Ximenqing โพสต์ 2024-9-2 12:09:05

วันที่ 12 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา17.00


หลังจากที่ทำงานที่โรงแลกเงินสำเร็จ เด็กหนุ่มก็เดินมาที่ร้านบะหมี่สามหาว


'เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากกินบะหมี่จัง' เด็กหนุ่มเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมและกล่าวทักทายเถ้าแก่พลางสั่งบะหมี่


"บะหมี่ชามนึงขอรับเถ้าแก่ และข้าขอสั่งเนื้อให้สหายข้าด้วยนะครับ" เด็กหนุ่มกล่าวกับเถ้าแก่ และสั่งเนื้อให้เจ้าหมากิน


"ฮ่ะ ฮะ ได้เลยเจ้าหนู" เถ้าเเก่ยกนิ้วและเข้าครัวไปเตรียมทำอาหารไม่นานก็มาเสิร์ฟ


เด็กหนุ่มซู้ดบะหมี่กินอย่างเอร็ดอร่อย เจ้าหมาก็นั่งกินเนื้อด้วยท่าทางสุภาพ


'ที่นี่มีรับสมัครงานด้วยแหะ งานครัวน่าสนใจ' ด้วยความที่เด็กหนุ่มนั้นชื่นชอบของอร่อยและการทำอาหารเป็นอย่างมาก หลังกินเสร็จเขาจึงขอเถ้าแก่ทำงานพิเศษ


เถ้าแก่พยักหน้าและส่งเข้าไปทำงานครัว


เด็กหนุ่มเล็งไปในงานที่ใช้ของมีคม ไม่ว่าจะสับเนื้อ ตัดเส้นก๋วยเตี๋ยว ฉับๆ


ใช้เวลาซักพักก็เลิกงาน เด็กหนุ่มเดินไปรับตังค์ที่เถ้าแก่พลางออกเดินทางต่อเพื่อหาที่พักผ่อน


------------------------------
ค่าจ้าง: 180 อีแปะ - 10 EXP (รายวัน)

(ทานอาหารชุด 100 อีแปะ +30 พลังงาน)

Ximenqing โพสต์ 2024-9-5 19:15:44

วันที่ 17 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา18.00




หลังจากที่ทำงานในโรงเตี๊ยมเหมือนเด็กหนุ่มติดใจในการเป็นเสี่ยวเอ้อร์เขาเดินกลับมาที่ร้านบะหมี่สามห้าวเพื่อสมัครเป็นเสี่ยวเอ้อร์


"ครั้งนี้เจ้าไม่เป็นพ่อครัวแต่เป็นเสี่ยวเอ้อร์งั้นเหรอ" เถ้าแก่ถาม


"ใช่ขอรับ"เด็กหนุ่มกล่าวและพยักหน้า


เด็กหนุุ่มรับงานมาก็ไม่รอช้ารีบเปลี่ยนชุดเป็นเด็กเสิร์ฟและออกทำงาน


'งานที่นี่หนักกว่าที่โรงเตี๊ยมเยอะเลย' เด็กหนุ่มคิดในใจ


ที่นี่ราคาอาหารค่อนข้างจะเป็นมิตรภาพและย่อมเยาว์ เขารู้สึกได้เลยว่าลูกค้าที่เข้ามาเยอะ ทำให้ต้องรับออเดอร์ถี่ ชามอาหารที่ต้องยกเสิร์ฟๆ ทำให้กำลังแขนของเขานั้นเพิ่มขึ้น


หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ทำงานแบบนี้เป็นวนลูปไปทั้งวัน


เถ้าแก่ก็ใจดีให้ซากอาหารอร่อยๆ กับเจ้าหมา เจ้าหมาส่ายหางดิ๊กๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย


--------------------------


ค่าจ้าง: 180 อีแปะ - 10 EXP (รายวัน)

Ximenqing โพสต์ 2024-9-6 18:44:23

วันที่ 19 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 เวลา19.00




หลังจากที่เด็กหนุ่ม เสร็จสิ้นการล่าชุดใหญ่ที่ทำให้จิตใจของเขาขุ่นมัวลง


เขาก็ตัดสินใจกลับมาหางานพิเศษทำเพื่อทำให้จิตใจของเขาสงบลง


ใช้แล้วนั้นคือการทำอาหารนั้นเอง


เข้าเดินมาของเถ้าแก่ทำงานพิเศษรอบดึก โดยมาทำงานลงครัว


บรรยากาศของร้านบะหมี่ตอนกลางคืนนั้นค่อนข้างคึกคักเเรงงานทั้งหลายที่พึ่งเสร็จงานก็เข้ามากินกัน


เด็กหนุ่มที่ขอเจ้าของร้านทำงานลงครัวก็ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ลวกเส้นบะหมี่ปรุงอาหารทะเลด้วยพริกเเดงจัดจ้านดับคาว เสิร์ฟอาหารอันโอชารส


จากนั้น เด็กหนุ่มก็ลวกเตี๋ยวทำอาหารยาวๆจนลูกค้าเริ่มหายไป เถ้าเเก่ก็เดินมาบอกว่าให้เลิกงานได้และรับเงิน


เด็กหนุ่มก็ถอดผ้ากันเปื้อน และรับเงินที่ได้จากการทำงานทันที


-----------------------


ค่าจ้าง: 180 อีแปะ - 10 EXP (รายวัน)

LinYa โพสต์ 2025-6-5 22:32:50

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

         ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแล้ว จะว่าไปนอกจากน้ำกับถังหูลู่ไม้ หลินหยาไม่ได้กินอะไรเลยนี้หน่า? หญิงสาวระบายยิ้มเล็กน้อยกะว่าจะหาร้านอาหารข้างทางทานสักหน่อยจะดีกว่า..แล้วเธอก็ต้องสะดุดตัวเอง เมื่อจมูกอันไวต่อกลิ่นอาหารอร่อยปรากฎขึ้น กลิ่นหอมของกระเทียมเจียวลอยคลุ้งมาตั้งแต่หน้าปากซอยกันเลยทีเดียว บะหมี่เส้นสดลวดเดือดในหม้อใบโต เสียงซู่ซ่า ๆ ดังขึ้นมาจากกระทะที่พึ่งผัดเครื่องเคียงเสร็จหมาก ๆ อร่อย ๆ เลยแหละ หลินยาลากเท้าของเธอเหนื่อย ๆ มาจากถนนเส้นหลัก

         สายตาของเธอหยุดลงที่ป้ายไม้เก่าเขียนด้วยลายมือดีหมึกสีแดงเด่นชัด ร้านบะหมี่สามหาว สาขาฉางอัน เป็นตัวอักษรเบี้ยว ๆ โย้ ๆ ง่วง ๆ เหมือนเขียนตอนกำลังเมาเหล้าหรือเมาสตรีนารี ทำให้เธออดหัวเราะไม่ได้เลยล่ะ เพราะเอาตรง ๆ ขนาดมันเบี้ยว ๆ ยังสวยกว่าลายมือของหลินหยาน่ะ

         "ร้านชื่อแปลกดี แถมยังสาขาฉางอันด้วย ที่กว่างโจวก็มีนี้ อร่อยด้วย" เธอพึมพำแล้วเดินเข้าไปภายในร้านอย่างเงียบ ๆ ร้านไม่ได้หรูหรา มันเป็นเหมือน?? อะไรอ่ะ ร้านตรงอาคาร? มีโต๊ะวางเรียงกัน เก้าอี้ไม้ แต่มีลูกค้าพอประมาณแหละ เยอะอยู่นะ มีแบบคนที่ถือชามบะหมี่นั่งริมเสาก็มี หลินหยาเลยรอสักหน่อยแล้วเบียดตัวไปนั่งข้างคุณลุงมีเคราขาว แล้วเรียกพนักงานร้าน

       "สวัสดีเจ้าค่ะ ข้าขอชุดบะหมี่หนึ่งที่เจ้าค่ะ ถ้าอันไหนมีถั่วเหลืองหรือส่วนผสมของมันข้าไม่เอานะเจ้าคะ ข้าแพ้มันเจ้าค่ะ" ว่าแล้วก็เหมือนจะถามนิดหน่อย"ชุดละเท่าไรเจ้าคะ?"

       "100 อีแปะน่ะแม่นาง รอหน่อยนะ คนเยอะมากเลย" ชายเจ้าของร้านเอ่ยระหว่างที่เห็นลูกค้าคนใหม่ ไม่ถึงห้านาทีบะหมี่เส้นสดราดน้ำซุปหอมเข้มข้นก็ปรากฎด้านหน้าของหลินหยามันโรยกระเทียมเจียวกับผักชีเต็มชามก็ถูกยกมาไว้ตรงหน้า เนื้อสามชิ้นหมูสอง ฟักเขียวตุ๋นสองชิ้นโค้งงออยู่ขอบถ้วยเหมือนจะกระโดดออกมาให้เธอกินก่อน เธอตะลึงอยู่นิดหน่อยกับปริมาณที่มากเกินราคา แล้วก็ไม่รีรอที่จะซดคำแรก

         อ๊าา าา า สวรรค์!! สวรรค์ในถ้วยชัด ๆ

         เมื่อทานใกล้เสร็จภายในเวลาไม่นานเพราะซดอย่างเอาเป็นเอาตายของเธอ แล้วเธอก็เลิกคิ้วแล้วก็เอียงคอมองเพราะได้ยินเสียงจากด้านหลังครัวลอยมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือก ๆ"คนล้างจานโดนมีดบาดน่ะสิ…พึมพำ ๆ ลูกค้าเยอะด้วย.."หลินหยาเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักมือแล้วเหลือบมองไปทางต้นเสียง

       "ท่านเจ้าของร้าน ข้าล้างจานได้นะ? ท่านรับคนงานชั่วคราวไหมล่ะ?" ชายคนนั้นที่ผูกผ้ากันเปื้อนลายสีขาวโผล่หน้าออกมาแล้วยิ้มตาหยีมีแวววาวด้วยซ้ำ "จริงหรือ หากแม่นางล้างได้ ก็มาเลย ข้าจ้างอาจจะไม่แพงนะ 180 อีแปะ เอาหรือไม่?" ชายคนนั้นเอ่ยบอกแล้วรอดูว่าเธอตกลงหรือเปล่า แน่นอนคนชอบเงิน ไม่เกี่ยงเงินน้อย ไม่อายทำกิน ให้ทำอะไรเธอทำหมดแหละ ไม่หมิ่นเงินน้อยค่ะ เงินก็คือเงิน

       "เอาเจ้าค่ะ!!" หลินหยาตอบรับทันทีแหม่...เงินตั้ง 180 อีแปะ ใครจะไม่เอา มันก็เงินนะเว้ยยย ธอยกซดน้ำซุปเข้าปากจนเกลี้ยงแล้วถือชามเข้าไปล้างด้วย เจ้าของร้านดูภูมิใจสุด ๆ ที่หลินหยากินจนหมดไม่เหลือกระทั่งน้ำซุป ไปตายอดตายอยากมาจากไหนกันนะ ...และหลังจากนั้นภาพที่เห็นก็คือ เด็กสาวหน้าตาเฉย ๆ ยืนล้างจานกองโตเสียงดังแจ๊ะ ๆ ข้างหลังร้านอย่างคล่องมือ พร้อมเสียงพึมพำที่ไม่รู้ว่าเป็นเพลงล้างจานหรือมนต์เรียกอาหาร เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินทางไปหาเถ้าแก่ที่ใจดี "ข้าทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่" เอ่ยบอกแล้วระบายยิ้ม เจ้าของร้านเลยพยักหน้าแล้วส่งเงินให้เป็นถุงหนึ่ง มันมีเสียงเหรียญดังกรุ๊งกริ้ง ๆ ทำให้หญิงสาวต้องระบายยิ้มหวาน"เอาไปสิ วันหลังถ้าหิวก็มาร้านข้าได้อีกนะแม่นาง"



https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
รางวัล: ค่าจ้าง 180 อีแปะ 10 EXP, 30 พลังงาน(จากการกินบะหมี่)

อื่น ๆ : จ่ายเงิน 105 อีแปะ แก่แอดมินเรียบร้อย (รวมค่าภาษี 5 เปอร์เซนต์จากราคาบะหมี่ 1 ชุด)


LinYa โพสต์ 2025-6-7 12:24:46

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ เจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น.
          แสงแดดยังคงแผดเผาผู้คนบนโลกเหมือนเดิมมันเป็นแดดที่ส่องเปรี้ยง ๆ ราวกับเทพแห่งแสงอาทิตย์อยากต้มหัวคนเล่น ๆ เอาไว้กลมกล่อมน้ำซุปเสียอย่างงั้นแหละ ประหนึ่งองค์เทพน่าจะลืมปิดเตาหม้อไฟของตนเองจากมื้อก่อนหน้าแบบยังไม่พอ แกน่าจะชอบกินหม้อไฟมากเลยนะมันร้อนโคตร ๆ เลยแหละ มื้อเย็นยังมาไม่ถึงไหนเลย แต่หลินหยากำลังอยู่ในสภาพคจนหิวข้าว แล้วก็อยู่ในสภาพเหมือนคนต้มผักหน้าหม้อตุ๋นที่ยังไม่ได้กินอะไร ตามตัวมีกลิ่นน้ำพริกหม่าล่าแล้วก็ลากขากของตัวเองเข้ามาในตรอกเล็ก ๆ ที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ความจริงมันมีอะไรนะเว้ย พอเข้ามาถึงสุดทางก็พบเจอว่ามีป้ายไม้เขียนด้วยพู่กันหวัด ๆ แน่นอนว่าลายมือมันดีกว่าลายมือของหลินหยามากแน่ ๆ

          ร้านบะหมี่สามหาว สาขาฉางอัน

          ตัวอักษรของมันเหมือนมีตัวที่หลุดลอกออกไปเพราะโดนแสงแดดเลียจนซีดเซียวเกินเวลา 8 ชั่วโมงอยบ่างไรอย่างงั้น กลิ่นน้ำต้มกระดูกหมูที่เคี่ยวข้ามวันลอยฟุ้งฟริ้งออกมาเพื่อนต้อนรับอย่างกับอุ่น ๆ มาตบหลังของหลินหยาว่า เข้าไปสิ อร่อยนะ …แน่นอน..มันน่าอร่อย พอเดินเข้ามาแล้วก็ระบายยิ้ม มองเถ้าแก่หาวปิ่งที่กำลังสวมเสื้อผ้ากันเปื้อนเหมือนเมื่อวานมันกลายเป็นลักษณะที่เห็นได้บ่อย ๆ เลยล่ะ แถมเขายังเป็นคนใจดีและเป็นที่รักของคนทั้งหลาย เพราะถ้าใครสภาพซอมซ่อหรือหน้าซีด เขาก็จะแถมหมูหรือเส้นพิเศษกันไปเลย

      "สวัสดีเจ้าค่ะเถ้าแก่ ข้ามาทำงานเจ้าค่ะ ท่านกำลังต้องการลูกมือใช่ไหมล่ะ" นางเอ่ยอย่างร่าเริงแล้วระบายยิ้ม เถ้าแก่จำได้ว่าเมื่อวานก่อนนางมาช่วยเขาด้วยนี้หน่า.. "สวัสดีแม่นางน้อยเมื่อวันก่อนสินะ เมื่อรอบก่อนขอบคุณจริง ๆ นะ ก่อนที่จะไปทำงานกินบะหมี่สักหน่อยไหมล่ะ?" เขาเอ่ยถามก่อนที่จะระบายยิ้มเล็ก ๆ หลินหยาก็พยักหน้ารัว ๆ มองหม้อบะหมี่ที่ตอนนี้น้ำกำลังเดือดปุด ๆ อย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับจะคอยชุบชีวิตคนที่กินมันอย่างไรกันก่อนเถอะ

          เขาตักบะหมี่เส้นสดลวกเด้งน้ำเดือดก่อนที่จะโยนลงชามไม้ขนาดใหญ่แล้วส่งให้อีกฝ่ายพลางเทน้ำซุปกระดูกหมูร้อน ๆ รสชาติกลมกล่อมสีทองสวยอร่ามแล้วก็โปะเนื้อหมูเปื้่อยนุ่มและไข่ต้มร้าวที่รสชาติเข้มข้นเข้าไปเต็มชาม..ใจดีจริง ๆ หลินหยาระบายยิ้มแล้วรับมันมาแล้วนั่งกินอย่างรวดเร็วแบบที่หมดทั้งชามกระทั่งน้ำซุปตบท้ายด้วยหมั่นโถวที่ได้มาระหว่างทางมา..เธอซดเสียงดังโฮกฮากระดับที่ลูกค้าข้าง ๆ หยุดกินแล้วหันมามองเพราะทำไมเจ้าหนูคนนี้มันโอเวอร์แอคติ้งขนาดนี้กันนะ แต่ก็สร้างอรรถรสการกินอาหารเหมือนกันแบบพอสมควรเหมือนกันนะเนี้ย

      "อื้มมมมมม โอ๊วววววววววววว น้ำซุปนี้มัน…! กลิ่นไก่เบียดกลิ่นหมู กลิ่นหมูเบียดกลิ่นกระดูก กลิ่นกระดูกเบียดเข้าไปในวิญญาณข้าแล้วววววว!" เถ้าแก่กลั้นขำขณะพลิกหมูในหม้อ "ซดน้อย ๆ จะได้มีแรงล้างจาน ไม่ใช่นอนตายตรงโต๊ะนั่น" หลังจากเป่าซดแบบคนไม่มีมารยาทสักเศษเสี้ยว และแทะไข่จนเปลือกแทบละลาย หลินหยาก็ลุกขึ้นยืนแล้วขยับข้อมือทั้งสองข้างอย่างจริงจัง "ถึงเวลาของข้าล่ะ! เหล่าจานที่ผ่านสงคราม! เจ้าจงสะอาดด้วยพลังแห่งฟองน้ำกับแรงตบ!"

          นั้นคือคำสุดท้ายก่อนที่หญิงสาวตัวน้อยจะพุ่งเข้าไปที่หลังร้านอย่างกับผู้กล้าจากนั้นก็กระโจรสู่การล้างจานด้วยความรวดเร็วอย่างสนุกสนาน เสียงดังตลอดสองชั่วยามเหมือนมีปีศาจที่ชอบล้างจานเข้าสิง จาน ตะเกียบ ชาม ทุกอย่างถูกล้าง ขัด ถู แล้วก็คว่ำเอาไว้สำหรับพักให้หายมีน้ำเกาะจะได้เอาไปใช้งานต่อ มือของเธอนั้นเปื่อยยับคล้ายกับกบต้มน้ำเกลือแต่หลินหยาก็ยังคงมีชีวิตชีวาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน แม้ว่ามือและนิ้วของเธอจะเหี่ยวเหมือนกับลูกเกดหรือรัมเรซิ่นที่ยังไม่ได้อมน้ำเหล้าก็ตามที

          หลังจากที่ล้างจานเสร็จก็เช็ดจานชามให้เรียบร้อยเพื่อนำกลับไปใช้ได้เร็ว มีเด็กแอบมองเธอแบบแปลก ๆ ว่าทำไมสตรีคนนี้ถึงดูชอบทำงานนัก แต่เอาความจริงมันเป็นเพราะว่าเธอต้องทำงานไงล่ะ ทำงานเพื่อมีเงิน โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีเงินพอที่จะหาห้องพักได้ตอนไหน แต่มันก็โอเคแหละ … บ่ายวันนั้นมีทั้งเสียงจานแล้วก็กริ๊ง ๆ จนน่าสนใจ ผสานกับเสียงหัวเราะของลูกค้า ของหลินหยา แล้วก็เสียงของน้ำซุปที่ยังคงเดือนอยู่ภายในหม้อใบใหญ่ไม่มีทางหยุดพัก ขณะที่หญิงสาวที่อยู่หลังร้านก็ยังคงร่าเริงเหมือนกับคนที่พี้กาวหรือกัญชามาพอสมควร

         "อืมมม..เสร็จแล้ว" เมื่อล้างจานชุดทั้งหมดเรียบร้อยก็ลุกขึ้นไปล้างมือแล้วก็เช็ดมือ "เถ้าแก่ข้าทำเสร็จแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าช่วยเช็ดโต๊ะนะ เพราะท่านน่าจะต้องรับศึกหนักช่วงเย็นแน่ ๆ เลยใช่ไหมเจ้าคะ" นางเอ่ยบอกแล้วเดินไปช่วยเช็ดโต๊ะให้สะอาดเรียบร้อยแล้วค่อยรับเงินมาอีกครั้ง ท่าทางมันจะหนักพอสมควรเลยนะ…อืมมม ชอบเงินจริง ๆ เลยนะเนี้ย…แฮะ ๆ อีกไม่นานจะต้องมีเงินพอจะจ่ายค่าห้องแน่ ๆ เลยล่ะ!

          "ข้าไปก่อนนะเถ้าแก่" เอ่ยบอกเถ้าแก่ ส่วนเขาก็โบกมือให้เธอเหมือนกัน …มีเงินขนาดนี้เอาไปซื้อกระเป๋าหน่อยเสียดีกว่าละมั้งจะได้เตรียมตัวไปซื้อของแล้วก็หาที่อยู่ต่อไปสักกะทีเหมือนกัน เหมือนว่าคนขายกระเป๋าจะอยู่ที่จัตุรัสสินะ เขาอยู่แถวนั้นประจำเลยนี้นะ เธอลืมชื่อเขาไปแล้วรู้แค่ว่าหัวขาว ๆ เงิน ๆ ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรหรอกมั้งกับการพบเจอเขาน่ะ? เอาเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละ อยากได้กระเป๋าเพิ่มสักหน่อยแล้ว ใช้กระเป๋าน้อยโคตรๆ เลยแหละ แม่งโคตรเหนื่อยเลยง่า เธอพ่นบลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วจากนั้นก็เดินออกจากตรอกซอกซอยตรงนี้อย่างเงียบ ๆ เพื่อไปยังสถานที่อื่น..ใช่จัตุรัสอย่างไรล่ะ จะพบเจอกับอะไรกันนะหลังจากนี้น่ะ..ไม่รู้เหมือนกัน


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 180 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-8 21:59:01

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ แปด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น.ไปทำงานร้านบะหมี่สามหาว - สาขาฉางอัน

          ยามเว่ยมาเยือน แสงแดดบ่ายคล้อยย้อมท้องฟ้าเป็นสีทองอมส้มยิ้มแป้นราวกับมะม่วงสุก อากาศร้อนอบอ้าวพาให้เหงื่อไหลผุดไปตามไรผมแม้แต่เพียงย่างก้าวเดินในร่มเงาก็ยังคงร้อยเหมือนเดิม ตอนนี้หลินหยากำลังเดินไปที่ร้านบะหมี่สามหาวสาขาฉางอัน ในตรอกที่เดิมที่ยังคงคึกคักเช่นเคยเพราะราคาถูก ให้เยอะ และอร่อย น้ำซุปกระดูกหมูเคี่ยวร้อนแรงลอยตลบอบอวลเข้าจมูกของชาวเมืองที่เดินผ่านไปมา บางคนต้องหยุดแวะซื้อหรือแวะดู ทั้งเพื่อกิน หรือเพื่อซดน้ำซุปให้ชุ่มปากฉ่ำปอดในยามบ่าย ผู้คนมากมายนี้ชอบของถูกและดี หลินหยาเองก็ชอบเหมือนกัน แต่บางครั้งก็อยากมีเงินแบบที่ไม่จำกัดเพื่อซื้อของหรู ๆ หรือเครื่องประดับว่าคนงามอะไรงี้ เธอก็อยากที่จะเป็นหญิงสาวสวยเหมือนกันนะ? เขาบอกว่าไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง หลินหยาเองก็คงงามเพราะแต่งด้วยกระมัง? ใช่ไหมนะ?

          หลินหยาเดินมาถึงหน้าร้านด้วยเสื้อผ้าเรียบร้อย เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวชมพูที่สวมใส่สบาย “สวัสดีเจ้าค่ะเถ้าแก่” เธอเอ่ยทักชายผมยาวแล้วเดินไปหยิบเอี้ยมผ้ากันเปื้อนปักลายดอกไม้พื้น ๆ มาสวมไว้ เส้นผมที่เคยมัดสูงตอนเสิร์ฟหม้อไฟเปลี่ยนมาเป็นมวยเตี้ยเรียบง่ายเรียบร้อยแล้วมัดด้วยริบบิ้นเก่าแต่สะอาด ริมฝีปากชของเธอมีรอยยิ้มติดที่มุมปากเหมือนเคย กลิ่นน้ำซุปและเสียงของตะกลิวกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยเสียจนิเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง เพราะว่าที่นี่เธอมักจะมาฝากท้องหลังจากทำงานเหนื่อย ๆ ในหลายรอบน่ะสิ เถ้าแก่ร้านเขาใจดีให้กินบะหมี่ฟรีนี้หน่า ได้ค่าแรงด้วยเหมือนกัน สุดยอดเลย

         “มาแล้วหรอ?...วันนี้ข้าอยู่คนเดียวอีกตามเคย เจ้าเข้าครัวไปล้างถ้วยให้หน่อยแล้วกันนะแม่นางน้อย อ้อ..วันนี้เจ้าแต่งตัวแปลกนะ เหมือนสตรีขึ้นมาจริง ๆ เลย” เขาเอ่ยชมแบบฉบับของเถ้าแก่ห่าวปิงนั้นแหละ เสียงของเขาดังมาแต่ไกล ร่างสมส่วนของชายวัยกลางคนเอ่ยบอกในชุดประจำร้านของเขา ยืนอยู่หลังเตาที่มีน้ำซุปพวยพุ่งเดือดปุด ๆ กำลังตักเส้นสดจากหม้อหยนึ่งลงชามให้กับลูกค้า

          “เจ้าค่ะ มาแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยบอกแล้วเดินไปตอบรับเสียงใสแล้วก้าวเร็วไปเปลี่ยนเสื้อให้เรียบร้อยเดินเข้าครัวด้านหลังอย่างคล่องแคล่วแล้วจัดการงานล้างถ้วยชามในร้านบะหมี่ให้เรียบร้อย ถือว่าเป็นงานเบื้องหลังที่ไม่ร้อนอบอ้าวหรอกนะ เพราะว่าอยู่กับน้ำที่เย็นฉ่ำ และมีกลิ่นเส้นสุกติดมือมาแต่เธอก็ไม่ลำบากหรอก เธอทำงานอย่างอารมณ์ดี ฮัมเพลงที่ไม่มีใครรู้จักไปเบา ๆ ราวกับความเหนื่อยของการทำงานไม่มีผลกับหัวของเด็กสาวที่ขยันทำงานและมีพลังงานเต็มเปี่ยมเสมอมา

          ขณะที่หลินหยากำลังเดินไปคว่ำจานแล้วกำลังเดินไปทำความสะอาดโต๊ะด้านหน้าร้านเธอกลับได้ยินเสียงโวยวายเสียก่อน จากลูกค้า “เจ้าลืมเอาเนื้อลงให้ข้าเรอะ!? ข้าจ่ายครบแล้วนะ!” เถ้าแก่หาวเงยหน้า หน้าหยีเล็กน้อย “ไม่ได้ลืม! เจ้าสั่งบะหมี่เปล่าเอง!” เมื่อเถ้าแก่บอกแบบนั้นเขาก็เหมือนกับโกรธเลือดขึ้นหน้า น่าจะโมโหหิวแน่ ๆ ชายคนนั้นน่ะ “เปล่าเรอะ!?!” หลินหยาได้ยินเสียงนั้นก็รีบวางชามในมือ วิ่งปรี่ไปยังตรงนั้น

          “เอ่อ...ท่านชาย ขอโทษที่ข้าเสียมารยาทนะเจ้าคะ” เสียงของเธอนุ่มนวลแต่มั่นคง “เมื่อครู่ข้าอยู่ตรงนั้นพอดี ได้ยินว่าท่านบอกแค่ ‘ข้าจะเอาอย่างที่ข้างหน้า’ แล้วก็ชี้ไปที่ชามบะหมี่เปล่าของลูกค้าโต๊ะก่อนหน้า ท่านอาจจะเผลอพูดไม่หมดหรือเปล่าเจ้าคะ?” ชายวัยกลางคนในเสื้อคลุมดำสะอาดแต่หน้าตาเคร่งขรึมเงียบไป ราวกับกำลังคิดทบทวน ก่อนจะค่อย ๆ ลดเสียงลง “...ข้าอาจจะลืมก็ได้…”

      “ฮ่ะ ๆ อยากได้เนื้อข้าก็เติมให้ได้น่า เนื้อใช่ไหมล่ะ ไข่ต้มด้วยไหมล่ะ ซดกับน้ำซุปกระดูกหมูอร่อย ๆ เลยนะ” เจ้าของร้านเอ่ยบอกแบบนั้นท่านเถ้าแก่ช่างเป็นคนใจดีจริง ๆ อย่างที่ว่า น้ำเสียงของเถ้าแก่ไม่ดังนัก แต่ท่าทีใจดีทำให้บรรยากาศคลี่คลายลง เมื่อบะหมี่เนื้อถูกเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปเดือดพล่าน กลิ่นหอมตลบ ละอองร้อนลอยขึ้นฟุ้งทั่วโต๊ะ เสียงดูดเส้นดังพอประมาณ เงียบสงบและอบอุ่น หลินหยาเดินกลับเข้าครัวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าชอบเด็กสาวอย่างเจ้านะ” เถ้าแก่พูดโดยไม่เงยหน้า “เจ้าไม่ใช่แค่ทำงานดี แต่รู้จักไกล่เกลี่ยคนอีกต่างหาก เหมือนจะบ๊อง ๆ แต่ก็ไหวพริบดี”

          “งั้นข้าจะขอขึ้นค่าแรงได้ไหมคะ?” หลินหยาเอ่ยพลางยิ้มตาหยี่เล็ก ๆ เมื่อกี้ท่านเถ้าแก่บอกว่าเธอเป็นสตรีบ๊อง ๆ อย่างงั้นหรอ เธอไม่ได้แก้ไขสถานะการณ์สักหน่อยแค่บังเอิญได้ยินทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเองแล้วบอกไปตามความจริง เธอไม่ค่อยเป็นที่ยุ่งกับเรื่องของคนอื่นหรอก มันน่าเบื่อน่ะ การต้องไปเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นมันเหนื่อยมาก ๆ เลยล่ะ เธอหาววอดนิดหน่อย เหมือนจะพูดอำท่านเถ้าแก่ร้านบะหมี่

          “หึ..ฝันไปเถอะ แต่เจ้าจะได้กินบะหมี่อร่อย ๆ ฟรีแทน” เถ้าแก่เอ่ยส่วนหลินหยาก็หัวเราะ แล้วทำงานต่อ คนทั้งสองท่ามกลางเสียงและกลิ่นหอมของน้ำซุปและกระเทียม เนื้อหมักหมูชิ้นแสนหอมหวาน พอสิ่นสุดยามเว่ย ชามสุดท้ายถูกเก็บ เถ้าแก่ยังไม่เก็บร้านแต่จะพักผ่อน เพราะตอนเย็นถึงค่ำเขาต้องเปิดร้านต่อ แล้วส่งเงินให้กับหลินหยาตามเคย..หลิยหยาพอทำงานเสร็จเธอก็นั่งกินบะหมี่ฟรี แล้วเถ้าแก่ก็ให้กินจริง ๆ ด้วยนะ โดยไม่ใส่อะไรที่มีเค้าหู้หรือถั่วเหลืองเพราะหลินหยากินไม่ได้ เพราะงั้นเธอเลยต้องกินอะไรแบบนี้แหละ หลังจากกินเสร็จก็รับเงินแล้วเดินทางออกไปที่อื่นต่อไปทำงานที่อื่นต่อนั้นแหละ


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่รางวัล: 180 อีแปะ - 10 EXP

LinYa โพสต์ 2025-6-14 15:58:04

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบสี่ เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ไปทำงานร้านบะหมี่สามหาว - สาขาฉางอัน (พบ ต้าซือหม่า เว่ย ชิง)

         และแล้วก็มาถึงยามเว่ยของวันนั้น แสงอารทิตย์ยามบ่ายทอดยาวเฉียงไปยังท้องถนนสายรองของเมืองฉางอัน หลินหยายังคงสวมชุดเดิมจากร้านหม้อไฟไม่มีผิด เดินรผ่านผู้คนและเหล้าพ่อค้าที่เรียงรายสองฝั่งถนนจนกระทั่งมาถึงหน้าร้านบะหมี่สามหาวสาขาฉางอัน ร้านเล็ก ๆ ที่คลาคล่ำไปด้วยกลิ่นซุปกระดูกและกลิ่นเครื่องต้มสุดอร่อย ที่ลอยปะปนอยู่กับกลิ่นของบะหมี่ต้มสุกที่ทำเส้นสุขและกระเทียมเจียวร้อน ๆ

         หลินหยาเดินเข้ามาแล้วโบกมือให้กับเถ้าแก่ที่เธอสนิทด้วยที่สุด “สวัสดีเจ้าค่ะท่านเถ้าแก่ ข้ามาแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ อย่างร่าเริง แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกละอายเล็กน้อยในใจที่หายไปถึงห้าวันโดยไม่ได้แจ้งหรือบอกข่าวเลยด้วยซ้ำ ชายร่างสมส่วนผิวคล้ำหันมองแววตาเปี่ยมไปด้วยความดีและร่าเริงเร้าร้อนแบบนักสู้ เงยหน้าขึ้นจากการจัดชามบะหมี่ พลางส่งยิ้มกว้างมาให้เธอ

       “โอ้..แม่นางหลินกลับมาแล้วหรือ? ข้านึกว่าเจ้าหนีกลับบ้านเกิดไปเสียแล้วซะอีก ฮ่า ๆ ๆ”

         หลินหยายกมือไหว้แบบรู้สึกผิดจริง ๆ “แหม่ ท่านเถ้าแก่ ข้าขออภัยจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าป่วยกระทันหัน พอดีแพ้อาหารจนช็อคไปเลย ส่งข่าวก็ไม่ได้เพราะนอนสลบ” เธอบอกแบบนั้นเถ้าแก่ก็ไม่อะไรมากหรอก เพราะเขาหัวเราะแล้วโบกมือ “ช่างเถอะ ๆ กลับมาได้ก็ดีแล้ว ไม่เป็นอะไรก็พอ มาเถอะ กินบะหมี่เสียก่อน ข้าว่าเจ้าคงหิวแล้ว กินให้อุ่นท้องแล้วค่อยทำงานนะ” เขากล่าวพลางตักบะหมี่ในชามลงเครื่องลายครามส่งให้หลินหยา เป็นบะหมี่น้ำซุปกระดูกหมูใส่หอมซอยและมีหมูด้วยล่ะ ไข่ต้มอีกที่มันผ่าครึ่งโชว์ไข่แดงเยิ้มที่ชวนให้ท้องร้อง หลินหยารับมาเงียบ ๆ แต่ก็อดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้เลยจริง ๆ แล้วกล่าวคำขอบคุณเขา

         ก่อนที่ระหว่างการทานอาหารเธอก็สังเกตเห็นว่าวันนี้ร้านดูไม่วุ่นวายเท่าที่เคย หลินหยาเห็นว่ามีเพียงลูกต้างไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำงานในครัวง บรรยากาศเงียบสงบจนน่าแปลกประหลาดสำหรับร้านที่ปกติช่วงบ่ายจะเต็มไปด้วยนักเดินทางและพ่อค้าระหว่างทาง เธอเลิกคิ้วเล็ก ๆ ขณะที่ซดน้ำซุปแล้วถาม “เถ้าแก่เจ้าคะ วันนี้คนหายไปไหนหมดหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถาม

         เถ้าแก่ที่เห็นก็ยิ้มกริ่มแล้วหรี่ตา “อ้อ…วันนี้มีคนเหมาร้านเอาไว้ช่วงนี้น่ะ ล่วงหน้าเลย เป็นเรื่องดีนะที่เจ้ากลับมาทำงานวันนี้พอดีเป๊ะ กำลังอยากได้คนช่วยพอดี ยิ่งเป็นสตรีพวกเด็ก ๆ ก็จะไม่เครียดด้วย เขาจะพาพวกเด็ก ๆ มากินบะหมี่น่ะ”

       “เด็ก ๆ?” หลินหยาเหมือนทวนคำแบบประหลาดใจ แต่เถ้าแก่ไม่ตอบอะไรเพิ่มเพียงเดินยิ้มกว้างหัวเราะเบา ๆ แล้วกลับไปหลังร้านซะงั้นปล่อยให้หลินหยานั่งสงบกินบะหมี่ร้อนย ๆ ไปคนเดียวในร้านบะหมี่ที่เงียบสงบในยบามเว่ยของวันนี้ เธอไม่รู้หรอกว่าอะไรจะรอเธออยู่แต่มันอาจจะเปลี่ยนวันธรรมดาของเธออีกไปแสนนานหรือเปล่า?

         ยังไม่ทันหมดชาม เสียงฝีเท้าหนักแน่นของใครบางคนก็ดังขึ้นหน้าร้าน เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดนักรบสีดำเข้ม ขลิบแดงเลือดนกที่ชายเสื้อรัดเอวด้วยสายลายคาดลึกลับ ดาบยาวห้อยข้างเอว และสีหน้าเคร่งขรึมดูเย็นชาที่ไม่แม้จะหันมองซ้ายขวา ชายคนนั้นคือคนแรกที่ก้าวเขช้ามา ตามมาด้วยเหล่าเด็ก ๆ ราว 8 - 10 คน ได้ละมั้ง ตั้งแต่เด็กเล็กวัยห้าขวบจนถึงเด็กชายวัยนสิบต้น ๆ ก็มี ที่มองไปรอบร้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลุ่มเหมือนทหารติดตามอีกประมาณ 5 - 10 คน มาด้วย ท่าทางมาดนิ่ง พกอาวุธครบมือ

         หลินหยานิ่งไปเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าคณะนี้เป็นใครมาจากไหน แต่ดูแล้วไม่ใช่ขุนนางธรรมดาแน่นอน กระนั้นในเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าร้านเหมือนลูกค้าทั่วไป เด็ก ๆ เองก็ดูตื่นเต้นเหมือนได้มาทัศนศึกษา นางจึงเพียงแต่รีบวางถาดแล้ววิ่งไปช่วยจัดโต๊ะเพิ่มด้วยความเร่งรีบ ชายหนุ่มที่เป็นผู้มาใหม่ ไม่พูดจาอะไรนอกจากพยักหน้าแทนคำทักทายเถ้าแก่ชายซึ่งออกมาต้อนรับด้วยความสุภาพ เด็ก ๆ ก็ทะยอยนั่งลง เสียงพูดคุยหัวเราะของพวกเขาทำให้ร้านมีชีวิตชีวาสุด ๆ แล้วหลินหยาก็เริ่มวิ่งสุ่นจากโต๊ะหนึ่งไปอีกโต๊ะหนึ่ง จดจำรายการอาหาร ดูแลเด็ก ๆ ที่สั่งบะหมี่ น้ำชา และอยากได้ไข่ลวดเพิ่ม เสียงหนึ่งจากเด็กชายหน้ากลมเอ่ยออกมาอย่างสดใสขณะหลินหยาวางชามซุปไว้ตรงหน้า “พี่สาวน่ารักจัง” เสียงหัวเราะดังตามทันที หลินหยาที่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่เลิ่กลั่กแล้วระบายยิ้มกว้างพลางตอบไป “ทานเยอะ ๆ นะเจ้าคะ ขอบคุณที่ชมค่ะ เดี๋ยวยพี่เอามาเพิ่มใหม่นะ”

         ด้านชายหนุ่มในชุดนักรบที่ซึ่งเด็ก ๆ เรียกว่า ท่านพี่จ้งชิง หรือท่านชิง ก็นั่งตรงโต๊ะกินอาหารด้วยเหมือนกัน มองภาพเด็กน้อยยิ้มแย้ม กินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเย็นชานั้นแต่กลับอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด เขาไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ เพียงเอ่ยเสียงเรียบกับเถ้าแก่ว่า "ข้าเอาเหมือนเดิมเถอะ บะหมี่สามหาวต้นตำรับ ไม่ต้องปรุงมาก" เขาไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษ เพียงเอ่ยเสียงท่าทางเป็นกันเองแบบสุภาพ เมื่อหลินหยานำชามบะหมี่มาให้ชายหนุ่มคนนั้นแล้วพบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้อย่างนอบน้อมแล้วกล่าวเสียงนุ่มแบบสุภาพ “ลำบากแล้วแม่นาง ขอบใจมาก”

         หลินหยาอดแปลกใจไม่ได้ความดุดันจากรูปลักษณ์ภายนอกต่างกับภายในอย่างสิ้นเชิงกับมารยาทที่อีกฝ่ายมี เขาทำท่าทางเหมือนกับเติบโตมาพร้อมกับการต่อสู้แต่ไม่มีความยโสโอหังวักนิด ภายในร้านบะหมี่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมและเสียงหัวเราะ ณ บ่ายนี้ หลินหยาแม้ว่าจะเหนื่อยจนเหงื่อซึม แต่หัวใจกลับอุ่นเรื่อย ๆ เลยล่ะ มันอบอุ่นมากสุด ๆ เพราะผู้คนที่ตามมาเติมเต็มเรื่องราวเล็ก ๆ ให้วันธรรมดากลายเป็นความทรงจำที่ดี

         หลังจากที่เด็ก ๆ ทานเสร็จเรียบร้อย หลายคนก็เริ่มลงจากเก้าอี้ เดินวิ่งไปรอบ ๆ มุมร้านอย่างสนุกสนาน หลินหยาที่กำลังเก็บโต๊ะและจัดชามที่เคลียร์แล้วโดยไม่ทันระวัง ก็เผลอทำถุงผ้าสะพายหล่นลงบนพื้น พร้อมกับขลุ่ยไม้เก่าชิ้นหนึ่งที่กลิ้งออกมาพร้อมเสียงกระทบพื้นเบา ๆ จนเหล่าเด็ก ๆ ต้องหันมองแล้วระยบายยิ้มเธอ

       “เอ๊ะ..พี่สาวมีขลุ่ยด้วยล่ะ พี่สาวเป่าขลุ่ยเป็นด้วยหรออ” เสียงเด็กเอ่ยขึ้นดวงตาโตคู่นั้นถามขึ้นด้วยแววตาวิบวับ ๆ ก่อนที่จะทำเสียงอ้อน ๆ มาเป็นระลอกจากเด็กอีกหลายคนรอบตัว “เป่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหมพี่สาวว ได้ไหม ๆ นะ ๆ ๆ” หลินหยาที่ได้ยินอย่างงั้นก็เหมือนจะชะงักไปนิดหน่อย ก่อนที่จะหัวเราะแห้ง เธอหันมองไปทางเถ้าแก่ฟิวว่าช่วยหนูด้วยได้ไหมคะ ส่วนเถ้าแก่ก็ยกมือแล้วบอกว่า “เป่าเลยแม่นางหลิน นาน ๆ ทีร้านจะคึกคักแบบเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้ยินอะไรดี ๆ หน่อยสิ” ไม่ช่วยแล้วยังจะบังคับอีก…

         หลินหยาเห็นแบบนั้นก็หัวเราะแบบแผ่ว ๆ เธอเก็บของให้เรียบร้อยแปปหนึ่งแล้วจึงหยิบขลุ่นขึ้นมาไว้แนบอกของตัวเอง สองมือเรียวจับตำแหน่งอย่างคุ้นชิน ก่อนที่จะยกขึ้นจรดริมฝีปาก เสียงขลุ่นแว่วขึ้นมาในทันที เป็นท่วงทำนองที่เร็วจังหวะร่าเริงและรื่นเริง เสียงโน๊ตดีดตัววิ่งวนประหนึ่งฝูงผีเสื้อที่โบยบินไปรอบเรือน กลายเป็นบทเพลงแห่งความสดใสที่ทำให้เด็ก ๆ โยกตัวตาม บางทีก็ปรมมือ บ้างก็หมุนตัว

         และชายคนนั้นเองก็ยืนฟังอยู่เช่นเดียวกันเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มผ่อนคลายอยู่จาง ๆ ตรงนั้น เมื่อบทเพลงจบลง หลินหยาก็โค้งนิดหน่อยรับเสียงปรบมือและร้องขออีกเพลง แต่คุณชายคนนั้นก็ลุกขึ้นพอดีแล้วบอกว่าให้เตรียมตัวกลับได้แล้ว เด็ก ๆ จึงต้องก้มคำนับขอบคุณกันให้เรียบร้อยกล่าวเสียงพร้อมกันอย่างน่ารัก

       “ขอบคุณนะพี่สาวว ขอบคุณบะหมี่อร่อย ๆ แล้วก็เพลงที่่เพราะและสนุกมาก ๆ เลยล่ะ”

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

รางวัล: 180 อีแปะ - 10 EXP+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป เว่ย ชิงหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5

LinYa โพสต์ 2025-6-15 18:05:30

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

วันที่ สิบห้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ไปทำงานร้านบะหมี่สามหาว - สาขาฉางอัน (พบ ต้าซือคง เถียน เฟิง)

         ย่านการค้าฉางอันในยามเว่ยคราคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งขุนนางยศต่ำ ยศสูง ประชาชน พ่อค้าแม่ขชาย ชาวเมือง เด็กเร่หรือคนรับใช้ พลังของแดดอ่อนที่ส่องลงมาตามช่องตึกโบราณระหว่างร้านน้ำชาและแผงผลไม้ เริ่มอ่อนลงเล็กน้อยหลังผ่านพ้นเที่ยงแต่ก็ยังไม่ถึงกับเย็นเสียงล้อเกวียน ล้อรถ และการเจรจาซื้อขายก็ยังคงกึกก้องไปทั่วถนนและตรอกย่อย บ่งบอกว่าเมืองใหญ่ที่ไม่เคยพักการหมุนของมันแม้สักครา

         หลินหยาเดินผ่านแผงขายหมูบ่างกับแผ่นเต้าหู้ไปแบบอย่างตั้งใจ มือหนึ่งถือถุงผ้าผูกห่อข้างกลางวันของตัวเองอยู่ส่วนอีกมือถือสะพานห่อผ้าสีขาวหม่นที่ข้างในบรรจุขลุ่ยไม้ไผ่เก่าคู่ใจของเธอ ใบหน้าของหลินหยาเปร่งประกายกว่าเมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัด ใต้แสงแดดที่แม้จะแรงอยู่บ้างแต่กลับไม่อาจบดบังแววตาใสซื่อที่แฝงประกายของความสนุกสนานและมั่นใจของตนเองได้แม้แต่น้อย คืนนี้ไม่มีเสียงตวาด ไม่มีคำด่า ไม่มีเสียงหัวเราะที่เยอะเย้ยเธอที่เธอได้ยินลอดเข้าผนังไม้เข้ามาอีก เพราะเมื่อคืนเธอไม่โดนด่าไง..

         และตอนนี้ตอนที่เธอกำลังจะเดินไปถึงร้านบะหมี่สามหาวสาขาฉางอันเธอก็เห็นร่างหนึ่งของใครที่คุ้นตาเกินกว่าจะละเลยได้ เสื้อคลุมยาวสีดำน้ำหมึกปักลายเมฆสีดำบนขอบชายเสื้อชายแขน เนื้อผ้าที่ไม่ต้องบอกฐานะตรง ๆ แต่ฝีเย็นละเอียดยิบรูปทรงสะท้อนความมีรสนิยมระดับสูงและอำนาจ ดวงตาคู่นั้นยบังคงลุ่มลึกภายใต้คิ้วคมดั่งปลายพู่กันราคาแพง ไม่มีคำกล่าวใดเลย ไม่มีรอยยิ้มหรือคำใด แต่ยามที่หลินหยาสบตาเข้าเธอก็มั่นใจได้ทันทีว่า เขารู้แน่ว่าเป็นเธอและจำเธอได้

         หลินหยาหยุดก้าวทันทีเหมือนเท้าของเธอถูกสาปให้หยุด ก่อนที่หลินหยาจะย่อกายลงเล็กน้อยพร้อมกับก้มหัวคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อมตามธรรมเนียมประเพณี แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะเคยเกรงกลัว หากเพราะอยากแสดงควงามขอบคุณเขามากกว่า

         “ท่านชาย..” เสียงเธอไม่ดังนักแต่มั่นคง แล้วจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางพลางขยับมือลูบขลุ่ยที่แนบอยู่ข้างตัว “เมื่อคืนข้าเป่าดนตรีครั้งแรกให้ห้องใหญ่ของหอ ท่านคิดว่าเป็นเช่นไรบ้างหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามนั้นคือคำจากหญิงสาวที่ไม่ได้หวังคำชมเพื่ออวดตนเองแม้แต่น้อยเพียงแต่อยากรู้ว่าผู้ที่เธอเห็นนั่งในมุมมืดคนนั้นที่เธอไม่กล้าฟันไปมองบ่อยนักเพราะกลัวไขว้เขวเขาได้ยินไหม เขาคิดเช่นไร

         เถียน เฟิง ยืนนิ่งเพียงชั่วครู่ดวงตานั้นไม่ได้เบนหลบ แต่ก็ไม่ได้จ้องกลับโดยตรงเช่นคนทั่วไปที่จะทำ ท่าทีของเขาเหมือนกำลังประเมินน้ำหนักของคำถามนั้น ไม่ได้เพราะมันล้ำลึกแต่เพราะเขาอยากเลือกคำตอบให้เหมาะในแบบของเขาเอง “ไม่เลว สำหรับคนที่ไม่เคยเป่าบนเวทีเช่นนั้นมาก่อน” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ไม่เย็นชาแต่ก็ไม่ได้อ่อนโยน มันนิ่ง ราบเรียบ แต่มีแรงกระทบเหมือนหยดน้ำที่แม่นยำตกลงกลางผิวน้ำ ทำให้วงกระเพื่อมของอารมณ์บางอย่างสะเทือนในอก เขาเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ ดวงตาคู่นั้นฉายแววคล้ายจะยิ้มโดยที่ไม่ใช่ยิ้มอันจริงใจ แต่ใครจะรู้กันล่ะ?

         “เจ้าสื่อเสียงของตนเองออกมาได้ชัดเจนพอสมควร แม้จะมีบางช่วงที่ไม่มั่นคง แต่ไม่ได้ทำให้บทเพลงเสียรุป เสียหายใจเจ้าหนักไปเล็กน้อยในบทที่สี่ แต่จังหวะดี รู้จักเว้นให้ความเงียบขับเสียงออกมา ไม่น่ารำคาญเหมือนบางคนที่คิดว่าการเล่นต้องเต็มหูตลอดเวลา”

         เขาเว้นคำปรายตาอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่เชิงชื่นชมหากแต่เป็นคนที่จำรายลัเอียดได้มากพอที่จะอ้างอิงทางวิชาการและหากเขาถึงขั้นวิจารย์ได้ถึงเพียงนี้หมายความว่าเขาฟังจนมันจบ “แต่ที่ข้าฟังจนจบ ไม่ใช่เพราะเจ้าทำได้ดี หากแต่เพราะเจ้าไม่พยายาททำให้คนชอบมากเกินไป” คำสุดท้ายคล้ายคมมีดบางเฉียบเสียดผ่านช่องหูแล้วฝังแน่นในใจคนฟัง มันไม่ใช่คำชมเสียทีเดียวแต่เป็นคำยืนยันว่าหญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายตรงหน้าทำได้มากพอที่จะทำให้ชายคนนั้น นั่งฟังจนจบ

          “อย่ารีบบรรเลงดนตรีเพื่อที่จะเป็นที่โปรดของใคร” เขาเอ่ยช้า ๆ ขณะที่ดวงตาเลื่อนมองนาง “เสียงเช่นนั้นน่ารำคาญนัก และมีมากจนเกินพอแล้วในเมืองนี้”

         ไม่ทันจะได้ตอบอะไรชายหนุ่มเถียนเฟิงก็ก้าวเดินไปอีกทางราวกับคำพูดนั้นเป็นเพียงเศษฝุ่นที่เขาโยนทิ้งไว้ข้างถนนอย่างไม่ใยดี และหลินหยายังยืนอยู่ตรงนั้น เขาเป็นคนสุภาพแต่บางครั้งเขาก็มีอะไรแปลก ๆ ลมหายใจของเธอยังสะเทดือนกับคำที่เธอพึ่งได้ยิน เพราะมันไม่หวาน ไม่แฝงไมตรีแต่อย่างใด..

         หลินหนายักไหล่นิดหน่อย เธอหันมองแสงแดดยามบ่ายที่ยังแผดเบาเล็กน้อย แต่สายลมจากทิศเหนือก็ยังพัดผ่านคลายความร้อนเป็นระยะ ๆ หลินหยาเดินถือของไปเรื่อยหลังจากคุยกับท่านชาย เขาดูน่ากลัวนะ แต่ก็เป็นคนสุภาพดี นางเดินเข้าไปเงียบ ๆ ก่อนจะก้มศีรษะเบา ๆ ให้กับเถ้าแก่ชายที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ไม้ เขาเงยหน้าขึ้นจากชามบะหมี่ที่กำลังลวกเส้นอยู่ในมือ พอเห็นหลินหยาก็ยิ้ม "วันนี้ก่อนทำงาน เจ้ากินบะหมี่เสียหน่อยก่อนเถิด ข้าทำซุปต้มกระดูกหมูไว้พอดี ซดร้อน ๆ แล้วค่อยออกแรง"

         หลินหยายิ้มซาบซึ้งอย่างที่สุด พลางรับชามบะหมี่ที่ส่งมาด้วยมือสองข้าง กลิ่นหอมของน้ำซุปกระตุ้นกระเพาะที่ยังว่างของเธอทันที เส้นบะหมี่ลวกพอดี น้ำซุปร้อนฉ่ากลมกล่อม เธอนั่งลงตรงม้านั่งไม้ริมผนัง ก้มหน้าซดบะหมี่เงียบ ๆ อย่างเรียบร้อย แววตาเปี่ยมสุขอย่างประหลาด ราวกับได้กลับมายังที่ที่อบอุ่นอย่างแท้จริง เมื่อกินเสร็จ หลินหยาก็ล้างมือล้างถ้วยเองเรียบร้อย แล้วจึงเปลี่ยนผ้ากันเปื้อนที่แขวนไว้หลังร้านก่อนจะเดินเข้าไปช่วยงานด้านใน


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
รางวัล: 180 อีแปะ - 10 EXP+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป เถียน เฟิงหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม



LinYa โพสต์ 2025-6-16 19:35:42

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบหก เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น. ไปทำงานร้านบะหมี่สามหาว - สาขาฉางอัน (พบ จาง ทัง มากินบะหมี่)

         ยามเว่ยที่แผ่ความร้อนระอุลบงมาเหนือเมืองฉางอัน ใบไม้ริมทางสั่นไหวในสายลมเอื่อย บางกลีบดอกของต้นเฟิงฉวาก็ปลิ้วล้อมลม ร่วงบนหลังคาเตี้ย ๆ ของร้านบะหมี่สามหาว สาขาฉางอันเหมือนเคย ความวุ่นวายบางเบาในช่วงบ่ายทำให้บรรยากาศในร้านเงียบสงบเหลือเกินมากกว่าตอนเที่ยงที่คนเยอะแน่นอัดเต็ม เงาของร้านหญิงสาวผู้วันนี้สดใสผิดปกติกว่าครั้งก่อน ๆ ปรากฎตัว หลินหยาสวมเสื้อคุลมสีฟ้าอ่อนซึ่งปลิ้วพริ้วไปตามแรงลมขณะก้าวเดินเข้ามาในร้าน กลิ่นของน้ำซุปกระดูกหมูต้มเคี่ยวจนใสลอยอบอวลอยู่ภายใน เสริมด้วยกลิ่นต้นหอมผัดน้ำมันหมูเจือสมุนไพรจาง ๆ ทำให้เด็กสาวสูดลมหายใจลึกเหมือนจะดูดกลิ่นเหล้านั้นเข้าไปปลุกความหิวขึ้นมาให้ได้

          “เถ้าแก่ สวัสดีเจ้าค่ะ วันนี้ข้าก็มาทำงานแล้วนะเจ้าคะ” เสียงสดใสของหลินหยาดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มประจำตัวของเธอนางก้มลงคำนับอีกฝ่ายอย่างร่าเริงตามสไตล์คนร่าเริง “แล้วเจ้าจะมาช้ามากหรือไง ก็เห็นมาทำงานมันทุกวัน ยกเว้นตอนป่วยน่ะ” เถ้าแก่หาวปิ่งเอ่ยถามพลางหัวเราะมุมปากก็ปรากฎขึ้อนู่ดี มือหนาของเขายกตะหลิวขึ้นมาทำงานของตนเอง

          “เนี้ยเถ้าแก่ข้าจะปรับตารางทำงานใหม่นะเจ้าคะ จะยังมาทำงานที่นี่อยู่บ้าง แต่บางวันอาจจะเลื่อนบ้างเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากขอกินบะหมี่ฟรีวันนี้นะ” นางยิอ้มแป้นดวงตากลมโตใสเป็นประกาย เถ้าแก่ก็เหมือนอยากจะยกตะหลิวแกล้งจริง ๆ แล้วหัวเราะใส่ “ไป ๆ ไปทำงานก่อน ข้าจะทำบะหมี่ไว้ให้ จะได้ไม่ล้มจากความหิวนะแม่นางน้อยเอ้ย”

         หลินหยาที่ได้ยินดังนั้นก็ระบายยิ้มวิ่งเข้าไปในห้องครัวด้วยรอยยิ้มแล้วรับคำสั่งเสิร์ฟอาหารไปเรื่อย ๆ กลิ่นหอมของซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวอย่างพิถีพิถันลอยอบอวลอยู่ภายในร้านบะหมี่สามหาวยามบ่ายแก่ ๆ มันชวนหิวมาก ๆ เลยล่ะ ระหว่างที่หลินหยากำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอยู่เธอก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าร้าน เธอไม่เคยเห็นเขามาก่อนหรือไม่ได้สังเกตกันนะ

         เขาเป็นชายหนุ่มผู้มีท่วงท่าภูมิฐานไม่แพ้ขุนนางในราชสำนัก ร่างสูงในชุดสีขายอ่อนตัดเทา เนื้อผ้าลื่นไหลจับจีบอย่างพอดีเน้นสัดส่วนได้รูปบ่งบอกถึงชนชั้นสูง และเบื้องบนของเรือนร่างนั้นคือใบหน้าคมเฉียบราวหยก ดวงตาคมเข้มล้ำลึกเหมือนดาวยาวคู่หนึ่งที่วางนิ่งไว้เหนือโต๊ะกระดานหมาก ทว่าทุกก้าวเดินของเขามีรังสีสงบเยือกเย็นชนิดที่ผู้คนในร้านต้องผวาโดยเฉพาะพวกคนมีคดีติดตัว

         จาง ทัง มองไปรอบ ๆ อย่างเงียบงันครู่หนึ่งก่อนจะเลือกที่นั่งริม ๆ อากัปกิริยาสงบเรียบแต่แฝงจังหวะที่มีอำนาจเหมือนบีบคั้นเอาอาหาศตรงนั้นให้กลายเป็นน้ำผลไม้ปั่น สายตาที่โคตรฉลาดลึกซึ้งแบบคนยากจะหยั่งถึง เส้นคิ้วเรียวสวยทอดต่ำอย่างผู้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา และริมฝีปากบางได้รูปเหมือนจะเฉยชาเสียเหลือเกิน หลินหยาถือถาดไม้ไปเสิร์ฟเงียบ ๆ ขณะที่พยายามไม่อยากคิดอะไรมากเพราะในสายตาของหลิงหยาเขาก็เป็นลูกค้าเหมือนกับคนอื่นอื่นแหละ คุณชายที่พาเด็ก ๆ มากินอาหารยังจะตรงสเป็คเธอมากกว่าเลย

         “บะหมี่ที่ท่านสั่งเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเบา ๆ วางชามอย่างระมัดระวังในจังหวะที่แม้แต่เสียงช้อนกระทบไม้ก็ไม่ดังเกินควร เมื่อได้ยินดช่นนั้น จางทังจึงพยักหน้าเบา ๆ เสียงทุ้มเอ่ยต่ำเรียบ ๆ ราวผู้กล่าวน้อยแต่ชี้ขาด “เช่นนั้นข้าขอเพิ่มอีกหนึ่งชามนะแม่นาง” ดวงตาคบกริบตวันมองหลินหยาเพียงวูบหนึ่งเหมือนกำลังประเมินบางสิ่งอย่างเงียบเชียบ แต่นั้นก็พอจะทำให้นางรู้สึกว่าโดนจ้องลึกถึงแก่น แต่หลินหยาเป็นคนซับซ้อนและอารมณ์แปรปรวนชนิดเดาไม่ได้มันเลยชวนน่าสงสัย

         “เจ้าค่ะ ข้าจะไปแจ้งเถ้าแก่ให้” นางยิ้มบาง ก่อนที่จะหันหลังกลับไปอย่างสงบเช่นทุกอย่าง ไม่นานหลินหยาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมชา เธอเทลงถ้วยเบา ๆ กลิ่นหอมของชาแตะปลายจมูกเขาราวกับจะพยายามกลบหลิ่นของพยัคฆ์ที่แอบอยู่ในเงาเสื้อคลุมของบุรุษตรงหน้านั้นเอง

         “ขอให้ท่านชายมีความสุขกับมื้ออาหารเช้าค่ะ” เสียงของหลินหยานุ่มเรียบและสุภาพแม้ว่าจะเก็บอะไรบางอย่างแปลก ๆ ไว้ภายในใจแน่นหนาเลยก็ตาม เธอไม่ถามอะไรและเขาก็ไม่ตอบอะไรเช่นเดียวกัน

         จางทังทำเพียงเหลือบมองถ้วยชาแล้วใช้นิ้วในการยกมันขึ้น ไม่พูดหรือเอ่ยวาจาใด ๆ อออกมารแต่กลับใช้ดวงตาหลับคล้ายมีบางอย่างเคลื่อนยไหวดื่มน้ำชาถ้วยนั้นและปล่อยให้ช่วงบ่ายผ่านพ้นไปอย่างเงียบเชียบ หากใครจดจำได้ จะรู้ว่าภายใต้แสงทองของยามเว่ย มีสายตาหนึ่งแวะมองหญิงสาวธรรมดาผู้หนึ่งขณะเธอเดินกลับไปยังมุมทำงานของตน ไม่ใช่เพราะเธอแตกต่างจากใคร แต่เพราะบางทีเธออาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองพึ่งได้คุยกับถิงเว่ยแห่งศาลยุติธรรมโดยไม่รู้ตัว


         แต่ถ้าถามว่าหลินหยารู้ไหม ก็ไม่รู้ เธอไม่ชอบถามชื่อใครเพราะว่าไม่ได้สนใจอะไรใครจริง ๆ สักกะที ตอนนี้หญิงสาวตั้งใจกับการทำงาน เพราะยังไงในสายตาของเธอก็แค่ลูกค้าธรรมดาจริง ๆ นี้หน่า เธอน่ะเป็นพวกออึน ๆ ไว้ลองเป็นอ๋องมาขอเธอแต่งงานสิ จะมารีดไถ่เงินสักร้อยล้านตำลึงเลยคอยดู หญิงสาวที่กำลังทำงานก็ยังคงตั้งใจต่อไปเรื่อย ๆ พอคนน้อยก็ได้กินบะหมี่ที่เถ้าแก่เลี้ยงตามปกติ ดวงตาของเธอยังคงสดใสเหมือนเดิมโดยที่ไม่รู้เลยว่าวันนี้เธอต้องรับมือกับอะไรบางอย่างที่โหดร้ายแล้วก็ชวนให้รู้สึกถึงความน่ากลัวของโลกที่ไม่สวยงามแห่งนี้


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
รางวัล: 180 อีแปะ - 10 EXP+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทังหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


LinYa โพสต์ 2025-6-17 19:22:58

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ สิบเจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 14.00 น. ร้านบะหมี่สามหาว สาขาฉางอัน (พบ จางทัง)

         ในยามเว่ยกลับมาอีกครั้งแสงแดดยามบ่ายเริ่มลดความร้อนแรงลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่มากหรอก แต่ในตรอกที่คดเคี้ยวที่ทอดยาวสู่ร้านบะหมี่สามหาวสาขาฉางอันนั้นกลับยังคงอบอวลด้วยไอแดดอุ่นอ่อนประหนึ่งหมอกไอน้ำจากหม้อน้ำซุปเดือดที่ตั้งเรียงอยู่หลังร้าน เสียงเก้าอี้ไม้ขูดพื้นดังแผ่วก่อนที่จะตามด้วยเสียงฝีเท้าเบา ๆ ที่เจ้าของร้านคุ้นหูในช่วงนี้ เพราะมักจะเดินเข้ามาด้วยความหิวแล้วขอบะหมี่ฟรีแลกกับการทำงานตลอดเลย เป็นอะไรหน่อเจ้าแม่นางคนนี้วันนี้มาแปลก

       “เถ้าแก่สวัสดีเจ้าค่าาา” เสียงของหลินหยาเอ่ยขึ้นแบบยานคางเหมือนกับจะออดอ้อนแต่ไม่ใช่มันเป็นเพราะว่าเธอเหนื่อยต่างหาก ด้านข้างมีกระเป๋าผ้าเล็ก ๆ อยู่ด้วย เถ้าแก่หาวปิงก็เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะหั่นต้นหอมก่อนที่จะผงกหัวให้เธอแล้วถามสั่น ๆ เพราะท่าทางเหมือนเธอไม่ได้มาเพื่อมาทำงานเลยแฮะตอนนี้ “วันนี้แม่นางไม่ได้มาทำงานหรอ?” เขาเอ่ยถาม

         หลินหยาก็พยักหน้า “เจ้าค่ะ..ข้าจะไม่ได้มาสักพักน่ะเจ้าค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นเสียงอ่อนแล้วจิ้มปลายนิ้วเหมือนเข้าหากันแบบลูกแมวสารภาพผิดที่จะหายตัวไปอีกแล้ว แต่เถ้าแก่ไม่ได้ถามหรอกว่าเพราะอะไร ไม่ได้ซักว่าจะไปที่ไหนด้วย กลับเอ่ยยิ้มแล้วพูดเพียงว่า “เช่นนั้นก็ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ อย่าให้ป่วยอีกก็เพียงพอแล้ว”

       “โหยย..เถ้าแก่อ่ะ ท่านทำไมใจดีเช่นนี้เนี้ย” หลิยหยาเอ่ยแล้วก็เหมือนอยากทำท่าทางงอแง “ช่วงนี้ข้าเหนื่อยจังเลยเจ้าค่ะ เงินก็ต้องใช้เยอะอีก ฮืออ” หลินหยางอแงใส่อีกฝ่าย ส่วนเถ้าแก่ก็กลัวหัวเราะ แล้วยังไม่ทันจะได้ขยับไปหยิบอะไรเสียงการเดินก็ดังขึ้นมาจากการมาของใครบางคน

         หลินหยาเหลือบมองทันที ชายหนุ่มในชุดเรียบหรูที่แม้แต่แขนพับเสื้อยังเป๊ะจนน่าเกรงขามก้าวเข้ามาอย่างเงียบงัน ดวงหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยไม่แสดงสีหน้าใดให้คาดเดาได้ และหลินหยาก็ไม่รู้จักชื่อขเงเขา จางทัง… เธอจำเขาได้จากครั้งก่อน แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดมาก แต่บรรยากาศรอบกายของเขานั้นทำให้เธอไม่กล้าเล่นหัวเขาสักเท่าไรเลย

       “ข้าช่วยเสิร์ฟเองเถ้าแก่” หลินหยารีบเอ่ยกับอีกฝ่าย ก่อนที่จะยกบะหมี่ร้อน ๆ นั้นเดินไปทางโต๊ะของชายหยนุ่มคนนั้น เธอวางชามลงตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วยิ้มบางให้แล้วเอ่ยเสียงนุ่ม “เชิญทานให้อร่อยเจ้าค่ะ”

         “อืม” อีกฝ่ายตอบรับแล้วพยักหน้าเรียบ ๆ เงียบ ๆ แล้วนั้นก็คือคำตอบเดียวที่ได้ หลินหยากลับมาที่หลังร้านแล้วนั่งคุยกับเถ้าแก่ต่อแบบงึมงับ ๆ อะไรก็ไม่รู้ เถ้าแก่หาวปิ่งก็ได้แต่ยิ้มเอือม ๆ แล้วเรียกเธอออกมาจากความคิดฟุ้งซ่าน จนผ่านไปสักพัก เขาก็บอกเอ่ย “เอา ๆ แม่นางน้อยเอาไปให้เขาอีกชามที่โต๊ะเดิมหน่อย เขาสั่งเพิ่ม”

         หลินหยาเลิกคิ้ว ก่อนที่จะพยักหน้ารับอย่างคล่องแคล่ว หยิบบะหมี่อีกถ้วยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยิ้มกว้างแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะของท่านชายคนนั้นอีกครั้ง เธอวางบะหมี่ถ้วยใหม่ลงเงียบ ๆ “ได้แล้วเจ้าค่ะท่านชาย” เอ่ยบอกแล้วกลับมา สังเกตอีกฝ่ายที่ยังคงคีบเส้นอย่างสง่างามราวกับเป็นพิธีการ ไม่เร่ง ไม่รีบ แต่ละคำเหมือนใช้ไตร่ตรองทุกวินาที แล้วหมุนตัวเดินจากไปอย่างสง่างามอย่างที่นางคงไม่รู้ตัว


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png


@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทังหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

หน้า: 1 2 [3] 4 5
ดูในรูปแบบกติ: ร้านบะหมี่สามหาว - สาขาฉางอัน