{ หุบเขาลี้ลับ } ใจกลางเขาหัวซาน

[คัดลอกลิงก์]







ใจกลางเขาหัวซาน

{ หุบเขาลี้ลับ }






【 ใจกลางเขาหัวซาน 】

แดนลี้ลับแห่งผู้มากความสามารถ

ใจกลางเขาหัวซานคือชุมชนลับที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงชันและเส้นทางอันซับซ้อน เปรียบเสมือนหัวใจที่เต้นอยู่เงียบ ๆ ของภูผาอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ไม่ใช่สำนักหรือลานฝึกกระบี่แบบที่ผู้คนคุ้นเคย หากแต่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ อาคารปลูกแทรกตัวในโขดหินและต้นไม้โบราณ มีลำธารใสไหลรินและพลังปราณหนาแน่น บรรยากาศสงบแต่ไม่เงียบเหงา ทุกวันจะมีพ่อค้า นักปรุงยา นักพรต และผู้ฝึกยุทธ์แวะเวียนมาค้าขายหรือแลกเปลี่ยนวัตถุดิบหายากที่ตลาดกลางลานกว้าง โรงน้ำชาและโรงเตี๊ยมเล็กๆ ก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย แลกเปลี่ยนข่าวสารจากทั่วทุกสารทิศ ขณะที่พื้นที่เปิดโล่งบางจุดใช้เป็นลานฝึกอย่างไม่เป็นทางการให้เหล่าผู้กล้าได้ทดสอบฝีมือท่ามกลางธรรมชาติ ใจกลางเขาหัวซานจึงเป็นจุดบรรจบของความสงบและความคึกคัก เป็นสถานที่ที่ไม่อาจเข้าถึงด้วยความบังเอิญ หากแต่เปิดต้อนรับผู้ที่คู่ควรเท่านั้น










แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 6449 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-5-18 11:12
โพสต์ 2025-9-28 00:18:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 28 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเฉิน เวลา 07.00 - 09.00 น.
╰┈➤ กำลังหาถ้ำ

รุ่งสางสาดส่องผ่านหน้าต่างกระจกกระดาษบางในจวนต้าซือคง เถียนเฟิงลุกจากเตียงแต่เช้าเช่นทุกวัน สวมชุดขุนนางเต็มยศอย่างเรียบง่ายแต่สง่างาม เสวี่ยซีที่เพิ่งตื่นยังนอนกอดหมอน ผมยาวสลวยยุ่งเล็กน้อย แก้มขาวอมชมพูเพราะความอุ่นจากผ้าห่ม เถียนเฟิงยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงจุมพิตหน้าผากเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ซีเอ๋อร์ พักผ่อนให้มาก ข้าจะกลับมาเมื่อเสร็จราชการ”

เสวี่ยซีพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบาง แต่เมื่อเสียงฝีเท้าของเถียนเฟิงและข้ารับใช้หายลับออกจากเรือน ความสงบก็ถูกแทนที่ด้วยความว้าวุ่นในใจ ร่างบางพลิกตัวนอนมองเพดานด้วยแววตาเหม่อลอย ความคิดนับพันพรั่งพรูเข้ามา ภาพอดีตสิบปีที่เคยอยู่กับหลี่หยาง, คำหวานที่อีกฝ่ายเคยพร่ำบอก ความอบอุ่นและความคุ้นเคยที่เคยมี มันไม่ง่ายที่จะลืมเลือนแม้เถียนเฟิงจะดูแลเขาอย่างดีและเอาใจใส่ แต่บางส่วนของหัวใจยังคงผูกติดกับอดีตที่ยากจะตัดขาด

เสวี่ยซีลุกจากเตียงช้า ๆ ดวงตาหวานทอดมองนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นพร้อมเสียงนกร้อง เขาสูดหายใจลึก ตัดสินใจบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็รู้ว่าอันตราย เขาจะออกไปข้างนอกเพื่อพบกับคนที่เฝ้ารอจะได้พูดคุยด้วยอีกครั้ง

เสวี่ยซีแต่งกายเรียบง่ายในชุดผ้าไหมบางสีอ่อนคลุมด้วยเสื้อคลุมยาวสีเทาอ่อน เพื่อกลมกลืนกับผู้คนยามเช้า ผมถูกรวบหลวม ๆ ปล่อยปอยเส้นข้างแก้มลงมาบดบังใบหน้าขาวเนียน เขากระซิบกับตนเองเบา ๆ “เพียงแค่ออกไปพูดคุยเท่านั้น ข้าจะไม่หายไปไหนนาน”

ก้าวแรกที่ออกจากเรือนคือก้าวที่หัวใจเต้นแรงที่สุด เขาเดินอย่างระมัดระวัง แสร้งยิ้มพยักหน้าให้บ่าวไพร่ที่พบเจอด้วยท่าทีปกติ แต่เมื่อถึงมุมลับตาเสวี่ยซีก็ใช้เส้นทางเล็ก ๆ ที่เชื่อมออกไปยังประตูด้านข้างซึ่งไม่ค่อยมีใครใช้

เสียงหัวใจเต้นดังก้องในอก ขณะที่มือบางผลักประตูไม้แคบ ๆ ที่เริ่มผุพังออกไป สายลมเย็นยามเช้าปะทะใบหน้าให้รู้สึกถึงอิสระชั่วขณะ ร่างบางก้าวออกไปโดยไม่หันหลังกลับไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่า หากเถียนเฟิงรู้เรื่องนี้ เขาจะโกรธเกรี้ยวเพียงใด

เสวี่ยซีเดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ที่เชื่อมไปยังย่านการค้าของเมือง ผู้คนเริ่มคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านขายของ เสียงตะโกนเชื้อเชิญดังระงม กลิ่นหอมของเกี๊ยวทอดและซาลาเปาร้อน ๆ ลอยมาแตะจมูก ทำให้เขาหวนนึกถึงอดีตอีกครั้ง สมัยยังอยู่กับหลี่หยางทั้งคู่เคยเดินเล่นซื้ออาหารง่าย ๆ ร่วมกันอย่างไม่มีพิธีรีตอง

“ทำไม ใจข้ายังโง่เง่าเช่นนี้นะ” เสวี่ยซีพึมพำเบา ๆ แก้มขาวแดงระเรื่อเพราะความสับสน เขาเดินฝ่าผู้คนต่อไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง


สายลมแรงบนเขาหัวซานพัดกระหน่ำจนกิ่งไม้ไหวสะท้าน ใบไม้ปลิวกระจัดกระจายราวกับกำลังทดสอบหัวใจผู้เดินทาง เสวี่ยซีผู้ร่างบางในชุดคลุมยาวสีอ่อนก้าวเดินอย่างเชื่องช้าไปตามทางเขาที่ลาดชัน ฝีเท้าแม้จะอ่อนแรง แต่แววตาคู่หวานยังคงมีประกายมุ่งมั่น เขาออกจากเมืองตั้งแต่เช้ามืด ไม่มีเกี้ยว ไม่มีผู้ติดตาม ใช้เพียงกำลังขาของตนเองเดินฝ่าเส้นทางอันคดเคี้ยว บางคราวหินแหลมคมบาดฝ่าเท้าให้แสบชา แต่เขากลับไม่หยุดเดิน

ร่างบางหอบหายใจแรง ลมหายใจสีขาวฟุ้งออกมาในอากาศเย็นจัด เสวี่ยซีมองยอดเขาที่ดูไกลเกินเอื้อม แล้วแค่นยิ้มบาง ๆ “สิบปีที่ข้าฝ่าความยากลำบากมา... เพียงเพื่อจะมาถึงตรงนี้ ก็คงไม่ใช่อุปสรรคอะไรอีกแล้ว”

ขณะกำลังจะก้าวต่อ เสียงทุ้มอ่อนโยนกลับดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อหนุ่มน้อย...” เสวี่ยซีหันกลับไปช้า ๆ เห็นบุรุษหนุ่มในชุดขาวสะอาดสะอ้าน ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกบาง มือหนึ่งถือพัดขาวที่วาดภาพเมฆาด้วยพู่กันละเอียด รูปโฉมของเขาสง่างามราวเทพเซียนที่หลุดออกมาจากภาพวาด

ชายหนุ่มยกพัดขึ้นพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “เวลานี้ใจกลางหุบเขาหัวซานมีพลังงานลึกลับปรากฏขึ้น หากเจ้ามีเวลาว่าง บางทีลองไปสำรวจดูเถิด ข้าได้ยินเล่ากันว่าอาจเป็นศาสตราในตำนานที่โผล่ขึ้นมา”

เสวี่ยซีขมวดคิ้วเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงเพราะทั้งสงสัยและตื่นเต้น “ศาสตราในตำนาน” เขาพึมพำเสียงแผ่ว ความเหน็ดเหนื่อยก่อนหน้ากลับถูกแทนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

บุรุษชุดขาวเพียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนก้าวถอยหลังสองก้าว ร่างกายของเขาคล้ายเลือนหายไปกับสายหมอก พริบตาเดียวก็ไม่เหลือแม้เงา ทิ้งไว้เพียงเสียงสะท้อนในใจเสวี่ยซี

“...เขาเป็นใครกันแน่” เสวี่ยซีเอ่ยเบา ๆ แต่ดวงตากลับมุ่งตรงสู่หุบเขาด้านใน ความลึกลับนี้ดึงดูดเขาให้เดินต่อ แม้เท้าจะล้า ร่างจะอ่อนแรง แต่ใจกลับถูกเติมเต็มด้วยความหวังบางอย่างที่ไม่อาจอธิบาย

เส้นทางลึกเข้าไปใจกลางหุบเขาหัวซานไม่เหมือนเส้นทางสำหรับผู้คนทั่วไป มันเต็มไปด้วยซอกเขา ซ่อนตัวอยู่หลังผาหินสูงชัน ต้องอาศัยทั้งความอดทนและสายตาเฉียบคมจึงจะหาพบ เสวี่ยซีเดินฝ่าหมอกหนาและป่าทึบมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งพบทางแคบ ๆ ที่มีหินเรียงรายประหลาด ราวกับใครสักคนจงใจจัดวางเป็นสัญลักษณ์นำทาง

เมื่อก้าวผ่านทางนั้น กลับพบภาพที่เขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเองใจกลางหุบเขามีหมู่บ้านเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ บ้านเรือนสร้างด้วยไม้และหินเรียบง่ายแต่แข็งแรง ควันไฟบางเบาลอยขึ้นจากปล่องบ้าน บ่งบอกว่ามีผู้คนอาศัยอยู่จริง ๆ

“ชุมชนในหุบเขาเช่นนี้” เสวี่ยซีพึมพำดวงตาหวานเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่เคยได้ยินใครเล่าถึงสถานที่เช่นนี้มาก่อน

ผู้คนในหมู่บ้านต่างแต่งกายเรียบง่าย ใบหน้ามีร่องรอยจากแดดลม แต่ดวงตากลับเปล่งประกายสงบสุข เด็กเล็กวิ่งเล่นไปตามลานกว้าง หญิงสาวกำลังตากสมุนไพรแห้ง ส่วนชายหนุ่มช่วยกันแบกฟืน ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติราวกับโลกอีกใบที่ถูกตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอก

เสวี่ยซีก้าวเข้ามาด้วยความเกรงใจผู้คนบางส่วนเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ แต่ไม่มีใครทำท่าจะปฏิเสธหรือขับไล่ออกไป เพียงแค่ยิ้มบางและพยักหน้าเป็นการต้อนรับเงียบ ๆ

ไม่นานนักชายชราผมขาวผู้มีหนวดเครายาวก็เดินออกมาจากศาลาไม้กลางหมู่บ้าน เขาสวมชุดคลุมผ้าฝ้ายสีหม่น ดวงตาคมวาวแต่เปี่ยมด้วยเมตตา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ “ไม่บ่อยนักที่ใครจะหาทางมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นนักเดินทางเหรอ”

เสวี่ยซีรีบก้มศีรษะ ค้อมกายแสดงความเคารพ “ขออภัยที่รบกวนท่าน ข้าเพียงเดินทางตามเสียงเล่าลือว่ามีสิ่งลึกลับปรากฏขึ้นในหุบเขา มิได้มีเจตนาล่วงเกิน”


แสงอาทิตย์สาดลงมาเพียงบางส่วน ราวกับแสงสว่างถูกฉาบทับด้วยม่านลึกลับที่ยากจะฝ่าไปได้ ทางเดินที่ทอดยาวขึ้นไปสู่ยอดเขามีแต่หินผาแหลมคม ขรุขระจนยากจะเหยียบให้มั่นคง ทุกย่างก้าวของเสวี่ยซีจึงเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย

แผ่นหลังแผ่วบางแนบไปด้วยเหงื่อ ลมหายใจที่หลุดออกมารวดเร็วและหนักหน่วงดังสะท้อนในอกขาวผ่อง ปลายเส้นผมดำยาวสลวยเปียกชื้น พันติดแก้มขาวซีดราวหยาดน้ำค้างร่วงหล่น

“ยังไปต่อได้” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงแทบกลืนไปกับสายลมแรงที่หวีดหวิวราวเสียงผีสาง ภายในใจแม้จะอ่อนล้า แต่กลับไม่ยอมแพ้ ราวกับแรงบางอย่างผลักดันให้เขาเดินต่อไปเรื่อย ๆ

เส้นทางสู่ใจกลางหุบเขาเต็มไปด้วยก้อนหินสลับกับรากไม้หนาทึบที่ชอนไชออกมาเหนือพื้นดิน ราวกับจะเป็นอุปสรรคไม่ให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้ามาได้ง่าย ๆ หลายครั้งเสวี่ยซีเกือบเสียหลัก แต่ยังคว้าเถาวัลย์ไว้ได้ทัน ฝ่ามือขาวบางแตกถลอก มีเลือดซึมแดงออกมา แต่เขาเพียงกำมือแน่นแล้วเดินต่อ

เมื่อก้าวลึกเข้ามาในหุบเขามากขึ้น หมอกกลับยิ่งหนาทึบจนแทบมองไม่เห็นทาง เสียงนกป่าหายไปสิ้น เหลือเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงลมหายใจของตนเองที่สะท้อนก้องอยู่ในความเงียบงัน ราวกับเขากำลังถูกกลืนหายไปในโลกอีกใบหนึ่ง

เวลาผ่านไปนานเพียงใดเสวี่ยซีก็ไม่อาจรู้ได้ เขาเพียงรู้ว่าร่างกายกำลังอ่อนแรงอย่างหนัก แต่จู่ ๆ เมื่อหมอกเบื้องหน้าเริ่มบางลง ภาพของผนังหินสูงตระหง่านก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ผนังนั้นมีเถาวัลย์พันเกี่ยวหนาทึบ บดบังบางสิ่งที่ซ่อนอยู่

เสวี่ยซีค่อย ๆ ยื่นมือบางสั่นระริกออกไป แหวกเถาวัลย์ทีละเส้นเสียงใบไม้แห้งเสียดสีกันดังกรอบแกรบพอแหวกพ้นสิ่งกีดขวาง


เจอถ้ำหรือยัง



แสดงความคิดเห็น

เสียงให้คุณนำทางไปยังถ้ำว่อหลง ((ติดต่อกุ้ยเฟยขอสถานที่))  โพสต์ 2025-9-28 11:45
โพสต์ 23399 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-28 00:18
โพสต์ 23,399 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-28 00:18
โพสต์ 23,399 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-28 00:18
โพสต์ 23,399 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-28 00:18
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 6 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 1 สือเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ (เวลา 00.00 น.)



ท่ามกลางภูมิทัศน์อันเคร่งขรึมและเงียบสงัดของเขาหัวซาน ยอดเขาทั้งห้าที่เสียดฟ้าดูคล้ายอาวุธยักษ์ที่ถูกตรึงไว้กับแผ่นดิน แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยความมืดมิดสนิทแห่งยามจื่อ แสงจันทร์เสี้ยวที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆทึบสีเทาแทบไม่สามารถส่องลงมาถึงเบื้องล่างได้ ทำให้หุบเขาที่ชื่อว่า 'ลี้ลับ' แห่งนี้ยิ่งทวีความวังเวงและเยือกเย็นจับใจ กลิ่นอายของดินชื้นและพืชพรรณโบราณที่คลอเคล้าด้วยความมืดมิดทำให้หัวใจของผู้มาเยือนต้องเต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุม

ซูเหยาในอาภรณ์ผ้าป่านเรียบง่ายสีครามเข้มซึ่งเป็นชุดที่นางสวมใส่เป็นประจำเมื่อต้องออกเดินทางอย่างลับ ๆ ยืนอยู่บนลานหินแคบ ๆ ที่ยื่นออกไปเบื้องหน้าผาสูงชัน แสงสลัวจากตะเกียงน้ำมันขนาดเล็กที่นางนำติดตัวมาด้วยส่องกระทบใบหน้าของนางที่ซีดเผือดราวกับกระดาษ ผมยาวดำขลับของนางถูกรวบขึ้นอย่างหลวม ๆ ประดับด้วยปิ่นไม้ไผ่แกะสลักอย่างเดียว ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลมที่ปะทะกับหน้าผาหิน จิตใจของนางกลับว้าวุ่นยิ่งกว่าพายุที่โหมกระหน่ำในฤดูมรสุม นางก้มหน้าลงเล็กน้อย พลางใช้ปลายนิ้วสัมผัสแขนเสื้อของตนเองที่ปักลวดลายเมฆมงคลอย่างประณีต ซึ่งภายในนั้นคือฮว่าอิงที่ซ่อนตัวอยู่

นางมาที่นี่เพื่อพบกับคุณชายห่าวหมิงที่บัดนี้นางทราบความจริงที่น่าพรั่นพรึงแล้วว่าเขาไม่ใช่เพียงเศรษฐีใหญ่ผู้มันอันจะกิน หากแต่เป็นจางกงกง ขันทีใหญ่แห่งราชสำนักฮั่นผู้มีอำนาจล้นฟ้า เพียงแค่คำว่า 'ขันที' ก็ทำให้ซูเหยาผู้เติบโตมาในป่าเขาบ้านนอกรู้สึกประหม่าหนักจนแทบยืนตัวตรงไม่ได้ ขันทีในราชสำนักโดยเฉพาะผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิ มักเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยปริศนาและความมืดมิดในอำนาจ การพบปะกับเขาในฐานะคุณชายห่าวหมิงก็ทำให้ใจนางสั่นระรัวอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อฐานะของเขาเผยออกมาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ที่ยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับกิจการของโลกภายนอกเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความหวั่นใจของนางแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอย่างแท้จริง

ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าหนักแน่นที่ย่ำบนก้อนกรวดก็ดังมาจากทางเข้าหุบเขา เสียงนั้นไม่ได้ดังมากแต่กลับก้องกังวานในความเงียบสงบ ราวกับเสียงกลองศึกที่ปลุกให้ความหวาดระแวงตื่นขึ้น ซูเหยารีบเงยหน้าขึ้นมอง

ปรากฏร่างของบุรุษผู้หนึ่งที่ก้าวออกมาจากเงามืดของพุ่มไม้ เขาคือคุณชายห่าวหมิงหรือจางกงกงในชุดผ้าไหมสีดำสนิทที่ดูเรียบง่ายทว่ากลับสง่างามและบ่งบอกถึงฐานะพิเศษของผู้สวมใส่ แขนเสื้อของเขาดูกว้างและลื่นไหล ดวงตาที่ทอประกายเย็นชาของเขาเป็นประกายภายใต้หน้ากากครึ่งหน้า มีผู้ติดตามชายชุดดำอีกสองคนยืนนิ่งราวรูปปั้นอยู่เบื้องหลัง พวกเขาต่างมีดาบปลายโค้งเหน็บเอวตามแบบฉบับของผู้คุ้มกัน

คุณชายห่าวหมิงเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยท่วงท่าที่สุขุมและสงบ เขาหยุดยืนห่างจากซูเหยาเพียงสามก้าว กลิ่นหอมจาง ๆ ของเครื่องหอมชั้นดีที่ติดตัวเขามาลอยมาตามลม ทำให้ความรู้สึกของซูเหยาตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีก

“มาตรงเวลาดีนี่” น้ำเสียงของเขาราบเรียบและแฝงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ราวกับทุกสิ่งรอบตัวล้วนเป็นสิ่งที่เสียเวลาอันมีค่าของเขา “วันนี้ข้าไม่มีเวลามาก ถ้าเจ้ามาช้าคงจะทำข้าเสียเวลาแย่ แบบนั้นคงต้องชดใช้ด้วยการ...รับโทษทัณฑ์”

คำว่า ‘ชดใช้’ และ ‘โทษทัณฑ์’ กระแทกเข้ามาในโสตประสาทของซูเหยาราวกับหินที่ถูกขว้างใส่ นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เนื้อตัวสั่นเทาจนเกือบมองเห็นได้ชัดเจนภายใต้เสื้อผ้าสีเข้ม นางก้มศีรษะลงต่ำทันทีเพื่อซ่อนแววตาที่สั่นไหว

“โชคดีไปที่วันนี้เจ้ามาตรงเวลา” จางกงกงคลี่ยิ้มบาง ๆ เป็นยิ้มที่ไม่ได้ส่งไปถึงดวงตาก่อนจะเบนสายตาจากซูเหยาไปยังชายชุดดำผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา มือของขันทีผู้นี้โบกเบา ๆ ในอากาศ เป็นสัญญาณที่เฉียบขาดและเงียบงัน

“เอาของให้นางซะ” คำสั่งสั้น ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันของยามจื่อ ผู้ติดตามชุดดำผู้นั้นก้าวออกมาด้วยฝีเท้าที่ไร้เสียง เขายื่นกล่องไม้แกะสลักขนาดเท่าฝ่ามือที่ทำจากไม้จันทน์หอมสีเข้มให้กับซูเหยา นางค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับมันอย่างช้า ๆ มือของนางสั่นเทาจนเกือบทำกล่องหลุดมือ คุณชายห่าวหมิงยังคงจ้องมองการเคลื่อนไหวของนางอย่างไม่วางตา แสงตะเกียงสะท้อนแวววาวในดวงตาของเขา

ซูเหยาเปิดกล่องออกอย่างระมัดระวัง ภายในนั้นบรรจุเม็ดยาสีขาวนวลตาราวกับไข่มุกที่ถูกขัดเกลาจนขึ้นเงา เม็ดยานั้นวางอยู่บนผ้าไหมสีแดงเข้มที่รองไว้ นางใช้ปลายนิ้วหยิบมันขึ้นมาด้วยความรู้สึกผสมผสานระหว่างความโล่งใจและความขมขื่นใจ

จางกงกงโน้มใบหน้าเข้ามาเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยอำนาจและการบงการที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสุภาพจอมปลอม 

“กินซะสิ…” น้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความเป็นห่วงแม้แต่น้อย หากแต่เต็มไปด้วยความกดดันที่เยียบเย็น ราวกับกำลังออกคำสั่งแก่นักโทษ “เมื่อกินแล้ว...เจ้าจะได้รู้สึกดีขึ้น”

คำพูดจากปากของเขาฟังดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคำสาปใด ๆ ซูเหยาทราบดีถึงฤทธิ์ของเม็ดยานี้ มันช่วยให้จิตใจที่อ่อนล้าของนางสงบลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทว่ายิ่งนางได้รับยาเหล่านี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้นางตกเป็นทาสของมันมากขึ้นเท่านั้น

ภายใต้สายตาที่จ้องมองดุดันของขันทีผู้มีอำนาจล้นฟ้า ซูเหยาไม่มีทางเลือกอื่น หากนางปฏิเสธ…โทษทัณฑ์ที่เขาเอ่ยถึงเมื่อครู่อาจไม่จบลงแค่ร่างกายเท่านั้น อาจลามไปถึงโรงหมอ นางจำต้องกลืนเม็ดยาสีขาวนวลนั้นลงไปอย่างไม่ลังเล กลิ่นหอมเย็นแผ่ซ่านในลำคอ ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลายอย่างรวดเร็วที่เข้าครอบงำจิตใจที่อ่อนล้าของนาง

ซูเหยาโค้งคำนับลงต่ำอย่างหวาดกลัว 

“ขะ...ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

คุณชายห่าวหมิงรับคำขอบคุณนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะปัดชายแขนเสื้อผ้าไหมอย่างไม่ใส่ใจ ซึ่งเป็นท่าทางที่บ่งบอกถึงการสิ้นสุดของพิธีการทั้งหมด

“ข้ามีธุระต่อ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ซูเหยารู้สึกราวกับเป็นเพียงธุลีดิน “เดือนหน้าพบกัน วันและเวลาเดิมอย่าลืมเสียล่ะ ถ้าเจ้าไม่อยากรีบไปพบเจิ้งเซียวเฉินน่ะนะ”

ประโยคสุดท้ายนั้นเป็นคำเตือนที่เจ็บแสบและเต็มไปด้วยภัยคุกคาม มันทำให้ซูเหยาเข้าใจได้ทันทีว่าชีวิตของนางยังคงอยู่ในกำมือของเขา

พูดจบเขาก็ไม่รอคำตอบใด ๆ คุณชายห่าวหมิงหันหลังกลับอย่างเฉียบขาด พร้อมด้วยผู้ติดตามชุดดำทั้งสองที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบงันราวกับเงาที่จมหายไปในความมืดของหุบเขา เหลือทิ้งไว้เพียงกลิ่นเครื่องหอมจาง ๆ และความเยือกเย็นอันหนักอึ้ง

ทันทีที่เสียงฝีเท้าห่างออกไปจนเงียบสนิท ความตึงเครียดที่เกาะกินนางมาตลอดก็พลันแตกสลาย ซูเหยาถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นหินที่เย็นเฉียบ มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้ ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรงราวกับลูกนกที่เปียกปอนท่ามกลางพายุ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไม่กล้าหลั่งออกมาขณะที่พวกเขายังอยู่

ครู่หนึ่งต่อมาฮว่าอิงก็ค่อย ๆ ลอยตัวออกมาจากแขนเสื้อของนาง ร่างเล็ก ๆ ของภูตน้อยรีบโผเข้ามาสัมผัสใบหน้าของซูเหยาด้วยความห่วงใย

“เหยาเหยา...เจ้าเป็นอะไรไหม?” เสียงเล็ก ๆ ใสแจ๋วของฮว่าอิงเอ่ยถามด้วยความกังวลอย่างที่สุด

ซูเหยาสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมสติที่กระจัดกระจายของตนเอง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า 

“ขะ...ข้าไม่เป็นไร…ไม่เป็นไรแล้ว พวกเรากลับโรงหมอกันเถอะ” นางใช้มือปาดน้ำตาที่เพิ่งไหลออกมาอย่างลวก ๆ “ช่วงเช้ายังต้องทำบัญชีอีก หากกลับช้าคงไม่ทันแสงอรุณ”

ทั้งคู่ไม่รอช้า พวกเขาพยุงกันลุกขึ้นยืน ซูเหยาเก็บกล่องไม้จันทน์หอมไว้ในเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง แล้วออกเดินจากหุบเขาที่เต็มไปด้วยความมืดและความหวาดผวา มุ่งหน้ากลับไปยังฉางอัน



กินยาเม็ดปลดปล่อย (ขั้นต้น)
+50 ความโหด
+10 ความโปรดปรานจากจางกงกง (กินยาต่อหน้า)

[NPC-11] จางกงกง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม



@Watcher   

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 5 วันที่แล้ว
+50 ความโหด +10 ความโปรดปรานจากจางกงกง (กินยาต่อหน้า) ไม่ได้แล้ว อันนี้ได้เฉพาะครั้งแรก เพราะจางกงกงไม่จำเป็นต้องเพิ่มอีกแล้ว ถ้าไม่กินยาต่อเนื่องพิษจากยาจะกำเริบ  โพสต์ 5 วันที่แล้ว
โพสต์ 23750 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 23,750 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก ชุดทิวาเมฆาล่อง   โพสต์ 6 วันที่แล้ว
โพสต์ 23,750 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก หมอพเนจร  โพสต์ 6 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x6
x8
x2
x6
x8
x2
x11
x28
x50
x90
x90
x1
x2
x2
x10
x12
x42
x18
x20
x1
x14
x2
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x30
x30
x20
x10
x10
x6
x23
x34
x20
x4
x2
x30
x15
x6
x9
x10
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้