Watcher โพสต์ 2024-7-20 21:39:35

[กรมราชทัณฑ์]



<style type="text/css">BODY{background:url("https://i.imgur.com/1PH61j9.png"); background-attachment:fixed; }</style>
<style type="text/css">.head1 {background-color:none ;}.head2 {background-color:none ;}</style>

<style>

#boxba {
    border: 0px outset #d47d3a;
    border-radius: 30px;
    padding: 10px;
    box-shadow: #817772 0px 0px 3em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/pjiCL4I.gif");
}

</style>
   
<style>
#boxOO {
    width: 850px;
    border: 0px outset #cbb989;
    border-radius: 30px;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/r1THZf5.png");}
</style>

<div id="boxba">
<div align="center" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word; color: #444444; font-size: 14px; list-style-type: none; font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif;"><br>
<br><br>

<div id="boxOO">
<br>

<div style="text-align: center;">
<font face="Browallia New" style="font-family: " browallia="" new";="" color:="" rgb(127,="" 57,="" 1);="" font-size:="" 12px;="" text-align:="" start;="" margin:="" 0px;="" padding:="" overflow-wrap:="" break-word;"=""><font size="5" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;"><div style="text-align: center;">
<br>
<img src=" " border="0" alt=""> <br><br></div></font></font>



<span style="text-shadow: rgb(66, 78, 108) 0px 0px 1px, rgb(66, 78, 108) 0px 0px 5px, rgb(66, 78, 108) 0px 0px 10px, rgb(66, 78, 108) 0px 0px 30px;">
<font face="Browallia New" style="" size="7"><pat style="">
<font color="#ffffff"><pat>กรมราชทัณฑ์</font></pat></font></span></div>

<br>

<div style="font-family: " browallia="" new";="" text-align:="" center;"="">
<font face="Browallia New" ;="" margin:="" 0px;="" padding:="" 0px;"
<span="" style="text-shadow: #424E6C 0px 0px 0.5em;" color="#ffffff" size="4">
<i style=""><cls style="">{ ถนนสิบลี้ }</cls></i></font></div>


<br><div style="text-align: center;"><br><img src="https://i.imgur.com/rVgx6hd.png" width="500" border="0"> <br><br></div>
<br>



<img src="https://i.imgur.com/qrJRAks.png" width="550" border="0">


</center>

<br><br><br>




<center>
   
<center>
<style>
#boxEw {
    width: 450px;
    border: 0px solid;
    border-radius: 20px;
    padding: 40px;
    box-shadow: #817772 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/OPvQ3yp.png");}
</style>
</center>

<center>
<div id="boxEw">


<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<img src=" " width="250" border="0">

<span style="text-shadow: rgb(66, 78, 108) 1px 4px 3px;"><br><pat>【 กรมราชทัณฑ์ 】</pat></span></font>

<br><font color=" #817772" face="Kanit" size="4"><b>『<i> คืนผาสุขแด่ชาวประชา</i> 』</font></b></div><br>

<div><div>

<font color="#817772" face="Kanit" size="4">
อาณาเขตกักกันขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสียงระทมทุกข์หลากหลายจนน้อยนักจะมีผู้กล้าอาศัยห้อมล้อม ที่แห่งนี้คือ <b>'กรมราชทัณฑ์' </b>สถานที่ตัดสินคดีอันเลื่องชื่อแห่งแผ่นดินภายใต้การดูแลของ<b> 'จางทัง' </b>ผู้ดำรงตำแหน่งถิงเว่ยคนปัจจุบันที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวประชาในเบื้องหน้าที่ตัดสินคดีอย่างเป็นธรรม อีกทั้งยังมีขุนนางมากมายให้ความเกรงใจ พื้นที่ของกรมราชทัณฑ์แบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่งคือศาลอันเป็นสถานที่ทำงานหลักของเหล่ามือปราบและท่านถิงเว่ยที่คับคั่งไปด้วยผู้คนถึงขนาดที่ถิงเว่ยจางทังยังต้องสร้างเรือนพักของตัวเองไว้ในเขตกรมเพื่อความสะดวกในการทำงาน สองคือส่วนของคุกราชทัณฑ์ที่คุมขังนักโทษรวมไปถึงผู้ต้องสงสัย

</font><br>
<br>
</div></div></div>
<br><br><br></p></div>

<br><br><br></div></center>




</div></div>
</center>

   
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}

img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}

img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>


<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Kanit'); cls {font-family : 'Kanit';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Pattaya'); Pat {font-family : 'Pattaya';}</style>

</font></font></font>

LuBairan โพสต์ 2024-7-21 00:42:04

<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>เยือนถิ่นราชทัณฑ์</span></b></i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">ขนาดตอนเป็นแค่บุตรสาวพ่อค้าแม่ขายยังไม่มีเรื่องให้ต้องมาเยือน ใครมันจะไปนึกว่าใช้ชีวิตตามลำพังไม่ทันไรสุดท้ายก็ได้กลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยฝากขังภายใต้กรงเหล็กไร้เงาของกรมราชทัณฑ์เข้าเสียแล้ว เสียงโซ่ตรวนทั่วสารทิศดังระงมเคล้าเสียงผิวปากหรือไม่ก็กู่ร้องชวนให้ขมวดคิ้วว่า <font color="#6A520E"><i>‘ น้องสาวคนสวยทำอะไรผิดมาจ๊ะ ’</font> <font color="#6A1F0E">‘ คนงามมองทางนี้หน่อย ฮ่า ๆๆ ’</i></font> เหล่าคนปากกล้าสมควรตายเหล่านี้มักถูกขังไว้ตามห้องริมทางเดินทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกพบเห็น ด้านถิงเว่ยหนุ่มเห็นท่าไม่ดี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตวัดเสื้อคลุมพาดบังศีรษะของสตรีร่างบางที่ก้าวย่างอยู่ข้างกาย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C"><b>
“ เงียบปาก !!! ”</b> </font>ทัศนียภาพที่แคบลงทำให้สองเท้าของนวลนางหยุดชะงัก จางทังเงยหน้าขึ้นตวาดปรามโจรถ่อยเหล่านั้นด้วยสีหน้าขึงขังโดยหาได้สนใจสายตาคู่หนึ่งที่เงยขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจ <font color="#994D7B"><i>‘.. ใต้เท้าผู้นี้ยังมีกระจิตกระใจปกป้องนางจากปากคนเลวด้วย?’ </i></font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดูเหมือนการต้อนรับเช่นนี้ของเหล่านักโทษทำให้ถิงเว่ยผู้นี้สีหน้ามืดครึ้มลงไปมาก ผิดกับผู้ต้องสงสัยสาวที่ไม่แยแสต่อสิ่งใด ระหว่างสองร่างที่ก้าวเท้าไปตามทางเดินยืดยาว จางทังหลุบตาลงมองท่วงท่าสงบเสงี่ยมของคนข้างกายเป็นบางครั้ง กระทั่งตัดสินใจได้ว่าควรบอกกล่าวบางสิ่ง <font color="#424E6C">“ เดิมทีก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาได้อธิบาย ”</font> ตอนแรกไป๋หรั่นยังนึกว่าเขาจะเงียบเป็นเป่าสากเช่นนี้ไปจนถึงห้องคุมขังของนาง ที่ไหนได้อยู่ ๆ ใต้เท้าอย่างเขากลับเปิดปากพูดโดยไม่มองหน้านาง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ คดีนี้มีเงื่อนงำ เห็นได้ชัดว่าต้องการเล่นงานท่าน ตามปกติแล้วเมื่อฝ่ายในกระทำผิดจะต้องได้รับการกักบริเวณระหว่างสืบสวน แต่เกรงว่าผู้ที่สามารถสังหารหนึ่งชีวิตในรั้ววังได้จะไม่ใช่คนธรรมดา ข้าน้อยไม่วางใจ กลัวจะเกิดภัยถึงชีวิต ”</font> เสียงของเขาฟังดูแล้วใจเย็นราวกลับผ่านการกลั่นกรองมาครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งจะถูกแจ้งให้เขาทราบก็ตอนรุ่งสาง ถิงเว่ยที่เดินเคียงมากับนางชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย พร้อมกับก้มหน้าลงให้องคาพยพทั้งห้าสะท้อนฉายในเนตรหงส์คู่งาม <font color="#424E6C">“ ถูกอย่างท่านกล่าว ข้าน้อยไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนอย่างชื่อเสียงของสตรีทว่าเรื่องที่ถึงแก่ชีวิตข้าน้อยล้วนเข้าใจ ยามนี้ท่านมีคนปองร้าย ข้าน้อยกระทำเกินกว่าเหตุย่อมผิดไปจากแผนการของคนร้าย แต่กลับได้ผลเดียวกันคือทำลายท่าน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เห็นอีกฝ่ายกล่าวได้เต็มปากว่า <b>‘ทำลายนาง’</b> คำนี้ชวนให้สองคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ แต่เขากลับไม่สนใจ สองกลีบปากน่ามองนั้นขยับเพื่อพูดในระหว่างที่มือขยับดึงประตูห้องขังบริเวณสุดทางเดินให้เปิดออก <font color="#424E6C">“ พาท่านมาไว้กับตัว ปลอดภัยกว่า ข้าน้อยยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามเรื่องส่วนในย่อมทำให้คนร้ายตื่นตระหนก ยิ่งเขาพยายามกลบฝังความผิดเท่าใด พิรุธก็ยิ่งเพิ่มเท่านั้น ”</font> ถิงเว่ยผู้นี้ภายมือเชิญให้คนเป็นสนมก้าวเข้าไปภายในห้องขังโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ ลำบากพระสนมต้องตกระกำลำบากแล้ว ข้าน้อยจะให้การดูแลอย่างสุดความสามารถ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ ส่วนเรื่องชื่อเสียงนั้น… ข้าน้อยจะดำเนินการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด และหากไขคดีได้แล้วจะต้องคืนความเป็นธรรมให้ท่านอย่างสมเกียรติ ”</font> นัยน์ดำขลับดั่งหยกนิลเคลื่อนตามแผ่นหลังบางภายใต้เสื้อคลุมตัวเก่งของเขาที่กำลังเดินเข้าไปภายในห้องขังชั่วคราว จางทังจงใจคัดเลือกห้องที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจนไร้ซึ่งกลิ่นคาวเลือด ทั้งยังต้องเป็นห้องหับที่ช่วยปิดบังการมีอยู่ของหญิงสูงศักดิ์ ฉะนั้นนอกจากหน้าต่างสูงที่มีระแนงเหล็กกั้นไว้ ห้องขังนี้ก็ไม่มีช่องทางอื่นให้ลอบมองแล้ว <font color="#424E6C">“ ถึงข้าน้อยจะกล่าวว่าตั้งใจดูแลอย่างสุดความสามารถ แต่ที่นี่หาใช่โรงเตี๊ยม ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราวกับต้องการย้ำเตือนให้นางรำลึกได้ว่าที่แห่งนี้คือห้องคุมขังในกรมราชทัณฑ์ สีหน้าของจางทังยังคงเรียบเฉยเมื่อเห็นว่ามือขาวเนียนคู่นั้นกำลังปลดเสื้อคลุมของเขาออกจากไหล่ <font color="#994D7B">“ ใต้เท้าวางใจ คนแซ่ลู่ไหนเลยจะขอรับการดูแลให้มันมาก ” </font>ไป๋หรั่นพับเสื้อคลุมสีดำตัวหนาในมืออย่างแผ่วเบาก่อนจะก้าวขึ้นไปยืนตรงหน้าเขาและยื่นมันคืนให้ด้วยสีหน้าที่เจือไว้ซึ่งความอ่อนล้า <font color="#994D7B">“ ยามนี้เป็นข้าที่จนตรอก แม้แต่คืนเสื้อคลุมหนึ่งตัวให้ถูกต้องตามที่ควรก็ยังไม่สามารถทำได้ หวังว่าใต้เท้าจะไม่ถือสา ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
ประหลาดนัก..</i> จางทังคิดไว้ว่าอีกฝ่ายจะโวยวายมากกว่านี้หรือไม่ก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธ สิ่งที่อีกฝ่ายทำกลับเป็นการส่งเสื้อคลุมคืนแก่เขาแล้วหันกลับไปทิ้งตัวลงนั่งอย่างคนหมดแรงบนกองฟางที่คงจะช่วยทำให้รู้สึกว่าพื้นของห้องขังไม่แข็งกระด้างหรือเย็นเหยียบจนเกินไป<font color="#424E6C"> “ .. ข้าน้อยยังมีงานที่ต้องไปสะสาง พระสนมเชิญพักผ่อน จางทังจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่อเร่งคลี่คลายเรื่องนี้ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
จางทัง.. จางถิงเว่ย.. ใต้เท้าจาง…</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แผ่นหลังของนางอิงแนบอยู่กับกำแพงหินเย็นเฉียบ เนตรหงส์ช้อนขึ้นมองชายที่ประสานมือและค่อมหลังลง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาเอ่ยชื่อตัวเองออกมา น่าเหลือเชื่อว่านางติดตามชายที่ไม่ทราบแม้แต่นามมาเพื่อโดนขัง… ลู่ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ นางปิดเปลือกตาลงโดยไม่ตอบกลับถ้อยคำของเขา ปล่อยให้ศีรษะพิงไปกับหินที่เหยียบเย็นและเผชิญหน้ากับห้องขังที่ว่างเปล่าเพียงลำพัง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานเท่าไหร่ ไป๋หรั่นหลับไปได้ราว ๆ หนึ่งตื่น ยามที่นางเปิดเปลือกตาขึ้นก็พบเงาคนแล้ว แน่นอน ย่อมเป็นคนคุ้นหน้า <b>‘ถิงเว่ย — จางทัง’</b> ไม่ทราบสะสางคดีตกค้างเสร็จตั้งแต่เมื่อใด อยู่ ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นในห้องขังนางพร้อมโต๊ะเตี้ยที่มีชาและของว่าง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
ไหนว่าที่นี่คือกรมราชทัณฑ์หาใช่โรงเตี๊ยมอย่างไรเล่า? แล้วเหตุใด?</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ ผ่านมาครึ่งวันแล้ว เกรงว่าพระสนมหากไม่ได้ทานสิ่งใดจะไม่สามารถให้ความร่วมมือกับการสืบสวนได้อย่างเต็มที่ ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บางทีอาจเป็นข้ออ้างที่เจือไว้ด้วยเศษเสี้ยวความจริงใจ ลู่ไป๋หรั่นหลุบตามองข้าวของบนโต๊ะก่อนจะเบือนหน้าหนี <font color="#994D7B">“ มากพิธีเพื่ออันใดกัน หากใต้เท้าจางมีความที่ต้องการสืบสวนก็เชิญถามเถิด ” </font>สาวงามบอบบางดูอ่อนล้าทว่าสองตากลับมาดมั่นเช่นผู้ที่ไร้ความหวั่นเกรง ขนาดคนที่ตัดสินโทษมานักต่อนักอย่างจางทังยังลอบชื่นชมในความอดทนของอีกฝ่ายอยู่ในใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ยังไงก็ไม่มีเรื่องให้ต้องรีรอกันแล้ว ในขณะที่ถิงเว่ยผู้นั้นอ้าปากกำลังจะเปล่งเสียง ก็มีร่างมือปราบผู้หนึ่งปรี่เข้ามาโดยไม่แม้แต่จะขออนุญาต <font color="#0E6A0E">“ หัวหน้า ”</font> เขากล่าวเสียงแหบพร่าพร้อมกับประสานมือและค้อมลงอย่างคนที่รู้ดีว่าเสียมารยาทแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น <font color="#0E6A0E">“ หัวหน้านางกำนัลตำหนักเซวียนเต๋อถือป้ายประจำตัวไท่โฮ่วมาขอเข้าพบขอรับ ”</font> สิ้นคำรายงาน จางทังก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเขากำลังคิดจะส่งคนไปแจ้งพระองค์เรื่องการขอควบคุมตัวเหม่ยเหรินชั่วคราว แต่กลายเป็นว่า.. เขาช้าไปหนึ่งย่างก้าว สิ่งนี้ทำให้ถิงเว่ยที่คร้านจะสนใจในระบบราชสำนักอันวุ่นวายถึงกับคิดขึ้นมาว่าแย่แล้ว
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ พานางมา ”</font> ถิงเว่ยแห่งกรมราชทัณฑ์ออกคำสั่งเสียงเรียบก่อนจะหันมามองทางเหม่ยเหรินที่ก็หาได้มีกำลังสนับสนุนใด ๆ ด้วยแววตาอธิบายยาก ต่อให้เขาไม่พูด ไป๋หรั่นก็ทราบดี หัวหน้านางกำนัลตำหนักเซวียนเต๋อย่อมถือว่าเป็นคนสนิทของพระพันปีหลวง ยิ่งยามนี้ถือป้ายประจำกายไท่โฮ่วมาขอเข้าพบจางทังที่พึ่งสร้างเรื่องใหญ่โตในตำหนักในเท่ากับว่าพระองค์ต้องการยื่นมือเข้ามาแทรกแซงขั้นตอนการสืบสวน จะด้วยความกริ้วที่ถูกข้ามหน้าข้ามตา หรือห่วงใยว่าความอดทนของคนเป็นเหม่ยเหรินไหนเลยจะสามารถทนทุกข์ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ย่อมนับว่าเป็นการช่วยนางทั้งสิ้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่นานนักผู้ที่ขอเข้าพบก็มาถึง หญิงสาววัยกลางคนในเครื่องแบบนางกำนัลที่ประดับขีดบนปกเสื้อบ่งบอกให้รู้ถึงสถานะของผู้มาใหม่ได้เป็นอย่างดี <font color="#688A7E"><i>‘หนี่ว์กวนระดับสูง หัวหน้านางกำนัลตำหนักเซวียนเต๋อ ผู้ใกล้ชิดขององค์ไท่โฮ่ว’</i></font> สุภาพสตรีเพียงหนี่งที่พระพันปีหลวงวางใจให้เป็นผู้ถือป้ายประจำตัวมายังกรมราชทัณฑ์ คนผู้นี้คือ <b>‘ถงรั่วหลัน’</b> นางกำนัลชั้นสูงที่ครองตำแหน่งมาเนิ่นนาน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#688A7E">
“ ใต้เท้าจาง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ ถงกู่กู่ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ต่างฝ่ายต่างก็คารวะอย่างรักษากิริยา ถงรั่วหลันกวาดตามองสภาพห้องคุมขังก่อนจะหยุดลงที่ร่างของเหม่ยเหรินแซ่ลู่ที่ลุกขึ้นทักทายนางอย่างเงียบเชียบ เห็นอีกฝ่ายยังอยู่ดีก็นับว่านางมาได้ทันเวลา ถงกู่กู่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจก่อนจะหันกลับไปกล่าวต่อถิงเว่ยแห่งกรมราชทัณฑ์ด้วยน้ำเสียงสงบเรียบ<font color="#688A7E"> “ ใต้เท้าจาง ในเวลานี้ไท่โฮ่วมีพระบัญชาให้ท่านเข้าเฝ้าพร้อมกับลู่เหม่ยเหรินจึงได้ส่งข้ามาในนามตัวแทนพระองค์ที่ถือป้ายคำสั่งมาเรือนเชิญท่าน ”</font> ตลอดหลายปีที่ในฐานะนางกำนัลมีนับครั้งไม่ถ้วนที่นางได้รับการถ่ายทอดคำสั่งสำคัญ ยามนี้ความต้องการของไท่โฮ่วนับว่าไม่ใช่เพียงเรื่องในตำหนัก แต่เป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับหน้าตาของวังใน ย่อมต้องปฏิบัติให้ดีและไม่ปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาด
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ สิ่งนี้เป็นพระประสงค์ขององค์ไท่โฮ่ว? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#688A7E">
“ เป็นเช่นที่ท่านคาด ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พระบัญชานี้ไม่ต่างจากที่ตนคาดคิดไว้มากนัก จางทังเบือนใบหน้าไปสบตากับมือปราบที่เป็นผู้นำทางถงกู่กู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าหนักใจไม่แพ้ตน สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับวาดสองแขนเหยียดไปด้านหน้า ก่อนจะนำมือมาประสานกัน <font color="#424E6C">“ ข้าน้อยจางทัง ถิงเว่ยแห่งราชสำนักน้อมรับพระบัญชา ”</font> ครั้งนี้ต่อให้ไม่เต็มใจตัวเขาก็คงไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งนี้ได้ จางทังยืดกายขึ้นยืนตามเดิมก่อนจะสะบัดชายแขนเสื้อหันกลับไปมองหญิงสาวที่ยืนดูสถานการณ์จากด้านหลัง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#424E6C">
“ ลู่เหม่ยเหริน… ”</font> เขาเรียก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ใต้เท้าจาง ”</font> นางตอบ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สองนัยน์สอดประสานต่างพบพานเงาร่างของกันและกัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในดวงตาดุจฟากฟ้ายามรัตติกาลที่พราวระยับไปด้วยหมู่ดาวดูแล้วแฝงไว้ซึ่งคลื่นลมปริศนาที่กำลังพัดพาให้เขาจมดิ่งลงในตาคู่นั้น ความสงบที่นางใช้เพื่อเผชิญหน้า ความเฉยชาที่นางใช้เพื่อต้านทัพ ทั้งหมดล้วนเปราะบางแต่กลับไม่สามารถฝ่าทะลวงไปได้โดยง่ายอย่างที่คิด เมื่อเป็นเช่นนี้ความตั้งใจที่คิดจะกล่าวด้วยความคับข้องใจก็เบาลง <font color="#424E6C">“ ตามที่ท่านได้ยิน การสืบสวนครั้งนี้เกรงว่าคงต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว รับสั่งให้เข้าพบจากไท่โฮ่วครั้งนี้สำคัญนัก ไปกันเถิด ”</font>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<u><b>รวมค่าความสัมพันธ์</u></b><br><br>
จาง ทัง + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน<br>
จาง ทัง + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

Longyue โพสต์ 2024-7-27 22:15:22

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Longyue เมื่อ 2024-7-28 21:47 <br /><br /><div align="center" style="list-style-type: none;">
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chakra Petch'); Chakra Petch {font-family: 'Chakra Petch';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap'); Charmonman {font-family: 'Charmonman';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Ma+Shan+Zheng&display=swap'); Ma Shan Zheng {font-family: 'Ma Shan Zheng';}
</style>

<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}

img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}

img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style>

<style>
#boxhuan01 {
width: 1000px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 5px;
box-shadow: 1px pink;
background-image: url("https://imgur.com/wknEdxk.jpg");}
</style>

<style>
#boxhuan02 {
width: 850px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 40px;
box-shadow: 0px 0px 0em;
background-image: url("https://imgur.com/bXV59dD.jpeg");}
</style>

<div id="boxhuan01">
<br><br>
<div id="boxhuan02">
<center>
</center>
<img width="500" _height="500" src="https://i.imgur.com/7grM4yF.jpeg" border="0" alt="">
<br><br>
<center><font face="Sriracha" color="“red”"><font size="1"><strong>
การแก้โรลมันคือกรรมเก่า //ร้องไห้ จางจิ่งสิงพี่ขอโทษ</strong></font></font></center><center>@Admin&nbsp;<font face="Sriracha" color="“red”"><font size="1"><strong>แก้โรลแล้วนะค้าบบ</strong></font></font></center>
<br>
<br>
<font face="Ma Shan Zheng"><font size="10">
<center>
<b>
CHAPTER 16</b></center><center><b><br></b></center></font></font>
<center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>
วันที่ยี่สิบสี่เดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ
<br>ช่วงเวลา 17.00-19.00 น.<br>
[การพบเจอครั้งแรกกับถิงเว่ย2]
</strong></font></font></center>
<br>
<br>
<div align="left"><font face="Chakra Petch"><font size="3">
<p style="text-indent: 3.5em;">
หนทางทอดยาวจากประตูเสวียนอู่เพิ่งร้างจากผู้มาชมขบวนเกียรติยศสาวงาม ก้าวเท้าเดินมาสุดปลายสายทาง หลงเยวี่ยกลับต้องเดินย้อนกลับทางเดิม ราวกับพระราชวังไม่ยินยอมพร้อมใจจะเปิดประตูรับ ยามสายัณห์เคลื่อนคล้อยดวงตะวันทาบทอบนหมู่เมฆาพยับ สาดแสงสีส้ม ม่วงพลับพลึง แดง และคราม ผสมกลมกลืนจนบังเกิดเป็นภาพอุ่นร้อนที่ชวนหมองเศร้า
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
บนท้องถนนที่มีผู้คนประปรายในเวลานี้มีร่างในอาภรณ์ขุนนางกึ่งทางการที่แลดูราบเรียบสง่างามย่างเดินอย่างสุขุม ที่ตามมาด้านหลังคือมือปราบกว่าสิบนายในชุดเต็มพิธีซึ่งแผ่กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามผิดกันดุจท้องทุ่งเขียวขจีและเมฆฝน
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยถูก<b>คุ้มกัน</b>ไว้กลางขบวน พร้อมนางกำนัลหลวงอีกสี่นางที่รอรับใช้ปรนนิบัติ
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
เมื่อเดินพ้นจากเขตประตูเมือง เข้าสู่ย่านรุ่งเรืองทางเขตเหนือของเมืองหลวง ผู้คนก็เริ่มทยอยเข้ามารอชมเต็มสองข้างทาง ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นชักจูงออกมาอย่างไรอย่างนั้น</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#a64d79">“ใต้เท้าจางคุมตัวนักโทษจากพระราชวังมาที่กรมราชทัณฑ์กระนั้นหรือ!?”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#a64d79"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#674ea7">“นางคือใครกันน่ะ! ดูแล้วมิน่าจะเป็นนักโทษธรรมดา”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#674ea7"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#990000"><b>“นางสนมที่เพิ่งจะเข้าวังเมื่อบ่ายวันนี้อย่างไรเล่า เหม่ยเหรินจากสกุลตวนมู่ ธิดาของเหอซีอิงกงคนนั้น—-”</b></font> เสียงหญิงท่าทางโผงผางดังออกมาจากกลุ่มฝูงชน <b>นางคือธิดาของเหอซีอิงกง</b> ชั่วชีวิตนับแต่สิ้นบิดาอาศัยอยู่ที่เจียงซู เหยียบย่างมาเมืองหลวงเพียงไม่กี่วัน และตลอดเส้นทางเข้าวังโฉมหน้าก็ถูกเกี้ยวบดบังไว้จนสิ้น ชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาที่ใดกันที่เพียงมองหน้าของนางจากที่ไกลๆ แล้วจะกล้าระบุตัวตนของนางอย่างชัดเจน
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
จางทังยินคำนั้นก็ถึงกับชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิดเหลียวมองเหม่ยเหรินผู้เดินอย่างองอาจราวกับการเยือนถิ่นราชทัณฑ์ไม่อาจสร้างความพรั่นพรึงแก่นางได้
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
พลันเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันเหยียดกว้างของนาง
</p><p style="text-indent: 3.5em;">
จางทังพลันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#990000">“ธิดาของเหอซีอิงกง สกุลตวนมู่แห่งเจียงซู เมื่อสิบสองปีก่อนท่านกงนำกองทัพเข้าสู้รบกับดินแดนป่าเถื่อนอย่างห้าวหาญ สกุลตวนมู่สู้รบจนตัวตาย! แม้แต่ศพก็ยังถูกหมิ่นเกียรติ! ตอนนี้บุตรสาวสายตรงเพียงคนเดียวเข้าวัง ยังถูกคนโฉดรังแก ไม่เห็นแก่คุณงามความดีของท่านกงและความภักดีของสกุลตวนมู่ <b>ช่างน่าอับอาย!</b>”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#990000"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#cc0000">“น่าอับอายเหลือเกิน”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#cc0000"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#85200c">“ต้าฮั่นล้วนแต่ติดค้างสกุลตวนมู่ ทำเช่นนี้กับนางได้อย่างไร”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#85200c"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
ในความทรงจำของชาวเมือง การพุ่งรบอย่างสุดใจของชายหนุ่มแห่งสกุลตวนมู่น่าสะพรึงและครั่งคร้ามเป็นอย่างยิ่ง บุตรชายคนที่สามที่ร่วมรบในสมรภูมิสุดท้ายนั้นเพิ่งมีอายุเพียง<b>สิบเอ็ดขวบ</b>เท่านั้น เลือดของสกุลตวนมู่อาบชายแดนเช่นไร ความภักดีที่ยอมสิ้นสกุลไม่ยอมถอยเป็นเช่นไร สลักลึกลงในใจไม่ลืมเลือน ความยิ่งใหญ่ของการเสียสละเพื่อแผ่นดินในครั้งนั้นทำให้ผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสนมุ่งหน้าไปเคารพศพชายหนุ่มสกุลตวนมู่จนมืดฟ้ามัวดิน แม้กระทั่งองค์รัชทายาทหรือ <b>หวงตี้</b> ในเวลาเวลานี้ ก็ยังเสด็จเยือนเจียงซูด้วยพระองค์เอง
</p><p style="text-indent: 3.5em;">
พิธีศพที่รวมใจชาวประชาทั้งต้าฮั่นไม่มีผู้ใดกล้าลืมเลือน
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#351c75">“เมื่อสักครู่นางเพิ่งเข้าวังไปมิใช่หรือ เหตุไฉนเวลานี้ถึงถูกใต้เท้าจางควบคุมตัวเล่า!?”</font> เสียงร้องตกใจป่าวดัง แม้เป็นคนธรรมดายังคงตะหงิดในใจว่าบทสนทนานี้ไม่เป็นธรรมชาติ หลงเยวี่ยหรี่นัยน์ตามองหาต้นเสียง
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900"><b>ผู้ใดกัน!?</b></font>
</p></font><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
“ใต้เท้าจางเป็นถึงถิงเว่ยแห่งกรมราชทัณฑ์ ตลอดหลายปีมานี้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ความทุ่มเทของเขามิมีผู้ใดเสมอเหมือน แม้แต่เวลานอนยังนอนที่กรมราชทัณฑ์เสียด้วยซ้ำ <b>หญิงสกุลตวนมู่ถูกเขาควบคุมตัว ไม่แน่ว่าอาจก่อความผิดที่ไม่อาจให้อภัย!</b>”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        นัยน์ตาหวานล้ำเย่อหยิ่งของหลงเยวี่ยพลันเบิกกว้าง
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#351c75"><b>“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อสิบสองปีก่อน เซี่ยวหนิงต้าเจียงจวินแห่งกองทัพพยัคฆ์ตวนมู่ เพราะกระหายอยากสร้างผลงานให้เกรียงไกรเหนือผู้ใดในต้าฮั่น ถึงได้สั่งเคลื่อนทัพบุกในศึกที่ควรถอย พาพี่น้องทหารต้าฮั่นร่วมแสนนายของพวกเราไปตายโดยไร้ดินกลบหน้า สกุลตวนมู่ตายแล้วอย่างไร ตายก็ตายเพราะความละโมภของพวกเขาเอง เมื่อตายยังมีงานศพยิ่งใหญ่ แต่เป็นลูกหลานของพวกเราต่างหากที่แม้แต่ศพยังมิได้กลับคืนสู่แผ่นดินเกิด!”</b></font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#351c75"><b><br></b></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        หลงเยวี่ยรู้สึกแข้งขาอ่อนแรง พาลก้าวขาไม่ออก นัยน์ตาเผยแววสับสนวุ่นวายเป็นครั้งแรก
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
ในใจคลับคล้ายว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะนางตกอยู่ในแผนการของผู้อื่น ราวกับใยแมงมุมที่ถูกถักทออย่างเนิ่บช้าเหนี่ยวรัดตัวนางไว้โดยไม่รู้ตัว พริบตาหนึ่งก็ขยับกายไม่ได้เสียแล้ว
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font size="3"><font color="#b45f06"><b>“สกุลตวนมู่มั่วเมาในอำนาจสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้แก่ศัตรู ระเบียงซีเหออยู่ในสภาพง่อนแง่นจนเกือบเป็นเมืองขึ้นของศัตรูก็เพราะใคร หากมิใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาดของอิงกง!”</b></font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#b45f06"><b><br></b></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font size="3"><font color="#134f5c"><b>“ถุย! อิงกงอะไรกัน! ก็แค่ไอ้เดรัจฉานที่พาลูกข้าไปตาย!”</b></font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#134f5c"><b><br></b></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
นัยน์ตาวาวโรจน์ของหลงเยวี่ยเบิกกว้าง คล้ายสุ้มเสียงที่คอยโอบอุ้มประคองสกุลตวนมู่และนางมาหลายปีกลายเป็นหอกหนามทิ่มแทงร่างกายและจิตใจของนางอย่างเจ็บแสบ
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font size="3"><font color="#85200c"><b>“นั่นไง! ที่นางถูกคุมตัวน่ะ พวกเจ้ายังจำเรื่องของที่นางกำนัลไปเจอศพ เย่เหม่ยเหริน กลางสระน้ำในวังหลวงได้หรือเปล่า! เรื่องนั้นเขาเล่าว่า ความจริงแล้วลู่เหม่นเหรินหาใช่คนร้าย แต่เป็นหญิงสกุลตวนมู่ต่างหาก! นางริษยาที่ฝ่าบาทโปรดปรานลู่เหม่ยเหรินจึงสมคบคิดกับทหารเก่าแก่ของสกุลตวนมู่ สั่งฆ่าคุณหนูจวนสกุลเย่ แล้วใส่ร้ายลู่เหม่ยเหริน! ทำให้คนดีๆ ต้องมีมลทิน!”</b></font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#85200c"><b><br></b></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#bf9000">“ที่นางหญิงชั่วสกุลตวนมู่ทำไปก็เพราะหวังตำแหน่ง<b>หวงโฮ่ว!</b>”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#bf9000"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#cc0000">“ที่ป้ายประกาศของทางการยังมีหนังสือเวียนฉบับหนึ่งติดไว้ด้วย! เขียนว่า <b>‘หญิงสกุลตวนมู่มีใจชั่วช้า อยากได้ตำแหน่งหวงโฮ่ว ล่อลวงฝ่าบาท อาฆาตล้างแค้น’</b> ผู้ที่นางแค้นจะเป็นใครได้ คนที่บัญชาให้สกุลตวนมู่รบก็คืออดีตฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ! หรือนางกลับมาเพื่อ<b>ล้างแค้นราชวงศ์</b>!”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#cc0000"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#0000ff">“นั่นมันโทษกบฏมิใช่หรือ กบฏแผ่นดิน!”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#0000ff"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        หลงเยวี่ยก้าวขาไม่ออกแม้สักครึ่งก้าว ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความแค้นเคืองที่จุกอยู่ในอกกลั่นเป็นหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอบนนัยน์ตาวาวโรจน์ดุจอสูรกายร้าย ดุจหญิงชั่วช้าไม่ผิดเพี้ยน
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#ff9900">“<b>พวกเจ้ากล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร!</b>”</font> นางร้องตวาดเสียงหลง ไหล่บอบบางสั่นไหวอย่างเลือนราง ความอดทนอันน้อยนิดของนางขาดสะบั้น <font color="#ff9900">“บรรพบุรุษสกุลตวนมู่ซื่อสัตย์ภักดียอมตายไม่ยอมถอยเพื่อต้านทัพฝ่ายศัตรู… หากต้องการเพียงความดีความชอบจากสงคราม จะนำทัพไปตายเพื่อเหตุใด! หากบิดาและพี่ชายข้ารักหน้ารักตามากกว่าแผ่นดินจะต้านทัพจนสิ้นทั้งสกุลไปเพื่อเหตุใด! พี่ชายคนที่สามของข้าอายุเพียงสิบเอ็ดขวบ เขาจับดาบต้านทัพอนารยชนอย่างไม่คิดชีวิต! แม้แต่ตอนตายศพก็ยังไม่สมประกอบ พี่ชายคนรองของข้าถูกศัตรูแล่เนื้อทั้งเป็น! ที่อกของเขามีธนูที่บิดาข้าเป็นผู้ยิงด้วยตนเอง… เขาฆ่าลูกชายด้วยมือตนเองแต่ไม่ยอมสยบต่อทัพศัตรู! พี่ชายคนโตของข้ากลับมาอยู่ในอ้อมแขนของท่านแม่โดยที่หัวและแขนของเขาหลุดออกจากลำตัว ข้ากำพร้าบิดาตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ สกุลตวนมู่เหลือเพียงหญิงม่ายและเด็กเพียงเพื่อ<b>สร้างผลงาน</b>หรือ!”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#ff9900"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#ff9900">“ท่านกงออกรบ ยันทัพที่ชายแดน ยอมสู้ในศึกที่พ่ายแพ้ ก็เพื่อปกป้องชาวประชาของต้าฮั่นมิใช่หรือ”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#ff9900"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#ff9900">“แค่เพียงผลงาน…แค่เพียงจวินกงมีหรือจะทำให้ท่านพ่อไม่เหลือทางรอดให้สกุลตวนมู่ หากมิใช่เพื่อต้าฮั่น—มีหรือสกุลตวนมู่จะยอมตาย”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#ff9900"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#ff9900">“ราชทินนามของบิดาข้ามีคำว่า <b>‘เซี่ยว’</b> เซี่ยวคือกตัญญู กตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ต่อหน้าคำว่าเซี่ยว ข้าไม่อนุญาตให้ผู้ใดดูหมิ่นความภักดีของขุนศึกสกุลตวนมู่!”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#ff9900"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ดวงตาของหลงเยวี่ยวาวโรจน์ ถ้อยคำไร้ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนแต่เกรี้ยวกราดและดุดัน หากแต่อำนาจเช่นนั้นกลับสร้างความเศร้าสุดสะเทือนในหัวใจของผู้คน ต่อให้สกุลตวนมู่จะพ่ายศึกที่ระเบียงเหอซีอย่างไร ความจริงที่หญิงนางนี้เติบโตมาโดยกำพร้า เติบโตมาด้วยบาดแผลจากสงครามที่หยั่งรากลึกก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ความโศกเศร้าของนางกลั่นออกมาเป็นหยาบกระด้างเป็นที่สุด
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ผู้คนล้วนสัมผัสได้ แม้จะเป็นสตรีร้ายกาจดุจปีศาจเช่นไร หญิงตรงหน้าก็มีหัวใจ มีเลือดเนื้อ
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ผู้มีเลือดเนื้อมีอารมณ์ทั้งหกหรือจะไม่เกรี้ยวกราดต่อหน้าคำดูหมิ่นเหยียดหยาม
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ร่างอันบอบบางดุจต้นหลิวในยามคลุ้มคลั่งยิ่งแลดูอ่อนแอเหลือประมาณ ราวกับเมื่อสักครู่นางใช้พลังชีวิตทั้งหมดตะโกนออกมาจนสุดเสียง ทั่วบริเวณนั้นเกิดความเงียบเป็นวงกว้าง ผู้คนหูไวใจด่วนโอนเอน ประเดี๋ยวเชื่อ ประเดี๋ยวคลางแคลงใจ ล้วนแต่มองหารสสัมผัสที่สดใหม่ หากในเวลานี้พวกเขาต้องการการใคร่ครวญพิจารณา
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        เสียงที่คลายความตกตะลึงได้ก่อนใครเอ่ยด้วยความตะลึงงัน <font color="#980000">“น…นาง นางเสียสติไปแล้ว”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#980000"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#4a86e8">“สกุลตวนมู่ถูกใส่ร้าย! เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีคนจัดฉาก!”</font> สุ้มเสียงหนึ่งเอ่ยปิดท้าย
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ก่อนที่ความวุ่นวายที่แผ่ลามเป็นวงกว้างในชั่วระยะถนนสู่ประตูเสวียนอู่จะดำเนินไปไกล จางจิ่งสิงที่มองเห็นความผิดปรกติ การถูกชักจูง เห็นความโกลาหลราวกับการกระทำของเขาเองก็ถูกจัดฉากได้ชัดเจนกว่าใครก้าวออกมาเบื้องหน้าหญิงสกุลตวนมู่
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#38761d">“ข่าวลือไร้ที่มา คดียังไม่คลี่คลาย ผู้ใดสร้างข่าวลือก่อความวุ่นวายมีโทษ<b>ตัดลิ้น!</b>”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#38761d"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        สิ้นคำกล่าวของจางจิ่งสิง รอบด้านที่เงียบงันพลันยิ่งสงัดราวกับไร้ผู้คน <font color="#38761d">“กรมราชทัณฑ์สืบคดีผู้ใดสร้างความวุ่นวายจับกุมได้ไม่เว้น!”</font> นัยน์ตาอันนิ่งสงบทอดมองไปทางผู้ใต้บัญชา เอ่ยเสียงเรียบ <font color="#38761d">“ไล่ออกไปให้หมด ผู้ใดขวางทางจับเข้าคุกกรมราชทัณฑ์รอไต่สวน”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        หัวหน้ากองมือปราบตะโกนทวนคำสั่งของจางจิ่งสิงแก่ชาวเมืองอีกรอบ ผู้ที่มาชมเรื่องสนุกรีบเปิดทางไม่หาเรื่องแก่ตนเอง ผู้ที่มาเพื่อสร้างเรื่องราวแฝงกายลี้หายไปในความวุ่นวายนั้น
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        หลงเยวี่ยชองช้ำดุจดวงใจถูกกรีดจนแตกสลายเป็นชิ้นๆ ทุกคราที่เอ่ยถึงความตายของครอบครัวอย่างถือดี ไม่มีสักครั้งที่จะไม่ได้กลิ่นเลือดอันสาปคาว กลิ่นน้ำเหลือง และกลิ่นเหม็นเน่าของศพ สัมผัสอันร้าวรานยังตกค้างอยู่ในหัวใจ ราวกับศพของครอบครัวยังอยู่ต่อหน้านางในเวลานั้น
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        นางกำนัลข้างกายเร่งรุดเข้ามาประคองร่างของหลงเยวี่ย ย่างก้าวที่เดินบนถนนสู่กรมราชทัณฑ์นับจากนั้นหลงเยวี่ยพบเพียงความเลื่อนลอยราวกับฝันร้าย
</font><br>
<br>
</p><center>
<img width="500" _height="500" src="https://i.pinimg.com/564x/96/4c/4a/964c4af1dac58bc592c2e48f8ecfa1d3.jpg" border="0" alt="">
</center>
<br>
<br>
<center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>

วันที่ยี่สิบห้าเดือนเจ็ดแห่งรัชศกเจี้ยนหยวนปีที่สิบ&nbsp;</strong></font></font></center><center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>ช่วงเวลา 10:00 น.(พ้มขอสคิปวัน)&nbsp;</strong></font></font></center><center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>[การพบเจอครั้งแรกกับถิงเว่ย3]
</strong></font></font></center>
<br>
<br>
</font><div align="left"><font face="Chakra Petch"><font face="Chakra Petch"><font size="3">
<p style="text-indent: 3.5em;">
        แม้จางจิ่งสิงต้องการสืบคดี<b>การตายของเย่เหม่ยเหริน</b>ให้ลุล่วงโดยไว หากแต่สภาพจิตใจของนักโทษก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หญิงจากสกุลตวนมู่สะเทือนใจอย่างยิ่ง ไม่ยอมปริปากพูดสักคำ เวลานี้หญิงสกุลตวนมู่เป็นเพียง <b>ผู้เกี่ยวข้องในคดี</b> มิอาจสวมหัวโขน <b>ผู้กระทำผิด</b> แก่นางได้ อีกทั้งนางกำนัลขั้นสูงที่ติดตามมาก็เข้มงวดอย่างยิ่ง ผลสรุปสุดท้ายในการเจรจาคือให้เหม่ยเหรินฟื้นสติจากอาการสะเทือนใจเสียก่อนจึงให้คุมตัวนางไปยังห้องกักตัว (คุก)
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หญิงสกุลตวนมู่มีความทรนงตน ในขั้นแรกจางจิ่งสิงไม่คิดว่านางจะยินดีถูกปฏิบัติเยี่ยงสามัญชน หากว่าในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังนางรับการปรนนิบัติยามเช้าในห้องรับรองแขกแล้วก็ลงมายังห้องคุมขังที่ถูกจัดเตรียมไว้โดยนางกำนัลด้วยตนเอง ในเวลาที่จางจิ่งสิงว่างจากงานกิจการประจำวันและเข้ามาพบตวนมู่เหม่ยเหริน นางกำลังเอนกายอยู่บนตั่งนอนที่ถูกยกมาจากห้องรับรองแขก กลิ่นชาเบญจมาศอบอวลไปทั่วห้องขัง ที่ด้านหนึ่งยังมีกาน้ำชาต้มอุ่นวางอยู่บนเตาเล็ก ควันสายเล็กลอยอ้อยอิ่งดุจไม่ใช่ความจริง
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“กระหม่อมจางจิ่งสิง ถวายบังคมนายหญิง”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        นิ้วเรียวยาววางถ้วยชาในมือ สุ้มเสียงอ่อนหวานเอ่ยเนิบนาบ <font color="#ff9900">“ใต้เท้าจางอย่าได้มากพิธี เชิญตามสบายเถิด—”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        นางกำนัลจัดโต๊ะเล็กให้แก่จางทัง พร้อมกับจัดเตรียมหมึกและพู่กันให้แก่เสมียนจดบันทึกปากคำ จากนั้นก็รินน้ำชาดอกเบญจมาศ จัดเตรียมขนมที่กำลังเป็นที่นิยมให้แก่แขกทั้งสองจนเสร็จสรรพ หลงเยวี่ยยกมือโบกไล่นางกำนัลทั้งหมดออกไป แล้วเอนกายพิจารณาใบหน้าสุขุมสง่างามของชายเบื้องหน้า เขาหยิบป้ายหยกแผ่นเดิมวางต่อหน้านาง เอ่ยถามด้วยคำเดิม <font color="#38761d">“ท่านรู้จักป้ายทหารบอกสังกัดชิ้นนี้หรือไม่…”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยไม่แม้แต่จะชายตามอง <font color="#ff9900">“แม้ข้าจะเป็นหญิงที่เรียนมาน้อยก็ยังคงไม่โง่เขลาถึงขั้นอ่านชื่อสกุลของตนเองไม่ออกกระมัง— ”</font> พลางถอนหายใจบางเบา <font color="#ff9900">“ป้ายทหารบอกสังกัดกองทัพตวนมู่ บิดาและพี่ชายข้าก็มีกันคนละป้าย…”</font> นางยื่นห่อผ้าต่วนสีดำปักลวดลายสีเหลืองให้จางจิ่งสิง ภายในมีป้ายที่คล้ายคลึงกันอยู่สี่ป้าย คราบดำแห้งกรังเกาะติดอยู่บนนั้น ยังมีเศษหญ้าและดินโคลน ราวกับมิได้รับการดูแลรักษา
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        จางจิ่งสิงเกิดความเวทนาวูบหนึ่งในหัวใจ
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“ป้ายทหารบอกสังกัดชิ้นนี้สร้างขึ้นในรัชกาลก่อน เคยใช้เป็นป้ายทหารบอกสังกัดนายทหารทุกนายในกองทัพของสกุลตวนมู่ หลังจากกองทัพสกุลตวนมู่ปราชัยและถูกเปลี่ยนมือสู่เหลียงหวาง-ผู้คุมระเบียงเหอซีคนใหม่ ทหารที่ภักดีต่อท่านอิงกงเซี่ยวหนิงต้าเจียงจวินหลายนายลาออกจากกองทัพ ตวนมู่เหม่ยเหรินเรื่องนี้ท่านมีสิ่งใดโต้แย้งหรือไม่”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยแค่นเสียงหัวเราะ <font color="#ff9900">“ใต้เท้าจางใส่ใจถึงเพียงนี้ ยังต้องถามอะไรอีก!”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        ผู้จดบันทึกคำให้การเงยหน้าจากกระดาษ งุนงงว่าจะต้องบันทึกลงไปเช่นไร จางจิ่งสิงพยักหน้าหนึ่งครา ในความหมายว่า <b><font color="#38761d">‘ไม่มีสิ่งใดโต้แย้ง’</font></b> แล้วเอ่ยปากเล่าต่อ <font color="#38761d">“นายทหารหลายนายออกจากกองทัพมีทั้งที่ใช้ชีวิตในชนบท และอีกไม่น้อยที่เข้าวังมาเป็นองครักษ์หลวง…” </font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“สาเหตุที่ข้ากุมตัวท่าน— นายหญิงตวนมู่ควรทราบว่ามือปราบจับคนร้ายได้แล้ว….”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
นางยังคงทำท่าทางไขสือ <font color="#ff9900">“---เกี่ยวอันใดกับข้า”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d"><b>“เขามีตราพยัคฆ์ตวนมู่”</b></font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><b><br></b></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
ปลายนิ้วที่ลูบไล้ถ้วยชาเย็นชืดพลันชะงัก นัยน์ตาคู่งามเบิกกว้าง <font color="#ff9900">“ว่า…อย่างไรนะ”</font> หลงเยวี่ยตระหนกอย่างที่สุด–นางไม่ได้ทำ ไม่เคยทำและไม่มีคำสั่งนี้อย่างเด็ดขาด <font color="#ff9900"><b>จางจิ่งสิงก็เพียง…โป้ปดเพื่อสืบความเท่านั้น!</b></font> นางหรี่นัยน์ตาพินิจชายหนุ่ม
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“เย่เหม่ยเหรินถูกพบเป็นศพในช่วงเวลารุ่งสางโดยนางกำนัลที่มีหน้าที่ส่งอาหารถวายแก่ไท่โฮ่ว จากการชันสูตรพลิกศพพบว่านางเสียชีวิตในช่วงกลางดึก อดีตทหารจากกองทัพตวนมู่เข้ามาเป็นทหารองครักษ์ในวังหลวง นายหญิงเป็นทายาทสายตรงของเซี่ยวหนิงต้าเจียงจวิน—”</font> เขาเอ่ยด้วยเสียงเรียบเรื่อยเหลือประมาณ หากนัยน์ตาฉายแววบีบคั้นเฝ้าสังเกต พลันน้ำเสียงค่อยๆ เปลี่ยนจังหวะเป็นสงสัยและคาดคั้น <font color="#38761d">“ย่อมไม่ยากเย็นหากท่านจะสั่งการทหารองครักษ์จากในวัง ให้ลอบสังหารเย่เหม่ยเหรินและบงการใข้หลักฐานปลอมโยนความผิดให้ลู่เหม่ยเหรินที่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับนาง และไม่อยู่ในเขตพระราชฐานในเวลานั้น”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“ลู่เหม่ยเหรินได้รับเชิญเป็นแขกของจวนผิงหยาง เวลานี้องค์หญิงผิงหยางเสด็จยังเจียงหนาน ลู่เหม่ยเหรินไร้พยานไร้หลักฐาน กว่าจวนผิงหยางพยานสำคัญของนางจะกลับมา คดีคงปิดไปแล้ว เป็นท่านที่วางแผนเรื่องนี้ ฆ่าคน สร้างหลักฐานปลอม ใส่ป้ายสีผู้อื่น <b>ใช่หรือไม่!</b>”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        จางจิ่งสิงมีดวงตาแน่วแน่ คล้ายปักใจเชื่อเช่นนั้นไปแล้วจริงๆ
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยชะงักอึ้งอับจนคำพูดไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะระเบิดหัวเราะร่าเสียงดัง ก้องสะท้อนไปทั่วห้องขัง
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“ใต้เท้าจางช่างเปี่ยมด้วยจินตนาการ!”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“—มิน่าเล่าท่านถึงได้เป็น ‘ตุลาการพยัคฆ์เหล็ก’ แนวทางสืบสวนของท่านช่าง<b>เถรตรง</b>ยิ่งนัก—”</font> หลงเยวี่ยเบิกนัยน์ตากลมช้อนมอง มือทั้งสองข้างเวลานี้ม้วนพันชายเสื้ออย่างเบื่อหน่าย <font color="#ff9900">“ข้าหรือโยนความผิดให้ลู่เหม่ยเหริน ข้าเคยมีเรื่องบาดหมางกับนางหรือ— ถึงใส่ร้ายว่านางฆ่าคนตาย มือของข้าหรือยืดยาวถึงในวังหลวง บงการได้แม้กระทั่งจวนผิงหยาง ช่างเป็นเกียรติของข้าเสียจริง”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
มุมปากนางเหยียดยิ้ม <font color="#ff9900">“ป้ายพยัคฆ์ตวนมู่คุณหนูเช่นข้า (ไม่ใช่ทหารในกองทัพเสียหน่อย) เพียงผู้เดียวก็ครอบครองถึงสี่แผ่นป้าย— เมื่อสักครู่ก็เป็นท่านที่พูดเอง ‘ทหารหลายนายลาออก’ จะมีอีกสักกี่คนกันที่หาได้มีใจภักดีต่อบิดาข้าทว่ายังมีป้ายในมือ(ไม่ลาออก)… ซากศพทหารที่ตายเมื่อปีนั้นใครกล้ารับประกันว่ามิมีผู้ฉกฉวยแผ่นป้ายไป…”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“เห็นแก่คุณธรรมของท่าน คำพูดไร้แก่นสารนั้นข้าจะทำเป็นไม่ได้ยิน”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        นี่เป็นเพียงการหาช่องโหว่แล้วโต้กลับเท่านั้น จางจิ่งสิงเอ่ยวาจาราบเรียบ <font color="#38761d">“เหม่ยเหรินช่างมีวาจาคมคาย หากก็ยังไม่อาจลบล้างความเป็นไปได้ที่จะเป็น<b>คนของท่าน</b>”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“เจ้าจงใจจะยัดเยียดความผิดให้ข้าให้ได้”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“กระหม่อมสืบคดีตามหลักฐานและพยาน”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff8c00">
        “...”</font> หลงเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางแค่นยิ้ม <font color="#ff9900">“ยังมีเรื่องใดอีก”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“ความตั้งใจของเหม่ยเหรินครั้งอาศัยอยู่ในสกุลตวนมู่”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        คิ้วบางเลิกขึ้นสูง <font color="#ff9900">“ความตั้งใจของข้าหรือ?”</font> จางจิ่งสิงยื่นม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้านาง <font color="#38761d">“ล้วนอยู่ในม้วนบันทึกแผ่นนี้แล้ว”</font> หลงเยวี่ยหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่าน ‘ฟื้นอำนาจแก่สกุล’ ‘แก้แค้นแทนบิดา’ ‘เข้าวังเพื่อแสวงหาอำนาจ’ …เพียงเท่านั้น<font color="#38761d"> “ท่านหมายใจจะฟื้นคืนอำนาจให้สกุลตวนมู่กลับมาดังเดิมและแก้แค้นให้ตระกูล นั่นใช่เจตนาของท่านหรือไม่”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยขับปลายเท้าเปลือยเปล่าลุกขึ้นมาเติมน้ำชา <font color="#ff9900">“ใต้เท้าสืบมาได้ถึงเพียงนี้ คนรับใช้ในจวนข้าก็ควรถึงคราวต้องเปลี่ยนใหม่แล้วกระมัง” </font>น้ำเสียงยั่วเย้าของนางแผ่รังสีอาฆาตอย่างถึงที่สุด ก่อนจะยกยิ้มเย้ยหยัน ปลายนิ้วเรียวไล้ลงบนไหล่กว้างของจางจิ่งสิงอย่างแผ่วเบา <font color="#ff9900">“<b>---ย่อมเป็นเช่นนั้น</b>”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“ความตั้งใจของข้าหามีสิ่งใดขัดต่อคุณธรรม… ท่านกล่าวถึงเรื่องนี้…เหตุใดถึงมาเกี่ยวข้องกับเหตุผลที่ข้าต้อง ‘สั่ง’ ฆ่าหญิงสกุลเย่ ใส่ร้ายลู่เหม่ยเหรินเล่า”</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“นั่นคือสิ่งที่ท่านควรตอบคำถามข้า”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“ลู่เหม่ยเหรินเป็นที่โปรดปราน และข้าปรารถนาในตำแหน่ง—<b>ฮองเฮา</b>”</font> นางยิ้มบางชะงักไปครู่หนึ่ง <font color="#ff9900">“ลู่เหม่ยเหรินคือผู้ขวางเส้นทางของข้า? ข้าจึงสังหารเย่เหม่ยเหรินและป้ายความผิดให้นาง จางถิงเว่ยท่านเองก็เชื่อข่าวโคมลอยที่ผู้อื่นจงใจป้ายสีข้าหรือ”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยทรุดตัวลงบนตั่งนอนพลางเอ่ยเสียงหวาน <font color="#ff9900">“หญิงสกุลลู่เป็นที่โปรดปรานแล้วอย่างไร เพียงแค่นางเป็นที่โปรดปรานข้าก็กลายเป็นหญิงชั่วช้าไร้คุณธรรมแล้วหรือ?”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        คดีนี้ช่างโง่เขลาเหลือเกิน แทนที่จะสังหารเย่เหม่ยเหรินแห่งจวนสกุลเย่ที่เป็นมหาบัณฑิต มิสู้นางสังหารหญิงสกุลลู่แล้วโยนความผิดให้เย่เหม่ยเหรินจะมิดีกว่ารึ หญิงสกุลลู่ได้รับความโปรดปราดคนจ้องริษยาสาปแช่งนางในวังคงจะมีไม่น้อย หากสิ้นนางคงจะมีร้อยมือคนให้จับดม ล้วนแต่เป็นผู้ต้องสงสัย เหตุใดจึงต้องฆ่าหญิงสกุลเย่เพียงเพื่อป้ายสีธิดาสกุลธรรมดาด้วย
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        มิใช่เป็นการฆ่าไก่โดยใช้มีดฆ่าวัวหรอกหรือ?
</p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยแค่นเสียงหัวเราะ ลืมคิดไปว่าตนอาจเป็น ‘วัว’ ที่มีดนั้นหมายตา
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        ทว่าที่น่ากระอักกระอ่วนใจยิ่ง คือนางกลายเป็น <b>ผู้ต้องสงสัย</b> ที่ถูกเข้าใจแล้วว่ากระทำผิดจริงในคดีที่โง่เขลานี้ แม้ในอนาคตสามารถลากตัวคนร้ายออกมาได้ เกียรติของนางก็ยังจะถูกตั้งคำถามต่อไป หรือที่ร้ายแรงกว่าคือการที่นางดิ้นไม่หลุดจากบ่วงนี้จนครอบครัวต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยเย็นเยียบไปทั้งหัวใจ—
</p><p style="text-indent: 3.5em;">
        สงครามวังหลังช่างน่าหวาดกลัว ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าวังก็ถูกเล่นงานจนเพลี่ยงพล้ำเสียแล้ว
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><br></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#38761d">“ท่านไม่ยอมรับ”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#38761d"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“ข้าไม่ยอมรับ”</font>
</p><p style="text-indent: 3.5em;"><font color="#ff9900"><br></font></p></font><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        จางจิ่งสิงพยักหน้าให้แก่เสมียนที่บันทึกคำให้การ “วันนี้พักเพียงเท่านี้ก่อน”</font> เ<font size="3">มื่อนายเสมียนถือเอกสารกลับออกไป จางจิ่งสิงถึงเริ่มดื่มน้ำชาและขนมที่นางกำนัลวางไว้ให้ บรรยากาศที่คล้ายว่าจงใจใส่ร้ายนางเมื่อครู่ค่อยผ่อนคลายขึ้นมา
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#38761d">“การสืบสวนย่อมต้องทำไปตามเรื่องราว”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#38761d"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#38761d">“เรื่องนี้มีเหตุไม่ชอบมาพากล ไม่ว่าท่านจะกล่าวความจริงหรือไม่ สถานการณ์ในตอนนี้ท่านไม่อาจเรียกได้ว่าผู้ไร้มลทิน กรมราชทัณฑ์จำเป็นต้องให้ท่านกักตัวไว้ก่อน หวังว่านายหญิงจะเข้าใจ”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#38761d"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        จางจิ่งสิงกล่าวคำอำลา ทว่าก่อนจะผินกายจากไปเขาเขายังมีอีกคำถามหนึ่ง
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><br></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#38761d">“ตอนมาที่กรมราชทัณฑ์– ผู้ที่ร้องป่าวอยู่สองข้างทางด้านหนึ่งคือคนของท่านกระมัง?”</font> หลงเยวี่ยเพียงหัวเราะบางเบา ด้านหนึ่งที่สรรเสริฐสกุลตวนมู่ย่อมเป็นคนของนาง ทว่าอีกส่วนหนึ่งนั้นยากจะระบุตัวคน จางจิ่งสิงหลุบสายตาคาดเดาเรื่องราวออกในทันที หญิงสกุลตวนมู่จงใจเดินแทนนั่งเกี้ยว เพียงเพราะต้องการให้ผู้คนมองเห็นและออกปากตำหนิทางการแทนนาง… วิธีการของนางช่างรวบรัดรวดเร็ว หรือสตรีในวังหลวงจะมีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ทุกนาง ท่วงท่าของหญิงสกุลตวนมู่ทรนงและภาคภูมิในสิ่งที่นางทำ เมื่อทำแล้วก็ไม่ยี่หระที่จะเอ่ยปากออกมา เช่นนี้แล้ว <b>ภาพลักษณ์ที่เห็นคือเจตนาของนางหรือไม่</b>ในใจของจางจิ่งสิงย่อมมีคำตอบที่แจ่มชัดอย่างที่สุด— <font color="#38761d">“กระหม่อมขอเตือนเหม่ยเหรินสักคำ อยู่ในศาลโปรดสำรวม ศาลต้าหลี่ยังคงมีโทษฐานลบหลู่ศาล”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#38761d"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;">
        <font size="3"><font color="#38761d">“เหม่ยเหริน กระหม่อมทูลลา”</font>
</font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3"><font color="#38761d"><br></font></font></p><p style="text-indent: 3.5em;"><font size="3">
        ในวันเดียวกันนั้นหลงเยวี่ยได้รับการคุ้มกันตัวไปที่ตำหนักเซวียนเต๋อ คำกล่าวอ้างจากจางจิ่งสิงคือ <font color="#38761d">‘ปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกันกับลู่เหม่ยเหริน’</font> ที่แท้–พระสนมที่ถูกปฏิบัติเฉกเช่นนักโทษก็มิได้มีเพียงนาง หวงตี้ช่าง<b>เปี่ยมคุณธรรม</b>
<br>
<br>
</font></p><center>
<font size="3"><img width="500" _height="500" src="https://i.pinimg.com/564x/96/4c/4a/964c4af1dac58bc592c2e48f8ecfa1d3.jpg" border="0" alt="">
</font></center>
<font size="3"><br>
<br>
</font><p style="text-indent: 2.5em;">
<font size="3"><b> จาง ทัง</b>
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน + 10
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
พูดคุยประจำวัน แต้มความสัมพันธ์ + 5
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
+15 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง + ชาเกรดน้ำเงิน (+5)
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
มีคำว่า ‘อาหารปรุง’ และ ‘ชาชง’ +10
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
รวม <b>+ 45 ความสัมพันธ์
</b><br>
<br>
</font></p><center>
<font size="3"><img width="500" _height="500" src="https://i.pinimg.com/564x/96/4c/4a/964c4af1dac58bc592c2e48f8ecfa1d3.jpg" border="0" alt="">
</font></center>
<font size="3"><br>
<br>
</font><p style="text-indent: 2.5em;">
<font size="3"><b>++ ข่าวลือ++</b>
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
ถูกเหม่ยเหรินบางคนจงใจปล่อยข่าวลือ กล่าวถึงสกุลตวนมู่ หลังเร่งสร้างผลงานจนทำกองทัพเสียหายย่อยยับต่อศัตรูสูญสิ้นอำนาจ ระเบียงเหอชีระส่ำระส่ายเกือบตกเป็นเมืองขึ้นของศัตรูแต่ทายาทสกุลตวนมู่กลับกำลังวางแผนจะทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาอำนาจ แอบสมคบอดีตทหารเก่าสกุลตวนมู่ทำการบางอย่างเพื่อช่วยผลักดันตนเอง และคำพูดทายาทเหอชีอิงกง ตวนมู่หลงเยวี่ยที่เคยสนทนากับย่าของนางก็ถูกเปิดเผยปรากฎในตำราสารเวียนทั่วฉางอัน
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">

+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ
<br><br>
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;">
<font size="3"><b>++ ข่าวลือทั่วฉางอัน ++</b>
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
นางกำนัลได้ซุบซิบจนแพร่หลายไปทั่วฉางอัน ด้วยมีนางกำนัลกลุ่มหนึ่งกำลังจะถือถาดอาหารไปถวายไท่โฮ่วผ่านอุทยาน พบศพหญิงสาวขึ้นอืดลอยขึ้นมาจากสระน้ำในอุทยานหลวง หมอหลวงวินิจฉัยว่าเสียชีวิตราว ๆ ช่วงดึกสงัด
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3">
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ
</font></p><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3"><br></font></p></font></font><p style="text-indent: 2.5em;"><font size="3"><font face="Chakra Petch"><font face="Chakra Petch"><b>
รวม +30 EXP</b><br>
<br>
</font></font></font>

</div>
</div>
<br>
<br>

GongziLoongxuan โพสต์ 2024-8-17 17:58:54

<font size="4" face="TH Baijam"></font><div align="center" style="list-style-type: none;"><div id="Alastor1">

<font size="4" face="TH Baijam"><br><br><br>

<style>
#Alastor {
    width: 700px;
    border: 4px double #2a36b1;
    padding: 15px;
    box-shadow: #2a36b1 2px 2px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/yNXwJjo.jpeg");}
</style>

</font><div id="Alastor">
   <p><font size="4" face="TH Baijam"><br></font></p><div style="text-align: left;"><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;" align="center"><font size="4" face="TH Baijam"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4" face="TH Baijam"><br id="docs-internal-guid-7dc52e79-7fff-e5e1-acc1-b44e4a25feef"></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;" id="docs-internal-guid-64c762f1-7fff-d079-5b88-85d2dcad2577"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">วันที่ 14 เดือน 8 เจี้ยนหยวนศกที่ 10</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">เวลา 13.00</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;" id="docs-internal-guid-63232b7d-7fff-e372-115c-99f204b23de3"><font size="4"><br><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">กรมราชทัณฑ์ สถานที่ทำงานหลักของเหล่ามือปราบ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">หลงเสวียนพาตัวโจรป่าเข้าแจ้งความดำเนินคดีและส่งมอบตัวอาชญากร ผู้กระทำความผิด แน่นอนว่าโจรที่คิดจะปล้นหรือดักทำร้ายคนอย่างเขา ก็ต้องซวยทุกราย</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">หากเจอจับส่งคุกหมดไม่สนใคร ปล่อยไว้ข้างนอกก็เดือดร้อนชาวบ้านที่ทำมาหากินอย่างสุจริต</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">มือปราบคนหนึ่งรับการแจ้งความจาก ชายหนุ่มก่อนจะเขียนลงบันทึกประจำวัน “นามของผู้แจ้งความคือ”</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">“เสวี่ยตง”</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">“เรียบร้อย”&nbsp;</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">ก่อนที่มือปราบอีกนาย จะเป็นคนพาตัวโจรป่าจับกุมพาไปอีกทาง ซึ่งหลงเสวียนเดาว่า อาจเป็นสถานที่คุมขังสำหรับผู้กระทำผิด</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-weight: 700; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">“นี่พวกเจ้าข้าได้ พวกจอมยุทธ์ร่ำลือกันว่าจอมยุทธ์ระดับสูงสัมผัสถึงกลิ่นไอของพลังปราณสตรีหยกได้ แม้คุณภาพจะอยู่ระดับไม้ มีความเบาบางน้อยนิดแต่ไม่ผิดแน่ กลิ่นอายปราณสตรีหยกปรากฏขึ้นในฉางอัน ไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของนครอันยิ่งใหญ่นี้”</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">หลงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย จอมยุทธ์ที่มีพลังปราณเช่นนั้นหรอกหรือ ก่อนจะเก็บความสงสัยแล้วเดินออกไป</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4"><br><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><span style="font-family: Arial, sans-serif; color: rgb(255, 255, 255); background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font size="4">+5 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือ</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4" face="TH Baijam"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4" face="TH Baijam"><br></font></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;text-align: center;margin-top:0.0pt;margin-bottom:0.0pt;"><font size="4" color="#ffffff" face="TH Baijam"><span style="background-color: transparent; font-weight: 700; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br><br></span></font></p></div></div><b><b><font size="4" face="TH Baijam">
<br><br><br><br></font><br>
</b></b></div></div>






<style>
#Alastor1 {
border: 15px double #2a36b1;
    border-radius: 30px;
    padding: 10px;
    box-shadow: #2a36b1 10px 10px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/Rti02oX.png");}
</style>

LinYa โพสต์ 2025-6-27 04:35:27

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-27 04:39

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 27 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ ถนนสิบลี้ กรมราชทัณฑ์

         แสงเงินแสงทองของรุ่งอรุณเจือหมอกบางแห่งของฤดูร้อนส่องลอดผ่านผนังก้อนหินของคุกหลวงเข้ามาจาง ๆ ก่อนจะเปล่งความอุ่นขึ้นทีละน้อยเป็นสัญญาณแห่งยามเหม่า เสียงฝีเท้านายทหารค่อย ๆ ดังใกล้ขึ้นหน้าเรือนขัง ก่อนที่เสียงเหล็กกระทบเหล็กจะบ่งบอกถึงการมาเยือนของเวลาแห่งความเป็นจริง

          “แม่นางหลินหยา เตรียมตัวด้วย” น้ำเสียงห้าวทุ้มของหัวหน้านายทหารเอ่ยด้วยความเด็ดขาดตามหน้าที่

         หลินหยาเปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ พลันรับรู้ได้ทันทีว่าราตรีที่ผ่านไปได้ถูกกลืนกินไปพร้อมกับชะตากรรมของตนเสียแล้ว นางไม่ขัดขืน ไม่เอ่ยถามให้เปลืองคำ พียงแต่ยันกายลุกขึ้นด้วยความเคยชิน มือบางหยิบเครื่องนุ่งห่มสีขาวบริสุทธิ์ของนักโทษซึ่งถูกส่งมาให้ตั้งแต่ยามก่อนฟ้าสางขึ้นมาสวม ใส่ชั้นในบาง ๆ ที่หลงเหลือไว้ก่อน แล้วจึงสวมชุดนักโทษทับ เส้นผมที่เคยยาวสลวยบัดนี้กลับยาวได้เพียงถึงไหล่เท่านั้น นางไม่ได้หาผ้ามาผูกหรือปิดบัง ไม่ได้หวี ไม่ได้จัดทรง แค่ยกมือขึ้นดันเรือนผมที่ปรกหน้าขึ้นลวก ๆ แล้วปล่อยให้มันหล่นลงตามแรงโน้มถ่วง นางมองเงาตนเองในถังน้ำเก่า ๆ ใบหนึ่งที่วางอยู่มุมเรือนขัง ใบหน้านั้นซีดเซียวเล็กน้อย ดวงตายังคงเป็นประกายกล้าอย่างเงียบงันแม้ใต้ตาจะล้าไปหน่อย แต่สายตา…ยังคงเด่นชัดว่าไม่ยอมจำนนต่อชะตา

         นางพ่นลมหายใจออกมาเงียบ ๆ แล้วสาวเท้าก้าวเดินตามเสียงฝีเท้าของเหล่านายทหารไป ไม่มีเสียงโอดครวญหรือคำขอ วาจาแก้ต่างใด ๆ ไม่มี หลินหยายอมรับความจริงในแบบที่มันเป็น ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มแจ่มชัด บานประตูเหล็กบานใหญ่ที่สลักตราสำนักยุติธรรมถูกเปิดออก เผยให้เห็นหน้าศาลฎีกาที่รอรับนักโทษรายหนึ่ง...นักโทษซึ่งในสายตาผู้คนคือหญิงสาวผู้บังอาจชกขันทีแห่งวังหลวง แต่ในสายตาของบางผู้...นางอาจเป็นเพียงแค่ดอกไม้เร่ร่อนที่เบ่งบานอย่างกล้าหาญในฤดูอันไม่เหมาะแก่การผลิบาน

         เสียงฝันเท้าหนักแน่นของนายทหารกระทบพื้นหินอ่อนสะท้อนกังวานไปทั่วโถงใหญ่ของกรมราชทัณฑ์ บรรยากาศในยามเช้าชวนให้รู้สึกทั้งสมชื่นและกดดันในคราเดียวกัน ข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่งประจำหน้าที่เรียงรายอยู่ด้านข้างบัลลังก์เล็กในศาลสถิตยุติธรรม ด้านหน้ามีเพียงเบื้องสูงอย่าง จาง ทัง ถิงเว่ยผู้รับหน้าที่ตุลาการพยัคฆ์เหล็ก ผู้ซึ่งผู้คนต่างกล่าวขานว่ายอมหักไม่ยอมงอ

         เสียงเคาะไม้เปิดศาลดังขึ้นพร้อมประกาศ “เบิกตัวนักโทษ หนาน หลินหยา”

         ร่างบอบบางในชุดสีขาวของนักโทษค่อย ๆ ถูกนำตัวเข้าสู่พื้นที่กลางศาล ดวงหน้าขาวซีดแต่ทว่าสง่างามอย่างน่าประหลาดของหญิงสาวทำให้ขุนนางบางคนแอบเลิกคิ้ว ริมฝีปากแม้ไม่แต้มสี กลับดูแดงราวกับผลท้อสุก เธอเดินอย่างสงบ ไม่หลบตา ไม่หลบหนี ไม่หวาดหวั่น หากแต่ระหว่างก้าวย่างเข้าสู่ใจกลางศาล สายตาคู่นั้นกลับไม่เหลียวแลบุรุษหนุ่มที่นั่งนิ่งในชุดประจำตำแหน่งขันทีผู้ใหญ่ ณ มุมหนึ่งของศาล จางกงกง แม้เจ้าตัวจะนั่งอยู่ในฐานะ "เจ้าทุกข์" ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ กายที่ยังคงแผ่รังสีอำมหิต ใบหน้าซีกหนึ่งยังมีรอยช้ำจาง ๆ ที่มุมปากเป็นหลักฐานจากค่ำคืนนั้น แต่หลินหยาไม่แม้แต่จะมอง นางไม่ได้แสร้งเมินเฉย หากแต่มองเขาราวกับ…เขาเป็นเพียงฝุ่นธุลีที่ลอยเคว้งในลมเช้า

         แต่ในขณะเดียวกัน หลินหยากลับเงยหน้าขึ้นสบสายตากับคนที่อยู่บนบัลลังก์สูงสุดของห้องศาล จางทัง เหมือนเมื่อวานที่เขาบอก ว่าให้จ้องตาเขา..สีหน้าของจางทังยังคงเคร่งขรึมเช่นทุกครั้ง ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความโกรธเกรี้ยว มีเพียงความแน่นิ่งแบบผู้ผดุงธรรมในทุกเส้นสายของดวงตา ดั่งบุรุษผู้จำต้องแบกบาปของผู้อื่นไว้บนบ่าของตน เขามองเธอด้วยสายตาที่ไร้คำพูดใด ๆ แต่เป็นสายตาที่เคยรู้จัก…เคยสัมผัสมาก่อน…และอาจยังคงไม่ลืมเลือน

         “วันนี้ ศาลแห่งกรมราชทัณฑ์ ได้รับคำร้องเรียนจากเจ้ากรมฝ่ายใน หนึ่งในขุนนางผู้รับราชโองการใกล้เบื้องพระยุคลบาทว่ามีการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา จากบุคคลนอกฐานันดรหนาน หลินหยา ข้าขอให้ท่านแถลงเหตุการณ์ ณ บัดนี้” เสียงแท่งไม้กระทบโต๊ะดังกังวานสะท้อนทั่วศาล เคร่งขรึม หนักแน่น ดุจคำพิพากษาแห่งฟ้าดินที่ไม่อาจลบล้าง ถิงเว่ยหนุ่มเอนกายขึ้นเล็กน้อยบนบัลลังก์ ร่างสูงในชุดขุนนางตุลาการสีดำสนิทดูหนักแน่นดังภูผา ดวงตาคมภายใต้คิ้วเรียวเข้มจ้องตรงลงมาที่ร่างของหญิงสาวในชุดนักโทษสีขาวราวกับจะเจาะทะลุถึงจิตใจที่ซ่อนเร้น

         “หนาน หลินหยา” น้ำเสียงเขาเย็นราบ แต่กลับเฉือนลึกเหมือนมีดบาง “ใต้เท้าจางกงกงได้ยื่นคำฟ้องอย่างเป็นทางการว่าเจ้าทำร้ายร่างกายขุนนางฝ่ายในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเขา เจ้า…ตระหนักดีใช่หรือไม่ ว่าการทำร้ายขุนนางราชสำนัก เป็นความผิดใหญ่หลวงตามบัญญัติกฎหมายของแผ่นดิน” เสียงเขาเน้นหนักในตอนท้ายราวกับเหล็กที่กระทบหินแกร่ง แล้วจึงเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนกล่าวต่ออย่างทรงอำนาจ

         “ข้าถามเจ้า เจ้าจะยอมรับข้อกล่าวหาหรือไม่ และเพราะเหตุใดเจ้าจึงต้องทำร้ายเขา?” เสียงหยุดลงสั้น ๆ ก่อนที่แววตาคมดั่งพยัคฆ์จะฉายความคาดคั้นพลางกล่าวชัดถ้อยชัดคำ

         "เจ้ากับใต้เท้าจางกงกง…มีเรื่องบาดหมางใดกันมาก่อนหรือไม่?"

         “พูด!!”

         คำท้ายสุดเปล่งออกมาอย่างเฉียบขาด ไม่มีวาจาเกรี้ยวกราด แต่แรงกดดันนั้นกลับก่อเป็นบรรยากาศที่หนักหน่วงจนน่าอึดอัด คนในศาลพากันกลืนน้ำลาย เงียบกริบราวกับโลกทั้งใบหยุดหายใจ รอคำตอบจากหญิงสาวในชุดสีขาวตรงกลางห้องโถงใหญ่ ที่แม้จะดูบอบบาง...แต่เรื่องราวเบื้องหลังกลับคลุมเครือยิ่งกว่าหมอกยามเช้า

         ร่างบางในชุดนักโทษสีขาวยืนอยู่กลางศาล แต่กระบวนท่าของนางยังคงเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีอย่างไม่อาจลบเลือน หลินหยากวาดตามองถิงเว่ยจางทังด้วยแววตาแน่วแน่ อารมณ์ใด ๆ หาได้ปรากฏบนใบหน้านางแม้แต่น้อย จนเมื่อเสียงของนางเอ่ยขึ้น มันกลับไม่ใช่เสียงแห่งการแก้ต่าง…หากแต่เป็นเสียงของผู้ที่ยอมรับความจริงด้วยหัวใจสงบ และพร้อมเผชิญผลกรรมที่เลือกกระทำ

         “ข้ายอมรับข้อกล่าวหา..ข้าทำเอง”

         “และที่ข้าทำเพราะข้าถูกข่มเหงทั้งกายและใจอย่างเลวร้าย” เสียงของนางไม่ดังนัก หากแต่ทุกคำกลับจมลึกลงสู่หัวใจของผู้ที่ได้ฟัง ดั่งบ่วงเชือกที่ค่อย ๆ กระชับ ลมหายใจแห่งทั้งศาลหลวงพลันแผ่วลงราวกับต้องฟังถ้อยนั้นให้กระจ่าง

         “ข้าเป็นเพียงนักดนตรีฝึกหัด…เด็กสาวที่อยากมีชีวิตเรียบง่าย แม้มิได้สูงส่งหรูหรา ขอแค่มีข้าวกิน มีเสียงขลุ่ยให้เป่า มีลมพัดผ่านหน้า ข้าก็พอใจ ข้าทำงานในหอว่านหงเหริน รับใช้ใต้เท้าจาง…ผู้ซึ่งข้าคิดว่าเป็นผู้มีบุญคุณ เคยช่วยเหลือ เคยมีเมตตา แม้บางครา...ข้าจะกลัวเขาอย่างประหลาด แล้ววันหนึ่ง เขาก็เอ่ยว่าอยากพาข้าเข้าสู่วังหลวง ให้เป็นนางกำนัล”

         หลินหยาหลุบตาลงช้า ๆ ก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าปฎิเสธ”

         “ข้าไม่อยากเข้าไปทำงานที่วัง ไม่ใช่เพราะรังเกียจวัง ไม่ใช่เพราะทะนงตัว หากแต่ข้ากลัว…กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้เป็น กลายเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมของเขา แล้วเขาก็มอบจดหมายสองฉบับให้แก่ข้า ฉบับหนึ่ง…คือคำด่าทอถึงบิดาข้า ว่าเป็นขุนนางเลวทราม ต่ำช้า ไร้ศีลธรรม ขายได้กระทั่งบุตรสาวให้ทำงานหนักแล้วตัวเองไปรำสุรากับนางโลมที่หอโคมเขียว”

          “อีกฉบับ…คือถ้อยสรรเสริญบิดาข้าว่าเป็นขุนนางน้ำดี ผู้ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อแผ่นดินจนคนทั้งเมืองยกย่อง”

         “ท่านคิดหรือไม่…ว่าคนที่สามารถเขียนจดหมายสองฉบับนั้นได้ในเวลาไล่เลี่ยกันคือผู้ใด? ข้าถูกบีบให้เชื่อว่าใต้เท้าจางจะสามารถลบตระกูลข้าได้ในชั่วพริบตา หลังจากจดหมายนั้น…ใต้เท้าจางกงกงบอกกับข้าว่า เขาไม่รู้หรอกว่าจดหมายฉบับไหนจะถึงฝ่าบาทก่อน…เขาวางเดิมพันชีวิตของข้า…กับคำว่า ‘ไม่รู้’ แล้วท่านลองคิดดูสิ หากท่านเป็นข้า…ท่านจะเลือกเชื่ออะไรดี? ข้าเป็นเพียงสาวใช้ลำดับต่ำสุดของหอว่านหงเหริน..เป็นเพียงบุตรีขุนนางตัวเล็ก ๆ ในแดนไกล”

         หลินหยาเบือนสายตามองขึ้นสูงไปทางเพดานศาลก่อนจะค่อย ๆ ลดต่ำลงมาสู่พื้น ประหนึ่งนางนึกภาพชีวิตของตนเองในแต่ละวันผ่านม่านแห่งความเจ็บปวดที่เคยห่อคลุมอยู่รอบกาย

           “ข้าไม่มีทางเลือก…จางกงกงบอกกับข้าว่า ข้าต้องเข้าไปรับใช้องค์ชาย…โอรสของพระสนมลู่ และข้าต้องทำให้องค์ชาย ‘ตกหลุมรักข้าให้ได้’ เขาให้เวลาข้าเพียงสามวัน ในการเตรียมตัวไปเป็นของผู้อื่น..ไปทำให้เกียรติของตัวเองและผู้อื่นเสื่อมเสีย ข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแม้แต่คำว่า ไม่ ออกมาด้วยซ้ำ” ดวงตานั้นหม่นลงจนเห็นได้ชัด แต่ไม่มีน้ำตา ไม่มีแม้แต่ความอ่อนแอ มีเพียงความจริงที่กำลังถูกพูดออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฟ้าดิน

         พอถึงตรงนี้หลินหยากลับแทบทรุดลงไป แต่นางไม่เป็นอะไร นางจะพูดเรื่องทั้งหมด นางไม่รู้ว่าจางกงกงคิดอะไรกับการบอกว่าไม่อยากพบหน้านางอีกแต่กลับต้องมาพบกันในชั้นศาลเช่นนี้ “เมื่อครบสามวัน ข้าก็เข้าสู่วังหลวง…ในฐานะนางกำนัลของตำหนักหนึ่ง…และนั่นแหละ คือนรก ตำหนักไม่ใช่นรก แต่นรกสำหรับข้าคือสิ่งที่พบ นรกในคราบงดงามของผ้าไหมสีอ่อน เสียงดนตรี และกลิ่นกฤษณา นรก…ที่แม้แต่การหายใจก็ยังต้องขออนุญาต นรก…ที่ไม่มีใครเชื่อคำพูดของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่อาจเอื้อมแตะความยุติธรรมได้เลยแม้แต่น้อย”

         หลินหยายืนนิ่งอยู่กลางศาลเบื้องหน้าบัลลังก์แห่งความยุติธรรม แม้นางจะสวมชุดขาวของนักโทษ แต่ท่วงท่ายังคงงามสง่าในแบบของหญิงสาวที่ไม่ยอมก้มหัวให้ชะตากรรม นางสูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ พอจะเรียบเรียงสรรพเสียงในใจให้กระจ่างแจ้ง ก่อนจะเปล่งวาจาออกมาด้วยถ้อยคำหนักแน่น ทว่าฟังแล้วเหมือนกลืนก้อนหินเข้าไปในอก

          “คืนวันที่ 24 ย่างเข้าสู่วันที่ 25 เพียงล่วงไปหนึ่งนาที ข้าจำได้ดี เพราะข้ากำลังเล่นดนตรีให้กับแขกในหอว่านหงเหริน เวลานั้น ขันทีคนหนึ่งพร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักพิธีการวังหลวงมาเตรียมพาข้าเข้าวัง และทันทีที่ข้าก้าวพ้นประตูจวน…ทุกฝีก้าว ทุกลมหายใจ ทุกคำที่พวกเขาพูดกับข้า มีแต่คำว่า ‘เจ้าต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จ’ ‘เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำยังไง’ ‘อย่าแสดงสิ่งใดให้ใครเห็น’ ” นางกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องเติมคำว่าสิ่งใดลงไปในประโยคนั้นอีก เพราะทุกคนในที่นั้นล้วนเป็นผู้มากประสบการณ์พอจะเข้าใจว่าประโยคเหล่านั้นหมายถึงสิ่งใด สำหรับหญิงสาวตัวคนเดียวเช่นหลินหยา มันช่างขมขื่นและเหี้ยมเกินกว่าจะกล่าวให้สุภาพ

         “ใต้เท้าอาจจะคิดว่าเป็นคำปลอบใจ เป็นกำลังใจจากเบื้องบน…แต่มันไม่ใช่ มันคือการตีตราข้าให้เดินเข้าสู่กรงเหล็กโดยสมัครใจ มันคือการเอ่ยด้วยถ้อยคำอ่อนหวานเพื่อประทับตราชะตาข้าให้เรียบร้อยว่า เจ้าคือเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ไม่ต้องการหัวใจในการมีชีวิตของตน แล้วใต้เท้าจะให้ข้ายิ้มรับหรือ?"

         "หากเป็นผู้อื่นที่เคยเติบโตมากับอุดมการณ์ของราชสำนัก อาจมองว่านั่นคือเกียรติ คือหนทางสู่ขุนนางหญิง คือโอกาสเปลี่ยนชะตา แต่นั่น…ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ต้องการเกียรติที่มากับการย่ำยีใจคน หน้าที่ใดที่ต้องฝืนใจ…ต่อให้คนทั้งใต้หล้ายอมรับมัน ข้าก็ไม่อาจยอมรับมันได้" ศาลยังคงเงียบงัน จางทังไม่พูดอะไรในทันที เขานั่งแน่นิ่ง ฝ่ามือประสานกันบนโต๊ะ เหลือเพียงดวงตาใต้คิ้วเข้มที่เพ่งมองตรงไปยังนางอย่างลึกซึ้ง จางทังฟังถ้อยคำของหลินหยาอย่างไม่กะพริบตา เขายังคงนั่งในอิริยาบถเดิม ดวงหน้าขึงขังดุจประติมากรรมที่แม้แต่ลมยามเช้ายังไม่อาจแตะต้อง ดวงตาสีเข้มนั้นคล้ายสลักเงาของทุกถ้อยคำลงในใจอย่างไม่ให้หลุดรอดแม้เพียงอักษรเดียว

         “ข้า...หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าองค์ชายในวันนั้น...ข้าสลบไปต่อหน้าพระพักตร์ ข้าไม่ได้รู้สึกอับอาย...แต่รู้สึกเสียใจที่อ่อนแอจนไม่อาจแบกรับชะตาที่ข้าไม่ได้เลือก ข้าต้องทำให้องค์ชายที่เป็นถึงโอรสสวรรค์มารักข้าหรือ? ทำให้พระองค์ที่บริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นเป็นอะไร ท่านคิดว่าตอนนั้นตอนที่ข้าสบเห็นพระพักตร์ของพระองค์ข้าเจ็บปวดเพียงใด”

         “ข้าได้รับการวินิจฉัยจากหมอหลวงว่า หากข้าเครียดมากไปกว่านี้ ร่างกายจะรับไม่ไหว ความดันปราณสั่นคลอนจนแม้แต่ชีพจรก็ผิดจังหวะ ...และข้าได้รู้ว่าหมออีกคนที่มาดูอาการข้า...เป็นคนของใต้เท้าจาง ข้า...ซาบซึ้ง ที่เขา...ยังเห็นข้าเป็นคนพอจะส่งคนมาดูแล ไม่ใช่เพียงแค่เบี้ยไร้ค่าในกระดาน”

         “แต่ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิดนัก” นางหยุดสูดลมหายใจแล้วกล่าวต่อ “เย็นวันนั้นข้าาเข้าไปรับเบี้ยอัดตามหน้าที่ของข้าที่ตำหนักจงฉางซื่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะอยู่เกินจำเป็น และในวันนั้น...ข้ามอบสุรา ‘เซียนเมามาย’ แก่ใต้เท้าจางกงกง...เพื่อเป็นของขวัญตอบแทนที่เขายังมีเมตตาต่อข้า แม้ต้องเจอคำพูดที่กดทับหัวใจมากเพียงใดแต่ข้าก็อดทน ข้ามอบด้วยความเคารพ...แล้วจากไป”

         เสียงของนางเมื่อกล่าวจบ ไม่ได้แฝงโทสะ ไม่ได้ปกป้องตนเองด้วยวาจาแหลมคม แต่กลับเป็นน้ำเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดถึงความจริงทุกหยาดหยดด้วยใจที่ไม่อยากให้ใครต้องรับโทษแทนกัน จางทังยังคงเงียบ แต่สายตาของเขาหนักหน่วงขึ้นทุกวินาที ทั้งที่ใบหน้าเขาไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย แต่ภายในใจกลับคล้ายมีกระแสลมแรงพัดกระหน่ำเข้าใส่

         หญิงสาวในชุดนักโทษสีขาวหลับตาลงชั่ววินาที ก่อนที่นางจะเปิดขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาแดงเรื่อจากนอนน้อยและพิษในร่างกาย แต่ยังคงมั่นคง…แววตาที่ใครหลายคนเคยบอกว่าสวยอย่างน่าหลงใหล บัดนี้กลับดูแข็งกล้าราวกับกระจกใสที่ผ่านเปลวไฟมาแล้ว

         “ก่อนเกิดเรื่อง...ข้ากำลังพักผ่อนในตำหนักตงเฉิน หัวหน้าขันทีของตำหนัก มาขอให้ข้าเอาของไปให้ใต้เท้าจางกงกง ข้าไม่ได้คิดอะไรมาก...นอกจากจะทำตามหน้าที่ที่พึงมี ข้าไปหาท่านเขาตอนยามไห่ ท่านกำลังดื่มสุราอยู่...ข้ามองเห็นขวดสุรานั้นขวดที่ข้ามอบให้ ใต้เท้าจางบอกว่า…เหล้านี้รสเหมือนความช้า ราวกับการลืมทุกสิ่งอย่างทีละนิด..หลังจากนั้นคือนรกแห่งใจของข้าเมื่อใต้เท้าน่าจะสติขาดเล็กน้อยจนทำให้เขาต้องพูดบางสิ่งออกมา”

         แววตานางที่สบกับจางทังเริ่มสั่นไหว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเปลี่ยนเป็นเหมือนเงาหนักในใจคนฟัง “ท่านเริ่มพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด…เขาบอกว่า ในยามข้าร้องไห้..ใบหน้าของข้า คงราวกับดอกท้อที่ต้องฝน ยิ่งเปียกป้อนยิ่งอ่อนบาง ยิ่งงามนัก..เขาบอกว่าอยากเห็นข้าตอนน้ำตาไหล เขาชอบข้ายามแตกสลาย แหลกละเอียดอยู่ตรงหน้าข้า ใต้เท้าของเขา” หลินหยาพูดออกมาทุกคำราวกับกรอภาพเดิมซ้ำแบบไม่มีผิดเพี้ยนคำพูด ต่อให้นางพูดเป็นร้อยครั้ง คำนี้จะเหมือนเดิมทุกครั้งไม่มีเปลี่ยน

         “ข้าคิดว่าใต้เท้าจางน่าจะเมาเลยคิดจะกลับ แต่เขากลับบีบตางข้าให้ข้ามองหน้าเขา บังคับให้ข้าสบตากับเขาแล้วเอ่ยคำว่า อยากให้เขาขอบคุณหรือกราบกรานที่ข้ามอบสุราให้? หรือข้าคิดว่าแค่นี้จะชดใช้กับการปกป้องครอบครัวอันอ่อนแอของข้าได้ …ท่านคิดว่า มันเป็นคำพูดของคนเมา หรือคำพูดของคนที่มีอำนาจเหนือตัวข้า?” หลินหยาไม่ต้องการคำตอบจากใคร เพราะคำถามนั้นนางถามกับตัวเองมาตลอดหลายคืนที่ผ่านมา

         "เขายังบอกอีกว่า ไม่มีใครช่วยข้าได้หรอก…ต่อให้เป็นครอบครัว คนสนิท หรือใครก็ตาม ข้าก็ไม่มีวันหนีจากเขาไปได้ ท่านคิดว่าข้ามีสติเหลือหรือไม่...ในตอนนั้น? กับสิ่งที่สะสมมาทั้งหมด กับความกดดันที่กัดกินจากภายใน กับความรู้สึกที่เหมือนถูกจับวางไว้ในกรงทองแล้วบอกว่าคือเกียรติ...ข้าเหมือนหุ่นกระบอกที่รอวันมีใครสักคนชักเส้นให้ขยับ และในคืนนั้น...เส้นที่มองไม่เห็นนั้น มันรัดคอข้าแน่นจนข้าทนไม่ไหวอีกแล้ว"

         นางไม่สะอื้น ไม่เรียกร้องความสงสาร ไม่แม้แต่เอ่ยถึงคำว่าขอโทษ แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ไม่อาจปลอมแปลง บรรยากาศในห้องไต่สวนแน่นขนัด ไม่ใช่เพราะคน แต่เป็นเพราะความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกของทุกผู้ที่ได้ฟัง ว่าเรื่องนี้…ไม่ใช่เพียงคดีหนึ่งในราชสำนัก แต่คือเสียงของสตรีคนหนึ่งที่ถูกทำให้เงียบมาแสนนาน จางทังไม่ขยับแม้แต่น้อย มือของเขาหยุดนิ่งเหนือค้อนทองเหลือง ใบหน้าเรียบเฉยของเขาไม่เผยอารมณ์ แต่หากมองลึกเข้าไปในนัยน์ตานั้นแล้วมันคือแววตาของคนที่ได้ยินเสียงร้องจากความเงียบจริง ๆ

         “และหลังจากนั้น สติของข้าก็ดับวูบลงทุกอย่าง..ข้าตบหน้าท่านด้วยมือขวาเพียงครั้งเดียว ล้วข้าก็ใช้เท้าซ้ายถีบเข่าของเขา และหลังจากนั้น…ข้าชกหน้าท่านจางกงกงไปห้าครั้ง ด้วยหมัด ตอนที่ข้ามีสติอีกครั้ง เลือดของใต้เท้าจางก็ติดอยู่ที่มือขวาของข้าแล้ว” ทันทีที่คำสารภาพสุดท้ายนั้นหลุดออกจากริมฝีปากบางของหลินหยา ศาลทั้งศาลก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท แม้แต่เสียงของแมลงยามเช้าก็คล้ายจะหยุดไหว มวลอากาศภายในห้องพิพากษาราวกับหยุดนิ่ง ดั่งฟ้าหลังฝนที่อัดแน่นด้วยหยดน้ำพร้อมจะร่วงลงสู่พื้นในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

         “แล้วข้าขอร้องให้เขาฆ่าข้า…ขอร้องทั้งน้ำตา… แต่เขาไม่ทำ คำสุดท้ายที่เขาพูดกับข้า คือคำว่า วางเบี้ยหวัดไว้ ถอดชุดออกคืน แล้วเจ้าก็ไปซะ..อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก..”

         “ก่อนข้าจะจาก ข้า...ตัดเส้นผมของตนเองเพื่อเป็นการตัดขาดจากอดีตทั้งหมด ตัดขาดจากความกตัญญูอันข้าไม่อาจรักษาได้ ตัดขาด...จากตัวตนที่เคยอดกลั้นทุกอย่างมาตลอด..หากบอกว่าข้ารัก ข้าก็คงทั้งรักทั้งแค้น หากข้าต้องโทษข้าก็จะไม่คิดปฎิเสธ สำหรับข้าตอนนี้ข้าหมดสิ้นแล้วซึ่งความโกรธต่อเขา พูดไปอาจคิดว่าข้ากล่าวหา แต่ข้าสาบานตรงนี้ว่าทุกสิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง หากท่านจะถามอีกกี่ร้อยกี่พันจนข้าคอแห้งท่านก็จะได้ยินเช่นเดิมเสมอ”

         “นั่นคือทั้งหมดที่เกิดขึ้น”

         น้ำเสียงเงียบงันลงอีกครั้งในห้องไต่สวน…แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะความเกรงขามของราชอำนาจ หรือความเยือกเย็นของจางทัง หากแต่เป็นเพราะทุกคนล้วนสั่นสะเทือนจากน้ำเสียงของหญิงสาวผู้หนึ่ง ที่ไม่อ้อนวอน ไม่ปฏิเสธโทษทัณฑ์ แต่ก็ไม่ยอมให้เรื่องของนางถูกเล่าด้วยคำของผู้อื่นอีกต่อไป


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin
พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทังหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม

LinYa โพสต์ 2025-6-27 12:16:11

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-27 12:21

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 27 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ ถนนสิบลี้ กรมราชทัณฑ์

         เสียงไม้เคาะของจางทังดังกังวานขึ้นอีกครั้ง พร้อมสายตาเรียบนิ่งที่กวาดมองทั่วทั้งห้องพิพากษา บรรยากาศอึมครึมสงบลงในพริบตา เสียงกระซิบกระซาบของขุนนางและเจ้าหน้าที่ซึ่งคอยสังเกตการณ์ถูกกดทับไว้ด้วยแรงกดดันจากบุรุษผู้นั่งสูงเหนือผู้ใด จางทัง ประจำบัลลังก์ผู้เคร่งครัดในกฎหมายและวินัยดุจเหล็กกล้า เขากวาดสายตามองทั้งสองผู้ต้องข้อกล่าวหา สตรีนักโทษในชุดขาวซึ่งยืนอย่างสง่าท่ามกลางโซ่ตรวน กับขุนนางขันทีผู้อยู่เบื้องพระยุคลบาทซึ่งสงบเยือกเย็นแม้จะยังมีรอยหมัดปรากฏชัด

         เมื่อหลินหยากล่าวจบแล้ว จางกงกงก็ค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม ท่ามกลางความเงียบอันวังเวง "กระหม่อมเป็นเพียงข้าหลวงผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาทมานานปี ย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดควรไม่ควร การจะกระทำการใดๆ ที่กระทบต่อราชสำนักหรือเกียรติยศของตนเอง ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ กระหม่อมเพียงแต่หวังดี อยากให้นางได้โอกาสเข้ามาทำคุณประโยชน์ในวังหลวง ด้วยเห็นว่านางมีพรสวรรค์ด้านดนตรี หวังจะให้นางได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น"

         คำกล่าวของจางกงกงทำให้เสียงจดจ้องเริ่มดังขึ้นแผ่วเบาจากที่นั่งสังเกตการณ์ จางทังเพียงเคาะแท่นอีกครั้ง สีหน้าหาได้แปรเปลี่ยนไม่ เขาโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เอ่ยถามโดยตรง พลันดวงตาคมดุจศิลาเย็นของเขาก็ทิ่มแทงตรงไปยังจางกงกง "ใต้เท้าจางกงกง ท่านได้ยินคำให้การของหนานหลินหยาแล้ว ท่านยังคงยืนยันว่าการกระทำของท่านเป็นไปโดยสุจริตและหวังดีกระนั้นหรือ?"

          "เรื่องจดหมายสองฉบับนั้น ท่านมีเจตนาอันใดที่ซ่อนเร้นหรือไม่? และเหตุใดจึงต้องยื่นข้อเสนอที่ดูเหมือนจะบีบบังคับเช่นนั้น?" ท่ามกลางความตึงเครียดที่กดทับห้องพิพากษาไว้ราวม่านหมอก ความเงียบคลี่คลุมดั่งกลิ่นของพายุที่กำลังรอปะทุ เขาเงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย แต่ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยกลับเย็นเยียบจนแม้แต่บรรดาทหารองครักษ์ก็ไม่กล้าส่งเสียงไอ

         "ในคืนเกิดเหตุ ท่านยืนยันว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นผลจากสุรา 'เซียนเมามาย' จริงหรือ? และเหตุใดหมอที่มาดูแลอาการของหนานหลินหยาจึงเป็นคนของท่าน?"

         หลังจากที่จางกงกงได้ฟังเช่นนั้นเขากลับตอบกลับทุกข้อกล่าวหาอย่างเยือกเย็น หลินหยานั้นได้แต่ยืนนิ่งจ้องใบหน้าของจางทัง นางไม่อาจขยับดวงตาไปมองคนที่กำลังพูดข้อกล่าวของตนเองได้ในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย “ใต้เท้าจางทัง กระหม่อมเข้าใจดีถึงความกังวลของท่าน ทว่าในฐานะข้าหลวงผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท กระหม่อมย่อมมีหน้าที่คัดเลือกผู้ที่มีความสามารถและคุณสมบัติเหมาะสมมาเป็นส่วนหนึ่งของวังหลวง การที่กระหม่อมเห็นพรสวรรค์ของหนานหลินหยาและมอบโอกาสให้นางได้เข้ามาถวายงาน นับเป็นเจตนาอันบริสุทธิ์เพื่อประโยชน์ของนางและราชสำนัก”

         “ส่วนเรื่องสุราเซียนเมามายนั้นกระหม่อมดื่มจริง ทว่ากระหม่อมกลับประหลาดใจนัก ที่นางเลือกที่จะใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายกระหม่อม ทั้งที่กระหม่อมกำลังอยู่ในสภาพที่ไร้สติสัมปชัญญะจากฤทธิ์สุรา คำพูดที่นางกล่าวอ้างว่ากระหม่อมต้องการเห็นนาง 'แตกสลาย' หรือ 'ข่มขู่' นั้น อาจเป็นเพียงความเข้าใจผิด หรือการตีความที่เกินเลยไปจากฤทธิ์สุราที่ทำให้กระหม่อมมิได้มีสติสมบูรณ์ หรืออาจเป็น ความตั้งใจของนางเองที่จะสร้างสถานการณ์ให้กระหม่อมดูเป็นผู้ผิด เพื่อให้นางมีเหตุผลในการทำร้ายร่างกายผู้อื่นกระนั้นหรือไม่?”

         “ใต้เท้าจางทัง กระหม่อมขอเรียนยืนยันว่า การกระทำทั้งหมดของกระหม่อมเป็นไปเพื่อหน้าที่และความภักดีต่อฝ่าบาทและราชสำนัก มิได้มีเจตนาแอบแฝงหรือประสงค์ร้ายต่อนางหลินหยาแม้แต่น้อย การทำร้ายร่างกายขุนนางผู้ใหญ่เช่นกระหม่อม ย่อมเป็นความผิดที่ไม่อาจละเลยได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม”

         เสียงไม้เคาะดังขึ้นเป็นระลอกที่สามจากมือของจางทัง ดังกังวานจนเงียบงันไปทั้งห้องความยุติธรรม ดวงตาคมกริบของเขาแฝงความสงบนิ่ง ทว่าทุกคำพูดกลับเชือดเฉือนราวใบมีดในเงามืด “สุรา 'เซียนเมามาย' นี้ เป็นสุราชนิดใด มีฤทธิ์รุนแรงถึงขั้นทำให้ผู้ดื่มไร้สติจนจำสิ่งใดไม่ได้จริงหรือ? มีผู้ใดสามารถยืนยันฤทธิ์ของสุราชนิดนี้ได้หรือไม่?" เขาเว้นจังหวะก่อนกล่าวต่อโดยไม่ปล่อยให้ใครได้ตอบ "มีพยานหรือผู้เชี่ยวชาญผู้ใดสามารถยืนยันฤทธิ์ของสุราชนิดนี้ได้หรือไม่?"

         “ใต้เท้าจางกงกง ท่านกล่าวว่าหนาน หลินหยาอาจมีเจตนาแอบแฝงในการสร้างสถานการณ์ แต่จากคำให้การของนาง นางได้ยอมรับความผิดและพร้อมรับโทษทัณฑ์โดยไม่ปริปากบ่น หากนางมีเจตนาแอบแฝงจริง ไฉนจึงไม่พยายามแก้ต่างหรือปฏิเสธความผิด จากคำให้การของนาง มิใช่ว่านางได้ยอมรับความผิดทุกข้อ มิได้แก้ต่างอันใด มิหนำซ้ำยังตัดเส้นผมตนเองเพื่อแสดงความตัดขาดอย่างสิ้นเชิง มิคิดจะเรียกร้องการให้อภัย มิหวังการยอมรับ หากคนหนึ่งตั้งใจจะหลีกเลี่ยงโทษทัณฑ์จริง ไฉนจึงยอมรับผิดโดยไม่แม้แต่จะดิ้นรน?”

         หลังจากนั้น จางทังก็หันไปพยักหน้าเบา ๆ ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่นำพา เถ้าแก่หลิว แห่งโรงเตี๊ยมชิงหมิงมาเข้าเป็นการเบิกตัวพยาน ซึ่งเขาคือผู้คิดค้นสุราเซียนเมามายนี้“เถ้าแก่หลิว สุรา ‘เซียนเมามาย’ ที่ท่านเป็นผู้คิดค้น จากคำบรรยายของท่าน สุรานี้มีฤทธิ์ ‘ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกราวกับอยู่บนสวรรค์’ และ ‘ปลดเปลื้องทุกข์ร้อนในใจ’ ใช่หรือไม่?”

         เถ้าแก่หลิวโค้งตัว “ขอรับใต้เท้า สุราชนิดเป็นเช่นนั้นจริง ๆ สุรานี้มีคุณสมบัติเบา ปลุกจิตวิญญาณให้ล่องลอยผู้ดื่มจะรู้สึกผ่อนคลาย ปลดเปลื้องความทุกข์ บางรายอาจเห็นภาพฝันหรือได้ยินเสียงที่ไม่มีอยู่จริง คล้ายตกอยู่ในโลกจินตนาการแห่งห้วงความฝันราวกับอยู่ในสรวงวรรค์ขอรับ”

         "แต่สุรานี้ 'ทำให้ผู้ดื่มไร้สติจนจำสิ่งใดไม่ได้' หรือถึงขั้น 'ขาดสติสัมปชัญญะ' ดังที่ใต้เท้าจางกงกงกล่าวอ้างหรือไม่? หรือทำให้ผู้ดื่มจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย? เถ้าแก่เคยพบผู้ใดที่ดื่มสุรานี้จน ‘ไร้สติจนจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย’ หรือถึงขั้น ‘ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้’ อย่างที่ใต้เท้าจางกงกงกล่าวไว้หรือไม่?"

         เถ้าแก่หลิวชะงักไปชั่วครู่ ชำเลืองมองทั้งห้องก่อนกล่าวอย่างระมัดระวัง “สุราเซียนเมามายนั้น... มอมเมาใจมากกว่าร่างกายขอรับ มันอาจทำให้หลงลืมความเป็นจริงชั่วขณะ หรือพูดสิ่งที่ไม่กล้าพูดเมื่อมีสติ แต่ไม่เคยมีใครลืมว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ โดยสิ้นเชิง พะย่ะค่ะ เว้นเสียแต่ว่า...ผู้ดื่มจะดื่มในปริมาณมากเกินขนาด กล่าวคือทั้งไหหรือมากกว่านั้น ซึ่งไม่ควรสำหรับคนทั่วไป” จางทังชะงัก ปรายตามองจางกงกงครู่หนึ่ง เขาเพียงเคาะไม้ดัง "เป๊าะ" อย่างเยือกเย็น "เช่นนั้นก็ชัดเจนแล้ว" เขาหันกลับมานั่งหลังตรง มือเรียวยาววางพาดบนโต๊ะพิพากษา

         จางทังเงียบฟังคำกล่าวที่ร้อยเรียงด้วยความระมัดระวังอย่างเจนจัดของจางกงกงจนจบ พลางกวาดตามองทั่วห้องบัลลังก์พิพากษาอย่างเนิบช้า เขาเริ่มที่จะกลับไปเผชิญหน้ากับจางกงกงอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคมคายดั่งเจาะทะลุลึกจนถึงแก่นหัวใจ "ใต้เท้าจางกงกง ท่านได้ยินคำให้การของเถ้าแก่หลิวแล้วใช่หรือไม่? ผู้ที่รังสรรค์สุรา 'เซียนเมามาย' ยืนยันว่าสุรานี้ มิได้ทำให้ถึงขั้นไร้สติจนจำสิ่งใดไม่ได้ หรือ ขาดสติสัมปชัญญะ อย่างสิ้นเชิง ทว่าเป็นการนำพาผู้ดื่มไปสู่ความฝันและภาพหลอนที่งดงาม"

         "หากเป็นเช่นนั้น คำกล่าวอ้างของท่านที่ว่าคำพูดอันโหดร้ายเหล่านั้นเป็นผลจาก 'การไร้สติ' เพราะฤทธิ์สุรา จึงดูขัดแย้งกับความเป็นจริงอย่างยิ่ง กระหม่อมขอถามท่านอีกครั้ง... ในคืนนั้น ท่านจดจำทุกคำพูดที่ท่านได้เอ่ยกับหนานหลินหยาได้หรือไม่? และท่านยังคงยืนยันว่าสิ่งที่หนานหลินหยาได้ยิน เป็นเพียง 'ความเข้าใจผิด' หรือ 'ภาพหลอน' อันเกิดจากฤทธิ์สุราของท่านเองอย่างนั้นหรือ?"

         จางกงกงที่พบว่าตอนนี้มีเรื่องการเบิกตัวพยานมาแล้ว ก็สมกับที่เป็นจางทัง เตรียมพร้อมทุกอย่างให้เรียบร้อย จากนั้นจางกงกงก็เริ่มการโต้ตอบของตนเองอย่างเยือกเย็น ส่วนหลินหยานั้นทำเพียงยืนเงียบไม่ได้พูดอะไรหากศาลไม่ได้ขอกล่าวให้นางพูดนางก็จะไม่พูดอะไรออกมา

         “เรียนใต้เท้าจางทัง กระหม่อมซาบซึ้งในความรอบคอบของท่านที่ได้เรียกผู้เชี่ยวชาญมาสอบถามเรื่องสุรา 'เซียนเมามาย' นี้ กระหม่อมยอมรับว่าสุรานี้มิได้ทำให้ผู้ดื่ม 'ไร้สติจนจำสิ่งใดไม่ได้' อย่างสิ้นเชิงดังคำกล่าวของกระหม่อมในตอนต้น หากแต่ทำให้เกิด 'ภาพหลอน' และ 'ห้วงภวังค์เพ้อฝัน' ซึ่งท่านเถ้าแก่หลิวก็ได้ยืนยันแล้ว และด้วยเหตุนี้เอง กระหม่อมจึงยืนยันว่าคำให้การของหนานหลินหยาที่กล่าวอ้างถึงคำพูดอันรุนแรงและเจตนาร้ายของกระหม่อมนั้น อาจมิใช่ความจริงทั้งหมด” จางกงกงนั้นเริ่มที่จะเว้นวรรคแล้วเริ่มกล่าวต่อด้วยเสียงเย็นเน้นย้ำสิ่งที่เขาพบแล้วพยายามที่จะชี้นำจางทังให้เห็นในสิ่งที่ตนเองนั้นต้องการให้เห็น

         “ท่านจางทังคงทราบดีว่า แม้แต่พระชายาไป๋หรั่น (ซูเฟย) ผู้สูงศักดิ์ ซึ่งเป็นสตรีที่มีสติปัญญาและคุณธรรมยังได้รับผลจากสุรานี้ จนถึงขั้นกล่าวว่า 'ลำพังแค่โรงเตี๊ยมชิงหมิงก็แทบจะเป็นภพเซียนอยู่แล้ว' และยังเพ้อว่า 'เข้าวังหลวงไปแล้ว ประเดี๋ยวเปิ่นกงก็ได้กลายเป็นนางอัปสรจริง ๆ' หรือแม้แต่บอกว่า 'จริงหรือลวง... เริ่มแยกยากขึ้นทุกทีแล้ว' หากแม้แต่พระชายาผู้มีวุฒิภาวะยังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของภาพหลอนและอาการเพ้อฝันเช่นนี้ หนานหลินหยาที่เป็นเพียงหญิงสาวอ่อนประสบการณ์ ย่อมมิอาจต้านทานฤทธิ์ของสุรานี้ได้ทั้งหมด เป็นไปได้ยิ่งกว่าที่นางจะตีความคำพูดที่กระหม่อมอาจเผลอเอ่ยออกไปภายใต้ฤทธิ์สุรา ว่าเป็นการข่มขู่หรือมีเจตนาร้าย ทั้งที่กระหม่อมเพียงแต่ต้องการสั่งสอน หรือชี้นำนางเท่านั้น”

         “คำกล่าวของนางที่ว่ากระหม่อมต้องการเห็นนาง 'แตกสลาย แหลกละเอียด' หรือ 'ชอบนางยามน้ำตาไหล' นั้น อาจเป็นเพียงภาพหลอน หรือการตีความอันบิดเบือน ซึ่งเป็นผลจากฤทธิ์ของ 'เซียนเมามาย' ที่ทำให้นางมองเห็นสิ่งผิดไปจากความเป็นจริง กระหม่อมยังคงยืนยันว่า กระหม่อมมิได้มีเจตนาร้ายต่อนาง และการที่นางลงมือทำร้ายร่างกายกระหม่อมนั้น เป็นการกระทำที่เกิดจากการเข้าใจผิด หรืออาจเป็นเพราะนางอยู่ในสภาพที่ไม่ปกติอันเนื่องมาจากฤทธิ์สุราที่นางนำมามอบให้กระหม่อมเอง” จางทังเงียบฟังคำกล่าวที่ร้อยเรียงด้วยความระมัดระวังอย่างเจนจัดของจางกงกงจนจบ พลางกวาดตามองทั่วห้องบัลลังก์พิพากษาอย่างเนิบช้า ก่อนจะวางไม้เคาะลงบนแท่นอีกครั้ง เสียง "เป๊าะ" ดังขึ้นเหมือนสัญญาณเปิดม่านฉากใหม่ในมหาอุปรากรที่ไร้บทเขียน

         เขาหันมาหาหนานหลินหยา ดวงตาของใต้เท้าจางทังนั้นเยือกเย็น เฉียบขาด และแฝงไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่จำเป็นต้องเปล่งออกเป็นถ้อยคำ ทว่าสายตานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกระบี่ที่กำลังค่อย ๆ เลาะผ้าคลุมของความจริงออกทีละชั้น

          "หนาน หลินหยา" น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นและนิ่งเรียบ "เจ้าฟังคำให้การของใต้เท้าจางกงกงแล้ว... เขาอ้างว่าเหตุการณ์ในคืนนั้น อาจเป็นเพียงผลจากฤทธิ์สุรา ทั้งต่อตนเอง และต่อเจ้า เขายังกล่าวอ้างว่า เจ้าอาจเห็นภาพหลอน ตีความผิด หรืออาจอยู่ในสภาวะอารมณ์ไม่ปกติ จนคิดว่าเขา...ต้องการให้เจ้าแตกสลาย หรือร้องไห้ทั้งที่จริงมิได้มีเจตนาเช่นนั้น" จางทังโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ลมหายใจของทั้งห้องแทบหยุดลงเมื่อถ้อยคำต่อไปเอ่ยขึ้นช้า ๆ

         “ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง... ในคืนวันนั้น เจ้าเห็นและได้ยินสิ่งใด? มีสิ่งใดบ่งชี้ได้ว่า คำพูดนั้นไม่ใช่เพียงภาพฝัน? และเหตุใดเจ้าจึงมั่นใจนักว่า สิ่งที่เจ้าประสบ...คือความจริง มิใช่ภาพหลอนหรือความรู้สึกอันเลื่อนลอย?” บรรยากาศในห้องพิพากษาแน่นขนัดด้วยความกดดันที่ไม่มีเสียง เสมือนอากาศกลายเป็นน้ำหนักที่กดลงบนบ่า ทุกสายตาหันไปที่หญิงสาวเพียงผู้เดียว... ผู้ที่เดินเข้ามาในฐานะจำเลย ทว่ากลับกลายเป็นผู้ที่อาจเปลี่ยนสมดุลชีวิตของตนเอง

         สายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างไม้ไผ่ของตำหนักพิพากษา เงาของผ้าม่านสีครามสะท้อนแสงอ่อน ๆ ของยามสาย ลู่ไหวดุจคลื่นน้ำ เมื่อเสียงของหญิงสาวผู้ยืนนิ่งอยู่กลางห้องเปล่งออกมาอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ ดวงตาของนางไม่ไหวระริก ไม่มีร่องรอยของการลังเลหรือหวาดหวั่น มีเพียงเปลวเพลิงดื้อดึงที่ลุกโชนอยู่ลึกในดวงเนตร

          “ใต้เท้าจางทัง… ข้าน้อยหนานหลินหยา ขอกล่าวให้ชัด ณ ที่นี้” นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคมสวยสบกับสายตาท่านเปากลางวังโดยมิหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย “ในคืนนั้น ข้าไม่ได้แตะต้องสุราเซียนเมามายแม้แต่เพียงปลายนิ้วจุ่ม ข้าเพียงแต่นำมันมามอบแด่ใต้เท้าจางกงกง ด้วยความเคารพและหวังดี ตลอดคืน ข้าดื่มเพียงยาน้ำต้มสมุนไพร และน้ำอุ่น ซึ่งหมอหลวง รวมถึงหมอของใต้เท้าจางเองก็เป็นพยานได้ ว่าร่างกายข้าในยามนั้นอ่อนแอยิ่งนัก” น้ำเสียงของนางหนักแน่น เรียบแต่ไม่เย็นชา เงียบสงบแต่ไม่อ่อนแอดุจคนที่ผ่านการชั่งใจมาแล้วนับร้อยครา ดุจคนที่ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินตรงเข้าไปในเพลิง เพื่อแลกกับความจริงเพียงคำเดียว

           “หากใต้เท้ายังเคลือบแคลงสงสัยว่าข้าเพ้อเจ้อไปเอง ข้าใคร่ขอให้ท่านนำจอกสุรานั้นมาตรวจสอบเสียบัดนี้ หากจอกนั้นยังไม่ถูกทำลายหรือสลับเปลี่ยน ท่านจะเห็นได้เองว่า ไม่มีร่องรอยของริมฝีปากข้าบนมันแม้แต่น้อย คนเดียวที่ดื่มมันคือตัวใต้เท้าจางกงกง ส่วนข้า มีสติครบถ้วนทุกขณะจิต ข้าได้ยินทุกคำ ได้เห็นทุกสายตา และข้าไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องสร้างภาพลวง หรือตีความผิด หากข้าอยากจะหนี ข้าย่อมไม่ยอมเผชิญหน้ากับศาลนี้แต่แรก” นางสูดลมหายใจเข้าลึก แต่ไม่ใช่เพื่อกลั้นความกลัว หากเพื่อกดแรงเต้นของหัวใจที่ดังเพียงเพราะความจริงกำลังจะระเบิดออกเป็นเสียง

         “ข้าทำมัน… ด้วยความเครียดที่บีบคั้นมานับสิบวัน ไม่ใช่ภาพหลอน ไม่ใช่ภาพฝัน ไม่ใช่ฤทธิ์สุรา และมิใช่การวาดฝันอันเพ้อเจ้อที่ใครบางคนจะอ้างว่าเป็นผลจาก ‘เซียนเมามาย’ หากข้าโกหก… จอกเหล้านั้นจะเป็นพยาน หากข้าเพ้อ… หมอทั้งสองจะเป็นผู้ชี้ แต่หากข้าพูดความจริง ท่าน… ก็จะเป็นคนพิจารณาว่าข้าพูดความจริงหรือไม่จากการตัดสิน”

         เมื่อคำพูดสุดท้ายจบลง ทั้งห้องก็เงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของเหล่าขุนนางและขันทีที่เริ่มถี่ขึ้นเพียงเล็กน้อย จางทังไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ดวงตาเขาจ้องมองหลินหยาอย่างนิ่งงัน ราวกับกำลังตรึงภาพของนางไว้ในความทรงจำ


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทังหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จางกงกงหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


LinYa โพสต์ 2025-6-27 14:18:18

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-27 14:19

https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png
วันที่ 27 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น. ณ ถนนสิบลี้ กรมราชทัณฑ์

         ใต้แสงอ่อนของโคมทองที่ส่องเหนือศาลา จอกสุราซึ่งถูกนำเข้ามาด้วยผ้าขาวสะอาดบรรจงห่อหุ้ม ราวกับมันคือศีรษะของอาชญากรที่กำลังจะถูกประจาน ความเงียบโรยตัวลงในห้องพิพากษาราวหิมะที่กำลังเริ่มตกกลางเหมันต์ ทุกสายตาจับจ้องไปยังถาดที่เจ้าหน้าที่ถือเข้ามาอย่างมั่นคงเว้นเสียแต่เพียงคนเดียว..คือจางกงกง

         เขานั่งนิ่งราวกับรูปสลักในศาลาบูชา สีหน้าไม่เปลี่ยนแปร ไม่สะท้านแม้ปลายเส้นคิ้ว แม้ขอบตาจะกะพริบช้ากว่าปกติไปครึ่งจังหวะ ริมฝีปากซีดที่มักแต้มรอยยิ้มเย็นชา กลับปิดสนิทอย่างสมบูรณ์ไร้ร่องรอยของอารมณ์ใด ๆ นี่คือสีหน้าของผู้ที่เตรียมพร้อมมาหลายวัน เพื่อรอเพียงชั่วขณะนี้ เมื่อจอกสุราถูกวางลงบนโต๊ะไม้จันทน์กลางศาล ด้วยความระมัดระวังจากมือของเจ้าหน้าที่ตรวจราชการ อากาศรอบตัวกลับเย็นเยียบลงอย่างประหลาด ทั้งที่ยามเที่ยงใกล้จะมาถึง

         จางกงกงไม่ยอมหันมองทันที ทว่าเพียงพริบตาเดียว เขาก็เหลือบมองจอกนั้นอย่างเงียบเชียบ ดวงตาดำสนิทเคลื่อนไปเพียงครู่เดียว พอเพียงแค่จะยืนยันว่า ‘ใช่ มันคือจอกเดียวกัน’ ที่เขาได้ส่งต่อให้นางกำนัลอีกคนรับช่วงต่อในค่ำคืนนั้น ขาคิดเยาะเย้ยในใจ ขณะนิ้วเรียวยาวที่วางอยู่บนตักเกร็งเล็กน้อยไม่ใช่จากความกลัว แต่จากแรงกดดันที่เตรียมจะพลิกกลับสถานการณ์ และในวันนี้ หากมีใครตรวจสอบ ไม่ว่าร่องรอยริมฝีปากจะเป็นของใคร ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันได้ว่านั่นไม่ใช่ของหลินหยา เพราะจอกสุรานั้นผ่านริมฝีปากของผู้หญิงคนอื่นไปแล้วร่องรอยนั้น กลายเป็นหลักฐานที่ ‘อาจ’ ใช่ หรือ ‘อาจ’ ไม่ใช่ ได้ในเวลาเดียวกัน

         จอกสุราทรงกลมบาง เรียบลื่นราวเคลือบหยก ขอบปากจอกยังมีคราบสุราบางเบาเกาะอยู่ราวหยาดน้ำค้างที่เกาะกลีบดอกไม้ในรุ่งอรุณ จางทังเอียงศีรษะเพ่งมอง หยิบผ้าเนื้อละเอียดจากแขนเสื้อขึ้นเช็ดขอบจอกเบา ๆ พลางเหลือบดูความเงาของผิวเคลือบที่ควรจะสะท้อนรอยสัมผัสได้ชัดเจนหากไม่ถูกใช้ซ้ำแต่น่าเสียดาย ร่องรอยริมฝีปากใด ๆ กลับคล้ายมี...แต่ไม่ชัดเจน ไม่มีความโค้งเฉพาะ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว เหมือนกับจอกนี้...ถูกใครบางคนดื่มไปแล้วจริง ๆ อย่างไรอย่างนั้น เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใดออกมาให้เห็นเด่นชัดนัก นอกจากเพียงแค่ถอนหายใจเบา ๆ

         จางทังเอ่ยเรียบชัดอย่างมิได้ลำเอียงหรือเร่งเร้า “หนาน หลินหยา เจ้ากล่าวว่าจอกสุรานี้จะไม่มีร่องรอยริมฝีปากของเจ้าเลยแม้แต่น้อย ทว่าเมื่อข้าตรวจสอบแล้ว จอกนี้มีลักษณะที่บ่งบอกว่าได้ถูกดื่มไปแล้ว และมิได้มีร่องรอยริมฝีปากที่สามารถยืนยันคำพูดของเจ้าได้อย่างชัดเจน เจ้าจะอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างไร?”

         หญิงสาวผู้ยืนอยู่ใต้เงาเสาหินสูงนั่นขยับริมฝีปาก ดวงตาแม้คล้ำล้าแต่กลับไม่สั่นไหว นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าสิ่งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเจ้าค่ะ” เสียงนางแผ่วเบาแต่หนักแน่น “ข้าแน่ใจว่าข้ามิได้แตะจอกนั้น ข้าพูดออกมาด้วยความมั่นใจเพราะรู้ว่าตนเองทำสิ่งใดหากวันนี้หลักฐานกลับถูกเปลี่ยนแปลง ข้าก็มิอาจแก้ไขได้ เว้นแต่ท่านจางทังจะเห็นถึงความผิดแปลกของมันด้วยเช่นกัน”

         จางทังพยักหน้าเบา ๆ แต่ไม่ได้เอ่ยรับคำใด ดวงตาคมกริบของเขากลับหันไปยังบุรุษอีกคนที่นั่งอย่างสำรวมด้านข้างแท่นในตำแหน่งผู้ร้องทุกข์ “ใต้เท้าจางกงกง” จางทังเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงราบเรียบแต่เฉียบเย็นแทรกผ่านบรรยากาศเงียบงัน “ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอกสุรานี้หรือไม่?”

         จางกงกงยกสายตาขึ้นจากตำแหน่งเดิม มองสบตาผู้พิพากษาหนุ่มด้วยแววตาที่อ่านยาก เขาไม่พูดในทันที ทว่ายกมือซ้ายขึ้นเลื่อนชายแขนเสื้อลงอย่างเรียบร้อย พริบตานั้น รอยยิ้มบางเฉียบก็ผุดขึ้นมุมปาก เปล่งวาจาด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมน่าฟัง ทว่าภายใต้รอยยิ้มบาง ๆ ที่ประดับริมฝีปากกลับคล้ายแฝงรอยเย้ยหยันที่ยากเก็บซ่อน

         “เรียนใต้เท้าจางทัง กระหม่อมมิได้ทำการอันใดกับจอกสุรานั้นเลยขอรับ เมื่อแม่นางหลินหยาได้มอบสุราให้กระหม่อม กระหม่อมก็ดื่มมันในยามนั้น มิได้มีเจตนาจะให้ผู้อื่นดื่มแทน หรือทำลายหลักฐานใด ๆ คำให้การของนาง… คงเป็นไปตามที่กระหม่อมได้เคยกล่าวไว้แต่แรก ว่า นางอาจอยู่ภายใต้อิทธิพลของภาพหลอน หรือความเข้าใจผิด อันเนื่องมาจากความเครียดก็เป็นได้ผู้หญิงยามตกอยู่ในภาวะเช่นนั้น มักจะมองเห็นเงาเป็นปีศาจเงียบงัน และตีความเมฆหมอกให้กลายเป็นมีดมีคมเสมอ”

         เขาโค้งศีรษะลงอย่างสุภาพ ราวกับกล่าวจบเพียงเพื่อให้ผู้ฟังเห็นว่า ‘เขาเป็นผู้ให้อภัย’ มากกว่าจะเป็น ‘ผู้ต้องสงสัย’ แต่จางทังหาใช่คนที่ถูกคำพูดอ่อนหวานหรือใบหน้าเยือกเย็นล่อลวงได้ง่าย แม้หลักฐานในมือจะเบาเสียจนไม่อาจเอาผิดใครได้ทันที เขาก็ยังจ้องมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยดวงตาที่ราวกับสามารถเจาะผ่านม่านน้ำแข็งนั้นลงไปถึงเนื้อแท้ในอก เขาเงียบไปอึดใจใหญ่ก่อนจะยกไม้กระบองพิพากษาขึ้นแล้วเคาะลงบนโต๊ะเสียงดังกังวาน เสียงนั้นทำให้บรรยากาศทั้งห้องขึงขังขึ้นอย่างฉับพลัน

         “ด้วยคำให้การของพยานและหลักฐานที่ปรากฏในวันนี้ ยังคงมีประเด็นที่คลุมเครือ และข้อเท็จจริงที่ต้องสืบหาเพิ่มเติม เพื่อให้ความยุติธรรมปรากฏอย่างกระจ่างแจ้งและปราศจากข้อกังขา กระหม่อมจึงขอ เลื่อนการไต่สวนคดีนี้ออกไปโดยไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการรวบรวมหลักฐานและพยานที่เพียงพอต่อการตัดสิน” เขาหันไปทางเหล่าทหารที่ยืนเรียงรายอย่างเคร่งครัด

      “หนานหลินหยา ให้ควบคุมตัวไว้ในคุกหลวงอย่างเคร่งครัดตามเดิม และดูแลสภาพร่างกายจิตใจของนางให้ดี ห้ามผู้ใดเข้าเยี่ยมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกระหม่อม” เสียงนั้นแม้จะราบเรียบแต่หนักแน่นราวกับตัดสินโทษประหาร เพื่อส่งสารให้ชัดเจน ว่าแม้ศาลยังไม่ตัดสิน แต่นางคือผู้ที่ศาล ต้องปกป้อง เขาหันกลับไปยังจางกงกงอีกครั้ง

         “สำหรับใต้เท้าจางกงกง ในฐานะผู้ร้องทุกข์ ท่านยังคงมีสิทธิ์และหน้าที่ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ศาล หากพบหลักฐานหรือพยานอื่นใด โปรดแจ้งต่อกรมราชทัณฑ์ทันที อย่าได้ลืมว่า แม้คำของท่านจะได้รับการรับฟัง ทว่า ทุกคำของท่าน ก็อยู่ใต้การพินิจของความยุติธรรม”

         เมื่อคำประกาศสุดท้ายนั้นจบลง ทหารสองนายก็เดินเข้ามาประกบหลินหยาอย่างเงียบเชียบ หญิงสาวผู้ซูบซีดแต่ดวงตายังมีประกาย ไม่ได้มองผู้ใดอีก นางก้าวเท้าช้า ๆ ตามแรงนำของนายทหารแผ่นหลังนั้นยังคงตั้งตรง ราวกับกล่าวว่า นางจะไม่พ่ายแพ้แก่เล่ห์กล แม้มือเปล่าและเปลือยใจ

         ขณะที่เงาของนางเลือนหายไปจากห้องพิพากษา จางทังก็นั่งตรงที่เดิม พลันก็หันหลังเดินออกจากศาลพร้อมบันทึกในมือ เขาไม่ได้พูดอะไรอีก หากแต่ในใจกลับก่อไฟบางอย่างขึ้นมาแล้ว ไฟที่พร้อมแผดเผาผู้ใดก็ตามที่หลบซ่อนอยู่เบื้องหลังกลิ่นหอมของสุราและคำพูดที่แต่งกลิ่นให้หอมหวาน…เพื่อครอบงำความจริงให้หายไปจากแสงแดด

         เพลานั้น บนระเบียงยาวหน้าศาลาว่าความ เสียงฝีเท้ากองทหารราชองครักษ์ที่พาหลินหยาออกจากห้องพิพากษากระทบพื้นหินลายเงาอย่างเย็นเยียบ แสงแดดบ่ายส่องลอดชายผ้าโปร่งพัดพลิ้วตามกระแสลมเฉื่อยเย็น แต่ไม่อาจทำให้บรรยากาศตึงเครียดจางลงได้แม้แต่น้อย หลินหยาเดินอย่างเงียบง่าย เสียงหัวใจที่เต้นต้านความเงียบ แต่ก่อนที่ฝีเท้านางจะพ้นชายกำแพงของกรมด้านทิศตะวันตกเงาสีเข้มรูปหนึ่งกลับปรากฏขึ้นเสียก่อน

         จางกงกง เขาก็ออกมาจากห้องนั้นด้วยเช่นเดียวกัน ร่างในอาภรณ์ขันทีสีเข้มยืนตรงอย่างไร้รอยร้าว ท่าทางสงบนิ่ง ดุจหินแกรนิตที่ถูกฝนมากลางสายลม นั่นคือจางกงกงผู้ซึ่งไม่มีใครแน่ใจว่าเขาเป็นเหยื่อ หรือผู้บงการในฉากละครของวันนี้ สายตาทั้งสองคู่สบประสานกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในชั่วขณะสั้น ๆ ความเงียบที่กดทับทุกอย่างพลันราวกับแยกเสียงอื่นออกไปหมดสิ้น เหลือเพียงแรงสะท้อนของความทรงจำ ความเกลียดชัง และ... อะไรบางอย่างที่ไม่อาจเรียกชื่อได้

         ริมฝีปากจางกงกงกระตุกขึ้นเล็กน้อย มุมปากนั้นคล้ายจะเยาะเย้ยแต่ไร้เสียงหัวเราะ น้ำเสียงของเขาเย็นจนเหมือนลมจากปล่องน้ำแข็ง “คิดถึงหน้าข้าหรือ?”

         หลินหยายังคงเดินหน้า ราวกับตั้งใจจะก้าวต่อไป หากแต่กลับหยุดฝีเท้าลงเพียงเสี้ยวลมหายใจ นางเอียงคอเล็กน้อย ยกคางขึ้นช้า ๆ ดวงตาคู่นั้นแม้ซีดหม่นเพราะความอ่อนล้า แต่ยังคงความดื้อรั้นและเฉียบคมที่เขาเคยรู้จักดี “ข้ามิได้คิดถึงหน้าท่าน...” เสียงนางเอื้อนเอ่ยเรียบเรื่อย แต่หอบหืดอย่างมีกำลัง “...ท่านเป็นคนบอกข้าว่า อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก แต่สิ่งที่ท่านทำ... กลับเป็นการบังคับให้ข้าต้องพบหน้าท่านทุกคราไม่ว่าข้าจะอยู่แห่งหนใด”

         “พิจารณาตัวเองเถิดใต้เท้า ท่านแน่ใจแล้วหรือไม่ว่าท่านไม่อยากเห็นใบหน้าของข้า” คำพูดนั้นไม่ใช่แค่คำท้าทาย แต่คือเข็มทิ่มแทงลงไปตรงจุดที่คนเช่นจางกงกงเฝ้าหลีกเลี่ยงนัก นางรู้... ว่าเขาไม่เคยมองหน้านางเฉย ๆ หากไม่รู้สึกอะไรเลย นางรู้... ว่าทุกการพบกันมิใช่เพียง 'ความบังเอิญ' แต่เป็น 'ความตั้งใจ'

         จางกงกงชะงัก เพียงเล็กน้อย แต่ในโลกที่เขาไม่เคยปล่อยให้ตนแสดงความลังเล เพียงหนึ่งก้าวนั้นก็ใหญ่เกินพอ เขาแค่นเสียงเบา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ “เจ้ายังกล้าพูดวาจาท้าทายเช่นนี้ ทั้งที่ตัวเองถูกตรวนลากขึ้นศาลด้วยความผิดอุกฉกรรจ์อย่างนั้นหรือ?”

         “ข้าไม่ได้ท้าทาย” หลินหยาตอบกลับทันควัน เสียงเธอเจือไอสั่นบาง ๆ “ข้าเพียงพูดความจริง... และถ้าความจริงนั้นมันทำให้ท่านเจ็บนัก ข้าก็ขอให้มันเจ็บอยู่เช่นนั้นต่อไป” นางพูดเช่นนั้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นางจะหันกลังกลับเดินตามเหล่าทหารที่คุมตัว ปล่อยให้เขาเห็นเพียงแผ่นหลังของนางเพียงเท่านั้น


https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png

@Admin

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่อื่น ๆ: -
รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทังหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จางกงกงหัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้มโบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม


LinYa โพสต์ 2025-6-28 17:19:09

<span id="docs-internal-guid-7f8c18a7-7fff-ea71-3f93-5d8348b20a40"><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png" width="500" _height="57" border="0"><font face="Sarabun" style="" size="3"></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="color: rgb(0, 0, 0); background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" size="3"><br></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" color="#4169e1" size="4"><b style="">วันที่ 28 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</b></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" style="" color="#4169e1" size="4"><b style="">ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น. ณ ถนนสิบลี้ กรมราชทัณฑ์</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3" style="">         ห้องไต่สวนของกรมราชทัณฑ์ยังคงเย็นเยียบด้วยกลิ่นของอำนาจและความเงียบที่เหมือนพัดพาจิตใจให้เคว้งคว้าง เหนือบัลลังก์ของตำแหน่งถิงเว่ย ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมแฝงแววคมเฉียบอย่างจางทังนั่งนิ่งสงบ เสื้อคลุมขุนนางของเขาถูกรีดเรียบไร้ที่ติ ลายพยัคฆ์เหล็กบนอกยังคงชี้ตรงเป็นนัยถึงความเป็นธรรมอย่างแน่วแน่ แววตาของเขาจับจ้องลงเบื้องล่างมิใช่ด้วยความลำเอียง หากแต่ประเมินทุกผู้ทุกคนที่ปรากฏอยู่ในที่แห่งนี้</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบา ๆ ตามด้วยเสียงขยับของประตูไม้สนที่เปิดออกช้า ๆ ร่างของ หนาน หลินหยา ถูกนำตัวเข้ามาอีกครั้ง ร่างบางในชุดนักโทษสีขาวที่สะอาดเกินกว่าที่ควรมี ผิวของนางดูซีดลงกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ริมฝีปากยังคงมีสีแต่งแต้มอยู่บ้างหากเพราะไอร้อนภายในร่างกาย นางเดินตรงอย่างไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใด สายตาทหารหรือพยานไม่มีผลต่อนาง ข้อมือเล็กนั้นไม่มีโซ่ตรวน นั้นเพราะผู้คุมตัวนางรู้ดีว่านางไม่คิดหลบหนีเลยแม้แต่ครั้งเดียว..เส้นผมประบ่าของนางปล่อยอ่อนลงข้างแก้มนวลงาม ยิ่งขับให้ใบหน้างามนั้นเฉียบบางดูมีชีวิตชีวาขึ้น แม้จางทังจะเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวอย่างคนไม่สบาย แต่ในแววตาของหลินหยากลับมีประกายบางอย่าง..บางสิ่งที่ยังไม่ยอมจำนนง่าย ๆ&nbsp;</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ในห้องนั้นเงียบเสียงจนได้ยินเสียงโบกพัดเบา ๆ ของใครคนหนึ่ง…</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">จางกงกง เจ้าทุกข์ผู้กล่าวหาผู้นั่งอยู่ทางซ้ายของห้อง โบกพักผ้าไหมสีดำลายเมฆน้ำหมึกช้า ๆ ดั่งคนที่ไม่มีอะไรให้เร่งรีบ สีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับคนดูโชว์ที่รู้ตอนจบของละครแล้ว แต่ในใจของเขานั้น..กลับรู้สึกร้อนวูบขึ้นให้คิดสงสัย เหตุใด..จางทังจึงเรียงไต่สวนอีกครั้งภายในวันเดียวเช่นนี้..เขาคิดโดยที่สายตาไม่หลุดไปจากบัลลังค์สูง นี่มิใช่ระเบียบปกติ คดีเช่นนี้มักเลื่อนนานหลายวันกว่าจะกลับมาสืบสวนอีกครั้งเพราะหาหลักฐานไม่เจอสักที แล้วเหตุใดชายตรงหน้าถึงมาเร็วเพียงนี้..มีไม้อะไรในใจเช่นนั้นหรือ?&nbsp;</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ก่อนที่ขันทีหนุ่มจะเหลือบมองหลินหยาเพียงแววเดียว พอจะสังเหตุเห็นว่านางดูดีกว่าที่ควรเป็นในคุกหลวง คงจากอาหารดี เบาะนอนนุ่มและเสื้อผ้าสะอาด แม้จะซ่อนสายตาได้แต่สำหรับจางกงกงที่ผ่านการชิงไหวชิงพริบมานักต่อนัก เขาย่อมรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดจากน้ำมือผู้ใด..หรือว่า?..จางกงกงนั้นวางพัดในมือช้า ๆ ..เจ้าจะวางหมากหลอกให้ข้าเพื่อวางกับดักเช่นนั้นหรือไง?</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ขณะนั้นเอง จางทังก็ขยับตัวเบา ๆ บนบัลลังก์แล้วเคาะไม้เปิดศาลอีกครั้ง เสียงนั้นสะท้อนชัดไปทั่วห้องไต่สวน <b><font color="#8b0000">“วันนี้ ข้าจงถิงเว่ย มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมโดยไม่อาจรอได้” </font></b>น้ำเสียงของจางทังหนักแน่น ไร้ช่องโหว่ <b><font color="#8b0000">“มีหลักฐานบางประการที่เพิ่งถูกส่งถึงมือข้า และการชะลอการไต่สวนออกไปอาจเป็นการปล่อยให้เบาะแสสำคัญสูญหาย” </font></b>เสียงไม้เคาะของถิงเว่ยจางทังดังสะท้อนก้องขึ้นในห้องไต่สวนครั้งที่สอง เสียงนั้นแม้ไม่ได้ดังมากนัก แต่ก้องลึกจนคนทั้งห้องต้องหยุดหายใจชั่วขณะ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         <b><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"เปิดศาล" </font></b>เขากล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่ง หยิบม้วนผ้าไหมขึ้นดูอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อโดยไม่เว้นจังหวะ <b><font color="#8b0000">"เบิกตัวพยาน"</font></b> ประตูไม้เปิดออกเบา ๆ ตามด้วยเสียงฝีเท้าเร่งเร้าแต่หนักแน่น นางกำนัลร่างผอมบางในชุดคลุมเรียบสีขาวของฝ่ายครัวหลวงก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีประหม่า มือทั้งสองประสานแน่นอย่างไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน หัวคำนับลึกก่อนจะยืนตัวตรงแต่ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น โดยเฉพาะชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถิงเว่ย และจางกงกงซึ่งกำลังโบกพัดอยู่เงียบ ๆ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"เจ้าจำได้หรือไม่"</font></b> จางทังเอ่ยขึ้น เสียงของเขาไม่ได้ดัง แต่แฝงด้วยแรงกดดันอันเย็นเยียบ<b><font color="#8b0000"> "เช้าวันนี้ เจ้าสารภาพอะไรต่อหน้าข้า"</font></b> ดวงตาของนางกำนัลนั้นเบิกโพลงเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ หยุดหายใจแล้วพยักหน้าเบา ๆ นางหลุบตามองพื้น แล้วยกมือขึ้นคำนับใหม่เสียงสั่นพร่า <b><font color="#006400">“เจ้าค่ะใต้เท้า...ข้าจำได้...ข้าจะเล่าตามจริงทุกประการเจ้าค่ะ..."</font></b> เสียงหายใจทั่วทั้งห้องนิ่งงันทันทีแม้กระทั่งพัดในมือของจางกงกงเองยังหยุดกลางอากาศ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">      <b><font color="#006400">   </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#006400">"หลังจากเหตุการณ์วันที่ 26 ที่แม่นางหลินหยาได้ทำร้ายจางกงกง...กระหม่อมได้รับคำสั่งจากใต้เท้าจางกงกง...ให้จัดสุราเหมือนกับที่ใช้ในคืนนั้น...เพื่อให้ผู้ตรวจสอบเห็นว่าจอกสุรานั้นไม่ได้มีอะไรผิดปกติ..."</font></b> เสียงนางกำนัลเริ่มสั่น มือกำแน่น ริมฝีปากที่ปริแตกแห้งผากเพราะความกลัวนั้นยังเอ่ยต่ออย่างทุลักทุเล <b><font color="#006400">"...จอกสุราที่นำมานั้น...ไม่ใช่ของจริงเจ้าค่ะ...ของจริงโดนทำลายไปแล้ว กระหม่อม...เป็นคนทำลายมันเอง...ตามคำสั่ง..."</font></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"เหตุใดเจ้าจึงยอม?" </font></b>จางทังถาม น้ำเสียงไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย แต่สายตาเฉียบคมกดจ้องจนหญิงสาวตัวสั่น</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#006400"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#006400">"...กระหม่อม...ได้รับเงินจากใต้เท้าจางกงกงเจ้าค่ะ..." </font></b>เสียงนั้นลดลงเป็นเสียงกระซิบแทบไม่ได้ยิน <b><font color="#006400">"ยี่สิบตำลึงทอง..."</font></b> ในห้องเกิดเสียงฮือเบา ๆ จากเหล่าทหารรักษาการณ์และเสนาขุนนางที่อยู่ร่วมฟังไต่สวน พัดในมือของจางกงกงพลิกกลับอีกด้าน เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง <b><font color="#8b0000">"เจ้ามีหลักฐานหรือไม่" </font></b>จางทังถามเรียบ ๆ <b><font color="#006400">"กระหม่อมมีเจ้าค่ะ..." </font></b>หญิงสาวตัวสั่นเทา หยิบถุงผ้าสีดำออกจากชายเสื้อ ยื่นออกไปเบื้องหน้า ในถุงนั้นมีตำลึงทองใหม่เอี่ยมเรียงแน่นอยู่</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">จางทังให้คนเดินเข้าไปตรวจสอบ ก่อนที่จะหันกลับมาแจ้งกับจางทัง <b><font color="#008080">“ตรวจสอบแล้ว เป็นจริงดั่งนางว่าขอรับท่าน”</font></b> จางทังรับถุงเงินนั้นแล้วพยักหน้าเบา ๆ เขาวางมันลงบนโต๊ะด้านหน้า แล้วหันไปทางจางกงกงเป็นครั้งแรก</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">      <b><font color="#8b0000">   </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"ใต้เท้าจางกงกง ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวไหม?"</font></b> ทุกสายตาในห้องหันขวับมองขันทีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งยังคงนั่งอย่างสง่างาม มือหนึ่งยังคงโบกพัดอย่างไม่เร่งร้อน แต่เพียงเสี้ยววินาที…ในดวงตานั้น มีแววตาสบของชายที่ไม่ใช่เหยื่อ ไม่ใช่นักโทษ และไม่ใช่คนสารภาพผิด…หากแต่คือเสือที่กำลังรอจังหวะกระโจน เขาแค่นเสียงเบา ๆ คล้ายหัวเราะในลำคอ มือเรียวลูบพัดลงอย่างช้า ๆ <b><font color="#a0522d">"ข้า...ขอใช้สิทธิ์เงียบในการตอบคำถาม” </font></b>เสียงของเขานิ่ง เยือกเย็น ราวกับกำแพงน้ำแข็ง แต่ยังคงมีประกายบางอย่างที่ยากจะอ่าน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ส่วนหลินหยา…ในขณะนั้น นางไม่ขยับแม้แต่น้อย แววตาของนางสงบนิ่งแต่เจือแววขำขัน เย้ยหยัน เสียงไม้เคาะศาลดังขึ้นอีกครั้งหนักแน่น เรียบคม ดังก้องไปทั่วห้องไต่สวนราวกับเป็นเสียงของอาญาสวรรค์ ถิงเว่ยจางทังลุกขึ้นยืนช้า ๆ แววตานิ่งขรึมไร้คลื่นอารมณ์ มือประสานอยู่เบื้องหน้าเสื้อคลุมขลิบเงิน เขากวาดสายตามองทุกผู้คนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ต้องหา ขุนนาง หรือแม้แต่ผู้ถือพัดผู้นั้นที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>"ขอประกาศคำตัดสินในคดีนี้"</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         <b><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"หนาน หลินหยา แม้เจ้าจะเป็นเพียงหญิงชาวบ้าน มิใช่ขุนนางผู้มีอำนาจ แต่กฎหมายแห่งแผ่นดินนี้ย่อมไม่แบ่งชั้นวรรณะ หากผู้ใดทำร้ายร่างกายขุนนางราชสำนัก ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายบ้านเมือง แต่เมื่อเจ้ารับสารภาพโดยไม่บิดเบือน และหลักฐานปรากฏว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอันเป็นภัย...ข้าจึงขอลดหย่อนโทษ โบย 50 ไม้"</font></b> เสียงของเขาดังออกมาชัดถ้อยชัดคำ ทุกถ้อยคำราวกับมีดคมที่เฉือนลงไปไม่ใช่เพียงในเนื้อกระดาษ แต่ในศักดิ์ศรีของผู้ที่ถูกเอ่ยนาม ไม่มีเสียงประท้วง ไม่มีเสียงโอดครวญ แม้แต่จากหลินหยาซึ่งยังคงนั่งนิ่ง มองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ริมฝีปากนั้นคล้ายคลี่ยิ้มบางเบา…ไม่ใช่เพราะความดีใจ แต่เพราะอย่างน้อย...ความจริงก็กำลังค่อย ๆ เผยออกมา</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงพึมพำเริ่มดังในหมู่ผู้ฟัง แต่จางทังหาได้ใส่ใจ เขาหันไปยังนางกำนัลที่คุกเข่าอยู่ตัวสั่นแทบล้มทั้งยืน <b><font color="#8b0000">"เจ้าคือผู้สมรู้ร่วมคิด ปกปิดความผิด ทำลายหลักฐาน และรับสินบน แม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสูง แต่ย่อมรู้ผิดชอบชั่วดี และเจ้าก็เลือกเส้นทางผิดเอง แต่เข้าสารภาพด้วยตนเอง ลดหย่อนโทษเช่นเดียวกัน โบย...50 ไม้ และปลดจากตำแหน่งนางกำนัลนับแต่วันนี้ กลับสู่ฐานะสามัญชน"</font></b> ถ้อยคำเด็ดขาดดังตัดความหวังใด ๆ ที่หลงเหลือ นางกำนัลร่ำไห้สะอึกสะอื้นก้มลงคำนับไม่หยุด</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">จางทังสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยนามสุดท้ายชื่อที่ทำให้ทั่วทั้งห้องเงียบงันดั่งถูกปิดผนึก <b><font color="#8b0000">“และท่านใต้เท้าจางกงกง”</font></b> เสียงพัดในมือจางกงกงหยุดเคลื่อนไหวในทันที&nbsp;</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         <b><font color="#8b0000"></font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>"ท่านคือจงฉางชื่อ ขันทีสูงสุดผู้มีอำนาจควบคุมผู้คนในวังหลังและรับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ท่านควรยึดมั่นในหน้าที่และความภักดีเป็นที่สุด แต่สิ่งที่ท่านทำ คือใช้ตำแหน่งและอำนาจในทางมิชอบ ท่านทราบดีว่าหากความผิดของเจ้าเมืองผานอวี้เป็นจริงดังว่า ท่านต้องเรียนให้ราชสำนักทราบความจริง ท่านควรรายงานหากตรวจสอบแล้วมันเป็นจริง แต่ท่านกลับเลือก ‘เก็บ’ ความนั้นไว้ แต่งเรื่องเสริมเติมแต่งเพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรอง ใช้เป็นหมากบนกระดานเล่นกับชีวิตของสตรีบริสุทธิ์"</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b><br></b></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;"><b><font color="#8b0000">         </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"ท่านยังข่มขู่ บีบบังคับหญิงผู้หนึ่งเข้าสู่วังหลังโดยไม่สมัครใจ กระทำการใส่ร้าย บิดเบือนความจริง ทำลายหลักฐาน และให้สินบนเพื่อปิดปาก นี่ไม่ใช่เพียง ‘ความผิดส่วนบุคคล’ แต่เป็น ‘ภัยต่อราชสำนัก’"</font></b> จางทังหยุดชั่วครู่ ก่อนประกาศด้วยเสียงแน่นหนัก ดั่งอาญาฟ้า<b><font color="#8b0000"> “ข้าจึงตัดสินให้ลงโทษ...โบย 100 ไม้ และจำคุกกักบริเวณเป็นเวลา...สามเดือนเต็ม"</font></b> ทุกเสียงในห้องหยุดนิ่ง แม้แต่ลมหายใจก็แทบจะไม่อาจเปล่งออกมา จางกงกงยังคงนั่งเงียบ แต่พัดในมือของเขาหยุดลงโดยไม่รู้ตัว</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">   <b><font color="#8b0000">      </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">"นี่คือคำตัดสินของถิงเว่ยผู้รักษาความยุติธรรมตามบัญชาสวรรค์ ไม่ว่าผู้ใดจะสูงส่งหรือไร้อำนาจ เมื่อยืนอยู่ใต้กฎหมาย ย่อมต้องเสมอภาค!"</font></b> เสียงไม้เคาะศาลครั้งสุดท้ายดังขึ้นดังก้องในห้อง เงียบงันราวกับสวรรค์ปิดหู เพื่อให้มนุษย์รับฟังความยุติธรรม ถิงเว่ยจางทัง...คือผู้ถือดุลกฎหมายสมชื่อ <b><i>ตุลาการพยัคฆ์เหล็ก&nbsp;</i></b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลังจากนั้นนายทหารก็เข้ามาทำหน้าที่เขาพาตัวผู้ต้องหาอย่างหลินหยาและนางกำนัลห้องเครื่องครัวไปนั่งราบกับพื้นไม้กลางศาล เป็นไม้กระดานที่เตรียมไว้อยู่แล้ว แล้วเริ่มทำการโบยอย่างรวดเร็วและรุนแรง เสียงเฆี่ยนของแส้ไม้ลงบนผืนหลังดังขึ้นเป็นจังหวะ แผ่นกระดานเรียบเย็นเฉียบแนบกับร่างของหญิงสาวที่นั่งราบอยู่โดยไร้เสียงร้องใดหลุดจากเรียวปาก หลินหยานิ่ง ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนหม่นซ่อนความเจ็บแสบไว้ในประกายแข็งกร้าว เธอกัดฟันแน่นทุกครั้งที่ไม้ลงกระทบแผ่นหลังเล็กที่ซีดขาวอยู่แล้วยิ่งดูเปราะบางกว่าเดิม ผ้าขาวบางของชุดนักโทษเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสีเข้มราวกับรอยตราบาปของระบบยุติธรรมที่เพิ่งจารึกลงบนผิวหนังของหญิงสาวที่ยังไม่ถึงสิบห้าปีเต็มดีด้วยซ้ำ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ไม้ที่สิบเส้นเลือดสีเขียวใต้ผิวหนังปูดขึ้นอีกครั้งแม้จะไม่มาก พิษในร่างกายเคลื่อนไหวตามแรงสั่นสะเทือน ความเจ็บปวดระคนกับความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วเรือนกาย ใบหน้าของหลินหยาซีดเผือด ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย แต่เธอยังคงนิ่งโดยไม่เปล่งเสียง นางกัดฟันอย่างอดทน ดวงตาเบิกกว้างทว่าเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น ปากเม้มแน่น เสี้ยวหนึ่งของเลือดสดเริ่มไหลออกจากจมูกอีกครั้งและหยดลงบนไม้กระดานอย่างเงียบงัน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ที่นั่งของเจ้าทุกข์ จางกงกงซึ่งควรพึงพอใจกับผลลัพธ์ เขากลับไม่อาจถอนสายตาจากหลินหยาที่นั่งอยู่กลางลานลงโทษได้เลย ความทรมานที่นางได้รับกลับมิได้ให้ความสะใจแก่เขาเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ใจของเขากลับเหมือนถูกบีบแน่นเสียจนต้องกำพัดแน่น หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นนางไร้เสียง ไร้คร่ำครวญแต่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวเงียบสงัดอย่างที่เขาไม่เคยเห็น เขาอยากจะขยับลุกขึ้น แต่พัดในมือกลับกลายเป็นสิ่งที่พันธนาการเขาไว้แทน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">บัลลังก์สูงสุดเบื้องหน้าคือถิงเว่ยจางทัง เขาไม่กล่าวคำใดออกมาในตอนแรก เพียงแต่นั่งนิ่งจ้องมองลงไปยังร่างของหลินหยาที่ค่อย ๆ ถูกทำโทษตามบัญชากฎหมาย เขาเห็นทุกอย่างเห็นเลือดที่ไหลจากจมูก เห็นริมฝีปากที่ไร้คำปริปาก เห็นความแน่วแน่ที่ยิ่งกว่าเพชร และเห็นความเงียบที่กู่ก้องไปทั่วทั้งห้อง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ผู้หญิงคนนี้…ไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยตัดสิน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ทหารคนหนึ่งขยับจะหยุด แต่จางทังกลับชูมือขึ้นให้ดำเนินต่อไป น้ำเสียงของเขายังสงบนิ่งดุจเกราะเหล็ก <b><font color="#8b0000">"สิบไม้แรกยังไม่พอสำหรับการสำนึก" </font></b>ทว่าลึกลงไปในนัยน์ตา...จางทังเองก็รู้ดี ว่าร่างนี้ สตรีผู้นี้ใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium; white-space-collapse: preserve;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">เขารู้ว่านางสู้เพื่อตัวเอง..แต่เพราะอะไรนางถึงกัดฟันฝืนขนาดนี้ ทั้งที่ร่างกายของนางกำลังสั่นสะท้านด้วยความทรมานเช่นนั้น แต่กลับไม่ยอมเปล่งเสียงแม้แต่คำเดียว ไม่ใช่เพราะเธอเข้มแข็งแต่เพราะเธอ </span><span style="background-color: transparent; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">เลือกแล้ว</span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"> ที่จะรับมันไว้ทั้งหมด</span></font></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงไม้ที่สิบสองกระทบแผ่นหลังของหลินหยายังไม่ทันจางจากความรู้สึกสะเทือนใจของทุกคนในลานศาล เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นตามแนวระเบียง ศีรษะของผู้คนในที่นั้นพลันหันมองตามแรงสะท้อนของบรรยากาศที่เปลี่ยนไปทันควัน <b><font color="#008080">“ขออนุญาติใต้เท้า” </font></b>มือของนายทหารยื่นออกไปแตะบ่าชุดไหมสีเข้มของผู้ชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในฐานะเจ้าทุกข์ จางกงกง แต่ยังไม่ทันจะได้สัมผัส ท่อนแขนของเขาก็ถูกสะบัดแรงเสียจนเสียหลักถอยหนึ่งก้าว จางกงกงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ชุดไหมสีดำขลิบเงินของขันทีผู้สูงศักดิ์พริ้วตามแรงลม ดวงตาเรียวยาวกวาดมองไปยังบัลลังก์ของถิงเว่ยด้วยแววตาที่พลันเปลี่ยนจากเย็นเฉียบเป็นคมกริบ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#a0522d">“บังอาจนัก!”</font></b> เขากล่าวเสียงต่ำ แต่น้ำเสียงเยือกเย็นเสียจนเหมือนมีน้ำแข็งไหลอยู่ในสายเลือด<b><font color="#a0522d"> “ข้าอยู่ในฐานะข้าราชบริพารของฝ่าบาท ตำแหน่งจงฉางชื่อไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะสั่งจิกสั่งใช้ได้ตามอำเภอใจ เช่นนั้นท่านคิดจะสำเร็จโทษข้า...ด้วยอำนาจอะไร?”</font></b> ห้องไต่สวนเงียบกริบ เหล่าทหารต่างลังเล ไม่กล้าขยับอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ทว่า...เสียงของจางทังก็ดังขึ้นในที่สุด</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#8b0000"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#8b0000">“อำนาจของกฎหมาย”</font></b> มั่นคง เย็นเฉียบ เรียบนิ่ง และคำประกาศดั่งระฆังศาลเจ้าในยามพิพากษา ดวงตาแหลมคมคู่นั้นของถิงเว่ยจางทังมองตรงไปยังอีกฝ่ายคนที่แม้จะเป็นขันที หากแต่เดินบนเส้นทางแห่งอำนาจราวกับขุนนางใหญ่</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">       <b><font color="#8b0000">    </font></b></span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>“ท่านทำผิดกลางแผ่นดินฮั่น ใช้อำนาจกดขี่ บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม หลอกใช้ราษฎร์ บีบบังคับให้หญิงสาวเข้าวัง และที่สำคัญ เจตนาใส่ร้ายโดยอาศัยฐานะตัวเอง หากข้าไม่กล้าตัดสินเพียงเพราะท่านมีตำแหน่งสูง ก็เท่ากับว่ากฎหมายบ้านเมืองเป็นเพียงคำลวงสำหรับราษฎร หากขุนนางทำผิดแล้วมิอาจถูกตัดสิน แล้วจะมีขือมีแปไว้เพื่ออะไร?”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b><br></b></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><b><font color="#8b0000"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="4">“เอาตัวไป!”</font></font></b></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium; white-space-collapse: preserve;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">เสียงตวาดนั้นเด็ดขาด ทันใดนั้นเหล่ามือปราบที่อยู่ภายในศาลก็รีบกรูกันเข้าหา คราวนี้ไม่มีความลังเล ทหารทั้งสองฝ่ายยื่นมือคว้าตัวจางกงกงไว้แน่น แม้เขาจะพยายามต้าน แต่ก็ถูกล็อกแขนทั้งสองข้างโดยไม่เปิดโอกาสให้ต่อรองอีก จางกงกงหันหน้าขึ้นมองบัลลังก์อีกครั้ง พัดดำในมือเขาร่วงหล่นลงพื้น ใบหน้าขาวจัดนั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของถิงเว่ย จางกงกงกัดฟันครั้งนี้ เขาเองก็ต้านไม่ไหว เพราะแม้จะเอ่ยนามฝ่าบาทออกมาได้...แต่ในศาลแห่งนี้ ไม่มีพระราชโองการ ไม่มีตราอนุญาตจากราชสำนัก เขาจึง </span><span style="background-color: transparent; font-style: italic; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><b>ไม่มีทางหนี</b></span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"> จากบทลงโทษที่ชอบธรรมนี้ได้เลย</span></font></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ขณะที่ร่างของจางกงกงถูกพาตัวโบยเช่นสตรีทั้งสองด้วยข้อหาเต็มแผ่นหลัง สีหน้าของจางทังยังคงเย็นเฉียบ เขารู้ว่าความยุติธรรมในวันนี้ยังไม่อาจทะลวงกำแพงแห่งอำนาจได้ทั้งหมด คงไม่อาจกักขังหรือกักบริเวณ 3 เดือนนั้นได้แน่แท้ แต่หากไม่เริ่มจากคนเช่นเขาแล้ว ใครจะกล้าเป็นต้นแบบให้กับระบบที่กำลังเน่าเฟะนี้อีกเล่า? ..อย่างน้อยที่สุด เด็กสาวคนนั้นที่ยังนั่งหายใจรวยรินอยู่กลางลานทรมานเธอจะไม่ถูกเหยียบซ้ำลงในดิน โดยที่ไม่มีใครลุกขึ้นมาพูดแทนอีกต่อไป</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เสียงหวดไม้ครั้งที่สามสิบดังขึ้นในจังหวะที่แผ่นหลังของหลินหยาเริ่มแอ่นเกร็ง ภายใต้ชุดนักโทษสีขาวสะอาดเปื้อนเลือด สีหน้าของนางขาวซีดแต่ดวงตากลับยังแน่วแน่ ปลายนิ้วมือที่สั่นระริกเกาะขอบไม้กระดานไว้แน่นราวกับยึดมั่นในอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครมองเห็นได้ ทว่าในขณะที่เสียงหวดไม้ครั้งที่ 31 กำลังจะฟาดลงมา…</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#000080">“ช้าก่อน”</font></b> น้ำเสียงเยือกเย็น ทุ้มต่ำ และทรงอำนาจดังกระแทกผนังอิฐหินของลานพิพากษาอย่างเฉียบขาด สะกดทั้งเหล่าทหาร มือโบย และผู้คนโดยรอบให้หยุดการเคลื่อนไหวโดยไม่ต้องอาศัยคำสั่งซ้ำสอง ทหารยามหน้าประตูลานไต่สวนเปิดทางให้โดยไม่ต้องมีผู้ใดเปล่งเสียงสั่ง ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นบุรุษในชุดสีน้ำเงินกรมท่าขลิบทองเดินก้าวเข้ามาอย่างหนักแน่น สัญลักษณ์หยกขาวสะท้อนแดดห้อยอยู่ตรงเอว บ่งชัดถึงสถานะอันสูงส่งเหนือผู้ใดในศาล</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เขี้ยวคมอสุรา หวยหนานหวาง หลิวอัน พระปิตุลาแห่งองค์จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ และหนึ่งในผู้ควบคุมกองกำลังชั้นสูงในราชสำนัก ผู้ที่มีเพียงชื่อก็สามารถสั่นคลอนขุนนางได้ทั้งแผ่นดิน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลิวอันก้าวเข้าสู่ใจกลางลานพิพากษาอย่างไม่ลดฝีเท้าแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวยาวใต้คิ้วคมกริบปรากฏแววเฉียบเย็นยิ่งกว่าหยกน้ำแข็ง พลันกวาดมองภาพเบื้องหน้า ร่างของหลินหยาที่คุกเข่าอยู่บนไม้กระดานแผ่นใหญ่ เสื้อขาวเปื้อนเลือด หายใจหอบถี่ ริมฝีปากเม้มแน่นไม่เอื้อนเอ่ยแม้คำเดียว และอีกด้าน...จางกงกงที่เพิ่งถูกโบยไปสิบไม้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเปลี่ยนสีจางแดง ริมฝีปากกัดแน่นข้างนางกำนัลที่ร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวด</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">          <b><font color="#000080"> </font></b></span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#000080">“ข้าขอใช้อำนาจของหวยหนานหวาง ขอให้ยุติการโบยลง ณ ชั่วคราว”</font></b> หลิวอันประกาศเสียงเรียบ ทุกคำออกมาจากริมฝีปากนั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้ผู้ฟังขนลุก ฝ่ามือแข็งกร้าวของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งจะยกขึ้นเป็นสัญญาณห้ามมือปราบที่กำลังโบยสตรีตัวเล็กอย่างหลินหยาอยู่ตรงนั้น หลิวอันก้าวขึ้นไปข้างกระดานโบยอย่างสง่างาม อำนาจที่แผ่ซ่านจากผู้เป็นพระปิตุลากลับกดทับบรรยากาศจนทั่วทั้งลานเงียบกริบ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">เขาโค้งกายคำนับเบื้องหน้าศาลอย่างมีมารยาท สมกับผู้ทรงคุณธรรมแม้จะอยู่ในวงศ์มังกร แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ดังกังวานไปทั่ว <b><font color="#000080">“โทษที่เหลือของแม่นางหนานผู้นี้...ข้าหลิวอัน จะขอรับไว้เอง” </font></b>คำกล่าวนั้นทำเอาทั้งศาลเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจตกตะลึงของทหารยามและผู้คนที่ล้อมรอบ บนบัลลังก์ถิงเว่ย จางทังที่กำลังจะสั่งให้ลงไม้ถัดไปถึงกับชะงัก สายตาเข้มข้นตวัดลงมายังบุรุษผู้กล้าประกาศรับโทษผู้นั้น</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">&nbsp;</font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3" color="#8b0000"><b>“หวยหนานหวาง...ท่านทราบดีหรือไม่ว่าท่านพูดสิ่งใดออกมา?”</b></font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b><font color="#000080">“ข้าย่อมทราบ”</font></b> หลิวอันตอบทันที น้ำเสียงแน่วแน่ ไม่สูงไม่ต่ำ<b><font color="#000080"> “หากผู้ใดเต็มใจรับโทษแทน หรือแบ่งเบาโทษครึ่งหนึ่งให้ผู้ถูกลงโทษ โดยไม่ได้ละเมิดกฎหมายของแผ่นดิน ข้าย่อมสามารถใช้สิทธินั้นได้ตามข้อบัญญัติในหมวดโทษปรับประจำนครหลวง” </font></b>กล่าวจบ หลิวอันก็ยืนอย่างมั่นคงในท่ามกลางทุกสายตา</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">จางทังที่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบตาลง ชั่งน้ำหนักอยู่เพียงชั่วขณะ เขายกมือขึ้นเป็นเชิงอนุญาต <b><font color="#8b0000">“เช่นนั้น...มือปราบ นำแม่นางหนานไปยังโรงหมอรักษาทันที อย่าให้ช้า ส่วนหวยหนานอ๋อง...เชิญท่านรับโทษอีกยี่สิบไม้ให้ครบถ้วนตามจำนวนที่ข้าตัดสิน” </font></b>เสียงรับคำดังพร้อมกันจากเหล่าทหารทันทีที่ถิงเว่ยจางทังออกคำสั่ง</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยา ที่แม้ร่างกายอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงกับพื้นเมื่อถูกพยุงออกจากกระดาน ตอนแรกนางไม่เข้าใจเพราะดวงตาพร่ามัว ว่าเห็นใดหวยหนานอ๋องถึงมาช่วยนาง แต่เมื่อนางกลับเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาที่ขุ่นมัวจากพิษในร่างและความเจ็บปวดกลับเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเงาของบุรุษตรงหน้าเดินไปคุกเข่าบนกระดานโบยแทนนาง นั่น...คือชายที่นางเคยจับมือไว้ในร้านเต้าหู้...ชายที่นางเคยร้องไห้ใส่...ชายที่นางเคยนึกว่าเป็นแค่คนขายเต้าหู้ขี้เก๊กเงียบ ๆ คนนั้น…</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><i><b><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลิวอัน?..</font></b></i></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><i><b><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">พระปิตุลาในองค์จักรพรรดิ??</font></b></i></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><i><b><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หวยหนานหวาง??!!!</font></b></i></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">นางแทบไม่อยากเชื่อในสายตาตนเอง ใบหน้าอันซีดขาวเปื้อนเลือดของนางเอียงเล็กน้อยเพื่อสบดวงตาคู่นั้นที่หันมามอง…เยือกเย็นนัก ทว่าในความเยือกเย็นนั้นกลับไม่เคยทอดทิ้งสายตาของนางเลยแม้แต่วินาทีเดียว <b><font color="#dda0dd">“เหตุใด...ท่าน”</font></b> หลินหยาเอ่ยในลำคอแผ่วเบา...เสียงแหบพร่าเกินกว่าจะเปล่งออกไปได้ แต่นางรู้ในใจดี..นี่คือคนเดียวกันกับผู้ที่ยื่นมือออกมารับเธอไว้ในวันที่เธอล้มลงไม่เหลือใคร และตอนนี้...แม้จะต้องถูกหวดด้วยไม้โทษถึงยี่สิบครั้งเขาก็ยังเลือกเดินเข้ามาหาเธออีกครั้ง...โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">บนกระดานไม้สำหรับไว้ลงโทษ หลิวอันนั่งคุกเข่าอย่างมั่นคงตลอดกระบวนการ เขายังคงไม่แสดงอาการเจ็บปวด ไม่เปล่งเสียงแม้แต่น้อย ท่าทางของเขานั้นเยือกเย็นและเด็ดขาด ราวกับผาหินที่ไม่มีวันสั่นไหว ชุดคลุมที่ประณีตพลิ้วไหวตามแรงหวด สะท้อนประกายตะวันยามสายที่ทอดผ่านซี่ไม้ของหน้าต่าง เสียงหวดไม้ดังสะท้อนลั่นศาล ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่สอง...สาม...แต่ต้องนับเป็นครั้งที่ยี่สิบ</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">หลินหยาในอ้อมแขนของนายทหาร ไม่อาจละสายตาจากร่างของเขา คนที่เคยยื่นเต้าหู้ให้เธอเงียบ ๆ ตรงตลาดตะวันออกทั้งที่เขาไม่รู้ว่านางแพ้ถั่วเหลือง ภาพผุดขึ้นมาท่ามกลางม่านน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างเงียบงันแต่กลับไม่ไหลออกมาแม้แต่น้อยให้เป็นน้ำตา นางพยายามจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่เสียงกลับติดในลำคอ…ราวกับมีก้อนอะไรจุกแน่นไว้</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3"><b style=""><font color="#dda0dd">"ท่าน...จะทำไปทำไม..."</font></b> เสียงแหบพร่าตามลมนั่นคือคำถามเดียวของนาง แต่ไม่มีคำตอบจากเขา มีเพียงการกระทำที่ปิดปากเสียงทั้งหมดไว้แล้ว</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">ไม่ไกลนัก จางกงกง ผู้เคยนั่งยิ้มพลางโบกพัดด้วยความเยือกเย็นขณะเห็นผู้อื่นทุกข์ทรมาน ในวันนี้กลับต้องนั่งคุกเข่าบนกระดานโบยข้างกัน ร่างกายแข็งแรงกำยำแต่งดงามแบบคนที่เป็นขันทีในวังหลวง นานนักแล้วที่เขาไม่ได้ถูกลงโทษเช่นนี้ เสียงไม้กระทบร่างกายดังก้องในหัวใจของทุกผู้คน จางกงกงมองหลินหยาผ่านม่านเลือดบนใบหน้า เขามองชายอีกคนที่บัดนี้ถูกโบยแทนนาง เขาเคยคิดแต่เพียงว่าหากหวยหนานหวางช่วยนางจะติดใส่ฐานกบฎต่อราชสำนักหลวง..ทว่าในยามนี้กลับคุกเข่าอยู่ข้างนาง รับโทษอย่างสง่าผ่าเผยโดยไม่มีเงาของความลังเลแม้แต่น้อย</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">บนบัลลังก์ของศาล ถิงเว่ยจางทังยังคงนั่งนิ่ง สายตาแน่นิ่งเย็นชาโดยปราศจากความเวทนาใด ๆ ขุนนางต้องรับโทษเช่นเดียวกับราษฎร และควรรุนแรงกว่าเพราะเป็นถึงผู้รับใช้ใต้พระบาทที่ทำทุกอย่างเพื่ออาณาประชาราช เขาพูดไปเช่นนั้น และเขาก็ทำได้จริงโดยไม่ลังเล แม้จะเป็นถึงพระปิตุลาองค์จักรพรรดิ หรือจงฉางชื่อผู้มีอำนาจเหนือขันทีทั้งวังหลวง หากกระทำผิด ก็ต้องรับโทษเฉกเช่นสามัญชน</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">แม้ในใจลึก ๆ เขาจะรู้ดีว่า การกระทำครั้งนี้ของหวยหนานอ๋องจะต้องกลายเป็นที่ถามถึงหากมีคนล่วงรู้ แต่ในห้วงเวลานี้ สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเสียงโบยที่ดังขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจสั่นไหวของสตรีคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมชายผู้หนึ่ง...จึงกล้ายอมเอาหลังตนเองรับไม้ลงโทษแทนเธออย่างเงียบงัน เมื่อไม้สุดท้ายหวดลง เสียงเงียบงันอันปกคลุมทั้งศาลนั้นหนักหนากว่าครั้งใด ทั้งทหารยาม ข้าราชบริพาร ยันนางกำนัลผู้เข้ามาเป็นพยานที่โดนโบยด้วย ต่างมองตากันด้วยความไม่เชื่อสายตา</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><span style="font-family: Sarabun; font-size: medium;">         </span><font face="Sarabun" size="3">สตรีเด็กสาวตัวเล็กที่ทำให้หวยหนานอ๋องยอมคุกเข่ารับโทษแทน และทำให้จงฉางชื่อผู้ลือนามรับโทษทัณฑ์..<i>ด้วยสตรีเพียงคนเดียว</i></font></span></p><p dir="ltr" style="line-height:1.38;margin-top:0pt;margin-bottom:0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><br></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><img src="https://img2.pic.in.th/pic/-4_20250603154522.md.png" width="500" _height="57" border="0"><font face="Sarabun" size="3"></font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">@Admin&nbsp;</span></p><font face="Sarabun" size="3"><br></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><b>พรสวรรค์</b>: ลาภลอย (ไม้)&nbsp;</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3"><b>อื่น ๆ</b>:&nbsp;-</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><div style="text-align: center;"><br></div></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">รางวัล:&nbsp;</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><div style="text-align: center;"><br></div></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">+5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป จาง ทัง</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><div style="text-align: center;"><br></div></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><font face="Sarabun" size="3"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;">โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม </span><span style="background-color: transparent; font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"> หลิว อัน</span></font></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม</font></span></p><font face="Sarabun" size="3"><div style="text-align: center;"><br></div></font><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม จางกงกง</font></span></p><p dir="ltr" style="text-align: center; line-height: 1.38; margin-top: 0pt; margin-bottom: 0pt;"><span style="font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><font face="Sarabun" size="3">โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม</font></span></p><div><span style="font-size: 12pt; font-family: Sarabun, sans-serif; color: rgb(0, 0, 0); font-variant-numeric: normal; font-variant-east-asian: normal; font-variant-alternates: normal; font-variant-position: normal; font-variant-emoji: normal; vertical-align: baseline; white-space-collapse: preserve;"><br></span></div></span><p></p>
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: [กรมราชทัณฑ์]