#ZhiLian01 {
border: 0px solid;
border-radius: 10px;
background-image: url("https://i.imgur.com/ujhleR3.jpeg"); }
#ZhiLian02 {
border: 0px solid;
width: 75%;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-color : #F2F1ED;}
#ZhiLian03 {
border: 0px solid;
padding: 0px 50px;
width: 75%;}
#ZhiLian04 {
border: 0px solid;
padding: 30px;
width: 500px;
box-shadow: #000000 5px 5px 5em;
background-image: url("https://i.imgur.com/IFRHQ59.png");}
</style>
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Charmonman:wght@400;700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Niramit:ital,wght@0,200;0,300;0,400;0,500;0,600;0,700;1,200;1,300;1,400;1,500;1,600;1,700&display=swap" rel="stylesheet">
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Zhi+Mang+Xing&display=swap" rel="stylesheet">
<div align="center">
<font face="Sarabun" size="3" color="#4C4C57">
<div id="ZhiLian01">
<div id="ZhiLian02">
<div style="height: 1200px; background-image: url('https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/d24e426ac5f4f0025b9adb4c4717f7fa2858a55a15b2e3-C3p10l_fw658webp_11zon.png'); background-repeat: no-repeat; background-size: cover;"></div>
<div style="margin-top: -1000px; text-align: center;"><b>
<img height="300" src="https://img2.pic.in.th/pic/d82c05b49ff8092e33ac7c39a447629be02da48d5e407-1F2pzF_fw658webp_11zon.png" border="0" alt=""><br>
<span style="text-shadow: #696969 5px 5px 10px"><font size="6"><font face="Zhi Mang Xing">荷香万里夏</font><br>กลิ่นบัวหอม คิมหันต์หมื่นลี้</font><br><font size="4"> วันที่ยี่สิบสาม ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด <br> ปลายยามเว่ย ( 15.00 น. ) </font></span></b>
</div><br><br>
<div style="margin-top: -50px; ">
<div id="ZhiLian03">
<div align="left">
   <font size="5"> “ฝ่าบาททรงเรียกพระสนมเข้าเผ้าที่ห้องทรงอักษรพะยะค่ะ”</font>
<br><br>
   เพียงประโยคเดียวของจางกงกงก็สร้างแรงกระตุ้นให้บ่าวใช้ทั้งตำหนักเถียนเซี่ยวิ่งไปมาเพราะคิดว่ามันคือการเรียกหาตามความโปรดปรานอันเป็นข่าวก่อนหน้านี้ต้องยอมรับเลยว่าเป็นเพราะนางที่ปฏิเสธไม่เข้าเฝ้าใด ๆ อีกเช่นกันทำให้การเรียกหาในครานี้ทำให้บ่าวผู้ภักดีทั้งหลายต่างทำท่าเหมือนกับว่านายหญิงแห่งตำหนักคิมหันต์ฤดูแห่งนี้จะยังคงเป็นที่โปรดปรานต่อไป
<br><br>
   โธ่เอ้ยพวกไร้เดียงสาเจี่ยเจียกลับมาก็คงได้รู้ดำรู้แดงแล้ว
<br><br>
   ในช่วงเวลาย่ำค่ำสนธยา ตะวันคล้อยต่ำสาดสีอำพันประดับท้องนภาร่างของสตรีผู้ที่นับว่ามีอิทธิพลในวังหลังหากนับเพียงช่วงเวลานี้ได้หยุดยืน ณ หน้าตำหนักเว่ยหยางเว่ยเจียเหลียนฮวาสูดหายในเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้าให้ขันทีหน้าตำหนักเอ่ยขานการมาถึงของนาง
<br><br>
   “พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋เข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
<br><br>
   ทุกย่างก้าวค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปยังภายในห้องทรงอักษรที่แสนคุ้นเคยบรรยากาศในห้องทรงพระอักษรยังขรึมขลัง แสงโคมสะท้อนแผ่นหยกฝังผนังราวละลายหายไปกับไอหมึกจาง ๆณ ชั่วขณะที่ดวงตาเมล็ดซิ่งเลื่อนจากพ้นไม้ขึ้นมาหวังถวายพระพรหวงตี้หลังฉากกั้นจำต้องสะดุดโดยพลัน
<br><br>
   เพราะบุรุษตรงหน้านางคือเขาที่นางคะนึงหา
<br><br>
   ฉางซานเซียนหวาง—จีหยาน
<br><br>
   ริมฝีปากเล็กเผลอยกขึ้นจะเอ่ยนามของเขาทว่ากลับถูกสติสัมปชัญญะทั้งหลายกดเอาไว้และเลือกที่จะยอบกายแสดงความเขาเคารพต่อผู้ที่(แสร้งว่า)ยิ่งใหญ่ที่สุดในต้าฮั่น
<br><br>
   “เว่ยเจียเหลียนฮวาถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ” นางเอ่ยก่อนจะหันไปทักทายเขาตามธรรมเนียมด้วยสายตาที่มากด้วยคำถามว่าเขาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร “ถวายความเคารพหวางเย่เพคะ”
<br><br>
   “เช่นกัน พระสนม”
<br><br>
   “ตามสบายเถิด” สุรเสียงเอ่ยออกมาทว่าคำว่าตามสบายของเขาจะอยู่ได้นานสักเท่าไหร่กันเชียวเมื่อได้ยินประโยคต่อมา “จางกงกง”
<br><br>
   ราวกับรู้หน้าที่ขันทีข้างกายองค์จักรพรรดิได้ถือม้วนกระดาษผ้าไหมสีทองลายมังกรออกมาเป็นภาพที่นางรู้สึกงุนงงและสับสนยิ่งว่านี่กำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นกัน
<br><br>
   “ฉางซานเซียนหวาง และ พระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋โปรดรับราชโองการ”
<br><br>
   เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยไม่อาจควบคุมกายได้เข่าเล็กทรุดลงนั่งกับพื้นมือเล็กยกขึ้นประสานด้วยท่าทางแสดงความเคารพต่อราชโองการของฮั่นอู่ตี้ผู้ยิ่งใหญ่
<br><br>
<img style= "width: 75%;" src="https://i.imgur.com/xni1FZi.png" border="0">
<br><br>
   เสียงจางกงกงประกาศราชโองการดังขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเพียงคำว่า “สถาปนาเว่ยเจียเหลียนฮวาเป็นฟูเหรินเอก…” เอ่ยจบลงสถานการณ์ตรงหน้ามีเพียงความเงียบงัน ก็ราวกับระฆังยามสว่างฟ้ากระทบกลางใจใครบางคนเข้าเต็มแรง
<br><br>
   หลิวชุ่นยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ไม่โขกศีรษะ ไม่ร่ำไห้ ไม่แม้แต่ยกยิ้มในชั่วขณะแรก มีเพียงแววตาเรียวยาวใต้คิ้วเข้ม ที่เหลือบขึ้นมองฝ่าบาทเงียบ ๆ
<br><br>
   คล้ายคนที่... ปลงตกแล้วกับคนตรงหน้า
<br><br>
   “แทนที่จะลงราชโองการเล่นงานข้าเรื่องแกล้งหลบราชกิจเพื่อคล้องคอเอาไว้ ทรงเลือกจะเล่นข้าเรื่องหัวใจแทนเสียอย่างนั้น”
<br><br>
   เขาเอ่ยเบา ๆ คล้ายบ่นแต่กลับเจือความนับถือลึกซึ้ง ริมฝีปากคลี่ยิ้มช้าช้า — ยิ้มของคนที่รู้ตัวดีว่า "เสียท่าจริง ๆ" ในหมากกระดานที่ไม่ได้ตั้งใจเล่น
<br><br>
   “แต่ก็สมควรแล้วพะยะค่ะ… เพราะถึงข้าจะวางแผนได้ทุกเรื่อง ก็ไม่เคยรู้ว่าจะขอ 'ดอกบัว' ในบ่อทองคำของท่านมาไว้ที่บ่อสัมฤทธิ์ในจวนของข้าได้อย่างไร”
<br><br>
   ว่าจบ หลิวชุ่นโค้งตัวลงเบา ๆ ไม่ใช่ก้มเพื่อแสดงความภักดีต่อบัลลังก์
<br><br>
   หากแต่คือการยอมรับ — ยอมรับว่าสิ่งที่เขาคิดซ่อน... ถูกพระเนตรทะลุหมดสิ้น
<br><br>
   ครั้นเมื่อยืดกายขึ้นเต็มส่วนสูงของกายใบหน้าคมคายผินไปมองสตรีผู้ยกมือประสานรับราชโองการข้างกาย นางยังคงงามและสงบนิ่ง ราวบทกลอนวังหลังที่แต่งด้วยภาษาดาบ ทว่าดวงตาที่ไม่อยากจะเชื่อสถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขารู้ได้เลยว่าเหตุการณืนี้เป็นฝีมือของพระเชรษฐาเพียงผู้เดียว
<br><br>
   ทอดพิศ ณ ดวงตากลมที่วาวใสนั้นรู้ได้ ณ ก้นบึ้งของดวงใจว่าสิ่งที่เขาทำได้มีเพียงคำเดียว
<br><br>
   รับราชโองการ
<br><br>
   “เอาเถิด… ใจข้าอยากจะเป็นคนเอ่ยสู่ขอนางด้วยตนเองถึงเพียงใด ทว่าหากท่านละเล่นเช่นนี้คงมีเพียงรับราชโองการแต่โดยดี” เสียงทุ้มเปล่งออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มเอื่อยเฉื่อยแบบเดิม “แม้นจะดูไร้ความตั้งมั่นสู่ขอนาง… ทว่า—ก็ปลอดภัยกว่ามุดจวนคนเขาแล้วโดนหมาไล่”
<br><br>
   เงียบงัน— บรรยากาศในห้องทรงพระอักษรคล้ายถูกกลืนด้วยความนิ่งยิ่งกว่าหยาดน้ำค้างตกพื้น ก่อนจะมีเพียงเสียงพู่กันวางลงเบา ๆ บนแท่นหมึก เสียงนั้นเบา… แต่กลับดังประหนึ่งอสนีบาต
<br><br>
   ชายผู้สูงศักดิ์ที่สุดในแผ่นดิน เงยพระพักตร์ขึ้นช้า ๆ แสงจากตะเกียงสาดต้องใบหน้าเฉียบคมทรงอำนาจ — สายพระเนตรที่แม้ไม่ได้กวาดผ่านใครโดยตรงก็ราวถูกเสียบตรึงไว้ในชั่วพริบตา…กำลังเจือด้วยความสนุกสนานในที
<br><br>
   เพราะเขาคือบุคคลที่ได้ดูละครรัก ณ ที่นักที่ดีที่สุด
<br><br>
   “เจ้ากล้าพูดได้ขนาดนี้…” พระสุรเสียงเรียบ แฝงเยาะและเย็น คล้ายสายลมตัดเหล็ก “…แปลว่าเจ้าคิดจะรับผิดชอบทุกอย่างที่จะตามมาใช่หรือไม่”
<br><br>
   หลิวชุ่นยกยิ้มเล็กน้อย ราวกับถูกท้าทายแล้วกลับรู้สึกสบายใจเสียด้วยซ้ำ
<br><br>
   “ตราบเท่าที่ฝ่าบาทไม่ตรัสว่า ‘ทุกอย่าง’ นั้นรวมถึงครึ่งแผ่นดิน… ข้าก็พอรับไหวพะยะค่ะ”
<br><br>
   คราบมังกรสวรรค์เลิกพระคิ้วเพียงน้อย ก่อนจะทรงหัวเราะแผ่ว มิใช่เสียงขบขัน แต่คือเสียงของผู้ที่นั่นมองกลยุทธ์การวางกระดานทั้งแผ่นดินไว้เบื้องพระพักตร์ของโอรสสวรรค์ แล้วเห็นหมากตัวหนึ่งยอมเดินตรงเข้ากลางแต่โดยดีทั้ง ๆ ที่มันดิ้นรนมาแสนนาน
<br><br>
   ครึ่งแผ่นดินงั้นหรือเข้าใจเอ่ยถึงสิ่งที่ต้องตามมานัก การแต่งตั้งสตรีในวังระดับเสียนอี๋ให้เป็นฟูเหรินของหวางเย่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ฉางซานเซียนหวางเป็นน้องชายของจักรพรรดิ การให้เขาครองตัวสตรีที่มีอำนาจวาสนาเทียบสตรีฝ่ายใน เท่ากับ กำลังสร้าง "ขั้วอำนาจอีกฝั่ง" ขึ้นมา นั่นหมายถึง “พลังสนับสนุน” ที่จะกระเพื่อมสมดุลราชสำนัก
<br><br>
   เขายอมรับแล้วว่าตนนั้นมีแรงกำลังมากพอที่จะปีนบัลลังก์ทองนี้ทว่าการที่มอบนางให้เป็นการสื่อถึงกิ่งมะกอกที่ฝ่าบาทจงใจยื่นไปหวังให้พระอนุชาผู้สำนึกในบ้านเมืองตลอดมาจะรู้ซึ้งในรางวัลของผู้เสียสลยใต้เงาที่ทอดยาว
<br><br>
   “หวังว่า… คนของเจ้าจะมีค่าพอให้เจ้ายอมเดินหมากทั้งกระดานเพราะนาง”
<br><br>
   สุรเสียงเอ่ยออกมาพร้อมกับสะบัดมือให้จางกงกงยื่นราชโอการนั่นแก่หวางเย่เสียแล้วเดินเข้ามาหาเขาจางกงกงรับฟังสิ่งนั้นที่โอรสสวรรค์ตรัสออกมาและถ่ายทอดออกไปเสียงดังชัดแจ้ง
<br><br>
   “ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาให้ฉางซานเซียนหวางสามารถจัดงานที่ใดก็ได้ในต้าฮั่น งบประมาณไม่จำกัดเพียงแค่ยื่นเสนออย่างถูกต้อง ขอให้งานมงคลสมรสนี้ได้รับคำอวยพรอย่างล้นพ้น”
<br><br>
   “ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”เสียงทั้งสองได้ประสานเข้าด้วยกัน
<br><br>
   “ไปได้แล้ว พวกเจ้ายังมีเรื่องต้องจัดการอีกเยอะ”
<br><br>
   เช่นนั้นแล้วทั้งสองก็ต่างขอบังคมทูลลาแก่องค์จักรกรรดิแดนมังกรอันยิ่งใหญ่ครั้นพ้นสายตาคมไปร่างสูงก็ดึงร่างเล็กไปสวมกอดแนบแน่นเป็นการโอบกอดที่ไม่จำเป็นคนสนใจผู้ใดอีกต่อไปแล้ว
<br><br>
   นางเป็นของเขา
<br><br>
   ของเขาอย่างถูกต้องทุกระเบียบนิ้ว
<br><br>
   เป็นของเขาแต่เพียงผุ้เดียว
<br><br>
   “ในที่สุด… ก็ได้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าเสียที”
<br><br>
   วาจาที่เอื้อนเอ่ยนั้นแผ่วเบายิ่งกว่าลมหายใจ หากกลับแผ่คลื่นสั่นสะเทือนอยู่ในใจของผู้พูด ไม่ใช่ประโยคโอ้อวด หรือคำแสดงชัยชนะของผู้ชนะศึกบนกระดานชีวิต แต่เป็นถ้อยคำจากผู้ที่ลอบภาวนาต่อสวรรค์ในใจมาแรมปี — โดยไม่เคยเอื้อนเอ่ยออกมาให้ผู้ใดล่วงรู้
<br><br>
   เบื้องหลังถ้อยคำหนึ่งประโยค คือความรู้สึกขอบคุณมากมายที่ไม่เคยได้เอ่ย
<br><br>
   ขอบคุณเฒ่าจันทราผู้ผูกด้ายแดง แม้นเขาจะเคยแสร้งทำเป็นไม่สนใจโชคชะตา แต่ในใจลึก ๆ ก็ภาวนาให้นางผู้หนึ่งเดินมาในเส้นด้ายของเขาสักวัน
<br><br>
   ขอบคุณเทพซ่างกู่ผู้ประทานเส้นทาง แม้เส้นทางนั้นจะคดเคี้ยว เต็มด้วยเงื่อนไขและเล่ห์เหลี่ยม แต่สุดท้ายก็พาเขามาถึงปลายทางที่เรียกว่า “นาง”
<br><br>
   ขอบคุณฝ่าบาท — ผู้เป็นทั้งมารและพรในคราวเดียวกัน ผู้ที่ครอบครองนางก่อนหน้าทว่ากลับถนอมไม่แตะต้องผู้ที่พรากจากแต่หยิบยื่นให้ในคราวเดียวกัน ในเมื่อเขาไม่อาจยื่นมือไปชิงนางได้โดยตรงการรับไว้จากพระหัตถ์ของใต้หล้าก็ถือเป็นเกียรติที่สุดเท่าที่บุรุษเช่นเขาจะพึงมี
และที่สุดของทั้งหมด…
<br><br>
   ขอบคุณนาง — สตรีผู้ปรากฎขึ้นมาในโลกเงามืดของเขา ไม่ว่าจะในหอบัณฑิต ฉางซาน หรือสุสานที่ร้างผู้คน ในช่วงเวลาที่เขาคะนึงหามักปรากฎนางตรงหน้าเสมอ
<br><br>
   ดังนั้น... คำว่า
<br><br>
   "ในที่สุด"
<br><br>
   …จึงเป็นคำอธิษฐานที่ได้รับคำตอบเสียที
<br><br>
   <font face="Zhi Mang Xing">千山万水,终得一人相随 </font>
<br>
   (ข้ามพันเขาหมื่นสายนที สุดท้ายได้มีคนหนึ่งเคียงข้าง)
</div><br><br>
<img style= "width: 75%;" src="https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/3e558b428bc2798ada28d7067969f8308aa0a842f956-fBiPJm_fw658webp_11zon.png" border="0" alt=""> <br><br>
<br><br>
@Admin
<br><br><br><br><br>
</div>
</div>
<div style="margin-top: -200px; ">
<div style="height: 450px; background-image: url('https://img2.pic.in.th/pic/997474d9f1fa22b3deb3f9e8f3f5e600973a636a4f869b-1TtaqD_fw658webp_11zon.png');
background-repeat: no-repeat;
background-size: cover;
"></div></div>
</div>
</div>
</div></font></div>
หน้า:
1
[2]