[จวนหวยหนานหวาง]

[คัดลอกลิงก์]


淮南王府




❖ จวนหวยหนานหวาง ❖

เมืองฉางอัน

“ไยต้องเอ่ยวจีกึกก้องเช่นขุนเขา หากเงาผู้นั้นทอดยาวกว่าปลายกระบี่”

จวนของหวยหนานหวาง หลิวอัน ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองหลวง สร้างอย่างสันโดษแต่มั่นคง โดยเบื้องหน้าหันสู่เขตภูผา เบื้องหลังทอดแนบแนวหุบเขาเขียวขจี ตำแหน่งตั้งอยู่ “ตามหลักฮวงจุ้ยเจิ้งหยาง” เป็นดั่ง “กระบี่ซ่อนในฝัก” ภายนอกอาจดูเรียบง่าย แต่ทุกองค์ประกอบล้วนเปี่ยมด้วยการวางกลยุทธ์แห่งผู้เคยบัญชาทัพ

กลิ่นไม้เก่ากับกลิ่นฝุ่นจากก้อนหินบดแห้งผสานกับใบเฟิง(ใบเมเปิ้ล)แห้งที่ลอยลม แม้จวนนี้จะไม่มีเสียงหัวเราะเสนาะหู แต่ทุกคนในราชสำนักล้วนรู้ดีว่า — เบื้องหลังความเงียบนี้คือขุนเขาที่ไม่มีใครเขยื้อน

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4851 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-6 20:55
โพสต์ 2025-7-7 06:33:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-7-7 06:38


วันที่ 07 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ จวนหวยหนานหวาง


เช้าตรู่ที่อากาศยังคงเย็นสบายจากลมที่พัดผ่านหุบเขาทางทิศใต้ของฉางอัน หลินหยาเพิ่งกลับเข้าประตูเมืองมาหลังจากเดินทางไปไหว้ศาลเจ้าร้างด้านนอกเมืองเพื่อขอพรให้สหายอย่างจางทัง...ที่หายตัวไปอย่างไม่มีร่องรอย..แม้ตอนนั้นท่านชายห่าวหมิงจะบอกนางแล้วก็ตามว่าเขาไปทำงานต่างเมือง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เลยจริง ๆ…หากจางกงกงทำอะไรขึ้นมา ท่านจางทังอาจจะต้านไม่ไหว…ความกังวลในใจยังคงเกาะแน่น แม้ริมฝีปากจะพยายามเหยียดเป็นรอยยิ้มตามประสาคนที่ไม่ชอบให้ใครเห็นด้านอ่อนแอ แต่นัยน์ตาคมหวานคู่นั้นกลับซ่อนรอยหม่นอยู่ชัดเจน


เมื่อเดินถึงหน้าประตูจวนใหญ่ของผู้ทรงอำนาจอย่าง 'หวยหนานหวาง' หรือที่นางรู้จักในชื่อที่ใกล้ชิดกว่านั้น…หลิวอัน ทหารยามหน้าจวนพากันเหลียวตามอย่างอดไม่ได้ หลินหยายืนอยู่อย่างตะลึงเล็ก ๆ ที่ด้านหน้าของจวนหวยหนานหวาง...อาณาบริเวณใหญ่โตโอฬารกว่าที่คาดไว้มากนัก ขนาดนางที่เติบโตมาในจวนเจ้าเมืองผานอวี้ยังอดเปรียบเทียบไม่ได้ มันทั้งกว้างใหญ่ สงบเย็น และมีแรงกดดันประหลาดบางอย่างแผ่คลุมอยู่ราวกับจวนทั้งจวนกำลังมองกลับมา นางกะพริบตาปริบสองสามทีแล้วหัวเราะหึในลำคอเบา ๆ อย่างขำตัวเอง พลางหันไปทางนายทหารยามที่ยืนตรงเหมือนไม้กระบอง


"สวัสดีเจ้าค่ะ ข้ามีนามว่าหลินหยา...มาขอพบท่านอ๋องเจ้าค่ะ" น้ำเสียงนุ่มนวลของนางไม่ได้ออกแนวจองหองหรือตีสนิท แต่มันก็ไม่เรียบเฉยเชื่อฟังเหมือนสาวธรรมดาทั่วไปมันมีอะไรบางอย่าง...ที่บ่งบอกว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่ก็ไม่โอหังเกินงาม ทหารหนุ่มหน้าเหวอไปแวบหนึ่ง “หลิน...หยา?” เขาทวนชื่อเบา ๆ เหมือนจำไม่ได้ว่ามีรายชื่อดังกล่าวเข้าพบ พวกเขาเคร่งเรื่องความปลอดภัยโดยเฉพาะกับท่านอ๋องผู้ไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้เขตเรือนกลาง


แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากปฏิเสธหรือถามไถ่ พ่อบ้านวัยกลางคนของจวนที่ดูแล้วคงอยู่มายาวนานกว่าเงาท้องพระโรง ก็ก้าวฉับ ๆ ออกมาจากเรือนด้านข้าง สีหน้าเขาเปลี่ยนจากเฉยชาเป็นยิ้มละมุนอย่างแปลกประหลาดทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวผู้มาเยือนนางเพียงบอกชื่อว่า 'หลินหยา' เท่านั้น พ่อบ้านผู้ดูแลก็รีบก้าวเข้ามาคำนับอย่างสุภาพ


“เชิญคุณหนูตามข้ามาทางนี้ ขออภัยที่องค์หวางเย่ไม่สามารถมารับด้วยตนเอง” พ่อบ้านพูดเสียงเรียบแต่มือก็โค้งรับเชิญอย่างสุภาพพร้อมรีบพานางเข้าไปโดยไม่ถามไถ่อะไรเพิ่มเติม


หลินหยาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนตามอีกฝ่ายเข้าไป จวนของหวยหนานหวางตั้งตระหง่านกลางผืนป่าริมเมือง ราวกับอาณาจักรส่วนตัวอันสงบ สร้างตามแนวภูเขาและหุบเขาอย่างเป็นระบบ สมบูรณ์ด้วยคติ 'เจิ้งหยาง' ที่เน้นความมั่นคง ภูมิฐาน และพลังแฝงราวกระบี่ในฝักเงียบงัน ทุกตึกเรือนตั้งเรียงรายตามตำแหน่งแนวลมและทิศตะวัน ไม่ฟุ่มเฟือยแต่สง่างามจนไม่อาจประเมินค่า ความเงียบที่ปกคลุมทั้งจวนราวกับแสดงตัวตนของเจ้าของที่มิใช่ผู้ชอบพูดพร่ำ แต่ทุกฝีเท้ากลับก้องด้วยความแน่วแน่ที่ผู้เคยบัญชาทัพเท่านั้นจะมี ลมพัดใบเมเปิ้ลสีงามลงอย่างช้า ๆ ประหนึ่งหมึกปัดเส้นภาพวาดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์


หลินหยากวาดสายตามองรอบตัวอย่างเงียบ ๆ ราวกับจะบันทึกทุกรายละเอียดไว้ในความทรงจำก่อนจะเดินตามทางหินโบราณไปถึงศาลาไม้หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางสวน เสียงของท่านพ่อบ้านหยุดลงตรงหน้าศาลาพร้อมกับประโยคเดียวว่า “เชิญคุณหนูเข้าไปเถิด องค์หวางเย่รออยู่แล้ว”


หลินหยาพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะก้าวเข้าสู่เรือนศาลาด้วยหัวใจที่เต้นแรงกว่าทุกครั้ง บรรยากาศรอบกายสงบเย็น แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ตีวนอยู่ในใจอย่างไม่อาจบรรยายทั้งความเคารพ ความผูกพัน และบางอย่างที่ยากจะเรียกชื่อ วันนี้…เป็นครั้งแรกที่นางได้เหยียบย่างเข้ามาในจวนที่ผู้คนทั้งเมืองหวาดกลัวแต่ในสายตานางเขาก็เป็นเพียงบุรุษที่คลั่งไคล้เต้าหู้คนหนึ่งเท่านั้นเอง




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: -

รางวัล: มาเลยคุณพี่ทำเควสปลดแถว 2 กันเลย


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 19657 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-7 06:33
โพสต์ 19,657 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-7-7 06:33
โพสต์ 19,657 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-7 06:33
โพสต์ 19,657 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม +5 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-7-7 06:33
โพสต์ 19,657 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-7 06:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-7-7 14:39:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 07 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ จวนหวยหนานหวาง


ณ ศาลากลางสวนด้านตะวันตกของจวนหวยหนานหวาง...ท่ามกลางหมู่ไม้เมเปิ้ลแดงระเรื่อราวกับฤดูใบไม้ร่วงมาหยุดยืนท่ามกลางฤดูร้อน แสงแดดอ่อนสะท้อนกระเบื้องหลังคาเรียบลื่นเป็นเงา ด้านใต้ศาลาปรากฏบุรุษในชุดคลุมยาวสีหมึกเข้มปักลายมังกรบรรพกาลพันเกลียว ลวดลายละเอียดจนแม้สายตาพลันผ่านยังต้องเหลียวมอง เขาไม่ใช่เพียงชายเจ้าของร้านเต้าหู้อีกต่อไป แต่เป็นหวยหนานหวางหลิวอันผู้เปรียบดังดาบวางนิ่งในฝักรอวันชักออกมา เขายืนอยู่หน้าโต๊ะหินยกสูงชายผ้าเคลื่อนไหวเบา ๆ ตามแรงลมพลางวางมือบนพนักเก้าอี้อย่างสุขุม เงาสลัวใต้ชายคาศาลาไม่อาจซ่อนประกายเยือกเย็นในดวงตาเรียวยาวได้เลย


จนกระทั่งนางปรากฏ


หลินหยาก้าวเข้าสู่ศาลาด้วยท่าทีอ่อนช้อยหากสง่างาม…ไม่มีคราบของสาวน้อยแมวซนจากร้านเต้าหู้ ไม่มีแม้แต่เงาของความเฮฮาหรือการยักคิ้วกวนอารมณ์เช่นเคย หากแทนที่ด้วยสตรีผู้มีศักดิ์ในกายแต่เจตนาไม่โอหังนางแต่งกายเรียบง่ายแต่สง่างาม นัยน์ตาหวานลึกล้ำยามสบตาเขาเพียงแวบเดียวก่อนหลุบลงอย่างนอบน้อม หญิงสาวหยุดเท้าหน้าศาลา ก้มลงคำนับตามธรรมเนียมอย่างสตรีในวังที่ผ่านการอบรมมาอย่างดีจากการเป็นนางกำนัลเพียง 24 ชั่วโมง ชายผ้าระบายพลิ้ว ดวงหน้าอ่อนหวานเปี่ยมจริตสงบหากรอยยิ้มบางนั้นกลับราวกับจะกลั่นอะไรบางอย่างออกมาป่วนอารมณ์เขาได้เสมอ


"กราบทูลองค์หยางเย่เพคะ…เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านทรงเมตตาเรียกพบเพคะ"


เสียงของนางอ่อนหวานแต่มั่นคง ไม่ไหวเอนแม้สักครึ่งเสียง ราวกับบุตรีผู้ของเจ้าเมืองซึ่งรู้ดีว่าตนกำลังเผชิญกับผู้ใด หากไม่โง่เกินไปนัก…ก็ต้องรู้ว่าบุรุษตรงหน้าคือผู้สามารถเปลี่ยนทิศลมได้ในบัดดล อ๋องหลิวอันนิ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง…ในดวงตานิ่งเยือกนั้นหากกลับปั่นป่วนลึกไปถึงโพรงหัวใจ นางในวันนี้ แตกต่างจากหญิงสาวแมวน้อยเมื่อวานสิ้นเชิง...ไม่ใช่แม่ค้าขี้โมโห ไม่ใช่แม้แต่หลินหยาผู้ขี้เล่นจอมทะเล้น นางในตอนนี้...คือสตรีผู้กำลังดึงตัวตนที่แท้ของเขาให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแต่เขาไม่ยอมให้ความรู้สึกหลุดออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย เพียงยืนมองอีกคนที่คุกเข่าคำนับอยู่เบื้องหน้า ดวงตาไม่เปลี่ยนแม้ปลายนิ้วขยับแต่ริมฝีปากกลับขยับเล็กน้อยเอ่ยเนิบช้า


"ลุกขึ้นเถิด...คุณหนูหลิน" เสียงทุ้มเย็นเฉียบเจืออารมณ์นิ่งราวกับศิลา "...แม้ข้าจะไม่ใช่เถ้าแก่ร้านเต้าหู้อีกต่อไป แต่ในความทรงจำของข้า...เจ้ายังเป็นแมวซนที่ชอบยักคิ้วใส่คนขายของอยู่ดี" ดวงหน้าเรียบนิ่งของเขายามนั้นกลับมีรอยขบขันแผ่ว ๆ วูบผ่านชั่ววินาทีและนั่น...คือสิ่งที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าระบายยิ้มอีกครั้งแมวซนตัวนั้น…ได้กระโดดกลับเข้าหัวใจเขาอีกแล้ว และครั้งนี้มันกำลังย่องเบาขึ้นสู่ยอดบัลลังก์หัวใจที่เขาเก็บไว้อย่างแน่นหนาตลอดสิบปีที่ผ่านมา


หลินหยาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ เมื่อได้รับอนุญาตให้ลุกยามสบตากับเขา ใบหน้างามแย้มรอยยิ้มละมุนละไมเป็นรอยยิ้มของสตรีที่กำลังห่มร่างในกิริยาสุภาพแต่ดวงตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์น้อย ๆ เหมือนแมวที่เพิ่งหางฟูจากการโดนแหย่แล้วบัดนี้ก็เตรียมง้างเล็บกลับบ้างอย่างน่ารักน่ากลัว


"องค์หยางเย่กล่าวเกินจริงไปแล้วเพคะ หม่อมฉันหรือจะกล้ายักคิ้วใส่...หากท่านทรงเป็นเถ้าแก่ร้านเต้าหู้" น้ำเสียงเอ่ยด้วยความสุภาพ หากท้ายประโยคกลับแฝงไออารมณ์ขันบาง ๆ ไว้อย่างน่ากัด เขาอาจเงียบได้ในสนามรบอาจนิ่งได้ในราชสำนัก แต่มิอาจป้องกันหัวใจของตนเองยามได้ยินประโยคนี้ได้เลย


รอยยิ้มมุมปากของเขาไม่ได้ปรากฏทันที หากแววตากลับสั่นสะท้านเล็กน้อย นี่ใช่หรือไม่…คือการแก้แค้นเบา ๆ ของแมวน้อยที่อุ้มไปนอนเมื่อคืนวานนี้ ดวงหน้าเรียบนิ่งของอ๋องหลิวอันสบหญิงสาวตรงหน้าพลางเอียงคอช้า ๆ นิ้วมือเรียวยาวที่เคยจับดาบหันไปแตะปีกโต๊ะหิน ก่อนเขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่มีแววล้อเลียนเจืออยู่ราง ๆ "อ้อ…เช่นนั้นคงต้องจดจำไว้ให้ดี ว่าหากวันหน้าเจ้ายักคิ้วใส่ใครอีก...จะได้ไม่มีใครคิดว่าเจ้ายังนอบน้อมดุจวันนี้" ประโยคนั้นเหมือนหยอกไม่หยอกเหมือนจริงไม่จริง แต่มันแนบสนิทในแบบเฉพาะของหลิวอันเป็นรอยกัดเบา ๆ ที่เจ็บแค่ปลายเนื้อหัวใจโดยไม่มีเลือด


หลินหยาหลุบตาลงแวบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแสนเงียบสงบของศาลาในสวน นางยกมือป้องปากรอยยิ้มดูราวแมวที่แกล้งคนแล้วสำราญใจนัก "หากวันหน้าเถ้าแก่...ไม่สิ องค์หยางเย่จะทรงโดนหม่อมฉันยักคิ้วใส่อีก หม่อมฉันก็จะถือว่าเป็นคำอวยพรจากดาวเหนือเพคะ"


หลิวอันนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาที่เยียบเย็นและลึกล้ำดังบึงกลางคืนทอดมองหลินหยาซึ่งยังยืนอยู่ตรงหน้า แม้หญิงสาวจะคลี่รอยยิ้มขบขันเหมือนเคยแต่นางมิได้ซุกซนจนเกินงาม ท่าทีวันนี้ต่างไปเล็กน้อยราวกับรู้ตัวดีว่าไม่ใช่เพียงร้านเต้าหู้ที่ตนมาเยือน แต่เป็นแดนที่อาจไม่มีใครเคยก้าวข้ามเข้ามาได้ง่ายเขาจึงพยักหน้าช้า ๆ แววตาเข้มขึ้นเล็กน้อยดึงกลับสู่อาณาบารแห่งเจ้าผู้ครองตำแหน่งอันควรแก่เกียรติยศ 


"ที่เรียกเจ้ามาวันนี้ มิใช่เพื่อขายเต้าหู้หรือแบ่งขนมหวาน" เสียงของเขานิ่งทว่าเด็ดขาด มีกลิ่นอายแห่งอำนาจและเงาสะท้อนจากสงครามในอดีตที่ฝังอยู่ในกระดูกดำ "อยากจะบอกเจ้าไว้ข้ามิใช่เพียงคุณชายอันเล่อ มิใช่เถ้าแก่ร้านอันเล่อจ้วน มิใช่เพียงบิดาของแม่นางหรงเล่อ มิใช่แม้กระทั่งเงาบุรุษที่เจ้าเคยเห็นใต้แสงจันทร์ ณ วันวานที่ผ่านมา" เขาหยัดกายเดินเข้ามาหาหลินหยาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทุกท่วงท่าทุกส่วนราวถูกตีขึ้นจากจิตวิญญาณของยอดนักรบผู้ไม่เคยพ่ายในสนามรบ เสื้อคลุมยาวสีกรมเข้มปักลายมังกรแฝดเงียบงันสะบัดช้า ๆ ไปตามแรงลมของภูผาเบื้องหน้า ขณะที่คำพูดต่อไปก็เปล่งออกมาด้วยพลังสงบและหนักแน่นจนแม้ใบไม้บนยอดไม้ยังดูเหมือนหยุดไหว


"ข้าคือ ‘หวยหนานหวาง’ หลิวอัน” ไม่มีการโอ้อวด ไม่มีเสียงตะโกนกึกก้อง ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้ามีเพียงความหนักแน่นของผู้แบกแผ่นดินและเงาผืนธงรบไว้หลังแผ่นหลังมานับสิบปี


หลินหยายืนนิ่ง มือเรียวข้างหนึ่งที่ประสานอยู่ข้างลำตัวบีบรั้งแน่นเล็กน้อย นางรู้ดี...นาม "หลิวอัน" ไม่ใช่นามที่สามัญชนอย่างนางควรเอ่ยขึ้นอย่างลอย ๆ ยิ่งเห็นภาพนี้ที่ไม่ใช่แค่เถ้าแก่ขี้ห่วง...แต่เป็นขุนเขาผู้ไม่มีใครเขยื้อนดวงตาคู่งามก็สั่นไหวคล้ายแมวที่พลัดหลงเข้าไปในถ้ำมังกร แต่แมวตัวนี้...ไม่ใช่แมวที่ยอมหลบตาง่าย ๆ นางค้อมกายลงอีกครั้งกระโปรงเรียบเคลื่อนไหวช้า ๆ ตามจังหวะของท่วงท่านอบน้อม


"หม่อมฉันมิกล้าเทียบเกียรติองค์หวยหนานหวาง แต่หม่อมฉันหนาน หลินหยาขอกราบทูนว่า สิ่งนี้ถือเป็นวาสนาอย่างสูงที่วันนี้ได้รู้จัก ‘ฝ่าบาท’ อย่างเป็นทางการเพคะ" จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตานั้นยังเปล่งประกายขี้เล่นจาง ๆ ทว่าอ่อนโยนขึ้นอย่างแปลกประหลาด "ขอบพระทัยที่ก่อนหน้านี้...ยังทรงเมตตาขายเต้าหู้ให้คนโง่ ๆ อย่างหม่อมฉันอยู่หลายครั้งเพคะ" แววตาของหลิวอันสบประสานกับแมวน้อยของเขาอีกครั้ง คราวนี้…ไม่ใช่ใต้ชายคาร้านเต้าหู้ ไม่ใช่ในคราบเถ้าแก่ ไม่ใช่ชายที่เงียบงันต่อหน้าราชสำนักแต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนตรงหน้าเด็กสาวคนหนึ่งผู้มีทั้งความดื้อและความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในใจเดียวกัน


หลินหยาแสร้งถอนหายใจน้อย ๆ ขณะลอบเหลือบมองบุรุษตรงหน้า ใบหน้าของนางยังคงคลี่รอยยิ้มอ่อน แม้ดวงตาจะเต็มไปด้วยรอยระแวดระวังซ่อนกลืนแต่ปลายน้ำเสียงกลับเจือแววเย้าแหย่จาง ๆ อย่างจงใจ "ตอนแรกหม่อมฉันคิดว่า...องค์หวางเย่จะทรงทวงค่าเต้าหู้ที่ค้างอยู่อีกแล้วเสียอีกเพคะ..." ถ้อยคำนั้นทำให้นัยน์ตาเข้มของหลิวอันเลื่อนมองเธออย่างนิ่ง ๆ ความสุขุมเย็นเยียบเฉกเช่นยอดพยัคฆ์ที่เฝ้าแนวเขายามหิมะร่วงไม่แม้แต่สะท้าน แต่คราวนี้...กลับมีรอยร้าวบางเบาในสายตานั้นรอยร้าวที่เหมือนจะยิ้ม


"หึ..." เขาเปล่งเสียงต่ำคล้ายหัวเราะที่ไม่ใช่หัวเราะ น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เปี่ยมอำนาจของผู้ชายที่รู้ทันแม้เพียงการหายใจแผ่ว ๆ ของแมวแสบตัวหนึ่ง "ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทวงค่าเต้าหู้ในเวลานี้" แล้วเขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเรียบ เงียบ แต่ทรงพลัง “เชิญดื่มชาหอมกับขนมหวานกับข้าสักนิด...หรือเจ้าไม่ว่างจะปากหวานกับข้าเหมือนทุกวัน?” น้ำเสียงเย็นนิ่งเช่นนั้น แต่ในหางเสียงกลับคล้ายพาดผ่านรอยยิ้มบาง ที่ปรากฏแค่ชั่วแล่นในหางตาคล้ายจะเอาคืนเล็กน้อยแต่ก็ยั้งมือไว้ไม่ให้แมวตัวนั้นหนีไปไกล


หลินหยากลืนน้ำลายลงคออย่างเชื่องช้า แสร้งทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย พลางเหลือบมองถ้วยชาร้อนที่ส่งกลิ่นกลีบดอกไม้จาง ๆ กับขนมที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะไม้แกะลายใต้ชายศาลาริมสวนใบเมเปิ้ลซึ่งมีสายลมฤดูร้อนพัดเอื่อยอยู่ไม่ขาด “หากมีขนม หม่อมฉันก็ยอมอ่อนข้อเสมอเพคะ องค์หวางเย่คือผู้เชิญชวนหม่อมฉันจะปฎิเสธได้เช่นไรเพคะ” นางตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวล เจือเสแสร้งนิด ๆ พอเป็นพิธี แต่ยิ่งดูแล้วกลับยิ่งน่าขันในสายตาผู้ที่รู้ทันทุกเล่ห์ “แม้ไม่หิวก็อยากชิม เพราะไม่อยากให้ฝ่าบาททรงเสียพระทัยเพคะ” แล้วนางก็ค้อมกายเบา ๆ เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วรับถ้วยชาที่อีกฝ่ายยื่นให้ด้วยตนเอง นางนั่งลงอย่างสง่างามแม้จะเป็นหญิงที่เคยล้างจาน ล้างชาม ขายขนมหรือเล่นดนตรีที่หอคณิกาก็ตาม


อ๋องหลิวอันไม่พูดอะไรต่อ แค่ยกถ้วยชาอีกใบขึ้นมาดื่มช้า ๆ ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยบทสนทนาในแววตา ทั้งที่ไม่มีเสียงหัวเราะ ทั้งที่ไม่มีถ้อยคำยั่วล้อเช่นในตลาดสิบลี้ แต่บรรยากาศกลับเหมือนอบอุ่นขึ้นเพียงเพราะมีแมวน้อยนั่งอยู่ข้าง ๆ และขนมหวานซึ่งไม่เคยถูกคิดว่าสำคัญ...กลับกลายเป็นเครื่องผูกใจระหว่างคนสองคนที่ต่างมีอดีตที่ไม่อาจลืม หลิวอันวางถ้วยชาลงเบา ๆ บนจานรอง ละจากสายตาที่ทอดมองเงาไม้สะท้อนในถ้วยกลับมาที่หญิงสาวตรงหน้า แววตาคู่นั้นลุ่มลึกดังบ่อบาดาลที่ไม่อาจมองเห็นก้น แต่ยามเมื่อทอดมองหลินหยากลับคล้ายเปล่งแสงอ่อนลอบอุ่นขึ้นมาจาง ๆ


“เจ้าจำวันนั้นได้หรือไม่...ตอนที่มีคนจากวังหลวงมาหาเจ้า”


หลินหยาหยุดมือที่กำลังจะยกขนมเข้าปาก ก่อนจะค่อย ๆ เหลือบตามองเขา ดวงตากลมโตที่ปรกไว้ด้วยขนตางอนขยับแววแปลกใจระคนตื่นเล็กน้อย ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นอย่างรู้ทัน “จำได้เพคะ..” เขาไม่ได้ตอบในทันที เพียงสบตาเธอด้วยสายตาที่มั่นคงจนหัวใจแมวสั่นสะท้าน จากนั้นจึงกล่าวเสียงเรียบ แผ่ว แต่เปี่ยมอำนาจเยือกเย็นตามแบบฉบับผู้ที่เคยบงการสนามรบ


“ข้าบอกพวกนั้นไปว่า...เจ้าคือคนของจวนหวยหนานหวาง” ถ้อยคำง่าย ๆ ไม่มีถ้อยเยิ่นเย้อ ไม่มีคำอธิบายมากมาย ทว่าเพียงหนึ่งประโยคกลับหนักแน่นเท่าหินผาขวางกลางวังน้ำเชี่ยว


หลินหยาเงียบไปชั่วครู่ นางคลี่ยิ้มบางขณะวางขนมลงกลั้วหัวเราะนิด ๆ ในลำคออย่างกลั้นไม่มิด ก่อนแสร้งยกหลังมือปิดปากอย่างสุภาพแต่แฝงนัย “เช่นนั้นหม่อมฉันต้องกราบทูลฝ่าบาทแล้วหรือไม่เพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันรับหน้าที่อะไรในจวนท่าน...หรือจะทรงให้หม่อมฉันทำเต้าหู้เพคะ?”


มุมปากของหลิวอันกระตุกขึ้นน้อย ๆ อย่างห้ามไม่ทันคล้ายจะหลุดขำแต่ก็ข่มไว้ทันที สมกับเป็นชายผู้ไม่เคยปล่อยให้อารมณ์ไหลหลุดง่าย ๆ กระนั้นดวงตานั้นกลับเปล่งประกายวาววับราวกับเห็นจันทร์สะท้อนบนสายน้ำ เขาเอียงหน้ามองเธอ แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้ายังคิดไม่ออก...ตำแหน่งใดในจวนที่สมกับเจ้าดี”


“ตำแหน่งผู้ลักขนมในยามดึก? หรือผู้ตรวจสอบความกรอบของขนมเซาปิ่งหรือเพคะ?” หลินหยายิ้มถามตาใส แต่ทว่าหลิวอันกลับหลุบตามองถ้วยชาของตนก่อนพึมพำราวจะพูดกับตัวเองมากกว่ากับเธอ หรืออาจเป็น...ตำแหน่งผู้มากวนใจข้าทุกวัน...ก็ไม่แน่” หลินหยาเบิกตากว้างนิด ๆ เพราะนางไม่ค่อยได้ยินคำนั้น


“เพคะ?”


“ไม่มีอะไร” เขาตอบพร้อมคลี่ยิ้มบางจนแทบมองไม่เห็น รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เหมือนจะพูดแทนคำหมื่นคำว่าเขาไม่รู้หรอกว่าตำแหน่งอะไรจะเหมาะแต่...แค่เธออยู่ตรงนั้นมันก็ดีพอแล้ว


หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกะพริบตาปลายนิ้วยกขึ้นแตะแก้มอย่างรู้ทันเพราะเหมือนนางกำลังคิดว่าเขากำลังแกล้งนางอยู่หรือเปล่า “องค์หวางเย่...กำลังทรงแอบขำข้าใช่หรือไม่เพคะ?”


“เปล่า” เขาตอบสั้น ๆ เหมือนทุกครั้งที่ปฏิเสธ หลินหยาทำตาโตขึ้นทันควันเหมือนกับจะมองหาเอาความจริงจากปากอีกคนให้ได้ ก่อนจะหัวเราะน้อย ๆ พลางหยิบขนมอีกชิ้นเข้าปากคล้ายกลบเกลื่อนและในศาลาอันเงียบสงบกลางจวนใหญ่ของหวยหนานหวาง ก็มีร่างของคนสองคนที่เหมือนอยากจะหยอกล่อกันใจจะขาด แต่เพราะกำลังกวนกันไปมาเลยต้องใช้ คำราชาศัพท์จากทั้งชีวิตออกมาพ่นใส่กันแทน




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: -

รางวัล: น้องไม่รู้ว่าต่อไปนี้ต้องใส่ไหม? หรือยังไงต้องรอปลดแถวสองแล้วค่อยใส่หรือเปล่า

เห็นคุณสนมบัวไม่ใส่เลยไม่ใส่ตาม 555


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 51522 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-7 14:39
โพสต์ 51,522 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-7-7 14:39
โพสต์ 51,522 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-7 14:39
โพสต์ 51,522 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก คนดวงแข็ง  โพสต์ 2025-7-7 14:39
โพสต์ 51,522 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-7 14:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-7-17 16:03:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 16 เดือน 6 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ จวนหวยหนานหวาง (พบ หลิว หรงเล่อ)


ณ จวนหวยหนานหวางในยามสายแสงแดดทอดผ่านแนวหลังคากระเบื้องเงาวับที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบงดงาม สวนหย่อมระหว่างทางมีเสียงน้ำไหลจากหินน้ำพุจำลองคลอแว่วเสียงนกในกรงทองประสานรับเบา ๆ กลางบรรยากาศอันสงบของเรือนขุนนางสูงศักดิ์แห่งฉางอัน หลินหยาก้าวเท้าเข้ามาในประตูจวนอย่างมั่นใจแต่ไม่อวดอ้างอาภรณ์เรียบง่ายของสาวน้อยชาวบ้านไม่ได้หรูหรา แต่กลับสะอาดสะอ้านและมีกลิ่นหอมอ่อนจากสมุนไพรล้างผ้าของนางติดกายติดเสื้อ รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนดวงหน้างามที่พอจะทำให้เหล่าคนเฝ้าประตูถึงกับขยับตัวเก้อ ๆ ก่อนจะรีบต้อนรับอย่างสุภาพ


"ข้า...หลินหยาเจ้าค่ะ" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลพอประมาณก้มศีรษะเล็กน้อยตามมารยาทก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ "วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมคุณหนูหรงเล่อ...ไม่ทราบว่าท่านพอจะสะดวกหรือไม่เจ้าคะ"


พ่อบ้านวัยกลางคนคนเดิมผู้มีหนวดเคราเรียบเนี้ยบและสีหน้าสงบเสงี่ยมยิ่งพอเห็นดวงหน้านี้ก็คล้ายจะจำได้จากคำบอกเล่าของผู้เป็นนายหญิงและเขาก็ยังจำได้ว่ารอบก่อนหวยหนานหวางเย่เป็นคนเชิญนางมาเขาประสานมือคำนับอย่างสุภาพ "แม่นางน้อย…ยินดีต้อนรับมากขอรับ คุณหนูหรงเล่อเคยฝากฝังไว้แล้วหากแม่นางหลินหยามาถึงเมื่อใดให้เชิญเข้าจวนโดยไม่ต้องรอขออนุญาต" กล่าวพลางเอ่ยเพิ่มเติมอย่างนอบน้อมขณะนำทางเข้าด้านใน “ส่วนองค์หวางเย่ ตอนนี้พระองค์กำลังทรงตรวจสอบเอกสารจำนวนมากที่ส่งมาจากแคว้นหวยหนานอยู่ในห้องทรงงานส่วนพระองค์ขอรับน่าจะยังไม่ทรงว่างเสด็จออกมาพบผู้ใดในเวลานี้”


หลินหยาได้ฟังก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย "หากเป็นเช่นนั้นข้ามิกล้ารบกวนองค์หวางเย่หรอกเจ้าค่ะ เดี๋ยวโดนลากไปนั่งอ่านเอกสารด้วยจะยุ่งใหญ่ ฮะ ๆๆ" นางพูดจายียวนพลางยิ้มหวานพ่อบ้านเองก็แอบกลั้นยิ้มอยู่ใต้หนวดเครา


"เชิญทางนี้ขอรับ...คุณหนูหรงเล่ออยู่ที่ศาลาหลังในสวนใบไม้เปลี่ยนสีกำลังชมดอกไม้ยามสายพร้อมดื่มชาอยู่"


"โอ้...นางไม่รอข้าเลยนะแบบนี้ต้องมีลงโทษสักหน่อยกินไม่รอกัน" หลินหยาหัวเราะเจ้าเล่ห์ในลำคอ พลางยกมือปัดชายแขนเสื้อขึ้นเบา ๆ แกล้งทำท่าจะลงโทษใครบางคนอย่างขัน ๆ ก่อนจะเดินตามพ่อบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ฝีเท้าเบาของหญิงสาวย่ำไปตามทางปูหินที่ทอดยาว ผ่านซุ้มไม้เลื้อยที่มีดอกชิงหลันสีม่วงบานพราว หยาดน้ำค้างยังเกาะอยู่บนกลีบบางดุจภาพในความฝัน นางชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงศาลาเสียงแผ่วเบาของสตรีคนหนึ่งแว่วมาพร้อมกลิ่นชาหอมอ่อน


นั่นไง…หรงเล่อ


มิตรแท้ที่เปี่ยมด้วยน้ำใจไม่เสื่อมคลายและนั่นคือจุดหมายของวันนี้ ไม่ใช่การหลบหนี ไม่ใช่การหาคำตอบของพันธะใด ๆ แต่คือความเรียบง่ายของการ “ใช้ชีวิต” ร่วมกับผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ข้างเธอจริง ๆ หลินหยาระบายยิ้มอ่อนก่อนจะโผล่หน้าเข้าไปทางม่านไม้ไผ่เบื้องหน้าศาลา พร้อมเอ่ยกลั้วหัวเราะเสียงใส


“คุณหนูหรงเล่อ~ ข้ามาแล้ว~! ยังไม่คิดจะเทน้ำชาต้อนรับข้าอีกหรือจ๊ะ~?” เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของหลินหยาแทบจะกลืนหายไปในกลิ่นชาดอกชิงหลันที่อบอวลรอบศาลา นางยังไม่ทันจะขยับเข้าไปเต็มฝีเท้าดีแต่ก็พูดยียวนหรงเล่อเสียแล้วเสียงฝีเท้าเบาแต่เร่งร้อนกลับแทรกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง!


"หลินหยา!" เสียงของหรงเล่อดังใส่ พลางปรากฏร่างของคุณหนูสูงศักดิ์ผู้ท่าทางงดงามแต่ตอนนี้...หน้างอเป็นตูดเป็ด! "เหวออออ!" หลินหยายังไม่ทันตั้งตัว จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กระโจนเข้ามาหาแบบไม่บอกไม่กล่าวบีบแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างแรงพอสมควรจนแก้มยืดออกมาราวกับขนมถังแตก! 


"เจ้าหายหัวไปไหนมาเจ็ดวันเต็ม ๆ ห๊าาาาา! ข้าต้องไปเจออะไรบ้างรู้บ้างไหม! รู้ไหม!?" หรงเล่อทั้งตวาดทั้งสั่นทั้งสะบัดแขนไปมาเหมือนคนจะขึ้นเวทีเวลาเล่นละครหลวง

"โอ๊ย ๆ ๆ ขอโทษค้าบบบ นอนเพลินไปหน่อย..." หลินหยารีบยกมือปัดมืออีกฝ่ายพลางหัวเราะแห้ง ๆ "ข้าหลับสนิทมากเลย ฝันยังกับโดนปีศาจลากไปลงนรก...เอ้ะ จริง ๆ ก็โดนอยู่นะ แฮะ ๆ"


"อย่ามาแถนะ! เจ้าน่ะฟังข้าก่อน!" หรงเล่อสะบัดชายแขนเสื้อ ฮึ่มฮั่มในลำคอ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปนั่งที่เบาะนุ่มใต้ศาลาแล้วหันมาเท้าคางมองหลินหยาด้วยสายตากึ่งฟ้องกึ่งอวด "เจ้ารู้ไหมว่าในวันที่ 12 ที่ผ่านมา ข้าต้องไปโรงประมูลสือฟั่งกับท่านพ่อ!"


"โรงประมูลสือฟั่งเหรอ? แล้วไงอะ...เจ้ากินอะไรไม่ได้เหรอถึงต้องไปประมูล? หรือประมูลหม้อไฟเอาไว้กิน!?" หลินหยาทำหน้าทะเล้นแซวออกมาแต่อีกฝ่ายไม่เล่นด้วย "หลินหยาาาา!" หรงเล่อถลึงตาใส่ “ข้าไปประมูลไร่ชา! ก็เพราะเจ้านั่นแหละ! เจ้าอยากเป็นแม่ค้าไม่ใช่เหรอ? ข้าก็เลยคิดว่าถ้ามีไร่ชาให้เจ้าทำของดี ๆ จะได้เปิดร้านได้!” หลินหยาเบิกตาโตตอนที่ได้ยินแบบนั้นเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าหรงเล่อไปทำอะไรแบบนั้นมา "หาาาา จริงดิ!? ข้าซาบซึ้งมากกก...แล้วเจ้าประมูลได้ไหมอะ?"


“อย่าให้พูดเลยเถอะ!” หรงเล่อขยุ้มแขนเสื้อแน่น “ตอนแรกเริ่มที่ 125 ตำลึงเงินใช่ไหม? จู่ ๆ ก็มีคนแห่มาประมูลกันเต็มเลยทั้งโอวหยางเป่าเฉิงรองผู้ว่าฉางอันก็มา! เว่ยเจียมู่หงก็มา! ไหนจะฝูจี๋ลิ่งอีก พวกนั้นเหมือนมีเงินเป็นกระสอบแล้วเทราดหัวข้ายังไงยังงั้น! ข้าแบบ…ก็ประมูลไล่ตามเขาไปเรื่อย ๆ ไง 60… 100… 150… แต่พอถึงจุดหนึ่งนะ...มีคนเสนอไป 240 ตำลึงทองกับอีก 125 ตำลึงเงิน!!”


หลินหยาทำตาเหลือก "เชี่ย...นั้นแค่ไร่เดียวน่ะหรอ?"


"ใช่! ไร่เดียว!" หรงเล่อกอดอกสะบัดหน้าพรืด "ข้าเลยต้องถอย ท่านพ่อก็ไม่อยากให้ใช้เงินเกินตัว…แต่ข้าก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะข้ามีวิธีของข้าอยู่" หลินหยาทำตาแป๋วยื่นหน้าเข้าไปกระซิบตอนที่ได้ยินแบบนั้น "แหน่ะ…อย่าบอกนะว่าเจ้าวางแผนจะไปหาท่านชายเว่ยเจียคนนั้น?"


หรงเล่อสะดุ้งเล็กน้อย "ก็…ก็แค่พูดดี ๆ เท่านั้นแหละ! ข้าก็แค่มีแผนอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้ไร่ชานั้นมาแล้วกัน!"


"เฮ้ย…สุดยอดอะ" หลินหยาพยักหน้าเร็วปานพัดลมติดไอพ่น "นี่ยังไง คุณหนูหรงเล่อของข้า โอ๊ย น่ารักน่าชัง น่ากอดสุด ๆ!" ว่าแล้วหลินหยาก็กอดคอเพื่อนสาวเข้ามาหอมฟอดกลางแก้มไปทีหรงเล่อถึงกับตัวแข็งทื่อหน้าแดงแจ๋ "หลินหยาาาาาา!! เจ้าอย่ามาทำข้าเขินนนน!!" 


เสียงหัวเราะของสองสหายดังก้องใต้ศาลายามสายในฤดูร้อนเสียงที่บอกว่าในโลกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและภัยร้าย บางสิ่งที่เรียบง่ายอย่างมิตรภาพยังงดงามได้เสมอ หลินหยาหัวเราะร่าออกมาเสียงใส ดวงตาทอประกายระยิบราวมีแสงอาทิตย์สะท้อนจากพื้นสระน้ำนิ่ง นางกอดแขนหรงเล่อแน่นพลางโยกตัวเบา ๆ อย่างหยอกเย้า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนอีกฝ่ายแทบอยากมุดแผ่นดินหนี “แหนะ ๆ ๆ เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ข้าทายสิ่งหนึ่งให้เอามั้ย?” หลินหยาทำหน้าทะเล้นเอียงคอจ้องอีกฝ่ายตาแป๋ว “ข้าว่าท่านคุณหนูหรงเล่อของข้าต้องไปขอซื้อไร่ชานั่นต่อจากท่านชายคนนั้นแน่ ๆ ใช่ไหมล่ะ?”


หรงเล่อชะงักค้างหน้าแดงแปรเปลี่ยนจากแดงชมพูเป็นแดงเพลิงในเสี้ยววินาที ดวงตาสะท้อนประกายตื่นตระหนกคล้ายจะหลุดปากอะไรออกมาแต่ริมฝีปากก็บิดเม้มไว้เสียแน่น “ข้า…ก็แค่…เอ่อ…” เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ จนแทบเป็นเสียงลมหายใจ "ก็แค่พูดคุยกันตามมารยาท…”


แต่หลินหยาไม่ปล่อยผ่านเธอขยับหน้ามาใกล้พร้อมยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากอีกฝ่ายแผ่วเบาแต่แม่นยำ “แล้วดูท่าทางแบบนี้นะ…อย่าบอกนะว่าจ่ายไปแพงกว่าเดิมอีก เจ้าตัวดี! หรือว่า…มากกว่าที่ประมูลจบอีก!?” หรงเล่อสะดุ้งเหมือนโดนตีเข้าเป้ากลางหัวใจ “อ๊ะ! มะ…ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น!”


“เหรออออ~?” หลินหยาลากเสียงยาว “แล้วทำไมถึงต้องหลบหน้าท่านหลิวอันด้วยล่ะหื้ม~? จากที่ดูปกติเจ้าต้องดื่มน้ำชากับเขาไม่ใช่หรือไง?”


"ข้าไม่ได้หลบ!!" หรงเล่อเถียงทันทีแต่เสียงก็สั่นประหลาดจนหลินหยาหลุดขำพรืด "โอ๊ย ข้าไม่ไหว ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้าซื้อเท่าไหร่กันแน่หา! 250 ตำลึงทองกับอีก 125 ตำลึงเงินเลยใช่ไหม!? โอ๊ย ข้าจะเป็นลม เงินนั่นเอามาทำร้านใหญ่ได้สามร้านเลยนะย่ะ!" หลินหยาเกือบลงไปนอนกลิ้งกับพื้นด้วยความช็อกปนตลกจนพ่อบ้านที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ยังเผลอแอบขยับริมปากเหมือนจะหลุดหัวเราะ


"ชู่วววววว์! หลินหยาหยุดเลยนะ!" หรงเล่อรีบโบกมือห้ามหน้าแดงก่ำ “ถ้าท่านพ่อรู้เรื่องนี้…ข้าคงโดนสั่งไปอยู่เรือนหลังเขาไปสิบวันแน่ ๆ!” 


“หรือไม่ก็โดนหักเงินขนมจนเหลือกินได้แค่บ๊วยเค็ม” หลินหยาสวมบทคนเคราะห์ร้ายในทันที “อา…ช่างน่าสงสารคุณหนูหรงเล่อของข้าเหลือเกิน~ คนที่ยอมเสียเงิน 250 ตำลึงทองเพื่อเพื่อนผู้ไร้ร้านค้า~” หรงเล่อที่ได้ยินแบบนั้นก็ยกพัดขึ้นปิดหน้าแล้วหันไปทางอื่นอย่างอับจนคำ “หลินหยาข้าเกลียดเจ้า!”


“แต่ข้ารักเจ้าจะตาย~ เจ้าคือมารดาแห่งไร่ชา! เจ้าเป็นเมตตาจารย์แห่งข้าแล้ว!” หลินหยายกมือไหว้แบบเวอร์ ๆ ก่อนจะหัวเราะจนตัวโยน หรงเล่อมองเพื่อนสาวหัวเราะอย่างไร้กังวลเช่นนั้นแล้วก็ถอนใจเบา ๆ แต่ดวงตากลับมีรอยยิ้มซ่อนอยู่เต็มเปี่ยมแม้ต้องจ่ายแพงเกินไปแต่ถ้ามันทำให้คนสำคัญของนางมีความสุขได้ละก็...มันก็คุ้มเกินพอแล้ว หลินหยายังหัวเราะไม่ทันหายดีนักก็พลันเงียบลงเมื่อมือของเธอยกขึ้นมาจับมือหรงเล่อไว้แน่น ดวงตากลมโตที่มักทอประกายหยอกล้อกลับมองอีกฝ่ายด้วยความอบอุ่นจริงจังกว่าครั้งใด เสียงของเธออ่อนล ละมุนละไมแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นที่ไม่อาจปฏิเสธ


“ไม่ต้องกังวลนะหรงเล่อเอาเงินเจ้าคืนไปเถอะข้าไม่อยากใช้เงินเจ้าหรอกข้าจะจ่ายคืนให้เจ้านะ” หลินหยาเอ่ยพร้อมบีบมืออีกฝ่ายเบา ๆ “หากข้าจะเริ่มเส้นทางแม่ค้าข้าก็ควรเริ่มมันด้วยลำแข้งของตัวเองไม่ใช่ให้คนอื่นแบกให้ตั้งแต่ก้าวแรก”


หรงเล่อเบิกตากว้างทันที ใบหน้าสะสวยนั้นสะท้อนแววตกใจ “อะ…อะไรของเจ้า! ไม่เอา! ข้าตั้งใจจะให้นี่เป็นของขวัญให้เจ้าไม่ใช่ให้เจ้าปฏิเสธ!”


“แต่เจ้าก็ให้ของขวัญข้าไปแล้ว” หลินหยาพูดต่อทันควันดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนระเรื่อเล็กน้อยไม่รู้จากแสงเช้าหรือความรู้สึกข้างในที่เอ่อล้นออกมา “เจ้ารู้ไหม การที่เจ้ากล้าไปประมูลไร่ชาให้ข้า ทั้งที่อยู่กับท่านหลิวอันทั้งที่รู้ว่ามันต้องจ่ายแพงแค่ไหนทั้งหมดนั้น…มันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับข้าแล้ว” เธอยิ้มเอียงหน้ามองหรงเล่ออย่างเอ็นดูก่อนจะพูดต่อเสียงแผ่วแต่จริงใจเหลือเกิน “ขอบคุณนะหรงเล่อขอบคุณจากใจจริง ๆ ไม่ว่าไร่ชานั่นจะขึ้นชื่อว่าเป็นของใคร แต่ทุกครั้งที่ข้าเห็นมัน ข้าจะจำไว้เสมอว่าเจ้าคือคนที่ทำให้ข้าได้มีจุดเริ่มต้นที่อบอุ่นแบบนี้”


หรงเล่อฟังจบถึงกับยืนนิ่งน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัวนางไม่รู้จะเถียงอะไรกลับ เพราะถ้อยคำของหลินหยาไม่ใช่แค่ความกล้าหาญแต่มันคือการยืนยันถึงมิตรภาพของพวกนางอย่างแท้จริง “หลินหยา…ข้าเกลียดเจ้าอีกแล้ว…เจ้าชอบทำให้ข้าร้องไห้อยู่เรื่อยเลย…” หลินหยาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นกลิ่นหอมอ่อนของชาหอมจากผมนุ่มของหรงเล่อยังติดอยู่ในจมูก “ร้องไปเถอะ ข้าจะกอดเจ้าไว้ให้แน่นเอง” หลินหยากระซิบพลางเลื่อนมือขึ้นลูบหลังหรงเล่อเบา ๆ ในจังหวะเนิบช้าราวกับกล่อมแมวขี้งอนให้สงบลง ดวงตาคู่นั้นยังเปล่งประกายซุกซนเช่นเดิม แต่น้ำเสียงของเธอคราวนี้เจือด้วยความละมุนละไมจนแทบละลายได้

 

“เลิกขี้แยได้แล้วเจ้าตัวแสบ” นางกระซิบข้างหูคนตรงหน้าแล้วยิ้มมุมปากดึงตัวออกมานิดหนึ่งเพื่อมองหน้าหรงเล่อที่ยังแดงก่ำแล้วนางก็ยื่นหน้าเข้ามาอีกครั้ง ทำทีเป็นกระซิบแบบลับ ๆ แต่เสียงดังกว่าที่ควรจะเป็น “ว่าแต่…ใครคนหนึ่งอาจจะต้องการขนมปลอบใจหรือเปล่านะ?”


ยังไม่ทันที่หรงเล่อจะตอบอะไร หลินหยาก็ล้วงเข้าไปในย่ามของตัวเองก่อนจะหยิบห่อผ้าไหมหรูออกมา คลี่ผ้าออกอย่างทะนุถนอม จนเผยให้เห็นขนมเหอฮวาซูที่บรรจงวางเรียงกันเป็นรูปทรงดอกบัวบานสะพรั่ง สีทองอ่อนกรอบคล้ายกลีบบัวที่กำลังแย้มรับแสงอาทิตย์ยามสายกลิ่นหอมหวานของน้ำผึ้งดอกบัวลอยมาแตะจมูกทันทีที่เปิดห่อ ผสมกับกลิ่นใสและเมล็ดงาอ่อน ๆ จนชวนให้น้ำลายสอ “ดูนี่สิ เหอฮวาซูของอร่อยสำหรับเจ้ารึเปล่า?” หลินหยาหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาแล้วยื่นให้หรงเล่อพร้อมยิ้มตาหยี “ข้าทำเองเลยน่าเมื่อเช้าเลยนะ รู้ไหมว่าทอดจนกลีบบัวบานทีละชั้น สวยเหมือนของวังหลวงเลยล่ะ” นางเอียงหน้าพลางใช้ศอกสะกิดหรงเล่อเบา ๆ “เอ้า อย่าบอกนะว่ายังไม่หายงอนงอแง ข้าเอาขนมระดับเจ้าหญิงมาให้ถึงที่เชียวนะ”


หรงเล่อมองหน้าหลินหยา แล้วมองขนมดอกบัวบานตรงหน้า...ใบหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาเล็กน้อยเริ่มเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วหมั่นไส้ “เจ้ามันคนเจ้าเล่ห์” นางว่าพลางคว้าขนมมากินไปคำหนึ่งทั้งยังหันหน้าไปอีกทาง ส่วนหลินหยาตอนได้ยินก็เลิกคิ้วหัวเราะร่วน “อ้าว ๆ ยังจะดุอีก ข้าก็แค่รู้ใจเจ้าไง อย่าลืมนะ ข้ารู้เมนูในใจเจ้าตลอดเรื่องปลอบใจสตรีเจ้าน้ำตาอย่างเจ้าข้าน่ะถนัดนัก!” ว่าจบก็หัวเราะคิกคักยียวนในขณะที่หรงเล่อเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ แกล้งเบ้ปากใส่แต่ถึงอย่างนั้น…ดอกบัวในมือก็ยังบาน กลิ่นหอมของขนมยังฟุ้งอยู่ในอากาศ และในใจของสหายทั้งสอง ก็มีบางสิ่งที่คล้ายดอกไม้เช่นกัน…กำลังเบ่งบานในฤดูร้อนของฉางอันที่แสนสดใส


หรงเล่อที่เพิ่งเคี้ยวขนมเสร็จหมาด ๆ ยังไม่ทันได้กลืนเต็มคำก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสบกับแววตาของหลินหยา…แววตาคู่นั้นไม่ได้มีเพียงความทะเล้น ขี้เล่น หรือเย้าแหย่อย่างที่นางเคยชิน แต่มันกลับมีเงาอันบางเบาที่คล้ายกับความลังเลและเจ็บปวดซ่อนอยู่ราวกับคลื่นใต้น้ำ เงียบเชียบ แต่ไม่อาจมองข้ามตอนแรกหรงเล่อจะถามแล้วล่ะแต่เพราะกำลังกินอยู่เลยแค่จ้องเพียงเท่านั้นเพราะหรงเล่อรู้ว่าหลินหยาจะต้องเล่าให้นางฟัง


“เจ้านี้มองข้าออกจริง ๆ นะหรงเล่อ..งั้นข้าขอถามหน่อยนะ... ถ้าเราเกลียดใครคนหนึ่งมาก ๆ จนไม่อยากเห็นหน้าเพราะเขาเป็นคนเลว แล้วพอมารู้ทีหลังว่าความจริงเขาเป็นคนที่เราพึ่งรู้ว่าเป็นอีกคน แล้วเผลอมีความรู้สึกดี ๆ ด้วย… แล้วก็ได้ไปรู้อดีตที่โหดร้ายของเขา…เจ้าจะรู้สึกยังไงหรอ หรงเล่อ…” หลินหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่นจนเหมือนจะลอยอยู่ในอากาศระหว่างพวกนาง


หรงเล่อมองหน้าเพื่อนรักอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่งไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาทันที เพราะแม้จะเป็นบุตรีของหวยหนานหวางผู้มักฉะฉานและใจกล้า แต่นางก็ไม่ใช่คนที่ตอบคำถามด้วยคำสวย ๆ ปลอม ๆ แล้วปล่อยให้เพื่อนต้องจมอยู่ในความคิดของตนเอง นางขยับตัวเข้ามาใกล้หลินหยาอีกนิด แล้วเอื้อมมือจับมือของอีกฝ่ายแน่นขึ้นกว่าเดิมสัมผัสอบอุ่นที่เหมือนจะส่งแรงใจให้อย่างเงียบงัน "ข้าจะบอกเจ้าตามตรงเลยนะ หลินหยา..." หรงเล่อเริ่มต้นพลางสบตา "ความรู้สึกของคนเราไม่ใช่หม้อดินที่วางอยู่เฉย ๆ ไม่ขยับ ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเกลียดใครสักคน มันไม่ใช่ว่าเราจะเกลียดเขาไปตลอดชีวิต และเมื่อเริ่มรู้จักเขาอีกมุมหนึ่ง เราก็เริ่มเปิดใจนั่นไม่ใช่เรื่องผิดด้วยซ้ำ" นางพูดเสียงเบาลง แต่กลับแน่นขึ้นในอารมณ์ที่ส่งออก


“ข้าคิดว่า...ถ้าเขาเคยเลวจริงแต่เขาเจ็บปวดจริงเหมือนที่เจ้าเห็น ถ้าเขามีอดีตที่เจ้ารับรู้แล้วมันทำให้เจ้าหวั่นไหวข้าก็อยากให้เจ้าฟังหัวใจตัวเองให้ดีไม่ใช่เพื่อเขา...แต่เพื่อเจ้าเอง เจ้ามิได้โง่ข้ารู้...และเจ้าก็มิได้ใจอ่อนง่ายด้วย แต่ข้ารู้จักเจ้าหลินหยาเจ้ามีหัวใจที่ซื่อตรงต่อทุกความรู้สึก และข้าเชื่อว่าเจ้าจะรู้ว่าคนผู้นั้น...ยังเป็นปีศาจในคราบคนหรือเป็นคนที่ถูกปีศาจกัดกินหัวใจจนกลายเป็นแบบนั้นกันแน่” นางเอียงหน้าน้อย ๆ ดวงตาวับวาวเป็นประกาย จริงใจและเด็ดขาดในแบบฉบับหรงเล่อก่อนยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกหน่อยย่นคิ้วแบบขัดใจนิด ๆ


"แต่ถ้าเขาทำเจ้าเจ็บ...ข้าจะเป็นคนเตะก้นเขาเอง เข้าใจมั้ย?" หลินหยายังไม่ตอบอะไร แต่มุมปากกลับยกยิ้มบาง ๆ อย่างที่หรงเล่อเห็นแล้วก็รู้...ว่าเจ้าคนตรงหน้าเริ่มหายใจได้โล่งขึ้นสักเล็กน้อยแล้วในโลกที่วุ่นวายนี้และแม้คำตอบสุดท้ายจะยังไม่ชัดเจน แต่มิตรภาพของสองสตรีตรงหน้าก็ชัดเจนยิ่งกว่าท้องฟ้ายามรุ่งสางในเมืองฉางอัน




@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: มาเกย์กับหรงเล่อ


รางวัล: +ค่าเรทติ้ง NPC ตัวประกอบ

พูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

มอบ ขนมเหอฮวาซู ขนมว่างเกรดม่วง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 65430 ไบต์และได้รับ 48 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-17 16:03
โพสต์ 65,430 ไบต์และได้รับ +40 EXP +35 คุณธรรม +15 ความชั่ว +35 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 2025-7-17 16:03
โพสต์ 65,430 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-17 16:03
โพสต์ 65,430 ไบต์และได้รับ +30 EXP +40 คุณธรรม +40 ความชั่ว +44 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-17 16:03
โพสต์ 65,430 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-17 16:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-20 08:20:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 20 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก จวนหวยหนานหวาง (พบ หรงเล่อ หลิวอัน)


รัศมีอ่อนของแสงเช้าทอดเงาทาบผ่านแนวกำแพงสูงของจวนหวยหนานหวาง สถาปัตย์สง่างามตระหง่านคล้ายตำหนักน้อยในเมืองหลวง ถูกรายล้อมด้วยต้นเมเปิ้ลที่ให้ความร่มรื่นตลอดปี ลมเย็นเช้านั้นพัดกลีบดอกไม้ลอยปลิวโปรยลงข้างฝ่าเท้าของหญิงสาวที่ก้าวเดินมาด้วยสีหน้าสดใส หลินหยาในชุดสีเปลือกท้ออ่อนมีลวดลายปักดอกเหมยละเอียดบนผ้า ก้าวขึ้นบันไดหินหน้าจวนอย่างมั่นคง นางเพิ่งมาจากนอกเมืองฉางอันยังไม่ได้พักเต็มที่นัก แต่ใจของนางกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ ตั้งใจจะมามอบของฝากให้เพื่อนสนิทที่นางรักดังพี่สาว แม่นางหรงเล่อ รวมทั้งบุรุษผู้เปี่ยมคุณูปการในชีวิต ท่านหลิวอัน นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็มีเสียงพ่อบ้านจวนเอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ


"แม่นางหลิน มิจำเป็นต้องแจ้งชื่อ พวกเราจำท่านได้แม่นยิ่งนัก เชิญขอรับคุณหนูหรงเล่อเพิ่งอยู่ด้านในเรือนด้านขวาตามข้ามาได้เลย"


หลินหยาหัวเราะเบา ๆ “สวัสดีเจ้าค่ะท่านพ่อบ้าน ข้าก็แค่จะเอ่ยชื่อให้ครบพิธีเท่านั้นเอง นึกไม่ถึงเลยว่าท่านจะจำข้าได้แม่นถึงเพียงนี้” พลางเดินตามชายวัยกลางคนอย่างไม่ถือเนื้อถือตัว


แสงแดดยามสายโรยตัวอย่างละมุนผ่านม่านใบหลิวที่ทอดเงารำไรไปทั่วลานหน้าจวนหวยหนานหวาง กลิ่นหอมอ่อนของไม้หอมที่ช่างเรือนจุดไว้คลุ้งผสานกับกลิ่นชาดอกหอมหมื่นลี้ลอยเอื่อยอ้อยอิ่งในสายลม หลินหยาสวมชุดอย่างเรียบง่ายแต่ไม่สิ้นรสนิยม หยกจิ่วหลงเสี้ยวหนึ่งคล้องข้อมือกระทบกันเบา ๆ ยามก้าวเดินตามพ่อบ้านจวนที่เมื่อเห็นหน้าเพียงครั้งเดียวก็นำทางนางด้วยความเคารพ เมื่อเดินผ่านเรือนด้านหน้าเข้าสู่โถงรอง นางก็พบกับร่างของสหายสนิทที่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอมกลางโถงพร้อมหัตถ์เรียวที่ถือถ้วยชา หรงเล่อในชุดผ้ากัญชาห่มไหล่สีไผ่แก่ตัดกับผิวขาวสะอาด ใบหน้างามสงบแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานทันทีที่เห็นผู้มาเยือน


"หยาหยา!" เสียงเรียกที่เปี่ยมความยินดีดังกังวานจนอากาศสดใสยิ่งขึ้น หรงเล่อวางถ้วยชาลงก่อนลุกขึ้นเดินเข้ามากอดหลวม ๆ อย่างคนสนิทที่ห่างหายไปนาน "นึกว่าเข้าจะกลับช้ากว่านี้เสียอีก ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่?"


หลินหยาหัวเราะพลางรับอ้อมกอดนั้นไว้แม้จะถูกกอดแบบมีมารยาทของบุตรสาวขุนนางสูงศักดิ์ นางยิ้มระเรื่อ "ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน ท่านหญิง"


"ยังจะท่านหญิงอีก มานี่!" หรงเล่อแสร้งทำเสียงดุ ก่อนจะจูงนางไปนั่งบนตั่งผ้าไหมเบื้องข้าง ไม่ทันไรอีกเงาหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเช่นสายลมในห้องท่านหลิวอันนั่นเอง ใบหน้าเคร่งขรึมของเขายามเห็นหลินหยามีเพียงสายตาที่ทอดอ่อนลงเพียงเล็กน้อย ดวงตาที่ยังอาจเก็บร่องรอยของคืนวานไว้แน่นหนาแต่ไม่เปิดเผย หลินหยาเห็นดังนั้นจึงยอบกายคำนับเขาอย่างงดงาม “ท่านหลิวอัน ข้าขอคำนับ”


หลิวอันผงกศีรษะเล็กน้อย มิได้เอ่ยวาจาอะไรเพียงแค่สบตานางก่อนจะหลุบลง พวกเขาไม่เอ่ยถึงการพบกันเมื่อวาน ต่างฝ่ายต่างเก็บไว้ในความรู้สึก


“วันนี้ไม่ได้มาเปล่า ข้านำของฝากจากการเดินทางไปป๋อไห่มาให้ท่านทั้งคู่ด้วย” หลินหยาวางห่อผ้าชั้นดีลงตรงหน้า ทั้งยังยิ้มสดใสราวกับสาวน้อยผู้เต็มเปี่ยมด้วยแรงใจหลังการเดินทางยาวไกล นางเปิดห่อผ้าเบื้องหน้าหรงเล่อ เผยให้เห็นสุราไผ่เขียวในขวดเซรามิครูปทรงคล้ายก้านไผ่แกะลายหยกงดงาม และกล่องไม้ชั้นดีที่มีขนมบัวหิมะแก้วมรกตเรียงรายอยู่ด้านใน แต่ละชิ้นเปล่งประกายจากแสงชาหอมที่รินอยู่ข้าง ๆ “สุราไผ่เขียวนี้ได้มาจากหมู่บ้านริมทะเลเขตป๋อไห รสละมุนลึก ซ่อนหวานในรสขื่น เจ้าเคยบ่นว่าอยากลองสุราบ้างเพราะกินแต่ชากับขนมหวาน ข้าจึงหิ้วมาจนถึงฉางอัน ส่วนขนมบัวหิมะนี้ เจ้าต้องรีบกินนะ ต้องกินสดกับชาเท่านั้น” หลินหยาเอ่ยพร้อมยิ้มทะเล้นน้อย ๆ


หรงเล่อมองของฝากเหล่านั้นตาโตเล็กน้อยแล้วหัวเราะเบา “เจ้าช่างจำได้ทุกอย่างจริง ๆ นี่มัน...นาน ๆ ทีข้าจะได้ลิ้มรสสุรานะเนี้ยเอาไว้กินกับอาหารสักอย่างคงเข้ากันแน่ ๆ แล้วก็ขนมหวานเจ้านี้รู้ใจข้าจริง ๆ หยาหยา” หรงเล่อขยับตัวเข้ามากอดหลินหยาน้อย ๆ อีกครั้งด้วยความปลาบปลื้ม


หลินหยาจึงหันไปหยิบห่อของอีกชิ้นวางเบื้องหน้าหลิวอัน เป็นขวดสุราทรงประหลาดแต่ออกแบบงดงาม สีแดงฉานราวอัญมณี และกล่องห่อผ้าซึ่งเปิดออกมาเผยให้เห็น ‘ซุปใสใบหลิว’ ที่กลิ่นลอยแตะจมูกทันที “สำหรับท่าน ข้าทำซุปนี้เอง วัตถุดิบจากป๋อไหทั้งหมด รวมถึงใบหลิวที่เก็บจากสวนริมทะเล รสชาติจึงหอมกลิ่นทะเลไม่มีที่ใด” เสียงของนางเอ่ยอย่างตั้งใจและไม่หวังสิ่งใดตอบแทน


หลิวอันเงียบงันไปเพียงอึดใจ เขามองของในมือแล้วผินหน้ามองหลินหยาที่ยิ้มแย้มต่อหน้าหรงเล่ออย่างธรรมดา ไม่มีท่าทีเป็นหนี้เป็นสินใด ๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่เขารู้สึก กลับกลายเป็นความอบอุ่นเงียบ ๆ ที่คล้ายไม่ใช่สำหรับเขาเพียงผู้เดียว แต่เป็นความจริงใจที่นางมอบให้คนทั้งสองตรงหน้า “ข้าจะรับไว้” เขาเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงต่ำดังลมพัดผ่านไม้ไผ่ ไม่มีคำขอบคุณ ไม่มีคำซาบซึ้ง เพราะรู้ดีว่า...นางไม่ต้องการมัน นางเพียง ‘อยากให้’ เท่านั้นเอง


หรงเล่อคลี่ยิ้มบางก่อนยื่นมือไปคล้องแขนหลินหยา “หยาหยาอยู่ทานข้าวกับพวกเราสิ ข้าจะให้พ่อครัวทอดแผ่นเต้าหู้ให้เจ้าด้วย...อ๊ะ หรือว่าไม่เอาเต้าหู้?” เอ่ยหยอกอีกคนที่กินเต้าหู้ไม่ได้


หลินหยาหัวเราะขึ้นมาเสียงใส “ข้าขอสั่งว่าอย่าให้ของเหล่านั้นโดนข้าสักนิดเลยหรงเล่อ!” เสียงหัวเราะของสตรีสองนางสะท้อนในโถงจวนอย่างอบอุ่นนัก ราวกับฉางอันฤดูใบไม้ผลิได้เห่อเหิมเข้าสู่หัวใจของผู้มาเยือนทั้งหลายแล้วโดยไม่รู้ตัว…


“แต่เดี๋ยวข้าคิดว่าต้องไปทำธุระต่อเลยจะมาแค่ส่งของฝากน่ะเจ้าค่ะ ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าร้านที่กรมการคลังเลย” แต่หลังจากนั้นหลินหยากลับมองหน้าทั้งสองคนอีกครั้ง…ความรู้สึกบางอย่างที่อยากจะบอกทั้งสองทำให้นางพูด เสียงของหลินหยาแผ่วเบาแต่หนักแน่นอย่างประหลาดในยามที่นางเอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาท่ามกลางแสงยามสายที่ทอดผ่านบานหน้าต่างไม้แกะสลักอย่างนุ่มนวล ดวงตาคมหวานของนางทอดมองบุรุษและสตรีเบื้องหน้าอย่างซื่อตรงและจริงใจ


"ของเหล่านี้เล็กน้อยนัก หากเทียบกับสิ่งที่พวกท่านทำให้ข้า… ข้ารู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีคำขอบคุณใดที่จะแทนสิ่งที่พวกท่านมอบให้ได้ครบถ้วน แต่ข้าก็ยังอยากกล่าวมันอยู่ดี" ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มจางก่อนที่สายตาจะมองตรงไปยังหลิวอันอย่างไม่หลบเลี่ยง "ท่านหลิวอัน ข้ารู้ว่าท่านมิใช่คนชอบวาจาสวยหรู ไม่ถนัดเรื่องน้ำใจเปลือยเปล่าที่ไม่ก่อผลลัพธ์ แต่ข้ารู้ว่าในทุกสิ่งที่ท่านทำให้ข้า… ท่านไม่เคยต้องการคำตอบแทนใด ๆ ทว่าแม้กระนั้น ข้าก็ยังอยากตอบแทนอยู่ดี" หลินหยาระบายยิ้มมองเขาอย่างจริงใจ “หากวันไหนข้าไปซื้อเต้าหู้แล้วไม่เจอท่าน ข้าคงต้องกลับไปเปล่ามือ... เพราะข้าตั้งใจจะซื้อเผื่อผู้อื่นด้วยในทุกวัน ข้าจะถือว่าเป็นโอกาสพบท่านในข้ออ้างเล็กน้อยเช่นนั้น แล้วพูดคุยกันตามประสาที่ข้ากับท่านสนิทกันถึงเพียงนี้”


ก่อนนางหันไปสบตาหรงเล่อ มือบางขยับไปวางทับบนมือของสหายที่นั่งเคียง "ส่วนเจ้าหรงเล่อ… เจ้าคือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตข้า ไม่มีใครเข้าใจข้าเท่าเจ้ามาก่อน ไม่มีใครมองข้าผ่านม่านภาพลักษณ์ ม่านของสถานะ ม่านของความคาดหวัง… ยามข้าล้มอยู่ใกล้เจ้า ยามข้าสงสัยในตนเอง เจ้าก็ยังอยู่เสมอไม่มีเปลี่ยน" ถ้อยคำเหล่านั้นแม้ไม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะเทือนอารมณ์ หากแต่กลับทำให้โถงเรือนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง มีเพียงเสียงลมหายใจและเสียงลมที่ไล้ผ่านเถาวัลย์นอกหน้าต่าง


"ตอนนี้ข้าออกมาใช้ชีวิตของตนเองได้แล้วจริง ๆ อย่างที่ฝันไว้… ทว่าข้ายังคงจะไปพบพวกท่านเหมือนเคย มิใช่เพราะความจำเป็นแต่เพราะใจข้าต้องการ ข้าไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณพวกท่านอีกต่อไปในเชิงของหน้าที่ แต่เป็นหนี้ด้วยหัวใจที่ไม่มีวันหมดอายุ"


“ความทรงจำที่ฉางอัน… สำหรับข้ามีค่ากว่าอัญมณีหายากเพียงหนึ่งเดียว และที่มันเป็นเช่นนั้น... ก็เพราะมีพวกท่านอยู่ในนั้นด้วย” หรงเล่อเม้มริมฝีปากนิด ราวกับห้ามน้ำตาที่ซึมมาโดยไม่ตั้งใจก่อนจะยื่นมือมากุมมือนางไว้แน่นขึ้น “เจ้ามันเด็กดื้อไม่เคยรู้ตัว... แล้วก็เป็นหลินหยาที่ทำให้ข้าอยากอยู่ในโลกนี้นานขึ้นกว่าเดิมด้วยเหมือนกัน”


ส่วนหลิวอันมิได้กล่าวคำใด เขาเพียงแต่นั่งนิ่งหลุบตาลงอย่างเรียบสงบ ทว่าในอกกลับพลุ่งพล่านด้วยบางอย่างที่ไม่แสดงออกความอบอุ่นในส่วนลึกของหัวใจแม้ดวงตาของเขาเยือกเย็นดังเคย แต่กลับมีประกายที่ไม่ได้เห็นมานานวูบขึ้นเพียงเสี้ยวหนึ่ง


หลินหยามองทั้งสองนานเนิ่นราวกับจะจดจำภาพนี้ไว้ในห้องหัวใจ ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งใจและเปี่ยมสุข แล้วกล่าวแผ่วเบาแต่เด็ดเดี่ยว “ตั้งแต่วันนี้… ข้าจะใช้ชีวิตนั้นให้คุ้มค่ากับทุกความเมตตาที่ได้รับมาจากพวกท่าน มีความสุข ใช้ชีวิต หัวเราะดั่งเช่นพวกท่านคือครอบครัวที่สองที่คอยต่อลมหายใจให้ข้าเรื่อยมาเจ้าค่ะ” หลินหยาพูดพลางยิ้มระบายหวาน...แต่งดงาม ราวแสงยามเช้าที่ผ่านม่านเมฆเบาบางในฤดูใบไม้ผลิ…


ความสัมพันธ์ของหลินหยากับหวยหนานหวางและหรงเล่อสำหรับเธอแล้ว มันคือความจริงใจเปรียบดั่งครอบครัวที่สองที่ให้ชีวิต สิ่งที่ไม่ต้องการการตอบแทน แต่ทว่ากลับตรึงใจไว้นานเท่านาน และหลินหยาจะไม่มีทางลืมบุญคุณของคนที่ให้ชีวิตใหม่แก่นาง




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: กรี๊ดดดดดด มาหาหรงเล่ออ มาเอาของฝากให้จ้าาา


รางวัล: +ค่าเรทติ้ง NPC ตัวประกอบ

พูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

คุยกับหลิวอันแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-04] หลิว อัน


มอบ สุรานารีแดง สุราเกรดแดง ให้ [NPC-04] หลิว อัน

มอบ ซุปใสใส่ใบหลิว อาหารเกรดแดง ให้ [NPC-04] หลิว อัน

มอบ ขนมบัวหิมะ ขนมว่างเกรดทอง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

มอบสุราไผ่เขียว สุราเกรดทอง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

(มอบให้รู้ไว้ว่า เอาบรรจุซะเดี๋ยวนี้!!)


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 45022 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-20 08:20
โพสต์ 45,022 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-20 08:20
โพสต์ 45,022 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-20 08:20
โพสต์ 45,022 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-20 08:20
โพสต์ 45,022 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-8-20 08:20
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-30 13:17:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 30 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซื่อ เวลา 09.00 - 11.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก จวนหวยหนานหวาง (พบ หรงเล่อ)


ลมสายอ่อนพัดใบเมเปิ้ลแห้งปลิววนเหนือกำแพงหินสีเทาของจวนหวยหนานหวาง เสียงกีบม้าของเยวี่ยเหยียนดังสะท้อนเบา ๆ เมื่อหลินหยาขี่ม้ามาถึงหน้าประตูใหญ่ที่ปิดสนิททว่าองอาจ นางขยับตัวลงจากหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ชุดผ้าสีอ่อนของนางปลิวตามแรงลมเล็กน้อย มือขาวนวลยังถือห่อผ้าซึ่งภายในมีซุปใสใบหลิวที่ต้มจนกลมกล่อมและสุรานารีแดงกลิ่นหอมกรุ่นสำหรับมอบให้กับคุณหนูหรงเล่อ 


พ่อบ้านผู้เคร่งขรึมยืนรออยู่ตรงประตู เมื่อหลินหยาเอ่ยชื่อออกไปยังไม่ทันอธิบายต่อ เขากลับผายมืออย่างนอบน้อม “เชิญคุณหนูหลินหยา จวิ่นจูหรงเล่อทราบแล้ว ให้ท่านตรงไปยังเรือนรับรองได้เลย” น้ำเสียงนั้นไม่ต่างจากผู้เฝ้าจวนที่เคยเห็นหน้าหลินหยาแล้วจำได้ ทำให้หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งอก ก่อนจะยกมือประนมคารวะเล็กน้อยแล้วเดินตามทางหินที่ทอดลึกเข้าไปในเรือน


ทางเดินทอดผ่านสวนที่แวดล้อมด้วยไม้ยืนต้นเขียวเข้ม แม้ลมใบไม้ร่วงจะโบกสะบัด แต่กลิ่นใบสนและไม้เก่ายังคงอบอวล บ่งบอกถึงความมั่นคงและสงบเยือกเย็นของเรือนนี้ เมื่อเดินเข้าไปจนถึงเรือนรับรอง หลินหยาก็เห็นหญิงสาวร่างโปร่งในชุดแพรสีอ่อนนั่งรออยู่ที่ศาลาไม้ หรงเล่อหันมาทันทีที่ได้ยินฝีเท้า รอยยิ้มอบอุ่นที่แต่งแต้มบนใบหน้านั้นทำให้ความเคร่งขรึมของเรือนจวนดูอ่อนโยนลงในบัดดล


“หยาหยา! เจ้ามาที่นี่จริง ๆ หรอ!” เสียงหวานใสเปล่งออกมาเต็มไปด้วยความดีใจ ดวงตาสุกสว่างด้วยความซื่อตรง หรงเล่อลุกขึ้นมาต้อนรับด้วยตัวเอง นางก้าวเข้ามาใกล้รับห่อผ้าที่หลินหยาถือไว้


หลินหยายกของในมือขึ้นพร้อมรอยยิ้มสดใส “วันนี้ข้านำซุปใสใบหลิวมาต้มให้ และก็สุรานารีแดงมาฝาก หวังว่าเจ้าจะชอบนะ” น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงความจริงใจ หรงเล่อรับไว้ทั้งสองสิ่งด้วยสีหน้าปลื้มปีติ “งือออ…เจ้าช่างเอาใจใส่เสมอ ข้ารู้สึกเกรงใจนักหยาหยา” นางหัวเราะเบา ๆ แล้วขยับนั่งลงเชิญหลินหยาให้นั่งเคียงข้างที่โต๊ะไม้หินอ่อนกลางศาลา


เมื่อทั้งสองนั่งลงแล้วลมเย็นโชยผ่านระแนงไม้ รอยยิ้มของหรงเล่อยังไม่เลือนหาย นางเอียงคอมองหลินหยา ดวงตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามนิสัย “ว่าแต่ หยาหยาข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้เจ้ามีเรื่องราวน่าตื่นเต้นมากมายใช่หรือไม่ ข้าเองยังรอคอยอยากฟังอยู่เลย”


หลินหยาหัวเราะน้อย ๆ ยกมือปัดปอยผมที่ปลิวตามลมพลางส่ายหัว “เอาไว้รอให้ข้าทำขนมหวานสำเร็จก่อนแล้วค่อยเล่า ข้าว่าเจ้าจะชอบมันแน่ ๆ ขนมหวานที่ข้ากำลังเรียนรู้…อยากให้เจ้ารอก่อนได้ไหม”


“ขนมหวานจากเจ้าหรอ!…ข้าจะตั้งตารอเลย!” หรงเล่อหรี่ตาอย่างตื่นเต้น


ไม่นานเสียงหัวเราะของนกน้อยดังประสานกับเสียงใบไม้ปลิวไหว ลานหินในจวนหวยหนานหวางที่ปกติสงบเยือกเย็นกลับอบอุ่นขึ้นทันตาเมื่อมีร่างสองร่างเดินเคียงกันไป หรงเล่อโอบแขนหลินหยาอย่างสนิทสนม พลางเอียงศีรษะออดอ้อนเหมือนสหายสาวน้อยที่ไม่ได้เจอกันนาน “หยาหยา…อยู่กับข้าหน่อยเถอะนะ นาน ๆ ทีเจ้าจะยอมมาถึงจวนสักที ปกติต้องไปเจอเจ้าที่ร้านเต้าหู้ของท่านพ่อทุกคราว คราวนี้ไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ หรอก”


หลินหยาเหลือบตามองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เล็ก ๆ ใบหน้าสดใสสะท้อนแสงแดดยามสายอุ่นอ่อน “ก็ได้…วันนี้ข้าจะอยู่กับเจ้าทั้งยามซื่อเลย พอใจหรือยังเล่าหรงเล่อ?” น้ำเสียงของนางแฝงความเอ็นดูเต็มเปี่ยม


“พอใจสิ! พอใจที่สุดเลย” หรงเล่อยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่แขนของหลินหยาอย่างหมั่นเขี้ยว จากนั้นก็ลากมืออีกฝ่ายไปตามทางเดินที่ทอดผ่านสวนหินและแปลงดอกไม้ใบเมเปิ้ลที่กำลังร่วงโรย ทั้งสองเดินเคียงกันไปอย่างไม่รีบร้อน ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงพวกนาง สายลมพัดกลีบดอกไม้ที่โรยลงพื้นให้ปลิวขึ้นอีกครั้ง หรงเล่อหันมามองใบหน้าของหลินหยายิ้มเจื่อน ๆ แต่เต็มไปด้วยความสุขใจ “หยาหยา เจ้ารู้หรือไม่ เวลาข้าอยู่กับเจ้า…ข้าไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นธิดาหวางเลย รู้สึกเหมือนเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่ได้เดินเล่นกับสหายสนิทที่สุด”


หลินหยายกมือไปแตะเบา ๆ ที่มือของหรงเล่อที่กุมแขนตนเองอยู่ “นั่นเพราะสำหรับข้า เจ้าก็เป็นเพียงหรงเล่อ เพื่อนสนิทที่ข้ารัก ไม่ใช่ธิดาหวางผู้สูงศักดิ์” น้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น


ดวงตาของหรงเล่อพราวระยับทันทีที่ได้ยิน นางหัวเราะเบา ๆ แล้วโน้มตัวมากระซิบข้างหูหยาหยา “ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่นี้ไป เจ้าต้องเรียกข้าว่าหรงเล่อเสมอนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม” หลินหยาหัวเราะคิกยักคิ้วตอบกลับ “ตกลงหรงเล่อ…แต่เจ้าก็ต้องเรียกข้าว่าหยาหยาเสมอเหมือนกัน”


ทั้งสองเดินต่อไปในสวนใหญ่ จับมือกันแน่นยิ่งกว่าเดิม เสียงหัวเราะสดใสของสหายสองนางดังสะท้อนก้องไปทั่วเรือนจวนที่ปกติเต็มไปด้วยความเงียบขรึม แสงแดดอุ่นอ่อนยามสายสาดส่องพอดิบพอดี เสมือนประจักษ์พยานแห่งมิตรภาพที่แนบแน่นไม่อาจสั่นคลอนได้




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: มาหาเมีย เอ้ยยย มาหรงเล่อค้าบ


รางวัล: +ค่าเรทติ้ง NPC ตัวประกอบ

พูดคุยกับ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

มอบ สุรานารีแดง สุราเกรดแดง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

มอบ ซุปใสใส่ใบหลิว อาหารเกรดแดง ให้ [NPC ตัวประกอบ หลิว หรงเล่อ]

(สัปดาห์นี้ยังไม่เพิ่มเรตติ้งหรงเล่อเลยยย เพิ่มเด๋วนี้!!)


แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-8-30 13:18
โพสต์ 28075 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-30 13:17
โพสต์ 28,075 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 2025-8-30 13:17
โพสต์ 28,075 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-30 13:17
โพสต์ 28,075 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-30 13:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้