❁𓊈หมอลำแกร่งแรงเกินร้อย𓊉❁

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-8-4 20:45

โปรไฟล์หมอลำสุดแซ่บ
 

Memory

ความทรงจำที่ 1ความทรงจำที่ดูไม่งาม

ความทรงจำที่ 2ความทรงจำภาษาไทยแน๊จ้า

ความทรงจำที่ 3เทศกาลหน้ากาก (พบว่าที่สามีกรี๊ดดด)

ความทรงจำที่ 4

ความทรงจำที่ 5

ความทรงจำที่ 6




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 3999 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-28 18:41
โพสต์ 2025-6-28 19:47:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ความทรงจำที่ 1 : คืออัปสราหลงฟ้า



(จะฟังไปด้วยก็ได้ค่ะ แปะเฉย ๆ 5555)


คืนเดือนเพ็ญกระจ่างฟ้า งานลอยกระทงบ้านโคกม่วงปีนั้นช่างครึกครื้นยิ่งกว่าทุกปีที่ผ่านมา เวทีไม้ไผ่กลางลานวัดประดับไฟพรายพร่าง ไฟนีออนสีฟ้าชมพูเขียวหมุนเวียนสว่างไสวท่ามกลางหมู่มวลดอกดาวเรืองและธูปเทียนที่ลอยกลิ่นหอมกรุ่น… บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นขนมครก เสียงพัดลมโบราณ และเสียงหัวใจของบรรดาชายหนุ่มที่รัวรัวเมื่อพิธีกรตะโกนชื่อบนเวทีนั้น…


“หมายเลข 12 นางสาวชิดตะวัน รับอรุณ ชั้น ม.5 โรงเรียนสุรนารีวิทยา!” เสียงเฮกึกก้องราวเวทีแตก ฝูงชนหน้าฮ้านต่างโบกไม้โบกมือบอกต่อกันว่า "แม่นางหมอลำลูกป๊าเหลาไง!" ขบวนเสียงแตรและกลองยาวหยุดนิ่ง เมื่อนางสาวผู้ครองโบแดงและห่มสไบยกลายลวดลายทองคู่นั้น ค่อย ๆ ก้าวขึ้นสู่เวทีด้วยรองเท้าส้นสูง 7 นิ้วที่สะท้อนแสงดาวเหนือกระจกเวทีราวราชินีแห่งแสงไฟ


“เพลงเซิ้งอัปศรา ขอเชิญนางสาวชิดตะวันทำการแสดงความสามารถพิเศษ!”


ดนตรีลำซิ่งแปรเปลี่ยนเป็นทำนองเซิ้งอัปศราผสมประยุกต์ระนาดไทยกับซินธิไซเซอร์สมัยใหม่ จังหวะเร้าใจแต่สง่างาม สาวน้อยเจ้าของชื่อ ชิดตะวัน โน้มตัวเบา ๆ แล้วแย้มยิ้ม ดวงตาคมวาวสู้แสงไฟข้างหน้า แล้วเธอก็เริ่มร่ายรำ…นิ้วเรียวไหวระริก มืออ่อนหวานยิ่งกว่ากลีบบัวที่เพิ่งบานในยามค่ำ ข้อเท้าทั้งสองก้าวย่างด้วยความมั่นใจบนรองเท้าส้นสูงเสียดฟ้า แต่ไม่ไหวเอนแม้แต่น้อย ราวกับเธอคือเทพีในตำนานที่เหยียบนภาแล้วเหลือเพียงเมฆสีทองให้โลกจับต้อง ทุกจังหวะลำเอียงสะโพก เซิ้งกลับหลังหมุนวงอย่างพลิ้วไหว กลายเป็นภาพที่สะกดทั้งหมู่บ้าน


“พ่องานหายใจบ่ทันเลยเด๊!” เสียงผู้ใหญ่บ้านแว่วข้างเวที


ขณะเดียวกัน ณ ม้านั่งหน้าสุด ที่มีผ้าขาวปูเรียบกับขวดน้ำดื่มเย็นชื่นวางไว้ พ่อเหลา หรือ ‘อาป๊าเหลา’ พ่อหนุ่มจีนหัวใจไทยอีสานแท้ ผู้แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตฮาวายกับผ้าขาวม้าใหม่เอี่ยม กำลังเชิดหน้าภูมิใจน้ำตารื้น “ลูกสาวข่อย…สุดยอด! เสียชาติเกิดเป็นคนจีนบ่ได้ลูกแบบนี้เด๊!!” เขาเงยหน้าคุยกับผู้ใหญ่เปาอย่างยิ้มหน้าบาน “เซิ้งแบบนี้ สาวฮ่องกงยังต้องแพ้!” ทว่าอีกฝั่งของเวที คือเงาสะท้อนของอารมณ์ที่ต่างกันสุดขั้ว... แม่บังอร นั่งหน้าบูดเหมือนถูกบีบมะนาวใส่ใจกลางอก มือยกพัดไม้ไผ่โบกพรึ่บ ๆ พลางถอนหายใจเฮือกแล้วพูดกับน้าจันทร์เพื่อนบ้าน


“อันผู้สาวข่อยนี่ ถ้าบ่สวยจนหัวกระไดบ่เคยแห้ง ข่อยกะบ่ปวดเฮดดอกเด้! มื้อนี้กะสิแห่กันมาอีกเป็นขโยง ป๊าดดด...เอิ้นมาจีบคือแจกบัตรคิวฮ้อน!”


ขณะเดียวกัน…เสียงกรี๊ดจากกลุ่มนักเรียนชาย(?????ฉินจ๊ะะะ) ก็ดังแข่งกับดนตรี ‘อ้ายชัดเจน ม.6’ ลูกชายหมออนามัยถึงกับทำดอกไม้ตกจากมือ ขณะที่ ‘บักศักดิ์’ และ ‘โจ้สายเปย์’ แห่งวงโยฯ กะเบียดคนข้างหน้าเพื่อตะโกน คะแนนเต็มสิบถูกชูขึ้นโดยคณะกรรมการพร้อมรอยยิ้มยกเว้นครูสายฝนที่อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมรำแบบนี้มันถึงมีสเต็ปขาแอบเด้งยั่วเบา ๆ ปนมาแบบล้ำลึก…


พระจันทร์เพ็ญเต็มดวงยังต้องมีเมฆบัง แสงไฟเวทีสว่างจับตา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า เงาที่แท้จริงกำลังจะเผยตัว เสียงเพลงเซิ้งอัปศรายังระบำจังหวะเร้าใจ นิ้วของชิดตะวันยกขึ้นอย่างนุ่มนวล แขนขาวละมุนค่อย ๆ ไหวในท่ากระหวัดคลื่น อิริยาบถนุ่มละมุนละไมจนกรรมการบางคนเริ่มน้ำตาคลอ แม่ค้าลูกชิ้นหยุดเสียบไม้ เด็กชายหยุดเคี้ยวสายไหม สาวน้อยบ้านโคกม่วงกำลังส่องแสงสุดท้ายเพื่อคว้ามงกุฎในฝัน…


แต่แล้ว... ชะตากรรมแม่งดันขีดเขียนด้วยด้ายเย็บผ้า!


“ฟึ่บบบ!!”


เสียงเหมือนผ้าฉีกแว่วกลางเวทีพร้อมกับลมโชยเบา ๆ ผ้าถุงผืนงามลายดอกทองคำที่สั่งตัดพิเศษจากร้านผ้าสีชมพูแถวตลาดสด… ไหลรูดลงจากเอวสวยอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!!!! เหี้ยยยยยยยย


ทุกคนเงียบ... เสี้ยววินาทีนั้นทั้งวัดหยุดหายใจ และเบื้องหน้าทุกสายตาที่จับจ้อง…มันไม่ใช่กางเกงในลูกไม้ลูกตะเข็บหวานแหวว…ไม่ใช่กางเกงซับในเนื้อแพรหรูจากร้านเครื่องนุ่งห่มข้างวัด…มันคือ…

บ๊อกเซอร์ลายเบ็นเท็น!!!! ไม่ใช่ลายเบ็นเท็นธรรมดา… แต่เป็นเบ็นเท็นเวอร์ชั่น 10 ขวบ กำลังแปลงร่างเป็นเอเลี่ยนร่างแดง มือยิงพลังพุ่งออกจากแขน นี้มัน ทาสรักช่างปะปาว่ะค่ะ!!! ชิดตะวันยืนอ้าปากค้างกลางแสงสปอตไลต์ กางแขนอยู่ในท่ารำ เทพีคืนฟ้า แต่มันกลายเป็น เทพีเบ็นเท็นแทนแล้วไอ้สัสสสสสสส เสียงตึงตังของวงกลองหยุดลงทันที เด็กน้อยในชุดนักเรียนร้อง “แม่ เบ็นเท็น!” แล้ววิ่งไปชี้เวที


กรรมการชายวัยเกษียณล้มพับลงกับโต๊ะน้ำดื่ม กรรมการหญิงสำลักน้ำหวาน ผู้ใหญ่บ้านหงายหลังลงเก้าอี้


“ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!!” เสียงกรี๊ดของชิดตะวันดังแหลมเสียดฟ้าพร้อมมือคว้าผ้าถุงถกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เธอพยายามรำต่อด้วยท่ารำ เก็บเมฆด้วยสไบ แบบกลบเกลื่อนแต่ยิ่งถกก็ยิ่งเห็นเบ็นเท็น! ยิ่งรำก็ยิ่งแถ!! เสียงคนดูเริ่มเฮ! แม่ถึงกับปิดหน้า พ่อเหลาเอามือทาบอกแล้วพูดว่า “โอ๊ยลูกสาวข่อย... แฮ่! สะท้านเวทีอีหลี!!!”


ตอนประกาศผล ทุกคนคิดว่าคงโดนปลดชัวร์ โดนตัดสิทธิ์แน่นอน… แต่เปล่าเลย… กรรมการกลับมาประกาศด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแบบพยายามกลั้นขำ..“รางวัลนางนพมาศประจำปีนี้ ได้แก่... นางสาวชิดตะวัน รับอรุณ! และ... รางวัลขวัญใจมหาชน!!”


“เฮ้ยยยยยยยมึ๊งงงงงงงงง” เสียงโห่แทรกจากฝูงเพื่อนชาย(???เอาตรง ๆ ก็กระเทยนั้นแหละ) ม.ปลายที่ล้มโต๊ะน้ำแตงโมในซุ้มหน้าวัด ชิดตะวันเดินรับรางวัลทั้งน้ำตา… สวมมงกุฎด้วยผ้าถุงที่ยกขึ้นรัดรอบเอวแน่นเป็นพิเศษ พร้อมกลีบดอกดาวเรืองที่โปรยจากเพดานจนกลบรอยลายเบ็นเท็นไปจนหมด…


ฮือออ ไอ้เหี้ย…กูอายจนมุดแผ่นดินหนีใส่คนทั้งอำเภอ แม่ยืนงง ๆ ข้างเวที “อีหล่าเอ้ย... เบ็นเท็นกะสิพาเอ็งได้นางนพมาศเนาะ…” พ่อเหลาไม่พูดอะไร แต่ชูป้าย BEN 10 THE LEGEND กลางหน้าเวทีแทน





@Admin 


ทุกการปลดความทรงจำ(แนบท้ายโรล): +35 EXP , +20 ตบะฝึกฝน


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 35 EXP โพสต์ 2025-7-2 15:01
โพสต์ 32404 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-28 19:47
โพสต์ 32,404 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-6-28 19:47
โพสต์ 32,404 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-28 19:47
โพสต์ 32,404 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-28 19:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-6-28 19:54:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-6-28 19:57


ความทรงจำที่ 2 : ครูสอนภาษาไทยให้เขียนเรียงความ



ยามบ่ายคล้อยของวันศุกร์…


นักเรียนสาว ม.ต้นแห่งโรงเรียนบุญวัฒนา เธอผู้สวมคอซองสีขาว ผูกโบขาว กระโปรงพลีทยาวถึงเข่า แก้มกลมแดงแดดแดนลมแล้ง กับผมมัดแกละคู่พอง ๆ พร้อมสายตาแพรวพราวแบบลูกสาวชาวบ้านที่มีความฝันจะลำซิ่งขึ้นเวทีงานหมอลำให้จงได้ ปากแดงแบบทาอุทัยทิพย์หน้าขาวด้วยแป้งเจ้านาง น้ำหอมกลิ่น Bvlgari Omnia Amethyste Eau de Toilette ที่แอบจิ๊กเงินป๊าไปซื้อมา


เสียงจักจั่นดังก้องในสวนหลังบ้านใต้ร่มมะม่วงแก่ แสงแดดลอดผ่านใบไม้จนเห็นเป็นลายเงาเส้นพาดบนพื้นดิน ชิดตะวันเดินเหงา ๆ กางสมุดบานแผนกภาษาไทย พร้อมกับสีหน้าเหนื่อยหน่ายปนไม่เข้าใจ บนบ่ามีกระเป๋านักเรียนสีฟ้าอ่อนยี่ห้อดังที่ข้างในแน่นไปด้วยหนังสือเล่มหนาและพวงกุญแจตุ๊กตาใส่ถุงพลาสติกเงาวับ เธอกวาดตามองรอบบ้านก่อนตะโกนลั่น


“อี๊เผาะ! ขอถามเน๊! การบ้านไทยข้อสุดท้ายนี้มันคือหยังคะเนี่ย! บอกให้แปลความหมายคำพังเพยว่า ‘ชักแม่น้ำทั้งห้า’ มันหมายถึงหยังน้อ!”


เสียงนุ่ม ๆ ลั่นดังทะลุสวนผ่านกลิ่นหอมของผัดกระเพราหมูสับจากครัวที่แม่ของเธอกำลังทำอยู่ พ่อของเธอ ‘อาป๊าเหลา’ หรือชื่อจริง ‘หลัวเหลาเฉียง’ อดีตพ่อค้าจากเยาวราชผู้ย้ายมาเปิดร้านซ่อมลำโพงอยู่บ้านทุ่ง เขาใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงผ้าขาวม้าลายส้ม มือหนึ่งถือประแจ อีกมือกำลังยกหม้อเครื่องขยายเสียงขึ้นมาเป่าลม ฝุ่นฟุ้งเต็มหน้าผากแต่รอยยิ้มกลับสดใสแบบคนที่มีความสุขกับชีวิตเรียบง่ายบนแผ่นดินอีสาน


“โอ้ย! ลูกสาวป๊านี่มันม่วนแท้! สิถามอีหยัง กะถามมาโลดดดด” เสียงพ่อหัวเราะหึ ๆ พลางวางเครื่องมือ แล้วปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก “มา มานั่งนี่ก่อน ข่อยสิสอนให้แบบครูไพศาลบ่ต้องอายใคร!” ชิดตะวันล้มตัวลงนั่งแหมะตรงเก้าอี้ไม้ไผ่ใต้ต้นมะม่วง มือยังถือสมุดพร้อมหน้าที่วงคำว่า คำพังเพย เอาไว้แน่น ดวงตากลมโตเป็นประกายอย่างมีหวัง พ่อหัวเราะอีกหนหนึ่งก่อนเคลียร์คอเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปร่ง ๆ ที่ผสมสำเนียงจีนกับอีสานจนกลายเป็น ‘ลูกผสมรสเด็ด’  แบบที่ชิดตะวันเคยแอบเล่าให้เพื่อนฟังจนหัวเราะกันทั้งห้อง ว่าเหมือนคุณเจย์ร้าน Hotpot Man ของแม่ยุ้ย


“‘ชักแม่น้ำทั้งห้า’ แปลว่า เอาเรื่องอิหยังอิหยังมาเว่ารวมกัน พอให้คนเชื่อหรือเห็นดีนำ เป็นจั่งใด๋ล่ะ เช่นว่า ถ้าเอ็งอยากไปงานลำซิ่ง แต่แม่เจ้าบ่ให้ไป เอ็งก็ต้อง ‘ชักแม่น้ำ’ ใส่แม่ ว่าเพิ่นนั้นชวน เพิ่นนี้รอ ว่ามันบ่ไกล ว่าไปแล้วบ่เป็นหยัง แล้วเอาเรื่องดี ๆ มารวมไว้หลาย ๆ อย่าง เพื่อให้แม่ยอมใจอ่อน โอเค๊?” ชิดตะวันฟังแล้วหัวเราะพรืด ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม “แปลว่าโกหกเก่งแบบหนูเลยติ๊?”


“บ่แม่นโกหก! นี่เรียกว่าใช้วาทศิลป์ จั่งแม่นหมอลำดี ๆ นี่แหละ เอาเรื่องมาโยงให้คนซึ้ง แล้วก็ปรบมือกันเกรียว!” สาวน้อยพยักหน้าแรง ๆ พลางจดบันทึกลงไปอย่างขะมักเขม้น พ่อพยักหน้า ยิ้มมุมปากแบบภูมิใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่เครื่องเสียงแล้วบ่นลอย ๆ ว่า “ลูกสาวข่อย ถ้าได้ขึ้นเวทีลำซิ่งแล้วล่ะกะ คนในหมู่บ้านสิได้อ้าปากหวอแน่! เสียงเอ็งมันบ่แม่นของธรรมดา มันคือของขลัง!”


หลังจากนั้นก็สอนภาษาไทยให้ลูกเรื่อยมาก...แต่ทว่า…พอเกรดออกมาครึ่งเทอมเท่านั้นล่ะ พ่อหัวร้อนไฟแลบตะแล็บแต๊บ ถามดังลั่นบ้านเหมือนถูกหักหลังจากชาติพันธุ์ว่า…


“อีหล่า! เจ้าเป็นคนไทยแท้บ่นี่??” 


เสียงตะโกนของอาป๊าเหลา ทะลุครัวจนแมวบนลังปลาทูตกใจเผ่นหนีเข้าพงไผ่ ด้านชิดตะวันผู้กำลังยืนยัดผลไม้รวมราดนมข้นหวานเข้าปากหน้าตาเฉยก็สะดุ้งโหยงหันไปตอบด้วยหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว


“บ่แม่นดอกพ่อ... ข่อยเป็นคนลาว”


อาป๊าช็อกค้าง มือค้างอยู่ที่ขาโต๊ะ พูดบ่ทันจบคำ หยิบผลการเรียนที่ยังอุ่นจากกระเป๋านักเรียนขึ้นมาดูอีกรอบ ภาษาไทย 1.5 ภาษาอังกฤษ 4.0 แล้วบ่ได้หัวเราะธรรมดา แต่หัวเราะเสียงดังปานผีเจ้าที่สิง “ฮ่าๆๆๆๆ อาหล่าของป๊า! เจ้าเฮ็ดได้จังได๋วะเนี่ย!!” ชิดตะวันกะหัวเราะงึ่ก ๆ ตามไปนำ ท่าทางบ่สลดเลยแม้แต่น้อย จนพ่อถึงกับเอื้อมมือไปแตะหน้าผากลูกเบา ๆ เหมือนตรวจว่ามีไข้หรือเปล่า แล้วเอ่ยถาม “แล้วเจ้าเฮ็ดหยังกะครูอังกฤษ ถึงได้เกรด 4 มาแบบนี้?”


“กะ...ก็หนูไปเล่าให้ครูฟังแหน่ะพ่อ!” พูดไปยิ้มไป หน้าใสแบบบ่รู้ผิดชอบ แล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพ่นภาษาอังกฤษสำเนียงสาวบาร์ลั่น "ฮัลโลวว เว้ลค้าม แฮฟรูมแฮฟคอนด้อมแฮฟเควาย กู้ดเทคแคร์ ดูเอวี่ติง ฟัคแอส ฟัคพุ๊ซซี่ ซัคยัวร์ดิก ลิคยัวร์บอล ลิคยัวร์แอส ซัลองเวกู๊ดจ๊อบโบลว จ๊อบแฮนด์จ๊อบฟุตจ๊อบ ฟัคมายแอสคัมมิงมายเม้า ฟัคมายเม้าคัมมิงมายแอส ฟัคมายแอสคัมมิงมายเฟค ลุคกิ้งมายอาย แต้งกิ้ว เวลคัม ม๊วฟฟ!"


เสียงยังไม่ทันจบดี อาป๊าเหลากะเอามือทาบอกเหมือนลั่นลำโพงเบิ้มกลางศาลาวัด “โอ๊ยยย แม๊ะคุณเอ๊ย! สำเนียงนี้มันบาร์เบียร์ซอย 7 ชัด ๆ! เจ้าไปเอามาจากไส๊!!?” ชิดตะวันหัวเราะลั่น “ก็หนูเปิดยูทูบดูอ่ะป๊า คลิปเขาฝึกสำเนียงแบบว่าเพื่อการแสดงออก! พอหนูพูดจบ ครูเขานั่งอึ้งไปสามวิ แล้วก็ให้ A+ บอกว่า ‘excellent pronunciation, very expressive’ อิอิ”


พ่อถอนหายใจแถมปาดเหงื่อยังกะเพิ่งยกแอมป์ 12 นิ้วบนเวทีบั้งไฟ “แล้วภาษาไทยเจ้าไปเว้าแบบใด๋ถึงได้ 1.5 เนี่ย”


“อันนั้น...หนูเขียนเรียงความเรื่อง ‘แม่ของฉัน’ ว่า... ‘แม่ข่อยเฮ็ดกับข้าวบ่แซบ หยั่งวะกินบ่ได้เลย ถ้าแม่หายใจเสียงดังตอนนอนอีก ข่อยสิหนีออกจากบ้าน’... แล้วเขียนส่งครูแมว ครูเลยบอกว่าก้าวร้าว เหิมเกริม บ่เคารพผู้ใหญ่”


พ่อล้มโต๊ะ “อีหล่าาาาา!!! แล้วเจ้ายังไปเฮ็ดหน้ายิ้มแบบบ่ยั่นอีกเนาะ!!”


เธอยังหัวเราะคิกๆ หัวส่ายเบา ๆ แล้วเดินเอาน้ำปั่นมาให้พ่อ “อย่าคิดมากเน๊อี๊เผาะ~ หนูตั้งใจแก้ตัวเทอมหน้าแล้ว สิแต่งกลอนหมอลำส่งครูไทย รับรองเกิน 3 แน่นอน!” อาป๊าเหลากลอกตาอย่างเหนื่อยใจ แต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มจนได้ “เอาเถอะ ๆ ถ้าสิเก่งกะให้มันเก่งให้ถูกทางหน่อยเถอะ ถ้าเทอมหน้าข่อยเห็นเกรดไทยต่ำกว่าสามอีก ข่อยสิยึดไมค์ลำ!” แต่ชิดตะวันทำหน้าเบ้ “ฮึ่ยยย! อย่าด๊ายยยยยย! ไมค์นั่นคือชีวิตหนูเด้~!!” ชิดตะวันร้องลั่น สองมือกอดไมค์ลำพลาสติกหลอกที่ไว้ฝึกหน้ากระจกแน่นแล้ววิ่งขึ้นห้อง


เสียงหัวเราะของพ่อยังดังตามหลัง พร้อมเสียงตะโกน “แล้วอย่าไปซ้อมสำเนียงแบบนั้นอีกเด้อ!!! เพิ่นสิเข้าใจผิดว่านักเรียนหมอลำเป็นเด็กบาร์!!!”



@Admin 


ทุกการปลดความทรงจำ(แนบท้ายโรล): +35 EXP , +20 ตบะฝึกฝน




แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 35 EXP โพสต์ 2025-7-2 15:02
โพสต์ 30486 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-28 19:54
โพสต์ 30,486 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-6-28 19:54
โพสต์ 30,486 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-6-28 19:54
โพสต์ 30,486 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-28 19:54

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-7-17 03:15:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-17 17:37

ความทรงจำที่ 3 - จังหวะตกหลุมรักเป็นอย่างงี้



เดือนมีนาคม ปีนี้... เมืองเลยไม่เคยร้อนแรงเท่านี้มาก่อน! เมื่อเทศกาล “วัฒนธรรม 3 ผี” รวมพลังกับงาน “เทศกาลสีสันเมืองเลย” และ “Mask Festival หน้ากากนานาชาติ” ปะทะกันในเวทีเดียว บรรยากาศทั้งเมืองกลายเป็นงานรื่นเริงแห่งจิตวิญญาณและศิลปะจากทั่วโลกมีทั้งขบวนผีตาโขน ผีบุ้งเต้า ผีปู่ย่าจากฝั่งอีสาน ขบวนหน้ากากแอฟริกันจากไนจีเรียและหน้ากากโนห์จากญี่ปุ่น โลดแล่นแทรกผ่านผู้คนราวกับโลกมนุษย์และวิญญาณประสานกันได้จริง


และในท่ามกลางความอลังการนั้นเอง…


เธอก็ปรากฏตัว “ชิดตะวัน รับอรุณ” เจ้าของฉายา “สายฟ้าตะวันเดือด” ที่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ดาวหมอลำ แต่ได้กลายเป็นไอคอนของการแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัยไปแล้ว วันนี้เธอมาในฐานะ "สต๊าฟสุดแซ่บแห่งงานหน้ากากนานาชาติ" เธอสวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังโอเวอร์ไซส์สีดำกับกระโปรงลายสก็อตสั้นสุดจี๊ด ใส่บู๊ตหนังสูง เข็มขัดโลหะเด่น กระดิ่งคล้องเอวกรุ๊งกริ๊ง ผ้าคลุมสีเลือดนกปลิวสะบัดตามลมยามเดินฝ่าฝูงชน มือถือโทรโข่งสีดำมันวาว เตรียมตะโกนคุมขบวนผีตาโขนที่กำลังหลงทางออกนอกเส้นทาง


“น้องผีตาโขนนั่นอย่าไปเดินใกล้รถไอติมเด้อ! เดี๋ยวผีขมำเอา! มาทางนี้ๆ เอื้อยจะจัดขบวนให้เอง~” เสียงเธอทุ้มต่ำแต่แฝงแววฮึกเหิมบรรดาสต๊าฟหนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เหลือได้แต่เบิกตาโตในความเด็ดขาดของแม่สาวคนนี้ ผู้ไม่ใช่แค่คนคุมขบวน...แต่คือขวัญใจมหาชนในหน้ากากสายแฟชั่น! แม้แต่ฝรั่งหัวทองจากสเปนที่ถือหน้ากากคาร์นิวัล ก็ต้องเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษงง ๆ “Who’s that... fiery girl?” แล้วก็ตามด้วย “Can I take photo with her, please? She look like the queen of ghosts!”


ขณะที่บูธขายหน้ากากฝั่งญี่ปุ่นก็กำลังแตกตื่น เมื่อชิดตะวันเดินเข้าไปจ้องหน้ากากโอนิสีแดงอย่างสนอกสนใจพร้อมหันไปบอกเพื่อนสต๊าฟ “อันนี้แซ่บดีเนาะ ถ้าข่อยใส่ไปลำบนเวที คงเหมือนผีอีสานข้ามภพปะทะซามูไรแน่ ๆ!” คืนนี้ ขบวนหน้ากากไฟแสงสุดท้ายชิดตะวันต้องขึ้นแสดงด้วยนี้หว่า เสียงลำซิ่งผสมพิณโมเดิร์นจะลั่นกลางเมืองเลยให้ฝรั่ง ญี่ปุ่น เขมร ลาว และคนไทยต้องยืนตะลึงในเสน่ห์ของสาวหมอลำเมืองโคกม่วงที่บัดนี้… แซ่บระดับอินเตอร์ไปแล้ว!!


กลางคืนของเมืองเลยราวกับสรวงสวรรค์บนดินไม่ใช่เพราะแสงจันทร์หรือเสียงเพลงบรรเลงอีสานใต้ต้นโพธิ์… แต่เพราะพลุกว่าร้อยนัดจุดทะยานขึ้นฟ้าเสียงตึงตังเหมือนสงครามปลดปล่อยวิญญาณประจำปี สีเขียว แดง ทอง ม่วง ฟ้า ประกายกลิตเตอร์ระเบิดเป็นวงกลมดาวกระจายจนแม้แต่ผีก็ยังต้องหยุดผวาแล้วเงยหน้าดู


“ตึงงงงงง!!! ปั้งงงงงงง!!!”


เสียงพลุดังระรัวไม่หยุดติดต่อกันเกือบห้านาที ชิดตะวันที่เพิ่งล้างเครื่องสำอางจากการแสดงรอบแรกเสร็จ ยังไม่ทันได้พักขาก็โดนแรงดึงดูดจากกลิ่นน้ำมันทอด กะทิสด ไก่ย่างและเสียงคนตะโกนเรียกลูกค้า “ไข่นกกระทาร้อน ๆ เด้อ! ข้าวเกรียบว่าวแผ่นใหญ่กว่าหน้าแฟนเก่าเด้อ!!” เธอเดินเข้ามาในโซนขายอาหารของงานวัฒนธรรมด้วยชุดแคชชวลสไตล์นัวร์เมืองเลย เสื้อยืดครอปแขนกุดกับกางเกงยีนส์เอวสูง และผ้าขาวม้าผูกเอวเป็นแฟชั่นประจำถิ่นที่แซ่บจนคนขายลูกชิ้นยังหยุดยืนมอง... แม้จะกำลังสับจิ้มลูกชิ้นจิ้มน้ำจิ้มมือสั่นอยู่ก็ตาม


“เอาขนมเบื้องไส้เค็ม 1 กล่อง ครกไข่นกกระทา 20 ฟอง ขนมถังแตก 2 ชิ้น ข้าวเกรียบว่าว 1 ถุง ข้าวโพดอบเนยขอใส่เนยเบิ้ม ๆ ปลาหมึกย่างขอหนวดกับเนื้ออย่างเดียว ขนมโตเกียวไส้เด็ม ไข่เต่าครึ่งกล่อง ลูกชิ้นเอาไม้ที่เสียบแน่น ๆ แล้วก็... ไก่ทอดสมุนไพรตรงนั้นด้วย!” แม่ค้าทุกบูธหันมาพร้อมกัน “โอ๊ยอีนาง! มาซื้อของหรือเปิดบุฟเฟ่ต์วัด!!!”


ชิดตะวันหัวเราะเสียงใส พลางถืออาหารทั้งสองมือพะรุงพะรังจนปลาหมึกหนวดห้อยจนเกือบสะกิดหน้าคนเดินข้าง ๆ เธอหันมองซ้ายมองขวา “เอื้อยข่อยสิเป็นลม! ถือบ่ไหวแล้วเด้อ!!” ก่อนจะเหลือบเห็นม้านั่งใต้ต้นก้ามปูใกล้ ๆ ที่มีไฟหยดน้ำระยิบระยับประดับบนพุ่มไม้เป็นโต๊ะไม้เก่า ๆ ข้างลำธารปลอมที่เขาจัดฉากขึ้นใกล้บูธศิลปะหน้ากาก เธอรีบสาวเท้าด้วยท่ากึ่งวิ่งกึ่งเต้น ข้าวเกรียบว่าวปลิวแผ่วตามลม พอถึงโต๊ะก็นั่งลงอย่างสง่างามไม่ให้เส้นผมยุ่งแม้จะมีครกไข่นกกระทาวางบนตัก ถุงมะดันดองหนีบไว้ใต้รักแร้และแก้วโค้กโอ่งตั้งข้างตัวเหมือนศพในพิธีเรียกผีที่รอจุดธูป…


“ฮื้อออออ... แซ่บบบบบบบบบ!!” เธอลั่นเสียงหลังคำแรกของขนมโตเกียวไส้ไข่เค็มหมูหยองลาวาร้อนจี๋พุ่งเข้าปาก เสียงพลุระลอกใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง เปรี้ยง! แล้วเธอก็ยกโค้กแก้วโอ่งขึ้นชนกับตัวเองพลางยิ้มให้ดอกพลุเหนือฟ้า... ค่ำคืนนี้ของเมืองเลยเต็มไปด้วยกลิ่นปิ้งย่าง เสียงพลุ และหญิงสาวผู้ถือขนมเบื้องในมือหนึ่ง กับมะดันดองในอีกมือ


พลุระลอกสุดท้ายเพิ่งจบลงไปเสียงเงียบของฟ้ายามค่ำหลังระเบิดสีจบลงทำให้ทุกอย่างดูนิ่งสงัดชั่วครู่ เหมือนทั้งงานเทศกาลเพิ่งได้หายใจ ดวงไฟหยดน้ำพราวระยิบระยับอยู่ตามต้นไม้ เสียงเพลงหมอลำเบา ๆ ลอยคลออยู่ไกล ๆ บรรยากาศช่างโรแมนติกจนน่าหอบคนไปสารภาพรักกลางลานวัดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ชิดตะวันในเวลานั้นยังไม่ว่างจะโรแมนติก… เพราะเธอกำลังเดินไปทิ้งขยะ มือหนึ่งถือแก้วโอ่งโค้กหมดเกลี้ยงอีกข้างถุงเศษไม้ลูกชิ้นขนมโตเกียวแห้งแข็งค้างในห่อ กระดาษไข่เต่าเลอะน้ำจิ้มและเศษมะดันดองที่แอบอมไว้แล้วคายทิ้งใส่ถุงน้อย ๆ


สาวหมอลำในคราบพลเมืองดีเดินแกว่งถุงขยะอย่างภูมิใจสายตากวาดมองหาถังขยะสีเขียวข้างบูธไก่ทอด ทว่า…


ตูมมมมม!!


เสียงระเบิดจากพลุท้ายเวทีดังตู้มกลางอากาศสะท้อนทั่วสนามหญ้า คนหันควับตามเสียงนั้นพร้อมกันและในจังหวะที่แสงวาบนั้นสว่างวาบจนเห็นเงาทุกคนลอยชัดบนพื้น…


“ปึก!” ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งพรวดผ่านฝูงชนมา เขาสูงราว 188 ซม. รูปร่างผอมสมส่วนในเสื้อเชิ้ตขาวปล่อยชายและกางเกงสีเข้มดูเหมือนสต๊าฟหรือคนดูงานก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาพุ่งชนร่างของชิดตะวันเข้าเต็มแรงในจังหวะเหมือนเทพจัดคิว เธอผงะไปสองก้าวแต่ยังคงถุงขยะไว้แน่ ตาเบิกโพลง กางขาเอียงตัวเหมือนสาวในมิวสิควิดีโอที่เพิ่งโดนพระเอกปะทะกลางใจ


"โอ้ย!!" ขยะไม่หล่นแต่หัวใจหล่นแทน…


(เอาเท่าไรคะ น้องอยากได้เท่าไรพี่ให้น้องทั้งตัวเลยค่ะ)


ชายหนุ่มหันมาพอดีแววตาสีเข้มคมจ้องสบกับดวงตากลมโตของเธอเหมือนทั้งคู่เงียบในวินาทีนั้นไม่มีใครพูดอะไรดนตรีในหัวชิดตะวันก็ดังขึ้นอย่างกับแทร็กของรักแรกในอนิเมะ 


♪ ♫ "จังหวะตกหลุมรัก เป็นอย่างนี้ เสี้ยววินาทีที่ฉันได้เจอ จังหวะเราพบ จังหวะสบตา อยากหยุดช่วงเวลานี้ไว้ได้ไหม..." ♫ ♪


พระเจ้า...หน้านี่คือโคตรตรงสเป็ค! หนุ่มตี๋ คิ้วเข้ม ผิวดี เหงื่อผุดประปรายเหมือนวิ่งมาเต็มฝีเท้า แต่นั่นไม่ทำให้ความหล่อหายไปแม้แต่น้อย "เชี้ยยย..." เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ ปากค้างอย่างจริงจัง


ในค่ำคืนที่พลุจบไปแล้ว...แต่หัวใจยังระเบิดไม่ยอมจบง่าย ๆ แม้เสียงปังตูมจะเงียบไป เหลือเพียงเสียงลมหอบผ่านแนวซุ้มขนมจีน น้ำยาเข้มข้นและกลิ่นใบมะกรูดแห้ง ๆ ลอยอยู่เบา ๆ แต่สำหรับเธอ… ทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้น ในวินาทีที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตานั้นหันหน้ากลับมาชั่วพริบตา


“对不起 !”


เสียงทุ้มใสติดลมหายใจเร่งรีบเอ่ยออกมา เขาพูดด้วยสำเนียงจีนกลางเป๊ะจนน่าตกใจแต่สิ่งที่ตกใจกว่าคือ... ความหล่อโคตรพ่อเทพบุตรที่อยู่เบื้องหน้า เสี้ยววินาทีนั้นแสงไฟจากงานวัดสาดจับบนใบหน้าเขาอย่างแม่นยำ ผิวขาวผ่องแต่ไม่ซีด ตาคมเฉียบแต่แฝงความอ่อนโยน ผมยุ่ง ๆ จากการวิ่งกลับดูเซ็กซี่ประหนึ่งนายเอกในซีรีส์จีนทุนสร้างพันล้าน คิ้วเข้มชัดเจน ริมฝีปากที่เพิ่งเปล่งคำขอโทษยังคงขยับน้อย ๆ เหมือนจะพูดต่อ แต่...เขาหันกลับแล้ววิ่งต่อไปทันที ...วิ่งไล่ตามเด็กชายตัวเล็กในชุดเสื้อยืดที่น่าจะหลงจากผู้ปกครอง…หรือไม่ก็คืออะไรบางอย่างที่เธอไม่อาจรู้


ชิดตะวันยืนอยู่ตรงนั้น โลกหมุนช้าลงจนแทบจะหยุด เธอไม่รู้ว่าหัวใจตัวเองเต้นหรือหยุดเต้นไปแล้วด้วยซ้ำ “เชี้ย...เทพบุตรจุติบังเกิด…ไอ้เหี้ย… นี่มันหมาบ๊อกแบ๊กที่โคตรตรงสเป็คกู!!” เธอพึมพำราวกับโดนมนตร์สะกดเสียงพลุในใจกลับมาดังอีกรอบแม้ไม่มีใครจุด


♪ ♫ ปั้ง ปั้ง ปั้งงงง ♫ ♪


หัวใจเธอเหมือนโดนลั่นไกด้วยสายตามรณะขั้นสี่ของเขา รอยเหงื่อที่ข้างขมับเขามันสะท้อนแสงวิ้ง ๆ ยิ่งกว่าฟิลเตอร์กล้องไอโฟน 1xโปร เธอเอาหัวโขกถังขยะตรงหน้าแล้วตะโกนว่า “นี่มันอะไร! กูยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย!” มือของเธอยังถือถุงขยะ แต่ใจเธอเต็มไปด้วยคำถาม


เขาเป็นใครวะ? ชื่ออะไร? มาได้ไง? หนีอะไร หรือไล่ตามอะไรอยู่? ทำไมชนแล้วยังขอโทษหล่อ ๆ ด้วยน้ำเสียงเทพสามัญอย่างนั้นล่ะเว้ยยยย!!


เธอหันมองตามเงาเขาที่ยังวิ่งไกลออกไป กลางทางที่ผู้คนเดินขวักไขว่และบูธขนมหวาน เสียงลมพัดเส้นผมเธอพริ้วเหมือนฉากในหนังและบางทีใครเลยจะรู้ว่า “การชนกัน” ครั้งนี้… อาจไม่ใช่แค่เพราะพลุแต่เพราะโชคชะตาบอกว่าหมอลำแห่งใจตะวันกับหนุ่มตี๋หน้าหล่อ... ต้องพบกันอีกครั้งในวันใดวันหนึ่ง ที่ใด ที่หนึ่ง ส่วนหลินหยาตอนนี้ทำยังไงน่ะหรอ ...นั้นฉันหรอ!! นั้นฉันทำไมแต่งตัวแบบนั้น แล้วไอ้หนุ่มที่ฉันตกหลุมรัก ทำไมมันหน้าตาตรงสเป็คขนาดนี้วะเนี้ย อ๊าคคคคคคคคคคค




@Admin 



ทุกการปลดความทรงจำ(แนบท้ายโรล): 2 Point , +20 ตบะฝึกฝน



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 43034 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 03:15
โพสต์ 43,034 ไบต์และได้รับ +25 EXP +20 คุณธรรม +9 ความชั่ว +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-17 03:15
โพสต์ 43,034 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-17 03:15
โพสต์ 43,034 ไบต์และได้รับ +12 EXP +10 คุณธรรม +10 ความชั่ว +12 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-17 03:15
โพสต์ 43,034 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-17 03:15

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-4 20:44:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ความทรงจำที่ 4 - หล่อๆๆๆ อย่างผม แล้วใครจะทนไหวเล่า หน้าตาดีๆ อย่างนี้ สมควรต้องเรียกไอ้หล่อเหลา



ในห้วงฝันที่มืดหม่น หลินหยาพลันถูกดึงกลับไปสู่กลิ่นอายที่แสนคุ้นเคย กลิ่นเครื่องสำอางถูกกับแป้งฝุ่นไฮเอ็นท์ กลิ่นสเปรย์ฉีดผมกับไฟฟ้าจากเวที และเสียงคนเฮฮาสนั่นปนกลิ่นเหล้าขาวราคาถูกของชาวบ้าน เสียงซุบซิบและหัวเราะของคนหลายร้อยดังผสมกับเสียงเครื่องดนตรีหมอลำที่กำลังจูนสายอย่างเร่งรีบ ภาพที่ปรากฏตรงหน้านั้นชัดเจนเกินฝัน เธอเห็นตัวเองในอดีต ชิดตะวัน นักร้องหมอลำวัย 28 ปี เจ้าของฉายา สายฟ้าตะวันร้อน กำลังยืนหลังเวทีในงานบวชนาคอำเภออุบลรันต์ จังหวัดขอนแก่น ปีนั้น งานใหญ่โตจนแทบล้นอำเภอ เจ้าภาพจัดโต๊ะจีนถึงพันโต๊ะ ความอลังการราวกับคอนเสิร์ตระดับชาติแต่เต็มไปด้วยความบ้าน ๆ ที่เป็นเสน่ห์


ชิดตะวันในวันนั้นสวมชุดคอสตูมสีแดงสดวาววับ ดีไซน์แสบตาเสียจนคนมองแล้วต้องร้องว้าว ด้านบนเป็นบราเลื่อมปักเพชรปลอมระยิบระยับสะท้อนแสงไฟเวทีจ้า เต้าอัดแน่นทะลุคัพจนแทบล้น ราวกับจะท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลกทุกวินาที ส่วนช่วงเอวถูกขับด้วยลายหัวใจสีชมพูเด่นตัดกับสายกลิตเตอร์ที่ห้อยระย้าลงมาเป็นพู่ระหง สะบัดทีละแวววาวราวกับม่านเงินของคาราโอเกะเคลื่อนที่ ด้านล่างจบด้วยบูทส้นสูงสีเพลิงที่เพิ่มความสูงให้เธอดูสง่าและแซ่บไฟลุก


ทุกย่างก้าวที่เหยียบขึ้นบันไดเวที ส้นสูงนั้นเหมือนจะพร้อมเด้งเป้าใส่หน้าใครสักคนหรือเจาะหัวศัตรูที่บังอาจมองแรง ชุดสีแดงเพลิงกับดีเมลกลิตเตอร์เงินสะท้อนแสงสปอร์ตไลต์จ้า ร่างของชิดตะวันเหมือนเปลวไฟที่กรีดกลางราตรี


เสียงพิธีกรตะโกนประกาศ “สายฟ้าตะวันร้อนนน!!!” เสียงผู้คนเฮดังสนั่น ลั่นสนั่นทุ่ง กล้องมือถือถูกชูขึ้นถ่ายกันเป็นแถบ ๆ เธอยิ้มกว้าง หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นและความสุข มันคือครั้งที่ 77 บนเวทีใหญ่ของเธอ เสียงกลอง เสียงพิณ เสียงแคนประสานกันขึ้นเพลงเปิดตัว


เสียงดนตรีหมอลำเพลงยายแลมยังไม่ทันหยุดดี ท่วงทำนองยังค้างคาในอากาศ พรึ่บบบ!ฟสปอร์ตไลต์ขนาดมหึมาหลุดร่วงลงมาราวกับเงื้อมมือของยมทูตกำลังยื่นมาเก็บวิญญาณ สายโซ่เหล็กที่เคยยึดมันไว้อย่างมั่นคงกลับขาดเสียงดัง แกร๊ง!


ปั่ก!!


ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที สปอร์ตไลต์ตกลงมากระแทกกลางกระหม่อมของชิดตะวันอย่างจัง ร่างในชุดคอสตูมแดงเพลิงพราวกลิตเตอร์หยุดนิ่งทันที ราวกับเวลาในงานหยุดลง เสียงดนตรีสะดุดขาดไปกลางคัน ติ๊ดดดดด ไมค์ที่ถืออยู่ในมือร่วงกระแทกพื้น ส่งเสียงดังสะท้อน


เสียงกรี๊ดของผู้ชมดังระงม สตรีหลายคนถึงกับกุมหน้า หลายคนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายทั้งที่ตัวเองก็สั่นไปด้วยความตกใจ พิธีกรที่ยังไม่ทันตั้งสติรีบตะโกนลั่นเวที “โอยยยย! หยุดเพลงก่อนนน!! มีคนเจ็บ!!!” แล้ววิ่งพรวดเข้ามา ญาติฝ่ายเจ้าภาพยืนอ้าปากค้างตาค้าง น้ำแก้วที่ถืออยู่ร่วงแตกกระจายกับพื้น เด็ก ๆ ในงานร้องไห้จ้าเพราะตกใจ นาคเจ้าของงานถึงกับช็อก ตัวแข็งอยู่กับที่เหมือนวิญญาณหลุดไปแล้ว


ทีมงานวิ่งเข้ามากันเป็นพัลวัน บางคนตะโกนเรียกกู้ภัย บางคนพยายามยกสปอร์ตไลต์ที่ยังร้อนฉ่าออกจากร่างชิดตะวัน แดนเซอร์ทั้งชายหญิงที่เมื่อครู่ยังเด้งเป้ากันมันส์สุดเหวี่ยงพากันหงายหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนตัวเองรอดจากหายนะเฉียดเส้นด้าย แต่คนที่โดนอย่าง ชิดตะวัน… เธอนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเปื้อนกลิตเตอร์สะท้อนกับแสงไฟกระพริบที่ยังไม่ดับสนิท ดวงตาที่เคยเปล่งประกายไฟชีวิตปิดลงอย่างสงบ รอยยิ้มที่เคยเป็นดาวเด่นของเวทีกลับแข็งค้าง ร่างเธออยู่ในท่วงท่าที่ราวกับฟ้ากำหนดให้เป็นฉากสุดท้ายของโชว์ เสียงรอบข้างเริ่มพร่าเลือน ความโกลาหลห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงความเงียบในหัวของเธอ


ชิดตะวันรู้สึกได้เพียงว่า…ทุกสิ่งดับลงอย่างช้า ๆ ความมืดเข้ากลืนกินทุกอย่างในสายตา ก่อนที่ร่างกายจะเบาหวิว ดุจถูกดึงออกจากโลกใบนี้โดยสิ้นเชิง และในวินาทีสุดท้ายก่อนสติจะดับสนิท มีเพียงความคิดหนึ่งแผ่วเบาลอยอยู่ในใจเธอ “โคตรบ้าเลยตายเพราะเด้งเป้าเนี้ยนะ…”


กลางความโกลาหลในงานบวช เสียงผู้คนโหวกเหวกและไซเรนที่เริ่มใกล้เข้ามา วิญญาณของชิดตะวันร่างที่ลอยออกจากกายกลับเงียบสงบ ล่องลอยเหนือเวทีที่เธอล้มลงโดยปราศจากน้ำหนัก ความเจ็บปวดหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงความว่างเปล่าและความสงบที่เย็นเยียบ ในขณะนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์คำรามแผ่ว ๆ ก็ดังแทรกเข้ามาในห้วงมืด รถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นกลางถนนลูกรังริมงานบวช มันไม่ควรอยู่ที่นั่นเลย แต่ก็แล่นมาราวกับตัดขาดจากกฎแห่งความจริง รถ Ferrari SF90 Spider ดีไซน์คมกริบ ราคา 50 ล้านไม่รวมเงินภาษีนำเข้าจากเมืองไทย ตัวรถเปล่งประกายสะท้อนแสงยามเย็นเหมือนแสงพระอาทิตย์ยามจะลับฟ้า พลังงานของมันเหมือนจะแหวกโลกคนเป็นกับโลกวิญญาณออกจากกัน



ประตูเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ และบุรุษหนึ่งก้าวลงมาชายหนุ่มผมทองรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มในชุดลำลองธรรมดา รูปลักษณ์ของเขาเปล่งประกายความเย็นชาที่แฝงความร้อนแรงในคราวเดียว ใบหน้าคมคายรับกับกรามคมชัด ริมฝีปากเรียวได้รูปประหนึ่งสลักขึ้นจากหินอ่อน สายตาคมสีอำพันเหมือนเปลวตะวันยามรุ่งสางที่พร้อมจะแผดเผาหัวใจผู้คนที่สบมอง ผมสีทองหม่นยุ่งน้อย ๆ ราวกับต้องแสงสุริยาที่เพิ่งแตะฟ้าในยามเช้า เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำที่ดูเท่ดิบและทรงพลัง ขับกับไหล่กว้างและสรีระสูงโปร่งในแบบนักรบหนุ่มแห่งแสงสว่าง เสื้อผ้าธรรมดาแต่กลับมีบางสิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นเหนือมนุษย์ ดวงตาสีทองสว่างวาบราวกับดวงอาทิตย์ในร่างคน เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่เพียงผู้ขับรถหรู แต่คือ เทพผู้เป็นสหายขององค์เทพเยว่เหล่า ชิดตะวันก็คิดเลย เหมือนมีเพลงนี้ขึ้นมาตอนไอ้หนุ่มถูกสเป็คเธอเดินลงมา 


♪ ♫หล่อ ๆ ๆ อย่างผม แล้วใครจะทนไหวเล่า♫ ♪

♪ ♫หน้าตาดี ๆ อย่างนี้ สมควรต้องเรียกไอ้หล่อเหลา♫ ♪


สายตาของเขาหันมาตรงไปยังวิญญาณของชิดตะวันที่กำลังลอยเคว้งอยู่กลางความวุ่นวาย ดวงตาสีทองนั้นจับจ้องเธออย่างแรงกล้า ทั้งสงบ ทั้งดุดัน ทั้งอบอุ่นในเวลาเดียวกัน


วิญญาณชิดตะวันสะท้านไปทั้งตัว ทำไมเขามองเห็นเรา?


ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างจัง ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน ความเงียบเข้าปกคลุมรอบตัว เหลือเพียงเสียงลมหายใจของโชคชะตาและแรงเต้นหัวใจของเธอที่ดังสะท้อนในหู วิญญาณรู้สึกถึงความร้อนวาบในอก ราวกับเขากำลังเชื่อมโยงบางสิ่งเข้ากับเธอ เสียงของเขา…ชัดเจนและมั่นคงราวกับเทพเจ้าประกาศชะตาลงบนแผ่นดิน "เป็นคนที่ไม่เลวเลย"  แค่ถ้อยคำสั้น ๆ แต่กลับสั่นสะเทือนลึกเข้าไปถึงแก่นวิญญาณของหลินหยา หรือในตอนนั้นคือ ชิดตะวัน ที่ยังไม่รู้แม้แต่ชะตากรรมของตัวเอง บุรุษรูปงามผู้มาพร้อมแสงอาทิตย์และพลังของเทพโบราณคนนั้นยกนิ้วขึ้นชี้ตรงมาทางเธอ


คำพูดของเขาดังแทรกในห้วงความว่างเปล่า ดุจเสียงก้องที่ไม่ใช่แค่เข้าหู แต่สั่นสะเทือนถึงแก่นวิญญาณของชิดตะวัน ร่างวิญญาณที่โปร่งใสของเธอสั่นสะท้านไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะพลังของเขาที่ราวกับกำลังสั่งการสรรพสิ่งได้ในชั่วพริบตา ดวงตาสีทองของชายหนุ่มคนนั้นทอประกายเจิดจ้าไปทั่วบริเวณ จนโลกวิญญาณที่ไร้แสงสว่างกลับมีแสงทองแผ่วส่องอาบเธอ


“นับจากนี้ข้าจะขอแช่แข็งดวงวิญญาณของเจ้า” ความเย็นลึกล้ำก็แผ่ซ่านรอบตัวเธอ ราวกับคลื่นน้ำแข็งที่ไม่ทำร้ายแต่กลับโอบกอดเธอไว้ ดวงวิญญาณของชิดตะวันเริ่มแข็งตัวทีละน้อยไม่ใช่ในความหมายของการถูกทำลาย แต่เป็นการถูกปกป้องด้วยพลังอันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนถูกเก็บรักษาไว้ในคริสตัลแห่งกาลเวลา ขณะที่ความเย็นนั้นคลุมตัวเธอ เสียงของเขาก็ยังคงดังชัดเจน


“จนกว่าโลกนี้จะอุบัติขึ้นใหม่…” คำพูดนั้นทำให้ชิดตะวันตระหนักว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้จบเพียงเพราะเธอตาย แต่นี่คือการเริ่มต้นของบางสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น ภัยร้ายที่อาจทำลายโลกใบนี้ได้ และในโลกที่ฟื้นใหม่ เธอจะต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง…


“เมื่อนั้นดวงวิญญาณเจ้าจะได้รับการปลดปล่อย และไปสู่ที่ของสัจเทพอี๋เหอเพื่อจุติยังโลกใหม่” เสียงเขาอ่อนโยนแต่หนักแน่นราวกับประกาศต่อฟากฟ้า ภาพรอบตัวเริ่มแตกสลายเป็นเสี่ยงแสงเหมือนเศษกระจกที่ถูกลมพัดพา ดวงตาของชายผู้นั้นยังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนรู้อนาคตทุกเส้นทาง ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำสุดท้ายอย่างแผ่วเบา 


“ปกป้องสิ่งสำคัญที่พวกเราปกป้องหลงเหลือไว้ด้วยล่ะสาวน้อย”

 

ทันใดนั้น ความเย็นสุดขั้วก็กลืนกินทุกสิ่ง โลกกลายเป็นความมืดสนิท ความรู้สึกสุดท้ายที่ชิดตะวันรับรู้คือการถูกโอบอุ้มด้วยพลังที่ทั้งอบอุ่นและเย็นยะเยือกในเวลาเดียวกัน ก่อนที่สติจะดับวูบหายไป


และนับจากวินาทีนั้นเธอก็กลายเป็นวิญญาณไอติม…แช่แข็ง..อืมครับ โดนแช่แข็งซะแล้ว ถูกกักเก็บไว้ในผลึกน้ำแข็งของกาลเวลา ไม่มีความเจ็บปวด ไม่มีความรู้สึก ราวกับกำลังหลับใหลอยู่ในนิทราอันยาวนาน จนกระทั่ง…โลกใหม่เริ่มก่อร่างขึ้น


...เมื่อแสงเรืองรองที่อาบกายของหลินหยาสาดส่องนำวิญญาณที่เยือกแข็งนั้นผ่านม่านหมอกของกาลเวลา ความว่างเปล่าที่ไร้จุดสิ้นสุดก็ค่อย ๆ ถดถอยราวกับถูกฉีกออก เผยให้เห็นภูมิทัศน์ที่ยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย สรวงสวรรค์ชั้นสูงเต็มไปด้วยเมฆหมอกสีเงินอมทอง ลอยล่องรอบ ๆ ตำหนักสัจเทพอี๋เหอ สถาปัตยกรรมสีทองและหินขาวทอดยาวขึ้นสู่ฟากฟ้า วิจิตรบรรจงเกินกว่ามนุษย์จะจินตนาการ เสากรีดสูงประดับลายเทพอักษรโบราณส่องแสงระยิบระยับสะท้อนแสงรุ้งจากดอกไม้สวรรค์ที่เบ่งบานอยู่รอบ ๆ เสียงสายลมคล้ายท่วงทำนองแห่งสัจธรรมกระซิบแผ่ว ๆ ในหู ดวงวิญญาณของหลินหยา ในขณะนั้นไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นแสงเล็ก ๆ ที่ยังคงความเป็นตัวตน สั่นไหวเบา ๆ เพราะความยิ่งใหญ่ที่ห้อมล้อม


ท้องฟ้าเหนือสรวงลอยเรืองรองด้วยรัศมีที่ไม่มีดวงอาทิตย์ หากแต่เต็มไปด้วยประกายแสงของดาวหมื่นดวง ล้อมรอบศูนย์กลางตำหนักอันสูงตระหง่าน ที่นั่น…มีพลังหนึ่งที่คุ้นเคยและทรงอำนาจยิ่ง


เมื่อหลินหยาก้าวเข้าไปตามแรงนำ พื้นหินคริสตัลที่โปร่งใสราวกับแผ่นน้ำรองรับวิญญาณเธออย่างอ่อนโยน ทุกย่างก้าวของนางมีละอองแสงแตกกระจายตามหลังราวกับดอกไม้แห่งสวรรค์ผลิบาน อากาศที่นี่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้และน้ำค้างสวรรค์ ทำให้หัวใจที่เคยหนาวเหน็บค่อย ๆ อุ่นขึ้น


และที่เบื้องหน้าบนบัลลังก์สูงซึ่งเปล่งประกายดั่งเพชรน้ำหนึ่งนั่งอยู่ สัจเทพอี๋เหอ องค์เทพสูงสุดผู้มีรัศมีดุจดวงดารา ทรงเครื่องสีขาวประดับด้วยทองคำแท้ เส้นผมยาวสลวยไหลลงดุจสายน้ำ ท่วงท่าละมุนแต่ทรงพลัง ดวงตาลึกซึ้งมองทะลุสรรพสิ่ง รวมทั้งวิญญาณของหลินหยาที่เพิ่งมาถึง เสียงของสัจเทพอี๋เหอ...อ่อนโยนแต่ทรงอำนาจ เหมือนเสียงของจักรวาลเองที่เอื้อนเอ่ย


"ดวงวิญญาณที่ถูกแช่แข็งโดยแสงอาทิตย์...ในที่สุดเจ้าก็มาถึง"


หัวใจของหลินหยาสั่นสะท้าน นางจำได้ว่าที่นี่คือที่ที่เธอเคยมาในเสี้ยวความทรงจำก่อนที่จะได้เกิดใหม่ในโลกต้าฮั่น ที่นี่คือ จุดกำเนิดใหม่ของเธอ และที่นี่…คือที่ที่เธอจะได้รู้คำตอบของสิ่งที่เหล่าเทพและชายคนนั้นฝากไว้ให้เธอปกป้อง




@Admin 


ทุกการปลดความทรงจำ(แนบท้ายโรล): 2 Point , +20 ตบะฝึกฝน


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 53714 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-4 20:44
โพสต์ 53,714 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-4 20:44
โพสต์ 53,714 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-4 20:44
โพสต์ 53,714 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-4 20:44
โพสต์ 53,714 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-4 20:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้