่งให้ร่างเล็กถลาออกไปอย่างรวดเร็ว

“ ร..สา… ”

เธอเห็นได้ชัดถึงสีหน้าหวาดผวาสุดขีดของฝนในระหว่างที่ทั่วทั้งตัวรู้สึกวูบโหวง

โอเค.. โอเคเลย..

ทำไมต้องเป็น ** ล่ะวะ

“ ไอเxี้ยยยยยยยยยยยย ”

เรวรินณ์ ทรัพย์ปรีดา — หรือ ‘ รสา ’ เสียชีวิตด้วยวัย 22 ปี จากเหตุผลัดตกจากตึกสูง .







แสดงความคิดเห็น

ขออวยพรให้ไปสู่สุขคติภูมิ มีวาสนาพบเจอยอดบุรุษ ไขว่คว้าอำนาจบารมีไม่ต้องโดนกระทำเช่นชาตินี้  โพสต์ 2024-7-7 21:59
ขอน้อมส่งรสาไปสู่สุขคติ  โพสต์ 2024-7-7 21:52
โพสต์ 33527 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-7 21:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-7 22:18:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ยามไป๋ฮวาโรยรา



  ลกใบนี้ช่าง…

  เพียงคำขึ้นต้นของห้วงความคิดก็เสี่ยงทุกข์ระทมเสียแล้ว ช่องว่างหลังจากนี้โปรดเติมแต่งเองเพื่ออรรถรสภายในจิตใจ ช่วงเวลาเร่งรีบแสนเอื่ยเฉื่อย งานแสนภาคภูมิที่เน่าเฟะ ตัวตนที่อุทิศให้ผู้อื่นอันแหลกสลาย ทั้งหมดนี้คือชีวิตของหญิงสาวภายใต้ชุดเดรสสีหวานราวกับต้องการยกระดับความรู้สึกให้นุ่มฟูทว่ากลับถูกกดทับด้วยกาวน์สั้นแสนหนักอึ้งด้วยภาระงานของผู้ต่อลมหายใจให้ใครหลาย ๆ คนในหลาย ๆ ความหมาย

   ...เส็งเคร็ง

  ดูเหมือนว่าคำต่อท้ายประโยคจะหลุดเด้งขึ้นมาภายในใจจนได้ นับว่าบุญโขนักที่ไม่หลุดปากออกไป หากจะให้โทษว่าใครกันที่เลือกเส้นทางชีวิตพวกนี้คงไม่พ้นจะโทษ ไป๋ฮวา ตัวเธอเองนั่นแหละที่กำลังฉีกมุมปากแย้มยิ้มรับคนไข้คนใหม่เข้ามาภายในห้องตรวจทันทีที่คนก่อนเพิ่งออกไปจนเก้าอี้ไม่ทันจะหายอุ่น เป็นวงจรประหลาดที่น่าอดสูสำหรับคนคนนึงเช่นเธอ

   “ไม่ทราบว่าเป็นอะไรมาหรอคะ?”

  แม้ภายในใจจะตัดพ้อชีวิตมากเพียงใด ทว่าเมื่อนี่คือนรกที่เธอเลือกเองก็ต้องทำงานต่อไป เธอเอ่ยปากสอบถามคนไข้และให้การรักษาไปตามหน้าที่ของแพทย์อายุรกรรม และแล้วเสียงแห่งสวรรค์ก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพยาบาลเอ่ยบอกว่านี่คือคนสุดท้ายของวันนี้ ร่างบางเหยียดแขนยืดกายบิดความเมื่อยล้าออกจากร่างแม้ว่ามันจะยังคงเกาะหนึบไม่ไปไหนก็ตาม ใช้เวลาเก็บข้าวของอยู่สักพักเชียวก่อนที่แพทย์หญิงไป๋ฮวาจะสะพายกระเป๋าชาแนลใบเก่งขอเลิกงานสำหรับวันนี้ มือเรียวยกโทรศัพท์เครื่องแพงขึ้นมาหวังจะเข้าไปท่องโลกผ่อนคลายในระหว่างที่สองเท้าสวมส้นสูงเคาน์เตอร์แบรนด์เดินไปขึ้นรถเก๋งที่เพิ่งจะผ่อนหมดไปไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ทั้งหมดคือสิ่งปรนเปรอให้เธอมีกำลังใจหาเงินเดือนละเกือบเจ็ดหมื่นหยวนแลกกับการใช้แรงงานเยี่ยงทาส

  ~~🎶

  ไม่ทันจะเปิดแอพพลิเคชั่นใด ๆ ก็มีคนโทรเข้ามาหาเธอภายใต้ชื่อ ‘亲爱的’ (ที่รัก) เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าขยับแย้มยิ้มประดับสวยงาม ทว่าภายในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายปะปนกันไป ทั้งความสุข คะนึงหา ความเศร้าโศก และความโกรธเคือง

   “ขาคะ”

  ไป๋ฮวากดรับสายยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูแล้วกรอกเสียงหวานลงไป อีกฝากฝั่งของสัญญาณเอ่ยบอกว่าวันนี้มีงานต้องทำ ไม่อาจกลับบ้านได้ หาข้าวทาน อาบน้ำ เอนตัวนอนได้เลยไม่ต้องรอ แม้น้ำเสียงของเขาจะดูเต็มไปด้วยความรักใคร่ ทว่าเนื้อหาที่เอ่ยออกมาช่างเย็นชาและไร้ซึ่งธุระอื่นใดนอกจากการบอกความประสงค์ของตนในคืนนี้

  แต่วันนี้วันคบรอบเราคบกันนะ…

  ประโยคอันไร้เสียงทำได้เพียงกลืนมันลงไปเมื่ออีกฝ่ายตัดสายไปก่อนเรียบร้อย ใบหน้าสวยที่ยกยิ้มค้างตลอดการสนทนาค่อย ๆ คลายลงเหมือนเพียงความเรียบนิ่งอันมากด้วยความเจ็บปวดภายในดวงตาเมล็ดซิ่ง หญิงสาวภายใต้เสื้อเดรสชมพูสีหวานที่พาร่างอันหนักอึ้งมานั่งบนรถของเธอแล้วเปิดแชทอ่านข้อความของนักสืบที่เธอจ้างวานให้ตามดูแฟนหนุ่มตัวดีของเธอก็พบกับรูปถ่ายแสลงตาทั้งหลาย สุดท้ายแล้วบุรุษน่าชิงชังผู้นี้ก็ไม่รู้จักพอ…

  นิ้วเรียวจิ้มหน้าจอฉายแสงส่องดวงหน้าเฉยชาเพื่อพิมพ์ขอบคุณนักสืบและโอนจ่ายเงินก้อนสุดท้ายปิดจบงานในครั้งนี้ ลำคอระหงพลันตีบตัน ความร้อนวาบในอกแผ่ขึ้นมาในดวงตาใสก่อเกิดหยาดน้ำหลั่งรินเงียบ ๆ เธอค่อย ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติในการทำสิ่งสุดท้ายสำหรับเรื่องบ้าบอในตอนนี้อย่างการกดส่งรูปที่ได้มาพร้อมกับคำอำลาและสาปแช่ง

   ไป๋ฮวา : ไป๋ฮวาส่งรูปให้คุณ 10 รูป

  ไป๋ฮวา : นี่สินะ ทำงาน

  ไป๋ฮวา : ท่าทางจะขยันน่าดู

  ไป๋ฮวา : เราเลิกกันเถอะ

  ไป๋ฮวา : ขอให้ไปได้ดีแบบผีเน่าโลงผุ


  ได้ตัดขาดซึ่งความสัมพันธ์แสนวายป่วงนี้เรียบร้อย เจ้าของดวงใจร้าวรานปิดโทรศัพท์มือถือทิ้งแล้วโยนไปเบาะหลังอย่างไม่ไยดี เธอสตาร์ทรถยนต์ที่นั่งอยู่นานสองนานก่อนจะเหยียบคันเร่งเพื่อไปที่ไหนสักที่ ที่ที่เธอจะไม่ต้องรับรู้ความเจ็บปวดของโลกใบนี้ เธอไม่ทันจะคิดสถานที่ที่อยากไปโยนกายทิ้งได้ก็พบกับแสงสว่างวาบสะท้อนดวงตา มือเรียวที่หักพวงมาลัยหลบทำให้รถของเธอตกข้างทางชนต้นไม้ใหญ่ ความเจ็บปวดแล่นเข้าทักทาย ความหนักอึ้งเข้ามาโอบกอด ทัศนียภาพค่อย ๆ พร่าเลือนก่อนจะดับลง ถึงคราวจากโลกใบนี้แล้วหรือ

  โลกใบนี้ช่างเส็งเคร็ง


แสดงความคิดเห็น

ขอให้ไปยังปรโลกอย่างปิติยินดี เกิดชาติหน้าฉันท์ใดขอให้มีวาสนา มีอำนาจ มั่นคง  โพสต์ 2024-7-7 22:37
โพสต์ 13029 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-7 22:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-10 21:43:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ยามศิลาแตกสลาย


ศิลาชายหนุ่มวัย 25 ปี นั่งเหม่อมองอยู่ที่สะพานเขียวชื่อดังแห่งนึงย่านกรุงเทพ

"ทำไมโลกนี้ถึงโหดร้ายกับผมขนาดนี้นะ"

เขานั่งเหม่อมองฟ้า พลางเปิดเพลงจาก Ipod ฟัง

ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้น ยามเกิด เพราะเขาเกิดมาทำให้ครอบครัวเเยกทาง ตอนเด็กนกก็ชอบมาอึใส่ ตอนวัยรุ่นก็โดนงูตกใส่คอ ยิ่งตอนวัยทำงาน ล่าสุดเกือบสะดุดลงหลุม

ตลอดชีวิตเขาพยายามาตลอด เขายิ้มทุกวัน เพื่อที่ทำให้ครอบครัวของเขามีความสุข เขาพยายามตั้งใจเรียนจนมีหน้าที่การงานที่ดี เขาพยายามเป็นคนที่ดีไม่ว่าจะกับเพื่อน กับครอบครัว หรือแม้กระทั่งกับคนรัก

"รอยยิ้มพี่ ทำไมมันน่ารังเกียจจัง เหมือนกับหุ่นยนต์เลย" นี่คือคำพูดที่คนรักพูดกับเขา

"ทำไมเอ็งถึงไม่มีอย่างที่คนอื่นเขา บ้านนู้นลูกเขาเรียนจบมาเขาเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้เงินใช้เดือนล่ะ หลายหมื่นเลยนะ" นี่คือคำพูดที่ครอบครัวพูดกับเขา

เพื่อน.... ผมไม่มีของแบบนั้นหรอก

"อ่า เหนื่อยจังเลย แต่ก็ยังโชคดีล่ะนะที่ผมยังมีชีวิ...... " ปัง เสียงดังลั่น

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ศิลาคิดในใจพลางตั้งสติ และเหลือบมองไปยังทิศทางนั้น แต่เขาก็พบว่าเขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้แล้ว เขาทำได้แค่เหลือบสายตาไปมอง เขาเห็นกลุ่มคนส่งเสียงดังเอ๊ะ อ๊ะ โวยวายกัน เอ๊ะ แต่ทำไมโลกมันค่อยๆมืดลงล่ะ ทำไมผมไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ ขยับซิร่างกายของผม ขยับ!

แม้่กระทั่งมีชีวิตผมยังมีไม่ได้เลยใช่ไหม โชคร้ายจริงๆ.....


----------------------------------------------------

ศิลา อายุ 25 ปี อาชีพวิศวกร เสียชีวิตจากการโดนลูกหลงของกลุ่มวัยรุ่นตีกัน

แสดงความคิดเห็น

ขอให้ไปสู่สุขคติ เกิดในภพภูมิที่ดี ไร้ทุกข์ไร้กังวล  โพสต์ 2024-7-11 00:16
โพสต์ 3721 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2024-7-10 21:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่
มือกระบี่
ช่อเมล็ดข้าวมงคล
หมวกไผ่ผ้าคลุม
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x4
x4
x2
x2
x2
x6
x2
x2
x1
x4
x5
x1
x1
x16
x32
x24
x9
x1
x2
โพสต์ 2024-7-11 00:02:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย FuMi เมื่อ 2024-7-11 00:05








บทร่ำรำพันแด่เธอ...ผู้ไร้เสียง



‘Who killed Cock Robin?

I, said yhe Sparrow.

With my bow and arrow,

I killed Cock Robin.’


‘เจ้านกโรบินถูกใครคนไหนฆ่า

นกกระจอกออกมารับสารภาพ

ข้ายิงศรจากธนูอันงดงาม

เป็นผู้พรากชีวิตของเธอไป’


          หนึ่งปรารถนา… เพียงชีวิตนี้ได้ยิ้มแย้มโดยไร้ความกังวล


          ทุกครั้งยามม่านฉากโรงละครปิดลงเสียงปรบมือแทนคำขอบคุณช่วงเวลาประกายทองที่คณะนักแสดงรังสรรค์ภาพดั่งฝันแก่ผู้ชม ตัวเอกได้รับคำชมเชยอย่างล้นหลามในตำแหน่งสปอร์ตไลท์ของงานคือภาพที่ทุกคนคุ้นเคยจนเจนตา 


          เมื่อเผชิญอุปสรรคความยากลำบากจนสุดทนมนุษย์หลายคนเลือกที่จะเบือนหน้าก้าวออกมาเพื่อตั้งหลักและวิ่งหนีปัญหาพร้อมเหตุผลเข้าข้างตัวเองมากมาย สุดท้ายจบลงบนคำที่ว่ามันง่ายกว่าถ้าเลือกยอมแพ้  สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีทางให้ถอยต่อให้เป็นทางตันตั้งอยู่ตรงหน้ายังคงต้องปีนป่ายข้ามผ่านบททดสอบชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน ความใฝ่ฝัน อนาคต การยอมรับ ทั้งหมดถูกผูกติดกับคำว่า ‘ต้องทำให้สำเร็จแม้ต้องแลกด้วยลมหายใจ’ อย่างหลังนี้จึงใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอเป็น


          ‘She was her own muse.’ คำลงท้ายจรดบทนิยมของสื่อยักษ์ใหญ่มอบไว้แด่ ‘เธอ’ ผู้ได้รับสมญาเจ้าหญิงไร้เสียงแห่งวงการสเกตชน้ำแข็ง ด้วยเส้นผมสีบลอนด์เงินแปลกตาและใบหน้าอ่อนเดียงสาที่ได้รับความรักจากพระเจ้าอย่างเต็มตื้น ยามที่วาดลวดลายเหนือลานสีขาวภาพลักษณ์ของเธอจึงไม่ต่างจากเทพธิดาผู้ร่ายรำพร้อมปีกขนนก


          ยี่สิบหกปีก่อนในกรุงปารีสมีเด็กทารกหญิงถูกทิ้งไว้ใต้ฐานเทวรูปใจกลางเมือง

          ยี่สิบปีก่อนคู่สามีภรรยาเศรษฐีใจบุญรับอุปการะเด็กน้อยผู้บกพร่องและเงียบงัน

          สิบเจ็ดปีในมุมเล็กของเมืองใหญ่ชีวิตหนึ่งไม่มีสิทธิ์เลือกแม้เส้นทางของตัวเองในอนาคต

          สิบห้าปีให้หลัง ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน บาดแผลน้อยใหญ่นับพันหมื่นหน

          โลกนี้ก็ได้รู้จักเทพธิดาแห่งลานน้ำแข็งคนใหม่ ‘MIKELA’


          เริ่มจากถ้วยรางวัลรุ่นจูเนียร์ในการแข่งขันเล็กๆ ตามมาด้วยเหรียญทองในและนอกประเทศ อาศัยลีลากระโดดหมุนตัวกลางอากาศห้ารอบสร้างสถิติใหม่เหนือหน้าประวัติศาสตร์วงการกีฬาคว้าแชมป์โอลิมปิกปี 2024 จนชื่อเสียงของเธอเป็นที่ยอมรับระดับสากลว่าเป็น ‘ชาวเอเชียคนแรกที่ได้ครองเหรียญทองไอซ์สเกตลีลาสามสมัยซ้อน’  แม้จะล้มไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้ง ประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน…เธอก็แค่ลุกขึ้นมาแล้วร่ายรำต่อไป โบยบินด้วยปีกทั้งสอง โบยบินจนกว่าสองปีกคู่นี้จะไร้แรง

         

          มิเคล่า, คือนามที่ทั่วโลกรู้จักเธอในภาพเจ้าหญิงลานน้ำแข็งคนแรกผู้งดงาม มากพรสวรรค์ และเป็นใบ้โดยกำเนิด..

          มาไคล่า วงศ์สกุณากร, นามแท้จริงของหญิงสาวอายุยี่สิบหกปีผู้ยิ้มแย้มอย่างเอียงอายและหลบอยู่เบื้องหลังแสงไฟในทุกครั้งที่ได้รับการชื่นชม เธอผู้บกพร่องทางการสื่อสารกอดเก็บหัวใจที่ไม่เคยย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อยและอดทนต่อทุกความยากลำบากด้วยเหตุผลเดียว ‘ความสุขของครอบครัว’


          ‘วินาทีที่คุณแม่ชมว่า ‘ทำได้ดี’ ตอนฉันทรงตัวบนรองเท้าสเกตครั้งแรก นั่นคือจุดเริ่มต้นทั้งหมดค่ะ’ บทความสัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้มบนหน้านิตยสารถูกเผยแพร่และได้การต้อนรับเป็นอย่างดีจากเหล่าผู้ชมทางบ้าน ภาพลักษณ์ ‘ลูกสาวแห่งชาติ’ ทำให้เธอดูบริสุทธิ์น่าถนอม


          เพื่อตอบแทนคู่สามีภรรยาที่ได้มอบทุกสิ่งแก่เด็กกำพร้าผู้บกพร่อง ไม่ว่าสิ่งไหนที่พวกเขาจะภาคภูมิใจเมื่อสายตาคู่นั้นมองมาเธอปฎิบัติโดยไม่ลังเล ชื่อเสียง มารยาท หารวางตัว จากเด็กน้อยเพียรพยายามจนสุดแรงเพื่อเติบโตเป็นหญิงสาวผู้เข้าใกล้ความ ‘สมบูรณ์แบบ’ เรียนรู้ที่จะเก็บความต้องการของตนไว้ฝังลึกลงในใจเพื่อตอบสนองความคาดหวังที่นับวันมีแต่เพิ่มลงบนบ่าบอบบาง


          ‘เวลาที่หนูร่ายรำและทุกคนมองมา พวกคุณมีความสุข’

          ‘ขอแค่พวกคุณไม่ทอดทิ้งหนูไป เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่ของหนูเคยทำ…’


          ยอมแม้ต้องสละซึ่งความฝันขอเพียงคนรอบตัวสมดั่งปรารถนา 

          เพื่อพวกเขาแล้วมิเคล่ามีความสุขกับสิ่งที่เลือก หรืออย่างน้อยเธอก็คิดอย่างงมงายเช่นนั้น 


          “ลูกเป็นคนพิเศษอย่าเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น เส้นทางของลูกมีปลายทางคือความสำเร็จเสมอหากพยายามได้ดีมากพอ”


          “พวกเราภูมิใจในตัวลูกเสมอมิลลี่ หนนี้ก็จะทำได้ดีใช่ไหม? เหมือนกันกับทุกครั้ง” 


          ภายในหนึ่งปี 6 เหรียญรางวัล 3 ถ้วยชนะเลิศและเข้าร่วมสามลีคทัวรืนาเมนตืระดับโลก

          เจ้านกน้อยร่างกายอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรง ใบหน้ายังคงฝืนยิ้มแย้มและสยายปีกโบยบินต่อไป


          ท่ามกลางวงการน้ำแข็งมายาโชคชะตาของใครบางคนอาจหมายถึงความฝันที่ดับลงและระเหยเป็นไอของอีกหลายคน ชัยชนะของเธอผู้เป็นตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่สร้างแรงบันดาลใจแก่ชนรุ่นหลังในขณะเดียวกันยังสร้างแรงกดดันด้วยมาตราฐานที่สูงขึ้น ตัวเลขเชิงสถิติใหม่ๆ เสมือนเทียบท้าทายขีดจำกัดทั้งหน้าเก่าใหม่ ในวัยยี่สิบเจ็ดปีมิเคล่าเดียวดายบนจุดสูงสุดของวงการไม่มีทั้งคู่แข่งในสนามรึสากล ขณะเดียวกันกับที่รู้สึกเคว้งคว้างบนยอดปิรามิดครอบครัวของเธอก็ยิ่งกระหายในชื่อเสียงเงินทอง


          ‘สิ่งที่ไม่พัฒนาและย่ำอยู่กับที่มีแต่จะถูกลืมเลือน ผู้ชมต้องการความแปลกใหม่’ มิเคล่าไร้ข้อโต้แย้งเหมือนเช่นที่ผ่านมาเมื่อครอบครัวของเธอเชื่อแบบนั้น ภาพลักษณ์เจ้าหญิงหิมะผู้ไร้พ่ายในสนามสีขาว ‘ดูชินตา’ จนเกินไป ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ มองการร่วมมือกับเหล่านักลงทุนข้ามชาติครอบครัวของเธอผลักดันให้เกิดทัวร์นาเมนท์ลีคเหนือทะเลสาบผืนน้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง


          อาศัยรางวัลล่อใจ โอกาสที่จะได้รับการจับจ้องโดยสาธารณชนผ่านสื่อระดับโลกทำให้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก มิเคล่ายังคงทำได้ดีด้วยการรักษามาตราฐานของเธอเอาไว้เหมือนเช่นทุกสนาม สายตาคู่ทุกที่จับจ้องคิดว่าหนนี้เองก็จะออกมาราบรื่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา


          จนเมื่อแผ่นน้ำแข็งใต้ร่างเล็กเริ่มปริร้าวโดยไม่มีใครสังเกต

          จนเมื่อสายลมเหมันต์กรรโชกรุนแรงราวต้องสาป

          ช่วงลัดสายตาเท่านั้นที่ร่างของเธอหายวับไป

          

          ดำดิ่งลงใต้สายธาร กระแสเย็นยะเยือกรอบด้านเงียบงันและมืดมิด 

          ก่อนสติสุดท้ายหลุดลอย ท่ามกลางความเหน็บหนาวจับขั้วใจคือครั้งแรกที่ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึง ‘อิสระภาพ’




All the birds of the ai

Fell a--sighing and a-sobbing,

When they heard the bell toll

For poor Cock Robin.

เมื่อเหล่าสัตว์ยลยินเสียงกริ่งก้อง

วิหคร้องโพยพินเกลื่อนเวหา

สะอื้นไห้น้ำตารินอาลัยลา

แด่โรบินโรยราผู้จากไป









แสดงความคิดเห็น

ขอให้เดินทาวสู่ปรโลกอย่างสบายใจ ไปสู่ภพภูมิที่ดี แคล้วคลาดทุกข์โศกใด ๆ ทั้งปวง  โพสต์ 2024-7-11 00:18
โพสต์ 37978 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-11 00:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
พู่กันคัดอักษร
แหวนดาราจรัส(D)
ชุดฉิงโหรว(เจียยวี่)
กระบี่คู่สลักจันทรา
ลาภลอย
หน้ากากอำพรางภูต
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x20
x20
x3
x90
x110
x2
x2
x120
x10
x1
x1
x1
x1
x30
x4
x20
x5
x5
x2
x13
x1
x4
x2
x2
x4
x29
x7
x1
x30
x5
x22
x8
x3
x2
x5
x6
x1
x1

1

กระทู้

9

ตอบกลับ

280

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
203
ตำลึงทอง
30
ตำลึงเงิน
56
เหรียญอู่จู
7376
STR
1+5
INT
5+0
LUK
2+0
POW
2+7
CHA
3+0
VIT
2+5
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2024-7-11 00:34:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ความตายนั้นไม่มีนิมิตหมาย





ความตายนั้นไม่มีนิมิตหมาย และก็ใช่ มันเป็นเช่นนั้น เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าเรานั้นจะตายเมื่อไหร่ และเวลาไหน ไม่มีใครรู้ นอกเสียจาก.. เรื่องนั้น ก็ละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน.. 

ในตอนนี้ฉันกำลังจะกลับบ้าน.. ใช่.. กลับบ้าน ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาด ตัวฉันในตอนนี้อยู่ที่หน้าพวงมาลัย และกำลังขับรถกลับบ้าน บ้านที่มีเพียงตัวฉันอยู่เพียงคนเดียว บางทีนั้นฉันก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็ชอบในความโดดเดี่ยวที่ฉันนั้นรู้สึกว่า มันสมควรเช่นนั้น 

คันเร่งค่อยๆถูกเหยียบให้มิดไปเรื่อยๆ จนเข็มไมล์เคลื่อนไปยังแถบแดง ก่อนรอบของเครื่องยนต์วี16จะแผ่วเสียงหลังจากเปลี่ยนเกียร์ ความเร็วของรถก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางทางด่วนสายอุดรรัถยา ความเร็วที่สองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังคงเร่งความเร็วขึ้นไป อีกและมากขึ้นไปจนถึง สามร้อยกิโลเมตร ความเร็วในระดับที่รถหลายคันที่มองผ่านกระจอมองหลังยังคงต้องเบี่ยงทางเพื่อไม่ให้พวกตนกลับบ้านเก่าไปพร้อมกับฉัน 
...
 ไปจนถึงด่านเก็บค่าผ่านทางแถบบางพูน ฉันจ่ายตังส์ค่าทางด่วน ก่อนที่จะขับรถรถออกจากด่าน โดยที่เจ้าหน้าที่บนทางด่วนเองก็ยังไม่สามารถตามทัน กว่าเรื่องจะถึง รถของฉันก็ขับออกจากด่านเก็บค่าผ่านทางไปเรียบร้อย จนกระทั่งขับสลัดหลุดจากกลุ่มสายตรวจและเลี้ยวรถของฉันขับกลับเข้าสู่เมืองกรุงที่แสนศิวิลัย...

เมื่อกลับถึงที่พัก ณ ที่พักที่ดูกว้างใหญ่แต่ไร้ซึ่งผู้คน ใช่.. เพราะฉันนั้นอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว มันเหงา แต่เป็นความเหงาที่ฉันนั้นรู้สึกมีความสุขกับมัน.. พวกคุณว่ามันแปลมั้ยล่ะ? มันไม่แปลกหรอกมั้ง.. แต่ช่างเถอะ...

ฉันเริ่มเหนื่อย มันเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก หัวใจของฉันเต้นอย่างไม่หยุด ทำได้เพียงค่อยผ่อนลมหายใจเข้า ออกอย่างเป็นจังหวะ ก่อนที่จะถอดเครื่องแบบ เสื้อผ้า และเข้าอาบน้ำ.. ความสบายจากน้ำอุ่น ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย อัตราการเต้นของหัวใจค่อยๆช้าลงจากความผ่อนคลายนี้.. 

เมื่ออาบน้ำเสร็จ ฉันเปลี่ยนชุดกลายเป็นชุดนอน แล้วตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ ก่อนที่จะเข้าห้องนอนและเปิดแอร์และล้มตัวลงนอนด้วยความคิดที่แสนจะสิ้นคิด เหมือนกับว่า ฉันไม่มีอะไรจะคิดในหัวอีกแล้ว..

"มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าวันพรุ่งนี้ฉันไม่ตื่นขึ้นมาอีก"

"อาจจะเป็นเรื่องดีก็เป็นได้"

"ทุกๆอย่างที่ฉันทำ ทุกๆอย่างจะต้องเผชิญ จะได้สิ้นสุดเสียที"

"ถ้าเป็นเช่นนั้นได้.. มันก็คงจะ.."

นัยน์ตาของฉันค่อยๆหรี่ลงอย่างช้าๆ กระพริบตาอย่างเชื่องช้า ลมหายใจอันแผ่วเบา รทำให้ฉันนั้นรู้สึกปลอดกังวลจากสิ่งต่างๆที่เป็น ที่ทำ..


และทุกอย่างก็มืดลง หยุดสนิท..

เช้าวันต่อมา เพื่อนของฉันโทรมาหาฉัน 
...
ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาหา..
...
และเมื่อพวกเขามาเจอฉัน..
...
ตัวฉันก็ไม่ได้ตื่นมาเจอกับพวกเขาอีกแล้ว... 
...

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11889 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-11 00:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณหมาป่าเหมันต์
หุ่นเชิดกู้เยวี่ย
หมวกถังเจียน

3

กระทู้

122

ตอบกลับ

3259

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
2168
ตำลึงทอง
110
ตำลึงเงิน
441
เหรียญอู่จู
15357
STR
66+13
INT
65+0
LUK
0+5
POW
50+0
CHA
15+0
VIT
13+5
คุณธรรม
2335
ความชั่ว
1135
ความโหด
2553
โพสต์ 2024-7-13 11:38:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-7-13 11:45



PROLOGUE




ขออภัยสำหรับคำหยาบทั้งหลายที่ปรากฏในบทนำ


เรียนคุณ ปิ่นโกสุม

เรามีความประสงค์ที่จะต้องแจ้งให้คุณทราบว่า คุณอาจจะประสบอุบัติเหตุในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แม้หลังคุณได้รับจดหมายฉบับนี้คุณจะพยายามป้องกันเหตุร้าย แต่คุณก็อาจจะไม่สามารถหลบเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ว่าอย่างไรอุบัติเหตุนั้นคุณจักต้องเจออยู่ดี ดังนั้นเราขออวยพรให้คุณโชคดี

หากคุณตายแล้ว…

ข้อความลูกโซ่ในอีเมลสะท้อนบนแว่นสายตาหนาเตอะ ปิ่นโกสุม ขมวดคิ้วดวงตาฉายแววรำคาญใจ

“พ่องสิ วันๆ ไม่ทำงานทำการอะไรหรือไง มาแช่งให้ตายตั้งแต่หัววัน”

“จ้ะ อีปิ่น” เสียงหวีดประชดดังมาจากเบาะข้างๆ “ถ้ามึงยังดูมือถือต่ออีกนะ กูว่ามึงจะตายห่าไปพร้อมกับกูเพราะรถแหกโค้งนี่แหละค่า”

“อีดอก รถขึ้นภูหักศอกนะมึ๊ง! ยังมาจดจ่อห่วงเช็กอีเมลอะไรตอนนี้”

ปิ่นชักสีหน้า ดวงตาชะโงกมองไปด้านหน้าจนคอพาดพวงมาลัย “สลิปเงินเดือนกูยังไม่ออกน่ะสิ หมอกแม่งก็ลงจัดชิบหาย เมลก็ทำกูระแวง ถนนเหี้ยนี่จะคดไปหาพระอินทร์หรือไงวะ วิวอีก…สูงจนกูจะมองเห็นภูเก็ตอยู่แล้ว”

“แล้วมึงจะมาทำกูขวัญอ่อนไปด้วยทำไม! มึงตั้งใจขับได้แล้ว” เพื่อนสาวสวนตอบกลับมา ก่อนจะมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อรถยนต์มุ่งเข้าเขตหมู่บ้านปลายทาง “มึง…มึงดู เขาแขวนเสื้อแดงกันทุกบ้านทำไมวะ”

“ผีแม่ม่ายอาละวาดมั้ง มาด้วยกันละเสือกถามกู”

“อีนี่ มึงจะให้กูถามแม่ย่านางรถมึงหรือไง”

เสียงทะเลาะขบกัดอย่างไม่จริงจังตามประสาเพื่อนสาวดังตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงโคราช

และเหตุผลที่หญิงสาวทั้งสองถ่อมาไกลขนาดนี้ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดยาวเพราะงานวิ่งเทรลจัดขึ้นที่นี่

หลังจบมหาวิทยาลัยปิ่นโกสุมก็ทำงาน WFH มาตลอดสามปีจนค่าไตรกลีเซอไรด์ ความดัน น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง จุดสูงสุดคือการเข้าสู่โรคอ้วนระยะที่สาม

หญิงสาวใช้เวลากว่าสองปีในการลดน้ำหนักกว่าจะกลายมาเป็นหญิงสาวเอวบางร่างน้อยหุ่นลีน ที่สภาพร่างกายห่างไกลจากความตายได้อย่างทุกวันนี้

และกิจกรรมที่เธอโปรดปรานที่สุดก็คือการวิ่ง

การวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ เขาเขียวน้ำไหล อากาศเย็นสบายคือสุดยอดของความสุขตามรสนิยมของปิ่นโกสุม ดังนั้นทุกครึ่งปีเธอจะต้องจัดเวลามาวิ่งเทรลให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ด้วยจุดประสงค์เพื่อรักษาวินัยการดูแลสุขภาพด้วยส่วนหนึ่ง

แต่วันนี้ดันมีแต่เรื่องชวนไม่สบายใจ

“โรงแรมข้างหน้านี้แหละอีปิ่น มึง! ขนาดโรงแรมยังแขวนเสื้อแดงเลยว่ะ ซอฟต์พาวเวอร์ท้องถิ่นรึเปล่าวะ”

“เออ! จะอะไรก็ช่างเหอะมึง รีบลงจากรถเอาของขึ้นโรงแรมได้แล้ว”

ยัยเปรี้ยว…เพื่อนสาวของเธอทำหน้าบิด พลางหอบหิ้วของโรงจากรถขึ้นโรงแรมที่น่าจะลืมซ่อมบำรุงมาหลายปีแล้ว

ด้านในตัวโรงแรมมีการตกแต่งด้วยธีมไม้โบราณ มีรูปแกะสลักน่าสยองพองเกล้าตั้งอยู่ตามหัวมุมต่างๆ จนปิ่นโกสุมนึกสงสัยว่าจองโรงแรมหรือบ้านผีสิงไว้กันแน่

“ข้างในก็ไม่ได้แย่นะเว้ย ดูดิ มีกระจกข้างเตียงด้วย! มึงว่าเขาติดไว้ให้เราดูตัวเองตอนนอนปะ!”

“ค่ะ คืนนี้มึงก็แต่งหน้านอนแบบเจ้าหญิงดิสนีย์นะ เดี๋ยวจะนอนไม่หลับ”

“เอ้า! อีนี่นิ”

ปิ่นโกสุมถอดแว่นวางไว้ที่หัวเตียง แล้วเปิดหน้าต่างชมวิวด้านนอก อากาศบริสุทธิ์พัดโชยมาพร้อมกลิ่นสดชื่นจางๆ ของป่าเขา พาให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาทั้งวันเข้าสู่โหมดพักผ่อน ปิ่นโกสุมจึงตัดสินใจนอนพักสักงีบ ปล่อยให้เพื่อนสาวที่ฮอร์โมนร่างกายเปลี่ยนแปลงตามนาฬิกาโลกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องสำรวจโรงแรมต่อไป

กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปตอนใกล้ค่ำ หลังรับประทานอาหารและอาบน้ำแล้ว ปิ่นโกสุมกำลังจะปิดหน้าต่างเตรียมเข้านอน ปลายหางตาเธอเหลือบไปเห็นร่างเงาตะคุ่มใต้ต้นตีนเป็ด

ร่างเงาสูงสลัวสวมชุดคล้ายสีแดง รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางมีอัธยาศัยดี เพราะขนาดไม่รู้จักกันเข้ายังส่งยิ้มกว้างให้เธอ

เสียงเปิดประตูดังแกรก ตามด้วยเสียงแหลมร่าเริงของเปรี้ยว “มึง กูไปถามเขามาแล้ว เสื้อแดงอะ เขาแขวนไล่ผีแม่ม่ายจริงๆ”

“อ้อ…” ปิ่นโกสุมหันกลับมาเลิกคิ้วให้เพื่อนสาว

“ทำหน้าแบบนี้หรือมึงจะไม่เชื่อ พี่เขาเล่าว่า…คนตายปีนี้17ศพแล้วนะเออ! ทีแรกเขากะจะไม่เล่าให้กูฟัง กลัวกูจะกลัวจนหนีกลับ เนี่ย! กูไปอ้อนพี่เขาอยู่ตั้งนาน!”

“เขาเป็นอะไรตายวะ”

“ความดัน เส้นเลือดในสมองแตก บางคนก็ติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ทุกคนฝันเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีแดงเหมือนกันหมดเลยนะมึง”

“ก็แค่อุปทานหมู่ปะ”

ปิ่นโกสุมหันกลับไปปิดหน้าต่าง แต่แล้วมือทั้งสองข้างก็ต้องหยุดชะงัก เพราะผู้ชายคนนั้นยังคงยิ้มให้เธอด้วยใบหน้าแบบเดิม

พอมองครั้งที่สองมันแอบหลอนหน่อยๆ ปะ

ปิ่นโกสุมขมวดคิ้วพร้อมกับที่เปรี้ยวเอ่ยคำถามที่ราวกับอ่านใจเธอได้ “มึงว่า ผีพ่อหมายจะมีปะวะ จะหล่อแบบพี่เจมส์ปะ”

อีเปรี้ยว!

ดึกดื่นเที่ยงคืนยังจะมาพูดเรื่องผี!

แล้วอีคนเหี้ยด้านล่างแม่งก็ยิ้มจนหลอน

ปิ่นโกสุมปิดหน้าต่างด้วยแรงทั้งหมดที่มีก่อนจะพูดตัดบท

“มึง… มึงเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ พรุ่งนี้เริ่มงานตีสาม กูนอนเอาแรงก่อนนะ”

“เอ้า…อีนี่ กูยังไม่ง่วงเลย มึงตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนกูก่อน!”

เสียงร้องโวยวายของเปรี้ยวค่อยๆ จางหายจากโสตประสาท พร้อมกับบรรยากาศชวนฝัน ปิ่นโกสุมสังเกตเห็นผู้ชายชุดแดงคนหนึ่งอยู่ที่ระเบียงบ้านหลังใหญ่ จากบรรยากาศเธอคงจะเป็นแขกละมั้ง

เขาสวมชุดสีแดงเข้มสีติดหมอก ใบหน้าคมเกลี้ยงสัดส่วนลงตัว ปิ่นโกสุมสัมผัสถึงความสนิทสนมระหว่างเธอและเขาได้รางๆ “คุณดูเหนื่อยๆ นะช่วงนี้ พักผ่อนบ้างหรือเปล่า”

เขาเป็นคนแปลกหน้า แต่วินาทีนี้ปิ่นโกสุมกลับรู้สึกสบายใจที่จะพูด

“เดดไลน์ชนกันสามสี่งาน ไม่มีเวลาพักเลยค่ะ”

“ถ้าทำงานมันหนักมาก… เหนื่อยมาก… คุณอยากพักไหม”

“มาอยู่กับผมไหม”

ปิ่มโกสุมประหลาดใจเล็กๆ แต่ในช่วงเวลานั้นมันเหมือนอารมณ์ที่เรียบเรื่อย อีกฝ่ายพูดต่อ "ผม…อยากให้คุณพักผ่อนบ้าง”

“อีกสามเดือนปิ่นน่าจะเคลียร์งานเสร็จ ไว้ตอนนั้นค่อยว่ากันนะคะ”

“ไม่ต้องถึงสามเดือนหรอก…งานน่ะปล่อยมันไว้บ้าง”

“...ผมว่าคุณมาพรุ่งนี้เลยดีไหม”

“พรุ่งนี้เลยเหรอ…”

เสียงของปิ่นโกสุมห่างไกลออกไปเรื่องๆ จนเหมือนไม่ใช่ตัวเอง ก่อนเสียงเพลงเบบี้ชาร์กจะดังขึ้นเรื่อยๆ ปลุกเธอจากความฝัน

เธอจำความฝันได้เลือนรางแต่เวลานี้จะเริ่มงานเทรลแล้ว เธอเลยปล่อยมันไว้ก่อนแล้วปลุกยัยเปรี้ยว รีบเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการวิ่งระยะไกล

เธอเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้กับจุดสตาร์ท เวลาที่ไปถึงจึงไม่สายมาก

ตอนที่ใกล้จะออกวิ่งเปรี้ยวที่เพิ่งสังเกตเห็นความแตกต่างของเพื่อนสนิท ยกมือชี้หน้าพลางเอ่ยถาม

“มึงไม่ใส่แว่นมาอะ?”

“ก่อนถามมึงคิดแล้วจริงดิ” ปิ่นโกสุมเริ่มอยากเท้าเอว “มันเกะกะค่ะ กูถอดแว่นวิ่งตลอดมึงเพิ่งสังเกตจริงดิ”

“มึงจะไม่วิ่งชนชาวบ้านเหรอวะ”

“กูเห็นทาง เห็นคน แค่มันเบลอ มึงเข้าใจไหม กูไม่ได้ตาบอดค่ะ โอเคนะ”

เปรี้ยวพองแก้ม แต่ว่าโดนเสียงประกาศ “ขอให้ผู้ลงทะเบียนวิ่งเทรลระยะทาง 42 กิโลเมตรเข้าที่ให้เรียบร้อยในจุดสตาร์ทนะครับ เราจะเริ่มนับถอยหลังปล่อยตัวนักกีฬากันแล้ว!” ขัดจังหวะ เลยต้องรีบเข้าสู่โหมดเตรียมตัว

เสียงประกาศ 3 2 1 ดังขึ้นในท้ายที่สุด ก่อนที่นักวิ่งหลักร้อยจะเริ่มออกตัววิ่งไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้

เสียงตบเท้าดังขึ้นในเวลาตีสามพอดี แม้บรรยากาศจะเปล่าเปลี่ยววังเวง แต่คนร่วมร้อยก็ทำให้หมู่บ้านติดป่าเขานี้ครึกครื้นขึ้นมาในทันที การวิ่งมีเส้นทางที่บุกเข้าไปตามป่า ผ่านลำห้วย แต่เพราะปิ่นโกสุมเลือกงานที่ไม่ฮาร์ดคอร์เกินไป ผ่านมาจุดหนึ่งเธอก็เข้าสู่ถนนหลักที่ลัดมาสู่ตัวหมู่บ้านอีกแห่ง

เวลานี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว บริเวณนอกเขตกั้นถนนผู้คนเริ่มตื่นเช้าขึ้นมาใส่บาตร เด็กตัวเล็กๆ เพิ่งตื่นนอนก็ออกไปร้านค้าแต่เช้า

วิถีชีวิตผิดเพี้ยนจากสภาพแวดล้อมเดิมของเธอมากจริงๆ

เวลาล่วงเลยมาถึงเจ็ดโมงครึ่ง

ปิ่นโกสุมวิ่งคู่มากับเปรี้ยวเพราะต้องการความมั่นใจว่าจะมีคนรีบพุ่งเข้ามาช่วยหากอีกคนหมดสติไปกลางคัน แต่รอบนี้พวกเธอฟิตมาดี ใช้เวลาเพียงสี่ชั่วโมงนิดๆ ก็เห็นเส้นชัยแล้ว

อีกแค่เอื้อม!

ในเวลานั้นจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถเบรกดังลั่นถนน ทำเอาผู้คนริมสองข้างทาง ทั้งนักวิ่งและคนใช้ท้องถนนตระหนกตกใจกันหมด

เสียงเอี๊ยดดังยาวพร้อมกับหางตาของปิ่นโกสุมเหลือบไปเห็นเด็กอนุบาลกำลังจะข้ามถนน ก่อนสมองจะทันครุ่นคิดลำตัวของเธอก็พุ่งไปคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้แล้ว

เสียงดังโครมใหญ่ดังท่ามกลางสายตาตกตะลึงของชาวบ้าน หญิงสาวกอดเด็กไว้แนบออก ร่างกายปวดชาไปทั่วร่าง

ตุบ!

ร่างของปิ่นโกสุมถูกแรงรถที่ขับมาด้วยความเร็วเหวี่ยงไปที่เกาะกลางถนน อาจจะเป็นคราวเคราะห์ของเธอจริงๆ ที่ศีรษะกระแทกกับคอนกรีตอย่างแรง เด็กในอ้อมกอดของหญิงสาวร้องไห้เสียงดัง ไทยมุงบางส่วนยืนเกาะกลุ่มกันที่ฝั่งตรงข้าม เบื้องหน้าสายตาที่พร่าเลือน เธอเห็นชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดงปะปนอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้น

ใบหน้าคมคายมีรอยยิ้มฝืดจาง
.
.
.

ปิ่นโกสุม เสียชีวิตจากการวิ่งเข้าไปช่วยเด็กจากการถูกรถชน



แสดงความคิดเห็น

แม้คุณไม่ช่วยเด็กคนนั้น รถก็จะเบรกกระทันหันเฉียดฉิวพอดิบพอดีและเด็กคนนั้นรอด -- ขอให้ดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดี----  โพสต์ 2024-7-13 13:37
โพสต์ 28682 ไบต์และได้รับ 12 EXP!  โพสต์ 2024-7-13 11:38
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
นักสู้
บทสวดมนต์ฉบับคัดลอก
บาดเจ็บสาหัส
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินเฉิน(เหม่ยเหริน)
ผีผา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x5
x1
x18
x3
x3
x7
x8
x2
x3
x4
x4
x1
x2
x3
x5
x1
x3
x18
x1
x5
x3
x1
x1
x5

0

กระทู้

1

ตอบกลับ

106

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
100
ตำลึงทอง
0
ตำลึงเงิน
51
เหรียญอู่จู
600
STR
0+0
INT
0+0
LUK
0+0
POW
0+0
CHA
0+0
VIT
0+0
โพสต์ 2024-7-29 11:17:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Junmoxiao เมื่อ 2024-7-29 11:18

"อดีตกับความตาย"

“นี่มู่ซิว ตอนนี้ถึงเวลาซ้อมแข่งแล้วนะ”

เสียงของชายคนนึงที่กำลังเดินเข้ามาภายในห้องของร่างสูงอีกที่กำลังนั่งอยู่บริเวณหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์

“ถึงเวลาแล้วหรอ โอเค” เสียงนิ่งเรียบตอบไปพร้อมกับวางหูฟังลง ก่อนที่เขาจะหยิบบัตรอะไรสักอยางขึ้นมาดู

ซูมู่ซิว ชายหนุ่มอายุ 21 ย่างเข้า 22 ลูกครึ่งไทยจีน โดยที่เขานั้นได้เป็นนักกีฬาอีสปอร์ตแลกเปลี่ยนจากต่างประเทศ ตอนนี้เขานั้นเป็นถึงรองกัปตันทีมโดยที่ตัวเขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นอย่างดีในการแข่งตลอดมา นั่นทำให้เขารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ใครบางคนรู้สึกอิจฉาตัวของเขา

มู่ซิวรีบเดินมาที่ห้องประชุมก่อนที่จะเดินลงไปพร้อมกับเห็นว่าสมาชิกหลายๆ คนพร้อมแล้วแม้กระทั่งกัปตันของเขา มู่ซิวไม่รอช้าก็ได้เริ่มการประชุมเพื่อเตรียมวางแผนสำหรับการแข่งงานต่อไป จนการประชุมนั้นเสร็จเรียบร้อย

“มู่ซิว ผู้จัดการทีมเรียกหน่ะ” เสียงของกัปตันเอ่ยขึ้น

“เรียกผมงั้นหรอ” มู่ซิวแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เดินไปที่ห้องของผู้จัดการทีมก่อนที่เขาจะนั่งลง

“นานแล้วเหมือนกันนะที่เราก่อตั้งทีมนี้ขึ้นมา นายคิดว่ามันควรมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไหม” มู่ซิวนั่งนิ่งเงียบ ก่อนที่จะยิ้มอย่างเงียบ ๆ

“แล้วเรียกผมมามีเรื่องอะไรหรอครับ”

“พอดีว่าฉันคิดว่ามันถึงเวลาแล้วหล่ะนะ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ฉันได้ซื้อตัวนักกีฬาที่มีชื่อเสียงและเป็นอันดับหนึ่งตอนนี้มา”

มู่ซิวก็นิ่งแต่ภายในใจของเขานั้นก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมา จนตอนนี้มู่ซิวก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมากนักก่อนที่ผู้จัดการทีมได้เรียกเขาเข้ามา สายตาที่มู่ซิวมองไปก็ทำให้เขารู้สึกได้คิดวางั้นเขาก็คงต้องออกจากทีมแล้วหล่ะนะ

“ฉันจะให้เขานั้นมาแทนตำแหน่งของนายแทน ส่วนนายนั้น..”

“ผมขอลาออกจากทีม”

“เดี๋ยวสิ! ฉันจะให้นายได้เป็นโค้ชเลยนะ” มู่ซิวมองไปที่นักกีฬาคนใหม่ก่อนที่จะมอบบัตรไอดีเกมให้กับเขา

“ฉันคิดว่านายน่าจะนำทีมไปสู่จุดสูงสุดได้นะ แต่ขอถามหน่อย นายหน่ะรักเกมนี้ใช่ไหม”
เขาเอ่ยก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคิดว่านี่คงเป็นอะไรที่แย่มาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักเกมนี้อยู่ เขาจึงได้เลือกเดินทางออกมาจากที่นี่

“แล้วจะไปที่ไหนดีนะ”
สายตาของชายหนุ่มมองไประหว่างที่ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าของสโมสร เขาหันกลับไปมองอีกครั้งก่อนที่จะนึกถึงตัวละครที่เขาเคยเล่นกับเพื่อนของเขาในอดีตและได้สร้างอาวุธไว้ชิ้นหนึ่ง รอยยิ้มที่ออกมาจากภายสีหน้าของเขา
“ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องไปเจอเพื่อนหน่อยแล้วหล่ะนะ”
ในระหว่างที่เขากำลังเดินอยู่นั้นมู่ซิวลืมไปว่าเขากำลังเดินข้ามถนนไป ทำให้รถที่กำลังขับมาด้วยความเร็วนั้นโดยที่เขาไม่ได้สังเกต เสียงแตรที่ดังขึ้นโดยที่เขาหันกลับมาพอดี ทำให้เขานั้นโดนรถชนเข้าอย่างจัง

“เหมือนจะเจ็บ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บมากนัก ขอให้เราได้เกิดเป็นตัวละครนั้นเถอะนะ”
และแล้วชายหนุ่มอายุ 21 นักกีฬาอีสปอร์ตมืออาชีพอย่างซูมู่ซิวได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุรถชน


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
หลังคุณออกจากทีม ทีมเก่าคุณพ่ายแพ้ไม่หยุดหย่อน ขอให้วิญญาณไปอย่างสบายใจ  โพสต์ 2024-8-11 21:28
ดี: 5
  โพสต์ 2024-7-29 11:47
โพสต์ 9535 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-29 11:17
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x4
x15

1

กระทู้

14

ตอบกลับ

202

เครดิต

คนสร้างตัว

พลังน้ำใจ
92
ตำลึงทอง
49
ตำลึงเงิน
54
เหรียญอู่จู
4648
STR
5+3
INT
1+0
LUK
0+0
POW
2+0
CHA
0+0
VIT
2+2
คุณธรรม
0
ความชั่ว
0
ความโหด
0
โพสต์ 2024-8-7 22:36:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ก้าวแรกความตายอีกก้าวเริ่มใหม่





บนด่านฟ้าตึกสูงกลางเมืองใหญ่เว่ยฟู่ชายกลางคน ได้แต่ยืนทบทวนที่แฟนหนุ่มพูดก่อนจะตัดสายไป


"พี่ผมว่าเราเลิกกันเหอะ ผมคิดว่าผมชอบผู้หญิงแล้วที่บ้านผมเขารับไม่ได้ด้วยที่พี่อายุมากกว่าด้วยไม่ต้องติดต่อผมมาอีกแล้วนะ"


ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยทั้งที่ฉันพยามขนาดนั้นแล้วแท้ๆ เขาเจ็บปวดไปทั้งหัวใจแฟนหนุ่มไม่ได้เอาแค่หัวใจของเขาไปแต่ยังทิ้งหนี้ไว้ให้เขาอีกมากมาย ตอนนี้ทั้งเจ็บปวดและไร้หนทางเขาไม่มีบ้านให้กลับเพราะอีกไม่นานมันก็จะถูกยึด ญาติพี่น้องก็ไม่เหลือแล้ว


"สวรรค์!! ท่านจะรังแกกันเกิดไปแล้วผมไปทำไรไว้ถึงต้องเจออะไรแบบนี้"


ต่อให้ตะโกนแหกปากไปเท่าไหร่ก็มีแต่ความเงียบที่ตอบกลับมา ทั้งหัวใจที่แตกสลายและความสิ้นหวังในชีวิต


เว่ยฟู่ค่อยๆก้าวไปเรื่องจนถึงขอบด่านฟ้าอีกแค่ก้าวเดียวทุกความทรมานก็จะจบลง ภาพในอดีตเริ่มย้อนกลับมาในหัวทั้งพ่อแม่ที่เลี้ยงเขามาเพื่อนๆที่คอยเป็นห่วง นั่นทำให้เขาเปลี่ยนใจอีกครั้ง


การตายคงไม่ได้ช่วยไรเอาเป็นว่าไปพักอยู่กับมี่หลง(เพื่อนสนิท)ก่อนละกัน ไว้ค่อยหาทางเริ่มต้นใหม่ เขาค่อยๆก้าวถอยหลังออกมา เมื่อพ้นระยะอันตรายแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในตัวตึก เขาก้าวไปสะดุดกับสายใฟที่อยู่บนพื้น ก่อนจะล้มไปหัวกระแทกกับตู้ส่งไฟ เลือดค่อยๆไหลมาพร้อมกับสติอันเลือนราง


"ต้องมาตายแบบนี้จริงหรอ..."


แสดงความคิดเห็น

ไปสู่ที่ชอบ ๆ การตกจากที่สูงมิได้น่ากลัว แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่(?)  โพสต์ 2024-8-11 21:29
โพสต์ 4664 ไบต์และได้รับ 1 EXP!  โพสต์ 2024-8-7 22:36
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกไผ่ผ้าคลุม
คนแข็งแรง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x18

1

กระทู้

39

ตอบกลับ

5166

เครดิต

เสาหลักพวกพ้อง

พลังน้ำใจ
4927
ตำลึงทอง
45
ตำลึงเงิน
477
เหรียญอู่จู
11886
STR
25+15
INT
30+0
LUK
30+20
POW
20+0
CHA
0+0
VIT
15+12
คุณธรรม
902
ความชั่ว
0
ความโหด
566
โพสต์ 2024-8-11 21:03:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด







สุริยคราส! พราก!! สองเรื่องราว

ให้ได้ประสบ พบพานวิญญาณ

ที่อยู่มาแต่กาลก่อน ทั้งสองเข้ามา



งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง เป็นเวลาที่เหล่าหนอนหนังสือทั้งหลายรอคอยที่จะได้รับลายเซ็นของนักเขียนในดวงใจ เพราะนี่คือโอกาสที่จะได้พบกับเหล่านักเขียนคนดัง ที่จะมาร่วมกิจกรรมภายในงาน


‘ไซลัส หลง’ นักเขียนนวนิยายแนว สยองขวัญ หนึ่งในชื่อที่นักอ่านนวนิยายสยองขวัญคุ้นหูกันดี ด้วยผลงานที่มีออกมาอย่างยาวนาน และเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ มีผลงานกับทางสำนักพิมพ์ EVERNIGHT กว่า 40 เรื่อง


และผลงานของไซลัสได้รับความสนใจสร้างเป็นภาพยนตร์และละครมากมาย


“หนูติดตามผลงานของพี่มาตั้งแต่เรื่อง ย้อนเวลาเป็น ข้ามเวลาตาย จนถึงตอนนี้หนูก็ยังอ่านผลงานของพี่อยู่เรื่อย ๆ”


ชายหนุ่มยิ้มอย่างสุภาพมองหญิงสาวตรงหน้าที่สวมใส่เดรสกระโปรงระบายสีอ่อน “นั่นเป็นผลงานเล่มแรกของผมขอบคุณที่ติดตามสนับสนุนและซัพพอร์ตครับ”


แท่งปากกาหมึกซึมสีดำ ปลายปากกาถูกมือของเขาตวัดเขียนลายเซ็นลงบนนิยายเล่มล่าสุดของไซลัส 


น้ำเสียงสดใสอ่อนลงพร้อมกับนัยน์ตาเศร้าหมอง “แต่หนูคงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะค่ะ หนูป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย”


บรรยากาศอันหนักอึ้งเข้าแทรก ณ วินาทีนั้น เขาทำได้เพียงเขียนคำอวยพรปลอบประโลมหญิงสาวที่กำลังป่วยหนัก ในฐานะนักเขียน หลังจากหมดช่วงเวลาแจกลายเซ็นของเหล่าคนดัง 


ไซลัส หลง เดินออกมาจากหอสมุดแห่งชาติมายังโซนลานจอดรถแขกพิเศษ เสียงนาฬิกาข้อมือดังแจ้งเตือนเวลา 21.00


ติ๊ด ๆ ~


เสียงฮัมเพลงเบา ๆ ดังจากมุมนึงของเสา เมื่อชายหนุ่มหันไปมองพบว่าเป็นร่างของเธอคนนั้น แฟนคลับของเขาที่พึ่งได้พบกันในงานไม่นานนี้ 


“พี่คะ”


“หนูน่ะมีความฝันอยากจะเป็นเหมือนตัวเอกในนิยายที่พี่เคยแต่ง สมาชิกคนที่หลอก ที่ตอนจบของเรื่อง…..” แกร๊ก ๆ เธอหยิบปืนออกมาจากกระเป๋าผ้าสีครีมเล็งจ่อไปยังนักเขียนหนุ่มในดวงใจ “เฉลยว่านางเอกเป็นฆาตกรปิดท้ายด้วยการสังหารคนรักที่เป็นนักสืบ และเธอก็ฆ่าตัวตายตาม”


“หยุดนะครับคุณ” ไซลัสก้าวเท้าถอยหลัง 


“มันหยุดไม่ได้แล้วล่ะค่ะเพราะหนูก็ต้องตายด้วยโรคอยู่ดี ไหน ๆ ก็ต้องตาย หนูก็อยากจะตายกับคนที่หนูรัก”


ปัง ! ปัง ! ปัง !


เสียงกระสุนดังขึ้นสามครั้งและตามมาด้วยนัดสุดท้ายที่เจ้าของปืนปลิดชีพฆ่าตัวตายตามนักเขียนสุดที่รัก ที่เธอเพิ่งเป็นคนฆ่า


03/12/XXXX พบศพไซลัส หลง มีแผลถูกยิงที่ขมับและกลางอก เสียชีวิตภายในลานจอดรถของหอสมุดแห่งชาติ กรุงปักกิ่ง ตำรวจเร่งสอบไขปมคดี ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้จุดพบศพ











←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ผู้มีบุญ
มีดแล่เนื้อ
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
ง้าวปีศาจปลา
หมวกไผ่ผ้าคลุม
พัดคุณชาย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x12
x16
x1
x4
x2
x4
x2
x17
x54
x5
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้