รสาเคยคาดหวังว่าเธอจะประสบความสำเร็จ
แต่ความสำเร็จบนโลกนี้ไหนเลยจะง่ายปานนั้น
เรวรินณ์ ทรัพย์ปรีดา หรือ ‘ รสา ’ นักศึกษาจบใหม่จากคณะจิตวิทยามีชื่อของมหาวิทยาลัยดังที่โยนตัวเองเข้าสู่สมรภูมิการทำงานด้วยการเริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้ดูแลภาพลักษณ์ศิลปินในค่ายนักร้องนักแสดงแห่งหนึ่งพ่วงด้วยการเป็นจิตแพทย์จำเป็นสำหรับปรับพื้นฐานจิตใจให้กับคนในที่ทำงานจนเรียกได้ว่าเป็นน้องใหม่ไฟแรงที่ทำงานเกินค่าจ้างไปมาก เดิมทีไม่เคยมีใครคาดหวังกับน้องใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานอย่างรสา พวกเขาต่างก็นึกว่าตำแหน่งหน้าที่การงานนี้เธอได้มาจากการใช้หน้าตาที่โดดเด่น แต่ใครมันจะไปรู้ ว่าสาวน้อยที่พวกเขาเรียกกันว่าเด็กเส้น จะกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในการทำงาน
“ ล่าสุดพี่เมเน GE0LOUD บอกว่าเรเจฟมีปัญหา รสาหนูไปเช็คให้พี่หน่อย ช่วงนี้น้องกำลังดัง ถ้ามีเรื่องขึ้นมามันจะพาลเดือดร้อนกันไปทั้งวง ”
เสียงกำชับของหัวหน้าทีมเรียกให้รสาเงยหน้าขึ้นจากจอคอมที่ยังเผยให้เห็นข้อความของสแปมอีเมลฉบับหนึ่ง อีเมลที่บอกว่าเธอกำลังจะเสียชีวิตในอีกไม่นาน ความคิดในหัวเริ่มที่จะแล่นอย่างเร็วจี๋เพื่อตรวจสอบว่าใครคือ เรเจฟ วง GE0LOUD จนกระทั่งนึกออก เหมือนว่าเจ้าของชื่อเรเจฟนี้จะเป็นหนุ่มที่ได้รับฉายาจากมวลมหาชนว่า ‘คุณชายน้อย’ ช่วงก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะดังเป็นพลุแตก รสาจำได้ว่าเธอเคยแลกงานชั่วคราวกับเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ ที่ไม่สบายอยู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือครั้งที่ทำให้เธอได้เจอกับอีกฝ่าย
“ นิสัยชอบเหม่อลอยนี่.. จนถึงป่านนี้แล้วยังแก้ไม่ได้อีกเหรอครับ? ”
เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นเหนือหูแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เอาจนคนฟังตกใจจนสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว
ต้องโทษการทำงานที่หนักเกินไป ช่วงนี้รสาพักผ่อนน้อยจนไม่รู้ว่าในแต่ละวันตัวเองรอดชีวิตมาได้อย่างไร ยกตัวอย่างเช่นการที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงห้องแต่งตัวที่เป็นเป้าหมายตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ตั้งใจจะมาหาได้ยืนอยู่ข้างหลังเธอมาเกือบสิบนาทีได้แล้ว
“ ทำงานหนักอีกแล้ว ผมบอกแล้วไงครับว่าทำแบบนี้มันอันตราย ดูสิ กว่าจะเรียกกลับมาได้ ปะ เข้าไปข้างในกันเถอะ พี่เมเนบอกให้มาดูผมใช่ไหมล่ะ เราไปคุยกันข้างในดีกว่า ”
ความสดใสของเรเจฟยังเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาใจผู้คนได้เสมอ
แน่นอน เพราะเธอเป็นคนวางคาร์แร็กเตอร์ของเขาให้ออกมาเป็นแบบนี้เอง
ประตูที่เปิดออกเผยให้เห็นห้องแต่งตัวด้านในที่ไร้ผู้คน ดูท่าวันนี้คงจะไม่ได้มีใครเข้ามาในบริษัทเพื่อถ่ายงาน ดังนั้นห้องแต่งตัวถึงได้ถูกจองไว้ใช้สำหรับการสนทนาเฉพาะกิจที่ไม่อยากให้กดดันถึงขนาดต้องไปใช้ห้องประชุม
“ ตรงนี้มีของว่างด้วย ทานสักชิ้นไหมครับ? ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ เจฟทานเลย พี่ทานอย่างอื่นมาก่อนแล้ว ”
บทสนทนาของพวกเขาดำเนินไปอยางช้า ๆ ภายใต้จุดประสงค์ที่ต่างฝ่ายต่างก็พยายามเพื่อทำความเข้าใจกันและกัน แต่ไหนแต่ไรมา รสาเป็นคนเจ้าแผนการ ภายใต้ใบหน้าใสซื่อนั้นซ่อนไว้ซึ่งไหวพริบชาญฉลาดที่เตรียมไว้ใช้งานในทุกเวลา ดังนั้นแม้จะไม่มีท่าทีกระโตกกระตาก แต่มีเหรอที่เธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังย่นระยะห่างระหว่างพวกเขาให้น้อยลงทีละนิด .. ทีละนิด
“ ไม่ใกล้เกินไปหน่อยเหรอคะ ? ”
เสียงนุ่มดังขึ้นขัดการคืบคลานอย่างเชื่องช้าของไอดอลหน้ามนที่หมายจะจับจองพื้นที่ข้างตัวเธอ
“ ผม .. ผมแค่อยากดูว่าพี่จดอะไรถึงได้ตั้งใจขนาดนั้น ”
ตาเหยี่ยวของหนุ่มไอดอลหลุบลงอย่างกับต้องการจะดูเนื้อหาข้างใน แต่เจ้าของสมุดไม่ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น สองมือคว้าหมับปิดหน้ากระดาษอย่างว่องไวจนคนมองต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย
“ มันเป็นอะไรที่ผมเห็นไม่ได้เหรอครับ? ”
“ มันเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ค่ะ ”
“ แล้วทำไม.. ”
ถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายดูจะตัดพ้อจนเกินเหตุไปบ้าง แต่ก็ถือได้ว่าอยู่ในขั้นที่เธอคาดการณ์เอาไว้พอดี สาวสวยเจ้าของตำแหน่งผู้ดูแลภาพลักษณ์ศิลปินหลุดหัวเราะร่วนพลางยกมือขึ้นขยับแว่นสายตากรอบหนาที่เธอสวมอยู่
“ มีวิธีอีกเยอะแยะที่เจฟจะขอสมุดจากพี่ไปอ่าน แน่นอนว่าพี่ให้เราอ่านได้ ”
“ แต่ไม่ใช่กับในกรณีที่เราเลือกขยับเข้ามาดูเอง ”
ผู้หญิงที่เหมือนกับกุหลาบสีอ่อน หอมหวานน่ามองชวนให้สัมผัส แต่เมื่อแตะลงที่ก้านก็กลับพบหนามแหลมคอยทิ่มแทง รสาเป็นผู้หญิงแบบนั้น เธอปิดสมุดลงพร้อมกับวางปากกาไว้บนหน้าปก ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยความขบขันอยู่ไม่นาน ก่อนที่ทั้งหมดจะกลับมาเป็นท่าทีปลอดโปร่งเหมือนอย่างเคย
“ ยังอยากอ่านอยู่ไหมคะ? พี่สามารถให้เจฟอ่านมันได้ ถ้าเกิดว่าเรายอมถอยกลับไปนั่งที่เดิมดี ๆ ”
รสาหรี่ตาลงเพื่อพิจารณาใบหน้านุ่มนิ่มที่กำลังจมอยู่ในความคิด แต่เพียงแค่ชั่วขณะเดียว เธอก็สังเกตเห็นกระแสอารมณ์บางอย่างพาดอยู่ในแววตาเขา อารมณ์บางอย่างที่ทำให้มุมปากเธอยกขึ้นทีละน้อย
“ งั้นก็ช่างมันไป ไม่อ่านก็ไม่อ่าน ”
ดูแล้วในสายตาอีกฝ่าย บางทีการได้นั่งข้างเธอสักสิบนาทีคงจะคุ้มค่ากว่าการอ่านสมุดที่ด้านในเขียนเกี่ยวกับเขา น่าเสียดาย นึกว่าจะแตกต่างจากคนอื่นที่เคยเจอมาซะอีก .. เมื่อสัมผัสได้ว่าความน่าสนใจจางหายไปจนแทบไม่เหลือ รสาก็เก็บสายตากลับมาจากใบหน้าหล่อเหลา เธอหัวเราะเบา ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศที่คล้ายจะกระอักกระอ่วน
อย่างไรซะตอนนี้เธอก็รู้แล้วการสนทนาครั้งนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง
มีปัญหา ? เหลวไหลทั้งเพ , หาทางเล่นอะไรไม่รู้ความกันอีกล่ะสิไม่ว่า เห็นแก่ที่เป็นรุ่นน้อง คนที่เห็นอะไรมา ‘มาก’ แบบเธอจะให้บทเรียนเขาสักชุดก็แล้วกัน
“ เจฟ ถ้าเราจะเล่นสนุกกับชีวิตสักหน่อยพี่ก็ไม่ว่า ”
“ แต่อย่างน้อยถ้าจะเล่นก็ต้องเลือกให้ดี เห็นแก่ที่พี่เคยดูแลเรามา วิธีการเล่นว่าควรจะทำยังไง.. ”
“ ให้พี่เป็นคนสอนก็แล้วกัน ”
…
“ แก แกได้ยินข่าวหรือยัง ข่าวที่เจฟไปเดทน้องน้ำฟ้า ดาราค่าย xx อะ ”
“ ได้ยินแล้ว กำลังคิดอยู่เลยแบบนี้เจ้ฝนไม่วีนแย่เลยเหรอ ”
“ ก็เล่นชอบทำตัวอวดว่าแอบกินอยู่กับน้องเจฟซะเปล่า ตัวจริงเขามาละ ตอนนี้คงไม่กล้าเชิดหน้าชูคอละมั้ง ”
เสียงปึงปังที่ไม่เบานักดังขึ้นขัดการนินทาอย่างสนุกปากของพนักงานขาเม้าท์ประจำโรงอาหาร ส่วนสาเหตุของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหนแต่เป็น ‘ฝน’ พนักงานบัญชีสาววัย 24 ปีที่กระแทกมือลงกับโต๊ะอาหารของรสาอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงดังไปทั่ว
ใช่ โต๊ะอาหารของรสา
“ เลิกงานเมื่อไหร่ขึ้นมาหาฉันที่ดาดฟ้าด้วย ”
“ เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน ”
รสายกกระดาษทิชชู่ขึ้นซับมุมปากช้า ๆ พลางชำเลืองตามองคนที่อยู่ ๆ ก็ปุบปับมาก่อกวนมื้อเที่ยงของเธอ ถึงกระนั้นในฐานะคนที่ไม่ได้มีความคิดจะสร้างปัญหา เธอก็ทำแค่พยักหน้ารับเป็นอันว่าเข้าใจ ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเดินสะบัดก้นจากไป
โอ๊ย ให้ตาย.. ต้องมีเรื่องยุ่งยากอีกแหง ๆ
และมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดเป๊ะ
สาวบัญชีทรงเฟียสก่อนหน้านี้กลายมาเป็นยัยขี้แงร้องไห้ฟูมฟายท่ามกลางลมหนาวบนดาดฟ้ายามค่ำคืนที่ทำให้ใจสั่น
“ ฮืออออ เขาทิ้งฉัน ”
“ เขาทำแบบนั้นไปได้ยังไง ฮืออออ ”
บนความสูง 32 ชั้น มีคนบ้าอกหักในแบบที่แสดงออกด้วยการตีอกชกหัวนั่งอยู่กับจิตแพทย์จำเป็นที่คล้ายว่าจะยิ้มยากขึ้นเรื่อย ๆ รสาจับประเด็นได้ไม่มาก เธอรู้แค่ว่าทั้งคู่คบกันมานาน เป็นความสัมพันธ์แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่ไม่ว่าใครก็คงจะเคยเผชิญมาสักครั้ง ทว่าต่อมาฝ่ายชายกลับเริ่มห่างเหิน หันไปเจ้าชู้มากขึ้น หว่านสาวคนอื่นมากขึ้น หนักที่สุดคือตอนนี้อีกฝ่ายถึงขนาดไปลักลอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมวงการที่ฝ่ายหญิงไม่สามารถเทียบได้ ก็เลยว้อแตกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เปลี่ยนตัวตนของคนรัก.. จริง ๆ แล้วกำลังนั่งฟังทุกคำระบายด้วยสีหน้าเรียบ ๆ ในแบบของเจ้าตัว อันที่จริงส่วนหนึ่งมันก็เป็นความผิดของเธอที่หันไปชี้โพรงให้กระรอก แต่ใครมันจะไปนึกว่าเด็กที่ดูเรียบร้อยอย่างเรเจฟจะเรียนรู้ได้ดีถึงขนาดเอาไปปรับใช้ได้อย่างเลือดเย็นถึงขนาดนั้น
“ ผู้ชายเxี้ย ๆ แบบนี้แค่ตัดใจก็จบแล้ว ”
“ แต่เขาหล่อ ”
… อืม ไม่เถียง
“ เขาไม่ส่งข้อความไม่โทรหาฉันมาจะเป็นเดือนแล้ว แม่ง โคตรเครี—- ”
รับสายสิวะ รับสิว้อย รับบบ ก็บอกให้รับไง !!
“ … ”
เสียงริงโทนสุดฮาร์ดคอร์ดังขึ้นด้วยระดับความดังสูงสุด รสาหลบตาจากเพื่อนร่วมงานและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ชั่วพริบตาที่เห็นว่าหน้าจอขึ้นเป็นชื่อใคร ชั่วขณะนั้นเธอกตระหนักได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
เป็นเรื่องแล้ว
เรเจฟ is calling you ..
“...”
“ ทำไมเขาถึงโทรหาเธอ ”
“ ไม่รู้ ” รสาตัดสายพลางเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แต่ว่าฝ่ายเพื่อนร่วมงานกลับไม่ยินยอมให้เป็นแบบนั้น มือมารของสาวบัญชีพุ่งเข้ามายื้อแย่งโทรศัพท์ของเธอ ประจวบเหมาะกับสายเรียกเข้าสายที่สองจากคนเดิมที่ถูกโทรเข้ามา ในช่วงเวลาที่สองสาวมัวแต่ตะลุมบอนกันนั้น ก็ดันมีคนเผอิญโดนปุ่มกดรับเข้าพอดี
‘ อ๊ะ รับแล้ว ’
ร่างกายที่ยุ่งเหยิงของสองสาวพนักงานบริษัทค่ายดาราหยุดชะงักกึกกันไปทั่วคู่
‘ พี่รสา ผมทำตามที่พี่บอกแล้วนะ แบบนี้สนุกกว่าที่คิดเยอะเลย แต่คงจะสนุกกว่านี้ถ้าพี่ยอมเล่นกับผม ผมพูดจริง ๆ นะ ผมคิดถึงพี่มาก หลังจากวันนั้นพี่ก็ไม่ยอมรับนัดผมเลย เอาแบบนี้ดีไหมครับ เดี๋ยวผมไปคุยกับประธานให้ย้ายพี่มาดูแลวงผม ทีนี้เราจะได้เจอกันบ่อย ๆ .. เอาแบบนี้ดีกว่า พี่หนีผมไม่ได้หรอก เพราะผมบอกแล้วไงครับ ’
‘ ว่าผมชอบพี่ ’
…
ไอxิบหาย
คุณน้องครับ พูดได้ดี และพูดได้ถูกจังหวะเกินไปแล้วครับ !!
จังหวะนั้นเธอไม่สนแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่อยู่บนมือของอีกฝ่าย รสาพยายามห่อตัวให้ลีบที่สุดเพื่อหลบหนีออกจากเงื้อมมือปีศาจประเภท ‘คนคลั่งหลังอกหัก’ ที่ตอนนี้ได้มารู้ความจริงในจังหวะที่ไม่ควรจะรู้
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงคลั่งหลังอกหักแล้ว มีเหรอจะพลาดโอกาสอาละวาด
รสาได้ยินเสียงวางสายในขณะที่เธอกำลังปรี่ไปยังประตูเพื่อออกจากดาดฟ้า ใครมันจะไปนึกว่าในตอนที่อีกไม่กี่ก้าวจะถึงประตู เธอกลับถูกสาวบัญชีจิกหัวแล้วตบมันตรงนั้น ความรู้สึกชาแล่นแปร๊ดไปทั่วหน้า ยังไม่เท่าความเจ็บจากการที่เธอเผลอกัดลิ้นหลังจากถูกตบ หลังจากนั้นก็เหมือนสงครามขนาดย่อม เธอจำไดัว่าตัวเองถูกตบ ถูกทึ้ง ถูกผลัก และถูกฟาด เสียงตะโกนด่าทอมากมายดังขึ้นในแบบทเธอไม่คิดจะโต้แย้ง
รสารู้ดีว่าตัวเองผิด แต่ก็ไม่ได้ผิดถึงขนาดที่จะมาโดนกระทำแบบนี้
“ แกบ้าไปแล้วหรือไง ! ตัวเองคุมผู้ชายไม่อยู่ก็อย่ามาโทษชาวบ้านเขาสิวะ ฉันไปเล่นด้วยกับมันตอนไหน ไม่ได้ยินหรือไงว่าขนาดเจ้าตัวยังบอกว่าฉันหนี ถ้าจะหลงผู้ชายเxี้ย ๆ ก็หัดโทษผู้ชายที่มันเxี้ย ไม่ใช่เอาแต่โทษคนอื่น !!!! ”
เมื่อสาวสงบปากสงบคำวีนแตกขึ้นมา ระดับความรุนแรงก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนบ้าที่อยากเอาชนะเลยแม้แต่น้อย “ อีกอย่างนึงนะ โอ๊ย **จะเครซี่ ใครเขาสั่งเขาสอนให้แอบกินกันในบริษัท พนักงานกับศิลปิน มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าผลลัพธ์มันจะทุเรศแค่ไหน ยัยโง่เอ๊ย หัดคิดซะบ้าง !! ” แต่แทนที่คนฟังจะได้สติ อีกฝ่ายกลับสติหลุดยิ่งกว่าเดิมจนได้แต่ตบตีจิกทึ้งหมายจะอาละวาดให้อิ่มใจ
รสาจำได้ว่าในช่วงสุดท้ายคือเธอทรุดลง สองตาพร่ามัวในระหว่างที่เธอพยายามยื่นมือไปยึดจับกับราวดาดฟ้า ทว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่รู้ว่าเป็นพวกเธอที่เหวี่ยงกันมาชนราวมากเกินไป หรือเป็นความผิดพลาดทางการก่อสร้าง ตัวน็อตที่ยึดราวกลับหลวมขึ้นมาจนทำให้ทันทีที่รสาทิ้งน้ำหนักตัวลงไป มันก็พลันหลุดออกจากราว ส่งให้ร่างเล็กถลาออกไปอย่างรวดเร็ว
“ ร..สา… ”
เธอเห็นได้ชัดถึงสีหน้าหวาดผวาสุดขีดของฝนในระหว่างที่ทั่วทั้งตัวรู้สึกวูบโหวง
โอเค.. โอเคเลย..
ทำไมต้องเป็น ** ล่ะวะ
“ ไอเxี้ยยยยยยยยยยยย ”
เรวรินณ์ ทรัพย์ปรีดา — หรือ ‘ รสา ’ เสียชีวิตด้วยวัย 22 ปี จากเหตุผลัดตกจากตึกสูง .