LuBairan โพสต์ 2024-9-14 18:33:10

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-9-14 18:58 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 650px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<style>
#boxLEETTER {
    width: 350px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/1VhFLiD.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ฉาบู๋มู่ก่าต้า</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">
วันที่ 24 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>
เวลาสิบสองนาฬิกาเป็นต้นไป</font></font>

</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">ในช่วงสายของวันที่แสนจะวุ่นวาย ผู้คนมากมายตบเท้าเดินออกจากที่พักเพื่อเริ่มใช้ชีวิตกันจนควักไคว่เต็มเส้นถนน ใครจะไปรู้และใครจะไปนึก ว่าหนึ่งในคนที่เดินเฉียดหรือไม่ก็เดินผ่านอาจเป็นผู้สูงศักดิ์ บ้างอาจเป็นเชื้อพระวงศ์ บ้างอาจเป็นขุนนาง บ้างอาจเป็นคนใหญ่คนโต แต่ก็เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครนึกว่าคนพึ่งสวนกันไปจะเป็นถึงพระชายาอย่างแน่นอน
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกขยับหมวกไผ่ผ้าคลุมที่ช่วยบดบังโฉมหน้าเลิศล้ำเป็นเอกเล็กน้อยเพื่อเรียกความมั่นใจของตัวเองให้กลับคืนมา ถึงเหล่าสตรีฝ่ายในจะไม่มีข้อห้ามในการออกมาด้านนอก แต่ก็ใช่ว่าจะสมควรออกมา บัดนี้เบื้องหน้าของนางคือร้านชาบูปิ้งย่างเพียงหนึ่งเดียวในฉางอัน.. หรือไม่ก็อาจจะเพียงหนึ่งในแผ่นดิน
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อันที่จริงไป๋หรั่นไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดจะต้องใช้ร้านอาหารแปลกประหลาดนี้มาเป็นสถานที่นัดหมาย แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนก็พบว่ามันอาจเป็นการดีแล้วก็ได้เพราะโดยทั่วไปคงไม่มีใครนึกว่าพระชายาผู้โด่งดังและหัวหน้าขันทีแสนยิ่งใหญ่จะนัดหารือกันในสถานที่เช่นนี้
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางไม่จำเป็นต้องอ้าปากถามสิ่งใดเลยด้วยซ้ำ เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมเห็นหญิงสาวที่แต่งกายด้วยอาภรณ์ชั้นดีเดินเข้ามาทั้งที่ยังไม่ได้ปลดหมวกไผ่ผ้าคลุมก็รีบกระวีกระว้าดวิ่งเข้ามากล่าวพลางกระซิบเสียงเบา<font color="#567852"> " นายท่านผู้หนึ่งกล่าวไว้แล้วว่าท่านจะมา เชิญทางนี้ขอรับ "</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นับว่าเป็น.. เรื่องดีหรือร้ายล่ะนี่
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">" คราวหลังพึงระวังไว้หน่อยเถิด หากผู้ที่เขานัดมาหาใช่ข้า เจ้าจะลำบากเมื่อกล่าวอย่างนี้ " </font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สาวงามระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปาก เพราะไม่อยากให้ร้านอาหารต้องเสียลูกจ้างไปโดยใช่เหตุ นางเลือกที่จะเตือนเสียงเรียบแทนการตำหนิอย่างรุนแรงเพื่อไม่ให้คนทำหน้าที่ของตัวเองต้องเสียกำลังใจ ทว่าผู้ฟังกลับยิ้มรับอย่างรู้งานพลางก้าวขึ้นมาทั้งที่ร่างกายขยับโค้งลงผายมือเชิญให้นงคราญได้ก้าวไปตามทาง <font color="#567852">“ ไม่หรอกขอรับ ท่านผู้นั้นแจ้งผู้น้อยไว้แล้วว่าแขกของเขาจะต้องแฝงกายมาเช่นนี้ ” </font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<i><font color="#994D7B">‘ เขาอันตรายเกินไปจริง ๆ ’</i></font> ริมฝีปากสีกลีบเหมยกุ้ยขยับพึมพัมเสียงเบา ต่อให้ไม่พอใจแล้วอย่างไร สุดท้ายนางก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้อยู่ดี โฉมสะคราญปรายตามองรอบกายเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตามทางที่ถูกเชิญให้ก้าวไป สิ่งที่รอนางอยู่คือห้องรับรองพิเศษที่ส่งกลิ่นเนื้อย่างหอมฉุย
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ ผู้น้อยมิทราบว่านายหญิงโปรดปรานเนื้อย่างหรือเนื้อลวก ฉะนั้นผู้น้อยจึงเตรียมเอาไว้ทั้งสองประเภท.. ”</font> ทั้งที่เขายืนหันหลังอยู่แท้ ๆ .. นัยน์ตาหงส์ของสาวงามหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินการกล่าวทักทายที่แสนแม่นยำประหนึ่งว่ามีตาหลังมองทะลุม่านผ้าแพรที่นางสวมอยู่ ไป๋หรั่นไม่แม้แต่จะปลดหมวกไผ่ผ้าคลุมออก สาวงามเช่นนางมีความคุ้นชินกับการซ่อนโฉมใต้ผ้าแพรยิ่งกว่าใคร
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ คุณชายจางสำราญได้อย่างนี้หรือว่ามีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้น? ”</font> ประโยคทักคำแรกจากปากนงคราญแฝงไว้ด้วยความห่วงใยจนคนแซ่จางยังต้องชำเลืองตามองตามเงาร่างโอดสะองค์ที่ก้าวอ้อมโต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไปนั่งยังฝั่งตรงข้าม
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ นายหญิงได้ดิบได้ดีเช่นนี้ ผู้น้อยจะไม่สำราญได้อย่างไร ” </font>ตะเกียบไม้ราคาแพงคีบเข้าพลิกเนื้อหมูบนกระทะร้อน ๆ ผู้ที่แสร้งทำเป็นว่านัดหมายครั้งนี้มีเพื่อเฉลิมฉลองเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ <font color="#980000">“ ทั้งหมดนี้เป็นความโชคดีของผู้น้อยที่เลือกคนได้ถูกต้อง.. นายหญิงก้าวหน้าไวกว่าที่ผู้น้อยคาดไว้มาก ส่วนนี้ต้องชื่นชมว่าเป็นเพราะความสามารถของนายหญิง ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สาวงามใต้ผ้าแพรมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลายออก <b><font color="#994D7B">“ เรื่องนี้คุณชายจางเองก็ลงแรงไปมาก ไหนเลยจะเป็นเพราะความสามารถของข้าฝ่ายเดียว ”</font></b> ดูเสียก่อนว่าพริบตาเดียวในตำหนักตงเฉินของนางมีคนของเขาไปแล้วตั้งกี่คน
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ นายหญิงถ่อมตัวไปไย.. ผู้น้อยติดตามนายท่านมาหลายปี ทราบดีว่าลึก ๆ แล้วนายท่านโปรดปรานนายหญิงมากสักแค่ไหน ”</font> ห่าวหมิงเคยลังเล.. ชั่วขณะหนึ่งที่เสียนอี๋ผู้นั้นก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นที่โปรดปราน เขาถึงกับต้องหันย้อนไปมองว่าการตัดสินใจสนับสนุนหญิงงามเช่นลู่ไป๋หรั่นนับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าหรือไม่ ทว่าหลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็กลับตาลปัตร <font color="#980000">“ ซ่างกวนซ่างซูกล่าวไว้ไม่ผิดเลย ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หนทางของสตรียากนักหยั่ง ประเดี๋ยวตื้นเขินปลอดโปร่ง รู้อีกทีก็ซับซ้อนวุ่นวาย
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บุคคลที่สี่ในบทสนทนาพาลทำให้ดวงตาคู่งามหรี่ลงเล็กน้อย นัยน์เนตรสีคมเข้มฉาบประกายขบขันกึ่งอาทร นงคราญหยกเหยียดริมฝีปากออกเล็กน้อย พลางจรดปลายนิ้วแตะกับขอบของจอกชาในระหว่างที่นางนึกถึงเรื่องเก่าก่อน <font color="#980000">“ อย่างไรก็ตาม นายหญิงสมควรเริ่มดำเนินแผนการที่เด็ดขาดกว่านี้ ” </font>หัวหน้าของเหล่าขันทีทั้งปวงผู้ชำนาญการพิเศษด้านสร้างละครตลบแตลงเอียงใบหน้าเล็กน้อยเมื่อพูดจบ
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เด็ดขาดกว่า… นี้? ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ บัดนี้นายท่านยังไม่มีผู้สืบทอดเลยสักคน หากว่านายหญิงสามารถมอบผู้สืบทอดที่เหมาะสมให้แก่นายท่านได้ แน่นอนว่าต้องเป็นความสำเร็จที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเทียบเคียงได้ ”</font>ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้พูดปากเปล่า เขาลุกขึ้นประสานมือและโค้งลงเสมือนว่าขอความเมตตาให้นางเห็นดีเห็นงามไปกับแผนการที่เด็ดขาดขึ้น
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นปิดเปลือกตาและวางจอกชาในมือลง ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ถึงความสำคัญของเรื่องทายาท สาวงามดั่งหยกปรายตามองชายที่ไม่ย่อท้อตรงหน้า <font color="#994D7B">“ เหตุใดจึงเลือกกล่าวเรื่องนี้กับข้า ”</font> เสียงหวานถามกลับอย่างเชื่องช้า เปลี่ยนประโยคห้วนไร้ที่มาให้กลายเป็นนุ่มนวลน่าฟัง
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ เพราะหากเป็นท่าน เรื่องนี้ย่อมสำเร็จได้ง่ายที่สุด ”</font> ห่าวหมิงยังคงมั่นใจว่านี่คือหนทางที่ถูกต้อง ผู้รังสรรบทละครค่อย ๆ ยกแผ่นหลังขึ้นกลับมายืนตรงพร้อมด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย <font color="#980000"><b>“ บุตรสาวก็มีแล้ว.. หากไม่สืบทายาทต่ออาจเป็นที่ครหาได้นะขอรับ ”</font></b>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าความเป็นมาของเด็กคนนั้นไม่ธรรมดาแต่ก็ยังเลือกหยิบขึ้นมาพูด นงคราญหยกไม่ปฏิเสธว่าความเห็นของอีกฝ่ายเป็นเรื่องจริง.. ลูกสาวก็มีแล้วถ้ายังทำเป็นรั้งรอไม่คิดเพิ่มผู้สืบทอด ความคิดที่ว่าทั้งสองคนรักใคร่สมัครใจอาจสั่นคลอนได้ แต่แล้วอย่างไร? <font color="#994D7B">“ ข้ายังไม่คิดอยากมีบุตรชายหรือบุตรสาวเพิ่มในยามนี้ ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ ทว่าผู้คนล้วนต้องการ ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ หากนายหญิงให้กำเนิดบุตรชาย.. ท่านคงทราบดีว่าเขาจะได้รับสิ่งใดบ้าง ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลูกของตัวเองไม่เหมือนการรับเด็กบ้านอื่นมาเลี้ยง ความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น ความผูกพันที่มีมา รวมไปถึงความหวงแหนที่ไม่เคยได้สัมผัส.. วังหลวงแห่งนั้นคงทรหดมากยิ่งขึ้นเมื่อหากนางมีลูกกับชายที่ไม่ได้ปักใจรัก <font color="#994D7B">“ … ข้าจะไปแล้ว ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ กุ้ยฮวากับชาหวงซานเหมาเฟิงนี้.. ” </font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ ถือเสียว่าเป็นการขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา ”</font>โฉมสะคราญงามดุจอัปสรยันกายลุกขึ้นพร้อมกับการวางขนมและน้ำทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายเป็นกับแกล้ม ผ้าแพรขยับพริ้วไหวไปมาตามการขยับใบหน้าที่ไม่จริงจังนัก <font color="#994D7B">“ เรื่องคำแนะนำ.. เปิ่นกงจะลองเก็บไปคิดดู ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#980000">“ นายหญิงไม่ทานก่อนสักคำ? ”</font>
         <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#994D7B">“ เปิ่นกงชอบเนื้อย่าง แต่เกรงว่าคงไม่เหมาะสำหรับวันนี้ ”</font>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">                  <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<b> จางกงกง</b><br>
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน<br>
+20 โบนัสความสัมพันธ์หัวดี<br>
+15 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดม่วง และ ชาเกรดม่วง +10<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากอาหารประเภทอาหารปรุง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์จากชาประเภทชงชา<br>
+15 ความสัมพันธ์จากเอฟเฟคพรสวรรค์ดอกท้อ
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LinYa โพสต์ 2025-6-5 22:22:37

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png


         หลินหยาก้าวเท้าเข้าสู่หน้าร้าน “ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า” ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยผสมความหิวปนกันจนแทบแยกไม่ออก ใต้ป้ายร้านที่เขียนด้วยอักษรประหลาดแบบไม่คุ้นตา หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองป้ายอีกรอบ เธอไม่มั่นใจว่าแปลไม่ถูกหรือเจ้าของร้านแค่อยากตั้งชื่อให้ชวนสับสน “นี่มันภาษาชาติไหนกันนะ…?” เธอบ่นพึมพำก่อนจะโดนกลิ่นซุปและเนื้อผัดหรือย่างร้อน ๆ ปะทะจมูกอย่างจัง ราวกับลมฤดูร้อนที่พัดผ่านกลิ่นหอมอันโอชะ

         ภายในร้านเต็มไปด้วยไอน้ำร้อนจาง ๆ กลิ่นพริกหอมและกระเทียมเจียวเตะจมูกจนแทบเคลิบเคลิ้ม มีลูกค้าโต๊ะใหญ่ ๆ นั่งเรียงกันเป็นตับ คุยเสียงดังหัวเราะคิกคักเหมือนกำลังดูงิ้ว แต่บนโต๊ะกลับไม่มีใครเงยหน้าจากหม้อไฟเลยแม้แต่คนเดียว…กะ..กินอะไรกันขนาดนั้นอ่ะ เธอจะกินตลอดเวลาไม่ได้นะ..เงยหน้าขึ้นม๊าาาา

         หลินหยาคิดในใจก่อนที่จะกลั้นดวงใจของตนเองแล้วเดินไปเข้าร้านแล้วถามเจ้าของร้านตัวใหญ่กล้ามเป็นมัด ๆ ตรงนั้น ชายหนุ่มเป็นคนต่างถิ่นหรือเปล่านะ? … “สวัสดีเจ้าค่ะ ร้านนี้รับจ้างพนักงานชั่วคราวไหมเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามขึ้นมาอย่างสงสัย ก่อนที่จะกระพริบตาปริบ ๆ รอ

         ชายหนุ่มเงยหน้ามา กะพริบตาหนึ่งทีแล้วหัวเราะ “โอ้ มีสิแม่นางตัวเล็ก! ช่วงนี้ลูกค้าโคตรจะบ้ากินกันเลย กินกันเหมือนพรุ่งนี้ไม่มีข้าวกิน! ค่าแรงล้างผักวันนี้ให้เลย 150 อีแปะ ทำไม่ยาก ไปหลังร้านได้เลยแม่นาง” หลินหยาแทบจะคุกเข่าแล้วร้องไห้กลางร้าน เธอค้อมหัวให้อีกคนเช่นนั้น “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ขอบคุณจริง ๆ เลยนะเจ้าคะ” เอ่ยบอกแล้วเมื่อได้รับคำสั่งเธอก็รีบตรงไปยังหลังร้านทันที

         พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ โลกเบื้องหลังร้านอาหารก็ปรากฎขึ้นในครัวเต็มไปด้วยถังผักเรียงราย ทั้งผักบุ้ง ผักกาดขาว ผักชี ต้นหอม ฟักทองจีน แครอทแผ่นบาง

          “แทะแดกเข้าปากเลยได้ไหมเนี้ย” พึมพำนิดหน่อย..

         หลินหยาม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มหยิบผักกาดขาวใส่มือล้างอย่างทะนุถนอม เธอถูเบา ๆ ล้างไล่ดิน ขัดโคนรากด้วยปลายนิ้ว พร้อมพึมพำกับตัวเอง “ทุงยาบาเล ๆ ทุง ๆ ซาฮูราา” ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรหรอกนะ พูดไปงั้นแหละ เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลิ่นผักเปียกและเสียงน้ำหยดกระทบถังไม้ ชุดที่เคยสะอาดตอนที่อยู่ร้านผ้า ตอนนี้มีร่องรอยของจุดน้ำเปียก ๆ เหมือนกับลายศิลปะ แต่มันเลอะมากกว่าน่ะสิ แต่หลินหยาก็ยังคงตั้งใจทำงานอยู่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะ

         เสียงหยดน้ำจากปลายผักชีเปียกตกกระทบขอบถังไม้ดัง แหมะ...แหมะ อย่างชวนง่วง ทว่าในจังหวะที่หลินหยากำลังล้างผักกาดขาวก้านสุดท้ายอย่างตั้งใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในเงามืดด้านหลังร้านขนาดใหญ่ หญิงสาวก็เลยขมวดคิ้วช้า ๆ ก่อนจะยื่นหน้าออกไปชะโงกมอง อะไรน่ะ? ผีเราะ?

         ขนขาวฟู ๆ ลายดำ ๆ กลม ๆ …นั่งกอดเข่ากินไผ่อยู่…ฮะ??...เข้!!

         ดวงตาหญิงสาวเบิกโพลงทันทีเหมือนถูกตบหน้าด้วยกะหล่ำปลี เธอผงะถอยหลังชนเข่งใส่ต้นหอมล้มพรืดแทบล้มทับ "ขะ..เข้! แพนด้า!?" สิ่งมีชีวิตตรงหน้านั้น...คือแพนด้าตัวจริงเสียงจริง ตัวเบ้อเร่อ นั่งพิงต้นไม้แทะไผ่กรอบแบบ ASMR กร๊วบ ๆ กร๊อบ ๆ แกร๊บ ๆ เดี๋ยว ๆ ทำไมมีแพนด้าด้านหลังร้านวะคะ?...หลินหยายืนอ้าปากค้าง ทำไมมีแพนด้าล่ะ? สัตว์เลี้ยงเจ้าของร้านเราะ?

         แต่เนื่องจากกลัวว่าแพนด้าจะตบเลยกะว่าจะถามทีหลังดีกว่า กลับไปทำงานของตนเองต่ออย่างงง ๆ และเมื่อครบชั่วโมงเจ้าของร้านก็เดินมาตรวจงานก่อนที่จะยื่นถุงเงินเล็ก ๆ ให้กับหลินหยาอีกหนึ่งใบ

          “นี่จ่ายเลยนะ 150 อีแปะ เก็บให้ดีล่ะ อย่าทำตก แล้วถ้าพรุ่งนี้หิวเงินอีกแม่นางก็มาทำต่อก็ได้นะ ฮ่า ๆ ๆ” เจ้าของร้านบอกเธอแบบนั้น ทางหลินหยารับถุงพร้อมยิ้มกว้างแล้วรับเงินมาพลางกุมเงินแน่นราวกับกุมลูกไก่ทองคำ หลังจากที่เดินออกมาจากร้านเธอเหมือนพึ่งคิดอะไรได้ว่า..ลืมถามว่าแพนด้านั้นคืออะไรอ่ะสิ..อ้าว ตกใจจนลืมเลยหรอเนี้ย หรือเพราะเงินอีแปะมันทำให้เธอลืมทุกอย่างกันนะ? นั้นสิ


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png


@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
รางวัล: ค่าจ้าง 150 อีแปะ 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-7 12:17:45

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

วันที่ เจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น.

         เวลาเที่ยงตรงกลับมาแล้ว เวลาที่ใกล้เคียงกันของการเข้าสู่ยามอู่อย่างเป็นทางการตอนนี้พื้นหิวที่แผดเผาคือพื้นของถนนในฉางอันของช่วงหน้าร้อน ที่จะเผาเท้าสำหรับคนเดินตีนเปล่าแต่คงไม่มีใครเดินแบบนั้นหรอกถ้าไม่ใช่คนที่เป็นขอทาน ไม่สิ ขอทานยังมีรองเท้าเลย ของแบบนี้มันควรมีนะ … แต่รู้ไหมว่าตอนนี้แม้ว่าจะร้อนถึงเพียงไหนก็ไม่อาจขัดขวางความปรารถนาอันแรงกล้าของชาวฉางอันที่สุดยอดจะยืนยันแล้วก็ซดน้ำซุปที่เผ็ดร้อนกลางฤดูร้อนอย่างกล้าหาญชาญชัยสุดหัวใจคนมักของอร่อยในร้านหม้อไฟและปิ้งย่างอย่างร้าน ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า ที่หลินหยายังคิดไม่ออกเลยว่ามันหมายความว่ายังไง

         เธอกำลังเดินไปที่ร้านอาหารแห่งนี้ที่มีเสียงพูดคุยกัน เสียงหัวเราะ เสียงของหม้อไฟปะทุแล้วก็เสียงตะโกนพร้อมกับการทะเลาะกับเตาถ่านที่มี

         ร้านอาหารแหางนี้เปิดได้อย่างงดงามมาเกือบหนึ่งปีแล้วล่ะ มันอยู่ใกล้สถานที่แถวย่านอาหารเหมือนกัน มีโต๊ะไม้ยาวเรียงราวแล้วก็มีสิ่งที่ตกแต่งมากมาย ลมพัดแรงพอให้ผ้าบางปลิวไปมาเหมือนกับธงเรียกแขกมันจะดีมากถ้าไอ้ลมนั้นไม่ใช่ลมร้อน เสียงของเนื้อวัวสไลซ์ถูกวางตรงตะแกรงร้อนแล้วดัง ฉ่า ฉ่า ฉ่า …อืมมมม อาหร่อยยย แบบเดียวกับเสียงของคนที่ตกหลุมรักคนอื่นไม่มีผิด ร้อนแรงและไม่อาจกลับใจได้เลยสักนิดเดียว

         หลินหยาเดินมาที่ร้านเหงื่อยังซึมเหมือนเดิมนิดหน่อยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแป้นของเธอมือหนึ่งถือของไว้ภายใน นิ้วโป้งของเธอยังคงยืนยันว่าจะมาทำงานที่นี่แม้ว่ามันจะแปลก ๆ ที่มีหมีแพนด้าก็ตามที.. "สวัสดีเจ้าค่ะ เถ้าแก่ ข้ามาแล้ว.." เธอเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ แล้วโบกมือทักทายเถ้าแก่แล้วโดนลากไปทำงานทันที เถ้าแก่ร่างกล้ามที่ยกหม้อไห เตาถ่าน กระทะ ะละมังด้วยมือเดียวเดินมาแล้วมองเธอ

       "มาเลย ๆ ช่วยกันเคลียร์โต๊ะ เดี๋ยวคนต่อไปจะเข้าร้านแล้วล่ะ ล้างโต๊ะให้เลยนะ เดี๋ยวพวกคนต่อไปเรียงคิวแล้ว อย่าไปยืนใกล้เตานะ เดี๋ยวหัวเจ้าจะติดไฟแม่นาง" เจ้าของร้านเอ่ยบอกส่วนหลินหยาก็พยักหน้าแล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็วเพราะต้องเคลียร์โต๊ะแบบสติงชัว แค่ก ไม่ใช่ ๆ แบบรีบ ๆ นั้นแหละ เมื่อโดนสั่งแบบนั้นเธอก็รีบเดินไปลากกะละมังแล้วก็ผ้าขี้ริ้วออกมาวิ่งไปเคลียร์โต๊ะที่มีคนพึ่งทานอาหารเสร็จแล้วไปขัดโต๊ะแบบคนที่ไม่กลัวความตาย แถมยังฮัมเพลงไปด้วยเสียเลย ท่าทางเป็นคนที่อรรมณ์ดีเหมือนกันนะเนี้ย

         แต่เพราะที่นี่คนเยอะมาก เสียงฮัมเพลงของเธอก็เลยค่อนข้างที่จะโดนกลบหมดไม่เหลือซากเลยด้วยซ้ำ เอาเถอะสนุกจริง ๆ เลยล่ะ พอถึงช่วงเวลานี้ของวันทีไรมันก็ร้อนชนิดที่ไม่ต้องปิ้งก็สุกแล้วมั้ง แต่อย่ากินหมูดิบนะเดี๋ยวหูดับกันพอดี กินเนื้อสิวะ! แต่ขนาดนี้ผู้คนมากินก็มีเยอะเหมือนกัน ต่อคิวกันมาเหมือนกับอย่างกับต่อคิวตัดเวรตัดกรรมเหมือนบอกว่า หมูกะทะจะเยียวยาทุกสิ่ง ชุดของผู้คนสะบัดลู่ไปตามเหงื่อของพวกลูกค้า ริมฝีปากของแต่ละคนแดงเถือกจากน้ำซุปร้อน ๆ ของหม้อไฟซอสหม่าล่าแล้วกระทั้ง ทุกคนกำลังซดแล้วก็ย่างแล้วก็กินเรื่อย ๆ จนต้องมีการวางผ้าเย็นควบคู่กันให้เอาไปเช็ดเหงื่อเช็ดหน้าตัวเอง แต่อย่าเผลอเอามือเผ็ด ๆ นั้นเข้าตาอีกล่ะ

         หลินหยาไม่หยุดนิ่งแม้แต่วินาทีเดียว เธอวิ่งไปขอเตาหลุมใหม่ให้โต๊ะที่ไฟดับ บรรจุฟืน เพิ่มถ่าน เสิร์ฟผัก โยนเห็ด รินน้ำชา จนกระทั่งเผลอจะเทน้ำราดหัวตัวเองเพราะร้อนเกินไปจริง ๆ นะเนี้ยบอกเลยเพราะว่ามันร้อนมาก ๆ แต่ผู้คนก็ยังคงกินเหมือนกัน..โคตรแย่จริง ๆ เลยนะ เธอหาววอดนิดหน่อยจากการที่ตัวเองก็เริ่มหิวเหมือนกันแต่ก็คงไม่กินมันหรอกเพราะร้อน ๆ ไว้กินตอนหน้าหนาวแล้วกันนะ อีกอย่างคือเหนื่อยค่ะ …

         เธอระบายยิ้มเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็เดินไปจัดการกับการทำงานอีกครั้งรอบนี้ค่อนข้างสบายนิดหน่อย เธอเดินไปล้างผักด้านหลังร้านเหมือนเมื่อวานนี้ อยู่กับน้ำมันก็ดีกว่าอยู่หน้าเตาแหละ เพราะว่าเธอเหนื่อยกับความร้อนเต็มทน ระหว่างล้างผักไปเรื่อย ๆ เธอก็ได้ยินเสียง กรวบ กรวบ แกร๊บ กรวบ กรวบ เป็นเสียง ASMR ของการกินท่อนไผ่แซ่บ ๆ ของท่านหมีแพนด้าหลังร้านที่เธอไม่รู้ว่ามันทำไมมาอยู่ตรงนี้วะเนี้ย แล้วทำไมมันกินไผ่แบบแซ่บ ๆ จังเลยวะ ทำเอาอยากลองเคี้ยวไผ่เหมือนกันเลยนะเนี้ย..แม่งหิวว่ะ…

         คิดแบบนั้นแล้วก็ล้างผักให้เรียบร้อย เปลี่ยนน้ำ เอาส่วนที่ใช้ไม่ได้ออกไปอย่างพิถีพิถันท่ามดลางความเหนื่อยอ่อนครั้งนี้แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลยนะ สนุกดีมากกว่า หลังจากที่เริ่มทำไปทุกครั้งเธอก็เริ่มชินกับการได้ยินเสียงหมีแพนด้ากินไผ่เสียแล้วล่ะ สักวันนะ เธอจะไปช่วยมันแทะไผ่สักกะทีเหมือนกัน กินแซ่บจนน่าอิจฉาเกินไปละมัน…

         พอล้างผักเสร็จก็เอาพวกนั้นไปสะเด็ดน้ำ ก่อนที่จะได้ไปเสิร์ฟ พวกพนักงานจัดจานก็จะทำกันเองนั้นแหละ ตอนที่หลินหยากำลังเดินออกมาพักผ่อนเพื่อกินน้ำก็เลยเห็นเจ้าของร้านที่นั่งอยู่น่าจะกำลังพักผ่อนเหมือนกัน นั้นสินะ? ถามเถ้าแก่บ้างจะเป็นอะไรไปล่ะ ว่าทำไมถึงมีแพนด้าอยู่ด้านหลังร้านแบบหมีแพนด้าอ่ะ…ตัวเป็น ๆ

         "เถ้าแก่เจ้าคะ..ข้ามีคำถามเล็กน้อย ขอถามด้วยความเคารพเลยนะเจ้าคะ คือว่า ทำไมมีหมีแพนด้าอยู่ที่หลังร้านหม้อไฟหรือเจ้าคะ?" นางเอ่ยถามแบบนั้นอย่างสงสัย เจ้าของร้านวัยกลางคนก็มองเด็กสาวตอนแรกเหมือนเขาจะไม่ได้คิดอะไรหยิบแก้มน้ำมาดื่มแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "ก็เลี้ยงไว้ให้หายเครียดน่ะ ด้านหลังเป็นก่อต้นไผ่ที่มันชอบด้วยทำไม ไม่ดีหรือ?" เสียงเขาถามต่อ อยากจะบอกว่าไม่ใช่ไม่ดี แต่มันกินแซ่บจนหลินหยาหิวไผ่อ่ะดิ..
"เปล่าเจ้าค่ะ มันกินแซ่บจนข้าหิวไผ่เลยเจ้าค่ะ เสียงคือแบบ กรวบ ๆ ดังตลอดเวลาที่ล้างผักเลย"

         เมื่อเถ้าแก่ได้ยินแบบนั้นแล้วก็หัวเราะนิดหน่อยเพราะมันเป็นแบบนั้นจริง ๆ นั้นแหละมันน่ารักแล้วก็กินแซ่บจริง ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คุยแล้วก็ทำงานกันต่อ นี้แหละช่วงเวลากลางวันของหลินหยาเพราะเธอต้องอยู่ในร้านค้าที่ต้องมีความร้อนอยู่รอบ ๆ แต่มันก็สบายใจดีเหมือนกันนะ? สนุกดีเหมือนกันนะเนี้ย..


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 150 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-8 21:49:35

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ แปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น.ไปทำงานร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง - ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า

         และแล้วเมื่อเวลาเข้ายามอู่ แดดเอียงเถียงกลายเป็นตรงกลางท้องฟ้างาม แสงอาทิตย์ที่เคยอ่อนนุ่มตอนนี้แรงจัดเริ่มจัดเป็นม่านไอร้อนลอยจากเตาหม้อไฟแล้วก็ตะแกรงย่างไปทั่วเขตตะวันของฉางอันเหมือนเดิม และที่หัวมุมถนนที่สามมีร้านที่ตั้งโดดเด่นในซอยเต็มไปด้วยกลิ่นของเนื้อย่างและน้ำซุปที่หอมจัดจ้านจนน่าเดินเข้าไปภายในร้าน …ป้ายร้านนั้นโบกไหวไปตามสายลมอ่อน ๆ แต่เพราะมันทำมาจากไม้เลยไม่ขยับสักหน่อย สะดุดตาด้วยอักษรประหลาดที่ไม่มีใครรู้ว่าแปลว่าอะไรเลย แต่กลับขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติที่อร่อยล้ำจนแทบอยากร้องไห้ขณะเคี้ยว มีคนบอกว่าการมากินที่นี่ จะเป็นสิ่งเสพติด ถ้าไม่ได้มาทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนใจมันจะอยู่ไม่นิ่ง มันต้องการหม้อไฟอ่ะค้าบ การกินหม้อไฟมันเป็นเรื่องปกติของคนที่มักของแซ่บและมักม้วนค้าบ แค่ก ๆ

         วันนี้หลินหยายังคงมาทำงานที่ร้านนี้อีกครั้งแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือชุดผ้าฝ้ายสีชมพูอ่อนพอดีตัวที่มีผ้าคาดเอวสีขาวไข่มุกอ่อนโยน กระโปรงไม่ฟูฟ่องแต่พลิ้วไหวได้ทุกสถานะการณ์ของจังหวะเท้าของเธอ เส้นผมที่มักจะยุ่งเหยิงในวันเร่งรีบโดนมัดรวบเป้นมวยด้านหลังแล้วปล่อยบางส่วนลงด้านหลัง เธอติดปิ่นและดอกไม้เล็ก ๆ สีอ่อนทั้งสองข้าง เมื่อเดินผ่านประตูไม้เข้ามาแล้วกลิ่นหม้อไฟร้อน ๆ อร่อย ๆ ก็หอมหวนปะทะใบหน้าของเธอเสียแล้ว และเสียงของลูกค้าก็ดังก้องจ๊อกแจ๊กจอแจทั้งร้าน แต่แทนที่เธอจะได้เดินไปหลังร้านแบบปกติ เถ้าแก่กลับหันมองแบบครุ่นคิด

         "สวัสดีแม่นาง วันนี้เจ้าดูเหมือน หญิงสาว จริง ๆ เลยนะ?” เขาเอ่ยถามพลางกอดอกเหมือนกับคิดอะไรได้สักหน่อย ตอนแรกหลินหยากำลังจะหันไปมองค้อนเถ้าแก่เพราะมันหมายความว่าในทุก ๆ วันที่ผ่านมาเธอไม่เหมือนสตรีอย่างงั้นหรือ หยามมากนะ เดี๋ยวกัดหัวเถ้าแก่เสียเลยนี้ ฮึย ๆ “พอจะเป้นพนักงานเสิร์ฟได้ไหมล่ะ? ไม่ต้องไปอยู่ด้านหลังร้านล้างผักแล้วล่ะ เสียดายชุดสวย ๆ ของเจ้า” เขาเอ่ยบอกเช่นนั้น ส่วนหลินหยาก็เหมือนกับแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติเธอจะต้องไปล้างผักนะเนี้ย..เอ๊ะ โอเค ก็ได้แหละนะความงอแงเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเพราะเหมือนได้รับการเลื่อนตำแหน่งงานจากเด็กล้างผักกลายเป็นคนทำงานเสียอย่างงั้น แหม่ งี้นี่เองการแต่งตัวดี ๆ มันช่วยแบบนี้เองสินะ? ได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้น ยอดเลยนะเนี้ย “ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านเถ้าแก่แน่ใจใช่ไหมเจ้าคะว่าข้าจะไม่ทำน้ำซุปหรือผักราดหัวลูกค้าเสียก่อน?”

         หลินหยาบอกแบบนั้นก่อนที่จะได้รับผ้ากันเปื้อนใหม่มา ขนาดเล็กกว่าปกติแล้วก็พับเรียบร้อย มีลายปักเป็นลายเส้นคล้ายใบไผ่แล้วก็แพนด้าคดเคี้ยวไปมาสวยงาม เธอผูกผ้าทั้งที่ยังยิ้มกว้าง ท่าทางการทำงานครั้งนี้อาจจะเป็นไปด้วยดีก็ได้ เธอหวังว่าแบบนั้นนะ ไม่รู้สิ มันคงจะดีขึ้นละมั้ง? ดวงตาเปล่งประกายราวกับได้แสดงบนเวทีใหญ่ของชีวิตจัวเอง แล้วจะพยายามทำหน้าที่ของเธอให้ได้ดีที่สุด “รับทราบเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้าจะเสิร์ฟแบบไม่ให้น้ำราดหัวลูกค้า แต่ขอให้มันไม่มีหมาจรมาไล่ข้านะเจ้าคะ” นางบอกแบบนั้นแล้วเดินไปทำงานอย่างเรียบร้อย เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ? อืมมมม ก็คงทำงานหน้าร้านแหละ บริการลูกค้าเสิร์ฟอาหาร ยกเตาเปลี่ยนเตาถ่านงี้

         ทันที่เธอเดินเข้าพื้นที่โต๊ะอาหาร หลินหยาก็เปลี่ยนร่างเป็นพนักงานสาวน้อยมือโปร กระบวนท่าได้เลยล่ะ เธอยกเสิร์ฟชุดผัด เติมน้ำซุป เปลี่ยนถ่านราวกับถูกฝึกมาเองฉบับลอกแบบมาจากชาวบ้านที่ต้นแกงอยู่ ตอนนี้ไม่มีอะไรกระเด็นใส่เธอ บริการยิ้มพิมพ์ใจ แล้วก็แนะนำเมนูให้ลูกค้าได้เรียบร้อย ทำความสะอาดโต๊ะ เก็บของให้เรียบร้อย แนะนำการทานแบบที่เธอทำได้ ให้บริการกับยิ้มและหัวเราะ น้ำเสียงที่กระตือรือล้นทั้งที่ความจริงเธอได้นอนน้อยมาก ๆ แต่ก็ยังทำงานด้วยความน่ารักตามฉบับชของเธอ ลูกค้าบางคนจำได้นะว่าเธอปกติต้องใส่ชุดที่เปื้อนน้ำเพราะต้องล้างผักแต่วันนี้เธอมาเสิร์ฟอาหารแทน..

         พอเดินไปเอาของด้านหลังก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบ ๆ แจ๊บ ๆ ดังเบา ๆ จากกองหลังกองผักกาด.. “อย่า..บอกนะ..ว่า!!” หลินหยามองก่อนที่จะวิ่งไปดูตามเสียง กร๊วบบบบ!! มันคือเจ้าแพนด้า หมีขาวดำตัวเขื่องจากด้านหลังร้าน ที่ตอนนี้กำลังนั่งโงนเงนเคี้ยวไผ่ข้างลังผักเหมือนตัวเองเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ชนิดที่มีบัตรสะสมแต้มเต็มทุกช่อง… มันเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าของร้านหรือเถ้าแก่ เธอทำอะไรมันไม่ได้หรอกนะ …

       “กินไผ่ได้ แต่ห้ามกินผักอย่างอื่นล่ะเจ้าอ้วน” เอ่ยบอกแล้วหรี่ตามองเจ้าหมีแพนด้าตัวนั้น

         หลังจากนั้นก็เดินไปทำงานต่ออย่างร่าเริงไม่เร่งรีบ บางทีก็มีเหนื่อยบ้างตอนคนเต็มบางทีก็มีหลุดทำช้อนหลนเหมือนกันนะไม่ใช่ทำงานได้ไร้ที่ติขนาดนั้น เธอหัวเราะแห้ง ๆ บ้างเป็นเรื่องปกติเพราะเธอต้องขอโทษ แล้วบางทีก็โดนชนบ้างแต่ก็ไม่เป็นอะไร เธอเข้าใจได้เพราะคนมันเยอะนั้นแหละ หลินหยาดูจะวุ่นวายบางครั้งและบางเวลา แต่บางครั้งสายตาของคนอื่นที่มองเธอก็ดูสนใจเกินไปจนน่าอึดอัด เธอชอบคนที่ไม่ต้องมามองเธอด้วยสายตาแบบนั้นมากกว่า

         และเมื่อแตะปลายยามอู่เถ้าแก่ก็เรียก “เลิกงานได้ เจ้าเหนื่อยไหม?” เขาเอ่ยถามแล้วหลินหยาก็เหลือบมอง รอยยิ้มของเธอปรากฎเล็กน้อย “ไม่เจ้าค่ะ ข้าสนุกดีกับการที่ท่านให้โอกาสข้าได้ลองเป็นพนักงานเสิร์ฟ” นางเอ่ยบอกแบบนั้น ก่อนที่เถ้าแก่จะยื่นอีแปะให้เหมือนทุกวัน หลินหยานั้นยิ้มจนตาหยีแล้วรับถุงเงินไว้แน่น ก่อนที่จะขอตัวออกจากร้านหม้อไฟให้เรียบร้อย กลิ่นพริกหอมยังอยู่ตรงชายเสื้อเธอเหมือนเดิม วันนี้ก็ยังคงผ่านพ้นไปด้วยดี

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 150 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-14 15:53:26

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ไปทำงานร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง - ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า

          ขณะก้าวพ้นประตูไม้บานเก่าของโรงเงินตราฮั่นหัวหนงหมิน หญิงสาวไม่หันกลับมามองแม้เพียงนิด ทว่าสองมือน้อยที่กำถุงเงินไว้แน่น กลับบ่งบอกถึงคำมั่นสัญญาที่มีต่อตัวเองว่าทุกหยดเหงื่อจะไม่สูญเปล่า และแม้ชีวิตจะเปราะบางเพียงใด นางก็จะเดินหน้าต่อด้วยรอยยิ้มบางบนริมฝีปาก ยามอู่ที่อากาศเริ่มร้อนระอุ แสงแดดกลางฤดูร้อนสาดลงบนพื้นหินหน้าร้านหม้อไฟและปิ้งย่างที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งตรอก ร้านปิ้งย่าง "ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า" กลิ่นหอมของน้ำซุปที่ต้มเคี่ยวจนได้ที่ลอยอบอวล ผสมกับกลิ่นถ่านไม้ที่กำลังเผาไหม้ในเตาหินสำหรับปิ้งเนื้อ ทำให้ผู้คนผ่านไปมาหยุดยืนมองหน้าร้านไม่ขาดสาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักตามสไตล์ยามเที่ยงในตรอกการค้าแห่งนี้

          หลินหยาเดินมาเธอสวมชุดสำหรับทำงานอย่างเรียบง่าย ผ้ากันเปื้อนอยู่ที่ร้านเดินมาเอาผ้ากันเปื้อนมาผูกคาดทับไว้ที่หน้าอกและผูกหลังแน่นหนา เดินเร็ว ๆ จนถึงจุดที่เจ้าของรา้นชายหนุ่มร่างใหญ่อยู่แล้วก้มโค้งคำนับให้อีกฝ่ายที่เป็นเถ้าแก่ร้านอย่างนอบน้อม ใบหน้าของเธอนั้นยังคงมีประกายแจ่มชัดเหมือนครั้งที่หายไป แม้อาจจะดูผอมลงนิดหน่อยก็ตาม “ขออภัยเจ้าค่ะ เถ้าแก่ ที่หายไปถึงห้าวันไม่ได้มาบอกกล่าวเพราะว่าข้าป่วยอย่างกระทัยนหันเจ้าค่ะ พอดีข้ากินของที่แพ้แล้วก็สลบไปไม่ได้สติเลย” หลินหยาเอ่ยบอกอย่างแผ่วเบาอย่างจริงใจ ดวงตาที่จ้องมองตรงไปอย่างสำนึกผิด ทำให้เถ้าแก่นั้นหัวเราะนิดหน่อยเพราะเขาไม่ได้ถือสา

          “ข้าไม่ได้ถือสาอะไรหรอก โชคดีแค่ไหนแล้วที่เจ้ารอดมาได้น่ะ เอาเถอะ ไม่เป็นอะไร ข้าเข้าใจดี เจ้ากลับมาทำงานได้ก็ดีแล้ว ตอนนี้ลูกค้าแน่นร้านอย่างกับมดขึ้นน้ำตาล ไปเริ่มจากการล้างผักก่อนแล้วก็ไปช่วยส่งอาหารตามโต๊ะแบบปกติทีนะ อย่าหักโหมล่ะ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงดีนัก”

          หลินหยาเมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ค้อมหัวรับคำ แล้วเดินไปผ่านหลังร้านเข้าไปยังห้องครัวที่อบอ้าวด้วยไอน้ำและกลิ่นเนื้อหมัก นางเริ่มจากการล้างผักสดที่เรียงกองพะเนินอยู่ข้างอ่างไม้ ล้างอย่างระมัดระวังทุกใบ ทั้งผักกาดเขียว ผักบุ้ง เห็ดหอม และขึ้นฉ่าน ทุกชิ้นถูกตรวจเช็ดอย่างพิถีพิถันเเพราะรู้ดีว่านี้คือร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องที่ลูกค้าคาดหวังคุณภาพอย่างสูงแหละ หลังจากที่เตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้วนางก็ถูกเราี่ยให้ไปเปลี่ยนหน้าที่ไปยังหน้าร้าน สวมผ้าคาดเอวใหม่แล้วออกไปยังโถงทางเดินที่เต็มไปด้วยเสียงพูด เสียงจ้อกแจ้กของลูกค้า หญิงสาวเดินไปเสิร์ฟถาดไม้ที่บรรจุชามน้ำร้อน น้ำซุป ผักสด และเนื้อสไลด์ ขณะหลบหลีกโต๊ะและเก้าอี้ที่แออัดด้วยความชำนาญอย่างมาก ลูกค้าบางคนจำหน้าเธอได้นะเนี้ย

          “แฮ่..แม่นางคนนี้หายไปไหนมาตั้งหลายวัน”
          “แหม่ คิดว่าหนีไปแต่งงานเสียแล้วน่าา”

          หลินหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเพียงยิ้มจาง ๆ ไม่ตอบโต้อะไรมากนักเพราะมีเพียงดวงตาที่ฉายแบบขอบคุณและท่าทางที่ไม่ถือตัวของเธอ เธอแค่ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดก็พอ แม้จะมีเหงื่่อไหลบ้างจากขมับและซอกคอของตนเอง เสื้อผ้าเปียกปอนจากไอน้ำและความร้อนจากเตา แต่ก็ไม่มีคำบ่นหลุดออกมาจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่เธอทำก็คือ บ่นในใจแล้วกัน..เห่อ ทำไมต้องโดนบอกแบบนั้นด้วยนะ

          เสียงเตือนของพ่อครัวหลังครัวดังขึ้นมาอีกครั้ง “แม่นางน้อย โต๊ะสิบสามสั่งเพิ่มหมูหมักกับเห็ดอีกชุด” เสียงนั้นบอกส่วนหลินหยาก็หันไปแล้วรีบพยักหน้าเดินไปรับถาดใหม่จากหลังร้าน ความว่องไวของเธอกลับมาอีกครั้งแม้จะยังไม่หายดีเต็มร้อย แต่จิตใจของเธอยังคงพร้อมสู้ชีวิตได้ทุกเมื่อ เธอรู้ว่าการกลับมาทำงานวันนี้ไม่ใช่แค่ค่าจ้าง 2-3 ตำลึงหรอกนะ แต่มันคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตชีวาต่างหาก


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 150 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-15 18:01:48

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบห้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามอู่ เวลา 11.00 - 13.00 น. ไปทำงานร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง - ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า

          แดดร้อนในยามอู่ร้อนยเปรี้ยง ๆ จนแม้แต่เงาของชายคาก็ดูเหมือนจะละลายหายไปจากพื้นถนนกันเลยทีเดียว แต่ในตลาดฉางอันกลางวันนี้ไม่มีคำว่าหยุดร้าน แน่นอนว่าร้านหมูกระทะก็เหมือนกัน เอ้ย ร้านหม้อไฟสิ ตั้งอยู่ตรงนั้นใกล้ถนนสายหลักที่คึกคักไม่แพ้แสงอาทิตย์ที่สาดลงมาบนหลังคากระเบื้องเก่าเลย กลิ่นของน้ำหอมฉุยของน้ำซุปหม้อไฟทั้งแบบเผ็ดจัดจ้านและซุปกระดูกหอมหวานลอยอบอวลตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ เสียงเนื้อเด้งในหม้อ เสียงผักฟู่ในน้ำเดือด เสียงหัวเราะัคิดคักของทั้งลูกค้า เด็ก ผู้ใหญ่ ผสม ๆ กันไปพร้อมกับเสียงการบริการของพนักงานของร้านทำให้ตอนนี้เหมือนกับงานเทศกาลแบบย่อม ๆ แล้วล่ะ

          หลินหยาสวมเสื้อผ้าธรรมดาที่สวมเมื่อเช้าเหมือนเคยสีฟ้าอ่อน เธอเดินไปหยิบผ้าคาดเอวกันเปื้อนสะอาดสะอ้านมาแล้วพับเข้ามุมทุกเช้าตามประสาคนที่ไม่อยากโดนว่าเท่าไร แม้ว่าจะพึ่งหายป่วยมาไม่กี่วัน เธอก็ไม่คิดจะปล่อยเวลาให้เสียเปล่าไปหรอกนะ หญิงสาวเดินเข้ามาทางหลังร้านอย่างเงียบเชียบแล้วพูดเสีนยงใสทักทายเถ้าแก่ร้าน

          “สวัสดีเจ้าค่ะเถ้าแก่ หลินหยามาแล้วเจ้าค่ะ”

          เถ้าแก่ชายนั้นหัวเราะเล็ก ๆ แล้วโบกมือเหมือนประมาณว่ารู้แล้ว “ไปล้างผักเหมือนเดิมนะ ล้างเสร็จก็ช่วยไปเสิร์ฟลูกค้าหน่อยล่ะ ลูกค้าเยอะนัก คนงานก็หนีไปคั่วสาวหมดแล้วเจ้าพวกนี้นี่” เขาบ่นนิดหน่อยส่วนหลินหยาก็หัวเราะเล็ก ๆ ตามไม่ได้เลยทีเดียว เธอเดินไปหยิบกะละมังใส่พักแล้วจัดการล้างผักตามปกติ ผักทุกอย่างก็ล้างหมดแล้วล่ะ เอาให้สะอาดไม่มีเศษขี้ดินติดแม้แต่น้อย เธอชอบกลิ่นเขชียวสดของผักเหล้านี้มากนัก มันทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในไร่เล็ก ๆ ที่เธอใฝ่ฝันอยากจะมีกันเลยทีเดียว

          หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อมือเริ่มแห้งและกลิ่นผักยังติดปลายนิ้ว เธอก็ถูกเรียกให้ไปช่วยเสิร์ฟแทน หน้าที่ประจำของหลินหยาในร้านนี้คือการเดินเสิร์ฟเนื้อสด แผ่นปลาบาง ๆ เส้นบะหมี่ที่ถูกทำใหม่จากหลังร้าน ไปจนถึงหมูสามชั้นหั่นแผ่นแบบฉ่ำ ๆ ทุกอย่างต้องวางเรียงอย่างงดงามในจานหยกหรือไม้ขึ้นรูป หลินหยาเดินผ่านโต๊ะแล้วโต๊ะเล่า รับเสียงเรียก บันทึกคำสั่ง นำของมาส่ง บางครั้งก็รินชาแล้วยิ้มให้เด็กตัวเล็กที่นั่งบนตักพ่อกับแม่อย่างเป็นธรรมชาติ การพูดจาสุภาพแต่ไม่เย็นชา ท่าทางคล่องแคล่วแต่ไม่ลนลานของนางทำให้ลูกค้าหลายคนอดชมไม่ได้ว่าหลิญงสาวดูมีความสุขกับงานที่ทำงานของนางนัก

          “แม่นางนี้ยิ้มสวยเหมือนใบชาละลายเลยนะ” เสียงแซวจากชายวัยกลางคนที่นั่งเมาอยู่กับเพื่อโต๊ะหนึ่งดังขึ้น หลินหยาทำเพียงหัวเราะนิด ๆ แล้วหลบสายตา ไม่พูดอะไรหรอกแต่ก็ไม่ถือตัว นางรู้ดีว่าพวกเขาแค่พูดเล่นเพราะสุรา เจอแบบนี้จนชินแล้วล่ะ เพราะบางทีก็มีอยากจะมาลวนลามเหมือนกันนะ แต่พวกเขาคงเกรงใจท่านเถ้าแก่ที่ถ้ากล้าทำอะไรก็ชกเมื่อนั้นแหละ จากที่ดูกล้ามแกแล้วก็น่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ

          กระทั่งเวลาเริ่มขยับเข้าใกล้ยามเที่ยงความวุ่นวายของร้านก็ยิ่งทวีคูณบรรดาหม้อไฟบนโต๊ะเริ่มเดือดปุด ๆ พร้อมกับเสียงสั่งของเพิ่ม เสียงช้อนกระทบถ้วย เสียงตะเกียบกระทบของ เสียงซุปกระเด็นและหัวเราะแบบไม่หยุดหย่อน หลินหยารู้สึกเหมือนตนกลายเป็นแม่น้ำกลางร้านที่คอยหล่อเลี้ยงความสุขให้คนทุกคน โดยไม่รู้ตัวเองก็ยิ้มกว้างไม่หยุดเช่นกัน ในโลกที่แสนวุ่นวาบบางทีการทำงานได้ล้างผักมันก็สนุกนะ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำพหรับการทำงานน่ะ หลังจากนั้นเมื่อทำงานเสร็จก็เดินไปรับเงินมาให้เรียบร้อย ไม่ได้เยอะขนาดนั้นแต่มีความสุขมากกว่าเพราะงั้นเธอเลยไม่ว่าอะไรหรอกนะ

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 150 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-21 15:05:27

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

วันที่ ยี่สิบเอ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ไปทำงานร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง - ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า

         ยามซื่อกลับมาอีกครั้งมันเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับกลิ่นน้ำหอม ไม่สิ กลิ่นหอมของน้ำซุปเดือดปุด ๆ และเสียงกระทะร้อนฉ่า ๆ ในร้านฉ่าบู๋มู่ก่าต้า ร้านหม้อไฟและปิ้งย่างชื่อดับประจำเมืองหลวงอย่างฉางอันที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นรองที่ติดกับตรอกคนเดินข้างหอชมวิว หลินหยาในชุดผ้ากันเปื้อนใหม่เอี่ยมรีบก้าวเข้ามาสู่ร้านด้วยสีหน้าที่แจ่มใส พลางเริ่มผูกผ้าขาวบางนั้นไว้ที่เอวอย่างคล่องแคล่ว เสียงเช็ดโต๊ะ เสียงวางของ เสียงเสิร์ฟจานดังกระทบกันเป็นจังหวะที่บ่งบอกได้เลยว่า ตอนนี้พลุกพล่านตามแบบฉบับร้านที่ลูกค้าแน่นตั้งแต่เวลาที่ยังไม่สายดี …แต่มันไม่ได้เยอะเหมือนตอนเที่ยงขนาดนั้นซึ่งดีแล้ว

         หลินหยาไม่พูดพร่ามทำเพลงอะไรทั้งนั้น เธอรีบหยิบเมนูไปให้ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามา พาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะว่าง บริการน้ำก่อน แล้วยิ้มแย้มถามเมนูว่าอยากได้ชุดเนื้อส่วนไหนบ้างไหม น้ำซุปแบบไหน ใส ดำ? ต้มยำ หรืออื่น ๆ แค่ก รสชาติเน้นกลมกล่อมหรือจัดจ้าน ปากถามไปมือก็เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟชาไปด้วยเหมือนกัน แววตาก็สอดส่องว่าตรงโต๊ะไหนนั้นเริ่มต้องเดินไปเติมถ่ายในเตาถ่าน หรือต้องเคลียร์จานเปล่าแล้วหรือเปล่าหากลูกค้าเดินจากไป

         พนักงานบางคนนั้นยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่กับหลินหยานั้นเหมือนกับปลาสลิดที่โดนน้ำแบบที่โดนตัดหัวแต่ก็ยังวิ่งได้อยู่ ในร้านนี้ทำได้ทุกอย่างแบบไม่ต้องบอกแล้วล่ะ ท่ามกลางเสียงตะโกนเรียกของลูกค้ากับเสียงน้ำเดือดในหม้อดินข้างโต๊ะ บรรยากาศก็อบอุ่นเหมือนกันนะ แต่วันนี้มีอะไรบางอย่างแปลกไป..

         "เฮ้ย ได้ยินเรื่องซ่างกวงเหม่ยเหรินหรือยัง?" เสียงกระซิบกระซาบจากโต๊ะมุมใกล้หน้าต่างเรียกความสนใจของหลินหยาโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวหูไวทันที ไม่ใช่เพราะอยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ แต่เป็นเพราะน้ำเสียงนั้นทั้งตื่นตระหนกและสนุกสนานในคราวเดียว

      “พระนางล้มป่วยแบบปริศนาเลยล่ะ ไม่มีหมอคนไหนวินิจฉัยโรคได้เลยนะ ขนาดหมอหลวงยังต้องยืนเกาหัวอยู่หน้าประตูเอ๋อ ๆ เลยตรวจเท่าไรก็ไม่เจอ” ชายคนหนึ่งพูดขณะที่เขาจิ้มหมูสามชั้นสไลด์บางลงหม้อในน้ำซุปสีน้ำตาลเข้มจนเกือบแดงที่เดือดพล่นรับเนื้อเข้าไปอย่างรวดเร็ว

       "เอ็งว่า...อาจจะเป็นฝีมือเผ่าปีศาจหรือเปล่าวะ? ได้ยินว่าเดี๋ยวนี้มีปีศาจบางตนปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ สวยด้วยนะ ไอ้เผ่าที่ล่อลวงผู้คนอะ" อีกคนทำเสียงเบาแต่มีแววขำขันเจืออยู่ "เขาว่า...ร่างของเหม่ยเหรินน่ะ ตอนนี้เขาเก็บในโลงแก้วเลยนะ เพื่อให้ร่างไม่เน่า! ข้าเห็นกับตาเมื่อไปส่งเครื่องหอมเข้าวัง! เย็นยะเยือกเหมือนถูกแช่น้ำแข็ง!" แหนะ..ใส่สีตีไข่แล้วบอกว่าตัวเองเห็นกับตาอีกล่ะ..

         หลินหยาแม่งกรอกตาเล็กน้อย เธอวางผักรวมมิตรตรงหน้าลูกค้าอีกโต๊ะที่สั่งไว้ มือยังแน่นอิ่งแต่หูเงี่ยฟังทั้งสองคนจากไกล ๆ ใบหน้าของหลินหยาไม่แสดงความรุ้สึก เธอยังคงสดใส และมีดวงตาใสซื่อที่บริสุทธิ์เช่นเดิมไม่มีเปลี่ยน มีเพียงรอยยิ้มที่สนุภาพตามหน้าที่ของตนเอง แต่ภายในน่ะสะกิดแล้วสะกิดอีก..

         เรื่องข่าวลือในวังเช่นนั้นหรือ? เหม่ยเหรินยถึงขั้นป่วยต้องใช้โลงแก้ว บ้าหรือเปล่า เอาเข้าโลงแก้วแล้วจะหายใจได้ยบังไง เหมือนแช่งให้ตายอ่ะ..แต่ข่าวลือก็คือข่าวลือ แล้วมีปีศาจมาเกี่ยวข้อง ถึงจะฟังแล้วเหมือนนิทานปรัมปราแต่นางรู้ว่าปีศาจมีออกเยอะแยะนอกฉางอัน หลินหยาไม่ใช่พวกใส่ใจกับข่าวพวกนี้หรอก แต่เธอเป็นคนจำเก่ง ใครปล่อยข่าวอะไรมาเธอก็จำได้หมดนั้นแหละ เธอเก็บข้อมูลไปด้วยขยับเข้าไปล้างจานบ้างข้างหลังใกล้โต๊ะข่าวลือนั้น..

         แม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดแตค่ก็พอประมาลได้ว่าเครื่องนี้ก็ไม่ธรรมหรือเปล่า หรือแค่ขี้เซาหลับเงียบแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยต้องรอฮ่องเต้ไปจุมพิตจากรักแท้ แต่ฮ่องเต้หลงใหลสนมลู่ที่มีบุตรให้พระองค์มาก ๆ …หึ..ในวังน่ะ ไม่มีคำว่ารักแท้หรอก ในสายตาของหลินหยา มันก็คือกามราคะที่คละคลุ้งเต็มไปด้วยอำนาจและสิ่งที่เรียกว่า การไม่ใช่มนุษย์ ไม่แปลกหรอก …

         คนธรรมดาก็เป็นเพียงหมากของผู้มีอำนาจแล้วรอวันโดนเด็ดให้ชีวิตปลิดปลิวเท่านั้นแหละ.. คนธรรมนั้นไม่จำเป็นต้องคิดหรอก ว่าจะเอาไปเล่าให้ใครไป เพระาไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าจะตายวันตายพรุ่ง..

         สุดท้ายแล้วหลินหยาก็ถอนหายใจเฮือกเบา ๆ แล้วสะบัดผ้าเช็ดมือออกจากเอวของตเนอง หันหลังเดินกลับไปเตรียมเนื้ออีกชุดให้นำไปเสิร์ฟโต๊ะใหม่ที่เพิ่งสั่งมา เธอเหมือนพึมพำอะไรบางอย่างในใจแบบที่ชอบคุยกับตัวเองอยบู่แล้ว ขณะที่มือยบังจัดผักลงถาดอบบไม่หยุด เถ้าแก่คงไม่ชอบให้พูดเรือ่งพวกนี้ในร้านแน่ ฟังหูไว้หุแล้วกันเนอะ คนสำคัญแบบนั้นน่ะ ลำบากกันไปหมดจริง ๆ นั้นแหละ..

         แต่ถึงจะบอกแบบนั้นหลินหยาก็จำเรื่องนี้ได้อยู่ดี เพราะเธอดันเป็นรพวก..ลืมยากโคตร ๆ เลยน่ะสิ..เพราะงั้นจะจำได้มันก็คงไม่แปลกอะไร หลินหยาระบายยิ้มเล็ก ๆ เพราะอย่างไรแล้ว เธอก็จะไม่มีวันเหยียบเข้าไปในเกมการเมืองของสิ่งที่เรียกว่าพวกผู้มีอำนาจหรอกนะ แม้ว่านางจะคิดถึงใบหน้าของชายคนหนึ่งอยู่ก็ตาม แต่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เขาเสนอ และเธอก็สนองแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเล็ก ๆ จากสิ่งที่เธอเห็นแล้วก็ตามที หลินหยาระบายยิ้มเล็ก ๆ ขอโทษนะใต้เท้าเถียนเฟิง ข้าน่ะ...ไม่ใช่หมากง่าย ๆ ของท่านหรอก และหากท่านอยากได้ข้าเป็นหมาก ก็อย่าหวังเลย เพราะท่านมัน...คนโหดร้าย สำหรับข้าเสียเหลือเกิน ใต้เท้าเถียนเฟิง.. โชคดีที่เมื่อวานเขาหลุดปากออกมาเรื่องชาวหนานเจ้า เธอเลยตัดเยื่อใยเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ เลยล่ะ


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png


@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: ฟังข่าวลือจ้าาาา จะเอาอีเอ็นพรี๊วววว
รางวัล: 150 เหรียญอู่จู - 10 EXPฟังข่าวลือ 15 EXP


SuYao โพสต์ 2025-7-1 01:34:26

<p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>วันที่ 29 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b>ยามซวี (เวลา 19.00 เป็นต้นไป)</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="5" color="#556b2f"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" border="0"></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ยามพลบค่ำย่างกรายแสงตะวันสุดท้ายลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงโคมไฟเริ่มส่องสว่างขึ้นตามร้านรวงต่าง ๆ ทั่วฉางอัน ทว่าในใจของซูเหยาหาได้สงบเยือกเย็นเฉกเช่นยามรักษาคนไข้ไม่ นางถอนหายใจแผ่วเบา ลำพังทำงานเป็นหมออย่างเดียว รายได้ก็ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ใครใช้ให้นางเป็นหมอมากคุณธรรมกันเล่า? พอคนไข้ยากไร้ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษา นางก็อดที่จะไม่คิดเงินพวกเขาไม่ได้ ด้วยความจำเป็นเช่นนี้ นางจึงตัดสินใจออกหางานพิเศษเพื่อประทังชีวิต</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เท้าเรียวพาซูเหยาเดินไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เสียงจอแจและกลิ่นอาหารหอมหวนลอยมาตามลม จนกระทั่งนางมาหยุดอยู่หน้าร้านหม้อไฟแห่งหนึ่ง กลิ่นหอมฉุนของเครื่องเทศและเนื้อสัตว์ที่ลอยออกมาเชื้อเชิญผู้คนให้เข้ามาลิ้มลอง ร้านนี้ดูสะอาดสะอ้านและมีลูกค้าคับคั่งอยู่ไม่น้อย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้า ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในร้าน</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยามองหาเจ้าของร้าน ก่อนจะเห็นชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งกำลังสาละวนกับการจัดโต๊ะและต้อนรับลูกค้า ใบหน้าของเขามีเหงื่อเป็นเม็ด ๆ แต่ก็ดูใจดี ซูเหยาเดินเข้าไปหาชายผู้นั้นด้วยท่าทีสุภาพ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"คารวะท่านเถ้าแก่ ข้ามีนามว่าซูเหยา ใคร่ขอรบกวนท่านเพียงครู่หนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ?"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เถ้าแก่ร้านหม้อไฟหันมามองซูเหยาอย่างพิจารณา ดวงตาของเขากวาดมองชุดที่เรียบง่ายของนาง แต่กลับสัมผัสได้ถึงความสงบในแววตาของหญิงสาวเบื้องหน้า</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"มีเรื่องอันใดหรือแม่นาง? ยามนี้ร้านข้ากำลังวุ่นวายยิ่งนัก หากไม่มีเรื่องสำคัญคงต้องขออภัย"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ...คือว่า...ข้าใคร่ขอโอกาสทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวในร้านของท่าน เพื่อแลกกับค่าแรงประทังชีวิตเจ้าค่ะ มิได้หวังสิ่งใดเกินเลย เพียงขอแรงกายแลกกับความสุจริต"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เถ้าแก่ร้านหม้อไฟเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ค่อยเห็นหญิงสาวที่ดูมีการศึกษาเช่นนี้มาขอทำงานใช้แรงงานเท่าใดนัก เขากวาดสายตามองซูเหยาอีกครั้ง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า และเห็นถึงความมุ่งมั่นในดวงตาคู่นั้น</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"เจ้าเป็นหญิงสาวบอบบางเช่นนี้ จะทนทานงานหนักไหวหรือ? งานในร้านหม้อไฟของข้ามิใช่งานสบาย ต้องแบกหาม ยกถ้วยชามมิขาดมือ"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ข้ามิได้รังเกียจงานหนักเจ้าค่ะ ขอเพียงมีงานให้ทำ เพื่อมิให้อดอยากตาย และเพื่อให้ชีวิตนี้ได้ดำเนินต่อไป ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ มิให้ท่านเถ้าแก่ต้องผิดหวัง"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เถ้าแก่ร้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เห็นแววตาที่มุ่งมั่นและน้ำเสียงที่จริงใจของซูเหยา เขาก็พยักหน้าช้า ๆ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"เอาเถิด...ในเมื่อเจ้ามุ่งมั่นถึงเพียงนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ลองทำงานดูก่อนหนึ่งวัน หากเจ้าทำได้ดี ก็อยู่ช่วยงานกันต่อไป ผู้ที่ตั้งใจทำกิน ย่อมไม่อดตายจริงดังคำโบราณว่าไว้ เจ้าเริ่มงานได้เลยตั้งแต่ยามนี้ งานแรกคือช่วยข้าจัดโต๊ะและรับรายการอาหารจากลูกค้า"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ดวงตาฉายแววโล่งอกและยินดี&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ขอบคุณท่านเถ้าแก่เจ้าค่ะ! ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังเด็ดขาด!"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาเริ่มงานทันที นางเรียนรู้งานอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่คุ้นชินกับการเดินเหินท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านและการยกถาดหนักๆ แต่ด้วยความตั้งใจและความคล่องแคล่วที่มีมาแต่เดิม นางก็สามารถปรับตัวได้ในไม่ช้า มือที่เคยสัมผัสชีพจรอย่างแผ่วเบา บัดนี้กลับถือถ้วยชามและเช็ดโต๊ะอย่างขะมักเขม้น เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนที่สั่งอาหาร กลิ่นฉุนของน้ำซุปที่กำลังเดือดพล่าน และความร้อนจากเตาถ่าน มิได้ทำให้นางย่อท้อแม้แต่น้อย</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">นางรับรายการอาหารจากลูกค้าด้วยรอยยิ้มสุภาพ จดจำรายละเอียดได้อย่างแม่นยำ เสิร์ฟอาหารอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และคอยดูแลความสะอาดของโต๊ะอยู่เสมอ ลูกค้าหลายคนแปลกใจที่เห็นหญิงสาวผู้มีกิริยาเรียบร้อยเช่นนางมาทำงานเช่นนี้ แต่ก็รู้สึกสบายใจที่ได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท ผู้คนเริ่มบางตาลง เถ้าแก่ร้านหม้อไฟที่เฝ้าสังเกตการณ์ซูเหยามาตลอดทั้งคืน เห็นความขยันขันแข็งและความตั้งใจของนางทุกอิริยาบถ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อร้านปิดลง ซูเหยาช่วยเถ้าแก่เก็บกวาดร้านจนสะอาดเรียบร้อย เหงื่อซึมที่ไรผมของนาง แต่แววตายังคงสดใส เถ้าแก่ร้านเดินมาหานางพร้อมยื่นถุงเงินอย่างเอ็นดู</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#4169e1">"เจ้าทำงานได้ดีเกินคาดนัก" </font>เถ้าแก่กล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม<font color="#4169e1"> "ข้ามิเคยเห็นผู้ใดขยันขันแข็งถึงเพียงนี้"</font></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาเงยหน้ามองเถ้าแก่ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยชมเชยถึงเพียงนี้</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><font color="#006400">"ขอบคุณท่านเถ้าแก่เจ้าค่ะ! นี่เป็นเพียงหน้าที่ที่ข้าพึงกระทำ" </font>นางกล่าวตอบอย่างถ่อมตนพลางรับถุงเงินมาไว้ในมือ</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เถ้าแก่ของร้านยิ้มกว้าง&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#4169e1">"พรุ่งนี้เจ้าก็มาช่วยงานข้าอีกเถิด...คนดีมีความสามารถเช่นเจ้า หาได้ยากยิ่งในฉางอันแห่งนี้"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">ซูเหยาโค้งคำนับอย่างซาบซึ้งใจ&nbsp;</font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit" color="#006400">"ขอบคุณท่านเถ้าแก่เจ้าค่ะ! ข้าจะมาแน่นอนเจ้าค่ะ!"</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit">เมื่อออกจากร้านหม้อไฟ แสงจันทร์สาดส่องลงบนถนนที่เริ่มเงียบสงบ ซูเหยากำถุงเงินไว้ในมือแน่น หัวใจของนางเปี่ยมไปด้วยความหวังและความอิ่มเอมใจ เงินที่ได้มาจากการลงแรงกายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นช่างหอมหวานยิ่งนัก อย่างน้อยคืนนี้นางก็มีเงินสำหรับซื้ออาหารประทังชีวิต เส้นทางชีวิตในฉางอันของซูเหยาแม้จะขรุขระ แต่ดูเหมือนว่าแสงแห่งความหวังได้เริ่มส่องนำทางนางแล้ว</font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p><font size="3" face="Kanit"><br></font></p><p style="text-align: center;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/111953632.gif" width="500" _height="50" border="0"><font size="3" face="Kanit"></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b><br></b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Kanit" size="4" color="#ff0000"><b>ค่าจ้าง: 150 อู่จู - 10 EXP (รายวัน)</b></font></p><div><br></div><p></p>

JiTiandao โพสต์ 2025-9-28 20:09:28

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย JiTiandao เมื่อ 2025-9-28 20:12

วันที่ 28 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เวลา 19.00-20.00

แสงแดดสุดท้ายของวันสลายตัวลงไปหลังยอดตึกของฉางอัน ท้องฟ้าถูกแทนที่ด้วยม่านสีส้มหม่นของควันไม่ใช่ควันไฟจากบ้านใครไหม้ แต่เป็นควันหม้อไฟจากร้านหนึ่งซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้จักในนาม


ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า ร้านหม้อไฟกลางแจ้งแห่งเดียวที่ไม่มีหลังคารับประกันชีวิต แต่มี กลิ่น เป็นหลักประกันลูกค้า เก้าอี้ไม้โยกเยกถูกจัดเรียงคล้ายสนามรบ กลิ่นพริกแห้ง หอมเจียว ซี่โครงย่าง และเสียงหัวเราะของวัยรุ่นลอยคลุ้งพอ ๆ กับเสียงกระแทกตะเกียบอย่างมึนเมา


ณ มุมหนึ่งหลังโต๊ะหม้อไฟหมายเลขสิบสามชายชราหัวล้าน เครารุงรัง ตัวผอมแห้งจนกระดูกโผล่จากชายเสื้อ เดินลากเท้าข้างหนึ่งอย่างขัด ๆ พลางถือถาดหม้อไฟร้อนจี๋เอียง ๆ อยู่ในมือ


"ระวังหัวไว้ด้วย หม้อไฟไม่เผาแค่ปาก มันเผาชีวิตได้ด้วยนะ ฮ่าๆๆ"

เสียงเขาไม่ดังพอจะทำให้ใครสะดุ้ง แต่ก็ดังพอให้คนที่ไม่สนใจหันมามองด้วยหางตา ลูกค้าสองสามคนหัวเราะเจื่อน ๆ บางคนสบถในใจ บางคนส่ายหัวแล้วพูดกับเพื่อนว่า

“เถ้าแก่นั่นไปเอาขอทานจากวัดไหนมาทำงานวะ”

แต่ มู่ ต้าหวาง ที่ยืนอยู่หลังเตาย่าง กลับหัวเราะลั่น “ไม่ใช่ขอทาน เขาเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการประคองหม้อไฟ ตำแหน่งใหม่ของร้านเราวันนี้”

จี เทียนเต้าเลิกคิ้วมองเถ้าแก่ คล้ายจะด่ากลับ แต่สุดท้ายแค่ผงกศีรษะเบา ๆ


เขาเดินผ่านโต๊ะที่สี่ โต๊ะของเด็กหนุ่มสามคนจากสำนักยุทธ์


เทียนเต้าหยุดนิดหนึ่ง มองดูเนื้อวัวที่กำลังเดือดในหม้อ จังหวะนั้น เขาพูดขึ้น เสียงเบาแต่เฉียบ


“เดือดแล้ว ห้านาทีจะเหนียวเหมือนรองเท้าแม่เจ้า พวกเจ้ากินให้ทันเถอะ”

เด็กหนุ่มทั้งสามหันขวับมองเขา หนึ่งในนั้นยิ้มเหยียด


“เจ้าเป็นใคร ถึงมาสั่งพวกข้า”

จี เทียนเต้ายกนิ้วชี้ขึ้นอย่างเชื่องช้า นิ้วที่ไม่สมบูรณ์ ครึ่งปลายนิ้วหายไป


“ข้าเป็นผู้ที่เคยต้มเท้าตัวเองกินตอนห้าเดือน ข้ารู้ดีว่าอะไรนุ่ม อะไรเหนียว”

ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ทั้งสามหันกลับไปมองหม้อไฟเงียบ ๆ จี เทียนเต้าหันหลังให้ หัวเราะเบา ๆ แบบที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหัวเราะให้ใคร


เสียงตะโกนของเถ้าแก่ดังขึ้นจากหลังเตา "ใครเอาน้ำจิ้มสูตรลับไปราดเตาอีกแล้ววะ"
จี เทียนเต้าเดินมาพร้อมถังน้ำ และผ้าเปียกที่เหม็นพอ ๆ กับกลิ่นความทรงจำ เขาไม่ได้รีบ แต่ก็ไม่ได้ช้า มือเหี่ยวย่นค่อย ๆ เช็ดเตา เหมือนกำลังเช็ดหน้าคนที่เขาเคยรักในอดีต เถ้าแก่บ่นอะไรอยู่ข้างหลัง แต่จี เทียนเต้าไม่ตอบ เขาเอาผ้าชุบน้ำอีกครั้ง บีบมันดัง ช่อะ แล้วพูดเบา ๆ กับเตาตรงหน้า


"อย่าโกรธเลยมันก็แค่หม้อไฟ ไม่มีใครเคยถามว่าเจ้าเหนื่อยไหม"

เสียงฝนเริ่มดัง เปาะ เปาะ บนไม้กระดาน บางคนรีบลุกไปเก็บร่ม บางคนเอาชามบังหัว บางคนสั่งสุราเพิ่ม เพราะ ไหน ๆ ก็เปียกแล้ว


จี เทียนเต้านั่งพิงเสากลางร้าน ถือตะเกียบสองข้าง จ้องไปยังหม้อไฟว่างเปล่าของโต๊ะสุดท้ายเขานิ่งอยู่อย่างนั้น นานพอที่ลูกค้าจะสงสัยว่าเขากำลังอธิษฐานอะไร


“ข้าจำได้ว่ามีใครบางคนเคยนั่งตรงนี้ กินเงียบ ๆ แต่รินเหล้าให้ข้าก่อนตัวเองซะอีก”

ฝนตกหนักขึ้น มู่ ต้าหวางตะโกนเรียกพนักงานให้เก็บผัก เก็บถัง แต่เขาไม่ได้ไล่จี เทียนเต้า เขาไม่เคยไล่เขาเลย


แพนด้า ต้าเปา เดินอืด ๆ ออกมาจากหลังร้าน ท่ามกลางสายฝน มันเข้ามานั่งข้างจี เทียนเต้า แล้วใช้หัวถูแขนชายชราอย่างเบื่อ ๆ จี เทียนเต้าหัวเราะ หยิบซี่โครงหมูที่แอบซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาให้มัน แพนด้าคาบไปกินเงียบ ๆ

“วันนี้คนเยอะนะเจ้าหมี แต่ใจข้าเงียบเหมือนเดิม”

เสียงหม้อไฟเริ่มเบาลง ลูกค้าเริ่มจ่ายเงิน บางคนเมา บางคนเหงา บางคนยังไม่อยากกลับ แต่จี เทียนเต้า ยังคงนั่งอยู่ใต้โคมไฟแดงที่ริบหรี่ ตะเกียบสองข้างในมือเขาวางพิงไว้บนชาม แสงสะท้อนบนเหงื่อที่หน้าผากช่างดูคล้ายหยดน้ำตา


“ชีวิตก็เหมือนหม้อไฟนั่นแหละ มันเดือดแรงที่สุด ก่อนจะเงียบไปตลอดกาล”__________________________________________________________________________________________________________โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 150 อีแปะ - 10 EXP (รายวัน)


JiTiandao โพสต์ 2025-9-29 21:47:36

<p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>วันที่ 29 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>เวลา 21.40-23.00</b></font></p><p><br></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>ควันหม้อไฟลอยอ้อยอิ่งเหนือเตาทุกเตา เสียงน้ำซุปเดือดปุดๆ คล้ายจังหวะหัวใจของค่ำคืนที่เต้นแรงไม่หยุด กลิ่นหม่าล่าเข้มข้นกระแทกจมูกจนทำให้คนผ่านไปมาต้องหันมาเหลือบมอง ร้านเปิดโล่งใต้ฟ้าคืนเดือนมืด ที่มีเพียงแสงโคมสีแดงสลัววางเรียงรายเหมือนหิ่งห้อยติดยา</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>ที่มุมหนึ่งของร้าน ใกล้กระบะน้ำแข็งที่แช่เนื้อหมูสามชั้นและเครื่องในหั่นสด มีชายผู้หนึ่งกำลังใส่ผ้ากันเปื้อนกลับด้าน รองเท้าข้างหนึ่งหลวม ข้างหนึ่งแน่น</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>&nbsp;</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>เขากำลังทำท่าเหมือนกำลังสวดมนต์ใส่พริกแห้ง นั่นคือ จี เทียนเต้า ชายแก่หัวล้าน หนวดเครารุงรัง ขณะนี้ปลอมตัวมาเป็น ผู้ช่วยพิเศษไม่ประจำตำแหน่ง ของร้านหม้อไฟระดับตำนานแห่งฉางอัน</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>เขาไม่รู้วิธีใช้มีดปังตอที่ถูกต้อง และไม่สามารถจัดเรียงจานได้สวยเหมือนเด็กในครัวคนอื่น แต่เขามีสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครในร้านมี ไหวพริบในการแถ” และ วาทศิลป์อันร้ายกาจ</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4"><b style=""><font color="#808000">"ข้าสั่งตับหมู ทำไมได้ตับไก่"</font><font color="#000000"> </font></b></font><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>ชายร่างล่ำโตตะโกนปาวๆ</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>จี เทียนเต้าเดินยิ้มแฉ่งเข้าไป ไม่แม้แต่จะมองจาน เขาโน้มตัวเข้าไปกระซิบอย่างลับๆ</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4" color="#ff00ff"><b>"นั่นแหละตับหมู แต่มันเป็นตับหมูของหมูสายพันธุ์พิเศษจากเจียงหนาน ที่เปลี่ยนรสชาติตามอุณหภูมิของลมหายใจคนกิน ท่านหายใจแรงไป มันเลยรสชาติเหมือนตับไก่ ข้าขอแนะนำให้ท่านสงบใจ แล้วเคี้ยวใหม่อย่างนิ่มนวล"</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4"><b><font color="#000000">ลูกค้าอึ้ง หยิบตับขึ้นมาเคี้ยวใหม่ตามคำแนะนำ และพูดเบาๆ ว่า</font> <font color="#808000">“เออแฮะ ดีขึ้นจริงๆ”</font></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>จากนั้นเทียนเต้าหันหลังกลับ ทำหน้าเหมือนชนะศึกพันลี้ ขณะกำลังจะล้างจาน เขาก็หยิบเศษหมูสามชั้นขึ้นมาหนึ่งชิ้น แอบใส่ปากเคี้ยวช้า ๆ แล้วบ่นกับตัวเองเบาๆ ว่า</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"></p><p><p></p></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4" color="#ff00ff"><b>“อืมม หวานเหมือนความรักที่ไม่สมหวัง”</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4"><b><font color="#000000">เสียงลูกค้ากลุ่มหนึ่งร้องขึ้น </font><font color="#808000">“เถ้าแก่หมีออกมาแล้ว เถ้าแก่หมีมา”</font></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>แพนด้าตัวอ้วนเดินต้วมเตี้ยมออกมาจากหลังร้าน มู่ ต้าหวางเถ้าแก่ใหญ่ยิ้มภูมิใจ</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4"><b style=""><font color="#ffa500">"ถ้ามันกินไผ่ครบ 10 ก้านแปลว่าอาหารคืนนี้ผ่านเกณฑ์"</font><font color="#000000"> เขาพูดอย่างภูมิใจ</font></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>จี เทียนเต้าถือจานไม้ไผ่เดินไปป้อนหมี พร้อมพูดเสียงต่ำราวกับกำลังสารภาพบาปกับพระเจ้า</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4" color="#ff00ff"><b>“เจ้าคือเพื่อนข้าอีกตัวหนึ่งนะ เจ้าไม่รังเกียจข้าใช่ไหม”</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>แพนด้ามองหน้าเขาอย่างว่างเปล่า แล้วเคี้ยวไผ่ต่ออย่างไม่สนใจ จี เทียนเต้าหัวเราะแผ่ว ๆ แล้วหันไปตะโกนใส่เด็กในครัวว่า</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4" color="#ff00ff"><b>“ข้าเอาชนะใจหมีได้แล้ว พวกเจ้าล่ะ เคยเอาชนะใจใครได้บ้างหรือยัง”</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>ลูกค้าเริ่มบางตา ควันหม้อไฟจางหาย เหลือเพียงเตาเปล่า ๆ และเก้าอี้ที่เริ่มเย็นลงตามอากาศยามค่ำ จี เทียนเต้านั่งลงหน้าร้าน พิงเสาไม้ พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>มือข้างหนึ่งเขากำลังเช็ดถ้วยชาร้าว ๆ ด้วยชายเสื้อ ข้างกายมีจานเปล่าหนึ่งใบ ซึ่งมีแต่ก้างปลาเหลืออยู่ เขาหยิบก้างขึ้นมาจ้อง แล้วพูดเหมือนกำลังสนทนา</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p style="line-height: 30px; text-indent: 2em;"><font face="Arial" size="4" color="#ff00ff"><b>“วันนี้ข้าไม่ได้ร้องเพลง แต่ข้าพูดเยอะกว่าปกติ เจ้าไม่เบื่อข้าใช่ไหม ก้างปลา”</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>เขาหัวเราะแผ่ว ๆ ราวกับจะร้องไห้ แล้วเอียงคอหลับตา ราวกับว่าวันนี้โลกให้เขามีที่อยู่ชั่วคราว อย่างน้อย แค่คืนนี้ คืนนี้ เขาเป็นพนักงานร้านหม้อไฟ ที่สร้างเสียงหัวเราะ เสียงถอนหายใจ และร่องรอยจาง ๆ บนโต๊ะไม้เก่าแก่ที่ไม่มีใครมองเห็น</b></font></p><p><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b><br></b></font></p><p><font color="#000000" face="Arial" size="4"><b>___________________________________________________________________________________________________________________</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน</b></font></p><p style="text-align: center;"><font face="Arial" size="4" color="#000000"><b>ค่าจ้าง: 150 อีแปะ - 10 EXP (รายวัน)</b></font></p><div><br></div><p></p>
หน้า: 1 [2] 3
ดูในรูปแบบกติ: 【ร้านหม้อไฟและปิ้งย่าง - ฉ่าบู๋มู่ก่าต้า】