วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเซิน เวลา 14.30 - 16.00 น.╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว
กลางวันในฉางอัน เมืองใหญ่คลาคล่ำด้วยผู้คน ตลาดตะวันออกเป็นดังสายธารไม่รู้สิ้น เสียงพ่อค้าเร่ร้องขายของประสานกับเสียงหัวเราะของผู้คน กลิ่นหอมของขนมอบและเนื้อย่างคลุ้งไปทั่วอากาศ ราวกับรวมความมีชีวิตชีวาของทั้งแผ่นดินไว้ในที่เดียว
เสวี่ยซีในวันนี้มิได้สวมอาภรณ์หรูหราเช่นยามอยู่ในหอว่านหงเหริน หากแต่สวมชุดผ้าฝ้ายธรรมดาเพื่อให้กลมกลืนกับผู้คน ร่างบอบบางเดินทอดน่องไปตามตรอกแคบที่เต็มไปด้วยแผงลอย ทั้งแววตายังซุกซ่อนความสนใจราวกับเด็กน้อยได้พบโลกใหม่ เขามักหยุดดูสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นกำไลหยกชิ้นเล็ก ขลุ่ยไม้ไผ่ หรือแม้แต่หุ่นเชิดที่เด็กเล่นอยู่ข้างทาง
ระหว่างก้าวไปข้างหน้า สายตาก็พลันสะดุดเข้ากับกลุ่มผู้คนที่กำลังรุมล้อมแผงเล็ก ๆ แผงหนึ่ง ธูปควันกรุ่นลอยขึ้นเป็นสายเหนือโต๊ะไม้เก่า มีผ้าขาวปักลายดวงดาวปูทับ ด้านบนวางแผ่นไม้ไผ่เรียงเป็นเส้น ๆ คล้ายอักษรพิเศษ เสียงผู้คนเอะอะด้วยความสนุกสนาน บ้างจริงจัง บ้างหัวเราะเย้าแหย่
เสวี่ยซีชะงักเท้า หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อมองเห็นร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่หลังโต๊ะนั้น หมานเฉียนอาจารย์ผู้ซึ่งเพิ่งทดสอบเขาในคืนก่อน แต่บัดนี้กลับปรากฏในคราบนักทำนายโชคชะตากลางตลาด
“นั่น” เสวี่ยซีพึมพำเบา ๆ ริมฝีปากขาวซีดเผยอขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขาฝ่าฝูงชนเข้าไปด้านหน้า เห็นหมานเฉียนกำลังหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมาหนึ่งแท่ง มองอักษรโบราณที่สลักอยู่บนผิว ก่อนกล่าวถ้อยคำแก่ชายชราที่มาขอดูดวงด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น เสียงนั้นทำให้ฝูงชนเงียบกริบ ฟังทุกถ้อยทุกคำด้วยความเชื่อมั่น
“อักษรนี้บ่งถึงการรอคอย หากเจ้ามีความอดทน สิ่งที่หวังจะมาถึงแต่หากเร่งรีบ ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเคราะห์”
ชายชรานั้นก้มศีรษะขอบคุณเสียงสั่นเครือ ผู้คนรอบข้างพากันฮือฮา บ้างพึมพำว่าทายได้ตรงนัก บ้างกล่าวว่าท่านผู้นี้มีวิชาเหนือผู้ใด
เสวี่ยซีตะลึงงัน ดวงตาอำพันเบิกกว้าง เขาไม่เคยเห็นหมานเฉียนในมุมนี้มาก่อน แม้เมื่อคืนอาจารย์จะถามเขาเรื่องดวงดาว แต่การทำนายเช่นนี้กลับดูเป็นอีกโลกหนึ่งโดยสิ้นเชิง
ครั้นถึงคราวที่ฝูงชนซาลง เสวี่ยซีก็ก้าวเข้าหาอย่างไม่อาจห้ามใจ เสียงของเขาแผ่วเบาแต่เปี่ยมด้วยความสงสัย “อาจารย์…นี่คืออะไรหรือขอรับ?”
หมานเฉียนเงยหน้าขึ้น มุมปากยกยิ้มบาง ราวกับมิได้แปลกใจที่เห็นศิษย์หนุ่มปรากฏกาย “เจ้าก็มาถึงนี่เอง รึอยากรู้ว่าข้ากำลังทำสิ่งใด”
เสวี่ยซีพยักหน้าแรง ความซื่อตรงฉายชัดในสีหน้า “ข้าไม่เข้าใจ เมื่อคืนท่านสอนข้าให้เฝ้ามองดาวบนฟ้า แต่วันนี้กลับใช้แผ่นไม้ไผ่กับอักษรประหลาดทำนายชะตาผู้คน มันต่างกันเช่นไร?”
หมานเฉียนหัวเราะเบา ๆ ดวงตาลุ่มลึกดังห้วงเวหามองเสวี่ยซี “ดวงดาวกับอักษรคือสิ่งเดียวกัน เป็นภาษาแห่งฟ้า เพียงแต่ผู้คนมิอาจอ่านดาวได้ทุกผู้ทุกนาม จึงต้องอาศัยเครื่องหมายอื่นให้เข้าใจง่ายขึ้น แผ่นไม้ไผ่เหล่านี้ก็คือสะพานเชื่อมระหว่างสวรรค์กับมนุษย์”
เสวี่ยซีเม้มปากครุ่นคิด “เช่นนั้นสิ่งที่ท่านบอกผู้คน…เป็นจริงดังที่ดาวกำหนดหรือ”
“หาใช่ทั้งหมดไม่” หมานเฉียนตอบเสียงเรียบ “ดวงดาวเพียงชี้ทิศทาง แต่หนทางยังขึ้นอยู่กับใจคน การทำนายจึงมิใช่คำตัดสิน แต่เป็นเพียงแสงนำทางให้ผู้คนเลือกก้าวไปอย่างมีสติ”
คำพูดนั้นทำให้หัวใจเสวี่ยซีสั่นสะท้าน เขาก้มลงมองแผ่นไม้ไผ่ที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า พลันรู้สึกว่ามันมีชีวิต มีพลังลึกลับซ่อนเร้น
“หากข้าลองสักครั้ง” เขาถามอย่างไม่อาจข่มความอยากรู้
หมานเฉียนจ้องเขานิ่งไปครู่ ก่อนพยักหน้า “ลองดูเถิด แต่จำไว้ ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดชีวิตเจ้า หากแต่คือบทเรียนหนึ่งที่เจ้าควรคิด”
เสวี่ยซีค่อย ๆ เอื้อมมือเรียวยาวหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมา ลมหายใจสั่นพร่า เขาพลิกดูตัวอักษรที่สลักไว้ แสงแดดบ่ายส่องลงบนรอยสลักนั้นราวกับทำให้มันเปล่งประกาย
หมานเฉียนรับไปมองครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวช้า ๆ “อักษรนี้หมายถึงการก้าวพ้นกำแพงที่กักขัง หมายความว่าเจ้ากำลังเดินออกจากกรอบที่เคยคุ้น หากใจมั่น ย่อมพบหนทางใหม่ หากใจหวั่น ก็จะติดอยู่ในเงามืดเช่นเดิม”
ถ้อยคำเรียบง่าย แต่กลับตรงกับความรู้สึกภายในเสวี่ยซี เขาเพิ่งเริ่มต้นศึกษาดาราศาสตร์อย่างจริงจัง ก็รู้สึกเสมือนกำลังก้าวออกจากโลกแคบที่ตนเคยอยู่ ดวงตาสีอำพันสั่นระริก น้ำเสียงแผ่วออกมา “มันเหมือนกับสิ่งที่ข้ากำลังเผชิญ…”
หมานเฉียนเพียงยิ้ม ไม่เอื้อนเอ่ยต่อ ทิ้งความหมายไว้ให้ศิษย์หนุ่มครุ่นคิดเอง
เวลาล่วงเลยไปจนตะวันเริ่มคล้อย เสวี่ยซีจึงลุกขึ้น ก้มหัวเล็กน้อย “วันนี้ข้าได้เรียนรู้มาก ขอบคุณท่านอาจารย์”
เขาล้วงห่อผ้าขาวเล็ก ๆ ออกมา ยื่นไปตรงหน้า ภายในนั้นมีกล่องไม้ใส่ขนมไหมฟ้านุ่มหวาน กับขวดเล็กบรรจุน้ำเต้าหู้หอมอุ่น “รับไว้เถอะขอรับ”
หมานเฉียนเหลือบมองเพียงแวบหนึ่ง ก่อนรับไว้โดยมิได้ปฏิเสธ “ฮึ…เจ้าหนอ ช่างไม่ลืมแบ่งปันผู้อื่นเลย”
เสวี่ยซียิ้มอ่อน ดวงหน้าขาวกระจ่างคล้ายดาวที่เพิ่งทอแสง เขาเอ่ยเบา ๆ “เช่นนี้ครั้งหน้า ข้าหวังว่าจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากท่านอีก”
✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป ตงฟาง ซั่วหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้✎ อาหาร/ชงชาปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน
วันที่ 27 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเว่ย เวลา 13.00 - 15.00 น.╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว
ยามบ่ายของฉางอัน แสงแดดอุ่นทอดลงเหนือถนนหิน ตลาดตะวันออกยังคงเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่แผงเล็กของหมานเฉียนกลับมีบรรยากาศแตกต่างออกไป เสื่อผืนบางปูไว้หน้าแผง โต๊ะไม้เรียบง่ายปูด้วยผ้าสีขาวปักลวดลายดวงดาว แท่งไม้ไผ่เรียงอยู่ในกล่องเคียงคู่กระถางธูปเล็กที่ยังคงมีควันบางลอยกรุ่น
เสวี่ยซีเดินเข้ามาอย่างแผ่วเบา เขาเพิ่งเสร็จธุระจากร้านเต้าหู้อันเล่อจ้วน และตรงดิ่งมาที่นี่เพียงเพื่อดูอาจารย์ที่ตนเคารพกำลังทำสิ่งแปลกใหม่ ดวงตาสีอำพันกลมโตมองไม่กะพริบ ร่างบอบบางนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ เงียบ ๆ โดยไม่กล้ารบกวน
ตรงหน้าชายหนุ่มผู้แต่งกายเป็นพ่อค้าธรรมดากำลังคำนับ “ท่านซินแส ข้าได้ยินกิตติศัพท์ว่าท่านสามารถอ่านชะตาด้วยอักษรไม้ไผ่ วันนี้ขอทดสอบชะตาของข้าดูสักครั้ง”
หมานเฉียนพยักหน้าเบา ๆ เสียงทุ้มสงบเอื้อนเอ่ย “ทุกสิ่งมีที่มา อักษรแต่ละตัวเป็นดั่งรอยเท้าของฟ้า เจ้าจงจับแท่งไม้ด้วยใจที่สงบ แล้วคำตอบจะเผยออกมาเอง”
ชายหนุ่มหลับตา คว้าแท่งไม้ไผ่ขึ้นมา ก่อนวางลงตรงหน้า หมานเฉียนหยิบขึ้นพลิกดู อักษรโบราณปรากฏชัดเจน เขาเอื้อนเอ่ยช้า ๆ
“อักษรนี้หมายถึง ‘เส้นทางคดเคี้ยว’ หนทางของเจ้ามิใช่ตรงไปข้างหน้า แต่ต้องอาศัยการอ้อมเลี่ยง หากใจร้อนจะติดกับ หากใจเย็นจะได้ผลสำเร็จ”
ชายหนุ่มทำตาโต เผลออุทาน “ตรงนัก! ข้ากำลังลังเลเรื่องกิจการ จะลงทุนทางหนึ่ง แต่ก็กลัวเสียหาย”
หมานเฉียนวางแท่งไม้ลง สายตาคมลึกจ้องเขา “มิใช่อักษรที่บอกว่าเจ้าจะรวยหรือจน แต่เตือนให้เจ้ารู้ว่าการรีบร้อนนำไปสู่เคราะห์ หากฟังและไตร่ตรองด้วยใจเย็น เจ้าจะพบทางที่ใช่เอง”
ชายหนุ่มก้มลงกราบแทบเท้า เสียงสั่นเครือ “ข้าสำนึกแล้ว ขอบคุณท่านผู้รู้”
เสวี่ยซีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เบิกตากว้าง แก้มขึ้นสีแดงน้อย ๆ ราวกับเด็กได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ เขาเอียงหน้าเล็กน้อย พึมพำเสียงเบา “อักษรเล็ก ๆ แค่หนึ่งตัว ทำไมถึงบอกความจริงในใจคนได้ชัดเจนนัก…”
ครู่ถัดมามีหญิงสาวชาวบ้านเข้ามาแทนที่ เธอประสานมือกล่าวเสียงสั่น “ชายของข้าไปเดินทางค้าขายต่างเมือง ข้าไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาปลอดภัยหรือไม่ ขอท่านโปรดทำนายให้ด้วย”
หมานเฉียนพยักหน้ารับ หญิงสาวหยิบแท่งไม้ขึ้นมา แผ่นไม้สลักอักษรปรากฏในมือเขา เขามองครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “อักษรนี้คือ ‘สายธาร’ สายน้ำอาจเชี่ยวกราก แต่ย่อมมีทางไหลกลับมาสู่ต้นน้ำ ชายผู้นั้นแม้ต้องเผชิญภัยระหว่างทาง แต่ในที่สุดจะได้กลับมาสู่บ้านเดิม”
น้ำตาคลอเต็มดวงตาหญิงสาว เธอก้มลงกราบอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณท่าน… ข้าจะรอเขากลับมา”
เสวี่ยซีนั่งฟังอย่างเงียบงัน หัวใจพองโตเหมือนกำลังได้เรียนบทใหม่แห่งดาราศาสตร์ที่มิใช่เพียงดาวบนฟ้า แต่ยังส่องสว่างในใจมนุษย์ เขามองหมานเฉียนอย่างชื่นชม ดวงตาใสแวววาว
เมื่อฝูงชนซาลง เสวี่ยซีจึงค่อย ๆ เอ่ยถาม “อาจารย์อักษรเหล่านี้แท้จริงแล้วเชื่อมโยงกับดาวบนฟ้าใช่หรือไม่?”
หมานเฉียนเหลือบตามามองศิษย์หนุ่ม แววตาลุ่มลึกและเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ “ทุกตัวอักษรคือรอยสลักแห่งฟ้า บางครั้งเราอ่านมันบนฟากดาว บางครั้งเราอ่านมันบนไม้ไผ่ แต่แท้จริงแล้วคือสิ่งเดียวกัน ฟ้าสะท้อนใจคน ใจคนสะท้อนกลับไปยังฟ้า”
เสวี่ยซีฟังแล้วจ้องนิ่ง ริมฝีปากขยับช้า ๆ “ข้าอยากเข้าใจสิ่งนี้ให้มากขึ้น…”
หมานเฉียนหัวเราะเบา ๆ “เช่นนั้นเจ้าจงดูต่อไป เฝ้าดูทั้งดาวบนฟ้าและตัวอักษรตรงหน้า เมื่อถึงวันหนึ่ง เจ้าจะเห็นว่ามันคือเรื่องราวเดียวกัน”
แสงแดดบ่ายคล้อยลง ทอเงาสีทองบนโต๊ะไม้ เสวี่ยซีล้วงออกห่อผ้าเล็ก ๆ ส่งให้หมานเฉียนด้วยรอยยิ้มซื่อใส “อาจารย์วันนี้ข้าซื้อมี่จือชาเฉา มาฝาก…หวังว่าท่านจะชอบ”
หมานเฉียนรับไป มุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย “เจ้าหนอ…ไม่เคยลืมเอื้อเฟื้อผู้อื่นเลย”
เสวี่ยซียิ้มบางก่อนลุกขึ้นคารวะ แล้วจึงก้าวออกจากแผงไปอย่างเบิกบาน ในใจยังคงสะท้อนถ้อยคำของอาจารย์ ราวกับอักษรที่ทอประกายกลางบ่ายวันนั้น
✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป ตงฟาง ซั่วหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +15 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดน้ำเงิน (มี่จือชาเฉา)✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-27 17:54
บุรุษผู้นั้น หน้าตาเหมือนคนติดฝิ่น ‘ไม่อยากกลับหอว่านหงเหรินเลย’ นั่นคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของหมิงชุนสุ่ยระหว่างทางที่ชายหนุ่มเดินทอดน่องจากตลาดตะวันออกไปยังยังหอหว่านหงเหริน แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ยามเย็นแล้วก็ตาม
‘ถ้าหากว่าข้าจะเดินเล่นต่ออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไหมนะ’ชายหนุ่มขบคิดในหัวก่อนจะหยุดฝีเท้าที่กำลังเดินแล้วหันไปมองเจียวจ้านที่หยุดเดิมเช่นเดียวกัน
“มีอะไรหรือคุณชาย หรือว่าท่านลืมซื้อสิ่งใด”
“ข้าไม่ได้ลืมซื้อสิ่งใดเพียงแต่ยังไม่อยากกลับหอ ตอนนี้แดดร่มลมตกเดินเล่มชมแสงไฟในเมืองก่อน เจ้าคิดว่าดีรึไม่”
“คุณชายอยากทำสิ่งใดข้าย่อมตามใจท่าน ขอเพียงแค่ท่านระวังไม่ให้ท่านอาการป่วยทรุดลงก็พอ”
เป็นอย่างที่คิดเจียวจ้านไม่เคยสักครั้งที่จะกล่าวห้ามยามเขาต้องการทำอะไรตามใจ อีกฝ่ายเพียงแค่ค่อยดูแลและห้ามเฉพาะเรื่องที่อีกฝ่ายมองว่าอาจจะเกิดอันตรายขึ้นกับเขาเท่านั้น หมอนี่ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่เด็กยันโต หากจะกล่าวว่าหมิงชุนสุ่ยใยยิ่งโตยิ่งเอาแต่ใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีเจียวจ้านที่ร่วมหัวตามใจเขาไม่แพ้บิดา มารดาและพี่ชายเลย
“เช่นนั้นเราไปเดินชมแสงสีในตลาดกันสักหน่อย วันนี้เป็นวันหยุดวันสุดท้ายของข้า พรุ่งนี้อย่างไรก็ต้องทำงานต่อ งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ ข้าอยากแอบไปดูร้านของตะกูลสักหน่อยด้วย”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบาง
นัยน์ตาสีอ่อนฉายแววเศร้าหมองเล็กน้อยยามนึกถึงเรื่องที่ตระกูลของตน
ก่อนหน้าที่กล่าวประชดท่านพ่อไปเขาก็หนีออกมาเลย ไม่รู้ป่านนี้ที่บ้านจะเป็นอย่างไรบ้าง หวังว่าท่านแม่คงไม่คิดมากจนล้มป่วยไปเสียก่อนไม่เช่นนั้นเขาคงกลายเป็นบุตรอกตัญญูดั่งที่ชาวบ้านกล่าวกันจริงๆเข้าสักวัน
“จะกลับไปเยี่ยมนายท่านกับคุณชายใหญ่หรือขอรับ”
“เปล่า ข้าแค่อยากแวะไปดูผ่านๆ ตอนนี้ข้าแทบไม่ต่างจากคนหนีออกจากบ้าน ให้บากหน้ากลับไปท่านพ่อก็คงไม่ให้อภัยหรอก”
“คุณชายท่านคิดมากไปแล้ว ทุกคนที่ตระกูลเป็นห่วงนายท่านจักตายขอรับ ไม่เช่นนั้นคงมิให้ข้าออกมาตามหาและอยู่รับใช้คุณชายหรอกขอรับ”
“ข้ารู้ แต่ในใจมันก็อดคิดไม่ได้ ข้ารู้ว่าท่านพ่ออยากให้ข้าเติบโตมีความรับผิดชอบ”หมิงชุนสุ่ยเอ่ยเสียงเบาพลางสาวเท้าเดินไปตามเส้นทางคุ้นตาในตลาดตะวันออก ผ่านร้านรวงมากมายที่กำลังร้องเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อของ
“ตอนที่ข้าออกมา ข้าตัดสินใจได้เรื่องหนึ่งว่า ข้าจะทำงานที่หอว่านหงเหรินไปสักพัก ถ้ามีเงินมากพอก็จะเปิดร้านเป็นของตนเอง หากมันไปได้สวย ข้าถึงจะกลับไปที่ตระกูลนำเอาความสำเร็จของข้าไปมอบให้ท่านพ่อท่านแม่แล้วก็พี่ใหญ่ดูว่าข้าเองก็ประสบความสำเร็จได้ไม่แพ้พวกเขา”
ยามได้ฟังผู้เป็นนายกล่าวออกมาใบหน้าสุขุมของเจียวจ้านก็พลันปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาด้วยความรู้สึกยินดี ‘คุณชายของเขาโตขึ้นแล้วจริงๆ’
“การตัดสินใจของคุณชายน่านับถือมากขอรับ เส้นทางต่อจากนี้ของคุณชายคงลำบากไม่น้อยแต่ว่าข้าสัญญาว่าจะเคียงข้างคุณชาย คอยช่วยเหลือท่านตลอดไปขอรับ”
“ขอบใจนะเจียวจ้าน”หมิงชุนสุ่ยหันไปยิ้มให้กับผู้ติดตามของตน
ชายหนุ่มเดินชมบรรยากาศที่แสนวุ่ยวายของตลาดยามเย็นไปเรื่อยๆด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งหลังจากที่ได้บอกเล่าการตัดสินใจของตนออกไป ความกังวลที่สะสมมาก่อนหน้าค่อยๆจางหายไป ก่อนที่นัยน์ตาสีอ่อนจะไปสะดุ้นเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งในชุดสีดำเข้ม ที่ถูกแต่งอย่างดูเนียบเป็นระเบียบเสียจนรู้สึกอึดอัดแทนที่กำลังเดินสวนมา
ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นคมคายดุดันโดยเฉพาะรอบขอบตาที่ดูคล้ำเล็กน้อยยิ่งทำให้ดวงตาของอีกฝ่ายดูคมดุ ทั้งยังมีบุคลิกผึ่งผายราวทหารกล้า จังหวะการเดินก็ดูมั่นคง หนักแน่นดูท่าคงไม่แคล้วเป็นทหารของกองทัพที่ออกมาพักผ่อน แต่ถึงกระนั้นใบหน้ากลับดูแล้วไม่รับแขกสักนิด
“เดินตลาดด้วยใบหน้าขึงขังปานนั้น จะมีคนกล้าขายของให้ไหมนั่น ขอบตาดำปี๋ราวกับคนติดฝิ่น”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพึมพัมก่อนจะละความสนใจจากบุรุษในอาภรณ์สีเข้มนั้นแล้วหันไปสนใจข้าวของที่ขายอยู่ข้างทางแทน
“คุณชายว่าอะไรหรือขอรับ”เจียวจ้านที่เดินอยู่ข้างๆได้ยินเสียงกล่าวเบาๆ ของผู้เป็นนายก็ถามขึ้นมาเพราะได้ยินไม่ถนัด
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าก็พูดบ่นไปเรื่อยนั่นแหละ ไปดูร้านเนื้อย่างตรงหัวมุมเถอะ ไม่กินนานแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะขายหมดรึยัง”
“นั่นสิขอรับ ร้านของท่านป้าซ่งขายดีมากจริงๆ”
“ก็มันอร่อยเสียขนาดนั้นนี่ เร็วรีบเดินเถอะ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับรีบดันหลังผู้ติดตามของตนให้รีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังร้านเนื้อย่างด้วยความรีบร้อน เพราะกลัวว่าเนื้อย่างที่ตนอยากทานจะหมดไปเสียก่อน
static/image/hrline/B1.pngพรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-28 14:07
ดูดวงเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต พบเจอ ตงฟางซั่ว
เช้าที่แสนสดใสของใครหลายๆคนมาถึงแต่สำหรับหมิงชุนสุ่ยมันช่างเป็นอีกวันที่ขารู้สึกห่อเหี่ยวเหลือเกินเพราะวันหยุดที่ได้รับมานั้นหมดไปแล้ว และวันนี้เขาต้องกลับมาทำงานเพียงแต่พอกลับมาเริ่มงานกลับดูเหมือนมันมีบางอย่างในหอที่เหมือนจะต่างออกไปเล็กน้อย
“พี่โอวหย๋า ข้ารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าบรรยากาศในหอมันแปลกๆ”หมิงชุนสุ่ยที่กำลังตักอาหารใส่ถ้วยของตนเองกล่าวถามกับพี่เลี้ยงของตนด้วยความสงสัย
“เจ้าไม่ได้รู้สึกไปเองหรอก มันเปลี่ยนไปจริงๆนั่นแหละ” โอวหย๋าบอกออกมาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มหันไปมองด้านหลัง เมื่อเขาไปมองตามก็พบเขากับกลุ่มของลู่เหมินที่ดูจะสงบเสงี่ยมกว่าก่อนหน้าทั้งยังเมื่อเห็นเขามองไปก็พากันหลบหน้าหลบตาราวกับเขาเป็นยักษ์มารไปได้
“เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
“ก็ถูกทันณ์บนกับถูกตัดเงินน่ะสิ โทษฐานที่ก่อความวุ่นวายในหอ”โอวหย๋าตอบกลับข้อสงสัยของชายหนุ่ม
“แต่ทำไมข้าไม่โดนด้วยละขอรับ”
“เจ้าไม่โดนน่ะถูกแล้ว เถ้าแก่น่ะไม่สนใจหรอกนะว่าคนในหอจะมีปากเสียงหรือทะเลาะวิวาทตบตีจนเลือดตกยางออก ขอแค่ส่งผลต่องานในหอก็พอ ในกรณีของเจ้า เพราะลู่เหมินแอบตัดสายผีผาของเจ้าจนเกือบทำให้การแสดงล่ม ดีที่เจ้ามีไหวพริบดีจนสามารถดำเนินการแสดงต่อได้”
“อ้อ ข้าพอจะเข้าใจแล้วขอรับ ขอเพียงการวิวาทไม่ได้อยู่ในสายตาของแขกที่มาใช้บริการ เถ้าแก่ก็จะไม่เข้ามายุ่ง”เขายกมือขึ้นลูบปลายคางของตนเบาๆ “ดังนั้นการที่ข้าเอาผีผาฟาดใส่ลู่เหมินในห้องเตรียมตัวจึงไม่ถูกยกมาเป็นบทลงโทษ เพราะแขกมองไม่เห็นสินะ”
“ใช่แล้วล่ะ เถ้าแก่น่ะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของหออย่างมากเสียจนเจ้าคาดไม่ถึงแน่ๆ”โอวหย๋ากล่าวพร้อมกับเริ่มทานอาหารต่อ
หมิงชุนสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรต่อเพียงแต่ก้มหน้าทานข้าวในถ้วยตนเองก่อนจะหันไปมองหาเจียวจ้านที่เหมือนจะถูกพนักงานของหาตามตัวให้ไปช่วยยกของที่หลังร้าน นอกจากที่อีกฝ่ายจะเข้ามาในหอเพื่อดูแลเขาและยังรับหน้าที่ช่วยงานคนในหออีกด้วยช่างเป็นคนดีที่ขยันเกินไปจริงๆ
หลังจากทานอาหารเสร็จหมิงชุนสุ่ยก็เลือกที่จะชวนเจียวจ้านไปเดินเที่ยวที่ตลาดฝั่งตะวันออกอีกครั้งเพราะเมื่อวานตอนที่พวกเขาทั้งสองเดินเที่ยวกัน บังเอิญไปเห็นแผงทำนายเข้า แต่น่าเสียดายตรงที่เมื่อวานเขามาไม่ทันและเจ้าของแผงทำนายปิดร้านไปแล้ว
แต่จากที่สอบถามพ่อค้าแม่ค้าแถวๆนั้นก็บอกว่าแผงทำนายนี้จะเปิดในช่วงยามเว่ย นั่นจึงทำให้หมิงชุนสุ่ยรีบชวนเจียวจ้านให้ออกมารอคั้งแต่ยามอู่เพื่อหวังว่าตนอาจจะได้ทำนายเป็นคิวแรก เพียงแต่ความคิดนี้ไม่ใช่เพียงของหมิงชุนสุ่ยคนเดียว เพราะทันทีที่ชายหนุ่มมาถึงก็พบว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่มายืนจับจองรอเข้ารับการทำนายอยู่จำนวนหนึ่ง
“มีคนมาถึงก่อนเราอีกหรือเนี่ยขนาดข้ามาก่อนตั้งหนึ่งชั่วยาม”
“แสดงว่าเจ้าของแผงทำนายนี้ต้องทำนายทายทักแม่นแน่ๆขอรับไม่งั้นคนคงไม่มารอเยอะเช่นนี้”เจียวจ้านพูดแสดงความคิดเห็นออกมาซึ่งหมิงชุนสุ่ยก็คอนข้างเห็นด้วยไม่น้อย
ทั้งสองยืนรอไปจนในที่สุดเจ้าของแผงทำนายก็มาถึง อีกเป็นชายหนุ่มที่ดูอายุยังไม่เข้าสู่ช่วงกลางคนด้วยซ้ำหน้าตาก็ดูผุดผ่อง ราวเทพเซียน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้มีผู้คนมารอรับการทำนายมากนัก ในตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าของแผงทำนายนี้จะเป็นชายแก่หัวหงอกหนวดขาวเสียอีก หมิงชุนสุ่ยยืนรออยู๋พักใหญ่ๆ ในที่สุดก็ถึงตาของเขาสำหรับการเข้าไปรับการทำนาย ชายหนุ่มยืนมองสำรวจไปหน้าของอาจารย์ผู้ทำนายตรงหน้าก่อนจะแย้มยิ้มและยกมือคาวระเป็นการทักทายก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ท่านเซียนข้าพึ่งเคยมาทำนายครั้งแรก ต้องทำสิ่งใดบ้างหรือขอรับ” หมิงชุนสุ่ยกล่าวเรียกขานชายหนุ่มเจ้าของแผงตามคนก่อนหน้าด้วยความเคารพ
“คุณชายมิต้องกล่าวยกย่อถึงเพียงนั้น ข้าเองก็เป็นคนธรรมดามิได้เ็นเทพเซียนจากไหนเรียกข้าว่าหมานเฉียนเฉยๆก็พอ”หมานเฉียนแนะนำตัวด้วยที่หน้าสุขุม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็น แต่ก็อ่อนโยนราวแม่น้ำในทะเลสาบ “คุณชายมิต้องทำสิ่งใดมากมาย เพียงแค่ปล่อยตัวปล่อยใจให้สบาย อย่างคิดมากฟุ้งซ่าน”
“อ่า เช่นนั้นข้าขออนุญาตเรียกท่านว่าอาจารย์หมานเฉียนนะขอรับ ส่วนท่านเรียกข้าว่าเจียวสุ่ยก็พอ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนจะสูดลมหายใจเข้า และผ่อนออกเพื่อผ่อนคลายทำจิตใจให้สงบก่อนที่จะเข้ารับการทำนาย
“คุณชายเจียวสุ่ยเป็นคนพื้นดวงดีนะ เส้นทางชีวิตแม้จะลำบากก็สมบูรณ์เพรียบพร้อม อยู่ภายใต้พรแห่งโชคลาภ หากวันใดมีเรื่องทุกข์ใจก็สามารถมาพูดคุยปรึกษากับข้าที่นี้ได้ตลอด”หมานเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มก่อนจผายมือเชิญ
“เชิญคุณชายเลือกตัวอักษรขึ้นมาสักตัว จากนั้นตั้งคำถามที่ท่านส่งสัยได้เลย ข้าจะทำนายให้”
หมิงชุนสุ่ยมอยกระดาษตัวอักษรมากมายตรงหน้าก่อนที่สายตาของชายหนุ่มจะไปสะดุดเข้ากับตัวอักษรตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจที่จะหยิบมันออกมาวางไว้เบื้องหน้า 春 (chūn) มีความหมายว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นตัวเดียวกับที่อยู่ในชื่อของเขา
“เชิญถามสิ่งที่ท่านอยากรู้ กี่ข้อก็ได้”
“ข้าอยากรู้เกี่ยวกับเส้นทางอนาคตของข้า ภารกิจในชีวิตที่ข้าต้องทำ และอะแฮ่มความรักขอรับ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาพลางยกมือขึ้นเกาแก้มด้วยความเขินอายเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงความรัก
หมานเฉียนมองท่าทีเขินอายของชายหนุ่มต้องหน้าด้วยรอยยิ้มบางพร้อมกับหยิบเอากระดาษอักษรขึ้นมา “ไม่ต้องเขินอายหรอกคุณชาย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนดำเนินไปด้วยความรักเป็นเรื่องปกติสามัญ ทั้งจากสหาย ครอบครัว และผู้คน”
“ขอรับ”
“ช่วยเล่าเรื่องของคุณชายช่วงนี้ให้ข้าฟังได้รึไม่”
“ได้ ได้ขอรับ คือข้าพึ่ง..จะว่าอย่างไรดีหนีออกจากบ้านมาแล้วก็ตอนนี้เป็นนายโลม ท่านคงไม่รังเกียจ”หมิงชุนสุ่ยกล่าว เขารู้ดีว่าภาพลักษณ์ของนางโลมนายโลมในสายตาของคนภายนอกนั้นไม่ได้ชอบพอกับอาชีพนี้เท่าไหร่นัก
เมื่อเหลือบมองไปยังหมานเฉียนก็พบว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่ได้กล่าวสิ่งใดแล้วก็ไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวของตนต่อ
“ก่อนหน้าที่ข้าพึ่งได้รู้จากเถ้าแก่ขอหอมาว่าพรุ่งนี้จะเป็นงานประมูลคืนแรกของข้า ข้ากังวลนิดหน่อย ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดสิ่งใดขึ้นรึไม่”
“ได้ ข้าจะทำนายให้คุณชายได้ฟังและไขข้อความกังวลในใจของท่าน”
“ขอบคุณอาจารย์หมานเฉียน อ้อข้าเห็นท่านนั่งทำนายมานานขนมนี้ให้ท่านไว้ทานเล่นระหว่างวันนะขอรับ”หมิงชุนสุ่ยกว่าวพร้อมกับยื่นหอขนมคอเป็ดให้ซินแสหนุ่ม
static/image/hrline/B1.png
เหตุแห่งการขอคำพยากรณ์อื่น ๆ : ข้าไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับการประมูลคืนแรกของข้า
มอบ ‘อักษรทำนาย’ หนึ่งตัว春 (chūn)
ความรู้สึกเมื่อคิดถึงอักษรนี้ : มันเป็นตัวอักษรที่อยู่ในชื่อของข้า ให้ความรู้สึกคุ้นเคย
ข้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับอนาคตภารกิจในชีวิตความรัก
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องในช่วงนี้ไปอ่านโรลนะ
ลงชื่อผู้ขอคำทำนายนาม : หมิงชุนสุ่ยวันเวลาที่กรอก : วันที่ 28 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11สถานะปัจจุบัน : นายโลมอนาคตเจ้าของร้านคาเฟยโรงน้ำชาน่ารัก วิ๊บๆ วั๊บๆ เจ้าแมวน้อยผู้มีดวงตาเป็นประกายราวดวงดาวนับล้าน กับเสียงร้องแง่วๆ ที่จะออดอ้อนตะกุยหัวใจของคุณให้กลายเป็นทาสปิ๊วๆ จงมอบเงินตำลึงและแมวเลียมาให้ข้าเดียว
static/image/hrline/B1.png
@Watcher
มอบ ขนมคอเป็ดให้ตงฟาง 1 ชิ้น +10 ความสัมพันธ์จ่ายค่าทำนาย 30 ตำลึงเงินพรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
Mingchunshui ตอบกลับเมื่อ 2025-9-28 13:58
ดูดวงเพื่อความเป็นศิริมงคลของชีวิต พบเจอ ตงฟางซั่ว
...
ทำนายอักษร 春
一 (ขีดฟ้าเส้นแรกบนสุด)
[อนาคต] เปิดฤดู—เริ่มเร็วได้เปรียบ “ใครเริ่มก่อน ชนะหนึ่งช่วงตัว”
[ภารกิจ] ลงมือเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอ ตั้งพิธีประจำวันของร้าน/งาน
[ความรัก] ส่งสัญญาณแรกที่ชัด—ทักก่อน ชวนคุยหัวข้อเบา ๆ
② 一 (ขีดฟ้าเส้นที่สอง)
[อนาคต] ต่อชั้นที่หนึ่งด้วยหลักฐาน—ทำเด็ค/ข้อเสนอให้เห็นรูปธรรม
[ภารกิจ] เลเยอร์ที่สองของระบบงาน: เช็กลิสต์/มาตรฐานบริการ
[ความรัก] สร้าง “ความถี่” (ข้อความ/ชาร่วมสัปดาห์ละครั้ง)
③ 一 (ขีดฟ้าเส้นที่สาม = 三陽開泰)
[อนาคต] โอกาสเปิดเต็มที่—ยื่นของจริง/ตัวอย่างสินค้า/เมนูซิกเนเจอร์
[ภารกิจ] ประกาศวิสัยทัศน์สั้น ๆ ของร้าน/งานให้ทีมท่องได้
[ความรัก] ผ่านด่านเกรงใจ—ชวนเจอกิจกรรมกลางแจ้ง/เช้า ๆ (พลัง春)
④ 丨 (เส้นแกน贯日—เสาตรงกลาง)
[อนาคต] ตั้ง “กติกา-เส้นกลาง” ของตัวเอง—รับงาน/ปฏิเสธงานตามเกณฑ์เดียว
[ภารกิจ] แกนคุณค่า 1 ประโยค: “ร้านนี้ทำให้ผู้คนงอกงามอย่างอ่อนโยน”
[ความรัก] ซื่อสัตย์-สม่ำเสมอ คือเสาหลัก อย่าโลเลสองมาตรฐาน
⑤ 日・上横 (เพดานของวัน)
[อนาคต] เพดานความเสี่ยง—กำหนดงบ/ขอบเขตทดลองชัด
[ภารกิจ] เวลาเปิด-ปิด/สโคปบริการ—เขียนให้เห็นหน้าร้าน
[ความรัก] ขีดบน = ขอบเขตส่วนตัว เคารพเวลาพักของกันและกัน
⑥ 日・左竖 (เสาซ้ายของวัน)
[อนาคต] ด้านซ้าย = อดีต/ราก—ใช้รีวิว/ผลงานเก่าหนุนข้อเสนอใหม่
[ภารกิจ] ตำรา/มาตรฐานการชง—ยึดสูตรฐานไว้หนึ่งชุดไม่เปลี่ยนพร่ำเพรื่อ
[ความรัก] เล่าแบ็กกราวด์อย่างพอดี—ให้คู่รู้ “ที่มา” เพื่อวางใจ
⑦ 日・右竖 (เสาขวาของวัน)
[อนาคต] ด้านขวา = อนาคต/การส่งมอบ—ระบุเดดไลน์และตัวชี้วัดผล
[ภารกิจ] คน–บทบาท–ความรับผิดชอบ (RACI) ให้ชัดเจน
[ความรัก] บอกความคาดหวังเรียบ ๆ เช่น เวลาคุณภาพ/พื้นที่ส่วนตัว
⑧ 日・下横 (พื้นของวัน)
[อนาคต] ปิดงานให้เรียบ—เอกสารถูกต้อง เก็บเงินเป็นขั้น
[ภารกิจ] ฐานบัญชี/สต็อก—ทุกวันจบด้วยยอดตรง
[ความรัก] ความใส่ใจเล็ก ๆ ประจำวัน = “พื้น” ที่ทำให้สัมพันธ์มั่น
⑨ 一 (แผ่นดินล่างสุด = 地財之線)
[อนาคต] เส้นทรัพย์—รายได้จะมาเมื่อบนจัดกรอบดีแล้ว ลงดินด้วยโปรฯเล็กที่ทำได้จริง
[ภารกิจ] คืนกำไรสู่ชุมชน/แมวจรเล็กน้อย—ยิ่งให้ยิ่งดึงดูด
[ความรัก] ของธรรมดาแต่สม่ำเสมอ (ชารอบค่ำ/ส่งเข้านอน) คือดินที่อุ้มรัก
สรุป
อนาคต
โทนรวมคือ “สามหยางผลักขึ้น + เสาแกน + ดินรับ” → โตแบบมีกรอบเวลาและขีดเส้นชัด
หน้าต่างดี: ยาม卯–辰 (05:00–09:00) เริ่มงาน/เสนอแผนช่วงเช้าจะขึ้นมือ
สัญญาณถูกทาง: ได้ “เพดาน-งบชัด, เดดไลน์ชัด, ตัวอย่างงานจริง”
ภารกิจในชีวิต
เสาตรงกลาง (④) + 日 ทั้งกรอบ (⑤–⑧) = “สร้างระบบวันที่ดี”
ภารกิจคือ ทำให้ผู้คนงอกงามด้วยระเบียบที่อ่อนโยน: กติกาเล็ก ๆ, พิธีประจำ, คุณภาพสม่ำเสมอ
เคล็ด: ปิดวันด้วย ยอดตรง & บันทึกเมตตา 1 อย่าง (เส้น⑧)
ความรัก
春 = เริ่มงอก—แต่ต้องมี กรอบอุ่นแบบ家 จากเส้นวัน (⑤–⑧)
ทางชนะ: ส่งสัญญาณชัด (①③) พาคนรักเข้ากิจวัตรเล็ก ๆ ร่วมกัน (ชารอบค่ำสัปดาห์ละครั้ง = ⑧⑨)
ขอบเขตที่ดี (⑤) + เรื่องเล่าราก (⑥) + แผนอนาคต (⑦) → ความไว้ใจเติบมั่น
คำแนะนำจากตงฟางซั่ว
ทำต้นให้ตรง กรอบให้ชัด ดินจะอุ้มงอก—
งานก้าว เงินมา รักมั่น ไม่เร่งแต่ไม่หลงทาง
ตลาดตะวันออกของนครฉางอานในยามสายยังคงคึกคัก ผู้คนหลากชนชาติเดินขวักไขว่ตามตรอกและแผงร้าน เสียงเร่ขายผ้าไหม เครื่องเทศ กลิ่นหอมฉุนจากกำยานและเครื่องหอมลอยคลุ้งผสมกับกลิ่นเนื้อย่างที่สุกบนเตาถ่าน เสียงหัวเราะและการต่อรองราคาดังก้องไปทั่วจนแทบแยกไม่ออกว่าใครพูดอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างเบื้องหน้าช่างต่างจากความสงบครุ่นคิดในหอว่านหงเหรินเมื่อคืนที่เขายังได้หยิบขลุ่ยมาบรรเลงขับกล่อมเพื่อช่วยเหลือนางรำ วันนี้กลับกลายเป็นอีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังงานของการค้าขายและชีวิตชีวาเขาเดินทอดน่องไปอย่างไม่รีบเร่ง สายตาเหลือบมองทั้งผ้าไหมหลากสี อัญมณีที่วางเรียงเป็นแถว ขนมหวานจากต่างแดนที่ใส่ถาดทองเหลือง ทุกสิ่งดูน่าลองไปหมด ทว่าหัวใจเขาก็ยังคงคร้านอยู่เช่นเดิม ไม่ได้อยากลงมือซื้อหาหรือทดลองทำอะไรจริงจัง เพียงแต่เที่ยวชมให้ตนเองไม่รู้สึกเบื่อหน่ายระหว่างที่กำลังจะหันหลังให้ร้านขายเครื่องแก้วจากแดนไกล พลันสายตาเขาก็สะดุดเข้ากับบุรุษผู้หนึ่งซึ่งยืนสูงสง่าในชุดคลุมสีขาวครีมปักลายเมฆมงคล บุรุษผู้นั้นมีกิริยาสงบสุขุม สายตาอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ เฉกเช่นผู้ที่คุ้นชินกับการคุยเจรจากับผู้คนหลากเชื้อชาติรอบโลก และในมือยังถือสมุดบัญชีที่คอยจดรายละเอียดผู้เดินทางแปลกหน้าที่เพิ่งเข้ามาในนครฉางอาน
“ทูตผู้ดูแลนักเดินทางใหม่ โหรว ซางเมิ่ง…” เขาพึมพำเบา ๆ ขณะเหลือบเห็นป้ายประกาศเล็ก ๆ ที่แผงข้างตัวบุรุษผู้นั้นใจหนึ่งก็อยากลองทัก อีกใจก็เกรงว่าจะเสียมารยาท ทว่าในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ เขาจึงก้าวเข้าไปใกล้ หยุดยืนห่างออกไปเพียงครึ่งก้าว ก่อนจะยกมือขึ้นทำท่าเคารพอย่างที่เคยเห็นคนอื่นทำ
“คุณชาย…เอ่อ…ซางเมิ่ง” เสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับติดขัดเล็กน้อยดวงตาคมของบุรุษผู้นั้นหันมามอง เขายิ้มบาง ๆ แต่กลับส่ายหัวเบา ๆ “ในที่นี้ หากจะเรียกขานให้ถูกต้อง ต้องเรียกนามสกุลก่อน มิใช่ชื่อ” น้ำเสียงหนักแน่นแต่ไม่ใช่การตำหนิ “ท่านควรเรียกว่า—คุณชายโหรว มิใช่คุณชายซางเมิ่ง”
เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อ๋อ อย่างนั้นหรือ… ข้าขอโทษที คุณชายโหรว”คำพูดนั้นทำให้โหรว ซางเมิ่งหัวเราะเบา ๆ ราวกับพึงพอใจที่อีกฝ่ายยอมรับและพร้อมเรียนรู้มารยาทใหม่ ๆ “ดีแล้ว เช่นนี้จึงเหมาะสม”เมื่อก้าวข้ามเรื่องการทักทาย โหรว ซางเมิ่งก็เหลือบมองเขาอย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านดูเหมือนยังใหม่ต่อการใช้ชีวิตในนครแห่งนี้…ใช่หรือไม่?”เขาเกาหัวเบา ๆ ยอมรับแบบไม่เต็มใจนัก “ก็อาจจะใช่ ข้ามาใหม่…และยังไม่คุ้นเคยนัก”รอยยิ้มของทูตผู้ดูแลกว้างขึ้นเล็กน้อย “ในนครฉางอาน สิ่งแรกที่ผู้คนต้องรู้จัก คือการเลี้ยงดูตนเองให้เป็น ถึงแม้ท่านจะขี้คร้านการงาน แต่หากข้าวปลาอาหารยังไม่รู้วิธีปรุง ย่อมอยู่ไม่ได้”
เขาถึงกับสะดุ้งในใจ รู้ได้ยังไงว่าข้าไม่ค่อยชอบทำอะไรเอง… แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป เพียงหัวเราะกลบเกลื่อนโหรว ซางเมิ่งไม่รอช้า เขาควักห่อเล็ก ๆ ออกมา ยื่นส่งให้ “นี่คือข้าวสาลี ท่านลองนำไปฝึกหุงเป็นข้าวสวย ข้าอยากเห็นว่าท่านจะทำได้เพียงใด”“หุง…เอง?” เสียงเขาแทบจะกลายเป็นการบ่นออกมาเบา ๆ แต่เมื่อสบสายตาคมสงบที่ไม่ยอมปล่อยผ่าน เขาจำต้องรับห่อข้าวสาลีนั้นมาไว้ในมืออย่างเสียมิได้โหรว ซางเมิ่งพาเขาไปยังมุมหนึ่งของแผง ที่นั่นมีเตาถ่านตั้งไว้พร้อมหม้อดินเผาเล็ก ๆ และกองฟืนถ่านวางข้าง ๆ บรรยากาศรอบตัวคึกคักไปด้วยเสียงคนขาย แต่พื้นที่มุมนี้กลับเงียบสงบเพียงพอที่จะลองฝึกฝน“ก่อนอื่น ต้องล้างข้าวสาลีเสียก่อน” คุณชายโหรวเอ่ยพร้อมเทน้ำใส่ถังเล็ก ๆ วางตรงหน้าเขาพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหยิบข้าวสาลีลงไปล้าง เสียงน้ำกระทบดังซ่า ๆ แต่ด้วยความรีบร้อนและไม่คุ้นเคย เม็ดข้าวกลับล้นออกมาจนเปียกมือเปียกแขนเลอะเทอะ“ระวังหน่อย” คุณชายโหรวเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆเมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนล้าง เขาก็โยนข้าวลงหม้อ เทน้ำตามแบบลวก ๆ โดยไม่สนปริมาณสัดส่วนมากนัก แล้ววางหม้อลงบนเตาถ่าน จุดไฟอย่างเก้ ๆ กัง ๆ กว่าจะติดก็กินเวลาอยู่นาน เสียงไฟแตกเปรี๊ยะ ๆ ดังขึ้นในที่สุดเขานั่งลงข้าง ๆ เตา ถอนหายใจแรง “นี่มันน่าเบื่อจริง ๆ”เวลาผ่านไปกลิ่นไหม้เริ่มโชยออกมาจากหม้อ เขารีบเปิดฝาออก ดูก็พบว่าด้านล่างเกรียมดำไปแล้ว ส่วนด้านบนยังแฉะไม่สุกดีนัก“อะแห่ม…” เขาไอแห้ง ๆ พยายามยิ้มกลบเกลื่อน “ก็ดูเหมือนจะ…กินได้บ้างละมั้ง”คุณชายโหรวก้าวเข้ามาดูใกล้ ๆ เมื่อเห็นสภาพข้าวในหม้อ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังอย่างห้ามไม่อยู่ “หากจะเรียกว่านี่คือข้าวสวย ก็คงเป็นข้าวสวยในนิมิตฝันเท่านั้น”เขาทำหน้าเบ้ “ก็ข้าไม่เคยทำ…และก็ไม่ได้อยากทำหรอกนะ”โหรว ซางเมิ่งส่ายศีรษะเบา ๆ “นั่นแหละคือปัญหา หากท่านไม่อยากทำ ท่านก็จะไม่มีวันทำได้เป็น… แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้ท่านก็ได้เริ่มต้นแล้ว”เขานั่งพิงผนังพลางหัวเราะหึ ๆ “เริ่มต้นด้วยหม้อข้าวไหม้เนี่ยนะ”“ใช่” คุณชายโหรวตอบอย่างหนักแน่น “เพราะทุกการเริ่มต้น ย่อมต้องผิดพลาดบ้าง หากท่านไม่ก้าวแรก ท่านจะไม่มีวันก้าวสอง”บรรยากาศรอบข้างคล้ายจะเงียบลงชั่วขณะ เสียงโหรว ซางเมิ่งแม้ไม่ดังนัก แต่กลับมีพลังประหลาดที่ทำให้เขารู้สึกว่าคำพูดเหล่านั้นซึมลึกเข้ามาในใจเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางเกาศีรษะ “คุณชายโหรว… ท่านนี่พูดเก่งจริง ๆ”“ข้าเพียงพูดตามความจริง” โหรว ซางเมิ่งยิ้มบาง ๆ พลางมองหม้อข้าวไหม้ตรงหน้า “ส่วนที่เหลือ…ก็ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะยอมเรียนรู้หรือยังคงคร้านอยู่อย่างเดิม”เขาหลุบตาลง เหลือบมองหม้อที่ไหม้ดำ แล้วถอนหายใจยาว ๆ “…บางที ข้าอาจต้องลองอีกสักครั้งก็ได้”
รางวัล: +50 พลังใจ , +5 ตำลึงทอง , +200 อีแปะ , +25 EXPกระเป๋าขนาดกลาง 1 ใบ , ห่ออาหารยังชีพ(50) 1 ห่อ (เก็บไว้เปิดใช้ยามฉุกเฉิน)
<style>
#Tang01 {
border: 4px double ;#66FF99
padding: 10px;
box-shadow: #66FF99 1px 1px 1em;
border-radius: 25px;
background-image: url("https://img2.pic.in.th/pic/8afj8o1.jpg");
}
</style>
<style>
#Tang02 {
width: 900px;
border: 4px inset#66CCCC;
padding: 15px;
box-shadow:#66CCCC 2px 2px 1em;
border-radius: 25px;
background-image: url("https://i.imgur.com/Rti02oX.png");}
</style>
<style>
#Tang03 {
width: 900px;
border: 4px inset #A52A2A ;
padding: 15px;
box-shadow: #B22222 2px 2px 1em;
border-radius: 25px;
background-image: url("https://i.imgur.com/Rti02oX.png");}
</style>
<div align="center">
<div id="Tang01">
<br><br>
<div id="Tang02">
<div style="display : block; float: center; width: 100%;"><font color="White" face="TH Sarabun New" size="5">
</font><div style="display : block; float: center; width: 100%;"><div style="text-align: center;"><span id="docs-internal-guid-a8c42c09-7fff-715d-b3f1-037d92400f8e" style=""><p dir="ltr" style="color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="6"><br></font></p><p dir="ltr" style="color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="6"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5">ออกจากที่โรงเตี๊ยม ยังคงพอที่จะมีเรี่ยวแรงอยู่บ้าง ชายหนุ่มร่างสูงที่บอบบาง เดินทางมาพร้อมกับหีบไม้ขนาดกลางๆทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสะพายอยู่ข้างไหล่เดินทางมาเรื่อยๆ จนมาถึงย่านที่มีคพลุกพล่าน ที่นี่เป็นตลาด และที่ซิวหลัวคิดเอาไว้ก็คือ.. ที่นี่คงหางานได้ไม่ยาก งานแบกหามคงไม่ถนัด อาจจะเป็นงานตามร้านขายผ้าและหินสีมีราคา เพราะที่นี่ล้วนมีแต่ของจากต่างถิ่นและผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก มันค่อนข้างลำบากหากจะให้ตัวเขานั้นไปแบกหาม กับแขนเทียมที่ถึงแม้จะขยับได้ราวกับแขนจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่แขนของมนุษย์จริงๆ </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5">ชายร่างสูงทำได้เพียงเดินไปเรื่อยๆ มองไปรอบตัว และทันใดนั้นเอง จู่ก็มีเสียงดังจากข้างหน้าไกลๆ ซึ่งมันก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5">"ช่วยด้วยๆ เจ้าหัวขโมยนั่น ขโมยถุงเงินของข้าไป ช่วยจับมันที" ชายในชุดพ่อค้าร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์เกินกว่าที่จะออกแรงวิ่ง ได้ตะโกนพร้อมกับวิ่งไปโดยหวังว่าจะมีสักคนช่วยเขา แต่ตลอดทางที่เขาพยายามวิ่งมา ไม่มีใครที่คิดจะช่วยเขาเลย.. ซิวหลัวเองก็แปลกใจ คนสมัยนี้ใจจืดใจดำเสียจริง </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"> เป็นเช่นนั้นแล้วก็เห็นทีที่ตัวเขานั้นจะต้องลงมือเข้าไปช่วยเอง เขาเตะไปที่หีบไม้ทรงสีเหลี่ยมแนวตั้ง ทันใดนั้นเองกล่องไม้นั้นก็ค่อยๆสั่นและผลิชิ้นส่วนออกมาทีละชั้นๆ จนเปิดออกมา ภายในนั้นมีหุ่นเชิดอยู่สองตัวที่มีแท่นไม้จับอยู่เพื่อให้ทรงตัวได้ในแนวตั้ง ขณะเดียวกันนั้นเอง </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"> ถัง ซิวหลัว พลันยกหมวกไม้ไผ่ผ้าคลุมขึ้นมาใส่ มันเป็นหมวกที่เมื่อเขานั้นต้องการที่จะเชิดหุ่นคราใด เขานั้นจะใส่หมวกนี้เอาไว้เพื่อช่วยในการเชิดหุ่นได้ และได้อย่างอิสระ ราวกับว่าตนนั้นได้แบ่งส่วนของวิญญาณตนเองไปใส่เอาไว้ในหุ่นเชิดนั้นก็ไม่ปาน ทันทีที่หุ่นเชิดทั้งสองนั้นค่อยๆขยับ ตัวของมันที่เป็นร่างปานกลางพอใส่ในกล่องไม้กลไกได้ ก็พลันค่อยๆขยายร่างให้ใหญ่ขึ้นมา มากกว่าคนทั่วไปพอสมควร ออกมาทั้งสองตัว และทั้งสองตัวนั้นมีความแตกต่างกันตรงที่ ตัวนึงใส่ชุดขาว ตัวนึงใส่ชุดสีดำ ซึ่งก็เป็นชุดที่ซิวหลัวนั้นตัดเย็บขึ้นมาเอง มันเป็นชุดที่ใช้ในการละคร หากแต่เพียงทำให้มันดูใช้งานได้จริงในบางเรื่อง!? </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"> ทันทีที่หุ่นเชิดทั้งสองตัวยืนขึ้นอย่างสงบราวกับเป็นมนุษย์ฝาแฝด ชายหนุ่มใต้หมวกไผ่สานผ้าคลุมนั้นก็ได้หันไปมองในขณะที่ตัวของเขานั้นค่อยๆลุกขึ้น เขาสะพายกล่องกลขึ้นที่บ่าก่อนที่จะยืนตามหัวขโมยที่วิ่งราวถุงตำลึงของเถ้าแก่คนนั้นไป พร้อมกับหุ่นเชิดของตนเองที่เหมือนกับว่า พวกมันนั้นมีวรยุทธ์ ทำการกระโดดขึ้นหลังคาและวิ่งนำทิ้งระยะระหว่างตัวหุ่นกับคนเชิดเอาไว้พอสมควร เมื่อเห็นว่าตัวหุ่นทั้งสองนั้นอยู่ในระยะที่กะเอาไว้ </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"> ทันใดนั้นหุ่นทั้งสองที่วิ่งขนาบข้างกันระหว่างหลังคาสองข้างทางก็กระโดดพุ่งตัวลงมา กางมือที่ด้านในนั้นซ่อนกระบี่เล่มบางคมกริบเอาไว้ ใบมีดเสียงทะแยงคอหอยของโจรวิ่งราว หุ่นทั้งสองสะบัดกระบี่ออกพร้อมกันทำให้ศีรษะของโจรโชคร้ายคนนั้นหลุดกระเด็นขึ้นฟ้าไป ทางหุ่นเชิงสองตัวที่หนึ่งในนั้นคว้าถุงตำลึงแล้วกระโดดขึ้นหลังคาหายไป ซิวหลัวเลือกที่จะให้หุ่นทั้งสองเคลื่อนที่ออกไปให้ไกลให้ลับสายตาคน ก่อนที่จะเชิดกลับมา วางถุงตำลึงเอาไว้ตรงหน้า เพื่อให้ซิวหลัวนำถุงเงินนั้นไปคืนเจ้าของ </font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5">"นี่ ถุงตำลึงของท่าน" ชายหนุ่มสะพายกล่องไม้ยื่นถุงตำลึงคืนเจ้าของ ก่อนที่จะเดินจากไป โดยที่ไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดจากอีกฝ่าย</font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p><p dir="ltr" style="text-align: left; color: rgb(255, 255, 255); line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="EucrosiaUPC" size="5"><br></font></p></span></div><span style="text-shadow: rgb(213, 181, 189) 0px 0px 0.7px, rgb(213, 181, 189) 0px 0px 25px, rgb(213, 181, 189) 0px 0px 10px;"><div style="text-align: center;"><br></div><div style="text-align: center;"><br></div><div style="text-align: left;"><br></div><div style="text-align: left;"><font color="#ffffff" face="Georgia" size="6"><br></font></div><div style="text-align: left;"><font color="#ffffff" face="Georgia" size="6"><br></font></div></span></div></div></div></div></div>
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย QiZhinglong เมื่อ 2025-10-1 22:54
เสียงกลองไม้และดนตรีบรรเลงคลอแผ่วเบามาจากโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ ราวกับจะสะท้อนบุคลิกเจ้าสำราญของชายหนุ่มผู้ที่เพิ่งเดินทอดน่องออกมาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาคือ ฉีชิงหลง บุตรชายคนสุดท้องแห่งตระกูลฉี ผู้มีชื่อเสียงด้านความเหลวไหลและความโปรดปรานในสุรานารี หากแต่ในแววตาสีเขียวเข้มที่ฉายประกายเย้ายวนกลับไม่แสดงความเหน็ดเหนื่อยใด ๆ แม้เพิ่งผ่านค่ำคืนที่เต็มไปด้วยการดื่มกินและเสียงหัวเราะเส้นผมสีขาวเงินยาวสลวยปลิวไหวตามแรงลม เขาเดินไปตามถนนสายหลักของเมืองเล็กที่เต็มไปด้วยร้านรวง ผู้คนสัญจรไปมา บ้างก็หยุดมองด้วยสายตาไม่แน่ใจว่าควรชื่นชมความงามพิศวงของบุรุษตรงหน้า หรือควรเบือนหน้าหนีเพราะความเสเพลที่ลือกันไปทั่ว แต่ชิงหลงกลับไม่สนใจสายตาเหล่านั้นแม้แต่น้อย ริมฝีปากโค้งยิ้มบาง ๆ ขณะสายตาเลื่อนไปเห็นเงาร่างหนึ่งที่คุ้นเคยโหรว ซางเมิ่ง—ทูตผู้ดูแลนักเดินทาง ผู้ที่เขาได้พบเมื่อวานนี้ด้วยเหตุบังเอิญ ชายหนุ่มร่างสูงในอาภรณ์สะอาดเรียบร้อยและเต็มไปด้วยอำนาจเงียบงัน ไม่ใช่อำนาจกดดัน หากแต่เป็นอำนาจที่แฝงไปด้วยความหนักแน่นของผู้ซึ่งผ่านโลกมาอย่างระมัดระวังและรอบรู้
ซางเมิ่งกำลังจัดเรียงของเล็กน้อยตรงโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ริมทาง ดูเหมือนเขาจะจำหน่ายสิ่งของจำเป็นแก่นักเดินทางที่สัญจรไปมา ทั้งย่าม เข็มทิศ และที่สำคัญ—กระเป๋าสำหรับเดินทาง ที่ชิงหลงตั้งใจมาหาในวันนี้
“โอ๊ะ...เจอกันอีกแล้วนะ ท่านทูต”
เสียงทุ้มเจือรอยยิ้มของชิงหลงดังขึ้นก่อนที่เจ้าของร้านจะเอ่ยปากเรียก ชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อน เสื้อคลุมขาวบางเผยให้เห็นแผ่นอกที่ยังคงอุ่นไอจากการดื่มเมื่อคืน สายตาเต็มไปด้วยความขี้เล่นเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่มีวันเติบโตเต็มที่ซางเมิ่งเงยหน้าขึ้น มองอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “คุณชายฉี... ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วเช่นนี้ ของที่ท่านถามหาไว้เมื่อวาน ข้ายังไม่ได้จัดเก็บไปไหน” น้ำเสียงเรียบ สุภาพ แต่ก็ไม่แข็งกระด้างจนปฏิเสธไมตรี“ดีเลย” ชิงหลงหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางเอื้อมมือแตะขอบโต๊ะก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้เล็กที่ตั้งไว้ “ว่าแต่ว่า...กระเป๋าที่เจ้ามี ข้าขอดูทั้งหมดหน่อยสิ จะได้ตัดสินใจถูกว่าควรพาสิ่งใดกลับบ้านบ้าง”
คำพูดนั้นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเผลอเลิกคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไร เพียงยกกระเป๋าที่เตรียมไว้ขึ้นมาตั้งเรียงบนโต๊ะ—สองใบเล็ก หนึ่งใบกลาง และอีกหนึ่งใบใหญ่ วางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“กระเป๋าใบเล็ก...ราคา 8 ตำลึงทอง ท่านว่าเหมาะแก่การใส่สิ่งของจำเป็นเล็กน้อย อาทิเช่นยาสมุนไพรหรือเหรียญเล็ก ๆ ข้าพเจ้ามีอยู่เพียงสองใบ”
“ส่วนใบกลาง ราคา 12 ตำลึงทอง จุของได้มากขึ้น เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องการขนของหนักเกินไป”
“และใบใหญ่สุด ราคา 20 ตำลึงทอง หากท่านตั้งใจจะออกเดินทางไกลหรือแบกของติดตัวมาก ใบนี้จะเหมาะสมที่สุด”เสียงอธิบายราบเรียบชัดถ้อยชัดคำ แต่คนฟังกลับยกมุมปากยิ้ม ราวกับไม่ได้ฟังรายละเอียดอย่างจริงจัง หากแต่กำลังเพลิดเพลินกับน้ำเสียงของอีกฝ่ายเสียมากกว่า“อืม...รวมทั้งหมดก็ 48 ตำลึงทอง สินะ” ชิงหลงพึมพำขณะใช้นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะไม้เป็นจังหวะเบา ๆ “เกือบหมดตัวเลยทีเดียว เงินที่ข้าได้มาจากเมื่อคืน...คงละลายหายไปกับกระเป๋าเจ้านี่แล้ว”ซางเมิ่งเหลือบมองเล็กน้อย “หากท่านคิดว่าจำนวนมากเกินไป ก็เลือกเพียงบางใบก็ย่อมได้ ไม่จำเป็นต้องเหมาทั้งหมด”คำแนะนำนั้นสมเหตุสมผล ทว่าชิงหลงกลับหัวเราะเสียงใส ก่อนจะหยิบเหรียญทองจากย่ามขึ้นมาเทลงบนโต๊ะ เสียงกระทบของโลหะดังกังวานสะท้อนสายตาของผู้คนแถวนั้นให้หันมามอง
“จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เลือกทุกอย่างที่ใจต้องการกันเล่า? เหรียญทองพวกนี้ อีกเดี๋ยวข้าก็หามาใหม่ได้”
น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจเสียจนอีกฝ่ายเผลอถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนใจ
“ท่านนี่...” ซางเมิ่งพูดพลางส่ายศีรษะเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจห้ามรอยยิ้มบาง ๆ ที่ผุดขึ้นตรงมุมปากได้ “ชีวิตท่านช่างแตกต่างจากนักเดินทางทั่วไปนัก ข้ามักเห็นพวกเขาพะวงถึงเสบียงและที่พัก แต่ท่าน...กลับเลือกใช้ชีวิตเหมือนการดื่มสุราท่ามกลางเสียงดนตรี”“ก็เพราะมันสนุกน่ะสิ” ชิงหลงตอบทันที ริมฝีปากโค้งยิ้มอย่างท้าทาย “เจ้าเองน่ะ...ลองสักครั้งดูไหม ดื่มสักจอก ฟังดนตรีสักบท แล้วเจ้าจะรู้ว่าโลกไม่ได้มีเพียงหน้าที่ที่เจ้าต้องแบกรับ”คำพูดนั้นทำให้ทูตหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเบา ๆ “ข้าอาจไม่ใช่คนที่เหมาะกับความเหลวแหลกเช่นนั้น”
“งั้นก็ถือว่าโชคร้ายสำหรับเจ้าแล้วกัน” ชิงหลงยกยิ้มกวน ก่อนจะหยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาหมุนเล่นราวกับเด็กชายได้ของเล่นใหม่ “เพราะบางที ความเหลวแหลกนี่แหละ...มันอาจเป็นอิสระที่แท้จริงก็ได้”
การซื้อขายดำเนินไปอย่างไม่รีบร้อน สายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมายังทั้งคู่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าทูตผู้เคร่งขรึมกับชายหนุ่มเจ้าสำราญมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร แต่สำหรับชิงหลงแล้ว เขาเพียงยักไหล่ ไม่แยแสต่อโลก และกวาดเอากระเป๋าทั้งหมดเข้ามาครอบครองอย่างสบายใจเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ซางเมิ่งเก็บเหรียญทองลงหีบเล็กด้วยท่าทีสงบ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับชิงหลงอีกครั้ง ก่อนเอ่ยประโยคสั้น ๆ ทว่าหนักแน่น
“หวังว่ากระเป๋าเหล่านี้...จะได้ใช้ประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่เพียงเก็บฝุ่นอยู่ข้างเตียง”
ชิงหลงหัวเราะลั่น “หึ! เจ้าไม่เชื่อในตัวข้าสินะ? เอาเถิด วันใดที่เจ้ามีเวลา ข้าจะชวนเจ้าออกเดินทาง แล้วเจ้าจะเห็นเองว่าของพวกนี้ไม่ได้เสียเปล่า”
แสงแดดยามสายทาบทอผ่านเส้นผมสีเงินของชายหนุ่มที่ยืนหิ้วกระเป๋าใบใหม่ทั้งสี่ออกไปจากร้าน ร่างสูงผ่อนคลายเดินจากไปโดยไม่หันกลับ แต่ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่ก้องสะท้อนอยู่ในใจของทูตผู้ดูแลนักเดินทาง
ซื้อ:กระเป๋าขนาดเล็ก (ขยายช่อง 10 ช่อง) 8 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 2 ใบกระเป๋าขนาดกลาง (ขยายช่อง 36 ช่อง) 12 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 1 ใบกระเป๋าขนาดใหญ่ (ขยายช่อง 50 ช่อง) 20 ตำลึงทอง - โควต้าคนละ 1 ใบรวม 48 ตำลึงทอง
<p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;" id="docs-internal-guid-2986a937-7fff-787c-6c86-f5b486806db5"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" style="" face="Arial">วันที่ 29 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ยามเซิน เวลา 15.00 - 16.00 น.</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">╰┈➤ พบเจอหลิวอัน</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสียงคนพลุกพล่านดังก้องไปทั่ว ทั้งแม่ค้าเรียกขายของ พ่อค้าโบกมือเชิญชวนให้หยุดดูสินค้าบนแผง ข้าวของวางเรียงรายเต็มสองฝั่งทางเดิน ตั้งแต่เครื่องหอมจากดินแดนใต้ ยันผ้าไหมปักลวดลายวิจิตร จากแคว้นเหนือ มีทั้ง สมุนไพรหายาก ขนมหวานแห้ง และเนื้อสัตว์แปรรูป กลิ่นหอมของชาและเครื่องเทศลอยมาปะปนกันอย่างชวนให้หิว</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ร่างบางของเสวี่ยซีปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน เขาก้าวเดินช้า ๆ กระเผลกเล็กน้อยตามปกติ หลังคืนวานที่เดินซื้อของมากมาย ท่ามองไปทั่วตลาดตาใสซื่อ ราวกับเด็กที่เพิ่งเข้ามาในโลกกว้าง</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">“วันนี้ข้าอยากจะทำเต้าหู้สูตรพิเศษ แต่ขาดวัตถุดิบบางอย่าง” เสียงของเสวียนเต๋อดังแว่วจากด้านหลัง เสวี่ยซีหันไปพบเพื่อนสหายของตนยืนยิ้มกวน ๆ อยู่บนฟุตปาท “เต้าพอจะหา ‘ดอกไม้พันปี’ ให้ข้าได้ไหม”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซียกคิ้วเล็กน้อย แต่ด้วยนิสัยซื่อ ๆ เขาก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ข้าจะลองหาให้”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวียนเต๋อหัวเราะเบา ๆ แล้วผายมือ “อย่าลืมว่าของนี้หายากที่สุดในฉางอันนะ ข้าได้ยินแต่ชื่อยังไม่เคยเห็นของจริงเลย”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีเดินเข้าไปยังแผงแรก ที่แม่ค้าเจ้าของร้านวาง ดอกไม้แห้ง และ สมุนไพรหลากสี สินค้าเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">“ข้าอยากได้ดอกไม้พันปี ท่านเคยเห็นบ้างไหมขอรับ” เสียงใสซื่อของเสวี่ยซีทำให้แม่ค้าหันมอง</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">แม่ค้ากะพริบตา “ดอก…ดอกไม้พันปีงั้นหรือ? ฮ่า ๆ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเลย แต่อาจมีคนเรียกต่างกันก็ได้ ลองดูดอกกุ้ยฮวานี่ไหม หอมและสวยมาก แต่…อายุพันปีคงไม่ถึงหรอกนะ”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีก้มลงมองดอกไม้ สีสันสดใส แต่รู้ทันทีว่าไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ เขายิ้มอ่อนหวาน “ข้าจะถามร้านอื่นต่อ”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เดินไปอีกแผง เสวี่ยซีพบพ่อค้าขายสมุนไพรหายาก ท่าทางเคร่งขรึม จัดสินค้าเป็นกองสูง เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">“ข้าอยากได้ดอกไม้พันปี เจ้าพอจะช่วยหาให้ข้าได้หรือไม่”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">พ่อค้าหัวเราะเบา ๆ “ดอกไม้พันปีงั้นหรือ ข้าน้อยไม่เคยเห็น มีแต่ตำนานลมปากคนเก่าที่ว่ากันมาว่าเป็นดอกไม้ที่อยู่ได้นานกว่าชีวิตคน แต่ถ้าอยากลอง…ข้าอาจมีดอกไม้แช่ยาจีนอยู่ จะให้ข้าห่อให้ไหม”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีลังเลสักครู่ แต่ก็พยักหน้า “ไม่เป็นไรขอรับ”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">จากนั้นเขาเดินไปยังแผงเครื่องหอม หยิบกลิ่นไม้จันทน์ และ น้ำมันหอมระเหยจากดินแดนใต้ ขณะสอบถามพ่อค้า พ่อค้าหันมองเขาอย่างสนุกสนาน “ดอกไม้พันปีงั้นหรือ ฮ่า ๆ ฟังดูเหมือนนิยายมากกว่าสินค้าจริงนะท่านหนุ่ม จะลองดูร้านอื่นไหมเผื่อมีคนเข้าใจผิดเรียกชื่ออื่น”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีก้มลงมองมือ สัมผัสผ้าแพรบางที่พันตะกร้า สายตากวาดมองไปทั่วตลาด</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เขาพูดเบา ๆ กับตัวเอง “ข้าต้องหาให้เจอ…แม้จะยากสักเพียงไหน”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ตลอดทาง เขาเดินผ่านแผงผ้าไหมปักลวดลายวิจิตร ที่แม่ค้าโบกมือเชิญชวนให้ซื้อผ้า “เจ้าหนุ่มสนใจไหม?ฝ ผ้าสวย ๆ แบบนี้อาจใช้ห่อของได้”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซียิ้มอ่อนหวาน “วันนี้ข้าต้องตามหาดอกไม้ก่อน”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เขาเลี้ยวไปยัง แผงขายเนื้อสัตว์และอาหารทะเลแห้ง พ่อค้าเห็นเขามองไปรอบ ๆ ก็หัวเราะ</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">“หนุ่มน้อยถามหาอะไรหรือ ดอกไม้พันปีงั้นรึ ฟังดูเหมือนเรื่องเล่าขานจากสำนักโบราณเลยนะ!”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีหน้าแดงเล็กน้อย แต่ก็ถามต่อ “ข้าอยากได้ดอกไม้พันปีจริง ๆ ท่านพอจะรู้จักบ้างไหม”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">พ่อค้าหัวเราะชอบใจ “ฮ่า ๆ ข้าคงช่วยท่านไม่ได้หรอก ของแบบนี้…มีแต่ในนิยายหรือเรื่องเล่าของพวกเก่า ๆ เท่านั้นแหละ”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">แม้จะเริ่มรู้สึกสงสัย เสวี่ยซีก็ยังคงถามแผงอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ ผ่าน พ่อค้าเครื่องเทศ และ แม่ค้าขนมหวาน แต่คำตอบทุกครั้งกลับเหมือนกัน</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ไม่มีใครเคยเห็นดอกไม้พันปีจริง ๆ</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เขาหยุดยืนตรงกลางตลาด หอบเล็กน้อยจากการเดินสำรวจ เสียงคนเรียกขายของรอบตัวดังขึ้นเป็นจังหวะท่ามกลางกลิ่นหอมจากเครื่องเทศและชา</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ดอกไม้พันปี…ไม่มีใครรู้จักเลยหรือ… เสวี่ยซีพึมพำเบา ๆ</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">ขณะนั้น เสวียนเต๋อปรากฏตัวใกล้ ๆ ยืนยิ้มกวน ๆ มองเพื่อนสหายที่ยืนงงกลางตลาด “หาเจอหรือยังเสวี่ยซี? ดอกไม้พันปีนี่…” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วส่ายหน้า “ฮ่า ๆ ข้าแค่หยอกเจ้าดูเอง ของแบบนี้ไม่มีอยู่จริงหรอก”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4" face="Arial">เสวี่ยซีหน้าแดงจัด พลางยกมือแตะหน้าผาก “แกล้งข้าเรอะ!!!”</font></span></p><font size="4" face="Arial"><br></font><br><p></p>
<span id="docs-internal-guid-bd95ed12-7fff-9479-9d12-f3fe6a744280"><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png" width="500" _height="57" border="0"><font face="TH SarabunPSK" style="" size="5"><b></b></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="TH SarabunPSK" style="" size="5"><b>วันที่ 02 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="TH SarabunPSK" size="5"><b>ยามอู่ เวลา 11.00 - 12.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันออก ตลาดตะวันออก</b></font></span></p><font face="TH SarabunPSK" size="5"><div style="text-align: center;"><br></div></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="TH SarabunPSK" size="5"> แดดยามอู่ส่องลอดพุ่มหลิวเป็นริ้วเงินเหนือสวนไม้ด้านหน้าตลาดตะวันออก หลินหยาวางตะกร้าของลงบนม้านั่งศิลา สูดกลิ่นหอมจาง ๆ ของไม้สนผสมกลิ่นชาระอุแดดในตะกร้า นางก้มสำรวจสิ่งที่ซื้อจากขบวนคหบดีลู่ หวงซานเหมาเฟิงมัดแน่น ลิ่วอันกวาเพี่ยนสีเขียวชื้น หญ้าอ้ายเฉ่าร้อยเป็นเชือกเล็ก โสมคนหัวงามไว้ใช้ยามจำเป็นทุกอย่างชวนให้ใจดีขึ้นนิด แต่พอนึกถึงเงินในย่ามที่บางลง หลินหยาก็เผลอที่จะถอนหายใจอยู่ดี <b><font color="#dda0dd">“เฮ้อ ของดีราคาก็ดีตาม ไม่เป็นไร ๆ ข้าจะขายคืนให้คุ้มเอง”</font></b> เสียงบ่นเบา ๆ หลุดมาพร้อมรอยยิ้มละมุนแบบแม่ค้าใจดีที่ยังอยากกัดราคาโลกทั้งใบให้แพ้ความพยายามของตน</font></span></p><font face="TH SarabunPSK" size="5"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: x-large;"> </span><font face="TH SarabunPSK" size="5">สายตานางหยุดที่แตงกวาหรรษาซึ่งถูกห่อด้วยใบกล้วยอย่างทะนุถนอม ผลโตเรียวสีเขียวมรกตผิวเป็นเงา แค่ยกขึ้นแสงแดดก็ไหลไปตามผิวเหมือนหยดน้ำ หลินหยาขยับคอเสื้อเล็กน้อยให้หายอึดอัดกระแสพิษมังกรในกายรบกวนชีพจรมาตั้งแต่ตอนออกจากวัง หนักบ้างเบาบ้างอย่างคนถูกอะไรซุกอยู่ใต้ผิวกัดกินพลังชีวิตของนางตลอด หากทำงานหนักก็จะไอหนัก เลือดไหลเป็นทาง</font></span></p><font face="TH SarabunPSK" size="5"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: x-large;"> <b><font color="#dda0dd"> </font></b></span><font face="TH SarabunPSK" size="5"><b><font color="#dda0dd">“ราคาปกตินี่ร้อยตำลึงทองเขายังไม่ชายตามองด้วยซ้ำ วันนี้เจ้าคือโชคของข้า เข้าใจไหมเจ้าแตงเจ้าเสน่ห์” </font></b>นางกระซิบบ่นกับผลไม้ที่ทั้งแพงทั้งน่าหมั่นไส้ แล้วดึงกระบอกน้ำสะอาดเทรินรด ลูบจนผิวแวววาวสะอาดสะอ้าน</font></span></p><font face="TH SarabunPSK" size="5"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: x-large;"> </span><font face="TH SarabunPSK" size="5">เมื่อฟันหน้าแตะผิวแตงกวา เสียง <b><i><font color="#dda0dd">“กร๊วบ” </font></i></b>ใส ๆ ดังราวแก้วแตกเป็นชิ้นเล็ก น้ำหวานเย็นไหลทะลักเต็มปาก กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายดอกเข็มฤดูฝนปนกลิ่นแม่น้ำใส หลินหยาหลับตาครึ่งหนึ่งให้รสอ่อนละมุนซึมลงคอ ลมเย็นวาบค่อย ๆ ไหลจากปลายลิ้นผ่านอกลงสู่ท้อง ก่อนแตกตัวเป็นริ้วเงินไหลตามเส้นลมปราณ ประหนึ่งมีใครกำลังปักเข็มด้วยปลายหิมะที่ไม่เจ็บแม้แต่น้อย </font></span></p><font face="TH SarabunPSK" size="5"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: x-large;"> </span><font face="TH SarabunPSK" style="" size="5">นางสะดุ้งเบา ๆ เมื่อกระแสเย็นนั้นแตะเข้ากับก้อนร้อนเรื้อรังตรงชายซี่โครง พิษมังกรสะท้อนตีกลับเป็นไอร้อนพลุ่งหนึ่งครั้ง เหงื่อผุดที่ขมับ แต่ทันทีถัดมาไอร้อนกลับขยับตัวเหมือนก้อนหินร่วงสู่สายน้ำ…รักษาได้ทีเถอะน่าข้าเบื่อกับการที่ข้าอ่อนแอแล้ว</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="TH SarabunPSK" style="" size="5"><br></font></span></p><div style="text-align: center;"><span style="font-size: 12pt; font-family: Sarabun, sans-serif; color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png" width="500" _height="57" border="0"></span></div><div style="text-align: center;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="TH SarabunPSK" style="" size="5"><br></font></span></div><div style="text-align: center;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline;"><font face="TH SarabunPSK" size="5"><p dir="ltr" style="color: rgb(105, 105, 105); white-space-collapse: collapse; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><b>พรสวรรค์</b>: ลาภลอย (ไม้) </span></p><p dir="ltr" style="color: rgb(105, 105, 105); white-space-collapse: collapse; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่</span></p><p dir="ltr" style="color: rgb(105, 105, 105); white-space-collapse: collapse; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><b>อื่น ๆ</b>: มาดูดิ๊ แก้พิษได้ไหม</span></p><p dir="ltr" style="color: rgb(105, 105, 105); white-space-collapse: collapse; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><b><span style="color: rgb(105, 105, 105); white-space-collapse: preserve; background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline;">กิน แตงกวาหรรษา เพื่อรักษา กระแสพิษมังกร </span><span style="white-space-collapse: preserve;">ปราณอสรพิษ</span></b></p><p dir="ltr" style="margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt; line-height: 1.38;"><b><span style="white-space-collapse: preserve;">(ส่งไอเทมแล้ว)</span></b></p></font></span></div></span><p></p>