Watcher โพสต์ 2024-7-28 19:33:43

[พระราชวังเว่ยหยาง] ห้องทรงอักษร

   

<style type="text/css">BODY{background:url("https://i.imgur.com/oLZQAF1.png"); background-attachment:fixed; }</style>
<style type="text/css">.head1 {background-color:none ;}.head2 {background-color:none ;}</style>

<style>

#boxba {
    border: 0px outset #d47d3a;
    border-radius: 30px;
    padding: 10px;
    box-shadow: #817772 0px 0px 3em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/QqFneaS.png");
}

</style>
   
<style>
#boxOO {
    width: 850px;
    border: 0px outset #cbb989;
    border-radius: 30px;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/lONy8Al.png");}
</style>

<div id="boxba">
<div align="center" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word; color: #444444; font-size: 14px; list-style-type: none; font-family: Verdana, Helvetica, sans-serif;"><br>
<br><br>

<div id="boxOO">
<br>

<div style="text-align: center;">
<font face="Browallia New" style="font-family: " browallia="" new";="" color:="" rgb(127,="" 57,="" 1);="" font-size:="" 12px;="" text-align:="" start;="" margin:="" 0px;="" padding:="" overflow-wrap:="" break-word;"=""><font size="5" style="margin: 0px; padding: 0px; word-wrap: break-word;"><div style="text-align: center;">
<br>
<img src=" " border="0" alt=""> <br><br></div></font></font>



<span style="text-shadow: rgb(212, 166, 9) 0px 0px 1px, rgb(212, 166, 9) 0px 0px 5px, rgb(212, 166, 9) 0px 0px 10px, rgb(212, 166, 9) 0px 0px 30px;">
<font face="Browallia New" style="" size="7"><pat style="">
<font color="#ffffff"><pat>ห้องทรงอักษร</pat></font></pat></font></span></div>

<br>

<div style="font-family: " browallia="" new";="" text-align:="" center;"="">
<font face="Browallia New" ;="" margin:="" 0px;="" padding:="" 0px;"="" <span="" style="text-shadow: #D4A609 0px 0px 0.5em;" color="#ffffff" size="4">
<i style=""><cls style="">{ ข้างบริเวณท้องพระโรง }</cls></i></font></div>


<br><div style="text-align: center;"><br><img src="https://i.imgur.com/AGZ8b2I.gif" width="500" border="0"> <br><br></div>
<br>



<img src="https://i.imgur.com/7OEugmD.png" width="550" border="0">




<br><br><br>




<center>
   
<center>
<style>
#boxEw {
    width: 450px;
    border: 0px solid;
    border-radius: 20px;
    padding: 50px;
    box-shadow: #817772 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/OPvQ3yp.png");}
</style>
</center>

<center>
<div id="boxEw">


<div align="center" style="list-style-type: none;">
<font size="6" color="#ffffff">
<img src="https://i.imgur.com/ncoS7kJ.png" width="100" border="0"><br>

<span style="text-shadow: rgb(212, 166, 9) 1px 4px 3px;"><br><pat>【 ห้องทรงอักษร 】</pat></span></font>

<br><font color=" #879290" face="Kanit" size="3"><b>『<i> หูรับฟังความเท็จ ตาประจักษ์แจ้งในความจริง</i> 』</b></font></div><br>

<div><div>

<font color="#879290" face="Kanit" size="4">
บริเวณใกล้ชิดกับท้องพระโรง หนึ่งในสถานที่ซึ่งสามารถเข้าพบหวงตี้ได้ง่ายที่สุดมาตลอดหลายยุคหลายสมัย ' ห้องทรงอักษร ' ที่ใช้เพื่อปรึกษาหารือเรื่องราชกิจและเขียนราชโองการมาแล้วมากมายหลายฉบับ ทุกการตัดสินใจสำคัญ ๆ ล้วนแต่เกิดขึ้นภายในพื้นที่ห้องทรงอักษรแห่งนี้ นอกจากหวงตี้แล้ว บางทีท่านอาจมีโอกาสได้พบขุนนางชั้นผู้ใหญ่มากมายที่พลัดกันแวะเวียนมาเข้าเฝ้านายเหนือหัว

</font>
<br>
</div></div></div>
<br><br><br>


<marquee style="border:#ff9966 0px SOLID"><font size="5">
<img src="https://i.imgur.com/ZjoagC5.png" width="450" height="250" border="0" alt="">
<img src="https://i.imgur.com/IFTm48J.png" width="450" height="250" border="0" alt="">
<img src="https://i.imgur.com/4pkDeua.png" width="450" height="250" border="0" alt="">
<img src="https://i.imgur.com/kjz2fyz.png" width="450" height="250" border="0" alt="">

</font></marquee>
<br><br>

<br><p></p></center></center></div>


<br><br><br></div>




</div>


   
<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}</style><style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}

img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}

img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style><p></p>


<style id="Gather Codes." type="text/css"> img{ -webkit-transition: all 0.4s linear; -moz-transition: all 0.4s linear; transition: all 0.4s linear;} img:hover { -webkit-transition:1s; -webkit-filter: invert(1); -moz-filter: invert(1);}</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Kanit'); cls {font-family : 'Kanit';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Pattaya'); Pat {font-family : 'Pattaya';}</style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Zhi Mang Xing'); Zhi Mang Xing {font-family: 'Zhi Mang Xing';}</style>



LuBairan โพสต์ 2024-7-28 20:04:18

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-28 23:03 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ห้องทรงอักษร</span></b></i><br><font face="Sarabun"><font size="2"><i>วันที่ 27 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาห้านาฬิกาเป็นต้นไปจนถึงสิบหกนาฬิกา<br></i>



</font></font>
</font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">ภายในเกี้ยวไม้ใหญ่โตและหรูหราเหนือกว่าเกี้ยวใดในแผ่นดินมีสองร่างของผู้ที่ใช้มันเป็นพาหนะนั่งเคียงกันอย่างสงบโดยไร้ซึ่งเสียงสนทนา ผ่านมากว่าครึ่งทางแล้วปัจจุบันก็ยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ ฝั่งหนึ่งหลับตาไม่รับรู้โลกภายนอก อีกฝั่งก็ชะโงกหน้าดูทิวทัศน์ด้านนอกเอาจากช่องว่างระหว่างลายสลักไม้ประดับบนเกี้ยวที่พอจะมีช่องให้แสงลอดเข้ามา ทุกสิ่งอย่างดำเนินไปในรูปแบบนี้จนกระทั่ง..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i><b>
โป๊ก</b></i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หน้าผากขาวผ่องของนงคราญกระแทกลงกับผนังเกี้ยวในตอนที่มันหยุดเคลื่อนกะทันหัน เสียงสะท้อนดังก้องภายในที่ตอกย้ำความอับอายของหญิงสาวปลุกให้โอรสสวรรค์เปิดเปลือกตาขึ้นมองเพื่อนร่วมทาง เห็นคนงามดุจหยกข้างกายยกมือขาวผุดผาดนั้นขึ้นแตะหน้าผากด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นพร้อมสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเวทนา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใบหน้าหวานแดงซ่านอย่างที่หาได้ยากยิ่ง ไป๋หรั่นกดใบหน้าลงหลบหลีกสายตาคมกริบของอีกฝ่ายแต่ก็มิวายถูกจ้องมองจนรู้สึกว่าสมควรกล่าวแก้ตัว ทว่าด้วยความเป็นนาง เหม่ยเหรินหยกขาวขบริมฝีปากพร้อมกลืนน้ำลายก่อนจะพยายามปรับลมหายใจเพื่อควบคุมกิริยาภายใต้การเฝ้ามองของ <b>‘ ผู้เปรียบดั่งมังกร ’</b> ที่นางเผอิญปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา โอรสสวรรค์มองมาที่นางด้วยสายตาเชิงคำถาม สำหรับเขาหรือทายาทขุนนางที่เห็นของเช่นนี้มาตลอดชีวิตย่อมไม่มองว่าน่าตื่นตาตื่นใจ ทว่าสำหรับคนที่ไม่เคยเข้ามาชื่นชมนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อทันสังเกตเห็นทุกความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้านั้น ไม่ว่าจะความอับอาย หรือความพยายามที่จะกลับมาสงบนิ่ง กระทั่งคำถามที่ส่งผ่านสายตายังทำให้คนตอบแฝงแววโศกเศร้า.. <i>เดี๋ยวก่อน โศกเศร้า ?</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หม่อมฉันเป็นบุตรีพ่อค้า เกรงว่าสถานที่โอ่อ่าเช่นนี้จะไม่เคยเห็นเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เกือบจะลืมไปแล้วว่านางคือน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนของอีกหนึ่งบุคคลที่เขารู้จักดี <b>‘ ลู่ชางหรง ’</b> ผู้ปากร้ายคนนั้นที่แฝงกายทำงานลับให้เขามาตลอดหลายปี ปัจจุบันก็ยังต้องยอมกลั้นใจออกไปสืบราชการทั้ง ๆ ที่น้องสาวอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะแบบนี้จึงจำเป็นต้องดูแล ดูแลในฐานะน้องสาวสหายเช่นนี้ก็คงไม่นับว่าผิดต่อผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ฮั่นอู่ตี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกล้าพูดก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ชายผู้ยืนเหนือคนนับหมื่นปิดเปลือกตาลงอีกครั้งอย่างคร้านที่จะใส่ใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เปิดหน้าต่างเกี้ยว ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นั่นคือคำสุดท้ายที่เขาพูดกับนางภายในเกี้ยวไม้ที่หรูหราคันนั้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ฝ่าบา—- ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ พานางไปห้องทรงอักษร เจิ้นยังมีประชุม ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บุรุษภูษานิลกล่าวเท่านั้นก่อนจะเดินหายไปพร้อมขันทีน้อยใหญ่ที่ก้าวตามไปอย่างเป็นระเบียบ ทิ้งให้ลู่เหม่ยเหรินที่ถูก <b>‘ เชิญ ’</b> มายืนเคว้งอยู่กับจางกงกงกันสองคนที่ข้างท้องพระโรง ชายไร้เพศยิ้มค้างอยู่เช่นนั้นแม้ว่าหว่างคิ้วจะเริ่มร่นเข้าหากันก็ตาม
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ วันนี้นายหญิงน้อยทำให้ข้าน้อยเปิดหูเปิดตามากทีเดียว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ จางกงกงกล่าวเกินไปแล้ว ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนไม่รู้ก็นึกว่าทั้งสองสนทนายิ้มแย้ม แต่ถ้าอยู่ใกล้หน่อยย่อมสัมผัสได้ดีถึงดาบลับที่ฟาดกันครั้งแล้วครั้งเล่าหากเป็นคนอื่นคงชิงชังหรือไม่ก็เบื่อหน่าย แต่ความพยศเงียบเช่นนี้ต่างหากถึงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาชื่นชอบการร่วมสนทนากับอีกฝ่าย คล้ายว่าเราเลี้ยงลูกแมวขนฟูสีขาวตัวหนึ่งที่ต่อหน้าผู้คนแสนเชื่องแต่ลับหลังสามารถข่วนและกัดเป็นแผลเล็ก ๆ .. ฉลาดเฉลียวแต่ก็ยังอ่อนต่อความโหดร้ายของโลกใบนี้ยิ่งนัก จางกงกงนำทางสนมแซ่ลู่มาจนถึงห้องทรงอักษร
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ข้าน้อยยังต้องตามไปรับใช้ฝ่าบาท รบกวนนายหญิงน้อยรอที่นี่ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหมือนพาเด็กตาดำ ๆ คนหนึ่งมาปล่อยในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยเอกสารทางราชการ ลู่ไป๋หรั่นที่รู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังจะถูกลอยแพได้แต่ถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบรับ <font color="#980000">“ ลู่เหม่ยเหรินอย่าได้กังวล ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทรับสั่งว่าอยากเสวยชาจากทางใต้ มิทราบว่าท่านอยากชงชาใดขึ้นถวาย ”</font> เพื่อให้มีเรื่องไว้ต่อยอดถึงความเก่งกาจของนางต่อไป จางกงกงจำเป็นต้องทำทุกทางให้การเคลื่อนไหวของนางดูละเอียดอ่อนและมากความสามารถไปเสียทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่การเลือกชาถวายด้วยก็เช่นกัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ชาทางใต้อย่างนั้นหรือ.. ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทางใต้มีชารสดี ๆ อยู่มาก ทว่าที่ขึ้นชื่อล้วนรวมกันอยู่ในการกล่าวขานถึงระดับขั้นอู่เจียน (ยอดทั้งห้า) ที่ประกอบไปด้วย ยอดสวรรค์ (เทียนเจียน) 、ยอดกำเนิด (เซิงเจียน) 、ยอดบรรณาการ (ก้งเจียน) 、ยอดปฐพี (ตี้เจียน) และ ยอดทองคำ (จินเจียน) เรียงจากที่หาได้ยาก ไปจนถึงระดับที่หาได้ง่าย แน่นอนว่าในระดับที่ชงถวายแด่ฝ่าบาทอย่างไรก็ต้องเป็นขั้นยอดกำเนิดขึ้นไปทว่าครึ่งหนึ่งในใจกลับนึกไปถึงขั้นยอดสวรรค์ที่โดยปกติแล้วมักจะถูกส่งมาเพื่อถวายให้แก่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เอาเป็นใบชายอดสวรรค์ (เทียนเจียนฉา) จากเจียงหนานก็แล้วกัน.. ”</font> หลังจากคิดมาอย่างถี่ถ้วน คำตอบของไป๋หรั่นก็ทำให้จางกงกงแอบยิ้มได้ไม่ยาก นางเลือกได้ดี ชาดำที่มีรสชาติมันและอร่อยในตัวสมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นชาจากสวรรค์ย่อมต้องสามารถช่วยบรรเทาความเคร่งเครียดจากการทรงงาน และต่อให้จะเป็นชาระดับที่หาได้ยาก แต่ก็เรียกได้ว่าวังหลวงมีอยู่ไม่ขาดเพราะเหล่าเกษตรกรที่ปลูกได้ด้วยแต่ส่งใบชาทั้งหมดมาที่วังหลวงเพื่อผ่านการบ่มหมักให้เข้าที่ตลอดหลายปีก่อนจะนำออกมาชงดื่มให้ได้รสที่ถูกต้องเฉพาะสำหรับหวงตี้
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ข้าน้อยจะให้คนนำมาส่งให้ก่อนฝ่าบาทเลิกประชุม ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ นายหญิงน้อยเชิญพักผ่อน ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มีอย่างที่ไหนโยนนางมาเข้าห้องทรงอักษรแล้วจะได้พักผ่อน..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กาลเวลาผ่านไปเช่นเดียวกับใบไม้ที่ร่วงโรย ทั้งหมดนี้เริ่มตั้งแต่ต้นยามเหม่า และก้าวเข้ามาสู่ปลายยามซื่อ ขนาดลู่ไป๋หรั่นที่ว่ากันว่าสงบนิ่งนักหนายังมีเผลอหลับทั้งที่มือถือตำราบทกวีเอาไว้ไม่ปล่อย เดิมทีหากให้รอคนสักสองชั่วยาวสำหรับนางถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดายขอเพียงมีตำราสักเล่มหรือกลหมากให้ขบคิด แต่ในกรณีนี้มันต่างกัน นางถูกลากมาตั้งแต่ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันได้สว่างต่อมาก็ถูกจับให้อยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ไร้คนข้างกายทั้งยังไม่มีสิ่งสันทนาการใด ๆ ฉะนั้นหากนางจะเผลอหลับไปราว ๆ หนึ่งถึงสองงีบก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกเลยแม้แต่น้อย
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#284657">
“ ลู่เหม่ยเหริน ใกล้ถึงเวลาฝ่าบาทเสด็จมาที่ห้องนี้แล้วขอรับ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนที่จางกงกงส่งมาเพื่อนำใบชาเทียนเจียนมาให้เป็นขันทีวัยหนุ่มคนหนึ่งที่กิริยามารยาทดูเพียบพร้อมสำรวมไม่ต่างอะไรจากสตรีซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่แปลกนัก ท้องพระโรงแตกต่างจากตำหนักใหญ่อย่างเว่ยหยางที่นางเคยเข้าไปเยือน สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของบุรุษพร้อมด้วยความน่าเกรงขามของมังกร การที่ขันทีดูอ้อนแอ้นเช่นนี้ยังสามารถใช้ชีวิตรอดมาได้ถ้าอย่างนั้นนางเองก็คงอยู่รอดในที่แห่งนี้ได้เช่นกัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ขอบคุณเจ้ามากที่มาแจ้ง ช่วยข้าตั้งเตาต้มน้ำที ” </font>นางปล่อยให้ขันทีน้อยทำหน้าที่ของเขาไป ในขณะที่นางก็จัดแต่งชุดและผมให้เรียบร้อยพร้อมกับนั่งหลังตรงรอการมาถึงของคนเป็นสามีที่ไม่รู้นึกครึ้มอย่างไรถึงได้ลากนางมาตั้งแต่เช้า
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
และในที่สุด ร่างที่สวมใส่ภูษาสีนิลก็เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขังพร้อมกับเสียงโครมครามจากด้านหลังที่พอจะได้ยินลาง ๆ ว่า <i>‘ ฝ่าบาทโปรดให้กระหม่อมเข้าเฝ้าด้วย .. ’</i> อะไรพวกนี้ เนตรหงส์ของคนงามฉายประกายแปลกใจ กลิ่นอายรุนแรงอันเนื่องมาจากอารมณ์ที่ไม่สงบของโอรสสวรรค์ทำให้บรรยากาศรอบด้านหนักอึ้ง กระทั่งจางกงกงที่หน้าระรื่นอยู่เสมอยังฉายแววจริงจังขึ้นเจ็ดส่วน ไป๋หรั่นไม่เอ่ยปากเรียกให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกตัว นางประสานมือและย่อกายลงพร้อมรับรู้ถึงกระแสลมเบา ๆ ที่ผ่านร่างไปเมื่อเขาเดินผ่านโดยไม่แลหรือแยแส รอกระทั่งร่างของผู้แทนสวรรค์นั่งลงบนที่ประทับของเขา ผู้เป็นสนมถึงได้ทิ้งตัวลงนั่งกับเบาะรองนั่งอีกครั้งเพื่อเริ่มชงชาที่เตรียมไว้
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พิธีชงชาผ่านไปพร้อมเสียงสนทนาหารือระหว่างจางกงกงและฝ่าบาทที่ดังขึ้นเป็นระยะ วันนี้มีฎีกานี้ วันนี้มีฎีกานั้น เจิ้นจะเขียนตอบอันนี้ เจิ้นจะประกาศอันนั้น วนไปครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดระยะเวลาที่นางกำลังใส่ใจกับการชงเครื่องดื่มเพื่อนำขึ้นถวาย สาวงามเพียงหนึ่งในนี้คล้ายกับว่าไม่มีตัวตนมาตั้งแต่ต้นจนจบ รู้อีกทีสองมือนางก็ประคองถาดหยกที่มีจอกและป้านชาชุดหนึ่งยกขึ้นพลางเดินเข้าไปในระยะสายตาของทั้งสอง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจ้า.. ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000"><i>
‘ ฝ่าบาทนี่ท่านลืมนางไปแล้ว ? ’</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
‘ เขาดูเหมือนจะลืมข้าไปแล้วจริง ๆ ’</font></i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สองชีวิตที่อยู่ร่วมบริเวณเดียวกันกับโอรสสวรรค์ได้แต่ลอบถอนหายใจ ทว่าลู่เหม่ยเหรินที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี สุดท้ายก็เอ่ยปากขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากเงียบมานาน <font color="#994D7B">“ ก่อนหน้านี้เป็นฝ่าบาทเรียกหม่อมฉันให้มาชงชาปรนนิบัติ ”</font> ร่างอรชรคุกเข่าลงข้างโตีะอักษรวางถาดหยกนั้นลงบนตักและเคลื่อนมือยกป้านขึ้นรินชาใส่ในจอกกระเบื้องลายครามพร้อมปิดท้ายด้วยการยกจอกชาขึ้นวางตรงที่ว่างบนโต๊ะทรงงาน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เป็นชายอดสวรรค์ที่ผ่านการเก็บจนได้ที่ ฝ่าบาทเชิญเสวยเพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางขยับถอยออกมาเล็กน้อยเพื่อให้จางกงกงได้ใช้เข็มเงินตรวจพิษจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของพวกเขาทั้งคู่ เหม่ยเหรินหยกขาวมีหน้าที่ชงชาเติมชาและนางก็ทำแค่นั้นจริง ๆ ตรงหน้าเป็นสามีที่ยกจอกชาขึ้นพิจารณาสีและรวมไปถึงกลิ่น นางที่ถอยออกมาก็ยืนมองอย่างสงบคล้ายนางกำนัลที่หน้าตาโดดเด่นกว่าคนอื่นเขานิดหน่อย.. (?) อย่างไรชายอดสวรรค์ก็คือชายอดสวรรค์ มีเพียงหวงตี้เท่านั้นที่ได้ลิ้มรองถึงรสสัมผัสของชาดำที่มีความมันละเลียดติดปลายลิ้น แทรกด้วยกลิ่นหอมผสมเข้มชวนให้ตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่า โดยเฉพาะเมื่อนำมาชงโดยน้ำค้างที่ดื่มเพียว ๆ ก็กระจายรสไปทั่วโพรงปากยิ่งทำให้สัมผัสได้ถึงคำว่า <b>‘แก่นแท้ของยอดชาสวรรค์’</b>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ชงได้ดี ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำชมนี้มีค่าราวตำลึงทอง หลิวเช่อวางจอกลงข้างตัวและหันกลับไปสนใจในฎีกาที่เขาต้องจัดการโดยมีจางกงกงเป็นผู้ช่วย และมีลู่เหม่ยเหรินเป็นเด็กเติมชาอยู่ข้าง ๆ เวลาไหลผ่านไปเช่นนั้นรู้ตัวอีกทีคนที่ึคอยอยู่เคียงข้างฝ่าบาทก็คอยเหลือบสายตาส่งไปเป็นสัญญาณให้นายเหนือหัวจนอีกฝ่ายนึกรำคาญ <font color="#D4AC0D">“ เจ้า ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เจ้าคำเดียวพาให้สะท้านทั่วทั้งบริเวณ จางกงกงหันมองด้วยสายตาที่แสร้งว่า <font color="#980000"><i>‘พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท?’</i></font> ฮั่นอู่ตี้หลิวเช่อที่มองอยู่เลิกคิ้วขึ้น <font color="#D4AC0D">“ นาง ”</font> เขาพูดพร้อมกับลดสายตาลงไปหาร่างบางที่อยู่ห่างออกไป ทว่า..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ …? ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่พบตัวคนทั้งที่ของก็ยังอยู่ คราวนี้กระทั่งจางกงกงที่ลอบสนับสนุนมาตลอดยังนิ่งอึ้ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
นางหนี ?</i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ จางกงกง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
ปัดโธ่เอ๊ย… เป็นเรื่องแล้ว</i> คนที่คอยยิ้มอยู่เสมอลอบโอดครวญอยู่ในใจ เขาคุกเข่าลงพร้อมประสานมือคล้ายจะก้มลงขอความเมตตาจากฝ่าบาทด้วยสีหน้าซีดเซียว ผิดกับฮั่นอู่ตี้ที่แผ่บรรยากาศเย็นเฉียบออกผ่านรอบกายจนแทบจะเห็นเกล็ดน้ำแข็งขาวไล่กัดเซาะไปทั่วบริเวณ แต่แล้วเสียงประตูเปิดออกก็ดังขึ้นเบนความสนใจของพวกเขาทั้งคู่ เป็นนาง.. นงคราญชุดขาวที่ถือถาดวางเหยือกน้ำอยู่ นางก้าวเข้ามาด้วยท่าทางไม่เร่งร้อนก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาสองคู่ที่มองมา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ เจ้า ”</font></b>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาพูดเป็นแต่คำว่าเจ้าหรือยังไง..
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาท.. เอ่อ ก่อนหน้านี้พระองค์กล่าวว่าไม่อยากให้คนนอกเข้าออก อีกอย่างทั้งคู่ต่างก็มีภาระในมือ หม่อมฉันเลยออกไปขอน้ำเพื่อนำมาต้มเติมชาด้วยตนเอง.. เหตุใดทั้งคู่ถึง… ”</font> สภาพอารมณ์ที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวล้วนกักเก็บอยู่ใต้ใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละฝ่าย ไป๋หรั่นกะพริบตาปริบ นางประคองถาดในมือเดินกลับไปหาโอรสสวรรค์ด้วยท่าทางที่ดูเรียบร้อยเป็นอย่างมาก <font color="#994D7B"><i>“ ทรง.. กริ้วหรือเพคะ ”</font></i>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ มาฝนหมึก ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เพคะ ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนงามตอบรับเสียงอ่อน นางรินชาเติมให้เขาอีกครั้งก่อนจะเข้ามาอยู่แทนที่จางกงกงเพื่อช่วยฝนหมึกให้โอรสสวรรค์ด้วยตัวนางเอง เคียงข้างชายที่เป็นหนึ่งในแผ่นดินมีเงาร่างอ่อนหวานของเทพธิดาชดช้อยดูเพลินตาเป็นอย่างยิ่ง จางกงกงลอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจก่อนจะสังเกตจุดหนึ่ง <font color="#980000">“ ฝ่าบาท พระหัตถ์ทรงเลอะแล้วพ่ะย่ะค่ะ ”</font> เพราะเมื่อครู่ที่มัวแต่ตกตะลึงกับการหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยของสนมแซ่ลู่ทำให้ฝ่าบาทไม่ทันระวัง จางกงกงแทนที่จะส่งผ้าให้เขาเช็ด ขันทีมากแผนการผู้นี้กลับส่งผ้าเช็ดหน้ามาไว้ในมือสนมรักของฮั่นอู่ตี้อย่างรู้งาน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ … ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เงียบเป็นเป่าสากกันทั้งคู่ ไป๋หรั่นชำเลืองตามองคนที่ตั้งใจจัดวางสถานการณ์อย่างดีด้วยความอ่อนใจ <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท หม่อมฉัน—- ” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คงเป็นเพราะรำคาญมากแล้วจริง ๆ ฮั่นอู่ตี้ยื่นมือข้างที่เลอะมาตรงหน้านางด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เขาคิดว่าการทำเช่นนี้ไปให้จบไว ๆ ยังดีกว่าต้องฟังจางกงกงสาธยายเรื่องไร้สาระหลังจากนี้ไปอีกหลายวัน ฉะนั้นสิ่งที่ขันทีอสรพิษคาดหวังเอาไว้จึงเกิดขึ้นโดยง่าย นงคราญหยกวางผ้าเช็ดหน้าลงบนฝ่ามือกร้านก่อนจะจรดปลายนิ้วทาบลงอีกด้านของผ้าเช็ดหน้าและค่อย ๆ เช็ดเบา ๆ นักรบที่ใช้ชีวิตแข็งกระด้างไหนเลยจะเคยได้รับการปรนนิบัติที่อ่อนหวานถึงเพียงนี้ ขนาดพระพี่นางของเขายามเด็กยังไม่พิถีพิถันเท่านี้ เสี้ยวหนึ่งในความคิดฮั่นอู่ตี้มองว่าการวางนางไว้เป็นผู้ช่วยข้างกายก็ไม่แย่ กิริยามารยาทพอพกไปวัดไปวาได้ ทั้งยังหน้าตาไม่แย่ อาจทำประโยชน์ได้อีกมาก
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ พระหัตถ์ฝ่าบาทเย็นแล้ว ทรงถือจอกชาอุ่นมือไว้สักครู่สิเพคะ ส่วนประกาศราชการที่เขียนเสร็จแล้ว .. จางกงกง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ขอรับลู่เหม่ยเหริน ข้าน้อยจะนำไปจัดวางไว้อีกทาง ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อืม .. ไม่แย่จริง ๆ นั่นล่ะ</i>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br><font face="Sarabun"><font size="3">

( ชายอดสวรรค์ เทียนเจียน มีไว้ถวายหวงตี้เท่านั้นตามประวัติศาสตร์ หากจะนำไปใช้เป็นฉบับก๊อปปี้แนะนำรุ่นยอดกำเนิด หรือยอดบรรณาการนะจ๊ะ)<br> จางกงกง +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี<br>+1 ปรนนิบัติ (อีเว้นท์)<br> +1 ปรนนิบัติ ณ ห้องทรงพระอักษร<br>+ ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี


</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

WeijiaLianhua โพสต์ 2024-7-30 20:02:06


<style>
        #Hua01 {
          border: 0px solid;
    border-radius: 10px;
    background-image: url("https://i.imgur.com/BQWz3NC.jpg"); }
        #Hua02 {
          border: 0px solid;
          width: 75%;
    box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
    background-color : #262341;}
#Hua03 {
          border: 0px solid;
          padding: 0px 50px;
          width: 75%;}
#Hua04 {
          border: 0px solid;
          padding: 30px;
          width: 300px;
          box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
              background-image: url("https://i.imgur.com/meLD9VX.png");}

</style>

<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&amp;display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&amp;display=swap" rel="stylesheet">


<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3">
<div id="Hua01" style="">
<div id="Hua02" style="">
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url(&quot;https://i.imgur.com/CvdPuBr.png&quot;); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="margin-top: -300px; text-align: center;"><b style="">
<font color="#ffffff"><img height="300" src="https://i.imgur.com/8tE9Mcr.png" border="0" alt=""></font><br>
<span style="text-shadow: rgb(0, 0, 0) 5px 5px 10px;"><font size="6" style="color: rgb(255, 255, 255);"> ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน</font><br><font size="4" style=""><font color="#ffffff"> วันที่</font><font color="#48d1cc">ยี่สิบเก้า</font><font color="#ffffff"> ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ ต้นยามเว่ย (13.30 น.)</font></font></span></b><br><br>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); margin-top: -300px;">
<div style="height: 378px; background-image: url('https://i.imgur.com/IYOjc3Z.png');
background-position : right top;
               background-repeat: no-repeat;"></div></div>
</div><br><br>
<div style="margin-top: -100px;">
<div id="Hua03" style="">
    <div align="left" style=""><font color="#ffffff">

     </font><font size="5" style="color: rgb(255, 255, 255);"> จากส่วนใน</font><font color="#ffffff"> ออกมาส่วนนอกภายในเวลาราว ๆ หนึ่งก้านธูปได้เว่ยเจียเหลียนฮวาเดินทางมาพร้อมกับปิ่นโตบรรจุอาหารมากมายนางแวะห้องเครื่องอีกคราเพื่อจัดเรียงอาหารใหม่ลงปิ่นโตหากจะจัดวางอาหารเป็นจานใหญ่ใส่ถาดมาคงไม่ดีเท่าไหร่ที่แห่งนี้หาใช่ตำหนักเว่ยหยางที่พักบรรทม นี่คือตำหนักวังหน้าอันเต็มไปด้วยขุนนางมากมายการปรากฎกายของนางในที่แห่งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเสียเท่าไหร่นัก ทว่าจะอย่างไรได้เล่า ในเมื่อผู้เอ่ยปากตรัสแก่นางว่าให้ยกมาเลยตอนนี้ทั้งยังให้ใช้นามตัวเองออกหน้าก็คือไท่โฮ่วเอง
</font><br><br><font color="#ffffff">
  </font><font color="#48d1cc"> </font><font color="#808000">“จางกงกงขอแสดงความเคารพแด่พระสนมเว่ยเจียเจี๋ยอวี่”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
   “ทักทายจางกงกงท่านยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เช่นเคย”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
  </font><font color="#808000"> “หามิได้พระสนมว่าแต่ท่านมาเสียวังหน้ามีธุระกระไรหรือ”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
   “ข้ายกปิ่นโตมาถวายฝ่าบาทตามรับสั่งขององค์ไท่โฮ่วน่ะ”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
 </font><font color="#808000">  “เช่นนั้นเชิญพระสนมขอรับ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
   น้ำเสียงใสเอ่ยขึ้นบอกแก่จางกงกงที่ยืนรับหน้านางอยู่หน้าห้องทรงพระอักษร เอ่ยสนทนากันสักหน่อยก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องทรงอักษรดวงตาใสกวาดมองทั่วอย่างเร่งรีบทันทีที่บานประตูเปิดสองเท้าก้าวเดินมาตรงหน้าตั่งโต๊ะของโอรสสวรรค์ก่อนสองมือจะประสานยอบกายถวายความเคารพแด่ผู้ทรงอำนาจ
</font><br><br><font color="#ffffff">
 </font><font color="#48d1cc">  “ถวายบังคมองค์หวงตี้ ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
<br><br>
  </font><font color="#ffff00"> “ลุกขึ้น”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
   “ขอบพระทัยเพคะ”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
  </font><font color="#ffff00"> “เจ้ามีธุระอะไร”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
   “หม่อมฉันนำปิ่นโตมาถวายแด่ฝ่าบาท—”
</font><br><br><font color="#48d1cc">
  </font><font color="#ffff00"> “ตามรับสั่งขององค์ไท่โฮ่ว ข้ารู้แล้ว เจ้าเอ่ยเช่นนี้ทุกครั้ง”
</font><br><br><font color="#ffffff">
   วงคิ้วงามถึงกับเลิกขึ้นใบหน้างามพยักหน้าให้แก่ถิงเอ๋อร์และไฉเอ๋อร์ให้จัดวางจานอาหารที่โตีะว่างไม่ไกลก่อนจะให้พวกนางออกไปก่อนเมื่อนางตรอจสอบรอบกายว่าไร้ผู้คนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่จะเอ่ยตอบตามใจนึกเช่นเดิม
</font><br><br><font color="#ffffff">
  </font><font color="#48d1cc"> “ก็เสด็จแม่ของพระองค์ตรัสเช่นนั้น ไหนเลยหม่อมฉันจะทัดทานได้”
</font><br><br><font color="#ffffff">
 </font><font color="#ffff00">  “งั้นรึ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
  </font><font color="#48d1cc"> “เพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
   สิ้นวจีเอื้อนเอ่ย ทั้งห้องพลันตกลงในความเงียบงันไม่ต่างจากก่อนนางจะมายืนในห้องห้องนี้หากเป็นเช่นยามปกตินางคงไม่ถือกระไรนักเนื่องจากนางมักจะยกสำรับพวกนี้ไปให้ที่ตำหนักเว่ยหยางทว่าตอนนี้นางอยู่วังหน้า สตรีแม้เท่าเทียมทว่าหาได้มีสิทธิยุ่งราชกิจของสามีไม่ ซ้ำร้ายนางไม่คิดจะเอ่ยปากสิ่งใดออกไปให้เป็นการหาเสี้ยนหนามปักกาย เช่นนั้นแล้วการที่นางออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดคงเป็นการดี
</font><br><br><font color="#ffffff">
  <i> ประเดี๋ยวก็เกิดข่าวลือบ้าบอขึ้นมาอีก
</i></font><br><br><font color="#ffffff">
 </font><font color="#48d1cc">  “ฝ่าบาทที่นี่คือวังหน้า หม่อมฉันรั้งที่นี่นานคงไม่ดีแน่เช่นนั้นแล้วขอพระองค์เกษมสำราญกับเป็ดเป่ยจิง กุ้ยฮวาเกาและหลงซูถังเพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
   เว่ยเจียเหลียนฮวาผู้รับทราบดีว่านางควรอยู่ตรงไหนเพื่อความสงบสุขของโลกใบน้อยของนางค่อย ๆ ยอบกายคำนับ ไม่เร่งรัดให้เขาทาน ไม่รั้งรอแลพิศสิ่งใด ร่างบางเตรียมหมุนกายออกจากห้องทรงอักษรแล้วก็ต้องชะงักค้างชั่วครู่
</font><br><br><font color="#ffffff">
  </font><font color="#ffff00"> “ช้าก่อน” </font><font color="#ffffff">สุรเสียงเอ่ยขึ้นก่อนจะผินพระพักต์คมไปทางอาหารที่นางจัดวางไว้ </font><font color="#ffff00">“วางหลงซูถังให้เจิ้นเพียงชิ้นเดียวพอ ที่เหลือเจ้าเอาไปรับประทานเองเสีย”
<br></font><br><font color="#ffffff">
 </font><font color="#48d1cc">  “ขอบพระทัยเพคะ”
</font><br><br><font color="#ffffff">
   ว่าแล้วก็เร่งเดินกลับที่ทางของตนเองพร้อมหลงซูถังหนึ่งจาน

</font><br><br>




</div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br><br>
<img style="width: 75%;" src="https://i.imgur.com/LIeqPiH.png" border="0" alt=""> <br><br>


+35 ความโปรดปราน ถวายเป็ดปักกิ่ง/ขนมกุ้ยฮวา/ไหมฟ้าแด่หวงตี้ <br>
รับขนมไหมฟ้าที่ได้รับประราชทานจากหวงตี้<br><br>


ฮั่นอู่ตี้<br>
+5 พูดคุยประจำวัน<br>
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์<br>

<br>
จางกงกง <br>
+5 พูดคุยประจำวัน<br>
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์<br><br>ได้ 1 ปรนจากมาที่ห้องทรงอักษรไหม ไม่ป้ะ แค่เอาของมาให้ หรือว่านี่คือาการปรนกลาย ๆ ?</div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br>


เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผมรักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง</div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br></div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;">@Admin&nbsp;<br></div><div style="color: rgb(255, 255, 255); text-align: center;"><br><br>

</div>

        </div>
<div style="color: rgb(255, 255, 255); height: 500px; background-image: url(&quot;https://i.imgur.com/hr6FYuR.png&quot;); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>

        </div>
        </div>
</div></font></div>

LuBairan โพสต์ 2024-7-31 14:47:24

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-31 15:01 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>พิพากษา</span></b></i><br><font face="Sarabun"><font size="2"><i>วันที่ 27 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาบ่ายสองครึ่งเป็นต้นไป</i><br></font></font>

</font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">
               
               <p style="text-indent: 2.5em;">เสียงฝนหมึกดังขึ้นเคล้ากับเสียงพู่กันที่ตวัดบนกระดาษครั้งแล้วครั้งเล่า ลู่เหม่ยเหรินที่ทำหน้าที่ของตัวเองอยู่เงียบ ๆ พร้อมกับช้อนตาขึ้นสังเกตหัวคิ้วที่ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันของพระเจ้าแผ่นดิน เขาขมวดคิ้วอีกแล้ว.. ฮั่นอู่ตี้เป็นชายที่ครองรูปโฉมเฉิดฉันเป็นเอก ใบหน้าคมคายของเขามักสงบนิ่งไร้ซึ่งความรู้สึกคล้ายก้อนศิลาแต่เมื่อหยักยิ้มขึ้นมาต่อให้เป็นรอยยิ้มดูแคลนอย่างไรก็ไม่มีใครกล้าโกรธเกรี้ยว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โชคดีที่เขาไม่ใช่นักรักตัวฉกาจ ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่หน้าตาก็คงจะสามารถทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไปได้ทุกหย่อมหญ้า สาวงามเช่นหยกขาวเก็บสายตากลับมาจากใบหน้าของเขา นางปัดเป่าความคิดไร้สาระในหัวพร้อมกับวางแท่งหมึกลงและหันไปหยิบป้านชาคล้ายตั้งใจว่าจะลุกไปเติม
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ความยุติธรรมที่เจ้าต้องการ ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ริมฝีปากของโอรสสวรรค์เปิดออกเพื่อเปล่งเสียงเพื่อรั้งกายคนที่หมายจะลุกเดินออกไปอีกครั้งทั้งที่ยังไม่ทันได้เงยหน้าจากเหล่าตัวอักษร นับตั้งแต่ขึ้นครองราชฮั่นอู่ตี้ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับความโหดเหี้ยมเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกันก็ใส่ใจในความเป็นธรรมเท่าที่จะใส่ใจได้
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ คิดว่าเจิ้นสามารถมอบมันให้เจ้าได้หรือไม่ ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนฟังเงียบไปครู่หนึ่ง สาวงามผุดผาดดั่งหยกลอบเก็บสายตาพลางก้มหน้าลง ฮั่นอู่ตี้ไม่เหลียวมองนาง นางเองก็หาได้ทอดสายตาไว้บนใบหน้าเขา มีเพียงเสียงสะเก็ดไฟจากธูปหอม และเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ลอยเอื่อยอยู่รอบบริเวณ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ช่ —- ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B"><i>
“ ฝ่าบาททรงเชื่อหรือไม่เพคะว่าพระองค์จะสามารถทำได้ ”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผ่านมาหลายอึดใจกระทั่งเขาที่มากความอดทนยังคิดว่าคำถามนี้อาจฟังดูไม่เข้าท่าต่อสตรีถึงขนาดตั้งใจจะเกริ่นออกมาว่า <b>‘ ช่างเถิด ’</b> แล้วจัดแจงสั่งให้จางกงกงไปนำตัวคนเข้ามาตามแผนการที่ตระเตรียมไว้จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา ทว่ากลีบปากน้อยที่มักแย้มยิ้มกลับเปิดออกตอบรับขึ้นมาเสียก่อน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หลายวันมานี้หม่อมฉันไม่ทราบความคืบหน้าของคดี ไม่ทราบถึงขั้นตอน ไม่ทราบถึงความพยายามของผู้คนที่ไล่ตามความจริงเพื่อช่วยล้างมลทินให้กับหม่อมฉัน ”</font> จางทังไม่เคยรายงานสักนิดว่าสืบอะไร ได้ถึงไหน ไปจับตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มมาได้ยังไง ทั้งหมดที่นางรู้เดิมทีล้วนเป็นข่าวโคมลอยที่บอกว่าเรื่องนี้ช่างใหญ่โตนัก หากไม่ใช่ว่ามีโอกาสได้พบตวนมู่เหม่ยเหรินนางก็คงถูกปิดหูปิดตาอยู่ในกรงทองของตำหนักนางหงส์ต่อไปอย่างไร้วันสิ้นสุด
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ แต่กระนั้นหม่อมฉันก็ยังเชื่อ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เชื่อในฝ่าบาท เชื่อในคนที่พระองค์เชื่อ ฉะนั้นแล้วหากพระองค์เชื่อว่าสามารถคืนความเป็นธรรมให้หม่อมมฉันได้ ”</font> สาวงามกล่าวขานอย่างฉะฉาน ใบหน้าของนางหันตรงสบตาเขา ปล่อยให้เนตรมังกรมีโอกาสไล่ดูสีหน้าแววตาที่แสนบริสุทธิ์นั้นอย่างเต็มที่ก่อนจะกล่าวประโยคที่ชวนให้ใจอุ่นวาบขึ้นเป็นการปิดท้าย <font color="#994D7B"><b>“ หม่อมฉันก็ยินดีเชื่อในตัวพระองค์ ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพียงเท่านี้หมอกควันในใจพลันเลือนหาย ฮั่นอู่ตี้หยุดนิ่งไปหนึ่งช่วงหายใจก่อนจะพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจแล้ว พลางปล่อยให้นางลุกกลับไปเติมชาตรงพื้นที่ของนาง หลิวเช่อวางพู่กันลง เขาหันไปทางจางกงกงที่ยืนยิ้มกริ่มอยู่แต่ต้นพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า <font color="#D4AC0D">“ ถึงเวลาแล้ว ไปเชิญพวกเขามา ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลมหายใจของจางกงกงชะงักไปเล็กน้อย เขาช้อนตาขึ้นมองนายของตนด้วยความประหลาดใจ ทว่าด้วยฐานะบ่าวที่มีทำให้เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของอีกฝ่ายได้ จางกงกงค้อมตัวลงรับคำและก้าวเดินออกไปผ่านร่างของลู่เหม่ยเหรินที่เดินสวนกลับขึ้นไปยังแท่นพระที่นั่งพอดี
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ จากนี้ไปเจ้าต้องยืนอยู่ข้างกายข้า ใครกล่าวสิ่งใดไม่จำเป็นต้องสนใจ ตอบเพียงแต่สิ่งที่ข้าถามเท่านั้น ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นี่มันเรื่องอะไรอีก ต้องพบใครกันแน่ เขาถึงได้สั่งให้นางต้องอยู่เป็นรูปสลักประดับข้างกายเขา?
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สุดปลายห้องทรงอักษรปรากฏร่างของโอรสสวรรค์นั่งอยู่เหนือคนทั่วไปราว ๆ สองขั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เจ้าแผ่นดินฉลองพระองค์ด้วยภูษาสีนิลปักไหมทองรูปมังกรกลางหมู่เมฆพร้อมกันนั้นเยื้องออกไปทางด้านข้างพระที่นั่งก็ยังมีร่างของสตรีงามโดดเด่นยืนเคียงอยู่ไม่ห่าง สองตาคมกริบของผู้มีอำนาจเหนือคนนับหมื่นจรดลงบนตัวสองบุคคลที่กำลังก้าวตามหลังขันทีขั้นกลางเข้ามา
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สิ้นเสียงถวายพระพร ฮั่นอู่ตี้หรี่ตาลงก่อนจะเบี่ยงหน้าไปทางจางกงกงเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว จงฉางซื่อคนปัจจุบันโน้มตัวลงฟังการกระซิบรายงานจากขันทีหน้าตำหนักที่สับเท้าเข้ามาแจ้งความพร้อมของด้านหน้าตำหนัก <font color="#980000">“ ฝ่าบาท ”</font></i> หัวหน้าขันทีเงยขึ้นกราบทูลเป็นสัญญาณให้กับนายเหนือหัวด้วยท่าทางอ่อนน้อม ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ ฮั่นอู่ตี้ยกมือขึ้นปรามคนสนิทและหันกลับมาเอ่ยต่อเหม่ยเหรินทั้งสอง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ลุกขึ้น ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB"><i>
“นังจิ้งจอก”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร่างบอบบางปานต้นหลิวลุกจากถวายพระพรแล้วก็เมินหน้าขันทีที่ยกเก้าอี้เล็กมาถวาย เดินนวยนาดที่ข้างพระที่นั่งจงใจใช้ศอกกระทุ้งลู่เหม่ยเหริน แทรกกลางระหว่างทั้งสองคน <font color="#C6A3CB">“ฝ่าบาทเพคะ— ลู่เหม่ยเหรินถูกกักตัวมานาน จะปรนนิบัติรับใช้ได้ถูกใจพระองค์ได้อย่างไรกัน หม่อมฉันไม่วางใจเลยจริงๆ”</font> เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วหันมาทางลู่เหม่ยเหริน <font color="#C6A3CB"><b>“เจ้า! ยังอยู่ในระหว่างต้องคดี ยังจะมารยาสาไถยโผล่หัวมาต่อหน้าพระพักตร์ ยังไม่รีบหลบไปอีก” </font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ไหนเลยจะรู้ว่า <b><i>‘ จิ้งจอก ’</i></b> ที่นางกล่าวว่าปรนนิบัติได้ไม่ดีนั้นอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ยามเหม่า ลู่ไป๋หรั่นที่ถูกแรงกระทุ้งดันออกจากจุดเดิมลอบใช้สายตากวาดมองสาวสวยคมคายที่ให้กลิ่นอายเหมือนสตรีนอกด่าน มั่นใจ โผงผาง มีทีท่าพร้อมกีดกันผู้อื่นออก.. เหมือนว่าจะตรงตามขนบความตรงไปตรงมาของชาวทุ่งหญ้าอยู่บ้าง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อฟังจากคำของตวนมู่เหม่ยเหรินพร้อมด้วยการกล่าวของฝ่าบาทก่อนหน้านี้ นางย่อมทราบว่าอีกฝ่ายแซ่เฮ่อถู ทั้งยังมียศเจี๋ยอวี๋ที่สูงกว่านางไปหนึ่งขั้น ทว่าสิ่งที่เลือกกล่าวนั้นกลับคล้ายคนที่หนึ่งจะตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร <font color="#994D7B">“ ที่แท้เป็นเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ .. ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ได้ยินว่าท่านบาดเจ็บ ”</font> เนตรหงส์ขยับมองจากศีรษะจรดปลายเท้าของร่างผอมบางพร้อมหยักยิ้มที่มุมปาก <font color="#994D7B"><i>“ ดีเหลือเกินที่ท่านรักษาตัวได้ไวถึงเพียงนี้.. ”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายกับการกล่าวเตือนให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว ระหว่างเหม่ยเหรินที่ปรนนิบัติได้ไม่ถูกใจเท่าที่ควรกับการใช้งานเจี๋ยอวี๋ที่พึ่งรักษาตัวหายในสายตาจักรพรรดิหากอยากจะประคองท่าทีเจ้าแผ่นดินผู้ทรงธรรม ย่อมเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายจะเลือกใช้ใคร ไป๋หรั่นไม่ใช่คนที่กระทบกระทั่งกับใครเพื่อความโปรดปรานของบุรุษที่ไม่แน่นอน อย่างน้อย ๆ หากจะให้ต่อกร ก็ต้องเป็นเพื่อปกป้องตัวเองไม่ให้ถูกกดหัวข่มได้โดยง่ายดังเช่นในครั้งนี้ เหม่ยเหรินแซ่ลู่ระบายยิ้มสร้างความไม่ชอบใจให้กับคนที่พึ่งตั้งตนเป็นศัตรู
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สาวงามดั่งหยกหันไปทางตวนมู่เหม่ยเหรินที่หาได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการปะทะฉากนี้ <font color="#994D7B">“ ตวนมู่เหม่ยเหริน ”</font> เรียกได้ว่าเป็นการหักหน้าเจี๋ยอวี๋ผู้หนึ่งเสียดื้อ ๆ เมื่อคนที่นางเรียกเสียงหวานทั้งยังประคองร่างยอบลงทักทายกลับเป็นคนที่มียศเดียวกัน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คิ้วเข้มราวกระบี่พาดเลิกขึ้นเล็กน้อย ฮั่นอู่ตี้มิได้ปรายตามองคนที่แทรกกายมาคั่นกลาง และแน่นอนว่าไม่แม้แต่จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อคนที่ถูกกันออกไปเขาเบื่อหน่ายการละเล่นชิงดีชิงเด่นของสตรี โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ยังมีคนโง่เขลาถึงขนาดไม่ทราบว่าถูกเรียกมาด้วยเหตุใด ยามนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในครรลองสายตาของโอรสสวรรค์ย่อมเป็นร่างบางเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งประคองจอกชาอยู่อย่างสงบ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาจะถือเสียว่าเมื่อครู่ไม่ได้ยินวาจาใด ๆ ของสามสตรีที่ต่างก็สาดน้ำเย็นใส่กันไปคนละถัง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ กระทั่งที่ยืนของตนเองยังไม่ทราบ เจิ้นคงไม่จำเป็นต้องคาดหวังการปรนนิบัติจากเจ้า ” </font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
วาจานี้นับว่ารุนแรงในการหักน้ำใจสตรี มังกรสวรรค์ผู้ไม่โปรดลูกไม้มารยาหันไปหาจางกงกงพร้อมคำพูดที่ว่า <font color="#D4AC0D">“แนะนำนางสักประโยคว่า<b>ที่ใดควร ที่ใดไม่ควร</b> ”</font> ตั้งแต่ต้นจนจบในสายตาฝ่าบาทไม่มีแม้กระทั่งเงาหรือการชำเลืองไปทางเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ราวกับว่าการที่เคยเสด็จไปหาก่อนหน้านี้เป็นแค่ฝันหนึ่งตื่น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ”</font> ชายงามในชุดขันทีย่ำเท้าเข้ามาช้า ๆ พลางผายมือเป็นการเรียนเชิญ <font color="#980000">“ ที่ของท่านอยู่ทางนี้ขอรับ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาฝ่าบาททรงดีกับเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ยิ่งนัก มิเคยต่อว่ารุนแรงเพียงนี้ หยาดน้ำตาพลันร่วงหล่นลงจากนัยน์ตาดอกท้อราวม่านไข่มุก ไหล่บอบบางสะเทินไหว<font color="#C6A3CB"> “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเพียงลืมตัวชั่วคราว ขอพระองค์โปรดอภัยด้วยเพคะ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อเห็นว่าเวลานี้ฝ่าบาทเข้าข้างใคร ท่าทีของเฮ่อถูเหม่ยเหรินที่มีต่อลู่เหม่ยเหรินพลันอ่อนโยน<font color="#C6A3CB"> “น้องหญิงลู่เวลานี้ยังเป็นนักโทษในคดีอุกฉกรรจ์ ฝ่าบาททรงโปรดน้องหญิงมากเพียงนี้ ผู้คนจะตำหนิถึงคุณธรรมของพระองค์นะเพคะ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นัยน์ตาสีเข้มขลับเช่นนภายามรัตติกาลเรืองโรจน์ขึ้นด้วยความไม่พอใจ <font color="#D4AC0D"><i><b>“ เจ้ากำลังตำหนิเจิ้น? ” </font></b></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์เดิมทีก็ใจแคบ(?)เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยามนี้มีคนมาหลั่งน้ำตาอยู่ข้าง ๆ พลางจีบปากจีบคอกล่าวว่า<b> ‘ กังวลถึงชื่อเสียงท่าน ’</b> ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์ คนอย่างเขาย่อมมองเป็นว่าอีกฝ่ายไปกินดีหมีหัวใจเสือมามากกว่าถึงได้กล้ากล่าวต่อหน้าเขาโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ลนลานคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะ <font color="#C6A3CB">“หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉันแค่กลัวว่า ผู้คนจะตำหนิน้องหญิงลู่…”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ฝ่าบาท เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เพียงแค่เป็นกังวลจึงมิทันได้ระมัดระวังคำพูด โปรดทรงอย่ากริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ ”</font> จางกงกงเห็นท่าไม่ดีรีบประสานมือโค้งลงขอความเมตตาเพื่อเป็นการช่วยประคองให้สถานการณ์ไม่มุ่งลงเหว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ด้วยเหตุนี้ในที่สุดสายพระเนตรของฝ่าบาทก็ตวัดมองไปยังร่างที่คุกเข่าลงโขกศีรษะ พระหัตถ์ที่หยาบกร้านยกขึ้นคลึงสันจมูกก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้รอบด้านเงียบงันไร้ผู้คนกล้ากล่าวทักท้วงถึงสิ่งใด ฮั่นอู่ตี้ทราบดีถึงความต้องการของจางกงกง ร่องรอยความไม่พึงใจยังฉายอยู่บนหว่างคิ้วแต่กระนั้นก็ได้แต่ทำใจปรับความขุ่นเคืองให้จางลง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ พอแล้ว ”</font> หลิวเช่อผ่อนลมหายใจออก เขาละสายตาจากร่างที่หมอบกราบอยู่กับพื้นพร้อมเปลี่ยนท่าทางจากนั่งนิ่งเป็นการยกชาขึ้นจิบ <font color="#D4AC0D">“ เจ้าไปนั่งพักเสีย เจิ้นเรียกมาพูดคุยไหนเลยต้องลำบากมาปรนนิบัติ ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนสนิทย่อมดูออกว่าการจะพูดประโยคนี้สำหรับฝ่าบาทนับว่ายากเย็นนัก จางกงกงลอบก้มหน้ายิ้มแหยอย่างอ่อนใจจากนั้นจึงค่อยหันไปช่วยพูดขยายความ.. หมายถึง โน้มน้าวเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋อีกครั้ง <font color="#980000"> “ พระสนมฝ่าบาททรงเป็นห่วงว่าร่างกายท่านเดิมทีก็มิสู้ดีนัก ครั้งนี้แค่ต้องการพบหน้าสนทนาร่วมกับท่าน ในใจไม่อยากให้ฝืนทนความเจ็บปวดมาคอยรับใช้ใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วงจึงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ดีนัก ยามนี้พระสนมได้รับความสะเทือนใจ อย่างไรขอเชิญไปนั่งพักก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ”</font> เรื่องราวปั้นแต่งจากปากจางกงกงลื่นไหลประหนึ่งเป็นความจริงที่หลบซ่อนมานาน คนที่กล่าวความเท็จได้ตาไม่กะพริบเช่นนี้ต่างหากถึงจะเหมาะสมกับการอยู่เป็นคนสนิทเคียงข้างผู้ที่ไม่เคยจะไว้หน้าผู้ใด
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดเปลือกตาที่วามวาวด้วยหยาดน้ำตา <font color="#C6A3CB">“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ” </font>ขันทีขั้นกลางในตำหนักเดินเข้ามาประคอง เจี๋ยอวี๋ผู้เป็นที่โปรดปราน ไปนั่งยังเก้าอี้เล็กตรงข้ามตวนมู่เหม่ยเหริน สังเกตได้ว่าฝ่าบาทขุ่นเคืองพระทัยเพราะกิริยาของนางแล้ว เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ก็สงบลงมาก ทว่ากลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าที่ห้องทรงอักษรตอนนี้มีเหม่ยเหรินที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดี <b>‘เย่เหม่ยเหรินจนน้ำตาย’</b> อยู่พร้อมทั้งสองนาง ย่อมเกิดความแคลงใจว่าฝ่าบาทเรียกนางมาที่นี่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนอย่างไร ท่าทีจึงเงียบสงบกว่าตอนแรกมาก
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในที่สุดห้องทรงอักษรก็กลับสู่ความสงบ โทสะของโอรสสวรรค์เจือจางลงแล้ว สองสาวงามที่นั่งอยู่เบื้องหน้าต่างก็มีชาคนละจอกอยู่ในมือ มีก็แต่เหม่ยเหรินที่เคยยืนข้างกายผู้นั้นที่ตอนนี้เหมือนจะตัดสินใจยืนถัดลงมาอีกขั้นเพื่อรักษาระยะห่างและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่นอู่ตี้กดใบหน้าก้มลงมองฎีกาที่เหลืออยู่บนโต๊ะคล้ายกับเรียกคนมาเพื่อ <b>‘ อยู่เป็นเพื่อน ’</b> จริง ๆ อยู่ราว ๆ ครึ่งก้านธูป ท้ายที่สุดเมื่ออ่านฎีกาม้วนนั้นจบ ริมฝีปากหนาก็หยักมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่คล้ายว่าสามารถเย้ยหยันคนทั่วโลกหล้าโดยอาศัยเพียงหนึ่งรอยยิ้ม <font color="#D4AC0D">“ เป็นฎีกาที่ดี.. ทำให้เจิ้นนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ต้องถามเจ้าสองคน ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์หยิบป้ายทองแดงที่สลักเป็นคำว่าตวนมู่ขึ้นพลิกไปมาบนมือ ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นป้ายนี้ เคยเห็นขุนพลที่ดี เคยเห็นความสามารถที่เกรียงไกรจากบุคคลที่มีสิทธิ์สามารถใช้งานมัน สายพระเนตรของฝ่าบาทยังคงสงบนิ่งแต่ลึกลงไปใต้ความสงบนั้นก็ยังแฝงไว้ด้วยความชื่นชม <font color="#D4AC0D">“ ตวนมู่เหม่ยเหริน เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำตอบของตวนมู่เหม่ยเหรินเป็นดังคาด หลิวเช่อพยักหน้ารับคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนจะเบนสายตาไปทางเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่นั่งถัดมาอีกทาง <font color="#D4AC0D">“ เจ้าเล่า รู้จักหรือไม่? ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รอจนตวนมู่เหม่ยเหรินนั่งประจำที เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่ระมัดระวังกิริยาจนยากจะรับแม้แต่ชาสักถ้วย ก็หยัดกายขึ้นบ้าง นางเป็นหญิงงามที่งามแตกต่างจากชาวฮั่น แม้ท่วงท่าจะไม่สำรวมเท่าแต่ก็มีความสดใสที่ยากจะมองข้าม นัยน์ตาที่ฉ่ำวาวด้วยเพิ่งผ่านการร้องไห้ยิ่งทำให้หญิงสาวในเวลานี้ดูบอบช้ำเกินทน น่าเสียดายว่าที่ห้องทรงอักษรมีลู่เหม่ยเหรินที่โด่ดเด่นกว่าใคร เมื่อต้องเทียบกับโฉมสะคราญเช่นนั้น ความน่าทะนุถนอมดูแลของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋พลันด้อยค่าลงจนมิอาจเห็น ท่วงท่าของนางแลดูอ่อนแอ คิ้วทรงหลิวที่วาดอย่างประณีตขมวดบางเบาคล้ายมีความเศร้าอยู่ลึกๆ ที่ฝ่าบาทตรัสถามตนเช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยอย่างหญิงสกุลตวนมู่<font color="#C6A3CB"> “ทูลฝ่าบาท ป้ายชิ้นนั้นหม่อมฉันไม่เคยเห็นเพคะ…”</font> เสียงแว่วหวานของนางแฝงความออดอ้อน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งดังเดิม
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในที่นี่อาจมีเพียงเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เพียงคนเดียวที่ใบหน้าฉาบความสงสัยเหลือคณา
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อสิ้นคำของทั้งสองฝ่าย ป้ายทหารในมือก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ชายผู้มีอำนาจเหนือคนนับหมื่นพยักหน้าราวกับกระจ่างในคำตอบของทั้งคู่ แต่แล้วเขาก็หันไปกล่าวกับจางกงกงที่อยู่ข้างกาย <font color="#D4AC0D">“ ให้เข้ามา ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางกงกงที่รอคำนี้มานานรีบประสานมือค้อมกายลงรับคำสั่ง ก่อนจะยืนเต็มความสูงและหันไปทางประตูห้องทรงอักษร <font color="#980000"><b>“ จางถิงเว่ยและทหารองครักษ์ฉีจินซานเข้าเฝ้าได้ !!! ”</font></b> จงฉางซื่อตะเบ็งเสียงประกาศกร้าวดังไปถึงด้านนอกที่รอฟังสัญญาณมาพักใหญ่แล้ว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงฝีเท้าหลายคู่เริ่มดังใกล้เข้ามามากขึ้นก่อนจะตามมาด้วยการปรากฏตัวของเจ้ากรมยุติธรรมคนปัจจุบันและทหารองครักษ์ฉีจินซานที่ถูกพาตัวเข้ามาโดยมีมือปราบอีกสองสามคนคอยตามประกบอย่างระแวดระวัง จางทังหรือที่ทราบกันในนามจางจิ่งสิงเป็นฝ่ายเดินนำเข้ามาก่อน เมื่อมาถึงบริเวณที่นับว่าใกล้พอต่อการสนทนา ร่างสูงภายใต้เครื่องแบบขุนนางก็คุกเข่าลงถวายพระพร โดยมีฉีจินซานและมือปราบด้านหลังที่ทรุดกายลงตามการกรุยทางของจางถิงเว่ย
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ กระหม่อมจางถิงเว่ยมาเข้าเฝ้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี ”</font> ท้ายประโยคที่เป็นการถวายพระพรหาได้มีเพียงเขาคนเดียวที่กล่าวยังมีเสียงของชายชาตรีอีกหลายชีวิตที่ให้ความเคารพแด่พระเจ้าแผ่นดิน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ รายงานมา ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ พ่ะย่ะค่ะ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ถิงเว่ยหนุ่มรับคำสั่งเสียงเข้ม เขาเหลือบสายตาขึ้นมองเหล่า <b>‘ ผู้ต้องสงสัย ’</b> ที่อยู่พร้อมหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเก็บสายตาลงกราบทูลเนื้อความของคดีที่สืบหามาได้ <font color="#2747AA">“ จากการสืบค้นพบว่าจดหมายที่ถูกส่งให้เย่เหม่ยเหรินก่อนเกิดเหตุทั้งยังอ้างว่าเป็นจดหมายนัดพบจากลู่เหม่ยเหรินนั้นถูกเขียนโดยใช้กระดาษคุณภาพชั้นเลิศที่ไม่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปในแผ่นดิน ”</font> เสียงของใต้เท้าจางเงียบไปครู่หนึ่ง เปิดโอกาสให้จางกงกงที่รับหน้าที่ผู้ขยี้เนื้อหาได้มีช่องสอบถามเพิ่มเติมโดยแสร้งว่าเป็นการสงสัยใคร่รู้
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ไม่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปในแผ่นดิน? คุณภาพดีถึงเพียงนั้นเชียว.. ทว่าลู่เหม่ยเหรินก็หาใช่ธิดาตระกูลค้าขายทั่วไป ด้วยฐานันดรของนางสามารถเสาะหากระดาษชนิดนี้ได้หรือไม่ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นงคราญหยกที่อยู่เงียบมานานลอบขมวดคิ้วเล็กน้อย นางปรายตามองท่าทางของจงฉางซื่อที่เข้าถึงบทบาท <b>‘ ผู้ไม่รู้ ’</b> เป็นอย่างดี ใครกันที่เป็นฝ่ายกล่าวว่าหากหาเบาะแสได้ก่อนกรมราชทัณฑ์ก็ยินดียื่นโอกาสล้างแค้นให้นางถึงมือ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางถิงเว่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบกลับอย่างหนักแน่น <font color="#2747AA">“ เป็นไปไม่ได้ กระดาษชนิดนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้แคว้นเพื่อนบ้านที่สวามิภักดิ์ต่อต้าฮั่น มิอาจนับว่าเป็นของค้าขายหรือใช้งานได้เนื่องจากมีโทษถึงตายในฐานลักลอบแย่งชิงของหลวง ”</font> ทันทีที่จบคำตอบนี้ความสงบนิ่งบนใบหน้าของโอรสสวรรค์ก็เปลี่ยนไป
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียง <b>‘ อ้อ ’</b> เบา ๆ ดังขึ้นจากปากเขา เท่านั้นก็เพียงพอที่จะพลิกห้องทรงอักษรที่เคยปลอดโปร่งให้กลายมาเป็นแดนหิมะหนาวเหน็บเสียดผิวคนเป็นอย่างยิ่ง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หากแต่เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋หญิงจากนอกด่านเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกคำพูดนี้ของจางถิงลอบทำร้ายย่อมไม่มีแก่ใจจะมองนัยน์ตาดูแคลนของตวนมู่เหม่ยเหริน เรื่องนี้มิอาจสรุปได้ว่านางเป็นผู้ผิด เพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น นางอาจถูกใส่ร้ายก็เป็นได้ แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังมีสีหน้าตะลึงพรึงเพริดอย่างยากจะปกปิด สีหน้านั้นยากจะตัดสินว่าเป็นนางโง่เขลาจนไม่รู้ว่าควรใช้กระดาษเช่นไรใส่ร้ายคน หรือตระหนกตกใจที่จู่ๆ เรื่องนี้ก็รวบพันตนเข้าไปเกี่ยวข้องกันแน่
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ ส่วนลายมือที่ปรากฏอยู่บนจดหมายเป็นลายมือของลู่เหม่ยเหรินจริงที่ได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเช่นท่านตงฟางซั่วที่เข้ามามีส่วนช่วยวิเคราะห์และเทียบเคียง แ… ”</font> เมื่อส่วนแรกถูกรายงานจนจบก็เป็นปกติที่จะรายงานส่วนที่สองทว่ายังไม่ทันได้รายงานจนถึงจุดสำคัญ พระหัตถ์ของฝ่าบาทก็ยกขึ้นปรามเป็นสัญญาณให้หยุด
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เป็นลายมือของลู่เหม่ยเหริน แล้วมีอะไรอีก ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางถิงเว่ยรับใช้ฝ่าบาทมานานย่อมทราบว่ายามนี้อีกฝ่ายต้องการให้ตนหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ เจ้ากรมราชทัณฑ์พยักหน้ารับอย่างไร้คนเข้าใจก่อนจะหยิบอีกประเด็นขึ้นรายงานต่อเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ <font color="#2747AA">“ บริเวณสระน้ำซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุได้มีการพบของชิ้นหนึ่ง ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขุนนางหนุ่มล่วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบกล่องไม้สีดำเรียบที่ผ่านการเคลือบเงาอย่างดีออกมาและยกขึ้นคล้ายต้องการถวายให้ฝ่าบาทได้ทรงพิจารณา จางกงกงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวเข้ามารับกล่องและนำขึ้นถวายแก่ฝ่าบาท ทว่าฮั่นอู่ตี้กลับไร้ซึ่งความเร่งร้อนที่จะเปิดมันออกดู เขาพยักหน้า ปล่อยกล่องไม้ให้วางอยู่บนโต๊ะทรงงานอย่างนั้นพร้อมกับประคองสีหน้าสงบนิ่งเพื่อรอฟังข้อมูลถัดไป
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ ป้ายของสกุลตวนมู่ที่ถูกพบนั้นเป็นของจริง และฉีจิงซานผู้นี้ก็เคยทำงานในกองทัพของเหอซีอิงกงจริง”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#157235">
“ตวนมู่เหม่ยเหริน โปรดระวังกิริยาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”</font> เสียงนอบน้อมเย็นเยียบดังจากขันที
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สายตาหลายคู่ยามนี้ล้วนเคลื่อนไปมองที่เหม่ยเหรินจากตระกูลวีรชนที่ลุกขึ้นแสดงกิริยาไม่น่ามองยามที่ทราบถึงเนื้อหาส่วนนี้ สายตาทั้งหมดผสมปนเปไปด้วยการตำหนิบ้าง ดูแคลนคล้ายว่านางแก้ตัวบ้าง หรือไม่ก็หน่ายใจราวกับสมเพชเวทนา จะมีก็แต่สายตาไม่กี่คู่ที่ยังเผยความรู้สึกในด้านอื่น อย่างเช่นจางทัง จางถิงเว่ยชำเลืองตามองไปทางตวนมู่เหม่ยเหรินอย่างสงบถึงแม้ว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกขัดประโยคด้วยแรงโทสะผสานตกตะลึงนั้นก็ตาม ด้านลู่เหม่ยเหรินที่มองภาพรวมทั้งหมดมานานก็มีท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไร้ซึ่งการดูหมิ่น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าที่ทรงอำนาจที่สุดย่อมไม่พ้นสายพระเนตรมังกรที่เคลื่อนกลับไปมองยังร่างชดช้อยที่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นกล้าหาญอยู่ราว ๆ เจ็ดส่วน ฮั่นอู่ตี้พิจารณาดูความงามอย่างมีเอกลักษณ์นั้น เฝ้ามองถึงการเปลี่ยนแปลงไปมาบนสีหน้าและแววตา ความตื่นตระหนกของนาง เขาทราบ ความร้อนรุ่มที่มาจากความไม่เป็นธรรม เขาเองก็ทราบ แต่ไหนแต่ไรมาหลิวเช่อไม่ใช่คนโอนอ่อนอย่างไร้เหตุ สายตาของเขาเรียบเย็นไร้ความรู้สึกแต่ก็มีประกายบางอย่างที่ชวนให้คนมองนึกประหลาดใจ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><i>
‘ นางหาใช่ผู้ที่สมควรต้องกังวล ’</font></i> หลิวเช่อคิดแต่กลับไร้ซึ่งการปลอบประโลมที่แสดงออก
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ พูดต่อไป ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางถิงเว่ยที่ได้ยินคำอนุญาตจากฝ่าบาทก้มใบหน้าลงอีกครั้ง <font color="#2747AA">“ จากการสืบหลักฐานเบื้องต้น กระหม่อมพบว่ามีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ พยานผู้นี้เป็นเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมชางลั่งถิง ยามนี้รออยู่ด้านนอก แต่ถึงแม้กระหม่อมจะสืบหาพยานมาได้แต่เขาก็ไม่ยอมสารภาพว่ารับคำสั่งผู้ใดมา จากดุลพินิจของกระหม่อม ท่าทางของฉีจิงซานคล้ายว่าต้องการปกป้องคนผู้นั้น แ…. ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของจางถิงเว่ยขาดช่วงไปเป็นครั้งที่สาม หนนี้อาศัยเพียงการเปลี่ยนแปลงบนพระพักตร์ของโอรสสวรรค์ก็เพียงพอที่จะห้ามปรามหลักฐานของคดีไม่ให้หลุดออกมามากไปกว่านั้น สายตาของฮั่นอู่ตี้เคลื่อนผ่านร่างของถิงเว่ยไปยังเบื้องหลังที่มีกายสูงใหญ่ของทหารองครักษ์ฉีจิงซาน <font color="#D4AC0D">“ ให้เขาพูด ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AA4727">
“ ฝ่าบาท ”</font> ชายชาติทหารหน้าซีดไปทันทีที่ถูกกล่าวถึง ชายเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ดำเนินการปลิดชีวิตเย่เหม่ยเหรินก้มหน้าลงให้การอย่างลนลาน <font color="#AA4727">“ กระหม่อมฉีจิงซานผู้เป็นทหารองครักษ์ ในวันที่เย่เหม่ยเหรินเสียชีวิต เป็นคืนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นกระหม่อมกำลังลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยจึงได้มีโอกาสลงมือ กระหม่อมทราบดีว่าโทษฐานสังหารคนหนักหนานัก อีกทั้งกระหม่อมยังเข้าใจว่าการทำเช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้น แต่เรื่องนี้หาได้เกี่ยวกับนายหญิงขอรับ ทุกอย่างกระหม่อมเป็นผู้กระทำเอง กระทำลงไปเพราะหนี้รักฝังลึก ในยามที่ยังเยาว์กระหม่อมและเย่เหม่ยเหรินเป็นสหายใกล้ชิดถึงขนาดที่กระหม่อมตั้งใจอยากสู่ขอนาง ทว่านางกลับไม่รักษาสัญญาณ ทอดทิ้งกระหม่อมและเลือกก้าวเข้ามาสู่รั้ววังใน ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำให้การยาวเหยียดของฉีจิงซานดูซื่อตรงและสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจุดที่ต้องการกล่าวว่า <b>‘ หาได้เกี่ยวข้องกับนายหญิง ’</b> ประโยคนี้ยิ่งดูจริงจังขึ้นหลายส่วน <font color="#AA4727">“ ส่วนที่พาดพิงถึงลู่เหม่ยเหริน .. เป็น เป็นกระหม่อมอยากล้างแค้นให้เย่เหม่ยเหรินที่เคียดแค้นต่อนางยิ่ง จึงกระทำเกินกว่าเหตุหาหลักฐานทิ้งไว้เพื่อป้ายสีนาง ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
เป็นรักลึกซึ้งปานผูกจิตนี่เอง(ประชด)</i> เหม่ยเหรินแซ่ลู่ที่ยืนฟังอยู่ได้แต่ขมวดคิ้วขึ้นมา ริ้วรอยความไม่พึงใจบนหน้างามนี้หากมีคนพบเห็นเข้าย่อมต้องอ่อนระทวยแล้วรีบปรี่เข้ามาเอาอกเอาใจ แต่ในยามที่ผู้คนล้วนแต่เฝ้ามองเพียงคำสารภาพไหนเลยจะมีคนคำนึงถึงสภาพจิตใจของคนที่อยู่เฉย ๆ ก็ถูกลากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงชนิดที่สามารถพรากลมหายใจของนางไปได้ทุกเมื่อ อีกทั้งคำให้การนี้ไม่เห็นจะมีส่วนใดที่เข้าท่า
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขากล่าวว่าทำทั้งหมดด้วยตนเองแล้วเหตุใดจึงสามารถหาของสำคัญมากมายอย่างกระดาษที่ใช้กันในวงแคบ ไหนเลยจะสามารถขีดเขียนในรูปแบบอักษรที่คล้ายคลึงถึงขนาดที่ตงฟางซั่วยังกล่าวว่าเป็นอักษรของนาง และหากซื่อสัตย์ต่อคำให้การที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายหญิงไหนเลยจะกล้าปล่อยให้ป้ายทหารตกหล่นในที่เกิดเหตุ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B"><i>
“ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าทำเรื่องใดลงไป ”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กระทั่งหยกเย็นไร้ใจยังต้องเค้นเสียงลอดไรฟันเพื่อกล่าวออกมา ทว่านางทำได้เพียงเท่านั้น แม้จะไม่ใช่การหันมองจนเต็มตา ทว่าพระพักตร์ของฝ่าบาทก็เบี่ยงมาคล้ายย้ำเตือนถึงสิ่งที่เขาเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ นงคราญหยกลอบกำหมัดพลางขบริมฝีปากก่อนจะเบือนหน้าออกไปอีกทาง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AA4727"><b>
“ กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมมิสมควรกระทำโดยไร้การยั้งคิดเช่นนี้ ขอฝ่าบาททรงมีรับสั่งลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ !!! ”</font></b> พริบตาถัดจากนี้คล้ายว่ามีความวุ่นวายแผ่กระจายทั่วห้องอักษร เสียงตะโกนขอร้องให้ฝ่าบาทประทานโทษถึงตายจากผู้ให้การสารภาพว่าลงมือกระทำดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่เพียงเท่านั้น เหล่ามือปราบที่มีหน้าที่คอยประกบเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายก็จำเป็นต้องตวาดห้ามการกระทำอันไม่สมควรนี้ก่อให้เกิดเป็นมรสุมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซัดเข้ากลางห้องทรงอักษรที่เริ่มชักชวนให้ขันทีน้อยใหญ่ต่างก็พากันซุบซิบอย่างออกรส
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางกงกงที่มองอยู่ต่อให้อยากปั้นละครน้ำเน่าเกี่ยวกับการใส่ร้ายแย่งชิงอย่างไรสุดท้ายเมื่อสถานการณ์ดันพลิกออกมาเป็นรูปแบบนี้ก็ได้แต่ปวดหัวไปพร้อม ๆ กับทำหน้าลำบากใจ ครั้งนี้เขาคาดการณ์ความคิดของฝ่าบาทไม่ออก แม้จะพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอพระทัยนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าความพิโรธอย่างแท้จริงของโอรสสวรรค์จะปะทุขึ้นมาเมื่อใ—-
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><b>
ปัง !!! </b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
พระหัตถ์หนาฟาดลงกับโต๊ะทรงงานอย่างแรงเกิดเป็นเสียงดังครึกโครมที่สยบทุกการกระทำของชาวประชารอบกาย คล้ายกับมีฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ จะขุนนาง สนม หรือขันทีล้วนแต่ทรุดกายลงอย่างคร่ำเครียดพร้อมร้องออกมาเป็นคำว่า<b> “ ฝ่าบาทโปรดถนอมพระวรกายด้วยเพคะ / พ่ะย่ะค่ะ ”</b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใบหน้าของฮั่นอู่ตี้ยังคงสงบ ตรงกันข้ามกับการไม่พอใจ ดูเหมือนเขาจะมีร่องรอยของความพอใจและ <b>‘ เย้ยหยัน ’</b> แทรกอยู่ในแววตาอย่างเห็นได้ชัด <font color="#D4AC0D">“ เหตุใดจึงมัวแต่ถกเถียงเรื่องไร้สาระ ”</font> ไม่มีใครรู้ว่าความหมายในคำพูดนี้ของพระองค์คืออะไร ทรงเชื่อไปแล้วว่าเป็นความผิดตวนมู่เหม่ยเหริน? หรือมองว่าหลักฐานทั้งหมดล้วนไม่มูล?
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ” </font>พระพักตร์ของเจ้าแผ่นดินดูปลอดโปร่งนัก ท่าทางที่แสดงออกมาของเขาคล้ายจะไม่ไยดีต่อสำนวนคดีที่ถูกรายงาน มีเพียงการหันไปกล่าวกับเจี๋ยอวี๋เพียงผู้เดียวในที่แห่งนี้ด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจิ้นไม่ได้เรียกเจ้ามาเพื่อต้องทนฟังเรื่องนี้หรอก ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋หัวใจชาวาบ ความโกรธเกรี้ยวของมังกรผู้ใดจะไม่กลัวเกรง ทว่าเพียงครู่เดียวอากัปกิริยาที่ตื่นตระหนกของนางก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงของหวงตี้ที่ตรัสออกมาเพียงชื่อนาง ทำให้เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋รู้สึกพิเศษกว่าใคร ในหัวใจหวานล้ำเพราะคาดเดาว่า พระองค์โปรดปรานนางเหมือนเก่า วงคิ้วงามสะท้อนอารมณ์หวานซึ้ง นัยน์ตาทอประกายอ่อนหวาน <font color="#C6A3CB">“เพื่อให้ได้พบพระพักตร์ของฝ่าบาท แม้ต้องฟังเรื่องโหดร้ายเหล่านี้ หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รอบด้านไม่มีใครกล้าขัดความประสงค์ของฝ่าบาท ต่อให้ประหลาดใจสักแค่ไหนก็ยังต้องเงียบกริบ หลิวเช่อไม่เพียงปล่อยให้เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เรียกคะแนนสงสารอยู่อย่างนั้น เขายังยกชาขึ้นจิบคล้ายคนที่ยินดีฟังนางกล่าวไปเรื่อย ๆ ถึงขนาดที่จางกงกงยังต้องขมวดคิ้ว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจิ้นจำได้ว่ายามพบเจิ้นเจ้าจะห้อยป้ายหยกสลักคำว่าเฮ่อถูไว้ที่เอว ครั้งนี้ไม่ยักเห็น ทำไม? ไม่มั่นใจกับความงามของป้ายนั้นแล้วหรือ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ใบหน้างดงามอ้าปากคราหนึ่งก่อนจะหุบลง สีหน้า นัยน์ตาอ้ำอึ้ง คลับคล้ายกังวลและโศกเศร้า <font color="#C6A3CB">“ป้ายนั้น…ตอนที่หม่อมฉันออกนอกวังไปเมื่อคราวก่อน บังเอิญทำหล่นหายเพคะ…”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ริมฝีปากของโอรสสวรรค์หยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายของบุรุษเพศที่สามารถตรึงสายตาของผู้คน มือของเขาเปิดฝากล่องไม้ที่พึ่งถูกจางทังนำขึ้นถวายได้ไม่นานระหว่างที่รับฟังคำตอบจากปากขององค์หญิงเผ่าซงหนู อาจเป็นเพราะชายแขนภูษาที่รุ่มร่าม รวมไปถึงความสูงของพระที่นั่งซึ่งต่างระดับจากผู้อื่น ไม่ว่าใครต่างก็หาได้ทราบว่าฝ่าบาทได้หยิบบางสิ่งออกมาจากกล่องนั้น ทั้งหมดล้วนเห็นแค่การเปิดและปิดกล่องลงช้า ๆ โดยที่ใบหน้าของพระองค์ยังคงปราศร่องรอยการเปลี่ยนแปลง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจ้ามาจากนอกด่านไม่คุ้นชินพื้นที่ เจิ้นเข้าใจ ช่วงนี้ได้ยินว่าเจ้ามุ่งมั่นกับการฝึกเขียนอ่านอักษรฮั่นจนเป็นที่โจษจันว่าเขียนได้ดีนัก ”</font> ฮั่นอู่ตี้ขยับมือเรียกจางกงกงให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะสิ่งหนึ่งไว้บนมือคนสนิท
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จงฉางซื่อที่ก้าวเข้ามารับเมื่อได้เห็นของในมือก็มีสีหน้าตกตะลึง จางกงกงรีบเก็บสีหน้าพร้อมระบายยิ้มที่ดูฝืด ๆ ออกมาอย่างผิดสังเกต ยามนี้เขาทราบแล้วว่าในพระทัยฝ่าบาทมีสิ่งใด ขันทีอสรพิษได้แต่แสดงความสงสารเหล่าหญิงสาวที่ต่อจากนี้ต้องเผชิญกับเล่ห์เหลี่ยมมังกรอยู่ในใจโดยที่ทั้งตัวเขาก็ขยับเข้าไปหาเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋พร้อมยื่นสิ่งที่อยู่ในมือออกไป
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เป็นป้ายหยกงามชิ้นหนึ่งที่ส่องประกายเล่นกับแสงได้ดียิ่งนัก โดยเฉพาะบริเวณเนื้อหยกที่สลักลงเป็นคำว่า <b>‘ เฮ่อถู ’</b> ในภาษาฮั่น ดูจะชดช้อยแต่ก็แทรกไว้ด้วยความทรงพลังสมกับที่เป็นของแสดงฐานันดรของผู้เป็นถึงองค์หญิง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ของสำคัญควรรักษาให้ดี หากไม่ใช่ว่ามีคนของเจิ้นไปพบป้ายหยกนี้เข้า มันก็คงไม่พ้นหายสาบสูญไปแล้ว ”</font> ราวกับญาติผู้ใหญ่กำลังตักเตือนและสอนสั่งคนในการดูแลของตนเอง หลิวเช่อขยับตัวเล็กน้อย เขาเปลี่ยนท่าทางขึงขังให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้นผิดกับจางถิงเว่ยที่แววตากระตุกไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกส่งกลับคืนเจ้าของ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ หากเจ้าอยากขอบคุณเจิ้น ถ้าเช่นนั้นก็เขียนประโยคมงคลให้เจิ้นสักแผ่น ”</font> เก็บของสำคัญให้ ตักเตือนเพียงเล็กน้อย ทั้งยังเสนอทางทดแทนคุณให้สตรี นับว่าเป็นการรวมสิ่งที่<b> ‘ หลิวเช่อ ’</b> ปกติไม่มีทางที่จะลงมือทำ แต่สำหรับหมู่สนมที่เข้าวังได้ไม่นานไหนเลยจะรู้ซึ้งถึงนิสัยใจคอที่แท้จริงของผู้เป็นพระสวามี
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ชะงักงัน ใบหน้าฉายแววกังวลใจเล็กน้อย หากเพียงพริบตาก็เปลี่ยนเป็นยินดีปรีดา รอยยิ้มหวานล้ำโค้งประดับดวงหน้าผ่องใส <font color="#C6A3CB">“ของสิ่งนี้เป็นของสำคัญของหม่อมฉัน ราวกับฟ้าลิขิตให้ฝ่าบาทนำมาคืน วาสนาของพวกเราช่างราวกับเทพชะตาลิขิต นับแต่นี้หม่อมฉันจะรักษาไว้อย่างดี มิกล้าให้ห่างตัวเพคะ”</font> นางเอ่ยพลางยอบกายขอบพระทัย ไม่ช้านานจากนั้นขันทีคู่พระทัยก็ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับถาดวางกระดาษ แท่นฝนหมึก และพู่กัน ยังมีคนนำโต๊ะเล็กๆ มาวางต่อหน้านาง ดุจว่า <b>‘คำขอ’</b> นั้นเป็นภาพลวงตา เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋มิทันได้สังเกตถึงสถานการณ์ที่บีบรัดให้นางต้องเขียน ยังคงคิดว่าหวงตี้ปรารถนาจะทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการคัดอักษรของตน ร่างบางเผยรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาประหนึ่งหญิงสาวชาวบ้านที่ซื่อสัตย์และรักมั่น นิ้วเรียวยาวจับพู่กันจุ่มบนถาดหมึกที่มีผู้ฝนให้แล้ว ก่อนจะบรรจงลากอักษรลงบนกระดาษขาวอย่างประณีต ในใจหวังเพียงว่าฝ่าบาทจะชื่นชมยินดี
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อักษรข่ายซูอันงามล้ำประหนึ่งงูน้ำพลิ้วไหวในสายธาร ชดช้อยดุจกิ่งหลิวต้องลมวาดตวัดร้อยและซ้อนทับตามลำดับขั้นของการเขียน ลายตวัดเพริดแพรวอย่างยากจะเชื่อว่าหญิงนอกด่านผู้นี้เพิ่งร่ำเรียนอักษรฮั่น มิหนำซ้ำยังเลือกอักษรที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ การลากเส้นแน่วแน่มั่นคงบ่งบอกถึงการเขียนที่ใส่จิตวิญญาณเข้าไว้ด้านใน สุดท้ายก็กลายเป็นอักษร <b>“ฝู” (ความสุข)</b> อันประณีต
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงอ่อนหวานเอ่ยเจื้อยแจ้ว <font color="#C6A3CB ">“หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะมีความผาสุก เปี่ยมด้วยโชคและสิริมงคลดุจอักษรนี้เพคะ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่ตั้งใจคัดอักษรอย่างดีหาได้รู้เลยว่านี่ล้วนแต่เป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายที่ฝ่าบาทตระเตรียมไว้เพื่อนาง ทันทีที่จางกงกงนำกระดาษซึ่งผ่านมือของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ขึ้นมาถวาย มือหนึ่งของฝ่าบาทก็ถูกกระดาษแผ่นนั้นไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็ถือกระดาษอีกแผ่น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ น่าสนใจ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่นอู่ตี้พึมพัมกับตัวเอง ไม่มีใครทราบว่าเขานึกครึ้มอะไรอยู่ เพราะประโยคถัดมาจากริมฝีปากนี้ค่อนข้างสร้างความแตกตื่นได้มากทีเดียว <font color="#D4AC0D">“ ตวนมู่เหม่ยเหริน เจ้าขึ้นมาดูนี่สิ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ที่ปรากฏบนกระดาษทั้งสองแผ่นคือรอยพู่กันที่เขียนเป็นประโยคมงคลสำหรับอวยพรแด่หวงตี้ที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ต่างเพียงแค่สองจุด หนึ่งคือรอยหมึกที่แผ่นหนึ่งเหมือนจะถูกเขียนเมื่อก่อนหน้านี้จนหยดหมึกแห้งสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนอีกแผ่นยังต้องใช้เวลากว่าจะแห้งพอม้วนเก็บ และส่วนที่สองย่อมเป็นประโยคที่แตกต่างแต่ก็เผอิญมีบางอักษรที่เป็นตัวเดียวกันง่ายต่อการเทียบลายมือ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ อยู่นี่ก่อน ”</font></i> สุรเสียงของมังกรกล่าวอย่างกระซิบเบา ๆ กับเหม่ยเหรินแซ่ตวนมู่ทั้งที่ตัวยังนั่งตรง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จางถิงเว่ย ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวว่ามีพยานใช่หรือไม่ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ พ่ะย่ะค่ะ? ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขนาดจางถิงเว่ยยังเงยหน้าขึ้นตอบรับเสียงสูงอย่างเสียเชิง <font color="#2747AA"><i>‘ ฝ่าบาทท่านผ่านแม่น้ำเหลืองไปไกลแล้วเหตุใดจึงวกกลับมาเอายามนี้เล่า ’</font></i> ภายในใจของผู้คนล้วนแต่คิดเป็นเสียงเดียวกัน จางทังรีบกลับมาปรับท่าทางให้สงบอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้ผู้ติดตามวิ่งไปแจ้งให้ด้านนอกนำตัวพยานเข้ามา
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA"><b>
“ เบิกตัวพยาน !!! ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมผู้โด่งดังปรากฏตัวขึ้นกลางห้องทรงอักษรผ่านการเชื้อเชิญให้เดินเข้ามา หาใช่การลากอย่างทารุณ <b>‘ ชางเยี่ยนเป่ย ’</b> ชายเจ้าสำราญที่ตลอดชีวิตไม่เคยเหยียบย่างเข้าเขตราชการตัวสั่นระริกเล็กน้อยแต่ก็ยังฝืนเชิดหน้าขึ้นราวกับไม่เกรงกลัว <font color="#63A556">“ เป็นเกียรติของกระหม่อมที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อืม ”</font> เจ้าแผ่นดินที่ได้รับการถวายพระพรติดต่อกันอย่างต่อเนื่องจนคำว่าหมื่นปีเหล่านั้นจะกลายเป็นแสนปีอยู่ร่อมร่อได้แต่ตอบรับในลำคอ <font color="#D4AC0D">“ ถิงเว่ยกล่าวกับเจิ้นว่าเจ้าเป็นพยาน เคยพบเขาหรือ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาในที่นี้ย่อมเป็นฉีจิงซานที่ซีดเซียวเพราะบรรยากาศของห้องทรงอักษรที่หนักอึ้งได้กดทับกายเขาจนทำให้รู้สึกเหมือนจะขาดใจ แต่สำหรับชางเยี่ยนเป่ยที่พึ่งเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างซื่อตรงและพยักหน้า <font color="#63A556">“ เขาเป็นลูกค้าประจำของโรงเตี๊ยมชางลั่งถิงที่กระหม่อมดูแล ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ ใช่พ่ะย่ะค่ะ ด้วยเหตุนี้กระหม่อมจึงเข้าไปสอบถามว่าช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ เถ้าแก่ชางได้พบฉีจิงซานบ้างหรือไม่ ”</font> จางทังช่วยกล่าวเสริมในส่วนที่เป็นสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงเสาะหาพยานคนนี้ขึ้นมาได้ ด้านชางเยี่ยนเป่ยถึงจะไม่เคยให้การในคดีสำคัญแต่ก็พอรู้ว่าต่อจากนี้ตัวเองต้องพูดอะไร
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#63A556">
“ กระหม่อมทราบวันที่เกิดเหตุจากใต้เท้าจาง .. แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าสามวันก่อนหน้านั้น ลูกค้าท่านนี้ได้สนทนากับแม่นางปริศนาท่านหนึ่งที่เขาเรียกนางว่านายหญิงพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นนายหญิงผู้นั้นแต่งตัวธรรมดาทั้งยังสวมหมวกไผ่ผ้าคลุมจึงไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่กระหม่อมได้ยินเขาพูดกับแม่นางว่า<b> ‘ ชีวิตข้าต่อให้ต้องตายก็พร้อมถวายให้นายหญิง ’</b> ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฉีจิงซานตัวสั่นระริก เขาเริ่มกลับมาพูดพึมพัมเสียงเบาสลับดังว่า <font color="#AA4727"><i><b>“ ไม่ใช่ ไม่ใช่นายหญิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง ”</font></i></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ สามวันก่อนเย่เหม่ยเหรินตายไป เจิ้นจำได้ว่าวันนั้นพี่ชายที่เป็นข่านของเจ้าแวะมาเยือนฉางอันเจ้าจึงได้ขอข้าออกไปพบเขา..”</font> ประโยคนี้ของฝ่าบาทแม้จะไร้ซึ่งคำถามแต่ก็คล้ายจะประกาศชัดถึงเจตนาที่กล่าวขึ้น ยามนี้ไม่มีใครกล้าแทรกสิ่งใดเพราะสายตาคมกริบของโอรสสวรรค์กำลังจ้องมองอย่างกดดันอยู่ที่ร่างขององค์หญิงนอกด่านที่ได้โอกาสเข้ามารับใช้ใกล้ชิดเป็นถึงสนมในวังหลวง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ความตื่นตะลึงวาดผ่านใบหน้าอันงดงามของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ นางค่อยๆ เก็บงำความรู้สึกนั้นลงพลางทูลต่อหวงตี้ด้วยความสัตย์ซื่ออย่างที่สุด<font color="#C6A3CB"> “วันนั้นหม่อมฉันออกไปพบเสด็จพี่จริงๆ เพคะ หม่อมฉันไม่ได้พบเขามานานในใจคิดถึงและห่วงหา มีเรื่องให้ถามไถ่พูดคุยมากมาย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มืดค่ำแล้ว แม้นในใจจะยังไม่อยากจาก ก็จำต้องกลับวังในเวลาพลบค่ำ คำพูดของหม่อมฉันหาได้โป้ปดมดเท็จ วาจานี้…หากพระองค์ไม่เชื่อมั่นในตัวของหม่อมฉัน โปรดเชื่อมั่นความภักดีของอันต๋าและชาวซงหนู เรื่องนี้พระองค์สามารถส่งจดหมายถามเสด็จพี่เพื่อเป็นพยานให้หม่อมฉันได้เพคะ เราสองพี่น้องภักดีต่อต้าฮั่น ไม่กล้าหมิ่นพระบารมี มิกล้าสมคบคิดวางแผนร้ายอย่างเด็ดขาด”</font> เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เอ่ยอย่างหนักแน่นมั่นคง แม้ว่าพยานที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจะมิใช่สิ่งที่น่าเชื่อถือ แต่นางก็สู้อย่างสุดใจ ประหนึ่งวาดหวังว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีร่วมกับหวงตี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จะฉุดดึงนางขึ้นจากความสงสัยของพระองค์ พลันร่างของนางสนมที่สูงศักดิ์ที่สุดในที่แห่งนี้ก็ทรุดลงต่ำ <font color="#C6A3CB">“ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาและให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จางถิงเว่ย ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ สรุปแล้วคดีนี้มีความเป็นมาอย่างไร ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><b>
มาถึงแล้ว ! </b>หลายชีวิตสูดหายใจเข้าพร้อมกัน ในที่สุดหลังความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของผู้ครองบัลลังก์ก็จะจบลงและถึงคราวความจริงได้ออกมาเฉิดฉายแล้ว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ กราบทูลฝ่าบาท ฉีจิงซานและตระกูลฉีรับใช้กองทัพเหอซีอิงกงมาสามชั่วอายุคน ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงนายทหารระดับสูงในกองทัพ เขายินดีพลีชีพเพื่อปกป้องสายเลือดตระกูลตวนมู่ แม้บุกน้ำลุยไฟก็มิยอมปริปาก ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนที่เขาพบและออกคำสั่งให้ลงมือสังหารเย่เหม่ยเหรินจะต้องมีบทบาทสำคัญ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เก่าก่อนกับเย่เหม่ยเหริน เป็นเขาโกหกพ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองมีภูมิลำเนาห่างกันนับพันลี้ย่อมไม่สามารถรู้จักถึงขนาดฝากใจรัก ”</font> เสียงก้องกังวานของจางทังกระทบเข้าโสตประสาทของคนทั่วทั้งห้อง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA">
“ ระหว่างสืบสำนวนคดี กระหม่อมพบว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นกับลู่เหม่ยเหริน เว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ และซ่างกวนเหม่ยเหรินช่วงหลังมานี้ ล้วนแต่เป็นฝีมือของนายหญิงที่ฉีจิงซานพบที่โรงเตี๊ยมชางลั่งถิง ”</font> เขาไม่กล่าวว่านายหญิงนั้นคือใคร แต่สายตากลับชักนำทุกคนให้มองไปยังร่างอรชรของสตรีแซ่ตวนมู่ที่ยามนี้ขยับขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างฝ่าบาทจนกลายเป็นเป้าสายตาได้อย่างง่ายดาย
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA"><b>
“ ลู่เหม่ยเหรินคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายมลทิน <i>ส่วนผู้ร้ายตัวจริงนั้น..</i> ”</font></b> ราวกับจุดคลายปริศนาในละครน้ำดีที่ผู้คนชมชอบ หลายชีวิตรอบด้านลุ้นจนตัวโก่งแต่ผู้ที่มีหน้าที่สรุปเรื่องกลับดึงเชิงไว้พร้อมประสานมือโค้งลงอย่างดี <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#218568"><i>
‘ โอ๊ย ใต้เท้าจางท่านโยนบทกลับไปให้ฝ่าบาททำไม ! อยากเห็นพวกเราขาดใจตายหรืออย่างไร !! ’</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ระหว่างที่หลายคนเอาแต่คร่ำครวญ โอรสสวรรค์วางมือลงบนเข่าของตัวเองช้า ๆ <font color="#D4AC0D"><b>“ ลู่เหม่ยเหริน ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
เป็นนาง?</i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สายตามากมายล้วนจับจ้องไปที่ฝ่าบาท กระทั่งขันทีระดับกลางที่เตรียมพร้อมหากเกิดเรื่องฉุกเฉิน ยังเงยหน้าจากการพิจารณาลวดลายมงคลบนพรม เวลานี้หลักฐานและพยานต่างถอยห่างออกมาไกลเกินกว่าจะระบุว่า ลู่เหม่ยเหริน เป็นคนร้ายแล้ว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร แสดงออกแบบไหน ล้วนไม่สำคัญ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนงามที่ไร้บทมาตลอดหนึ่งชั่วยามที่นั่งถกเถียงกันไปกันมาคราวนี้ถึงกับไร้คำพูดใดจะเปล่งออก มีก็แต่เสียงสั่นเครือพร้อมด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ<font color="#994D7B"><i> “ ฝ ฝ่าบาท เหตุใดท่าน.. ”</font></i> ในที่สุดไป๋หรั่นก็ได้ทราบ ช่วงเวลาที่บีบคั้นให้นางโดดเดี่ยวอย่างโหดร้ายที่สุด ทั้งยังตัดรอนความหวังนางได้อย่างเยือกเย็น ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นได้เพราะคำพูดภายใต้การตัดสินใจของเขา ให้ความหวังนาง ให้ที่พึ่งพิงนาง อนุญาตให้นางคว้าคนสนิทเขาไว้เป็นที่กำบัง แต่สุดท้ายเขากลับช่วงชิงทั้งหมดโดยอาศัยเพียงหนึ่งวาจา เนตรหงส์คลอหน่วยด้วยหยาดน้ำ จะให้นางแก้ต่างอย่างไร ให้นางรอดพ้นเช่นไร !!
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แต่แทนที่มือปราบหรือเจ้ากรมราชทัณฑ์จะปรี่เข้าคุมตัว ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่จางกงกงที่เคยออกตัวอย่างชัดเจนว่าให้การสนับสนุนเหม่ยเหรินแซ่ลู่ล้วนไม่ขยับ จนกระทั่งหลายคนหวนนึกได้ว่าใต้เท้าจางถิงเว่ยได้กล่าวอะไรไว้เป็นอย่างสุดท้าย
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#2747AA"><i>
‘ ลู่เหม่ยเหรินคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายมลทิน ’</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจ้าดู ”</font> เสียงของฝ่าบาทดังขึ้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นช้า ๆ<font color="#D4AC0D"> “ คนผิดอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้ว ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ พูดมา อยากให้เจิ้นจัดการตวนมู่เหม่ยเหรินอย่างไร”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายจะไม่ผิดไปจากที่คาด แต่ก็สร้างความตกใจได้เป็นอย่างยิ่ง ราวกับโอรสสวรรค์หลงลืมไปแล้วว่ายามนี้สตรีที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาคือคนบงการเหตุฆ่าสังหารทั้งยังจงใจใส่ร้ายผู้อื่น และผู้อื่นที่ถูกใส่ร้ายก็ไม่พ้นคนที่ยืนห่างจากทั้งสองไปเพียงหนึ่งขั้น การให้พวกนางเผชิญหน้ากันในระยะประชิดเช่นนี้…
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i><b>
อำมหิต.. ช่างอำมหิตนัก</i></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มีอย่างที่ไหนให้สตรีตัดสินโทษ สาวงามดั่งหยกนิ่งอึ้งไปถึงขนาดหลงลืมว่าสองตายังคงเอ่อล้นไปด้วยน้ำ เดิมทีนางกลั้นน้ำตาไว้ ต่อให้ต้องกลืนเข็มพันเล่มก็ไม่ยินดีหลั่งน้ำตาให้กับการกล่าวหาเช่นนี้ ทว่าความตื่นตะลึงกลับทำให้นางลืมสิ้น น้ำตาของสาวงามคล้ายไข่มุกมากมูลค่า
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B"><i>
“ พระองค์.. ตรัสว่าอย่างไร…นะเพคะ? ”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ นางคือคนที่ทำให้เจ้าเดือดร้อนและลำบาก เจิ้นจะลงโทษตามที่เจ้าปรารถนา ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เห็นเขาหนักแน่นในถ้อยคำเช่นนี้ย่อมสร้างความสะพรึงให้แก่คนรอบข้าง เว้นเสียแต่จางกงกงที่ทราบดีถึงความอำมหิตนี้ในฐานะคนสนิทเขาเคยลงมือทำงานลับให้ฝ่าบาทมานับครั้งไม่ถ้วนเขาไม่เคยกังขาในการตัดสินใจของอีกฝ่ายจนกระทั่งครั้งนี้ <font color="#980000"><i>‘ ฝ่าบาท.. ครั้งนี้เป็นพระองค์บีบเค้นพวกนางเกินไปแล้ว ’</font></i> จางกงกงได้แต่เวทนาอยู่ในใจ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในศีรษะน้อย ๆ ของลู่เหม่ยเหรินขาวโพลนดั่งหยก นางกะพริบตาปริบพลางผินหน้ามองไปรอบกายช้า ๆทุกชีวิตรอบด้านมีสีหน้าที่แปลกประหลาดยิ่ง บางคนหนักใจ บางคนตื่นตะลึง บางคนสงสาร บางคนเวทนา นางมองผ่านคนแล้วคนเล่าจนวกกลับมาหยุดที่ร่างงามบนพื้น <font color="#994D7B"><i>‘ ไม่ถูกต้อง เป็นไปไม่ได้ .. ไม่สิ ไม่จริง ’</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่ไป๋หรั่นเงยหน้าขึ้นมองจางกงกงที่อยู่ถัดออกไป ในแววตานั้นแฝงแววกระหายซึ่งความช่วยเหลือแต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นการพยักหน้าเพียงครั้งเดียว ขนาดคนสนิทของอีกฝ่ายยังไม่สามารถลงมือช่วยเหลือได้ โฉมสะคราญงามเพริดพริ้งเลื่อนสายตากลับไปยังโอรสสววรค์ นางขยับริมฝีปากแห้งผากทั้งที่ยังหลั่งน้ำตาพร้อมทั้งส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท .. ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ มันมิสมควรเป็นเช่นนี้เพคะ ”</font> สตรีงามในอาภรณ์ขาววาดแขนออกทิ้งเข่าลงกับพื้นพร้อมก้มลงร้องขอความเมตตา<font color="#994D7B"> “ ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เรื่องที่เจิ้นถามมีเพียงว่าเจ้าต้องการให้ทำอย่างไรกับผู้ที่กระทำความผิด ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้ไม่ตวาดหรือกล่าวอย่างฉุนเฉียว แต่วาจานี้กลับตอกลึกในใจของผู้ฟัง สองมือของหวงตี้ขยับไขว่หลังอย่างรอคอย
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ”</font> หากนางไม่ตอบเกรงว่าตลอดทั้งวันนี้คงได้แต่คุกเข่า ลู่ไป๋หรั่นลอบจิกเล็บลงกับหลังมือของตนเองจนเกิดเป็นรอยช้ำแดงดูน่ากลัว ในขณะที่ก้มหน้าอยู่นางลอบชำเลืองตามองตวนมู่เหม่ยเหรินเล็กน้อยก่อนจะกล้ำกลืนความข้องใจลงไป<font color="#994D7B"> “ ต้าฮั่นมีกฏบ้านกฏเมือง ตามบัญญัติกฏหมายระบุโทษฐานขั้นใดให้ตัดสินตามนั้นเพคะ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เป็นนางที่ยอมถอยมาหนึ่งก้าวด้วยการตอบความปรารถนาของตนเองก่อน หากเป็นปกตินางอาจกล่าวว่าสุดแล้วแต่ฝ่าบาทจะตัดสินใจเนื่องจากพระองค์เป็นถึงเจ้าแผ่นดินมีสิทธิ์ตัดสินโทษทัณฑ์ แต่ในยามนี้ที่นางยังต้องขอร้องกับเขา คำยกยอถึงปานนั้นย่อมไม่มีทางหลุดออกมาจากปาก ไป๋หรั่นไม่เว้นช่วงให้ใครได้ตอบโต้ นางรีบเงยหน้าขึ้นพร้อมกราบทูล <font color="#994D7B"><i>“ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินนี้ พระองค์ได้โปร—- ”</font></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ดี ”</font> เจ้าแผ่นดินกล่าวขึ้นแทรกประโยคของนางเสียงดัง ผู้ครองรัศมีมังกรสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้งพร้อมทิ้งตัวนั่งบนพระที่นั่งอีกครั้ง<font color="#D4AC0D"> “ อย่าได้รีบร้อน จากนี้ยังมีประกาศที่พวกเจ้าทุกชีวิตต้องฟัง ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายว่าพระองค์จงใจกล่าวกับตวนมู่เหม่ยเหรินเป็นพิเศษ หลิวเช่อพึงพอใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว จึงเวลาตัดสินผิดถูกและหยิบเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ใส่หีบทิ้งลงทะเลเพื่อไม่ให้ใครยกมันขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้อีก <font color="#D4AC0D">“ จางกงกงเตรียมร่างราชโองการ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ ด้วยคดีเย่เหม่ยเหรินกินเวลามานาน บัดนี้ความจริงได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ลู่เหม่ยเหรินพ้นจากมลทินทุกอย่างโดยสิ้นเชิง เจิ้นขอพระราชทาน 10 ตำลึงทอง และเต้าหู้ 10 หน่วยให้แก่ลู่เหม่ยเหรินเพื่อเป็นการเยียวยาในความโขคร้ายที่นางต้องเผชิญ และเจิ้นขอปลด เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ออกจากตำแหน่ง มอบหมายให้ถิงเว่ย จางทังเป็นผู้ดำเนินโทษตามกฏหมายบ้านเมือง ไม่ว่านางจะเป็นใครมาจากไหน เมื่อเหยียบอยู่บนแผ่นดินต้าฮั่นย่อมต้องเคารพกฏหมายแผ่นดินเจิ้น ! ส่วนทหารองครักษ์ฉีจิงซานโทษฐานฆ่าคนตาย แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการและถูกหลอกใช้ ลดโทษให้เหลือเพียงทัณฑ์หนึ่งดาบสองท่อนในวันที่ 12 เดือนแปด เจี้ยนหยวนศก ปีที่ 10 ยามโหย่ว ! ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราชโองการจะถูกเขียนออกมาตามพระราชดำรัสที่ฝ่าบาทได้กล่าวไว้ ครั้งนี้ลู่ไป๋หรั่นมีสีหน้าทึ่มทื่อเช่นเด็กโง่งมไปแล้วจริง ๆ ทุกชีวิตในห้องทรงอักษรถูกฝ่าบาทควบคุมให้พลิกไปพลิกมาประหนึ่งของเล่น นี่เป็นหนแรกที่นางรู้สึกว่าตัวตนของเขายิ่งใหญ่นัก ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะสามารถคงอยู่เคียงข้างเขาได้ เห็นเขาเล่นบรรจงสร้างสถานการณ์เปลี่ยนไปมาเป็นอย่างดีเพื่อหลอกให้ทุกคนตายใจลึก ๆ แล้วย่อมหวาดระแวงขึ้นหลายส่วน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กลับกลายเป็นเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋…ไม่ถูก เวลานี้คือ<b> เฮ่อถูซื่อ (นางเฮ่อถู)</b> ที่คลับคล้ายว่าวิญญาณหลุดออกจากร่าง ใบหน้าของนางขาวซีดดุจคนตาย ละลักละล่ำพูดอย่างร้อนรน ในน้ำเสียงมีทั้งประกายความหวังและความสิ้นหวัง ชวนให้ผู้ฟังหดหู่อาดูรอย่างที่สุด <font color="#C6A3CB">“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงตรัสชื่อผิดแล้วเพคะ”</font> เฮ่อถูซื่อยังคงคว้าฟางเส้นสุดท้ายของนาง
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB">
“เมื่อสักครู่ใต้เท้าจางก็กล่าวอย่างชัดเจน…ว่าเป็นฝีมือของตวนมู่เหม่ยเหริน”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ก่อนหน้านี้จางถิงเว่ยได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้เจิ้น เป็นจดหมายที่ดักได้จากม้าเร็วที่ลอบออกจากเมืองในยามวิกาล ”</font> จดหมายที่มีร่องรอยการเปิดผนึกแล้วถูกยื่นไปให้จางกงกง <font color="#D4AC0D"><b>“ ถึงขนาดนี้เจ้ายังกล้าโป้ปดต่อหน้าเจิ้นอีก !! ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000"><i>
“ ถึงอันต๋า นี่เป็นเรื่องสำคัญ หากภายหน้าฝ่าบาททรงตรัสถามว่าอันต๋ามาเยี่ยมเยือนน้องที่ฉางอันหรือไม่ ขอให้อันต๋าทูลรายงานต่อฝ่าบาทว่าได้มาเยี่ยมเยือนน้องจริง ๆ เรื่องนี้สำคัญ เกี่ยวพันถึงความตายของน้องสาวอันต๋า หากครานี้ท่านไม่ช่วย เกรงว่าชาตินี้คงไร้ซึ่งองค์หญิงเฮ่อถูแล้ว ”</font></i> จางกงกงอ่านออกสิ่งที่อยู่ในจดหมายออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด เป็นการยืนยันหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่สร้างความกระจ่างในใจให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB">
“จดหมายนั่น…”</font> เฮ่อถูซื่ออ้าปากค้าง ดุจดั่งม่านฝันหลุดลงจากฟ้า นัยน์ตาเบิกกว้าง <font color="#C6A3CB">“ไม่…จริง ไม่จริงเพคะ นั่นเป็นจดหมายปลอม หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ—”</font> น้ำตาพรั่งพรูลงจากดวงตาดอกท้อ อาบลงสองแก้มนวล <font color="#994D7B">“ฝ่าบาทเพคะ จดหมายนั่นไม่ใช่ความจริงเลยนะเพคะพวกนาง…พวกนาง!”</font> เฮ่อถูซื่อยกนิ้วกราดชี้หน้าลู่เหม่ยเหรินและตวนมู่เหม่ยเหริน<font color="#C6A3CB"> “ต้องเป็นพวกนางที่รวมหัวกันใส่ร้ายหม่อมฉัน!”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB">
“นาง! นางจิ้งจอกพวกนี้จะต้องสมคบคิดกับเผ่าปีศาจเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าซงหนูและต้าฮั่น ฝ่าบาท…จะทรงตกหลุมพรางของนางปีศาจพวกนี้ไม่ได้นะเพคะ” </font>ดวงตาของนางวาวโรจน์ หากคลอด้วยหยาดน้ำตา ในเมื่อไม่อาจรอดด้วยเล่ห์ก็จำต้องรอดด้วยเหตุผล เฮ่อถูซื่อยังคงเชื่อมั่นว่านางสามารถบีบบังคับฝ่าบาทได้ <font color="#C6A3CB">“พวกนาง…ไม่สิ พวกมัน พวกปีศาจร้ายพวกนั้นต้องการให้พระองค์สังหารหม่อมฉันแน่ๆ หากพระองค์ทำเช่นนั้นอันต๋าจะต้องพิโรธและเกิดแตกหักกับฝ่าบาท เมื่อนั้นประชาชนสองแคว้น ชายแดนเหนือจะต้องไม่สงบ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB">
“ทางฝั่งตะวันตกมีปีศาจกร้ำกราย รบกวนหทัยพระองค์ทุกคืนวัน หากเกินศึกทางเหนือขึ้นอีกชาวประชาจะทนได้อย่างไร”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#C6A3CB">
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นกังวลอย่างยิ่งเพคะ <b>ได้โปรดไตร่ตรองด้วยเพคะ!</b>”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำกล่าวของหญิงสกุลเฮ่อถูแม้จะยกย่อเหตุผลมาเพียงใดก็มิอาจปิดกั้นเจตนาใช้<b> ‘สถานะ’</b> ของตนบีบบังคับหวงตี้โดยอ้อม อาจกล่าวได้กระมังว่า สิ่งนี้เป็นนางที่ขุดหลุมฝังตัวเองจนมิด
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ก็ดี ” </font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มังกรสุริยาแย้มยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แววตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความกระหายในการเอาชนะ<font color="#D4AC0D"><b><i> “ หากเขากล้าแตกหักกับต้าฮั่นทั้งที่น้องสาวกระทำการผิดถึงเพียงนี้ เจิ้นก็ยินดีปะทะกับเขาจวบจนแว่นแคว้นของเจ้าจะเลือนหายไปจากผืนแผ่นดินตะวันออก ”</font></i></b> หลิวเช่อยินดีฝังคำความเห็นที่โหดเหี้ยมนี้ไว้ในใจอีกฝ่าย เพื่อให้นางสิ้นหวังไปกับความรู้สึกที่กระทำผิดเพียงหนึ่งครั้งก็แลกมากับชีวิตนับร้อยนับพันในทุ่งหญ้าที่นางรัก อย่างไรเสียซงหนูก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลี้ยงไม่เคยเชื่องมาตลอดหลายชั่วอายุคน จะช้าหรือเร็ว สักวันก็ต้องมีการกำจัดขั้นเด็ดขาดเกิดขึ้น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ ทหาร ”</font></b>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะเป็นคำขอร้องจากตวนมู่เหม่ยเหรินที่ก่อนหน้านี้ถูกใช้ไม่ต่างจากหมากในมือ เห็นแก่ที่นางถูกปิดหูปิดตาให้เคลื่อนไหวตามความต้องการของทั้งคนร้ายตัวจริงไปจนถึงตัวเขา หลิวเช่อแม้จะขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังยกมือขึ้นปรามการลากตัวของทหารที่แทบจะหอบเอาร่างใหญ่ของทหารองครักษ์ที่ต้องโทษให้ลอยขึ้นจากพื้นเพื่อทำการพาตัวออกไป
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฉีจินซานภักดีเหนืออื่นใด หากว่าเวลานี้กลับต้องมาตายเพราะ <b>‘จำนายหญิงผิดฝาผิดตัว’ </b>ในใจก็เกิดสะเทือนเลื่อนลั่นปานฟ้าพลิกแผ่นดินกลับด้าน แม้กระทั่งเวลานี้ก็ยังคงหัวสมองขาวโพลนนเพียงแต่บังเกิดความยินดีว่า <b>‘นายหญิงปลอดภัย’</b> เพียงเท่านั้นก็คุ้มค่าที่จะตายแล้ว
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาเงยหน้า ดวงตาใสกระจ่างในคร่านี้ถึงได้เห็น<b> ‘อดีตคุณหนูสี่’</b> ที่บัดนี้เติบใหญ่ ท่วงท่าของนางผิดแปลกไปจากเมื่อสิบสองปีโดยสิ้นเชิง หากกาลเวลาไร้ความปราณีชะตากรรมยิ่งผกผัน เขามีตาหาไร้แววจึงมองเห็นหยกแดงเป็นทับทิม ความผิดพลาดของทหารจะน้อยหรือมาค่าตอบแทนล้วนเป็นชีวิตดุจเดียวกัน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฉีจินซานได้เพียงข่มกลั้นความรู้สึก เขาประสานมือไปทางด้านหน้า<font color="#AA4727"> “ครอบครัวสกุลฉีในรุ่นของข้าน้อยมีสามคน พี่ชายทั้งสองของข้าล้วนตายสิ้นในสงครามที่ระเบียงเหอซีขอรับ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AA4727">
“ท่านพ่อและท่านปู่ล้วนตายที่สนามรบ ท่านแม่สิ้นจากโรคระบาด ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#AA4727">
“ไม่มีขอรับ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ย่อมเป็นสวรรค์ไม่เคยปราณี ทุกคนล้วนแต่มีอุปสรรคในชีวิตของตนเอง หลงเยวี่ยยังคงเอ่ยเสียงละไม
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อันร้อยพันคุณธรรมทั้งปวง ความกตัญญูคืออันดับแรก
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หากไม่ใช่ว่าถูกหลอกใช้อนาคตของเขาย่อมสดใส คนใจดีมีมาก แต่ที่ซื่อสัตย์กลับหาได้ยากยิ่ง ทว่าโทษฐานฆ่าคนตายนับเป็นโทษร้ายแรงที่ไม่อาจมองข้ามได้ ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต อาศัยกฏหมายนี้บ้านเมืองจึงปราศจากการฆ่าฟันกันเองไปช่วงหนึ่ง ฮั่นอู่ตี้ให้เกียรติทั้งสองได้สนทนากันในวาระสุดท้ายย่อมต้องปรายตามองเหม่ยเหรินแซ่ตวนมู่เล็กน้อย
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สมกับเป็นบุตรสาวของเหอซีอิงกงผู้นั้น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อถอนสายตาออกจากร่างที่สวมใส่ชุดวิหคเหิน เขาเปิดปากเปล่งคำสั่งขาดหนึ่งคำ <font color="#D4AC0D">“ ลากตัวออกไป ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เมื่อมีคำสั่งนี้แล้ว เหล่าทหารก็ลากตัวนักโทษทั้งสองออกจากบริเวณห้องทรงอักษร รอบข้างคล้ายสามารถขับไล่เหมันต์ที่เคยครอบงำทั่วห้อง เปลี่ยนให้กลับกลายมาเป็นคิมหันต์อีกครั้งตามที่มันสมควรจะเป็น
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ฝ่าบาท แล้วเรื่องตวนมู่เหม่ยเหริน… ”</font> ต่อให้จะไม่เคยสนทนาเป็นการส่วนตัวอย่างใกล้ชิด ทว่าจางกงกงยังยินดีช่วยกล่าวแทนอีกฝ่ายในช่วงท้ายที่สุด ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะละครฉากนี้ที่ฝ่าบาทและจางทังร่วมกันสร้างล้วนสร้างความชอกช้ำให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกราย ฉะนั้นแล้วหากปล่อยให้เกรงว่าจะไม่สมควร
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจิ้นจะประทานรางวัลให้เจ้าเช่นที่ลู่เหม่ยเหรินได้รับ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่นอู่ตี้ไม่ได้กล่าวกับจางกงกง เขาหันกลับไปทางตวนมู่หลงเยวี่ยที่ยังคงอยู่ร่วมบริเวณเดียวกัน<font color="#D4AC0D"> “ คดีนี้ส่งผลเสียแก่พวกเจ้าทั้งคู่ สมควรได้รับการเยียวยาเช่นเดียวกัน ”</font> เป็นวิธีตัดสินใจที่เรียบง่ายสมกับเป็นสิ่งที่กลั่นกรองออกมาจากพระทัยของชายที่ไม่เคยจะสนใจสตรีมาก่อน จางกงกงที่พอได้ทราบเช่นนั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ แค่วันนี้หนึ่งวัน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองอายุสั้นลงเกือบสิบปี จงฉางซื่อที่จัดการเรื่องราวว่องไวใช้เวลาไม่นานก็สามารถเบิกตัวขันทีขั้นกลางผู้หนึ่งมาพร้อมกับถาดของพระราชทานสำหรับตวนมู่เหม่ยเหริน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ ตวนมู่เหม่ยเหรินโปรดรับของพระราชทานนี้ด้วยเถิด ”</font> เป็นอีกครั้งที่จางกงกงแสดงออกถึงความโอนอ่อนให้กับสตรีที่มีฐานะเป็นภรรยาของนายตน
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาพูดกับตวนมู่เหม่ยเหรินหนึ่งประโยค ชำเลืองตาไปมองลู่เหม่ยเหรินที่ยังทรุดตัวนั่งอยู่กับพื้นอีกครู่หนึ่งแล้วจึงกราบทูลกับฝ่าบาทว่า <font color="#980000">“ เหม่ยเหรินทั้งสองได้รับความสะเทือนใจจากการตัดสินคดีครั้งนี้ ฝ่าบาท ส่งทั้งคู่กลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เป็นคำเสนอแนะที่ดีมาก ฮั่นอู่ตี้ปรายตามองหญิงสาวที่คนหนึ่งเหมือนจะยังตั้งตัวไม่ได้ ส่วนอีกคนดีกว่าหน่อยสามารถกลับมายืดหยัดได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ยังแฝงความร้าวรานไว้ผ่านลาดไหล่บางที่ดูแฝงไว้ด้วยความนัยมากกว่าปกติ
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ … ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หากเป็นบุรุษทั่วไป ลักลอบหลอกใช้คนเช่นนี้ย่อมแสดงความรับผิดชอบที่ดูอ่อนโยนหรือการเอาใจใส่ขึ้นมาบ้าง แต่ในเมื่อเป็นถึงหวงตี้ แทนที่ฮั่นอู่ตี้จะมีรับสั่งปลอบประโลมพิเศษเพิ่มเติม เขากลับทำแค่พยักหน้าและ..<font color="#D4AC0D"> “ อืม ลำบากพวกเจ้าแล้ว ” </font>การกล่าวเหมารวมครั้งนี้ล้วนแต่ทำให้คนฟังที่กระจัดกระจายกันอยู่คนละทิศถึงกับใบ้กินเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางกงกงอยากจะถอนหายใจอีกสักครั้ง แต่เกรงว่าหนนี้ตนจะทำได้เพียงส่ายหน้าเบา ๆ เขาประสานสองมือพร้อมโค้งลง<font color="#980000"> “ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอบังอาจจัดการ—- เด็ก ๆ พาลู่เหม่ยเหรินและตวนมู่เหม่ยเหรินกลับไปพัก ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เดี๋ยวก่อน ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สุรเสียงมังกรรั้งให้การจางกงกงหันกลับไปมอง <font color="#D4AC0D">“ พวกเจ้าทั้งหมดออกไป ”</font>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ส่วนเจ้า ”</font> ยังคงเป็นลู่เหม่ยเหรินที่ได้กลับมาอยู่ในครรลองเนตรของโอรสสวรรค์อีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทคิดเห็นอย่างไร เพราะทั้งหมดรู้เพียงแค่ว่าฝ่าบาททรงตรัสคำสุดท้ายออกมาเพียงว่า<font color="#D4AC0D"><i><b> “ อยู่ก่อน ”</font></b></i>
               <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#ff9900">
ติดตามผ่านโรลของ ตวนมู่หลงเยวี่ย @Longyue</font>

</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<u><b>สิ่งที่ได้จากอีเว้นท์</b></u>
+35 บารมี จากการผ่านคดีฆ่าคนตายแล้วรอดตาย<br>
ได้รับ 10 ตำลึงทอง และ เต้าหู้ 10<br><br>
<u><b>ค่าความสัมพันธ์</u></b><br>
<b> จางกงกง</b> +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี<br>
<b> จางกงกง</b> +5 พูดคุยประจำวัน<br>
<b> จาง ทัง</b> +5 พูดคุยประจำวัน<br>
<b> จาง ทัง</b> +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
<br><br>
@Admin@Longyue


</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-7-31 20:49:11

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-1 15:05 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ร่วมโต๊ะในวัง</span></b></i><br><font face="Sarabun"><font size="2"><i>
วันที่ 27 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาประมาณบ่ายสามครึ่งถึงสี่โมง<br></i></font></font>


</font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">คล้อยหลังฝีเท้ามากมายที่ก้าวออกไป เหม่ยเหรินแซ่ลู่กดใบหน้าลงนงคราญหยกร่ำไห้โดยไร้สุ้มเสียงนับว่าเป็นหนึ่งในความสามารถที่ชวนให้คนมองรู้สึกร้าวรานใจไม่ต่างอะไรไปจากการเผลอทำหยกเนียนละเอียดชิ้นดีแตกกระจายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ ทั้งยังไม่สามารถสิ่งที่ล้ำค่าเทียบเคียงเดิมมาทดแทนได้ ฮั่นอู่ตี้มองภาพนั้นด้วยความชินชา มีคนมากมายร้องไห้ฟูมฟายเพื่อร้องขอจากเขา มีคนมากมายกรีดร้องคร่ำครวญเพียงเพราะต้องการความเมตตา การร้องไห้เป็นการแสดงออกของผู้แพ้ที่อ่อนแอ ฉะนั้นการที่นางเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะทั้งทีแต่ก็ยังร้องไห้อยู่นี้นับว่าทำให้หลิวเช่อรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยทีเดียว
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ลุกขึ้น ”</font> รับสั่งของผู้ครองรัศมีมังกรเรียบเอื่อยเย็นชา <font color="#D4AC0D">“ มีที่ที่เจ้าต้องไปกับเจิ้น ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><i>
แข็งกระด้าง ปลอบใครไม่เป็น ใจร้ายเกินคน ทั้งยังอำมหิตโหดเหี้ยม</i>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หนึ่งวันมานี้ไป๋หรั่นได้รู้แล้วว่าพระสวามีเป็นผู้เลิศล้ำเกินมนุษย์ทั้งยังยากคาดเดา เหม่ยเหรินแซ่ลู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย นางช้อนสายตาขึ้นสบมองพระพักตร์ของหวงตี้ กล่าวกันว่าคนงามขอแค่เพียงชะม้ายชายตายังชวนให้สั่นไหว ไหนเลยการจดจ้องทั้งที่สองตาแดงก่ำอย่างน่าสงสารจะไม่ทำให้จิตคนสะท้าน? หลิวเช่อนิ่งงันไปเล็กน้อย ตลอดชีวิตเขาเจอคนอยู่ไม่ขาดสาย ครั้งแรกที่เจอกับนางก็นับว่างามถึงขนาดชวนให้ตกตะลึงแต่หลังจากนั้นย่อมไม่มีทางที่จะได้เห็นเขาเสียเชิงให้กับรูปลักษณ์แค่เพียงภายนอก
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เหมือนกับการที่พึ่งได้รู้ว่าชาขอเพียงเปลี่ยนน้ำก็สามารถเปลี่ยนรส <br>
<p style="text-indent: 2.5em;">ยังคงเป็นสาวงามคนเดิมที่บรรยากาศต่างออกไปจนคล้ายว่าเป็นผู้อื่น
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
น่าเสียดายที่ฮั่นอู่ตี้หาใช่ผู้ที่รักหยกถนอมบุปผา โอรสสวรรค์หรี่เนตรลงเล็กน้อยก่อนจะผินตัวเดินนำไปอีกทางทั้ง ทิ้งให้นงคราญชุดขาวต้องค่อย ๆ ยันกายลุกเพียงลำพัง ไป๋หรั่นเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง นางปัดฝุ่นผงจากลำตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปด้วยสีหน้าซึมเศร้า
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจิ้นคืนความยุติธรรมแก่เจ้าแล้ว ”</font> เสียงที่ดังขึ้นลอยมาจากทิศไหนนางก็ไม่แน่ใจนัก ทันทีที่ก้าวขาข้ามประตูกั้นด้านหลังโต๊ะทรงงานไป๋หรั่นก็ได้พบกับพื้นที่ห้องพักรับรองหลังห้องทรงอักษรที่ดูผ่อนคลายต่างจากบรรยากาศทึมทึบที่เต็มไปด้วยชั้นหนังสือของห้องทรงอักษร
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เหตุใดจึงยังร้องไห้ ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผู้ถามเดินออกมาหลังฉากกั้นที่มุมห้อง เป็นฮั่นอู่ตี้ในชุดว่าราชการเช่นเดิมเปลี่ยนก็แค่การปลดหมวกม่านมุกออกจากศีรษะดูเป็นกันเองมากขึ้น และเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ทูลฝ่าบาท หม่อมฉัน.. ” </font>เสียงละมุนเรียบชวนให้ฟังครั้งนี้สั่นไหวไปเล็กน้อย ไป๋หรั่นหลุบสายตาลงเพื่อหลบเลี่ยงการสบตา ทว่ายิ่งไม่มองกลับยิ่งตื่นกลัว สุดท้ายจึงได้แต่หลับตาลงพร้อมสูดหายใจเข้า <font color="#994D7B">“ หม่อมฉันไม่แน่ใจนักว่าตัวหม่อมฉันจะสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปได้เพคะ ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รอบข้างเงียบสงัดมีเพียงเสียงนกเสียงกาที่ลอยแว่วมาจากที่ไกล <font color="#D4AC0D">“ ไม่อยากมีชีวิตแล้ว? ”</font> เขาถามด้วยเสียงนิ่งขรึม
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ นั่นไม่ใช่สิ่งที่หม่อมฉัน.. ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ มานั่งนี่ ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ผู้ใหญ่เรียกนางก็ได้แต่ทำตาม โฉมงามพิลาสล้ำย่ำเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะที่ตั้งอยู่ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเจ้าของตำหนัก ฮั่นอู่ตี้รออย่างสงบ เขารอจนสองมือขาวผ่องของรูปสลักหยกที่มีชีวิตเริ่มจะยกขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตา <font color="#D4AC0D">“ ยกเข้ามา ”</font> หวงตี้ออกคำสั่งกับอากาศ … แน่นอน ในห้องนี้มีน้อยคนนักจะเข้าได้ โดยเฉพาะในเวลาอย่างนี้ ยามนี้นอกจากนางและเขารอบด้านก็ไร้ซึ่งร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทว่าคนอย่างหลิวเช่อไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด หลังจากออกคำสั่งแค่รอบเดียวไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ใกล้เข้ามา ผู้สั่งการปรายตามองสาวงามที่มีสีหน้างุนงง ตอนนี้ไม่มีจางกงกงช่วยอธิบาย .. ฮั่นอู่ตี้เผยสีหน้ารำคาญใจออกมาเล็กน้อย <font color="#D4AC0D">“ อยู่ทานมื้อเย็นร่วมกับเจิ้น ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ลู่ไป๋หรั่นกะพริบตาไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะรู้สึกตัวเมื่ออาหารจานแรกถูกวางลงบนโต๊ะลายเมฆลงรักตามลำดับต่อไปนี้..
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#B19BD5">
“ ทูลฝ่าบาท พระกระยาหารมื้อนี้มีดังนี้ ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#B19BD5">
“ หม้อร้อนใส่รังนกและเนื้อไก่ตอนฉีก 1 อย่าง 、หม้อร้อน ใส่รังนกและเนื้อเป็ดผัด 1 อย่าง 、หม้อร้อนใส่ไก่ตอนผัดกับผักกาดขาว 1 อย่าง 、แผ่นกระเพาะแกะ 1 อย่าง 、ไก่ทัวทัง 1 อย่าง ”</font> ไม่รู้ว่าผ่านการฝึกมากี่ครั้งแล้ว นางกำนัลผู้กล่าวรายชื่อสำรับถึงสามารถพูดได้ตรงตามจังหวะคนที่ก้าวเข้ามาวางจานและก้าวออกอย่างพอดิบพอดี ลู่ไป๋หรั่นมองความเคลื่อนไหวที่แสนเป็นระเบียบด้วยสายตาชื่นชม
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ นางมีแผล ส่งคนไปเอายาแล้วมาช่วยทาให้นาง ”</font> หลิวเช่อกำชับนางกำนัลเพิ่มหนึ่งประโยคโดยไม่แม้แต่จะหันมอง โอรสสวรรค์หยิบตะเกียบขึ้นรอให้ขันทีฝ่ายตรวจสอบอาหารใช้เข็มเงินไล่ปักเพื่อตรวจสอบพิษในอาหารแต่ละจาน ด้านนางกำนัลที่ถูกสั่งก็นิ่งไปเล็กน้อยไม่ต่างอะไรจากคนเจ็บที่ถูกกล่าวถึง
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาสังเกตด้วย?
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางกำนัลขั้นกลางผู้นั้นรีบดึงสมาธิของตัวเองกลับมาเพื่อก้มตอบรับคำสั่งก่อนจะเดินออกไปจัดการตามที่ฝ่าบาทต้องการเช่นเดียวกับขันทีตรวจสอบอาหารที่เมื่อหมดหน้าที่ก็ถอยกลับไปยืนที่ซอกหลืบมุมมืดของตัวเอง <font color="#D4AC0D">“ เจ้าชอบอันใดก็เอาไปทานเสีย ”</font> ฮั่นอู่ตี้กล่าวเช่นนั้นจริง แต่ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วภรรยาย่อมต้องทานหลังสามีโดยเฉพาะกฏระเบียบในวังหลังที่มีแยกย่อยไปอีกมากมาย ไหนเลยจะสามารถหมางเมินธรรมเนียมปฏิบัติได้โดยง่าย
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าหลิวเช่อกลับเข้าใจเป็นว่านางไม่มีสิ่งที่ถูกใจในสำรับรอบนี้… <b>‘ เรื่องมากนัก ’</b> ต่อให้มองนางดีขึ้นหนึ่งส่วน สิ่งร้าย ๆ ก็ยังเพิ่มขึ้นตามประสาชายชาตรีที่ไม่เข้าใจสตรีเพศอีกครึ่งส่วน ฮั่นอู่ตี้พลิกตะเกียบในมือตนเองและเงยหน้าขึ้นพูดอีกครั้ง <font color="#D4AC0D">“ เอาเข้ามาอีก ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เพคะ? ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คราวนี้ไวกว่าครั้งก่อนมาก นางกำนัลน้อยใหญ่ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารมากมาย พร้อมกันนั้นพี่สาวนักรายงานชื่ออาหารคนเดิมก็เดินยืดอกมาพร้อมตลับกระเบื้องทรงกลมในมืออย่างผึ่งผาย <font color="#B19BD5">“ ทูลฝ่าบาท รอบนี้ประกอบไปด้วยไข่ไก่ผัด 1 อย่าง 、หางกวางนึ่งกับไก่ตอนจัดใส่จานหลุม 1 อย่าง 、เนื้อกวางจัดใส่จานหลุม 1 อย่าง 、หมั่นโถวเล็กแบบ เซี่ยงเหยียน 1 อย่าง 、แป้งทอดน้ำตาลทรายขาว 1 อย่าง 、ขนมปังไป๋เมี่ยนซือเกาและขนมปังจากแป้งข้าวฟ่าง 1 อย่าง 、ขนมเข่ง 1 อย่าง ”</font> ละลานตา สิ่งเดียวที่นางสามารถใช้บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นบนโต๊ะอาหารนั้นคือคำว่าละลานตา ไป๋หรั่นนิ่งอึ้งกับความอลังการที่มุ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัวถึงขนาดที่แม้แต่น้ำตายังหยุดไหลไปเสียดื้อ ๆ
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แน่นอน ฮั่นอู่ตี้ที่มองอยู่ย่อมรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ <font color="#D4AC0D">“ เป็นเด็กโลภเสียจริง ”</font> ต้องให้นำของมามากมายนักถึงจะยอมหยุดร้องไห้ ทว่าอาศัยเพียงหนึ่งวาจาใครเล่าจะเข้าใจเหม่ยเหรินแซ่ลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดปากถามกลับ <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาททรงหมายความว่าอย่างไร.. ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ สำรับเบื้องต้นไม่เพียงพอจะทำให้เจ้าพอใจ ”</font> เห็นแก่ที่นางถูกปักปรำก่อนหน้านี้ และเห็นแก่ที่บทสนทนาในค่ำคืนนั้นช่วยทำให้เขารู้จักนางในรูปแบบที่ซื่อตรง หลิวเช่อไม่นึกดูแคลนท่าทางเช่นนี้ หลายวันที่ผ่านมานางคงเผชิญหน้ากับความลำบากมาไม่น้อย เสด็จแม่กล่าวว่าเมื่อจบเรื่องก็สมควรให้รางวัลนาง บางทีการร่วมโต๊ะเช่นนี้อาจพอจะเรียกว่าเป็นรางวัลได้อยู่บ้าง
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ มิใช่เช่นนั้นเพคะ ”</font> คำปฏิเสธเสียงแผ่วทำให้เขาหันกลับมามองด้วยสายตาถามว่า <i>‘ แล้วอย่างไร ’</i>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงกู่ร้องดังขึ้นเตือนใจอยู่ในหัวนางครั้งแล้วครั้งเล่า ไป๋หรั่นไม่มีความจำเป็นต้องพยายามอธิบายเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ ทว่ามุมมองของเขาที่มีต่อนางก็นับว่าเป็นเกราะกำบังชิ้นสำคัญในการมีชีวิตอยู่ภายในวัง <font color="#994D7B">“ เป็นเพราะ…ธรรมเนียม.. ”</i></font> นงคราญหยกขาวก้มหน้าลงตอบเสียงเบา ยามนี้หาใช่เพียงกระบอกตาที่ร้อนผาว สองแก้มที่หลงเหลือรอยน้ำตาเริ่มถูกริ้วแดงจาง ๆ เกาะกินไปทีละน้อย โฉมงามเบี่ยงใบหน้าไปอีกทางท่ามกลางความสงสัยมากมายที่จ้องมองมา
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ เป็นภรรยาไหนเลยจะสามารถทานก่อนสามี ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ต้องเป็นท่านทานก่อน หม่อมฉันถึงจะ… ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ … ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ครั้งนี้เป็นหลิวเช่อที่พูดไม่ออกแทน เขาพึ่งฉุกคิดได้ว่านางไม่ใช่เพียงน้องสาวของสหาย ไม่ใช่แค่ผู้ถูกปองร้ายที่ต้องได้รับการปกป้องแต่ยังเป็นถึงสนมของเขา <i>‘ เหม่ยเหริน ’</i> ที่ได้รับการคัดเลือกมาอย่างถูกต้อง ด้านนางกำนัลน้อยใหญ่ที่อยู่โดยรอบแม้จะไม่พูดอะไรแต่ก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเบา ๆ พวกนางไม่เคยมีโอกาสได้เห็นฝ่าบาทร่วมโต๊ะเสวยกับสตรีที่ไม่ใช่ไท่โฮ่วหรือองค์หญิงแล้วดูยามนี้สิ ครั้งแรกที่มีหญิงอื่นมาร่วมเสวยในวัง.. นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบรรยากาศข้าวใหม่ปลามันที่ยังตั้งตัวกันไม่ได้ปรากฏขึ้นชวนให้คนเห็นนึกเอ็นดู
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#B19BD5">
“ ฝ่าบาท บ่าวบังอาจขอกราบทูล ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ว่ามา ” </font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#B19BD5">
“ บ่าวนำยามาเพื่อทาให้ลู่เหม่ยเหรินแล้ว.. ให้บ่าวได้ถวายการรักษาเบื้องต้นเถิดเพคะ จากนี้จะได้ให้ลู่เหม่ยเหรินได้ปรนนิบัติฝ่าบาท ”</font> นางกำนัลวัยกลางคนกล่าวพร้อมสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม นับว่าเป็นผู้กล้าที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์นัก หลิวเช่อย่อมไม่สะทกสะท้านกับเรื่องจำพวกนี้ แต่กับเหม่ยเหรินแซ่ลู่ที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องสัมผัสฉันท์สามีภรรยาย่อมอับอายเป็นธรรมดา
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อืม ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มืองามของไป๋หรั่นถูกนางกำนัลประคองขึ้นมาในระดับอก ชายแขนเสื้อสีขาวรุ่มร่ามนั้นถูกพับเป็นทบขึ้นไปเผยให้เห็นก้านนิ้วเรียวยาวขาวผ่องที่แถวบริเวณหลังมือซ้ายมีรอยช้ำและรอยแผลซึ่งเกิดจากเล็บที่จิกเข้ากับผิวหนัง สีหน้าของนางกำนัลที่อาสามาทายาให้ดูหมองลงทันตา ไป๋หรั่นลอบช้อนสายตาขึ้นมองการขบริมฝีปากในยามที่แต่ละนิ้วควักยาและนำมันมาทาเคลือบบนปากแผล ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อในที่สุดการทายาก็จบลง เหล่านางกำนัลที่อยู่รอตรวจสอบท้ายที่สุดก็ยอบกายเดินจากไป ทิ้งไว้ให้ในห้องเหลือเพียงแต่สองชีวิตอย่างหนึ่งหวงตี้กับหนึ่งเหม่ยเหริน
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ... ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ … ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เขาไม่พูด นางไม่พูด บริบทเดิม ๆ ที่สองฝ่ายต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างเงียบสงบ
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าครั้งนี้คล้ายจะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่หนึ่งสิ่ง..
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทั้งที่ฮั่นอู่ตี้ยังไม่ทันได้ขยับตะเกียบลงมือทำอาหาร สองมื้อที่ข้างหนึ่งช้ำไปของนงคราญก็ขยับประคองถ้วยตักน้ำแกงจากหม้อร้อนที่ใส่รังนกและเนื้อเป็ดผัดจนกลิ่นหอมของแกงลอยเอื่อยขึ้นตามควันฉุย ช้อนเครื่องปั้นเครือบขาวชั้นดีจุ่มลงคนน้ำแกงในถ้วยช้า ๆ สาวงามสกุลหยกยกถ้วยเข้าใกล้ใบหน้าพลางเปิดริมฝีปากเป่าลมเบา ๆ ออกมาช่วยพัดไอร้อนให้เลือนหายไปจากน้ำแกง
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อนึกว่าในที่สุดนางก็ยอมแพ้แล้ว แต่ไม่เลย ขณะที่โอรสสวรรค์ขยับตะเกียบเข้าคีบไก่ทัวทัง สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นถ้วยน้ำแกงในมือนางที่วางลงตรงหน้าเขา โฉมงามพิลาสล้ำคล้ายความกระด้างกระเดื้องเหล่านั้นออกไปจากใบหน้าเหลือไว้แต่กลิ่นอายราบเรียบผสมปนเปไปกับความเศร้าสร้อยที่ดูเปราะบางยิ่งโดยเฉพาะการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ...? ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หม่อมฉันไร้ความสามารถ วันนี้ถูกฝ่าบาทและใต้เท้าจางร่วมกันสร้างละครตบตาได้ครู่หนึ่งยังขวัญเสียไม่หาย ทว่าชีวิตนี้หม่อมฉันก้าวมาเป็นสตรีของพระองค์ ทั้งยังเอ่ยไว้ด้วยตนเองว่าเชื่อมั่นในฝ่าบาทเสมอ ”</font> หยกเย็นงามเฉิดฉายเช่นจันทรา ลู่ไป๋หรั่นแม้ไม่แย้มยิ้มก็ยังคงงามหยาดเยิ้ม <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาทปกป้องหม่อมฉันในฐานะสวามี ในฐานะเจ้าแผ่นดินที่ดูแลราษฎรไหนเลยจะต้องมากังวลกับการคิดเล็กคิดน้อยของสตรี ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หม่อมฉันในฐานะคนของพระองค์ ต่อให้วังหลังนี้ใช้ชีวิตยากนักก็ยังยินดีเรียนรู้ ”</font>
                   <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
รอยยิ้มขมขื่นของนางช่างงามนัก เหม่ยเหรินแซ่ลู่ผู้นี้ตัดสินใจแล้ว.. ออกไปแล้วอย่างไร ออกไปไม่ได้แล้วอย่างไร หากนางไม่แกล้งตายหรือเปลี่ยนชื่อแซ่จากนี้ย่อมไม่หลงเหลือชื่อเสียงให้ใครทาบทามอีกแล้ว มีแต่ต้องอยู่ที่นี่เท่านั้น อยู่ให้ได้ อยู่ให้รอด ต่อให้ถูกลืมทิ้งไว้ในตำหนักสักที่ ลู่ไป๋หรั่นก็ไม่นึกเสียดาย
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt=""><br><br><font face="Sarabun"><font size="3">

<u><b>สิ่งที่ใช้</u></b><br><br>
+100 พลังงาน ร่วมทานอาหารชุดจักรพรรดิ<br>
ปรนนิบัติฝ่าบาทในขณะทานอาหาร +1 ปรนนิบัติ (ตักแกงให้รินชาให้)<br>
+10-20 โบนัสความโปรดปรานจากหวงตี้<br>
ฮั่นอู่ตี้ หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20<br>
ฮั่นอู่ตี้ โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม<br>
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี <br><br>

เปิดรับอีเว้นท์เลื่อนขั้นเป็นเจี๋ยยวี๋
@Admin


</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

Longyue โพสต์ 2024-8-2 22:21:24

<div align="center" style="list-style-type: none;">
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chakra Petch'); Chakra Petch {font-family: 'Chakra Petch';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap'); Charmonman {font-family: 'Charmonman';}
</style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Ma+Shan+Zheng&display=swap'); Ma Shan Zheng {font-family: 'Ma Shan Zheng';}
</style>

<style name="captain" type="text/css">
img {border-radius: 8px;}

img { filter: alpha
(opacity=100); opacity:1.0;}img:hover { filter: alpha(opacity=70);
opacity:.7 } img {-webkit-transition:0.7s; -moz-transition:0.7s;
-o-transition:0.7s;}

img:hover{
-webkit-transform:scale(0.9);
transform:scale(0.9);
}
img:hover{
overflow:hidden;
}
img{
-webkit-transform:scale(1.0);
transform:scale(1.0);
-webkit-transition: all 1.0s ease;
transition: all 1.0s ease;
}</style>

<style>
#boxhuan01 {
width: 1000px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 5px;
box-shadow: 1px pink;
background-image: url("https://imgur.com/wknEdxk.jpg");}
</style>

<style>
#boxhuan02 {
width: 850px;
border: 3px double pink;
border-radius: 10px;
padding: 40px;
box-shadow: 0px 0px 0em;
background-image: url("https://imgur.com/bXV59dD.jpeg");}
</style>

<div id="boxhuan01">
<br><br>
<div id="boxhuan02">
<center>
</center>
<img width="500" _height="500" src="https://i.imgur.com/7grM4yF.jpeg" border="0" alt="">
<br><br>
<center><font face="Sriracha" color=“red”><font size="1"><strong>
ถ้าไม่มีคุณลู่ก็ไม่มีวันนี้ครับ .มองEXP l อยากได้สีเต้ดีๆ กว่านี้ .เหม่อ <br>
@Admin
</strong></font></font></center>
<br>
<br>
<font face="Ma Shan Zheng"><font size="10">
<center>
<b>
CHAPTER 16
</b>
</center>
</font></font>
</center>
<br><br>
<center><font face="Sriracha" color="orange"><font size="3"><strong>

วันที่ 27 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 | เวลาบ่ายสองครึ่งเป็นต้นไป
</strong></font></font></center>
<br>
<br>
<div align="left"><font face="Chakra Petch"><font size="3">
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฉาหยางเงียบงันดุจร้างไร้ผู้คน กล่าวกันว่าหลงเยวี่ยมีอารมณ์ร้าย หญิงรับใช้ในตำหนักเซวียนเต๋อที่ถูกส่งตัวมาดูแลทางด้านนี้มีไม่น้อยที่มีสีหน้าหวาดหวั่นระคนเกรงกลัว ทว่าหญิงสาวเจ้าของเรือนกลับนิ่งเงียบจนผิดคาดมีเพียงเสียงหมากกระแทกกระดาน กึก กึก แผ่วเบาราวกับผีร้ายเท่านั้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จวบจนล่วงเข้าช่วงเวลาบ่ายคล้อย ถึงได้มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ขันทีขั้นกลางจากตำหนักทรงอักษรเร่งเดินผ่านสะพานและทะเลสาบมาที่ตำหนักเซวียนเต๋อ ปราดเดียวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าพระตำหนักรองเฉาหยางแล้ว เนื่องจากการประกาศราชโอการในวันนี้ไม่เป็นทางการนัก ขันทีวัยกลางคนจึงทำเพียงประสานมืออย่างน้อบนอม เอ่ยเสียงนุ่มนวล
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#980000">“นายหญิงน้อย–ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านไปเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”</font> กงกงเอ่ยด้วยรอยยิ้มละไม <font color="#980000">“พวกกระหม่อมจะรออยู่ที่ด้านนอกค่อยนำเสด็จนายหญิง”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“เข้าใจแล้ว”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยเอ่ยเสียงสะบัด นางไม่ได้มีแก่ใจเดินหมาก อีกทั้งคำว่า <b>‘ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า’</b> ก็มีผลต่อหัวใจของนางมาก หญิงสาวจึงทำหูทวนลมกับถ้อยคำเร่งรัดอ้อมๆ เพียงสวมชุดคลุมสีเขียวอ่อนลายวิหคเหินทับอีกชั้น แล้วปักปิ่นดอกมณฑาทำจากเงินประดับด้วยทับทิมงดงาม ขับเน้นประกายเจิดจริสให้ดวงหน้าขาวผ่อง แล้วจึงเดินออกจากตำหนักภายใต้การนำทางของขันที
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ตำหนักทรงอักษรอยู่ข้างท้องพระโรง แลดูโอ่อ่าหรูหราเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีหลงเยวี่คาดเดาว่าคงจะสืบความเรื่องของ <b>เย่เหม่ยเหริน</b> จากนางระหว่างทางมาจึงใคร่ครวญอยู่ไม่น้อย หากว่าเมื่อมาถึงที่หน้าตำหนักกลับเจอหญิงสาวท่วงท่าเฉิดฉัน นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความเย่อหยิ่ง จากลักษณะของนางและชุดประจำตำแหน่ง คงเป็น<b>เจี๋ยอวี๋</b>ผู้หนึ่ง นางกำนัลติดตามรับใช้กระซิบที่ด้านข้าง <font color="#980000">“เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        ความดูหมิ่นพาดผ่านดวงตาคู่งาม มุกระย้าจากปิ่นแกว่งไกวตามจังหวะก้าวเดิน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff9900">“หม่อมฉันตวนมู่หลงเยวี่ย ถวายพระพรเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ขอให้ท่านสมดั่งหวังทุกประการ”</font> หลงเยวี่ยนยอบกายด้วยท่วงท่าแช่มช้อย แววตาจับจ้องบนเครื่องหน้าที่ผิดแปลกจากชาวฮั่นเล็กน้อยนั้น หาได้มีความเคารพยำเกรงใดๆ แฝงอยู่ในดวงตา
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงของเผ่าซงหนู แม้นจะเป็นพวกนอกด่านก็มีศักดิ์ศรีและความห้าวหาญในแบบฉบับของตนเอง บัดนี้เป็นที่โปรดปรานมีอำนาจเหนือสนมใดในวังหลัง (ยกเว้นเว่ยเจียเจี๋ยอวี๋) ไยเลยจะนิ่งเฉยต่อการดูแคลน ริมฝีปากฉ่ำวาวด้วยชาดเอ่ยเสียงไม่พอใจ <font color="#ff00ff">“ตวนมู่เหม่ยเหริน ถึงเจ้าจะเป็นธิดาของเหอซีอิงกงผู้ล่วงลับ ข้าก็เป็นธิดาของเฮ่อถูเช่นกัน ตอนนี้เจ้ามีตำแหน่งต่ำกว่าข้าก็ควรจะมีมารยาทหน่อยหรือไม่”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        หลงเยวี่ยเชิดหน้าอย่างไม่แยแส <font color="#ff9900">“พี่หญิงล้อหม่อมฉันเล่นแล้ว”</font> <b><i>‘พี่หญิง’</b></i> นางเอ่ยเรียกอย่างสนิทสนมปานนี้ ย่อมมีเจตนายั่วเย้าอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เย่อหยิ่งในยศศักดิ์ไหนเลยจะอยากนับญาติกับนาง หลงเยวี่ยถอนหายใจแผ่วเบา ดุจระอาใจเหลือแสน <font color="#ff9900">“หม่อมฉันเคารพพี่หญิงตามระเบียบทุกประการ เราต่างเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ไยต้องกล่าวถึงครอบครัวเดิมด้วยเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        หญิงชาวเฮ่อถูหรือจะมาอบรบกฎระเบียบแก่หญิงชาวฮั่น วาจาของหญิงสกุลเฮ่อถูช่างน่าขบขันยิ่งนัก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        หญิงสกุลเฮ่อถูมีประกายเกลียดชังวาบผ่านบนใบหน้า แต่เพียงพริบตาเดียวก็กลับกลายเป็นความละมุนอ่อนหวาน <font color="#ff00ff">“น้องหญิงเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน ซ้ำยังเข้ามาในฐานะนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ข้ากลัวว่าน้องหญิงจะยังไม่ชินกับธรรมเนียมในวังหลัง ที่นี่มิใช่จวนเซี่ยวหนิงให้เจ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ เวลานี้ข้าเป็นที่โปรดปรานเจ้าควรระมัดระวังท่าทางของตนเองไว้บ้าง”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“พี่หญิงแนะนำได้ถูกแล้ว”</font> หลงเยวี่ยแค้นหัวเราะโดยไร้เสียง <font color="#ff9900">“เพียงแต่ว่าหลงเยวี่ยเป็นเพียง <i>ผู้ต้องสงสัย</i> เพคะ”</font> นางหรี่นัยน์ตาหวานล้ำเชิดหน้าเอ่ยอย่างไม่กลัวเกรง <font color="#ff9900">“จางถิงเว่ยยังไม่ตัดสินโทษ พี่หญิงตั้งตนเป็นใหญ่<b>ก้าวก่ายวังหน้า</b> ตัดสินแทนเช่นนั้นหม่อมฉันไม่กล้ารับ พี่หญิงมาจากดินแดนกันดาร— ดูเหมือนกฎระเบียบของชาวฮั่นจะยังไม่กระจ่างแจ้งเท่าใด”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        <font color="#ff00ff">“ปากแดงๆ ของน้องหญิงช่างเจรจาพาที—”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
        ฉับพลัน กงกงหน้าขันทีก้าวขึ้นมาเอ่ย <font color="#980000">“เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ตวนมู่เหม่ยเหริน เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ”</font> ขัดคำของหญิงจากสกุลเฮ่อถูพอดิบพอดี หลงเยวี่ยแย้มรอยยิ้มอ่อนหวาน ให้เกียรติเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ตามระเบียบ <font color="#ff9900">“เชิญพี่หญิงเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สุดปลายห้องทรงอักษรปรากฏร่างของโอรสสวรรค์นั่งอยู่เหนือคนทั่วไปราว ๆ สองขั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เจ้าแผ่นดินฉลองพระองค์ด้วยภูษาสีนิลปักไหมทองรูปมังกรกลางหมู่เมฆพร้อมกันนั้นเยื้องออกไปทางด้านข้างพระที่นั่งก็ยังมีร่างของสตรีงามโดดเด่นยืนเคียงอยู่ไม่ห่าง สองตาคมกริบของผู้มีอำนาจเหนือคนนับหมื่นจรดลงบนตัวสองบุคคลที่กำลังก้าวตามหลังขันทีขั้นกลางเข้ามา
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
แม้หลงเยวี่ยจะมีอคติต่อเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่เป็นชาวนอกด่าน ทว่าต่อหน้าหวงตี้ย่อมมิอาจแสดงอาการจนเกินงาม นางเดินตามหลังเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ตามตำแหน่ง ยอบกายลงตามหลังตามระเบียบแบบแผน <font color="#ff9900">“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สิ้นเสียงถวายพระพร ฮั่นอู่ตี้หรี่ตาลงก่อนจะเบี่ยงหน้าไปทางจางกงกงเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว จงฉางซื่อคนปัจจุบันโน้มตัวลงฟังการกระซิบรายงานจากขันทีหน้าตำหนักที่สับเท้าเข้ามาแจ้งความพร้อมของด้านหน้าตำหนัก <font color="#ff0000">“ฝ่าบาท”</font> หัวหน้าขันทีเงยขึ้นกราบทูลเป็นสัญญาณให้กับนายเหนือหัวด้วยท่าทางอ่อนน้อม ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ ฮั่นอู่ตี้ยกมือขึ้นปรามคนสนิทและหันกลับมาเอ่ยต่อเหม่ยเหรินทั้งสอง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ลุกขึ้น”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“ขอบพระทัยฝ่าบาท”</font> ยังคงเป็นเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่เอ่ยนำ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ร่างบอบบางสองร่างเคลื่อนกายขึ้นอย่างแช่มช้า ดุจบัวบานผุดขึ้นจากเวิ้งน้ำอันสะอาดใส หากว่าเมื่อลุกขึ้นมาสายตาพลันปะทะกับร่างอรชรข้างกายประมุขแห่งตำหนัก หลงเยวี่ยมีทีท่าตะลึงงัน นางชื่นชมฝ่าบาทมานาน แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว หากเมื่อเห็นสตรีอื่นเคียงข้างก็ยากจะห้ามรู้สึกหน่วงในใจ ทว่าเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋กลับถลึงตามองภาพนั้นอย่างขุ่นเคือง หลงเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างนางได้ยินอย่างแจ่มชัด
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“นังจิ้งจอก”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ร่างบอบบางปานต้นหลิวลุกจากถวายพระพรแล้วก็เมินหน้าขันทีที่ยกเก้าอี้เล็กมาถวาย เดินนวยนาดที่ข้างพระที่นั่งจงใจใช้ศอกกระทุ้งลู่เหม่ยเหริน แทรกกลางระหว่างทั้งสองคน <font color="#ff00ff">“ฝ่าบาทเพคะ— ลู่เหม่ยเหรินถูกกักตัวมานาน จะปรนนิบัติรับใช้ได้ถูกใจพระองค์ได้อย่างไรกัน หม่อมฉันไม่วางใจเลยจริงๆ”</font> เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานแล้วหันมาทางลู่เหม่ยเหริน <font color="#ff00ff">“เจ้า! ยังอยู่ในระหว่างต้องคดี ยังจะมารยาสาไถยโผล่หัวมาต่อหน้าพระพักตร์ ยังไม่รีบหลบไปอีก” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยรับน้ำชาจากขันทีในตำหนักพลันต้องแค่นหัวเราะออกมา <font color="#ff9900">“เจี๋ยอวี๋ปรนนิบัติหวงตี้ไม่นานก็ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว เหม่ยเหรินจะเทียบท่านได้อย่างไร”</font> นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหาได้มองภาพบาดใจ เพียงแต่นางและลู่เหม่ยเหรินที่ต้องคดีต่างอยู่ที่นี่ เจี๋ยอวี๋กล่าวหนึ่งกระทบสอง ช่างน่าขุ่นใจนัก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ทว่าในเวลาที่เป็นผู้ต้องสงสัย ฝ่าบาทก็ยังโปรดปรานลู่เหม่ยเหริน ฝ่ายในหรือจะไม่ริษยานาง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยและนาง(ลู่เหม่ยเหริน)มีฐานะเท่าเทียมกัน เมื่ออีกฝ่ายคำนับเช่นนั้น นางก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยอบตัวอย่างให้เกียรติ สีหน้าของหลงเยวี่ยประดับรอยยิ้ม มองเผินๆ สามารถดูได้ว่ายินยอมเป็นมิตรกลับผู้ใด <font color="#ff9900"><i>“ลู่เหม่ยเหริน”</i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คิ้วเข้มราวกระบี่พาดเลิกขึ้นเล็กน้อย ฮั่นอู่ตี้มิได้ปรายตามองคนที่แทรกกายมาคั่นกลาง และแน่นอนว่าไม่แม้แต่จะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อคนที่ถูกกันออกไปเขาเบื่อหน่ายการละเล่นชิงดีชิงเด่นของสตรี โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ยังมีคนโง่เขลาถึงขนาดไม่ทราบว่าถูกเรียกมาด้วยเหตุใด ยามนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในครรลองสายตาของโอรสสวรรค์ย่อมเป็นร่างบางเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งประคองจอกชาอยู่อย่างสงบ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เขาจะถือเสียว่าเมื่อครู่ไม่ได้ยินวาจาใด ๆ ของสามสตรีที่ต่างก็สาดน้ำเย็นใส่กันไปคนละถัง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741"><b><i>“กระทั่งที่ยืนของตนเองยังไม่ทราบ เจิ้นคงไม่จำเป็นต้องคาดหวังการปรนนิบัติจากเจ้า” </b></i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
วาจานี้นับว่ารุนแรงในการหักน้ำใจสตรี มังกรสวรรค์ผู้ไม่โปรดลูกไม้มารยาหันไปหาจางกงกงพร้อมคำพูดที่ว่า <font color="#FDD741">“แนะนำนางสักประโยคว่า<b>ที่ใดควร ที่ใดไม่ควร</b>” </font>ตั้งแต่ต้นจนจบในสายตาฝ่าบาทไม่มีแม้กระทั่งเงาหรือการชำเลืองไปทางเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ ราวกับว่าการที่เคยเสด็จไปหาก่อนหน้านี้เป็นแค่ฝันหนึ่งตื่น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">

<font color="#ff0000">“เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋”</font> ชายงามในชุดขันทีย่ำเท้าเข้ามาช้า ๆ พลางผายมือเป็นการเรียนเชิญ <font color="#ff0000">“ที่ของท่านอยู่ทางนี้ขอรับ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาฝ่าบาททรงดีกับเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ยิ่งนัก มิเคยต่อว่ารุนแรงเพียงนี้ หยาดน้ำตาพลันร่วงหล่นลงจากนัยน์ตาดอกท้อราวม่านไข่มุก ไหล่บอบบางสะเทินไหว <font color="#ff00ff">“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเพียงลืมตัวชั่วคราว ขอพระองค์โปรดอภัยด้วยเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เมื่อเห็นว่าเวลานี้ฝ่าบาทเข้าข้างใคร ท่าทีของเฮ่อถูเหม่ยเหรินที่มีต่อลู่เหม่ยเหรินพลันอ่อนโยน <font color="#ff00ff">“น้องหญิงลู่เวลานี้ยังเป็นนักโทษในคดีอุกฉกรรจ์ ฝ่าบาททรงโปรดน้องหญิงมากเพียงนี้ ผู้คนจะตำหนิถึงคุณธรรมของพระองค์นะเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
นัยน์ตาสีเข้มขลับเช่นนภายามรัตติกาลเรืองโรจน์ขึ้นด้วยความไม่พอใจ <font color="#FDD741"><b><i>“เจ้ากำลังตำหนิเจิ้น?” </b></i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
โอรสสวรรค์เดิมทีก็ใจแคบ(?)เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยามนี้มีคนมาหลั่งน้ำตาอยู่ข้างๆ พลางจีบปากจีบคอกล่าวว่า <b>‘กังวลถึงชื่อเสียงท่าน’</b> ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์ คนอย่างเขาย่อมมองเป็นว่าอีกฝ่ายไปกินดีหมีหัวใจเสือมามากกว่าถึงได้กล้ากล่าวต่อหน้าเขาโดยไม่ยั้งคิดเช่นนี้
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ลนลานคุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะ <font color="#ff00ff">“หม่อมฉันมิบังอาจ หม่อมฉันแค่กลัวว่า ผู้คนจะตำหนิน้องหญิงลู่…”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000">“ฝ่าบาท เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เพียงแค่เป็นกังวลจึงมิทันได้ระมัดระวังคำพูด โปรดทรงอย่ากริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ”</font> จางกงกงเห็นท่าไม่ดีรีบประสานมือโค้งลงขอความเมตตาเพื่อเป็นการช่วยประคองให้สถานการณ์ไม่มุ่งลงเหว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ด้วยเหตุนี้ในที่สุดสายพระเนตรของฝ่าบาทก็ตวัดมองไปยังร่างที่คุกเข่าลงโขกศีรษะ พระหัตถ์ที่หยาบกร้านยกขึ้นคลึงสันจมูกก่อนจะหลับตาลง ปล่อยให้รอบด้านเงียบงันไร้ผู้คนกล้ากล่าวทักท้วงถึงสิ่งใด ฮั่นอู่ตี้ทราบดีถึงความต้องการของจางกงกง ร่องรอยความไม่พึงใจยังฉายอยู่บนหว่างคิ้วแต่กระนั้นก็ได้แต่ทำใจปรับความขุ่นเคืองให้จางลง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“พอแล้ว”</font> หลิวเช่อผ่อนลมหายใจออก เขาละสายตาจากร่างที่หมอบกราบอยู่กับพื้นพร้อมเปลี่ยนท่าทางจากนั่งนิ่งเป็นการยกชาขึ้นจิบ <font color="#FDD741">“เจ้าไปนั่งพักเสีย เจิ้นเรียกมาพูดคุยไหนเลยต้องลำบากมาปรนนิบัติ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คนสนิทย่อมดูออกว่าการจะพูดประโยคนี้สำหรับฝ่าบาทนับว่ายากเย็นนัก จางกงกงลอบก้มหน้ายิ้มแหยอย่างอ่อนใจจากนั้นจึงค่อยหันไปช่วยพูดขยายความ.. หมายถึง โน้มน้าวเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋อีกครั้ง <font color="#ff0000"><i>“พระสนมฝ่าบาททรงเป็นห่วงว่าร่างกายท่านเดิมทีก็มิสู้ดีนัก ครั้งนี้แค่ต้องการพบหน้าสนทนาร่วมกับท่าน ในใจไม่อยากให้ฝืนทนความเจ็บปวดมาคอยรับใช้ใกล้ชิดด้วยความเป็นห่วงจึงไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ดีนัก ยามนี้พระสนมได้รับความสะเทือนใจ อย่างไรขอเชิญไปนั่งพักก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”</i></font> เรื่องราวปั้นแต่งจากปากจางกงกงลื่นไหลประหนึ่งเป็นความจริงที่หลบซ่อนมานาน คนที่กล่าวความเท็จได้ตาไม่กะพริบเช่นนี้ต่างหากถึงจะเหมาะสมกับการอยู่เป็นคนสนิทเคียงข้างผู้ที่ไม่เคยจะไว้หน้าผู้ใด
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ยกผ้าเช็ดหน้าเช็ดเปลือกตาที่วามวาวด้วยหยาดน้ำตา <font color="#ff00ff">“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”</font> ขันทีขั้นกลางในตำหนักเดินเข้ามาประคอง<b><i>เจี๋ยอวี๋ผู้เป็นที่โปรดปราน</b></i> ไปนั่งยังเก้าอี้เล็กตรงข้ามตวนมู่เหม่ยเหริน สังเกตได้ว่าฝ่าบาทขุ่นเคืองพระทัยเพราะกิริยาของนางแล้ว เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ก็สงบลงมาก ทว่ากลับเพิ่งรู้สึกตัวว่าที่ห้องทรงอักษรตอนนี้มีเหม่ยเหรินที่เป็นผู้ต้องสงสัยในคดี <b>‘เย่เหม่ยเหรินจนน้ำตาย’</b> อยู่พร้อมทั้งสองนาง ย่อมเกิดความแคลงใจว่าฝ่าบาทเรียกนางมาที่นี่เพื่ออยู่เป็นเพื่อนอย่างไร ท่าทีจึงเงียบสงบกว่าตอนแรกมาก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ในที่สุดห้องทรงอักษรก็กลับสู่ความสงบ โทสะของโอรสสวรรค์เจือจางลงแล้ว สองสาวงามที่นั่งอยู่เบื้องหน้าต่างก็มีชาคนละจอกอยู่ในมือ มีก็แต่เหม่ยเหรินที่เคยยืนข้างกายผู้นั้นที่ตอนนี้เหมือนจะตัดสินใจยืนถัดลงมาอีกขั้นเพื่อรักษาระยะห่างและป้องกันความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นได้อีก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฮั่นอู่ตี้กดใบหน้าก้มลงมองฎีกาที่เหลืออยู่บนโต๊ะคล้ายกับเรียกคนมาเพื่อ ‘อยู่เป็นเพื่อน’ จริง ๆ อยู่ราวๆ ครึ่งก้านธูป ท้ายที่สุดเมื่ออ่านฎีกาม้วนนั้นจบ ริมฝีปากหนาก็หยักมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มที่คล้ายว่าสามารถเย้ยหยันคนทั่วโลกหล้าโดยอาศัยเพียงหนึ่งรอยยิ้ม <font color="#FDD741">“เป็นฎีกาที่ดี.. ทำให้เจิ้นนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องที่ต้องถามเจ้าสองคน ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
โอรสสวรรค์หยิบป้ายทองแดงที่สลักเป็นคำว่าตวนมู่ขึ้นพลิกไปมาบนมือ ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นป้ายนี้ เคยเห็นขุนพลที่ดี เคยเห็นความสามารถที่เกรียงไกรจากบุคคลที่มีสิทธิ์สามารถใช้งานมัน สายพระเนตรของฝ่าบาทยังคงสงบนิ่งแต่ลึกลงไปใต้ความสงบนั้นก็ยังแฝงไว้ด้วยความชื่นชม <font color="#FDD741">“ตวนมู่เหม่ยเหริน เจ้ารู้จักสิ่งนี้หรือไม่”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
บทละครเมื่อครู่ทำให้นางดูถูกเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ไม่น้อย ทว่ามุมมองที่มีต่อฝ่าบาทกลับยิ่งกลับตารปัตร อย่างไรเวลานี้เขาก็ไม่ใช่ ‘รัชทายาท’ แต่คือจักรพรรดิผู้ครอบครองแผ่นดินอย่างแท้จริง ไยจะเป็นคนผู้เดิมที่นางชื่นชมมานาน นัยน์ตาหวานล้ำเผยประกายเหยียดหยามตนเอง นางปราดตามองชายที่ไม่พบหน้ามาเนิ่นนาน ม่านลูกปัดห้อยพระมาลาทิ้งสายลงเบื้องล่าง บดบังใบหน้าอันสง่างามจนเหลือเพียงโครงเค้าอันเลือนรางพร่าเบลอ อาจเพราะพระองค์<b>หนักแน่น</b>ม่านหยกนั้นจึงมิได้แกว่งไกวอย่างสับสนวุ่นวาย หากแต่กาลก่อนจวบจนเวลานี้ หลงเยวี่ยก็มิอาจมองเห็นสีหน้าของพระองค์ที่มองมายังตนได้เลย หากว่าความรู้สึกเพียงเล็กน้อยที่แฝงมาในวาจา ประหนึ่งน้ำเย็นที่หล่อเลี้ยงจิตใจนาง คำถามของพระองค์ดุจเดียวกับที่จางถิงเว่ยถามนาง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คลับคล้ายว่าพระองค์ยินดีฟังจากปากของนางมากกว่าสำนวนคดีที่ถูกถวาย (อ๋อเปล่า น่าจะยังไม่อ่าน)
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยยืดตัวขึ้นแล้วยอบกายลงอีกครั้ง ในสายตามีเพียงฝ่าบาท <font color="#ff9900">“กราบทูลฝ่าบาท สิ่งนี้คือป้ายบอกสังกัดนายทหารประจำกองทัพพยัคฆ์ของสกุลตวนมู่ หม่อมฉันรู้จักเพคะ”</font> ในน้ำเสียงของนางแฝงความชื่นชมของสตรีอย่างยากจะปิดบัง แวบหนึ่งคลับคล้ายนางสัมผัสได้ถึงเสียงเย้ยหยันบางเบาจากเจี๋ยอวี๋ที่นั่งอีกฝั่ง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คำตอบของตวนมู่เหม่ยเหรินเป็นดังคาด หลิวเช่อพยักหน้ารับคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนจะเบนสายตาไปทางเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่นั่งถัดมาอีกทาง <font color="#FDD741">“เจ้าเล่า รู้จักหรือไม่?”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
รอจนตวนมู่เหม่ยเหรินนั่งประจำที เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่ระมัดระวังกิริยาจนยากจะรับแม้แต่ชาสักถ้วย ก็หยัดกายขึ้นบ้าง นางเป็นหญิงงามที่งามแตกต่างจากชาวฮั่น แม้ท่วงท่าจะไม่สำรวมเท่าแต่ก็มีความสดใสที่ยากจะมองข้าม นัยน์ตาที่ฉ่ำวาวด้วยเพิ่งผ่านการร้องไห้ยิ่งทำให้หญิงสาวในเวลานี้ดูบอบช้ำเกินทน น่าเสียดายว่าที่ห้องทรงอักษรมีลู่เหม่ยเหรินที่โด่ดเด่นกว่าใคร เมื่อต้องเทียบกับโฉมสะคราญเช่นนั้น ความน่าทะนุถนอมดูแลของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋พลันด้อยค่าลงจนมิอาจเห็น ท่วงท่าของนางแลดูอ่อนแอ คิ้วทรงหลิวที่วาดอย่างประณีตขมวดบางเบาคล้ายมีความเศร้าอยู่ลึกๆ ที่ฝ่าบาทตรัสถามตนเช่นเดียวกับผู้ต้องสงสัยอย่างหญิงสกุลตวนมู่ <font color="#ff00ff">“ทูลฝ่าบาท ป้ายชิ้นนั้นหม่อมฉันไม่เคยเห็นเพคะ…”</font> เสียงแว่วหวานของนางแฝงความออดอ้อน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งดังเดิม
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ในที่นี่อาจมีเพียงเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เพียงคนเดียวที่ใบหน้าฉาบความสงสัยเหลือคณา
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เมื่อสิ้นคำของทั้งสองฝ่าย ป้ายทหารในมือก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ชายผู้มีอำนาจเหนือคนนับหมื่นพยักหน้าราวกับกระจ่างในคำตอบของทั้งคู่ แต่แล้วเขาก็หันไปกล่าวกับจางกงกงที่อยู่ข้างกาย <font color="#FDD741">“ให้เข้ามา”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางกงกงที่รอคำนี้มานานรีบประสานมือค้อมกายลงรับคำสั่ง ก่อนจะยืนเต็มความสูงและหันไปทางประตูห้องทรงอักษร <font color="#ff0000">“จางถิงเว่ยและทหารองครักษ์ฉีจินซานเข้าเฝ้าได้!!!” </font>จงฉางซื่อตะเบ็งเสียงประกาศกร้าวดังไปถึงด้านนอกที่รอฟังสัญญาณมาพักใหญ่แล้ว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เสียงฝีเท้าหลายคู่เริ่มดังใกล้เข้ามามากขึ้นก่อนจะตามมาด้วยการปรากฏตัวของเจ้ากรมยุติธรรมคนปัจจุบันและทหารองครักษ์ฉีจินซานที่ถูกพาตัวเข้ามาโดยมีมือปราบอีกสองสามคนคอยตามประกบอย่างระแวดระวัง จางทังหรือที่ทราบกันในนามจางจิ่งสิงเป็นฝ่ายเดินนำเข้ามาก่อน เมื่อมาถึงบริเวณที่นับว่าใกล้พอต่อการสนทนา ร่างสูงภายใต้เครื่องแบบขุนนางก็คุกเข่าลงถวายพระพร โดยมีฉีจินซานและมือปราบด้านหลังที่ทรุดกายลงตามการกรุยทางของจางถิงเว่ย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“กระหม่อมจางถิงเว่ยมาเข้าเฝ้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี”</font> ท้ายประโยคที่เป็นการถวายพระพรหาได้มีเพียงเขาคนเดียวที่กล่าวยังมีเสียงของชายชาตรีอีกหลายชีวิตที่ให้ความเคารพแด่พระเจ้าแผ่นดิน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“รายงานมา”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“พ่ะย่ะค่ะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ถิงเว่ยหนุ่มรับคำสั่งเสียงเข้ม เขาเหลือบสายตาขึ้นมองเหล่า ‘ผู้ต้องสงสัย’ ที่อยู่พร้อมหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเก็บสายตาลงกราบทูลเนื้อความของคดีที่สืบหามาได้ <font color="#38761d">“จากการสืบค้นพบว่าจดหมายที่ถูกส่งให้เย่เหม่ยเหรินก่อนเกิดเหตุทั้งยังอ้างว่าเป็นจดหมายนัดพบจากลู่เหม่ยเหรินนั้นถูกเขียนโดยใช้กระดาษคุณภาพชั้นเลิศที่ไม่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปในแผ่นดิน”</font> เสียงของใต้เท้าจางเงียบไปครู่หนึ่ง เปิดโอกาสให้จางกงกงที่รับหน้าที่ผู้ขยี้เนื้อหาได้มีช่องสอบถามเพิ่มเติมโดยแสร้งว่าเป็นการสงสัยใคร่รู้
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000">“ไม่สามารถหาได้ตามท้องตลาดทั่วไปในแผ่นดิน? คุณภาพดีถึงเพียงนั้นเชียว.. ทว่าลู่เหม่ยเหรินก็หาใช่ธิดาตระกูลค้าขายทั่วไป ด้วยฐานันดรของนางสามารถเสาะหากระดาษชนิดนี้ได้หรือไม่”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางถิงเว่ยชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบกลับอย่างหนักแน่น <font color="#38761d">“เป็นไปไม่ได้ กระดาษชนิดนี้นับว่าเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นของขวัญให้แคว้นเพื่อนบ้านที่สวามิภักดิ์ต่อต้าฮั่น มิอาจนับว่าเป็นของค้าขายหรือใช้งานได้เนื่องจากมีโทษถึงตายในฐานลักลอบแย่งชิงของหลวง”</font> ทันทีที่จบคำตอบนี้ความสงบนิ่งบนใบหน้าของโอรสสวรรค์ก็เปลี่ยนไป
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เสียง <i><font color="#FDD741">‘อ้อ’ </font></i>เบา ๆ ดังขึ้นจากปากเขา เท่านั้นก็เพียงพอที่จะพลิกห้องทรงอักษรที่เคยปลอดโปร่งให้กลายมาเป็นแดนหิมะหนาวเหน็บเสียดผิวคนเป็นอย่างยิ่ง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยกลับมองต่างจากจางถิงเว่ย สิ่งของอย่างไรก็มีวิธีแย่งชิงมา— เพียงแต่ว่าเรื่องนี้หาใช่สิ่งที่นางกระทำได้ และเพราะนางกระทำไม่ได้ถึงยิ่งควรไหลไปตามน้ำ เรื่องนี้เจตนาพุ่งเป้าไปที่เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ แม้หลงเยวี่ยจะพยายามสำรวมสุดใจ ก็ยังอดไม่ได้ต้องลอบจิบน้ำชาอวยพร อาจเพราะจางถิงเว่ยให้ข้อมูลที่ดีต่อนางกระมัง หลงเยวี่ยจึงเกิดความชื่นชมต่ออีกฝ่ายอีกหลายส่วน ทว่าชายหนุ่ม ‘ฉีจินซาน’ ที่อยู่ด้านข้าง มองอย่างไรก็ไม่คุ้น คนผู้นี้ที่ใส่ร้ายนางร่างกายมีร่องรอยของทัณฑ์ทรมาน ช่างสาสมยิ่งนัก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หากแต่เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋หญิงจากนอกด่านเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกคำพูดนี้ของจางถิงลอบทำร้ายย่อมไม่มีแก่ใจจะมองนัยน์ตาดูแคลนของตวนมู่เหม่ยเหริน เรื่องนี้มิอาจสรุปได้ว่านางเป็นผู้ผิด เพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น นางอาจถูกใส่ร้ายก็เป็นได้ แม้จะเป็นเช่นนั้นนางก็ยังมีสีหน้าตะลึงพรึงเพริดอย่างยากจะปกปิด สีหน้านั้นยากจะตัดสินว่าเป็นนางโง่เขลาจนไม่รู้ว่าควรใช้กระดาษเช่นไรใส่ร้ายคน หรือตระหนกตกใจที่จู่ๆ เรื่องนี้ก็รวบพันตนเข้าไปเกี่ยวข้องกันแน่
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“ส่วนลายมือที่ปรากฏอยู่บนจดหมายเป็นลายมือของลู่เหม่ยเหรินจริงที่ได้รับการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญเช่นท่านตงฟางซั่วที่เข้ามามีส่วนช่วยวิเคราะห์และเทียบเคียง แ… ”</font> เมื่อส่วนแรกถูกรายงานจนจบก็เป็นปกติที่จะรายงานส่วนที่สองทว่ายังไม่ทันได้รายงานจนถึงจุดสำคัญ พระหัตถ์ของฝ่าบาทก็ยกขึ้นปรามเป็นสัญญาณให้หยุด
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เป็นลายมือของลู่เหม่ยเหริน แล้วมีอะไรอีก”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางถิงเว่ยรับใช้ฝ่าบาทมานานย่อมทราบว่ายามนี้อีกฝ่ายต้องการให้ตนหลีกเลี่ยงประเด็นนี้ เจ้ากรมราชทัณฑ์พยักหน้ารับอย่างไร้คนเข้าใจก่อนจะหยิบอีกประเด็นขึ้นรายงานต่อเพื่อไม่ให้เสียจังหวะ <font color="#38761d">“บริเวณสระน้ำซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุได้มีการพบของชิ้นหนึ่ง” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ขุนนางหนุ่มล่วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบกล่องไม้สีดำเรียบที่ผ่านการเคลือบเงาอย่างดีออกมาและยกขึ้นคล้ายต้องการถวายให้ฝ่าบาทได้ทรงพิจารณา จางกงกงที่เห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวเข้ามารับกล่องและนำขึ้นถวายแก่ฝ่าบาท ทว่าฮั่นอู่ตี้กลับไร้ซึ่งความเร่งร้อนที่จะเปิดมันออกดู เขาพยักหน้า ปล่อยกล่องไม้ให้วางอยู่บนโต๊ะทรงงานอย่างนั้นพร้อมกับประคองสีหน้าสงบนิ่งเพื่อรอฟังข้อมูลถัดไป
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“ป้ายของสกุลตวนมู่ที่ถูกพบนั้นเป็นของจริง และฉีจิงซานผู้นี้ก็เคยทำงานในกองทัพของเหอซีอิงกงจริง”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“จางถิงเว่ย!”</font> หลงเยวี่ยพลันเผลอตัวหยัดกายร้องไปทางเจ้ากรมยุติธรรม <font color="#ff9900">“ท่านกล่าวเช่นนี้มีจุดประสงค์อันใด”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000">“<i>ตวนมู่เหม่ยเหริน</i> โปรดระวังกิริยาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”</font> เสียงนอบน้อมเย็นเยียบดังจากขันที หลงเยวี่ยแม้นจะตื่นตระหนกเพียงใดก็ยังต้องเข้าใจว่าตนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ ร่างกายของนางเย็นเยียบพลันไร้เรี่ยวแรงจนต้องเอนกายพิงโต๊ะน้ำชาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในพริบตา
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สายตาหลายคู่ยามนี้ล้วนเคลื่อนไปมองที่เหม่ยเหรินจากตระกูลวีรชนที่ลุกขึ้นแสดงกิริยาไม่น่ามองยามที่ทราบถึงเนื้อหาส่วนนี้ สายตาทั้งหมดผสมปนเปไปด้วยการตำหนิบ้าง ดูแคลนคล้ายว่านางแก้ตัวบ้าง หรือไม่ก็หน่ายใจราวกับสมเพชเวทนา จะมีก็แต่สายตาไม่กี่คู่ที่ยังเผยความรู้สึกในด้านอื่น อย่างเช่นจางทัง จางถิงเว่ยชำเลืองตามองไปทางตวนมู่เหม่ยเหรินอย่างสงบถึงแม้ว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกขัดประโยคด้วยแรงโทสะผสานตกตะลึงนั้นก็ตาม ด้านลู่เหม่ยเหรินที่มองภาพรวมทั้งหมดมานานก็มีท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไร้ซึ่งการดูหมิ่น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ทว่าที่ทรงอำนาจที่สุดย่อมไม่พ้นสายพระเนตรมังกรที่เคลื่อนกลับไปมองยังร่างชดช้อยที่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่นกล้าหาญอยู่ราว ๆ เจ็ดส่วน ฮั่นอู่ตี้พิจารณาดูความงามอย่างมีเอกลักษณ์นั้น เฝ้ามองถึงการเปลี่ยนแปลงไปมาบนสีหน้าและแววตา ความตื่นตระหนกของนาง เขาทราบ ความร้อนรุ่มที่มาจากความไม่เป็นธรรม เขาเองก็ทราบ แต่ไหนแต่ไรมาหลิวเช่อไม่ใช่คนโอนอ่อนอย่างไร้เหตุ สายตาของเขาเรียบเย็นไร้ความรู้สึกแต่ก็มีประกายบางอย่างที่ชวนให้คนมองนึกประหลาดใจ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741"><i>‘นางหาใช่ผู้ที่สมควรต้องกังวล’</i></font> หลิวเช่อคิดแต่กลับไร้ซึ่งการปลอบประโลมที่แสดงออก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“พูดต่อไป”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางถิงเว่ยที่ได้ยินคำอนุญาตจากฝ่าบาทก้มใบหน้าลงอีกครั้ง <font color="#38761d">“จากการสืบหลักฐานเบื้องต้น กระหม่อมพบว่ามีพยานผู้เห็นเหตุการณ์ พยานผู้นี้เป็นเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมชางลั่งถิง ยามนี้รออยู่ด้านนอก แต่ถึงแม้กระหม่อมจะสืบหาพยานมาได้แต่เขาก็ไม่ยอมสารภาพว่ารับคำสั่งผู้ใดมา จากดุลพินิจของกระหม่อม ท่าทางของฉีจิงซานคล้ายว่าต้องการปกป้องคนผู้นั้น แ….”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เสียงของจางถิงเว่ยขาดช่วงไปเป็นครั้งที่สาม หนนี้อาศัยเพียงการเปลี่ยนแปลงบนพระพักตร์ของโอรสสวรรค์ก็เพียงพอที่จะห้ามปรามหลักฐานของคดีไม่ให้หลุดออกมามากไปกว่านั้น สายตาของฮั่นอู่ตี้เคลื่อนผ่านร่างของถิงเว่ยไปยังเบื้องหลังที่มีกายสูงใหญ่ของทหารองครักษ์ฉีจิงซาน <font color="#FDD741">“ให้เขาพูด”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#0000ff">“ฝ่าบาท”</font> ชายชาติทหารหน้าซีดไปทันทีที่ถูกกล่าวถึง ชายเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ดำเนินการปลิดชีวิตเย่เหม่ยเหรินก้มหน้าลงให้การอย่างลนลาน <font color="#0000ff">“กระหม่อมฉีจิงซานผู้เป็นทหารองครักษ์ ในวันที่เย่เหม่ยเหรินเสียชีวิต เป็นคืนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นกระหม่อมกำลังลาดตระเวนเพื่อรักษาความปลอดภัยจึงได้มีโอกาสลงมือ กระหม่อมทราบดีว่าโทษฐานสังหารคนหนักหนานัก อีกทั้งกระหม่อมยังเข้าใจว่าการทำเช่นนี้ย่อมหนีไม่พ้น แต่เรื่องนี้หาได้เกี่ยวกับนายหญิงขอรับ ทุกอย่างกระหม่อมเป็นผู้กระทำเอง กระทำลงไปเพราะหนี้รักฝังลึก ในยามที่ยังเยาว์กระหม่อมและเย่เหม่ยเหรินเป็นสหายใกล้ชิดถึงขนาดที่กระหม่อมตั้งใจอยากสู่ขอนาง ทว่านางกลับไม่รักษาสัญญาณ ทอดทิ้งกระหม่อมและเลือกก้าวเข้ามาสู่รั้ววังใน”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้าง <font color="#ff9900"><i>‘นายหญิง’</i></font> เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นแล้ว เอ่ยตามระดับอาวุโส พวกเขาใช้คำว่า ‘นายหญิง’ เรียกแทนนางเพื่อไม่ให้สับสนกับอิ๋นซีที่เริ่มเติบโต ซ้ำยัง—
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900"><b>โกหก! โกหกทั้งเพ!</b></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
แม้แต่นางยังดูออกว่า ‘ฉีจินซาน’ ผู้นี้โป้ปด มีหรือฝ่าบาทและจางจิ่งสิงจะดูไม่ออก ท่าทางภักดีเช่นนั้น กล่าวคำโป้ปดเช่นนั้น แผนร้ายครานี้ถูกขีดเขียนมาอย่างดี แม้แต่ท่วงทำนองอารมณ์ของ ‘ฉีจินซาน’ ใครก็สัมผัสได้ถึงความหนักแน่นภักดี ดวงตาของหลงเยวี่ยสั่นไหวอย่าไม่อาจหักห้าม
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คำให้การยาวเหยียดของฉีจิงซานดูซื่อตรงและสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจุดที่ต้องการกล่าวว่า ‘หาได้เกี่ยวข้องกับนายหญิง’ ประโยคนี้ยิ่งดูจริงจังขึ้นหลายส่วน <font color="#0000ff">“ส่วนที่พาดพิงถึงลู่เหม่ยเหริน .. เป็น เป็นกระหม่อมอยากล้างแค้นให้เย่เหม่ยเหรินที่เคียดแค้นต่อนางยิ่ง จึงกระทำเกินกว่าเหตุหาหลักฐานทิ้งไว้เพื่อป้ายสีนาง” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#0000ff">“กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมมิสมควรกระทำโดยไร้การยั้งคิดเช่นนี้ ขอฝ่าบาททรงมีรับสั่งลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!!”</font> พริบตาถัดจากนี้คล้ายว่ามีความวุ่นวายแผ่กระจายทั่วห้องอักษร เสียงตะโกนขอร้องให้ฝ่าบาทประทานโทษถึงตายจากผู้ให้การสารภาพว่าลงมือกระทำดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่เพียงเท่านั้น เหล่ามือปราบที่มีหน้าที่คอยประกบเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายก็จำเป็นต้องตวาดห้ามการกระทำอันไม่สมควรนี้ก่อให้เกิดเป็นมรสุมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซัดเข้ากลางห้องทรงอักษรที่เริ่มชักชวนให้ขันทีน้อยใหญ่ต่างก็พากันซุบซิบอย่างออกรส
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางกงกงที่มองอยู่ต่อให้อยากปั้นละครน้ำเน่าเกี่ยวกับการใส่ร้ายแย่งชิงอย่างไรสุดท้ายเมื่อสถานการณ์ดันพลิกออกมาเป็นรูปแบบนี้ก็ได้แต่ปวดหัวไปพร้อม ๆ กับทำหน้าลำบากใจ ครั้งนี้เขาคาดการณ์ความคิดของฝ่าบาทไม่ออก แม้จะพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอพระทัยนัก แต่ก็ไม่รู้ว่าความพิโรธอย่างแท้จริงของโอรสสวรรค์จะปะทุขึ้นมาเมื่อใ—-
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<b>ปัง!!! </b>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
พระหัตถ์หนาฟาดลงกับโต๊ะทรงงานอย่างแรงเกิดเป็นเสียงดังครึกโครมที่สยบทุกการกระทำของชาวประชารอบกาย คล้ายกับมีฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ จะขุนนาง สนม หรือขันทีล้วนแต่ทรุดกายลงอย่างคร่ำเครียดพร้อมร้องออกมาเป็นคำว่า <b>“ฝ่าบาทโปรดถนอมพระวรกายด้วยเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ”</b>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ใบหน้าของฮั่นอู่ตี้ยังคงสงบ ตรงกันข้ามกับการไม่พอใจ ดูเหมือนเขาจะมีร่องรอยของความพอใจและ ‘เย้ยหยัน’ แทรกอยู่ในแววตาอย่างเห็นได้ชัด <font color="#FDD741">“เหตุใดจึงมัวแต่ถกเถียงเรื่องไร้สาระ”</font> ไม่มีใครรู้ว่าความหมายในคำพูดนี้ของพระองค์คืออะไร ทรงเชื่อไปแล้วว่าเป็นความผิดตวนมู่เหม่ยเหริน? หรือมองว่าหลักฐานทั้งหมดล้วนไม่มูล?
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋”</font> พระพักตร์ของเจ้าแผ่นดินดูปลอดโปร่งนัก ท่าทางที่แสดงออกมาของเขาคล้ายจะไม่ไยดีต่อสำนวนคดีที่ถูกรายงาน มีเพียงการหันไปกล่าวกับเจี๋ยอวี๋เพียงผู้เดียวในที่แห่งนี้ด้วยเสียงที่ไม่ดังและไม่เบาจนเกินไป
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เจิ้นไม่ได้เรียกเจ้ามาเพื่อต้องทนฟังเรื่องนี้หรอก”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋หัวใจชาวาบ ความโกรธเกรี้ยวของมังกรผู้ใดจะไม่กลัวเกรง ทว่าเพียงครู่เดียวอากัปกิริยาที่ตื่นตระหนกของนางก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงของหวงตี้ที่ตรัสออกมาเพียงชื่อนาง ทำให้เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋รู้สึกพิเศษกว่าใคร ในหัวใจหวานล้ำเพราะคาดเดาว่า <font color="#ff00ff"><i>พระองค์โปรดปรานนางเหมือนเก่า</i></font> วงคิ้วงามสะท้อนอารมณ์หวานซึ้ง นัยน์ตาทอประกายอ่อนหวาน <font color="#ff00ff">“เพื่อให้ได้พบพระพักตร์ของฝ่าบาท แม้ต้องฟังเรื่องโหดร้ายเหล่านี้ หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
รอบด้านไม่มีใครกล้าขัดความประสงค์ของฝ่าบาท ต่อให้ประหลาดใจสักแค่ไหนก็ยังต้องเงียบกริบ หลิวเช่อไม่เพียงปล่อยให้เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เรียกคะแนนสงสารอยู่อย่างนั้น เขายังยกชาขึ้นจิบคล้ายคนที่ยินดีฟังนางกล่าวไปเรื่อย ๆ ถึงขนาดที่จางกงกงยังต้องขมวดคิ้ว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เจิ้นจำได้ว่ายามพบเจิ้นเจ้าจะห้อยป้ายหยกสลักคำว่าเฮ่อถูไว้ที่เอว ครั้งนี้ไม่ยักเห็น ทำไม? ไม่มั่นใจกับความงามของป้ายนั้นแล้วหรือ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ใบหน้างดงามอ้าปากคราหนึ่งก่อนจะหุบลง สีหน้า นัยน์ตาอ้ำอึ้ง คลับคล้ายกังวลและโศกเศร้า <font color="#ff00ff">“ป้ายนั้น…ตอนที่หม่อมฉันออกนอกวังไปเมื่อคราวก่อน บังเอิญทำหล่นหายเพคะ…”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ริมฝีปากของโอรสสวรรค์หยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มุมปาก เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์เหลือร้ายของบุรุษเพศที่สามารถตรึงสายตาของผู้คน มือของเขาเปิดฝากล่องไม้ที่พึ่งถูกจางทังนำขึ้นถวายได้ไม่นานระหว่างที่รับฟังคำตอบจากปากขององค์หญิงเผ่าซงหนู อาจเป็นเพราะชายแขนภูษาที่รุ่มร่าม รวมไปถึงความสูงของพระที่นั่งซึ่งต่างระดับจากผู้อื่น ไม่ว่าใครต่างก็หาได้ทราบว่าฝ่าบาทได้หยิบบางสิ่งออกมาจากกล่องนั้น ทั้งหมดล้วนเห็นแค่การเปิดและปิดกล่องลงช้า ๆ โดยที่ใบหน้าของพระองค์ยังคงปราศร่องรอยการเปลี่ยนแปลง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เจ้ามาจากนอกด่านไม่คุ้นชินพื้นที่ เจิ้นเข้าใจ ช่วงนี้ได้ยินว่าเจ้ามุ่งมั่นกับการฝึกเขียนอ่านอักษรฮั่นจนเป็นที่โจษจันว่าเขียนได้ดีนัก”</font> ฮั่นอู่ตี้ขยับมือเรียกจางกงกงให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะสิ่งหนึ่งไว้บนมือคนสนิท
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จงฉางซื่อที่ก้าวเข้ามารับเมื่อได้เห็นของในมือก็มีสีหน้าตกตะลึง จางกงกงรีบเก็บสีหน้าพร้อมระบายยิ้มที่ดูฝืด ๆ ออกมาอย่างผิดสังเกต ยามนี้เขาทราบแล้วว่าในพระทัยฝ่าบาทมีสิ่งใด ขันทีอสรพิษได้แต่แสดงความสงสารเหล่าหญิงสาวที่ต่อจากนี้ต้องเผชิญกับเล่ห์เหลี่ยมมังกรอยู่ในใจโดยที่ทั้งตัวเขาก็ขยับเข้าไปหาเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋พร้อมยื่นสิ่งที่อยู่ในมือออกไป
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เป็นป้ายหยกงามชิ้นหนึ่งที่ส่องประกายเล่นกับแสงได้ดียิ่งนัก โดยเฉพาะบริเวณเนื้อหยกที่สลักลงเป็นคำว่า ‘เฮ่อถู’ ในภาษาฮั่น ดูจะชดช้อยแต่ก็แทรกไว้ด้วยความทรงพลังสมกับที่เป็นของแสดงฐานันดรของผู้เป็นถึงองค์หญิง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ของสำคัญควรรักษาให้ดี หากไม่ใช่ว่ามีคนของเจิ้นไปพบป้ายหยกนี้เข้า มันก็คงไม่พ้นหายสาบสูญไปแล้ว”</font> ราวกับญาติผู้ใหญ่กำลังตักเตือนและสอนสั่งคนในการดูแลของตนเอง หลิวเช่อขยับตัวเล็กน้อย เขาเปลี่ยนท่าทางขึงขังให้ดูผ่อนคลายยิ่งขึ้นผิดกับจางถิงเว่ยที่แววตากระตุกไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกส่งกลับคืนเจ้าของ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“หากเจ้าอยากขอบคุณเจิ้น ถ้าเช่นนั้นก็เขียนประโยคมงคลให้เจิ้นสักแผ่น”</font> เก็บของสำคัญให้ ตักเตือนเพียงเล็กน้อย ทั้งยังเสนอทางทดแทนคุณให้สตรี นับว่าเป็นการรวมสิ่งที่ ‘หลิวเช่อ’ ปกติไม่มีทางที่จะลงมือทำ แต่สำหรับหมู่สนมที่เข้าวังได้ไม่นานไหนเลยจะรู้ซึ้งถึงนิสัยใจคอที่แท้จริงของผู้เป็นพระสวามี
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ชะงักงัน ใบหน้าฉายแววกังวลใจเล็กน้อย หากเพียงพริบตาก็เปลี่ยนเป็นยินดีปรีดา รอยยิ้มหวานล้ำโค้งประดับดวงหน้าผ่องใส <font color="#ff00ff">“ของสิ่งนี้เป็นของสำคัญของหม่อมฉัน ราวกับฟ้าลิขิตให้ฝ่าบาทนำมาคืน วาสนาของพวกเราช่างราวกับเทพชะตาลิขิต นับแต่นี้หม่อมฉันจะรักษาไว้อย่างดี มิกล้าให้ห่างตัวเพคะ”</font> นางเอ่ยพลางยอบกายขอบพระทัย ไม่ช้านานจากนั้นขันทีคู่พระทัยก็ขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับถาดวางกระดาษ แท่นฝนหมึก และพู่กัน ยังมีคนนำโต๊ะเล็กๆ มาวางต่อหน้านาง ดุจว่า ‘คำขอ’ นั้นเป็นภาพลวงตา เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋มิทันได้สังเกตถึงสถานการณ์ที่บีบรัดให้นางต้องเขียน ยังคงคิดว่าหวงตี้ปรารถนาจะทอดพระเนตรความก้าวหน้าในการคัดอักษรของตน ร่างบางเผยรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาประหนึ่งหญิงสาวชาวบ้านที่ซื่อสัตย์และรักมั่น นิ้วเรียวยาวจับพู่กันจุ่มบนถาดหมึกที่มีผู้ฝนให้แล้ว ก่อนจะบรรจงลากอักษรลงบนกระดาษขาวอย่างประณีต ในใจหวังเพียงว่าฝ่าบาทจะชื่นชมยินดี
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
อักษรข่ายซูอันงามล้ำประหนึ่งงูน้ำพลิ้วไหวในสายธาร ชดช้อยดุจกิ่งหลิวต้องลมวาดตวัดร้อยและซ้อนทับตามลำดับขั้นของการเขียน ลายตวัดเพริศแพร้วอย่างยากจะเชื่อว่าหญิงนอกด่านผู้นี้เพิ่งร่ำเรียนอักษรฮั่น มิหนำซ้ำยังเลือกอักษรที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ การลากเส้นแน่วแน่มั่นคงบ่งบอกถึงการเขียนที่ใส่จิตวิญญาณเข้าไว้ด้านใน สุดท้ายก็กลายเป็นอักษร <b>“ฝู”</b> (ความสุข) อันประณีต
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เสียงอ่อนหวานเอ่ยเจื้อยแจ้ว <font color="#ff00ff">“หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะมีความผาสุก เปี่ยมด้วยโชคและสิริมงคลดุจอักษรนี้เพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ที่ตั้งใจคัดอักษรอย่างดีหาได้รู้เลยว่านี่ล้วนแต่เป็นการทดสอบขั้นสุดท้ายที่ฝ่าบาทตระเตรียมไว้เพื่อนาง ทันทีที่จางกงกงนำกระดาษซึ่งผ่านมือของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ขึ้นมาถวาย มือหนึ่งของฝ่าบาทก็ถือกระดาษแผ่นนั้นไว้ ในขณะที่มืออีกข้างก็ถือกระดาษอีกแผ่น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“น่าสนใจ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฮั่นอู่ตี้พึมพัมกับตัวเอง ไม่มีใครทราบว่าเขานึกครึ้มอะไรอยู่ เพราะประโยคถัดมาจากริมฝีปากนี้ค่อนข้างสร้างความแตกตื่นได้มากทีเดียว <font color="#FDD741">“ตวนมู่เหม่ยเหริน เจ้าขึ้นมาดูนี่สิ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยที่เพิ่งหายจากอาการตื่นตระหนกได้ไม่นาน กะพริบตาปรับอารมณ์ ความพรั่นพรึงที่เกิดขึ้นในชั่วลัดตายากจะปกปิด นางยอบตัวลงหนึ่งครายังคงไม่เข้าใจว่าฝ่าบาทจะให้นางดูสิ่งใด บันไดเพียงสองขั้นก่อนถึงที่ประทับนั่งช่างอันตรายอย่างยิ่ง พาร่างอันคล้ายโรยแรงเดินขึ้นยืนอยู่ทางด้านข้างพระวรกาย นัยน์ตาทรงเสน่ห์ที่บัดนี้อับประกายแสงลงมองกระดาษสองแผ่นที่กางอยู่บนโต๊ะทรงอักษร ความเงียบงันอันยากจะคาดเดาปรากฏบนใบหน้าขาวผ่อง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“...”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ที่ปรากฏบนกระดาษทั้งสองแผ่นคือรอยพู่กันที่เขียนเป็นประโยคมงคลสำหรับอวยพรแด่หวงตี้ที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก ต่างเพียงแค่สองจุด หนึ่งคือรอยหมึกที่แผ่นหนึ่งเหมือนจะถูกเขียนเมื่อก่อนหน้านี้จนหยดหมึกแห้งสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้วส่วนอีกแผ่นยังต้องใช้เวลากว่าจะแห้งพอม้วนเก็บ และส่วนที่สองย่อมเป็นประโยคที่แตกต่างแต่ก็เผอิญมีบางอักษรที่เป็นตัวเดียวกันง่ายต่อการเทียบลายมือ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“อยู่นี่ก่อน”</font> สุรเสียงของมังกรกล่าวอย่างกระซิบเบา ๆ กับเหม่ยเหรินแซ่ตวนมู่ทั้งที่ตัวยังนั่งตรง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ประกายในดวงตาคู่งามกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว <font color="#ff9900">“หม่อมฉันรับพระบัญชาเพคะ”</font> หลงเยวี่ยยอบกายลง สุ้มเสียงฟังแล้วดูอ่อนหวานเย้ายวน หาแม้กล่าวว่า ‘ตรงนี้’ หลงเยวี่ยยังคงต้องรักษาระยะห่างอยู่บ้าง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“จางถิงเว่ย ก่อนหน้านี้เจ้ากล่าวว่ามีพยานใช่หรือไม่”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d"><i>“พ่ะย่ะค่ะ?”</i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ขนาดจางถิงเว่ยยังเงยหน้าขึ้นตอบรับเสียงสูงอย่างเสียเชิง <font color="#38761d"><i>‘ฝ่าบาทท่านผ่านแม่น้ำเหลืองไปไกลแล้วเหตุใดจึงวกกลับมาเอายามนี้เล่า’</i></font> ภายในใจของผู้คนล้วนแต่คิดเป็นเสียงเดียวกัน จางทังรีบกลับมาปรับท่าทางให้สงบอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้ผู้ติดตามวิ่งไปแจ้งให้ด้านนอกนำตัวพยานเข้ามา
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#00ff00"><b>“เบิกตัวพยาน!!!”</b></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เถ้าแก่โรงเตี๊ยมผู้โด่งดังปรากฏตัวขึ้นกลางห้องทรงอักษรผ่านการเชื้อเชิญให้เดินเข้ามา หาใช่การลากอย่างทารุณ <b>‘ชางเยี่ยนเป่ย’</b> ชายเจ้าสำราญที่ตลอดชีวิตไม่เคยเหยียบย่างเข้าเขตราชการตัวสั่นระริกเล็กน้อยแต่ก็ยังฝืนเชิดหน้าขึ้นราวกับไม่เกรงกลัว “เป็นเกียรติของกระหม่อมที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระองค์ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ ”
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“อืม”</font> เจ้าแผ่นดินที่ได้รับการถวายพระพรติดต่อกันอย่างต่อเนื่องจนคำว่าหมื่นปีเหล่านั้นจะกลายเป็นแสนปีอยู่ร่อมร่อได้แต่ตอบรับในลำคอ <font color="#FDD741">“ถิงเว่ยกล่าวกับเจิ้นว่าเจ้าเป็นพยาน เคยพบเขาหรือ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เขาในที่นี้ย่อมเป็นฉีจิงซานที่ซีดเซียวเพราะบรรยากาศของห้องทรงอักษรที่หนักอึ้งได้กดทับกายเขาจนทำให้รู้สึกเหมือนจะขาดใจ แต่สำหรับชางเยี่ยนเป่ยที่พึ่งเข้ามา เขาเงยหน้าขึ้นอย่างซื่อตรงและพยักหน้า <font color="#00ffff">“เขาเป็นลูกค้าประจำของโรงเตี๊ยมชางลั่งถิงที่กระหม่อมดูแล”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ด้วยเหตุนี้กระหม่อมจึงเข้าไปสอบถามว่าช่วงก่อนและหลังเกิดเหตุ เถ้าแก่ชางได้พบฉีจิงซานบ้างหรือไม่”</font> จางทังช่วยกล่าวเสริมในส่วนที่เป็นสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงเสาะหาพยานคนนี้ขึ้นมาได้ ด้านชางเยี่ยนเป่ยถึงจะไม่เคยให้การในคดีสำคัญแต่ก็พอรู้ว่าต่อจากนี้ตัวเองต้องพูดอะไร
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#00ffff">“กระหม่อมทราบวันที่เกิดเหตุจากใต้เท้าจาง .. แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าสามวันก่อนหน้านั้น ลูกค้าท่านนี้ได้สนทนากับแม่นางปริศนาท่านหนึ่งที่เขาเรียกนางว่านายหญิงพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นนายหญิงผู้นั้นแต่งตัวธรรมดาทั้งยังสวมหมวกไผ่ผ้าคลุมจึงไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่กระหม่อมได้ยินเขาพูดกับแม่นางว่า <b>‘ ชีวิตข้าต่อให้ต้องตายก็พร้อมถวายให้นายหญิง ’</b>”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฉีจิงซานตัวสั่นระริก เขาเริ่มกลับมาพูดพึมพัมเสียงเบาสลับดังว่า <font color="#0000ff"><b><i>“ไม่ใช่ ไม่ใช่นายหญิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง”</b></i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900"><b><i>นางหญิง</b></i></font> ที่ฉีจิงซานพูดถึงคือหลงเยวี่ยไม่ผิดแน่ คิ้วเรียวบางขมวดมุ่น ความภักดีเช่นนี้ไหนเลยจะลวงกันได้ง่ายถึงปานนั้น คนเถรตรงที่แม้แต่วิธีหลอกลวงยังทำไม่เป็นเช่นนี้— ทว่าเวลานี้เขากำลังหลอกลวงเบื้องสูง นางไม่ใช่นายหญิงที่เขาเอ่ยถึง ยิ่งไม่มีทางเป็นผู้ที่เขาเอ่ยวาจานั้นด้วย นางลอบมองกิริยาหวงตี้ แม้นในใจจะเครียดขึ้งขึ้นมา อยากเอ่ยวาจาแก้ต่าง แต่นางพบว่าตนควรสงบปากไว้ก่อน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“สามวันก่อนเย่เหม่ยเหรินตายไป เจิ้นจำได้ว่าวันนั้นพี่ชายที่เป็นข่านของเจ้าแวะมาเยือนฉางอันเจ้าจึงได้ขอข้าออกไปพบเขา..”</font> ประโยคนี้ของฝ่าบาทแม้จะไร้ซึ่งคำถามแต่ก็คล้ายจะประกาศชัดถึงเจตนาที่กล่าวขึ้น ยามนี้ไม่มีใครกล้าแทรกสิ่งใดเพราะสายตาคมกริบของโอรสสวรรค์กำลังจ้องมองอย่างกดดันอยู่ที่ร่างขององค์หญิงนอกด่านที่ได้โอกาสเข้ามารับใช้ใกล้ชิดเป็นถึงสนมในวังหลวง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ความตื่นตะลึงวาดผ่านใบหน้าอันงดงามของเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ นางค่อยๆ เก็บงำความรู้สึกนั้นลงพลางทูลต่อหวงตี้ด้วยความสัตย์ซื่ออย่างที่สุด <font color="#ff00ff">“วันนั้นหม่อมฉันออกไปพบเสด็จพี่จริงๆ เพคะ หม่อมฉันไม่ได้พบเขามานานในใจคิดถึงและห่วงหา มีเรื่องให้ถามไถ่พูดคุยมากมาย กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มืดค่ำแล้ว แม้นในใจจะยังไม่อยากจาก ก็จำต้องกลับวังในเวลาพลบค่ำ คำพูดของหม่อมฉันหาได้โป้ปดมดเท็จ วาจานี้…หากพระองค์ไม่เชื่อมั่นในตัวของหม่อมฉัน โปรดเชื่อมั่นความภักดีของอันต๋าและชาวซงหนู เรื่องนี้พระองค์สามารถส่งจดหมายถามเสด็จพี่เพื่อเป็นพยานให้หม่อมฉันได้เพคะ เราสองพี่น้องภักดีต่อต้าฮั่น ไม่กล้าหมิ่นพระบารมี มิกล้าสมคบคิดวางแผนร้ายอย่างเด็ดขาด”</font> เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋เอ่ยอย่างหนักแน่นมั่นคง แม้ว่าพยานที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดจะมิใช่สิ่งที่น่าเชื่อถือ แต่นางก็สู้อย่างสุดใจ ประหนึ่งวาดหวังว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาที่มีร่วมกับหวงตี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จะฉุดดึงนางขึ้นจากความสงสัยของพระองค์ พลันร่างของนางสนมที่สูงศักดิ์ที่สุดในที่แห่งนี้ก็ทรุดลงต่ำ <font color="#ff00ff">“ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาและให้ความเป็นธรรมแก่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“จางถิงเว่ย”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“สรุปแล้วคดีนี้มีความเป็นมาอย่างไร”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<b>มาถึงแล้ว!</b> หลายชีวิตสูดหายใจเข้าพร้อมกัน ในที่สุดหลังความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของผู้ครองบัลลังก์ก็จะจบลงและถึงคราวความจริงได้ออกมาเฉิดฉายแล้ว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“กราบทูลฝ่าบาท ฉีจิงซานและตระกูลฉีรับใช้กองทัพเหอซีอิงกงมาสามชั่วอายุคน ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงนายทหารระดับสูงในกองทัพ เขายินดีพลีชีพเพื่อปกป้องสายเลือดตระกูลตวนมู่ แม้บุกน้ำลุยไฟก็มิยอมปริปาก ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนที่เขาพบและออกคำสั่งให้ลงมือสังหารเย่เหม่ยเหรินจะต้องมีบทบาทสำคัญ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์เก่าก่อนกับเย่เหม่ยเหริน เป็นเขาโกหกพ่ะย่ะค่ะ ทั้งสองมีภูมิลำเนาห่างกันนับพันลี้ย่อมไม่สามารถรู้จักถึงขนาดฝากใจรัก”</font> เสียงก้องกังวานของจางทังกระทบเข้าโสตประสาทของคนทั่วทั้งห้อง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยมองจางจิ่งสิงอย่างตื่นตะลึง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ในที่สุดก็รู้แล้วว่าข้อความที่ออกจากปากเขามีแต่ความจริงทุกประการ… ความลวงและความจริงซ้อนทับกันจนนางแยกไม่ออก หากว่าเป็นคนของกองธงตวนมู่จริง— นายหญิงที่เขารับคำสั่งคือผีสางนางไม้ตนใดกัน หากแต่ถ้อยคำต่อมาของจางจิ่งสิงก็ค่อยๆ ทำให้นางคลายกังวล
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นก่อนนางจะเขาวัง นอกจากความวุ่นวายคราไปกรมราชทัณฑ์คนของนางหาได้เคลื่อนไหวสิ่งใด— ในความเป็นจริงพวกเขาย่อมเคลื่อนไหวเฉพาะเวลาที่เกิดอันตรายแก่นางเท่านั้น เรื่องฆ่าหญิงในวังต้องห้ามหาใช่สิ่งที่เร่งด่วนปานนั้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ยังคงแก้ต่างได้
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“ระหว่างสืบสำนวนคดี กระหม่อมพบว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นกับลู่เหม่ยเหริน เว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ และซ่างกวนเหม่ยเหรินช่วงหลังมานี้ ล้วนแต่เป็นฝีมือของนายหญิงที่ฉีจิงซานพบที่โรงเตี๊ยมชางลั่งถิง”</font> เขาไม่กล่าวว่านายหญิงนั้นคือใคร แต่สายตากลับชักนำทุกคนให้มองไปยังร่างอรชรของสตรีแซ่ตวนมู่ที่ยามนี้ขยับขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างฝ่าบาทจนกลายเป็นเป้าสายตาได้อย่างง่ายดาย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“ลู่เหม่ยเหรินคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายมลทิน ส่วนผู้ร้ายตัวจริงนั้น.. ”</font> ราวกับจุดคลายปริศนาในละครน้ำดีที่ผู้คนชมชอบ หลายชีวิตรอบด้านลุ้นจนตัวโก่งแต่ผู้ที่มีหน้าที่สรุปเรื่องกลับดึงเชิงไว้พร้อมประสานมือโค้งลงอย่างดี <font color="#38761d">“ฝ่าบาท”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#980000"><b>‘โอ๊ย ใต้เท้าจางท่านโยนบทกลับไปให้ฝ่าบาททำไม! อยากเห็นพวกเราขาดใจตายหรืออย่างไร!!’</b></font> (เรื่องไม่จบทีเพราะนายอะ)
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ระหว่างที่หลายคนเอาแต่คร่ำครวญ โอรสสวรรค์วางมือลงบนเข่าของตัวเองช้า ๆ <font color="#FDD741">“ลู่เหม่ยเหริน ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<i>เป็นนาง?</i>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900"><i>เป็นนาง?</i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ถ้อยความเดียวกันขีดอยู่บนหน้าของหญิงสกุลตวนมู่ และคณะลูกขุนพยานที่พรั่งพร้อมอยู่ในตำหนักทรงอักษร นัยน์ตาหวานล้ำเบิกกว้างมองไปทางหญิงสกุลลู่ที่คลับคล้ายว่า <i>งุงงง</i> เช่นเดียวกัน โอรสสวรรค์กล่าวเช่นนี้หรือยังไม่หลักฐานที่ไม่เปิดเผย?
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
พลันหลงเยวี่ยเกิดความรู้สึกที่มากมาย คิ้วบางปานกิ่งหลิวขมวดเล็กน้อย ก่อนจะขึ้งตามองหญิงสกุลลู่เขม็ง สื่อความหมายชัดเจนว่า <font color="#ff9900">‘เจ้าหลอกลวงข้า?’</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สายตามากมายล้วนจับจ้องไปที่ฝ่าบาท กระทั่งขันทีระดับกลางที่เตรียมพร้อมหากเกิดเรื่องฉุกเฉิน ยังเงยหน้าจากการพิจารณาลวดลายมงคลบนพรม เวลานี้หลักฐานและพยานต่างถอยห่างออกมาไกลเกินกว่าจะระบุว่า ลู่เหม่ยเหริน เป็นคนร้ายแล้ว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
แต่แทนที่มือปราบหรือเจ้ากรมราชทัณฑ์จะปรี่เข้าคุมตัว ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่จางกงกงที่เคยออกตัวอย่างชัดเจนว่าให้การสนับสนุนเหม่ยเหรินแซ่ลู่ล้วนไม่ขยับ จนกระทั่งหลายคนหวนนึกได้ว่าใต้เท้าจางถิงเว่ยได้กล่าวอะไรไว้เป็นอย่างสุดท้าย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<b><i>‘ลู่เหม่ยเหรินคือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกใส่ร้ายป้ายมลทิน’</b></i>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เจ้าดู”</font> เสียงของฝ่าบาทดังขึ้นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นช้า ๆ <font color="#FDD741">“คนผิดอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้ว”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<b>“ … ”</b>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“พูดมา อยากให้เจิ้นจัดการ<b>ตวนมู่เหม่ยเหริน</b>อย่างไร”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คล้ายจะไม่ผิดไปจากที่คาด แต่ก็สร้างความตกใจได้เป็นอย่างยิ่ง ราวกับโอรสสวรรค์หลงลืมไปแล้วว่ายามนี้สตรีที่ยืนอยู่เคียงข้างเขาคือคนบงการเหตุฆ่าสังหารทั้งยังจงใจใส่ร้ายผู้อื่น และผู้อื่นที่ถูกใส่ร้ายก็ไม่พ้นคนที่ยืนห่างจากทั้งสองไปเพียงหนึ่งขั้น การให้พวกนางเผชิญหน้ากันในระยะประชิดเช่นนี้…
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<b><i>อำมหิต.. ช่างอำมหิตนัก</b></i>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยคลับคล้ายเกิดแรงกดทับบนบ่าทั้งสองข้าง พลันความหวาดหวั่นฉาบทาบขึ้นมา นางเบิกนัยน์ตากว้างมองหญิงสกุลลู่ ชั่วพริบตาร่างในชุดวิหคเหินทรุดลงข้างตั่งพระที่นั่ง มิใช่การอ้อนวอนต่อลู่เหม่ยเหริน ตรงหน้านางคือร่างสูงส่งและเย็นเยียบดุจศิลาน้ำแข็งเบื้องหน้า <font color="#ff9900"><i>“ฝ่าบาท…”</i></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
น้ำเสียงของนางบางเบา ปิ่นบางในม้วยผมถูกดึงออกมาจ่อที่คอ <font color="#ff9900">“หม่อมฉันสาบานด้วยเกียรติทั้งหมดที่หม่อมฉันมี เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ได้ทำเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เบื้องหลังของนางคือสกุลตวนมู่ทั้งสกุล ท่านย่ามิอาจตรากตรำ อิ๋นซีและอิ๋นเหวินยังเด็กนัก มีหรือนางจะกล้าสร้างเรื่องใหญ่โต
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยกดปลายปิ่นลึกลงข้างลำคอ หากจะต้องโทษเพราะความผิดที่ไม่ได้ก่อนางยินดีตายเพื่อรักษาเกียรติ ทว่าดวงเนตรคู่คมกลับหาได้สนใจในตัวนาง สายพระเนตรคู่นั้นเวลานี้ยังคงมีเพียง…<i>ลู่เหม่ยเหริน</i>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“นางคือคนที่ทำให้เจ้าเดือดร้อนและลำบาก เจิ้นจะลงโทษตามที่เจ้าปรารถนา” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เห็นเขาหนักแน่นในถ้อยคำเช่นนี้ย่อมสร้างความสะพรึงให้แก่คนรอบข้าง เว้นเสียแต่จางกงกงที่ทราบดีถึงความอำมหิตนี้ในฐานะคนสนิทเขาเคยลงมือทำงานลับให้ฝ่าบาทมานับครั้งไม่ถ้วนเขาไม่เคยกังขาในการตัดสินใจของอีกฝ่ายจนกระทั่งครั้งนี้ <font color="#ff0000"><i>‘ฝ่าบาท.. ครั้งนี้เป็นพระองค์บีบเค้นพวกนางเกินไปแล้ว’</i></font> จางกงกงได้แต่เวทนาอยู่ในใจ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เรื่องที่เจิ้นถามมีเพียงว่าเจ้าต้องการให้ทำอย่างไรกับผู้ที่กระทำความผิด” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
แม้ไม่ตวาดหรือกล่าวอย่างฉุนเฉียว แต่วาจานี้กลับตอกลึกในใจของผู้ฟัง สองมือของหวงตี้ขยับไขว่หลังอย่างรอคอย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ดี”</font> เจ้าแผ่นดินกล่าวขึ้นแทรกประโยคของนางเสียงดัง ผู้ครองรัศมีมังกรสะบัดแขนเสื้อหนึ่งครั้งพร้อมทิ้งตัวนั่งบนพระที่นั่งอีกครั้ง <font color="#FDD741">“อย่าได้รีบร้อน จากนี้ยังมีประกาศที่พวกเจ้าทุกชีวิตต้องฟัง”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คล้ายว่าพระองค์จงใจกล่าวกับตวนมู่เหม่ยเหรินเป็นพิเศษ หลิวเช่อพึงพอใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว จึงเวลาตัดสินผิดถูกและหยิบเรื่องน่ารำคาญเช่นนี้ใส่หีบทิ้งลงทะเลเพื่อไม่ให้ใครยกมันขึ้นมาเป็นข้ออ้างได้อีก <font color="#FDD741">“จางกงกงเตรียมร่างราชโองการ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741"><b>“ด้วยคดีเย่เหม่ยเหรินกินเวลามานาน บัดนี้ความจริงได้เป็นที่ประจักษ์แล้ว ลู่เหม่ยเหรินพ้นจากมลทินทุกอย่างโดยสิ้นเชิง เจิ้นขอพระราชทาน 10 ตำลึงทอง และเต้าหู้ 10 หน่วยให้แก่ลู่เหม่ยเหรินเพื่อเป็นการเยียวยาในความโขคร้ายที่นางต้องเผชิญ และเจิ้นขอปลด เฮ่อถูเจี๋ยอวี๋ออกจากตำแหน่ง มอบหมายให้ถิงเว่ย จางทังเป็นผู้ดำเนินโทษตามกฏหมายบ้านเมือง ไม่ว่านางจะเป็นใครมาจากไหน เมื่อเหยียบอยู่บนแผ่นดินต้าฮั่นย่อมต้องเคารพกฏหมายแผ่นดินเจิ้น ! ส่วนทหารองครักษ์ฉีจิงซานโทษฐานฆ่าคนตาย แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการและถูกหลอกใช้ ลดโทษให้เหลือเพียงทัณฑ์หนึ่งดาบสองท่อนในวันที่ 12 เดือนแปด เจี้ยนหยวนศก ปีที่ 10 ยามโหย่ว!”</b></font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยหมดแรงในท้ายที่สุดปิ่นดองมณฑาในมือพลันร่วงหล่นลงในคราเดียวพร้อมกับร่างกายที่ล้มลง ความโล่งอกประหนึ่งยกภูผาขึ้นจากอกเข้ามาเยี่ยมกราย ความปลอดภัยของนางย่อมหมายถึงความปลอดภัยของจวนสกุลตวนมู่ หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายขึ้นมาจากพื้นอันเยียบเย็น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#994d7b">โปรดย้อนดูโรลของ ลู่ไป๋หรั่น @LuBairan</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
กลับกลายเป็นเฮ่อถูเจี๋ยอวี๋…ไม่ถูก เวลานี้คือ เฮ่อถูซื่อ (นางเฮ่อถู) ที่คลับคล้ายว่าวิญญาณหลุดออกจากร่าง ใบหน้าของนางขาวซีดดุจคนตาย ละลักละล่ำพูดอย่างร้อนรน ในน้ำเสียงมีทั้งประกายความหวังและความสิ้นหวัง ชวนให้ผู้ฟังหดหู่อาดูรอย่างที่สุด <font color="#ff00ff">“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ทรงตรัสชื่อผิดแล้วเพคะ”</font> เฮ่อถูซื่อยังคงคว้าฟางเส้นสุดท้ายของนาง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“เมื่อสักครู่ใต้เท้าจางก็กล่าวอย่างชัดเจน…ว่าเป็นฝีมือของตวนมู่เหม่ยเหริน”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ก่อนหน้านี้จางถิงเว่ยได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้เจิ้น เป็นจดหมายที่ดักได้จากม้าเร็วที่ลอบออกจากเมืองในยามวิกาล”</font> จดหมายที่มีร่องรอยการเปิดผนึกแล้วถูกยื่นไปให้จางกงกง <font color="#FDD741">“ถึงขนาดนี้เจ้ายังกล้าโป้ปดต่อหน้าเจิ้นอีก!!”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000"><i>“ถึงอันต๋า นี่เป็นเรื่องสำคัญ หากภายหน้าฝ่าบาททรงตรัสถามว่าอันต๋ามาเยี่ยมเยือนน้องที่ฉางอันหรือไม่ ขอให้อันต๋าทูลรายงานต่อฝ่าบาทว่าได้มาเยี่ยมเยือนน้องจริง ๆ เรื่องนี้สำคัญ เกี่ยวพันถึงความตายของน้องสาวอันต๋า หากครานี้ท่านไม่ช่วย เกรงว่าชาตินี้คงไร้ซึ่งองค์หญิงเฮ่อถูแล้ว”</i></font> จางกงกงอ่านออกสิ่งที่อยู่ในจดหมายออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด เป็นการยืนยันหลักฐานชิ้นสุดท้ายที่สร้างความกระจ่างในใจให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดี
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“จดหมายนั่น…”</font> เฮ่อถูซื่ออ้าปากค้าง ดุจดั่งม่านฝันหลุดลงจากฟ้า นัยน์ตาเบิกกว้าง <font color="#ff00ff">“ไม่…จริง ไม่จริงเพคะ นั่นเป็นจดหมายปลอม หม่อมฉันถูกใส่ร้ายเพคะ—”</font> น้ำตาพรั่งพรูลงจากดวงตาดอกท้อ อาบลงสองแก้มนวล <font color="#ff00ff">“ฝ่าบาทเพคะ จดหมายนั่นไม่ใช่ความจริงเลยนะเพคะพวกนาง…พวกนาง!”</font> เฮ่อถูซื่อยกนิ้วกราดชี้หน้าลู่เหม่ยเหรินและตวนมู่เหม่ยเหริน <font color="#ff00ff">“ต้องเป็นพวกนางที่รวมหัวกันใส่ร้ายหม่อมฉัน!”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“นาง! นางจิ้งจอกพวกนี้จะต้องสมคบคิดกับเผ่าปีศาจเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าซงหนูและต้าฮั่น ฝ่าบาท…จะทรงตกหลุมพรางของนางปีศาจพวกนี้ไม่ได้นะเพคะ”</font> ดวงตาของนางวาวโรจน์ หากคลอด้วยหยาดน้ำตา ในเมื่อไม่อาจรอดด้วยเล่ห์ก็จำต้องรอดด้วยเหตุผล เฮ่อถูซื่อยังคงเชื่อมั่นว่านางสามารถบีบบังคับฝ่าบาทได้ <font color="#ff00ff">“พวกนาง…ไม่สิ พวกมัน พวกปีศาจร้ายพวกนั้นต้องการให้พระองค์สังหารหม่อมฉันแน่ๆ หากพระองค์ทำเช่นนั้นอันต๋าจะต้องพิโรธและเกิดแตกหักกับฝ่าบาท เมื่อนั้นประชาชนสองแคว้น ชายแดนเหนือจะต้องไม่สงบ เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“ทางฝั่งตะวันตกมีปีศาจกร้ำกราย รบกวนหทัยพระองค์ทุกคืนวัน หากเกินศึกทางเหนือขึ้นอีกชาวประชาจะทนได้อย่างไร”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff00ff">“ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นกังวลอย่างยิ่งเพคะ ได้โปรดไตร่ตรองด้วยเพคะ!”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
คำกล่าวของหญิงสกุลเฮ่อถูแม้จะยกย่อเหตุผลมาเพียงใดก็มิอาจปิดกั้นเจตนาใช้ ‘สถานะ’ ของตนบีบบังคับหวงตี้โดยอ้อม อาจกล่าวได้กระมังว่า สิ่งนี้เป็นนางที่ขุดหลุมฝังตัวเองจนมิด
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ก็ดี” </font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
มังกรสุริยาแย้มยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แววตาของเขาวาวโรจน์ด้วยความกระหายในการเอาชนะ <b><font color="#FDD741">“หากเขากล้าแตกหักกับต้าฮั่นทั้งที่น้องสาวกระทำการผิดถึงเพียงนี้ เจิ้นก็ยินดีปะทะกับเขาจวบจนแว่นแคว้นของเจ้าจะเลือนหายไปจากผืนแผ่นดินตะวันออก”</b></font> หลิวเช่อยินดีฝังคำความเห็นที่โหดเหี้ยมนี้ไว้ในใจอีกฝ่าย เพื่อให้นางสิ้นหวังไปกับความรู้สึกที่กระทำผิดเพียงหนึ่งครั้งก็แลกมากับชีวิตนับร้อยนับพันในทุ่งหญ้าที่นางรัก อย่างไรเสียซงหนูก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เลี้ยงไม่เคยเชื่องมาตลอดหลายชั่วอายุคน จะช้าหรือเร็ว สักวันก็ต้องมีการกำจัดขั้นเด็ดขาดเกิดขึ้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ทหาร”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<i>คำกล่าวของพระองค์ช่างห้าวหาญยิ่งนัก</i>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยยอบตัวลงอีกครา ใบหน้าหวานก้มลมต่ำดุจกลัวจะทำเป็นเรื่องให้ขุ่นเคืองพระทัย นางเฮ่อถูต่ำช้าจะอยู่หรือตายย่อมไม่ควรค่าจะสนใจ ทว่าฉีจินซานที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตนั้น ดีชั่วอย่างไรครอบครัวก็รับใช้สกุลตวนมู่อย่างภักดี มิอาจนิ่งดูดายอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงอ่อนหวานยามนี้ไม่กล้าแม้แต่จะใช้สำเนียงฉอเลาะ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“ฝ่าบาทเพคะ แม้ฉีจินซานจะกระทำผิดจริงๆ หากว่าเรื่องนี้ก็เป็นเพราะ ‘กองธงพยัคฆ์’ เป็นเหตุ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“กองธงพยัคฆ์ภักดีต่อฝ่าบาทอย่างสุดหัวใจ ต่อให้มีนายทหารที่ภักดีจวบจนชีวิตจะหาไม่ ก็จะเห็นพระองค์เป็นสำคัญ สกุลตวนมู่ ไม่คิดและไม่อาจเอื้อมสร้างตนเป็นปฏิปักษ์กับฝ่าบาทอย่างเด็ดขาด เรื่องในครานี้เป็นเพราะเขาภักดีจนไม่ลืมหูลืมตาถึงได้ถูกหลอกใช้ ฉีจินซานได้รับโทษอย่างสาสมแล้ว หากแต่…แม้จะโง่เขลาปานใดก็มีคุณธรรมเป็นของตน มิควรตายไปอย่างมีห่วงหากังวล โทษของเขาหม่อมฉันละอายใจเกินกว่าจะออกปากร้องขอชีวิต เพียงแต่ว่า…ขอหม่อมฉันกล่าวกับเขาสักประโยค…”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เพราะเป็นคำขอร้องจากตวนมู่เหม่ยเหรินที่ก่อนหน้านี้ถูกใช้ไม่ต่างจากหมากในมือ เห็นแก่ที่นางถูกปิดหูปิดตาให้เคลื่อนไหวตามความต้องการของทั้งคนร้ายตัวจริงไปจนถึงตัวเขา หลิวเช่อแม้จะขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยังยกมือขึ้นปรามการลากตัวของทหารที่แทบจะหอบเอาร่างใหญ่ของทหารองครักษ์ที่ต้องโทษให้ลอยขึ้นจากพื้นเพื่อทำการพาตัวออกไป
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ความอ่อนโยนผุดผายดุจดังบุปผาเบ่งบานกลางสายน้ำของหลงเยวี่ย ย่อมเป็นท่าทีที่มีไว้เพื่อองค์จักรพรรดิ ต่อหน้าผู้อื่นไหนเลยนางจะเป็นหญิงสาวที่โอนอ่อนปานนั้น เมื่อคำร้องขอถูกอนุญาตกลายๆ แล้ว หลงเยวี่ยก็เอ่ยถามสามประโยค น้ำเสียงหวานละไมของนางหาใช่น้ำเสียงที่หวงหาในชีวิตผู้คน นัยน์ตาที่หลุบมองก็ยากนักจะหาความอาลัย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
วงคิ้วงามเลิกขึ้นสูง <font color="#ff9900">“ฉีจินซาน— เจ้ามีพี่น้องหรือไม่”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฉีจินซานภักดีเหนืออื่นใด หากว่าเวลานี้กลับต้องมาตายเพราะ ‘จำนายหญิงผิดฝาผิดตัว’ ในใจก็เกิดสะเทือนเลื่อนลั่นปานฟ้าพลิกแผ่นดินกลับด้าน แม้กระทั่งเวลานี้ก็ยังคงหัวสมองขาวโพลนเพียงแต่บังเกิดความยินดีว่า ‘นายหญิงปลอดภัย’ เพียงเท่านั้นก็คุ้มค่าที่จะตายแล้ว
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เขาเงยหน้า ดวงตาใสกระจ่างในครานี้ถึงได้เห็น ‘อดีตคุณหนูสี่’ ที่บัดนี้เติบใหญ่ ท่วงท่าของนางผิดแปลกไปจากเมื่อสิบสองปีโดยสิ้นเชิง หากกาลเวลาไร้ความปราณีชะตากรรมยิ่งผกผัน เขามีตาหาไร้แววจึงมองเห็นหยกแดงเป็นทับทิม ความผิดพลาดของทหารจะน้อยหรือมากค่าตอบแทนล้วนเป็นชีวิตดุจเดียวกัน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฉีจินซานได้เพียงข่มกลั้นความรู้สึก เขาประสานมือไปทางด้านหน้า <font color="#0000ff">“ครอบครัวสกุลฉีในรุ่นของข้าน้อยมีสามคน พี่ชายทั้งสองของข้าล้วนตายสิ้นในสงครามที่ระเบียงเหอซีขอรับ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
รอยยิ้มหวานพลันเหยียดกว้าง คล้ายอ่อนโยนอย่างที่สุด <font color="#ff9900">“คนอื่นเล่า”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#0000ff">“ท่านพ่อและท่านปู่ล้วนตายที่สนามรบ ท่านแม่สิ้นจากโรคระบาด”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“ภรรยาและบุตรของเจ้า?”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#0000ff">“ไม่มีขอรับ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ย่อมเป็นสวรรค์ไม่เคยปราณี ทุกคนล้วนแต่มีอุปสรรคในชีวิตของตนเอง หลงเยวี่ยยังคงเอ่ยเสียงละไม <font color="#ff9900">“...ไม่มีผู้เสียใจต่อการจากไปของเจ้านับว่าเป็นเรื่องดี ดูท่าทางเจ้ายังอ่อนเยาว์อยู่มากคงไม่รู้กระมังว่าผู้ที่กองธงพยัคฆ์ตวนมู่ถวายความเคารพสูงสุดคือฝ่าบาท—”</font> นัยน์ตาหวานล้ำตำหนิกลายๆ <font color="#ff9900">“กล้าก่อเรื่องในเขตพระราชฐาน แม้เจ้าจะได้รับคำสั่งจากคนสกุลตวนมู่ แต่หากเรื่องนั้นเกี่ยวพันถึงฝ่าบาทผู้ที่ต้องตายก็ควรเป็นเจ้า อย่างไรเสียความภักดีของเจ้าหาใช่สิ่งที่ไร้ค่า ข้าให้สัญญา หลุมศพสกุลฉีจะไม่ไร้ผู้เซ่นไหว้ตราบเท่าที่สกุลตวนมู่ยังอยู่บนแผ่นดิน”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
อันร้อยพันคุณธรรมทั้งปวง ความกตัญญูคืออันดับแรก
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฉีจินซานตายแล้วย่อมไม่อาจปล่อยให้หลุมศพคนสกุลฉีไร้ผู้เซ่นไหว้ในอีกร้อยปีให้หลัง หลงเยวี่ยย่อมไม่อาจแล้งน้ำใจ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
กล่าวจบแล้วนางก็ยอบกายลงถวายความเคารพแก่จักรพรรดิ <font color="#ff9900">“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หากไม่ใช่ว่าถูกหลอกใช้อนาคตของเขาย่อมสดใส คนใจดีมีมาก แต่ที่ซื่อสัตย์กลับหาได้ยากยิ่ง ทว่าโทษฐานฆ่าคนตายนับเป็นโทษร้ายแรงที่ไม่อาจมองข้ามได้ ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต อาศัยกฏหมายนี้บ้านเมืองจึงปราศจากการฆ่าฟันกันเองไปช่วงหนึ่ง ฮั่นอู่ตี้ให้เกียรติทั้งสองได้สนทนากันในวาระสุดท้ายย่อมต้องปรายตามองเหม่ยเหรินแซ่ตวนมู่เล็กน้อย
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สมกับเป็นบุตรสาวของเหอซีอิงกงผู้นั้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลิวเช่อถอนสายตาออกจากร่างที่สวมใส่ชุดวิหคเหิน เขาเปิดปากเปล่งคำสั่งขาดหนึ่งคำ <font color="#FDD741">“ลากตัวออกไป”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เมื่อมีคำสั่งนี้แล้ว เหล่าทหารก็ลากตัวนักโทษทั้งสองออกจากบริเวณห้องทรงอักษร รอบข้างคล้ายสามารถขับไล่เหมันต์ที่เคยครอบงำทั่วห้อง เปลี่ยนให้กลับกลายมาเป็นคิมหันต์อีกครั้งตามที่มันสมควรจะเป็น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000">“ฝ่าบาท แล้วเรื่องตวนมู่เหม่ยเหริน…”</font> ต่อให้จะไม่เคยสนทนาเป็นการส่วนตัวอย่างใกล้ชิด ทว่าจางกงกงยังยินดีช่วยกล่าวแทนอีกฝ่ายในช่วงท้ายที่สุด ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะละครฉากนี้ที่ฝ่าบาทและจางทังร่วมกันสร้างล้วนสร้างความชอกช้ำให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกราย ฉะนั้นแล้วหากปล่อยให้เกรงว่าจะไม่สมควร
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เจิ้นจะประทานรางวัลให้เจ้าเช่นที่ลู่เหม่ยเหรินได้รับ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฮั่นอู่ตี้ไม่ได้กล่าวกับจางกงกง เขาหันกลับไปทางตวนมู่หลงเยวี่ยที่ยังคงอยู่ร่วมบริเวณเดียวกัน <font color="#FDD741">“คดีนี้ส่งผลเสียแก่พวกเจ้าทั้งคู่ สมควรได้รับการเยียวยาเช่นเดียวกัน”</font> เป็นวิธีตัดสินใจที่เรียบง่ายสมกับเป็นสิ่งที่กลั่นกรองออกมาจากพระทัยของชายที่ไม่เคยจะสนใจสตรีมาก่อน จางกงกงที่พอได้ทราบเช่นนั้นก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ แค่วันนี้หนึ่งวัน เขาก็รู้สึกว่าตัวเองอายุสั้นลงเกือบสิบปี จงฉางซื่อที่จัดการเรื่องราวว่องไวใช้เวลาไม่นานก็สามารถเบิกตัวขันทีขั้นกลางผู้หนึ่งมาพร้อมกับถาดของพระราชทานสำหรับตวนมู่เหม่ยเหริน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff0000">“ตวนมู่เหม่ยเหรินโปรดรับของพระราชทานนี้ด้วยเถิด”</font> เป็นอีกครั้งที่จางกงกงแสดงออกถึงความโอนอ่อนให้กับสตรีที่มีฐานะเป็นภรรยาของนายตน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ของพระราชทานจากฝ่าบาทแม้จะเป็นเพียงหินหนึ่งก้อนก็ล้ำค่าสุดคณานับ (ในสายตาตวนมู่นะ) หลงเยวี่ยย่อมดีใจอย่างสุดซึ้ง ใบหน้าเผยรอยยิ้มยินดี นางรับของจางจากกงกงโดยมิถือว่านั่นเป็นเพียงมือของข้ารับใช้ รับของของฝ่าบาท ไม่ว่าจากมือใครย่อมเท่ากับรับของจากพระองค์
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ร่างบางยอบกายต่ำ <font color="#ff9900">“ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”</font> อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มิอาจเอ่ยว่า ‘จางกงกง’ ไร้ความชอบหากไม่ใช่เขาเอ่ยปากหวงตี้ไหนเลยจะคิดถึงนาง บันทึกนี้ย่อมจดไว้ในใจ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เขาพูดกับตวนมู่เหม่ยเหรินหนึ่งประโยค ชำเลืองตาไปมองลู่เหม่ยเหรินที่ยังทรุดตัวนั่งอยู่กับพื้นอีกครู่หนึ่งแล้วจึงกราบทูลกับฝ่าบาทว่า <font color="#ff0000">“เหม่ยเหรินทั้งสองได้รับความสะเทือนใจจากการตัดสินคดีครั้งนี้ ฝ่าบาท ส่งทั้งคู่กลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
เป็นคำเสนอแนะที่ดีมาก ฮั่นอู่ตี้ปรายตามองหญิงสาวที่คนหนึ่งเหมือนจะยังตั้งตัวไม่ได้ ส่วนอีกคนดีกว่าหน่อยสามารถกลับมายืดหยัดได้อย่างรวดเร็วแต่ก็ยังแฝงความร้าวรานไว้ผ่านลาดไหล่บางที่ดูแฝงไว้ด้วยความนัยมากกว่าปกติ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
“ … ”
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หากเป็นบุรุษทั่วไป ลักลอบหลอกใช้คนเช่นนี้ย่อมแสดงความรับผิดชอบที่ดูอ่อนโยนหรือการเอาใจใส่ขึ้นมาบ้าง แต่ในเมื่อเป็นถึงหวงตี้ แทนที่ฮั่นอู่ตี้จะมีรับสั่งปลอบประโลมพิเศษเพิ่มเติม เขากลับทำแค่พยักหน้าและ.. <font color="#FDD741">“อืม ลำบากพวกเจ้าแล้ว”</font> การกล่าวเหมารวมครั้งนี้ล้วนแต่ทำให้คนฟังที่กระจัดกระจายกันอยู่คนละทิศถึงกับใบ้กินเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางกงกงอยากจะถอนหายใจอีกสักครั้ง แต่เกรงว่าหนนี้ตนจะทำได้เพียงส่ายหน้าเบา ๆ เขาประสานสองมือพร้อมโค้งลง <font color="#ff0000">“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอบังอาจจัดการ—- เด็ก ๆ พาลู่เหม่ยเหรินและตวนมู่เหม่ยเหรินกลับไปพัก”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“เดี๋ยวก่อน”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
สุรเสียงมังกรรั้งให้การจางกงกงหันกลับไปมอง <font color="#FDD741">“พวกเจ้าทั้งหมดออกไป”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#FDD741">“ส่วนเจ้า”</font> ยังคงเป็นลู่เหม่ยเหรินที่ได้กลับมาอยู่ในครรลองเนตรของโอรสสวรรค์อีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทคิดเห็นอย่างไร เพราะทั้งหมดรู้เพียงแค่ว่าฝ่าบาททรงตรัสคำสุดท้ายออกมาเพียงว่า <font color="#FDD741">“อยู่ก่อน”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ใครเล่ายินยอมพร้อมใจเห็นชายในฝันเคียงคู่อยู่กับหญิงอื่น หัวใจของหลงเยวี่ยเจ็บปวดอย่างที่สุด ประดุจถูกมือที่มองไม่เห็นฉีกเป็นชิ้นๆ แม้นจะรู้สึกชอกช้ำอยู่ข้างในใจ หากแต่สามีตามขนบของนางหาใช่คนทั่วไป เป็นถึงฝ่าพระบาทผู้สูงส่ง นัยน์ตาคู่งามคล้ายแฝงความเหยียดหยันอยู่ลึกๆ ในที่สุดก็ถอนสายตาออกจากภาพนั้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
นางยอบตัวลงอย่างงดงามอีกครา <font color="#ff9900">“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
…เข้าวังมาแล้ว เวลาของนางกับฝ่าบาทย่อมยาวนานถึงชั่วชีวิต หากนางไม่เพลี่ยงพล้ำจนตกตาย ความสัมพันธ์ก็ยังสานต่อไปได้
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ก็แค่ก้าวถอยหนึ่งก้าว…จะยากเย็นเพียงใด
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ร่างในชุดผ้าต่วนสีเขียวสดใสประดับลายวิหคเหินเหยียดรอยยิ้ม ในที่สุดก็ตัดสินใจย่างเท้าออกจากที่ประทับอันโอ่อ่า พร้อมกับบรรดาขันทีและคนจากกรมราชทัณฑ์ เบื้องหน้าตำหนักทรงอักษรใกล้ค่ำแล้ว เนื่องจากการพิจารณาคดีกินเวลานาน ฟากฟ้าทางทิศตะวันตกกลายเป็นสีม่วงพลับพลึงย้อมทองฉาบทอลงเหนือพื้นกว้างหน้าตำหนักเป็นประกายระยับจับตาแม้นจะแฝงไว้ซึ่งความอึมครึมเศร้าสร้อยของยามอาทิตย์อัสดง— คดีคลี่คลายแล้วหลงเยวี่ยหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจถึงได้เจ็บปวดปานนั้น
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
รอยยิ้มสะคราญพลันหายไปจากใบหน้างาม เหลือเพียงความเวิ้งว้างอาดูร วงคิ้วหลิวเรียวยาวพาลบอกห้วงอารมณ์จนหมดสิ้น หลงเยวี่ยใช้นิ้วเกี่ยวพันเชือกผูกเอว ปลายหางตาพลันเหลือบเห็นจางจิ่งสิงที่มีสีหน้าคล้ายปลอดโปร่ง—- คดีฆาตกรรมเย่เหม่ยเหรินคลี่คลายลงไปแล้ว เขาไหนเลยจะกลัดกลุ้มเหมือนวันวาน
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
ฝีเท้าของนางค่อยๆ ขยับเทียบเคียงเรียงคู่ไปกับจางจิ่งสิง
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“จางถิงเว่ยไขคดีดุจเทพเซียน วันนี้ข้าได้เห็นเป็นขวัญตาแล้ว—”</font> กล่าวคำขอขมาต่อหน้าไท่โฮ่วแล้วก็แล้วไป หากต่อหน้าจางจิ่งสิง หลงเยวี่ยก็ยังคงหาได้อ่อนน้อมต่อเขาไม่ <font color="#ff9900"><i>ร้องรับส่งเป็นลูกคู่กับฝ่าบาท หลักฐานก็อยู่ในมือจนหมดสิ้น จะแสดงทีท่ารีรอให้ผู้อื่นหวาดกลัวเพื่อเหตุใด น่าชังยิ่งนัก</i></font> ปลายนิ้วพลันสะบัดชายเสื้อทิ้ง ทว่าบัดนี้ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มอ่อนหวานละมุนละไม
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#ff9900">“หลงเยวี่ยรอดพ้นโทษตายมาได้เพราะใต้เท้าตรากตรำ”</font> หากจางจิ่งสิงเกียจคร้านทำงานเสียหน่อยหรือจงใจป้ายสีนาง ด้วยเหตุผลแค่นั้นก็เพียงพอให้รับโทษตายแล้ว ทว่าเพราะการค้นหาความจริงอย่างไม่ลดละ ความผิดของเฮ่อถูซื่อจึงปรากฏ แต่ไรมานางแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน ไหนเลยจะคิดเคียดแค้นจางจิ่งสิงเข้ากระดูกดำ <font color="#ff9900">“คุณธรรมของใต้เท้าข้าผู้แซ่ตวนมู่จะจดจำไม่ลืม”</font>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
จางจิ่งสิงมองปราดเดียวก็แจ่มชัดในความรู้สึกที่ต้องการเอ่ยคำ <font color="#ff9900">‘ขอบคุณ’</font> ของหญิงสกุลตวนมู่
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
<font color="#38761d">“กระหม่อมทำตามหน้าที่มิบังอาจรับคำชมของนายหญิง”</font> (ทำตามหน้าที่เฉยๆ จย้า)
<br>
<br>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หลงเยวี่ยแค่นเสียงหัวเราะบางเบา ไม่มีแก่ใจจะต่อความยาวสาวความยืดอีก ความรู้สึกประดักประเดิดคืบคลานเข้ามาอย่างแผ่วเบา… <font color="#ff9900">“ขอบคุณท่านมาก”</font> แม้จะฝืนใจอย่างไรก็ควรกล่าวสักประโยค พลันนางรู้สึกอึดอัดอย่างที่สุด สุดท้ายจึงเร่งฝีเท้าจากไป
<br>
<br>
<center>
<img width="500" _height="500" src="https://i.pinimg.com/564x/96/4c/4a/964c4af1dac58bc592c2e48f8ecfa1d3.jpg" border="0" alt="">
</center>
<br>
<br>
<p style="text-indent: 2.5em;">
<b>อีเวนต์</b>
<p style="text-indent: 2.5em;">
+35 บารมี จากการผ่านคดีฆ่าคนตายแล้วรอดตาย
ได้รับ 10 ตำลึงทอง และ เต้าหู้ 10
<p style="text-indent: 3.5em;">
<br>
<b> ฮั่นอู่ตี้</b>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +10 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
รวม 15 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
<br>
<b> จาง ทัง</b>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +10 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
รวม 15 ความสัมพันธ์
<br>
<b> จางกงกง</b>
<p style="text-indent: 3.5em;">
หัวบ้า โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +10 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
พูดคุยประจำวัน +5 ความสัมพันธ์
<p style="text-indent: 3.5em;">
รวม 15 ความสัมพันธ์
<br>
</font></font></font>

</div>
</div>
<br>
<br>

LuBairan โพสต์ 2024-8-17 17:53:15

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-8-17 17:57 <br /><br /><style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>ลวดลายสะคราญโฉม</span></b><font face="Sarabun"><font size="2"><br>วันที่ 08 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>สิบห้านาฬิกาสิบห้านาทีเป็นต้นไป</i></font></font><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">“ ดูท่างานของเจ้าในห้องเครื่องคงเสร็จสมบูรณ์ไปเกือบหมดแล้ว ”</font> สองหัตถ์ของโอรสสวรรค์ขยับไขว่ที่หลังลำตัว หลิวเช่อปรายตามองสาวงามที่ต่อให้มีคราบเขม่าควันก็ยังมิสามารถลดทอนความงามชวนเพ้อฝันของนางแล้วก็พลันคิดขึ้นมาหนึ่งประโยคว่าตราบใดที่ต้าฮั่นยังมีหยาดฟ้าลงมาจุติ ความเกรียงไกรของแผ่นดินก็ยิ่งแสดงออกได้ง่ายดายยิ่งขึ้นเช่นกัน ฝ่ามือหนายื่นเข้าช้อนปลายเชือกผ้ากันเปื้อนขึ้นกับมือ ก่อนจะกระตุกเบา ๆ ชวนให้ใจหวิวด้วยท่าทางเปี่ยมเสน่ห์ <font color="#D4AC0D">“ เจิ้นมีเรื่องให้เจ้าทำ เนื้อกวางนั้นให้ผู้อื่นนำไปที่ตำหนักตงเฉินก่อน ส่วนเจ้าตามเจิ้นมา ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นไม่คาดหวังคำอธิบาย และเขาก็ไม่อธิบายอะไรออกมาเช่นกัน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทีแรกเหล่านางกำนัลที่ถูกต้อนออกมาล้วนประหลาดใจว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้นเนื่องจากไม่ทราบว่าเจ้าของคำสั่งนี้คือผู้ใด จวบจนมีคนผู้หนึ่งทำสีหน้าตะลึงลาน ตาถลนจนแทบออกจากเบ้า หลายคนถึงได้หันมองตามเขาและพบเข้ากับความตกใจที่ไม่แพ้ไปจากอีกฝ่าย
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มินึกมิฝันว่าชีวิตนี้จะได้เห็นฮั่นอู่ตี้เสด็จมายังห้องเครื่องด้วยตัวพระองค์เอง ทั้งยังออกมาในรูปแบบที่ยกมือหนึ่งให้ลู่เจาอี๋ได้กอบกุมอีกด้วย !
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จางกงกง ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ในขณะที่ทุกคนกำลังอ้ำอึ้ง หลิวเช่อเปรยเสียงเรียบกับขันทีคนสนิท พร้อมกับพาตัวเองและสนมเอกขึ้นไปบนเกี้ยวมังกรที่เคลื่อนมารอรับอยู่ก่อนแล้ว และเพื่อไม่ให้เสียเวลา ฮั่นอู่ตี้ตกลงกับจางกงกงไว้แล้วว่าตนเองจะมุ่งหน้าไปก่อน เพราะกำหนดการที่กำลังจะมาถึงนี้.. เกรงว่าล่าช้าไม่ได้
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ หลี่กู่กู ฝ่าบาทมีพระประสงค์ให้ลู่เจาอี๋เสด็จไปห้องอักษรร่วมกับพระองค์ เกรงว่าสำรับที่พระสนมเตรียมเอาไว้ คงต้องรบกวนหลี่กู่กูนำกลับไปที่ตำหนักตงเฉินก่อน จากนั้นค่อยตามมาที่ห้องอักษร ”</font> จงฉางชื่อถ่ายทอดความประสงค์ของฝ่าบาทพร้อมมอบรอยยิ้มเบาบางให้กับหลี่ผู่เยว่ที่ยอบกายลงฟังอย่างนอบน้อม
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#879B7C">
“ ขอบคุณจงฉางชื่อที่ช่วยแนะนำ ข้าน้อยจักรีบเคลื่อนย้ายสำรับให้เสร็จสิ้นและตามไปสมทบภายหลัง ” </font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">

          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ พึ่งมีการแจ้งเข้ามาว่าคณะทูตจากโหรวหร่านต้องการขอเข้าเฝ้าเจิ้น ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของหลิวเช่อกระตุ้นให้ไป๋หรั่นชำเลืองตามองดูนอกเกี้ยวเพื่อดูว่ายามนี้ตนอยู่แถวใด จากนั้นถึงได้ตระหนัก.. ว่ามาจวบจนจะครึ่งทางแล้ว สวามีถึงพึ่งได้อ้าปากบอกว่าสาเหตุการเรียกตัวเร่งด่วนขนาดที่มารับด้วยตนเองนี้คืออะไร กลีบปากบางของไป๋หรั่นเผยอออกคล้ายต้องการถามบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เม้มปากสนิทแน่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสตรีไม่ถือว่ามีสิทธิ์มีเสียงอะไรในเรื่องของบ้านเมืองนัก
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์ที่เห็นว่านางไม่ได้สอบถามเรื่องใดเป็นการพิเศษนอกจากพยักหน้าเบา ๆ ก็เริ่มที่จะกล่าวต่อ <font color="#D4AC0D">“ โหรวหร่านมาครั้งนี้เพื่อสวามิภักดิ์ต่อแผ่นดินใหญ่ พวกเขาเป็นกลุ่มที่อาศัยในเขตตะวันตก รบราฝ่าฟันกับเผ่าปีศาจมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ”</font> ไป๋หรั่นไม่เคยได้ยินหวงตี้พูดอะไรยาวเกินหนึ่งประโยคมาก่อนจนกระทั่งครั้งนี้ ฮั่นอู่ตี้ของชาวประชาอธิบายเสียงเรียบด้วยความใจเย็นชวนให้เลื่อมใสในท่วงท่ากิริยาที่ดูแล้วคล้ายคำว่าจักรพรรดิแห่งแผ่นดินขึ้นมาบ้าง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ พวกเขาต้องการความคุ้มครอง เจิ้นให้ได้ ทว่าสิ่งที่เจิ้นต้องการจากพวกเขา.. ต้องใช้การตะล่อมสักหน่อย ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทหารต้าฮั่นอ่อนประสบการณ์ในการรับมือปีศาจ นอกจากการส่งเสริมฝ่ายนั้นแล้ว หลิวเช่อต้องอยากใช้โอกาสนี้ในการพัฒนากำลังคนของตน แต่โหรวหร่านไม่ใช่ชิ้นเนื้อที่เคี้ยวง่าย เว้นเสียแต่เขาจะใส่ใจกับการต้อนรับให้มากขึ้นหน่อยเพื่อเปิดใจเหล่าคณะทูตให้มองต้าฮั่นไปในทางที่ดี
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ที่จริงจะใช้กำลังบีบเหมือนอย่างที่ผ่านมาก็ไม่ใช่ปัญหา ทว่า..
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เนตรมังกรตวัดเข้ามองหญิงงามที่เฝ้าคอยคำพูดต่อไปของเขาอย่างตั้งใจ หลิวเช่อมีลางสังหรณ์ว่านางสามารถทำได้ นางสามารถช่วยเขาได้ และสามารถทำให้เขาพึงพอใจที่ได้ประกาศต่อคนทั่วหล้าว่านางเป็นของต—- การขมวดของคิ้วเข้มราวกระบี่คล้ายการตัดสะบั้นความคิดแปลกพิกลเหล่านั้น
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เจิ้นจะกล่าวกับพวกเขาว่าโหรวหร่านมีวัฒนธรรมดีเลิศอย่างไร ต้าฮั่นเราก็มีเช่นกัน ดังนั้นจึงอยากให้เจ้าที่ชำนาญในศาสตร์ศิลป์แสดงความสามารถ ” </font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ประโยคหลังจากนี้เขาไม่ต้องพูดนางก็รู้สึกสาเหตุแล้ว ในทุกสถานการณ์เจรจาล้วนแต่ง่ายดายที่สุดเมื่อผู้ยื่นและผู้รับข้อเสนอเกิดความจรรโลงใจ หลิวเช่อกำลังปั้นภาพความรื่นเริงเพื่อยืนยันถึงความสงบของต้าฮั่น.. <font color="#994D7B">“ ฝ่าบาท หากว่าราชทูตเหล่านั้นเกิดมองความปรารถนาครั้งนี้เป็นโอ้อวดเล่าเพคะ? ”</font> คำถามนี้น่าประหลาดที่มันก็ฟังดูธรรมดาแต่กลับสามารถจุดรอยยิ้มหยักลึกที่มุมปากของโอรสสวรรค์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อย่าทำให้เป็นอย่างนั้นเสียก็จบแล้ว ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ดูท่าตลอดชีวิตของหลิวเช่อคงไม่เคยมีคำว่าล้มเหลว ไป๋หรั่นถอนหายใจเฮือกก่อนที่จะขบฟันลงกับริมฝีปากเบา ๆ พลางครุ่นคิดว่าหากอาศัยความสามารถของตนเองแล้วนางจะสามารถโน้มน้าวใจคนได้มากแค่ไหน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ไม่ต้องคิดใหัมันวุ่นวาย ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงของหวงตี้คล้ายน้ำเย็นกระแสหนึ่งที่ราดรดบนตัวนางนับตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเพื่อเป็นการเตือนให้ตั้งสติ <font color="#D4AC0D"><b>“ ทำให้สุดความสามารถ ส่วนที่เหลือนั้นเป็นหน้าที่ของสามีเจ้า ”</b></font> เขากล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนทั้งที่คำพูดนี้ฟังแล้วแปลกหูนัก
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เชื่อว่าภรรยาคงไม่ทำให้สามีต้องผิดหวัง ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เพราะเขาไม่เคยให้งานง่ายต่อนางเลยสักครั้ง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จากเกี้ยวมังกรสู่ห้องทรงอักษร เมื่อมาถึงหลิวเช่ออนุญาตให้สนมของตนไปจัดเสื้อผ้าหน้าผมที่ห้องพักด้านหลัง ส่วนตัวเขาก็เปิดเอกสารราชการอ่านไปพลาง ๆ รอจนจางกงกงที่ตามมาสมทบก่อนหน้านี้ก้าวเข้ามารายงานว่าจางเชียนได้นำทางคณะทูตมาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่นอู่ตี้ปรายตามองด้านหลังที่ยังไร้วี่แววเล็กน้อย เขาไม่สามารถยืดระยะเวลาออกไปได้เพราะรอสตรีเพียงผู้เดียว และอีกอย่างคนเช่นนางในเวลาปกติคงรีบกลับมายืนเคียงข้างเขาแล้ว เว้นเสียแต่ว่าลู่เจาอี๋ผู้นั้นก็มีแผนการที่คิดเอาไว้เช่นกัน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ให้พวกเขาเข้ามา ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คำอนุญาตของหลิวเช่อได้รับการตอบสนองอย่างทันที ประตูห้องทรงอักษรเปิดออกพร้อมเงาร่างของต้าหงหลูผู้เก่งกาจพร้อมด้วยคณะทูตโหรวหร่านดูแปลกตา เดินมุ่งหน้ามาสู่พื้นที่ลานยืนสำหรับถวายพระพรแก่โอรสสวรรค์
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4DA4C5">
“ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ระหม่อมต้าหงหลูจางเชียนได้พาแขกบ้านแขกเมืองมาเข้าเฝ้าพระองค์แล้ว ”</font> น้ำเสียงที่แสนมั่นใจของเจ้ากรมการทูตดังก้องทั่วบริเวณ โดยที่ด้านหลังของเขาคือเหล่าคณะทูตโหรวหร่านที่คุกเข่าลงถวายพระพรกันอย่างต่อเนื่อง ประหนึ่งว่าได้รับการแนะนำวิธีการเข้าพบหวงตี้ในขั้นแรกมาก่อนแล้ว
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จากโหรวหร่านถึงฉางอันคงต้องผ่านการปรับตัวมาไม่น้อย มาถึงที่นี่ได้นับว่าเป็นผู้มีความสามารถ เหตุใดจะต้องแสดงท่าทีเกรงใจถึงเพียงนั้น ”</font> พระพักตร์เรียบเฉยราวน้ำแข็งผิดกับวาจาถ้อยทีถ้อยอาศัยอยู่มาก ตัวตนของเขาองอาจน่าเกรงขามโดยธรรมชาติ แม้ว่าจะพยายามลดหลั่นรัศมีมังกรแต่ก็ไม่พ้นถูกมองว่าอยู่ไกลเกินเอื้อมอีกตามเคย
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ ห้องทรงอักษรหาใช่ท้องพระโรง เชิญทุกท่านทำตัวตามสบาย”</font> เขากล่าวอย่างนั้นแต่จะมีใครบ้างที่กล้าทำตัวตามสบายต่อหน้าสายพระเนตรของชายผู้ครองราชย์นับแต่อายุสิบเจ็ดหนาวจวบจนถึงปัจจุบัน โอรสสวรรค์ไล่สายตาดูคนจากคณะทูตช้า ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีสตรีใดแทรกมากับคณะก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้คิดสำราญทางลัดด้วยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไปเสียหมด
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4DA4C5">
“ เพื่อเป็นการแสดงความประสงค์ที่จะสวามิภักดิ์ โหรวหร่านได้ส่งคุณชายทัวปาจื่อ ทายาทราชครูเอกร่วมเดินทางมามอบของบรรณาการหลักพ่ะย่ะค่ะ ”</font> ต้าหงหลูรับหน้าที่ผู้เรียนขั้นตอนต่าง ๆ ตามที่ควรจะเป็น ราชทูตเอกแห่งแผ่นดินพยักหน้าให้กับคุณชายทัวปาที่ประหม่าเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่หน้าโอรสสวรรค์ แต่กระนั้นก็ยังกระชับกำกล่องหยกซึ่งนับว่าเป็นของหายากจากเขตแดนทะเลทรายขึ้นมายื่นออกพร้อมค้อมหลังลง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อพยักหน้ารับเป็นสัญญาณให้จางกงกงเดินไปตรวจสอบสิ่งของ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จงฉางชื่อก้าวลงจากแท่นข้างพระที่นั่ง มุ่งหน้าไปยังตัวแทนคณะทูตและค่อมกายลงเพื่อทักทายอย่างให้เกียรติก่อนจะค่อย ๆ เปิดฝากล่องหยกออก เผยให้พบกับแหวนคุณภาพเลิศสองวงที่วางเคียงกันอย่างสวยงาม จางกงกงใช้เวลาตรวจสอบอีกเล็กน้อยว่าไม่มีลูกไม้ใด ในที่สุดก็ถอยออกมาพร้อมกับหันไปพยักหน้าเป็นการบอกว่าของบรรณาการดูปลอดภัยดีในเบื้องต้น
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทางด้านหลิวเช่อที่อยู่ไกล ๆ เองก็หรี่ตามองแหวนในกล่องนั้นเช่นเดียวกัน มันคืองานฝีมือชั้นเลิศที่ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ใดก็มองเห็นเช่นตัวบุคคลที่ยามนี้ยังไม่ยอมปรากฏตัวออกมา โอรสสวรรค์สมองว่างเปล่าฉับพลันที่นึกถึงสตรีที่ขยันทำให้เขาต้องคอยเฝ้ามองอยู่เสมอผู้นั้น แต่ในขณะเดียวกันความคุ้นตาของแหวนสองวงในกล่องก็ยังคงลุกลามจวบจนทายาทราชครูทัวปารวบรวมความกล้ากลั้นใจกล่าวว่าสิ่งที่ฝ่ายโหรวหร่านนำมาเป็นของบรรณาการนั้นคือสิ่งใด
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#B8C54D">
“ แหวนทั้งสองวงนี้คือแหวนดาราจรัสอันหาได้ยากยิ่ง ความสามารถของมันนั้นมีไว้สำหรับอำนวยความสะดวกของผู้ใช้งาน เนื่องมาจากผู้คนเชื่อกันว่าแหวนชนิดนี้สร้างมาจากศิลาที่ตกจากฟ้าทำให้มีความสามารถประหลาดที่ปัจจุบันก็ยังแสดงออกมา สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าผู้สร้างทั่วสารทิศ ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คุณชายทัวปาสูดหายใจเข้าอีกครั้ง <font color="#B8C54D">“ ทูลฝ่าบาท กระหม่อมขออนุญาตสาธิตให้พวกท่านได้ชม ”</font> เพราะมันคือของบรรณาการ แตะซี้ซั้วไม่ได้ ทว่าหากไม่มีใครใช้ให้ดู เหล่าผู้ที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของแหวนดาราจรัสจะไปทราบได้อย่างไรว่าของแท้นั้นใช้งานแบบไหน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ อนุญาต ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จบคำของโอรสสวรรค์ คุณชายทัวปาสวมแหวนไว้ที่นิ้วชี้มือซ้ายพร้อมกับประคองกล่องหยกไว้ในมือซ้ายเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะประหม่าจนขาเกือบสั่น แต่เมื่อได้สัมผัสและใช้ในสิ่งที่ฝีกฝนมานับครั้งไม่ถ้วนความกังวลของเขาก็คลายลง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คุณชายทัวปาแสดงความอัศจรรย์ของแหวนดาราจรัสอย่างต่อเนื่องในการทำให้สิ่งของต่าง ๆ หายไปจากมือเขาได้ดั่งใจนึก ก่อนที่เวลาต่อมาจะนำของเหล่านั้นออกมาอีกครั้ง โดยไร้เงื่อนไขว่ามีจำนวนเท่าไหร่ หรือเล็กใหญ่มากน้อยยังไง สร้างความตะลึงให้กับชาวต้าฮั่นที่น้อยครั้งจะมีโอกาสได้พบเห็นความแปลกประหลาดพิสดารนี้ เว้นก็แต่หลิวเช่อที่สีหน้ายังคงสงบไร้ริ้วความเปลี่ยนแปลง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ โหรวหร่านมอบของล้ำค่าถึงเพียงนี้ นับว่าจริงใจต่อต้าฮั่นมาก เพราะการเดินทางที่ลำบากทำให้เส้นทางการติดต่อถูกขัดขาดกะทันหัน เจิ้นเลยไม่ได้เตรียมงานรื่นเริงไว้ต้อนรับ ”</font> สีหน้าของเหล่าคณะทูตล้วนใจชื้นขึ้นมากเมื่อเห็นว่าผู้ครองอำนาจให้การต้อนรับพวกเขาเป็นอย่างดี มีก็แต่จางกงกงและจางเชียนเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดจะพูดอย่างไรก็ได้ คนอย่างฮั่นอู่ตี้ต่อให้รู้ก็ไม่มีทางลงทุนจัดงานใหญ่โตแค่เพราะต้อนรับอย่างเดียวแน่นอน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จางกงกง เจิ้นอยากดูแหวนดาราจรัสนั้นใกล้ ๆ ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จงฉางชื่อรับคำสั่งอย่างทันท่วงที ชายไร้เพศในชุดขันทียื่นมือไปรับกล่องหยกบรรจุแหวนดาราจรัสทั้งสองวงอย่างทะนุถนอมก่อนจะนำไปทูลมอบถวายให้แก่หวงตี้ที่มีพระประสงค์อยากดูอย่างใกล้ชิด
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อเปิดฝากล่องออก ด้วยความสามารถที่เปี่ยมล้นของมังกร โอรสสวรรค์สามารถทราบได้ทันทีว่าแหวนวงใดคือแหวนที่ถูกสวมไปแล้ว ชายบนบพระที่นั่งเหนือผู้คนหยิบแหวนที่เคยถูกสวมขึ้นมาคลึงในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปหยิบฝากล่องมาปิดมันไว้ใหสนิทดังเดิม
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เดิมทีหวงตี้สามารถเลือกแหวนที่ไม่เคยผ่านมือใคร ทว่าใจเขากลับมีความปรารถนาหนึ่งผุดขึ้นมา แหวนดาราจรัสคู่นี้มาด้วยกัน ก็สมควรที่จะมีผู้สวมเป็นคนที่อยู่เคียงข้างกัน ฉะนั้นเขาจึงคิดถึงสาวงามที่ยังคงเร้นกายในยามนี้ ทว่าหากให้นางสวมแหวนที่ผ่านมือชายอื่นมา .. ใบหน้าแยบคายนั้นแฝงความเย็นเชียบไว้ห้าส่วนโดยไม่มีผู้ใดสังเกตถึง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ จางกงกง ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#980000">
“ เพราะการหารือครั้งนี้มีเพื่อสานไมตรี แม้จะมิมีงานเลี้ยงใหญ่โต ทว่าฝ่าบาทได้คำนึงถึงทุกท่านจนจัดเตรียมการต้อนรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชิญทุกท่านนั่งก่อน ”</font> จางกงกงกำลังเกลี่ยกล่อมคนให้คล้อยตามสุดความสามารถ แต่ด้านผู้สั่งการกลับคลึงแหวนวงนั้นในมือพลางคิดถึงอนาคตอย่างไร้จุดจบ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อีกวงหนึ่งเก็บไว้ให้นาง.. <i>ของล้ำค่าเช่นนี้สมควรให้ในวาระสำคัญ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หากนางได้ขึ้นเสียนเฟย? ไม่สิ กุ้ยเฟย หรือว่า.. <b>หวงโฮ่—-</b></i>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาท ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่รู้ว่าผู้คนสนทนากันอย่างไร รู้ตัวอีกทีการเรียกหานี้กลับมาจากเสียงหวานละมุนคุ้นหู หลิวเช่อเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงก็พบนางอัปสรผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างที่นั่งเขา พร้อมประคองชามาหนึ่งจอกท่ามกลางสายตาของผู้ที่ไม่เคยพบหน้านาง นับแต่วินาทีที่นางปรากฏกาย ทุกคนในห้องทรงอักษรล้วนตื่นตะลึงจนได้แต่ยืนมองนิ่ง ๆ คล้ายวิญญาณล่องลอยไปเข้าหานางโดยมีความงามเป็นตัวชักเชิด ไม่ว่าจะผิวเนื้อเนียนลออ ผมเผ้างามสลวย โฉมหน้างามล้ำเหนือกว่าดอกบัวหรือร่างอรชรดั่งกิ่งหลิวล้วนแลดูงามยิ่ง
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4DA4C5"><i>
“ ฝ่าบาท.. ท่านนี้คือ ? ”</font></i>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
จางเชียนที่พบหญิงงามมาแล้วหลายชนชาติเคราะห์ดีที่ตั้งตัวได้เร็ว เขาเก็บสายตากลับมาลอบชำเลืองมองท่าทีของคุณชายทัวปาที่เหลียวมองคอแทบหัก แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเงียบ ๆ พลางช่วยออกปากถามแทนทุกท่านว่าโฉมสะคราญหยาดฟ้าผู้นี้นั้นคือใคร
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D"><b>
“ ลู่เจาอี๋ สนมเอกของเจิ้นเอง ”</font></b>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คล้ายจะมีเสียงแตกกระจายของใจหลายดวงยามที่พบว่าคนงามถึงเพียงนี้มีเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โอรสสวรรค์กดมุมปากหยักเป็นรอยยิ้มลึกด้วยความพึงพอใจก่อนจะหันไปถามสนมเอกของตนด้วยท่าทางใส่ใจ <font color="#D4AC0D">“ เหตุใดจึงมาช้านัก? ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ฝ่าบาทรับสั่งให้หม่อมฉันเตรียมการรับรองให้เรียบร้อย จึงใช้เวลามากไปหน่อย ทุกท่านที่เดินทางมาไกล คงไม่คุ้นเคยกับการต้อนรับเช่นต้าฮั่น ฉะนั้นถือว่าพักดื่มชาที่เจ้าบ้านเตรียมรับสักกาเถิด ”</font> เมื่อไป๋หรั่นพยักหน้า เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ปรี่เข้ามาพร้อมถาดน้ำชาแยกไปสำหรับทูตแต่ละบุคคล โดยเฉพาะของจางเชียนที่มีการจัดวางอย่างดี บอกให้รู้ถึงความใส่ใจที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์ปรายตามองการจัดการเสร็จสรรพที่คณะทูตล้วนก็มีนางกำนัลดูแลประกบคอยรินชาหรือแนะนำวิธีการดื่มให้เงียบ ๆ สลับกับเคลื่อนมองความหัวไวของสนมตนที่อธิบายไม่กี่คำก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เรียกเจ้ามาใช่ว่าจะให้เพียงรับรองแค่เล็กน้อย ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทำราวกับว่าเรื่องราวนี้ไม่เคยได้รับการสนทนามาก่อน หลิวเช่อวางแหวนดาราจรัสไว้บนฝากล่องหยกพร้อมหันไปกล่าวกับคณะทูตที่ในมือต่างก็มีจอกชากันคนละจอก <font color="#D4AC0D">“ เจาอี๋ของเจิ้นเป็นหญิงงามมากความสามารถ พวกท่านมาถึงที่นี่ควรได้รับชมวัฒนธรรมในแบบต้าฮั่น ฉะนั้นนางจึงเป็นบุคคลที่เหมาะสมนัก ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ถ้าเช่นนั้นโปรดอนุญาตให้กองสังคีตได้เข้ามาด้านในด้วยเถิดเพคะ ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สนมรักทูลขอทั้งทีมีหรือชายที่ผู้คนมองว่าฝากรักผูกใจกับหญิงงามนั้นจะปฏิเสธ หลิวเช่อพยักหน้าก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจางกงกงถึงได้พยักหน้าบอกกับขันทีชั้นผู้น้อยให้เปิดประตูรับกองสังคีตจำนวนไม่มากเข้ามาด้านใน กองสังคีตที่เข้ามานี้ประกอบไปด้วยนักบรรเลงกู่เจิงหนึ่งคน นักเป่าขลุ่ยอีกหนึ่งคน ผู้ขับร้องอีกหนึ่ง และผู้ไม่ทราบหน้าที่อีกสี่นางที่บางคนก็โอบเครื่องดนตรี บางคนก็ถือไม้ลำเล็กที่ปลายผูกผ้าแพร
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ศาสตร์การแสดงดนตรีเพียงอย่างเดียวนับว่าตื่นเขินเกินไปหากผู้ฟังมิใช้นักสุนทรีแต่กำเนิด ฉะนั้นที่มีองค์ประกอบครบถ้วนทั้งยังง่ายต่อการหลอกล่อใจย่อมเป็นร่ายรำที่มาจากสาวงาม ไป๋หรั่นประสานมือวางไว้บริเวณหน้าท้องพร้อมย่ำเท้าเดินลงจากข้างพระที่นั่งไปได้ราว ๆ สามก้าวก็หันกลับไปยังโอรสสวรรค์ที่นั่งอยู่บนนั้น
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B"><b>
“ กิ่งดอกซื่อเวย(ดอกยี่เข่ง)ในแจกันข้างพระที่นั่งนั้นทรงมอบให้หม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ? ”</font></b>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ข้างกายมังกรยังมีตู้เตี้ยที่หลังตู้วางแจกันลายครามชั้นเลิศไว้หนึ่งอัน ในแจกันนั้นมีกิ่งบาง ๆ ของดอกซื่อเวยอวดโฉมชูช่อเป็นสีแดงสด โอรสสวรรค์ใช้เวลาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า ฉะนั้นจางกงกงที่มีหน้าที่เป็นเหมือนแขนขาจึงต้องเดินโฉบไปหยิบกิ่งซื่อเวยนี้มาส่งมอบให้พระสนม
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เจาอี๋ยอบกายคารวะขอบคุณอีกครั้ง ก่อนที่นางจะหันหลังให้กับสายตาคมที่จดจ้อง เดินลงไปกลางพื้นกว้างพร้อมเอื้อมมือขึ้นปลดสายผูกผมออกเส้นหนึ่งปล่อยให้เกศาที่เคยรวบสูงเยี่ยงหญิงที่ออกเรือนแล้วได้สยายลงมาถึงครึ่งศีรษะพร้อมกับแผ่กระจายกลิ่นหวานจรุงใจคล้ายกลิ่นดอกฝูหรงเหมือนอย่างที่เคยได้พบ ฉับพลันเนตรมังกรของโอรสสวรรค์กระตุกวูบ ครั้งจะออกปากห้ามนงคราญไม่ให้เฉิดฉายนักก็เกรงว่าคงจะสายเกินไปแล้ว
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร่างอรชรนั้นหันหลังให้สามีโดยไม่หันกลับไปนางค่อย ๆ ผูกผ้ารัดผมลงกับกิ่งซื่อเวยพลางยืนนิ่งรอเริ่มต้นการแสดง แต่ก็หยุดนิ่งได้ไม่นาน.. เสียงขับขานเอื้อนร้องก็ดังขึ้นนำให้เรือนกายได้โยกย้าย มิมีผู้ใดได้เห็นหน้าของโฉมงามในยามที่นางกรีดกราย เทพธิดาจำแลงในอาภรณ์สีครามเหลือบชาดนั้นแช่มช้าอ่อนหวาน ทว่าเปี่ยมไปด้วยความลื่นไหลราวผกาช่อหนึ่งที่โอนอ่อนไปตามสายลม
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อาจเป็นเพราะจื่อซีอี๋นั่วเป็นยอดอาภรณ์ที่ขับเน้นทรวงทรงทำให้ทุกการเคลื่อนไหวสร้างความเพลินตาสำราญใจให้ผู้รับชมเป็นอย่างมาก ทว่าต่อให้เงาร่างจะงามเพียงใดเมื่อหันกลับมาก็ยังไม่มีส่วนไหนที่สามารถดึงดูดใจได้เท่าโฉมหน้าสวยหวานเพียบพร้อมที่แฝงรอยยิ้มซึมลึกในใจผู้รับชม
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร่างกายของไป๋หรั่นอ้อนแอ้นอรชรทั้งยังอ่อนช้อยเพราะผ่านการเคี่ยวเข็ญด้านร่ายรำมาตลอดหลายสิบปี ผนวกรวมกับรูปลักษณ์พิลาสล้ำสมดังนางเซียน เพียงแค่ชะม้ายชายตาหนึ่งครั้ง สะบัดช่อดอกไม้หนึ่งหนยังว่างามนักงามหนา แต่ด้วยท่วงท่าลื่นไหลไร้รอยต่อสะดุดตาที่เผยให้เห็นฝีไม้ลายมือและความเชี่ยวชาญ ย่อมสร้างความเลื่อมใสศรัทธาคล้อยตามมาหลังจากความชื่นชมโดยผิวเผิน
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่เจาอี๋จงใจร้อยเรียงท่วงท่าที่หมุนสะบัดกายเป็นส่วนมากเพื่อหาจังหวะเหมาะสมในการคลายสายรัดแขนและปล่อยบางสิ่งออกมา .. สิ่งนั้นแม้เล็กจ้อยแต่ก็มีมากจนเกิดเป็นภาพฝันของลมที่พัดผ่านบุปผา กลีบเหมยกุ้ยแดงฉานปลิดปลิวออกจากใต้วงแขนอาภรณ์กว้างทุกครั้งที่นางเหวี่ยงร่างจนครบรอบ ชวนให้แว่บแรกนึกเป็นว่านางเสกบุปผาออกมาจากสองมือ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แม้จะเป็นสนม แต่ในขณะหนึ่งก็เป็นสตรี วิธีการทอดสะพาน ปรายเสน่ห์ล้วนซึมซาบอยู่ในใจ ผนวกกับเอกลักษณ์ในการวาดลวดลวยของสำนักศึกษาที่นางร่ำเรียนมา แม้ว่าจะเป็นเพลงเร็วสดใส แต่ด้วยความเคยชินของสาวงามก็ยังมีช่วงจังหวะเวลาให้ได้ทำเป็นเชื่องช้าอ่อนหวานไล่สบตากับผู้คน กระทั่งยอดฝีมือยังต้องตกอยู่ในภวังค์ นับประสาอะไรกับคณะทูตที่ขนาดคนงามถึงเพียงนี้ยังพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ขณะสุดท้ายที่เสียงขับร้องเร่งจังหวะขึ้น นั้นประจวบเหมาะพอดีกับที่กลีบเหมยกุ้ยในแขนเสื้อนางหมดแล้ว เนตรหงส์วาวโรจน์ขึ้นด้วยความพึงพอใจ การคาดการณ์ของนางถูกต้อง ดังนั้นที่คอยชูโรงหลักย่อมเป็น..
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางกำนัลฝ่ายสังคีตอีกสี่นางที่แต่เดิมถือก้านไม้พันผ้าแพรที่ส่วนปลายเริ่มออกลายกับคนงามเขาบ้างแล้ว ทั้งหมดสะบัดมือหนึ่งครั้ง ม้วนผ้าที่พันไว้ก็คลี่ออกดูคล้ายหมอกโปร่งบางที่กระทบกับพื้น ตบกลีบบุปผาบนพื้นให้กระเด็นขึ้น ประจวบเหมาะกับนงคราญหยกที่สะบัดแขนสร้างระลอกลมประคองกลีบดอกเหล่านั้นให้เคลื่อนตามความต้องการ จบลงด้วยการหมุนกายสะบัดกางแขนออกเป็นเส้นขนาน กระจายกลีบผกาให้โรยราลงหน้าคณะทูตตลอดสองฝั่ง ส่วนตัวเองนั้นก็ยื่นปลายกิ่งซื่อเวยในมือให้ชี้ไปทางโอรสสวรรค์พร้อมย่อกายลง

<br><br>
<div align="center">
<iframe width="480" height="280" src="https://www.youtube.com/embed/S_t2MGDdy1g?" frameborder="0" allow="; encrypted-media" allowfullscreen=""></iframe>
</div>
<br><br>

<p style="text-indent: 2.5em;">มีความอ่อนหวานแทรกอยู่ในแววตา แต่ก็มีความโศกาล้นออกที่ปลายหาง ตลอดการร่ายรำนี้เขาจ้องมองนางอย่างเงียบงัน เฝ้ามองโฉมสะคราญที่มีหน้าที่คอยดำเนินการตามความต้องการของตนทั้งที่ใจบีบรัดอย่างน่าประหลาด เขาและนางก็ไม่ได้ต่างสถานะกันนัก คนหนึ่งเพราะมีหน้าที่เป็นสนม คอยแบ่งเบาภาระ ปรนนิบัติดูแล จึงต้องแสดงว่ารักใคร่ห่วงหา อีกคนหนึ่งเพราะเป็นหวงตี้ มีหน้าที่ยิ่งใหญ่ จึงไม่ยินดีที่จะสัมผัสกับความสำราญทั้งกายใจโดยท่องแท้ คนงามที่ว่างามนั้นก็จริงอยู่ ท่วงท่าอ่อนหวานดูผ่าน ๆ ก็นับว่าเก่งกาจเกินใคร ทว่าความไม่ยินดีที่ความสัมพันธ์นี้ตื้นเขินกลับชัดเจนนัก
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ร่างของนงคราญย่อลงจรดพื้นพลางหันหลังให้กับสายพระเนตรของโอรสสวรรค์อีกครั้ง หนนี้มีเพียงเสียงบรรเลงดนตรีไร้ซึ่งการขับร้อง ชวนให้ทุกท่านสามารถสนใจกับร่างตรงหน้าที่กรีดกรายกระบวนสุดท้ายได้เต็มตาจนกระทั่งเสียงเพลงเลือนหาย พร้อมกายงามที่หยุดนิ่ง ไม่มีใครกล้าพูดสิ่งใดสักคำ แม้ว่าผู้ร่ายรำจะกลับมายืนยอบกายขอบคุณแล้วก็ยังไม่มีสักเสียงที่หลุดออกจากปากคน ปล่อยให้หนึ่งเนตรหงส์สบกับเนตรมังกรเนิ่นนานโดยไร้การแปลซึ่งความหมายในแววตานั้น
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เป็นอย่างไร เจาอี๋ของเจิ้นถ่ายทอดออกมาได้ดีใช่หรือไม่ ”</font> โอรสสวรรค์เบี่ยงสายตาออกเป็นผู้แรก กลับมาช่วยเรียกสติให้มวลมนุษย์ที่ได้ไปเยือนภพเซียนให้กลับมาบนดินโดยอาศัยเสียงเรียบเอื่อยที่แผ่รัศมีเย็นเฉียบ
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#4DA4C5">
“ ลู่เจาอี๋งดงามมากความสามารถ ข้าน้อยเดินทางหลายปีพบคนมาก ยังไม่เคยเห็นใครมีความสามารถถึงเพียงนี้ ”</font> ต้าหงหลูกล่าวอย่างชื่นชม ใบหน้าของเขาประดับยิ้มเบาบางไปถึงแววตา แต่ก็หาได้ดูลุ่มหลงมัวเมาเท่าคุณชายทัวปาที่เขาพามา <font color="#4DA4C5">“ สมควรกล่าวว่าเป็น<b>โฉมงามเลิศล้ำในต่ำใต้</b> ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กระทั่งราชทูตเอกยังกล่าวถึงขนาดนี้ ไป๋หรั่นระบายยิ้มบางตอบรับคำชื่นชมของเขาพร้อมย่อลงขอบคุณด้วยความจริงใจ ส่วนคุณชายทัวปาที่ตั้งสติขึ้นมาได้แล้วแม้จะกระอักกระอ่วนไปเล็กน้อยแต่ก็พูดเยินยอออกมาด้วยสีหน้าแดงซ่านสร้างความขบขันระคนเอ็นดูให้กับเหล่าคณะทูต<font color="#B8C54D"> “ อาศัยความสามารถเช่นนี้ กระหม่อมคิดว่า<b>แม้แต่เทพเซียนยังสามารถเผชิญเคราะห์ได้เพื่อนาง</b> ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางสายตาไว้ที่ร่างอรชรของสนมเอกเช่นเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองกล่าวได้ถูกต้องนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดทราบความละเอียดอ่อนและเก่งกาจของนางได้เท่าเขา คิดถึงจุดนี้หลิวเช่อก็ชอบใจขึ้นหลายส่วน <font color="#D4AC0D">“ พวกท่านชอบ เจิ้นก็วางใจ ถ้าเช่นนั้นเราก็หารือกันต่ออีกสักหน่อยเถิด..<b> เจาอี๋ <i>มานี่</b></i> ”</font>
          <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หวงตี้เรียกคนของเขากลับไปยืนข้างกายเหมือนอย่างเดิม .. โดยครั้งนี้ <b>ในที่สุดก็ไร้คนขวางกั้นเสียที</b>
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">            <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
<b> ฮั่นอู่ตี้</b><br>
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน<br>
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี<br><br>

<b> จาง เชียน</b><br>
+5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน<br>
+20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี<br>
+20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง และ +10 ชาเกรดทอง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์ของว่างประเภทอาหารปรุง<br>
+5 โบนัสความสัมพันธ์ชาประเภทชงชา<br><br>

ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี<br>
ร่ายรำต่อหน้าคณะทูตดิฉันก็ควรได้ค่าบารมีเช่นกันค่ะ <br>
ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี <br>( หลังปลดได้หัวใจดวงที่แปดเต็ม )<br><br>

<b>จากเควส :</b> หากทำการแสดงออกมายิ่งใหญ่ +10-40 ตบะ <br>ขึ้นกับการแสดงของคุณว่าจะอลังการแค่ไหน <br>
(ให้เวลาเตรียมตัวสามสิบนาที ได้เท่านี้นับว่าเกินมนุษย์รังสรรแล้วค่ะ)

</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2024-8-21 23:35:40


<style>

#boxcorecenter {
    border: 0px solid #152cd5;
    padding: 15px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/J5ZfEJ2.png");
}
</style>

<style>
#boxR0LE {
    width: 600px;
    border: 0px solid #cbb989;
    padding: 35px;
    box-shadow: #504C4E 0px 0px 1em;
    background-image: url("https://i.imgur.com/PNPim8Q.png");}
</style>

<div id="boxcorecenter">
<div align="center">

<br><br>

<div id="boxR0LE">

<img width="450" src="https://i.imgur.com/aDtIaPZ.png" border="0" alt="">
<br><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#994D7B"><span style="text-shadow: #ffffff 0px 0px 0.7px, #ffffff 0px 0px 25px, #ffffff 0px 0px 10px;">
<i><b>มาเยือนด้วยความตั้งใจ</span></b><br><font face="Sarabun"><font size="2">
วันที่ 13 เดือน 08 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10<br>เวลาสิบสองนาฬิกาเป็นต้นไป</font></font>
</i><br></font></font></font>
<br>
<div align="left">
<font face="Sarabun"><font size="3">

<p style="text-indent: 2.5em;">
ที่จริงนางไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันไหนที่นางมาเยือนห้องทรงอักษรด้วยสองเท้าของตัวเอง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
การทำอย่างนี้ในยามที่ค่ำลงไปฝ่ายชายจะต้องไปหาสตรีอื่นนับว่าเป็นเรื่องกระอักกระอ่วน แต่อย่างที่ทราบ นางเองก็มีเหตุผลที่ทำให้พาตัวเองมาจนถึงที่นี่.. ไป๋หรั่นไม่ได้ผลีผลามเข้าไปอย่างที่ใคร ๆ คิด นางรอ และรอเวลา จวบจนถึงยามเที่ยงวันที่เหล่านางกำนัลจะต้องนำสำรับกลางวันขึ้นถวาย นางจึงได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมนางกำนัลเหล่านั้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เป็นพระสนมดี ๆ ไม่ชอบ เหตุใดถึงขยันหาภาระเข้าตัวนัก ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อคิดไว้อยู่แล้วว่าหวงซานเหมาเฟิงถ้วยนี้มีเอกลักษณ์เกินไป คล้ายรสชาติที่ผ่านการชงนงคราญหยก ทว่าน้อยครั้งนักที่นางจะเป็นฝ่ายมาพบตนด้วยตัวนางเอง ฉะนั้นทีแรกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ ทว่าเมื่อปัดมือส่งสัญญาณบอกให้เบิกของว่าง ใครจะไปนึกว่าผู้ที่เดินถือมันเข้ามาจะเป็นถึงลู่เจาอี๋แห่งตำหนักตงเฉิน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ ได้ยินว่าหลังงานคล้ายพระราชสมภพขององค์ไท่โฮ่ว ก็ทรงมีราชกิจมากมายเข้ามาให้พระองค์ต้องจัดการ ”</font> จานอู๋โยวเกาวางลงกับโต๊ะช้า ๆ โดยที่นางไม่ได้แทรกกายไปนั่งเคียงข้างอีกฝ่าย แต่กลับทำแค่เพียงยืนประคองถาดสีนิลฉลุลายหมู่ตานสวยสดสีทองอร่าม <font color="#994D7B">“ หม่อมฉันห่วงว่าความตึงเครียดจากงานจะส่งถึงพระวรกาย อย่างน้อยเลยคิดว่าหากสามารถบรรเทาความหนักอึ้งนี้ลงได้บ้างก็อาจจะเป็นเรื่องดีเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โฉมงามระบายยิ้มอ่อนหวานพลางหลุบตาลงมองอู๋โยวเกาสีสดน่าทาน <font color="#994D7B">“ ขนมที่หม่อมฉันทำมามีนามว่า<b>ไร้กังวล</b> ฉะนั้นหากสามารถทำให้พระองค์ไร้กังวลลงได้ในเรื่องเล็กเรื่องน้อย ก็นับว่าความปรารถนาของหม่อมฉันสมฤทธิ์ผลแล้ว ”</font> โอรสสวรรค์ใช้สองนิ้วหยิบเจ้าขนมรูปทรงดอกไม้ที่มีทั้งส่วนสีขาวสลับม่วงพร้อมปล่อยกลิ่นหอมอ่อนดูน่าทานออกมาพิจารณา
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ สีอย่างนี้.. เจิ้นไม่เคยพบในอาหารมาก่อน ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ราวกับต้องมีการยืนยันให้แน่ใจว่าทานได้
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หากฝ่าบาทจะทรงอนุญาต.. ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ลู่ไป๋หรั่นกดใบหน้าคงขอความกรุณาและได้รับเสียงตอบกลับมาเป็นการอืมเบา ๆ ในลำคอ ทีแรกนางตั้งใจจะเอื้อมไปหยิบอู๋โยวเกาอีกชิ้นบนจาน ทว่าไม่ทันที่มือจะได้สัมผัสถึง จานสีขาวก็ถูกเลื่อนให้ห่างออกไปโดยมือหนาของผู้ครองรัศมีมังกร
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อไม่ได้กล่าวอะไรออกมา นางเองก็ไม่ได้ถามเช่นกัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
อู๋โยวเกาในมือเขาถูกยื่นมาในทางที่นางยืน ในเมื่อโอรสสวรรค์ไม่ต้องการให้นางทดสอบชิ้นอื่น ถ้าเช่นนั้นชิ้นในมือเขาก็คงเป็นคำตอบเดียวแล้ว มือบางคู่น้อยของลู่เจาอี๋ยื่นออกไปคล้ายจะหยิบรับมันขึ้นมาแต่อู๋โยวเกานั้นก็ยังถูกดึงออกไปอีกทาง
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ครั้งนี้นางช้อนตาขึ้นมองชายที่หน้าไม่เปลี่ยนสีด้วยความประหลาดใจ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
การกระทำครั้งนี้ในสายตาคนนอกคงไม่พ้นการหยอกล้อกันของสามีภรรยา แต่ในสายตาของคนในเรื่องกลับแฝงความไม่เข้าใจไว้มากกว่าเจ็ดส่วน .. น่าตลกนักที่เจ้าของสายตาคู่นั้นมิใช่นาง ทว่ากลับเป็นฮั่นอู่ตี้ที่กระทำลงไปแล้ว แต่ก็ยังมิเข้าใจว่าเพราะเหตุใดตนจึงเลือกทำเช่นนี้
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กระทั่งสาวงามที่ใช้ความพยายามตลอดหลายครั้ง เลือกที่จะโน้มตัวลงจรดริมฝีปากงับกับขนมในมือเขาโดยไม่ใช่การหยิบมาทานอีกต่อไป เมื่อนั้นเขาถึงได้เข้าใจว่าความต้องการลึก ๆ ของตนนั้นคืออย่างไร
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เห็นนางวิ่งวนอยู่ในกำมือเขานับเป็นหนึ่งในความต้องการ เห็นนางโอนอ่อนไปกับความคิดที่ไม่แน่นอนของเขา ก็นับว่าเป็นความต้องการเช่นกัน
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#D4AC0D">
“ เป็นอย่างไร ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ที่นางกัดไปเป็นแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ไม่ถึงครึ่งของชิ้นเสียด้วยซ้ำ ผู้ครองบัลลังก์มังกรหลุบตาลงมองขนมชิ้นเล็กที่แหว่งไปเสี้ยวหนึ่งในมือแล้วก็พลันกระตุกยิ้มเบา ๆ
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ อู๋โยวเกาก็.. เป็นอู๋โยวเกาเพคะ ”</font> ทันทีที่ตอบไปเช่นนี้ พระเนตรของโอรสสวรรค์ก็ตวัดขึ้นอย่างขึงขังจนคนตอบหลุดหัวเราะร่วน บางทีคงเป็นเพราะความสดใสที่มาอย่างไม่ทันตั้งตัวเลยทำให้เขานิ่งงันไป <font color="#994D7B">“ ขนมนี้อร่อยนักเพคะ หวานนุ่มมีความเหนียวนิด ๆ พอให้เคี้ยวเพลิน ทานคู่กับชาเขียวแล้วรสชาติเลิศล้ำยิ่ง ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
สรุปแล้วว่าเป็นของทานได้ ทั้งยังไร้พิษภัย..
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฮั่นอู่ตี้ที่พึ่งได้สติหลุบตาลงมองขนมชิ้นน้อยในมืออีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ ส่งด้านที่ถูกกัดแล้วเข้าปากเงียบ ๆ ปรากฏว่าเป็นอย่างที่นางพูดไว้ รสชาติหวานละมุนไม่จัดจนแสบปากกับสัมผัสหนุบหนับเคี้ยวเพลิน ดูเป็นขนมที่เด็ก ๆ คงถูกใจ แต่เมื่อทานคู่กับชาแล้วก็พบว่าเป็นหนึ่งในของแกล้มชาที่ทำให้สนุกสนานกับการดื่มมากยิ่งขึ้น
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;"><font color="#994D7B">
“ หากฝ่าบาททรงโปรดไว้มีโอกาส หม่อมฉันจะนำมาถวายอีก.. แต่น่าเสียดาย วันนี้หม่อมฉันไม่อาจอยู่ปรนนิบัติฝ่าบาทได้นานนัก ที่ตำหนักตงเฉินมีการจัดระเบียบใหม่ให้หม่อมฉันไปตรวจสอบ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลา อู๋โยวเกาและชาหวงซานเหมาเฟิงนี้ยังมีสำรองอีกชุด เอาไว้ฝ่าบาทนำมันไว้ดื่มแก้กระหายขณะทรงงานนะเพคะ ”</font>
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางมาแล้วก็จะไป.. เช่นนี้เลย?
                <br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หลิวเช่อคล้ายว่าจะพูดไม่ออกอยู่บ้าง แต่เมื่อได้เห็นใบหน้างามที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจที่แสนอ่อนโยนนั้น ตัวเขาก็จนปัญญาที่จะรั้งนางไว้ข้างกาย จึงได้แต่พยักหน้าเป็นการอนุญาตพร้อมกับปล่อยให้สนมเอกผู้นั้นได้ก้าวออกจากเขตห้องทรงอักษรไปจนกระทั่งลับสายตา..
</font>

<br><br><div align="center">
<img width="450" src="https://i.imgur.com/F56Ani1.png" border="0" alt="">               <br><br><font face="Sarabun"><font size="3">
รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30EXP , +20 บารมี , <br>

+2 ปรนนิบัติ (ไม่ได้ปรนนิบัติจากโรลปกติ ได้แค่จากเควส)<br>

และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำขนมและชา<br>

ความโปรดปรานจากหวงตี้ +35 แต้ม (รวมชากับขนมที่ให้แล้ว - ไว้เพิ่มหลังปลดก็ได้จ้ะ)<br><br>
คิดค้นเมนูอาหารใหม่ ๆ พร้อมโรลถวายหวงตี้ยังตำหนัก +50 บารมี (สัปดาห์ละครั้ง)<br>
ทำกิจกรรมสันทนาการกับหวงตี้ +15 บารมี
</div>



</div>

<br><br>

</font></font></div></div><br><br></div><br><br>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';}
</style>

LuBairan โพสต์ 2025-6-20 20:06:54

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2025-6-20 20:08 <br /><br />   <style>
      /* Response Container */
      .response-container {
            max-width: 850px;
            margin: 40px auto;
            background: linear-gradient(to bottom, #faf5f5, #7e2121);
            border: 2px solid #d4a373; /* Gold border */
            border-radius: 15px;
            box-shadow: 0 10px 20px rgba(0, 0, 0, 0.6);
            overflow: hidden;
            padding: 20px;
      }

      /* Header */
      .response-header {
            text-align: center;
            font-size: 2em;
            color: #d4a373; /* Gold accent color */
            font-weight: bold;
            margin-bottom: 15px;
      }

      /* Character Info */
      .character-info {
            display: flex;
            align-items: center;
            background: #7e2121; /* Dark brown for contrast */
            border: 1px solid #805e3b; /* Subtle decorative border */
            padding: 15px;
            border-radius: 10px;
            margin-bottom: 20px;
      }

      .character-info img {
            width: 150px;
            height: 150px;
            border-radius: 50%;
            margin-right: 15px;
            border: 3px solid #d4a373;
      }

      .character-info .details {
            display: flex;
            flex-direction: column;
      }

      .character-info .name {
            font-size: 1.8em;
            color: #d4a373;
      }

      .character-info .status {
            font-size: 1em;
            color: #c6b197;
            margin-top: 5px;
      }

      /* Dialogue Box */
      .dialogue-box {
            background: #f9e8e8;
            border: 1px solid #805e3b;
            padding: 100px;
            border-radius: 10px;
            color: #a0a0a0;
            font-size: 1.2em;
            line-height: 1.8;
            position: relative;
      }

      .dialogue-box:before {
            content: '“';
            font-size: 3em;
            color: #d4a373;
            position: absolute;
            left: 10px;
            top: -10px;
            font-family: serif;
      }

      .dialogue-box:after {
            content: '”';
            font-size: 3em;
            color: #d4a373;
            position: absolute;
            right: 10px;
            bottom: -10px;
            font-family: serif;
      }

      /* Footer */
      .response-footer {
            text-align: center;
            padding: 10px;
            color: #c6b197;
            font-size: 0.9em;
            margin-top: 10px;
            border-top: 1px solid #805e3b;
      }

      /* Hover effects */
      .response-container:hover {
            box-shadow: 0 12px 20px rgba(0, 0, 0, 0.15);
      }

      .dialogue-box:hover {
            background: #f1f1f1;
      }

    </style>

<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Chonburi'); Chonburi {font-family: 'Chonburi';} </style>
<style type="text/css">@import url('https://fonts.googleapis.com/css?family=Sriracha'); Sriracha {font-family: 'Sriracha';} </style>




    <div class="response-container">
      <!-- Header -->
      <div class="response-header"><font face="Chonburi"><font size="6"><font color="#7e2121">
         <span style="text-shadow: rgb(213, 182, 213) 1px 4px 3px;">บันทึกฝูหรงแห่งหยกขาว</font></font></font></span></div>

      <!-- Character Info -->
      <div class="character-info">
            <img src="https://i.imgur.com/y8kffKa.jpeg" alt="Character Avatar">
            <div class="details">
                <div class="name"><font face="Chonburi"><font size="5"><font color="#b69153">
               <span style="text-shadow: rgb(41, 0, 0) 1px 4px 3px;"><b>ลู่ไป๋หรั่น</span> ཐིཋྀ หมุดหมายมาเยือน</b></font></font></font></div>
                <div class="status"><font face="Sriracha"><font size="2">กุ้ยเฟยแห่งตำหนักตงเฉิน ⋆ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งลั่วหยาง<br>ช่วงบ่าย - 24 เดือน 04 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11</font></font></div>
            </div>
      </div>

      <!-- Dialogue Box -->
      <div class="dialogue-box">
            <p><font face="Sarabun"><font size="3">
               <p style="text-indent: 2.5em;">ห้องทรงอักษร ตั้งอยู่ภายในตำหนักเว่ยหยางอันเป็นศูนย์กลางของวังหลวงที่มีเหล่าผู้ทรงเกียรติมากมายแวะเวียนมาเยือนด้วยเหตุผลที่ต่างกันออกไป ไป๋หรั่นหลุบตาลงมองสายน้ำชาที่ไหลลงจอก แสดงออกอย่างสงบเงียบตรงข้ามกับใจที่เต้นระส่ำ หลายคนเชื่อว่าการได้เข้ามายืนในห้องทรงอักษรขององค์จักรพรรดิเทียบได้กับการใช้บุญวาสนาทั้งชีวิตแต่ไป๋หรั่นกลับเห็นต่าง เข้ามาที่นี่ทีไรไม่เคยได้เป็นเรื่องดี —- ครั้งแรกมาเพราะเผอิญทำตัวสะดุดตาฝ่าบาท ต่อมาก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม แต่ครั้งนี้?
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่ใช่อะไรแบบที่นางคิดว่าจะมีโอกาสแน่นอน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“ เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
โอรสสวรรค์เอ่ยเสียงเรียบจากบนพระที่นั่งซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง ด้านข้างของเขาคือกุ้ยเฟยคนงามที่คอยปรนนิบัติรินชา ส่วนเบื้องหน้าคือต้าซือถู — ตงฟางซั่ว อัจฉริยะปานเทพเซียนที่กำลังลากนิ้วลงกับตัวอักษรที่เขียนทิ้งไว้บนกระดาษ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
「 夢 (เมิ่ง) 」— ความฝัน
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
มองเผิน ๆ ก็ดูเป็นอักษรธรรมดา แต่อักษรธรรมดาที่ว่านี้กลับได้รับความสนใจจากสองชายงามผู้ทรงอำนาจแห่งแผ่นดิน <font color="#994D7B">‘ประหลาดนัก’</font> ไป๋หรั่นมองแล้วมองอีกก็ไม่เห็นจะเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในตัวอักษร แต่อีกสองคนที่อยู่ร่วมบริเวณเดียวกันดูเหมือนจะไม่ได้คิดเช่นนาง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#adbdb2">“ทูลฝ่าบาท เมิ่ง คือภาพลวงยามนิทรา แต่ความฝันของผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมมิหลอกลวง”</font> ขุนนางดีเด่นที่ถูกเรียกตัวกลับมาทันทีที่ก้าวขาออกจากรั้ววังค่อย ๆ ไขว้มือไปด้านหลัง นัยน์ตาเปี่ยมด้วยปัญญาเหลือบขึ้นมองผู้มีใจบริสุทธิ์ก่อนจะกลับไปสบมองทางโอรสสวรรค์ผู้เป็นนาย <font color="#adbdb2">“มันคือเสียงสะท้อนจากฟ้าดินที่มนุษย์มิอาจเห็นด้วยตาเนื้อ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ฟังดูไม่ธรรมดา
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไป๋หรั่นเอียงคอช้า ๆ พิจารณาชายที่มีโอกาสพบไม่มากอย่างเขา ตงฟางซั่วเป็นชายร่างสูงโปร่ง นิยมใส่ชุดสีขาวเรียบ ๆ หรือต่อให้มีลวดลายก็ต้องเป็นลวดลายที่ปักด้วยด้ายสีเงินเผิน ๆ ดูเหมือนเป็นเพียงหมอกในยามเช้าที่เดี๋ยวลมพัดมาแล้วก็สลายหายไป แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ไม่ธรรมดาต่อให้เขาจะสันโดษสักแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่พ้นโดดเด่นเป็นหนึ่ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
หากอาศัยรูปลักษณ์ที่เขาครอบครองอยู่ ขอแค่เปิดปากสักคำ ผู้คนก็พร้อมพากันคล้อยตาม ดังนั้นเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อถือทั้งหลายกลับกลายเป็นน่าเชื่อถือมากเมื่อเขาพูดออกมาด้วยตัวเองเหมือนอย่างตอนนี้<font color="#adbdb2">“จากอักษรที่ฝ่าบาททรงประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าย่อมกระจ่างถึงสาเหตุ และจำเป็นต้องแจ้งแก่ทั้งสองพระองค์ว่า ต้นเหตุแห่งฝันนี้ คือ เงาแห่งกรรมลิขิต ที่กำลังจะปรากฏขึ้นจริงในใต้หล้า”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
นางไม่เข้าใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เสียงถอนหายใจหลุดออกจากปากของโอรสสวรรค์ทันทีที่หันมาสบตากับชายาที่ยังเชื่อมโยงเรื่องประหลาดนี้ไม่ทัน หลิวเช่อยกมือขึ้นคลึงที่ขมับข้างหนึ่งก่อนจะพึมพัม <font color="#7f6000">“สิ่งที่เจ้าเห็นจะเกิดขึ้นจริง ดุจดั่งนิมิตสวรรค์ที่ประทานลงมา”</font> ภาษาบ้าน ๆ คือ ฝันเห็นอนาคต —- ไป๋หรั่นได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งขมวดคิ้ว <font color="#994D7B">“เหตุใดจากอักษรเพียงตัวเดียว ท่านถึงได้ทราบว่าเรื่องในฝัน.. เป็นเงาแห่งกรรมลิขิต”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#adbdb2">“‘夢 (ความฝัน)’ นั้นประกอบด้วย‘艹(พืชพันธุ์)’ ‘冖 (ม่านคลุม)’ ‘夕 (ยามเย็น)’ และ ‘目 (ดวงตา)’”</font> ความสงบของตงฟางซั่วไม่แม้แต่จะสั่นคลอนแม้ว่าจะต้องอธิบายหลักการและเรื่องพื้นฐานในการถอดอักษรเพื่อทำนายให้พระชายาเอกของพระเจ้าแผ่นดินฟัง ตาที่เฉยชาของชายผู้ครองปราณกระเรียนไม่แม้แต่จะขยับเมื่อสรุปความหมายทั้งหมดออกมาในประโยคเดียว <font color="#adbdb2">“เหล่านี้รวมกันเป็น ‘ดวงตาที่มองผ่านม่านในยามราตรี เห็นสิ่งที่มิใช่ทางโลก’ มิทราบว่า.. ฝันนี้ของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงชี้ทางไปยังเขตใดในแผ่นดิน?”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
แค่อักษรเดียว ตีความจนรู้มากเกินไปแล้ว ! ไป๋หรั่นหันมองสวามีที่นั่งครุ่นคิดพลางจิบชาเพื่อรอว่าเขาจะอนุญาตให้นางตอบหรือไม่ ทว่าฮั่นอู่ตี้กลับไม่ต้องการให้นางออกตัวใด ๆ ทั้งสิ้นในการหารือ เขาจึงไม่แม้แต่จะมองตอบ แต่แค่พยักหน้าและกล่าวเสียงเรียบ <font color="#7f6000">“นางฝันถึงเจียงหนาน” </font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เท่านี้ก็เหมือนวาดวงกลมไว้บนแผนที่ และหลังจากความสงบนิ่งที่ไม่ผันแปรของตงฟางซั่ว ในที่สุดคิ้วของเขาก็เริ่มที่จะขมวดเข้าหากัน <font color="#adbdb2">“หนึ่งฝัน เป็นดั่งหนึ่งประกาศิต ผิงหยางกงจู่ เสด็จลงใต้ด้วยพระเมตตา แต่แท้จริงคือผู้ถูกเลือกในชะตาฟ้า ไฟแห่งภัยพิบัติในเจียงหนาน หาใช่เพียงน้ำท่วมธรรมชาติ หากแต่เป็นไฟมารในเงามืด ความฝันนี้คือสัญญาณว่าฟ้าและดินกำลังส่งเสียงร้อง หากมิรีบขานตอบ เงามารจะกลืนแสงรุ่งอรุณเสียสิ้—”</font> ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยค มือของโอรสสวรรค์ก็ตบลงกับโต๊ะอย่างแรงเพื่อปรามให้เขาเงียบ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ทว่าต้าซือถูกลับแค่ประกบสองมือโค้งลงเล็กน้อย <font color="#adbdb2">“ขอฝ่าบาทอย่าทรงอย่าประมาท อักษร 「夢」 นี้อาจหมายถึงเงามายาในใจของผู้คน แต่หากเป็น ‘ฝันของผู้ที่จิตแน่วแน่ต่อฟ้า’ — นั่นคือคำเตือนจากสวรรค์ หากเป็นคำเตือนเกี่ยวกับชีวิตผิงหยางกงจู่”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“เตรียมคำสั่งโยกกำลังพล”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#adbdb2">“ฝ่าบาท หากเป็น ‘ฝันของผู้ที่จิตแน่วแน่ต่อฟ้า’ กระหม่อมเกรงว่ากุ้ยเฟยควรต้องเป็นผู้เสี่ยงอันตรายเพื่อเปลี่ยนเรื่องราวในครานี้พะย่ะค่ะ”</font> ถึงการกล่าวว่ากุ้ยเฟยเป็นผู้ที่สมควรเดินทางจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่การที่กล้าขัดฮั่นอู่ตี้ทันทีก็นับว่าพอจะทำให้ตาเบิกกว้างขึ้นได้บ้าง ตลอดชีวิตเกิดมาก็พึ่งจะเคยเห็นชายผู้นี้เป็นรายแรกที่แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลของชายผู้ครองปราณมังกรทองก็กลับไม่ตื่นตระหนก <font color="#adbdb2">“ขอทรงพิจารณาอีกครั้งด้วยเถิด”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
เป็นครั้งแรกที่ไป๋หรั่นรู้สึกคิดถึงจางกงกงขึ้นมา หากเป็นขันทีอสรพิษผู้นั้นคงมีวิธีการไกล่เกลี่ยสถานการณ์ที่ดีกว่านี้ เนตรบุปผาคู่งามเลื่อนมองชายทั้งสองที่ฟาดฟันกันในความเงียบก่อนจะถอนหายใจ <font color="#994D7B">“ฝ่าบาท”</font> ร่างบางก้าวลงจากพื้นยกระดับกลับไปยืนเคียงต้าซือถู แต่แทนที่จะแค่โค้งลงอย่างนอบน้อม ไป๋หรั่นกลับยอบกายลงคุกเข่า <font color="#994D7B">“โปรดอนุญาตให้หม่อมฉันเดินทางไปสมทบกับทางเจียงหนานด้วยเพคะ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คนหนึ่งก็สหาย อีกคนก็ชายาที่ตนใคร่เอ็นดู
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
คิ้วของหลิวเช่อกระตุกอย่างที่ห้ามไม่ได้ โอรสสวรรค์ไม่แม้แต่จะตอบทั้งสอง เพียงแค่ปล่อยให้คนที่กล้าทำให้เขาต้องเปลืองแรงคิดคำนวนเรื่องนอกแผนการจมลงไปกับความเงียบในขณะที่ตนเริ่มหยิบพู่กันเขียนบางอย่างโดยไม่อธิบาย รอจนกระทั่งหมึกบนกระดาษแห้ง จดหมายถูกพับลงใส่ซองอย่างดีพร้อมเขียนกำกับหน้าซองด้วยคำว่า ‘เสวียน’ ถึงได้เอ่ยปากอีกครั้ง
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“นำจดหมายนี้ไปให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมชิงหมิง”</font> คนนอกอาจไม่เข้าใจ แต่คนในกลับเริ่มคิ้วกระตุก ตงฟางซั่วแม้ไม่เอ่ยขัดขวางแต่สีหน้ากลับไม่เก็บสีหน้าเลยแม้แต่นิด ฮั่นอู่ตี้พิจารณาจากการตอบสนองแล้ว ต้าซือถูข้างกายคงจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ทว่าต่อให้อีกฝ่ายเอ่ยปากห้าม ก็เกรงว่าตนจะไม่สนใจแม้แต่น้อย <font color="#7f6000">“เจ้ารู้ว่าควรทำอย่างไร เขาเท่านั้น อย่าได้คิดเปลี่ยนแปลง”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#adbdb2">“ฝ่าบาท ในฝันของกุ้ยเฟยมีเงาแห่งคำฝากฝังจากกงจู่ ข้าน้อยชี้ได้แต่เพียงว่า ฝันนั้นผูกชะตาไว้กับ ‘นางผู้ฝัน’ แต่ฝ่าบาทอย่าได้หลงลืมว่าเมื่อสวรรค์มิอาจส่งสารมาโดยตรง มันย่อมเลือกส่งผ่านผู้ที่ใจผูกไว้แน่นแฟ้นที่สุด และหากฝ่าบาทยังทรงประสงค์จะเสด็จ ก็อาจเป็นเพราะพระทัยท่านเองก็มิอาจรั้งอยู่กับที่ได้อีกแล้ว”</font> การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าเขาไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นรอยยิ้ม มุมปากของเขายกขึ้นแค่เล็กน้อย แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงในขณะที่เอ่ยราวกับกำลังพูดถึงดินฟ้า… แม้ว่าเนื้อหาจะทิ่มแทง <font color="#adbdb2">“แม้ข้าจะชี้ว่า ‘ผู้ฝันควรไปเอง’ แต่ในหมากกระดานนี้ ดูท่า...ตัวหมากจะเดินเองโดยที่หมากขาวไม่ต้องเชิญเสียด้วยซ้ำ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“บังอาจ”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
ไม่ตะคอก ไม่เสียงดัง แต่กลับเพียงพอจะทำให้ทั้งตัวของตงฟางซั่วหยุดชะงักกลางอากาศเมื่อเอื้อมแขนออกมาจะหยิบจดหมายที่วางอยู่บนโต๊ะ อัจฉริยะผู้ลึกลับหัวเราะเบา ๆ ในลำคอตลอดหนึ่งลมหายใจที่ไม่สั้นและไม่ยาว ก่อนจะยอบกายลงคำนับโดยไม่ร้อนรน <font color="#adbdb2">“กระหม่อมขอลา”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
กำเริบเสิบสานขึ้นทุกวัน ฮั่นอู่ตี้มองตามแผ่นหลังอันปลอดโปร่งของสหายก่อนจะหันกลับมองชายาตนด้วยสีหน้าสงบ คำพูดของต้าซือถูยังคงก้องกังวานอยู่ในใจถึงความเป็นไปได้แท้จริงของสวรรค์ ก่อนจะหลับตาลง <font color="#7f6000">“เตรียมตัว” </font>สองคำ ไม่ยากไม่ง่าย แต่กลับชวนให้หนาวไปทั้งหัวใจ
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
<font color="#7f6000">“เจ้าและเจิ้นจะเดินทางไปเจียงหนาน”</font>
<br><br><p style="text-indent: 2.5em;">
บัดซบเอ๊ย ซือมิ่ง ท่านช่วยเขียนให้บุรุษผู้นี้อยู่ให้ห่างจากข้าพเจ้าบ้างได้หรือไม่!

            </font></font></p>
      </div>

      <!-- Footer -->
      <div class="response-footer">Presented by the House of Jade</div>
    </div>

WeijiaLianhua โพสต์ 2025-6-28 14:32:44

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-6-28 14:40 <br /><br /><style>
        #ZhiLian01 {
          border: 0px solid;
    border-radius: 10px;
    background-image: url("https://i.imgur.com/ujhleR3.jpeg"); }
        #ZhiLian02 {
          border: 0px solid;
          width: 75%;
    box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
    background-color : #F2F1ED;}
#ZhiLian03 {
          border: 0px solid;
          padding: 0px 50px;
          width: 75%;}
#ZhiLian04 {
          border: 0px solid;
          padding: 30px;
          width: 500px;
          box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
              background-image: url("https://i.imgur.com/IFRHQ59.png");}

</style>

<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Niramit:ital,wght@0,200;0,300;0,400;0,500;0,600;0,700;1,200;1,300;1,400;1,500;1,600;1,700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">


<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3" color="#4C4C57">
<div id="ZhiLian01">
<div id="ZhiLian02">
<div style="height: 1200px; background-image: url('https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/d24e426ac5f4f0025b9adb4c4717f7fa2858a55a15b2e3-C3p10l_fw658webp_11zon.png'); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="margin-top: -1000px; text-align: center;"><b>
<img height="300" src="https://img2.pic.in.th/pic/d82c05b49ff8092e33ac7c39a447629be02da48d5e407-1F2pzF_fw658webp_11zon.png" border="0" alt=""><br>
<span style="text-shadow: #696969 5px 5px 10px"><font size="6"><font face="Zhi Mang Xing">荷香万里夏</font><br>กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้</font><br><font size="4"> วันที่ยี่สิบหก อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด <br> กลางยามซื่อ( 10.00 น. ) </font></span></b>

</div><br><br>
<div style="margin-top: -50px; ">
<div id="ZhiLian03">
    <div align="left">

&emsp;&emsp; <font size="5">ราวกับไร้สิ่งใดเกิดขึ้น</font> มีเพียงกลิ่นเถ้าธุลีที่กำจายออกผ่านหน้าต่างห้องนอนเท่านั้นเป็นหลักฐานของกระดาษเปื้อนหมึกส่วนของจดหมายต้นฉบับถูกเก็บไว้ในกล่องปิดผนึกชั้นดีชิดมุมทับทับฟูกเบาะนอนเว่ยเจียเหลียนฮวายามนี้ถือว่ายังไม่กลับมาอย่างเป็นทางการนักเพราะนางยังมิได้เข้าเฝ้าโอรสสวรรค์ต้องเรียกว่าขนาดนางก้าวเข้าตำหนักไม่ถึงเค่อดีก็มีเรื่องมาให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเสียแล้ว
<br><br>
&emsp;&emsp; “ว่าไงเสี่ยวซาน เสี่ยวเฮย เจ้าชอบตำหนักของข้าไหม”
<br><br>
&emsp;&emsp; ในเช้าที่สดใสของกลางคิมหันต์ฤดู แม้จะร้อนอบอ้าวไปบ้างทว่าการที่ได้แลเห็นเจ้าตัวขนภายในจวนวิ่งเล่นไปมานั้นช่างน่าอภิรมมิใช่น้อยแม้ว่าจะกังวลเรื่องผู้ใดจะหักคอพวกมันนักทว่าการที่นางมีสัตว์เลี้ยงเป็นหมาป่าและสัตว์อสูรเอ่ยวาจาได้ไม่ทำให้นางกังวลมากไปกว่านี้
<br><br>
&emsp;&emsp; “เสี่ยวเฮย เจ้ารู้ความมนุษย์เช่นนี้ดูแลเว่ยซานให้ดีอย่ารับของจากผู้ใดสุ่มสี่สุ่มห้าหากไม่ได้มาจากมือของข้าหรือหนิงเฟยอย่าทานเด็ดขาด ผู้ใดเรียกเจ้าก็อย่าตาม มีเพียงข้าและหนิงเฟยเท่านั้นที่เจ้าจะเดินตามได้หากต้องอยู่ตัวคนเดียวจำไว้ว่าให้หลบเลี่ยงผู้คนเข้าไว้เข้าใจหรือไม่ ?”
<br><br>
&emsp;&emsp; เฮยเฉวียนหันไปเก่าบ้อกแบ้กกับเว่ยซานราวกับแปลภษาของนายหญิงให้มันเข้าใจก่อนที่ทั้งสองตัวจะมาเห่าขานรับพร้อมกวัดแกว่งหางไปมาน่ารักน่าชัง
<br><br>
&emsp;&emsp; “ข้ากับเว่ยซานรับทราบขอรับ !”
<br><br>
&emsp;&emsp; “น่ารักที่สุดเลย”
<br><br>
&emsp;&emsp; เว่ยเจียเหลียนฮวากอดทั้งคู่แนบแน่นอยู่นานสองนานราวกับเติมเต็มความมีชีวิตที่ขาดหายก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปตระเตรียมแต่งกายให้พร้อมวันนี้นางจำต้องเล่นละครเข้าพบคราบมังกรสวรรค์บัลลังก์

<br><br>

<img style= "width: 75%;" src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/3e558b428bc2798ada28d7067969f8308aa0a842f956-fBiPJm_fw658webp_11zon.png" border="0" alt="">
<br><br>
&emsp;&emsp; “พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋เข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
<br><br>
&emsp;&emsp; “เข้ามา”
<br><br>
&emsp;&emsp; สุรเสียงแม้คุ้นทว่ากลับแปร่งหูอยู่ในทีใบหูของสตรีผู้เป็นยอดคีตศิลป์ไหนเลยจะไม่รู้ความแตกต่างเล็กน้อยนี้ทว่าหากเป็นผู้อื่นคนไม่ทันสังเกตุกระมัง
<br><br>
&emsp;&emsp; “เว่ยเจียเหลียนฮวา ถวายบังคมแด่ฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
<br><br>
&emsp;&emsp; “ลุกขึ้นได้”
<br><br>
&emsp;&emsp; ครั้นเมื่อร่างบางยืดกายหยัดยืดเต็มความสูงแล้วมีเพียงดวงตากลมที่บังอาจจดจ้องผู้อยู่หลังม่านฉากราวกับต้องการกั้นนางออกจากรอบกายเขาผิดวิสัยของโอรสสวรรค์ที่นางรู้จักอย่างสิ้นเชิงนางเข้าใจเจี่ยเจียยิ่งขึ้นกว่าเดิมว่าเหตุใดนางจึงต้องส่งจดหมายมาให้นางก่อนตามวิสัยของสตรีผู้รักสบายก่อนที่นางจะได้เข้าเฝ้าคราบมังกรทองแทนที่จะเป็นร่างแท้ของมัน
<br><br>
&emsp;&emsp; “น่าขบขันดีหรือไม่ก่อนหน้าใกล้ชิดเพียงเอื้อมทว่าครานี้กลับกั้นฉากห่างเหินราวไม่ยินดีพบหน้ามีสนมรักแล้วเป็นเช่นนี้หรือเพคะ”
<br><br>
&emsp;&emsp; “เจิ้นเพียงไม่สบายจึงไม่อยากให้เจ้าต้องป่วยไข้ไปกับตัวเจิ้นอีกคน”
<br><br>
&emsp;&emsp; “เจิ้นงั้นหรือ…”
<br><br>
&emsp;&emsp; ใบหน้างามของสตรีผู้เป็นตัวเสแสร้งของเขายกแย้มสรวลอย่างอารมณ์ดีที่ได้ยลยินอะไรน่าขันในน้ำเสียงของฝ่าบาทพระองค์นี้ช่างไม่ต่างจากโอรสสวรรค์ผู้หนีหายจากงานนัก ทว่าสิ่งที่ต่างคงเป็นความกังวลเพียงบางเบาที่นางทำให้มันลอยฟุ้งในอากาศ
<br><br>
&emsp;&emsp; เป็นนางที่ตั้งใจใช้กิ่งไม้ยาวเขี่ยคราบให้เสียรูปเอง
<br><br>
&emsp;&emsp; “หม่อมฉันทราบทุกอย่างจากพระสนมลู่กุ้ยเฟยแล้วเพคะ” ร่างบางเอ่ยพร้อมกับค่อย ๆ ก้าวเดินเข้ามาภายหลังม่านและเห็นบุรุษใต้ม่านมุกปกปิดใบหน้า อาภรณ์ลวดลายมังกรคุ้นตาดูเหมือนจะดูกำยำขึ้นกระมัง ? “เรื่องราวที่หม่อมฉันไปเยือนหนานเจ้าหม่อมฉันได้เขียนรายงานเป็นบันทึกการเดินทางเท่าที่จะเขียนได้แล้วท่านผู้เป็นโอรสสวรรค์ ใ น ย า ม นี้ก็ใช้เวลาอ่านเนื้อเพื่อเผื่อต้องใช้งานมันก็แล้วกันเพคะ”
<br><br>
&emsp;&emsp; คำว่าทราบแล้วกลายเป็นคำประกาษิตที่แจ้งให้เขาเปลี่ยนอิริยาบถในทันควันท่าทางองอาจราวกับพยายามแสร้งให้คล้ายคลึงกับโอรสสวรรค์กลายเป็นท่าทางที่แปลกตาอันเป็นสิ่งยืนยันว่าบุุรุษตรงหน้ากำหรับนางแล้วเป็นเพียงครแปลกหน้าที่กลายเป็นสหายร่วมการละครก็เพียวเท่านั้น
<br><br>
&emsp;&emsp; “ฉากหน้าม่านหากต้องให้หม่อมฉันช่วยเหลืออันใดย่อมเรียกหาได้ทุกเมื่อหากหลังม่านต้องการปรึกษาใด…ก็คงไม่ต้องหรอกกระมังมีจางกงกงอยู่แล้ว”
<br><br>
&emsp;&emsp; ดวงเนตรกลมที่ถูกขีดวาดหางตาให้ยาวขึ้นตวัดไปพิจมองกงกงผู้อยู่นอกม่านฉากกั้นก้มหน้าก้มตาท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม ทว่าแท้จริงแล้วเป็นอสรพิษข้างขาผู้ใดเล่าจะล่วงรู้เช่นนั้นแล้วนางที่เอาไว้ใช้งานเป็นดั่งป้ายประกาศว่านางอัจฉริยะหาได้รู้สึกผิดแปลกไม่ก็เป็นเครื่องย้ำเตือนผู้คนถึงความเท็จจริงในตัวตนโอรสสวรรค์อย่างดี
<br><br>
&emsp;&emsp; “เช่นนั้นแล้วละครพบหน้าคงต้องจบลงเท่านั้นหม่อมฉันขอตัวเพคะ”
<br><br>
&emsp;&emsp; ครั้นในยามที่เท้าเล็กแตะพื้นนอกตำหนักเว่ยหยางในยามอู่แสนร้อนระอุสตรีผู้เป็นพระสนมเอกบอกให้บ่าวเดินห่างออกไปสักสิบก้าวพร้อมกับทอดมองรอบข้างเดินเหินกินลมระหว่างที่นางก้าวเดินกลับตำหนัก

</div>
<br><br>

<img style= "width: 75%;" src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/3e558b428bc2798ada28d7067969f8308aa0a842f956-fBiPJm_fw658webp_11zon.png" border="0" alt=""> <br><br>
ฮั่นอู่ตี้ ????????<br>
+5 พูดคุยประจำวัน<br>
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์<br>
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม<br>
<br>
จางกงกง <br>
+5 พูดคุยประจำวัน<br>
+20 หัวดีโบนัสความสัมพันธ์<br>
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม<br>
<br>
<br><br> <b>พรสวรรค์ อัจฉริยะ</b>
<br>
- สามารถโรลเพลย์สอนสั่งความรู้ ระบุเป้าหมายในปาร์ตี้ของเรา หรือ โคกับเพื่อน(กรณีเป็น Member หรือปาร์ตี้เพื่อน) (วันละครั้ง) +30 EXP <br>


@Admin
<br><br><br><br><br>

</div>

        </div>
<div style="margin-top: -200px; ">
<div style="height: 450px; background-image: url('https://img2.pic.in.th/pic/997474d9f1fa22b3deb3f9e8f3f5e600973a636a4f869b-1TtaqD_fw658webp_11zon.png');
background-repeat: no-repeat;
background-size: cover;
"></div></div>

        </div>
        </div>
</div></font></div>
หน้า: [1] 2
ดูในรูปแบบกติ: [พระราชวังเว่ยหยาง] ห้องทรงอักษร