[เมืองหยุนอู่]

[คัดลอกลิงก์]









เมืองหยุนอู่


เมืองหยุนอู่ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจินเฉิงของมณฑลเหลียงโจว มีภูมิประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเหอซี ซึ่งเป็นเส้นทางยาวแคบ ๆ ที่เชื่อมต่อต้าฮั่นตอนในเข้ากับดินแดนทางตะวันตก และถือเป็นหนึ่งในเส้นทางหลักของเส้นทางสายไหมตอนเหนือ


ตัวเมืองและบริเวณโดยรอบมีลักษณะเป็นกึ่งทะเลทรายที่แห้งแล้ง แต่สามารถพัฒนาเป็นพื้นที่เกษตรกรรมได้ด้วยการอาศัยน้ำจากเทือกเขาฉีเหลียงซานที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดระบบการเกษตรแบบโอเอซิส โดยเฉพาะในบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลืองและสาขาต่าง ๆ ซึ่งเอื้อต่อการเพาะปลูกและเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คน


เศรษฐกิจของเมืองหยุนอู่จึงพึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก มีการเพาะปลูกธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวฟ่างและข้าว รวมถึงพืชผักผลไม้ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงหนอนไหมและผลิตผ้าไหม รวมถึงการผลิตเครื่องเคลือบและเครื่องเหล็กในระดับหัตถกรรม แม้ว่าพื้นที่จะไม่เหมาะกับการผลิตขนาดใหญ่ แต่ด้วยทำเลที่ตั้งบนเส้นทางการค้าระหว่างฮั่นตอนในกับดินแดนทางตะวันตก ทำให้เมืองนี้เป็นจุดพักสำคัญของเหล่าพ่อค้าและกองคาราวาน ภายในเมืองมีตลาดที่คึกคัก รองรับทั้งสินค้าพื้นเมืองและสินค้าที่เดินทางมาจากแดนไกล


ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ดังกล่าว เมืองหยุนอู่จึงมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะด่านหน้าทางทหารที่ควบคุมชายแดนด้านตะวันตกของราชวงศ์ฮั่น และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่เชื่อมโยงโลกของชาวฮั่นเข้ากับโลกภายนอกผ่านเส้นทางสายไหม แม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางอำนาจ แต่เมืองนี้ก็มีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในด้านการทหาร เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม











แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7799 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-8 10:44
โพสต์ 2025-9-17 01:44:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 16 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ตลอดทั้งวัน

ดวงอาทิตย์กลมโตโผล่พ้นทิวเขาที่อยู่ไกลลิบ ส่งแสงสีส้มอมแดงสาดส่องลงมาบนพื้นดินที่แตกระแหงเหมือนจะเผาไหม้ให้ทุกอย่างมอดไหม้ไปกับแสงแรกของวันใหม่ ไอเย็นยามค่ำคืนที่เคยโอบกอดทุกสรรพสิ่งไว้ในอ้อมอกได้จางหายไปจนสิ้น เหลือไว้เพียงความร้อนระอุที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กองทัพขนาดใหญ่ซึ่งประกอบไปด้วยเหล่าทหารม้าและทหารราบจำนวนมากที่ดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางในวันวาน เริ่มต้นการเคลื่อนขบวนอีกครั้งด้วยความมุ่งมั่นที่เต็มเปี่ยมราวกับว่าไม่เคยรู้จักกับคำว่าความเหน็ดเหนื่อยมาก่อน

ซิ่วอิงออกเดินไปพร้อมกับเกาเหยียน ท่ามกลางเสียงกลองที่ยังคงดังเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ เป็นเสียงปลุกขวัญและกำลังใจที่หนักแน่นเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจที่ยังคงเดินหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง ทุกย่างก้าวที่เดินไปข้างหน้าคือการต่อสู้กับความอ่อนแอของตัวเอง รองเท้าหนังที่เคยใส่สบายบัดนี้กลายเป็นดั่งพันธนาการที่รัดรึงฝ่าเท้าจนรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทุกอณู เลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลที่เกิดจากการเสียดสีเมื่อวานเริ่มแห้งเกาะติดอยู่กับเนื้อหนังจนรู้สึกแสบไปหมดทุกครั้งที่ก้าวเดิน ซิ่วอิงได้แต่กัดฟันเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ

ฝุ่นทรายสีน้ำตาลที่ลอยฟุ้งขึ้นในอากาศบดบังทัศนียภาพรอบข้างจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แสงแดดที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนนั้นแผดเผาจนรู้สึกราวกับผิวหนังกำลังถูกย่างอยู่บนกองไฟ เหงื่อที่ไหลซึมออกมาจากร่างกายเปียกชุ่มเสื้อผ้าจนเป็นวงกว้าง แต่มันก็ระเหยไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่เคยมีอยู่จริง ซิ่วอิงยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดหยาดเหงื่อที่ไหลซึมลงมาตามใบหน้า แต่ก็ต้องเจอเข้ากับฝุ่นดินที่เกาะติดอยู่จนมองดูมอมแมมไปหมด นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของนางกำลังใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว ลำคอที่แห้งผากนั้นทำให้ทุกครั้งที่กลืนน้ำลายลงไปรู้สึกราวกับกลืนก้อนกรวดลงไปในท้อง

แต่แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองยังเบื้องหน้า ซิ่วอิงก็เห็นแผ่นหลังที่ตั้งตรงและทรงพลังของ แม่ทัพหนุ่มฮั่วชวี่ปิ้ง ที่ยังคงขี่ม้านำทัพอยู่ไม่ไกลจากจุดที่นางอยู่ ชุดเกราะเหล็กสีเงินของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงเหมือนกับเมื่อวานนี้ไม่ผิดเพี้ยน ดวงตาที่คมกริบของเขายังคงจับจ้องอยู่กับเบื้องหน้าอย่างมุ่งมั่นและไม่เคยหันกลับมามองด้านหลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว ร่างกายของเขาดูราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับม้าที่นั่งอยู่จนไม่อาจแยกจากกันได้ ความแข็งแกร่งของเขาเป็นเหมือนพลังงานที่ขับเคลื่อนให้กองทัพทั้งหมดสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ในยามที่ทุกคนกำลังจะหมดแรง

“คนอะไรอึดชะมัด” ซิ่วอิงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ 

เกาเหยียนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเข้าจึงได้กล่าวว่า 

“ข้าเคยได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพออกรบจับศึกตั้งแต่สิบสี่หนาว ช่างเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นจริง ๆ ท่านคิดดูสิตอนนี้เขาได้เป็นถึงแม่ทัพทั้งที่เด็กกว่าพวกเราเสียอีก”

คำบอกเล่าของเกาเหยียนเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้ซิ่วอิง นางก้มหน้าลงมองพื้นดินที่แตกระแหงแล้วพยายามเดินต่อไปอย่างไม่ท้อถอย แม้เส้นทางจะยาวไกลและเต็มไปด้วยอุปสรรคเพียงใด นางก็รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมุ่งหน้าต่อไป เสียงกลองยังคงดังเป็นจังหวะอยู่ตลอดเวลา ทุกย่างก้าวที่เดินไปข้างหน้าคือการต่อสู้กับความอ่อนแอของตัวเอง แม้จะรู้สึกท้อแท้เพียงใด นางก็ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างช้า ๆ และมั่นคงด้วยความคิดถึงพี่น้องและสหายที่รอคอยการกลับไปของนางที่เมืองหลวง

การเดินทางในวันนั้นยาวนานกว่าที่คิดไว้มากนัก แสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แล้วในที่สุดเมื่อแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าไป เสียงสัญญาณกลองก็ดังขึ้นอย่างรัวเร็วและหนักแน่น นั่นคือสัญญาณบอกให้รู้ว่าพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองหยุนอู่ อันเป็นจุดพักแรมแห่งต่อไปในเส้นทางของการเดินทางกลับฉางอันแล้ว

เหล่าทหารม้าและทหารราบจำนวนมากที่ดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาตลอดทั้งวันส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและโล่งอก ซิ่วอิงและเกาเหยียนต่างก็ทรุดตัวลงนั่งพักอย่างหมดแรงเมื่อมาถึงประตูเมืองอันโอ่อ่าและยิ่งใหญ่ ร่างกายของนางปวดเมื่อยไปทั้งตัวราวกับถูกทุบตีด้วยไม้ น้ำในกระบอกไม้ไผ่หมดลงไปนานแล้ว คอของนางแห้งผากจนแทบจะไม่มีเสียงออกมา ดวงตาของนางมองไปยังเหล่าทหารที่พากันทรุดตัวลงนั่งพักกันอย่างกระจัดกระจาย ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยคราบเหงื่อไคลและฝุ่นดินนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากที่ทุกคนต้องเผชิญมาตลอดทั้งการเดินทาง

เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ บรรยากาศของความเหน็ดเหนื่อยเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาได้ถูกแทนที่ด้วยความสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง ซิ่วอิงเหลือบมองไปยัง แม่ทัพหนุ่มฮั่วชวี่ปิ้ง ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมราวกับรูปปั้น เขาหันมาสบตากับซิ่วอิงเพียงครู่เดียว ก่อนจะเดินนำเหล่าทหารม้าที่เหลือไปยังจุดพักแรมที่อยู่ด้านในเมือง ท่ามกลางความมืดที่เริ่มปกคลุมไปทั่ว ซิ่วอิงยังคงเห็นแผ่นหลังที่ตั้งตรงและทรงพลังของเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะหันกลับมามองด้านหลังเลยสักครั้ง

แต่ในครั้งนี้ ซิ่วอิงรู้สึกได้ว่าแววตาของเขาในวินาทีที่สบตากับนางนั้นมันไม่ได้เรียบเฉยเหมือนเมื่อวานนี้ แต่มันเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมุ่งมั่นราวกับจะบอกให้รู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อปกป้องและนำพาทุกชีวิตให้กลับไปยังบ้านเกิดอย่างปลอดภัย

ซิ่วอิงรู้สึกเหมือนกับว่าความเหนื่อยล้าที่เคยมีอยู่ได้จางหายไปจนสิ้น นางลุกขึ้นยืนด้วยกำลังใจที่ล้นเหลือแล้วเดินตามเกาเหยียนเข้าไปในเมืองพร้อมกับกองทัพที่เหลือ

คืนนั้นซิ่วอิงนอนหลับอย่างสนิทและรู้สึกเหมือนได้ชาร์จพลังจนเต็มเปี่ยม การเดินทางในวันพรุ่งนี้ยังคงรออยู่ และแน่นอนว่ามันจะยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย แต่ในใจของนางก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับไปยังฉางอันให้ได้ ไม่ว่าต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม นางก็จะไม่ย่อท้ออีกต่อไปแล้ว



เดินทางถึงเมืองหยุนอู่




@Watcher   




แสดงความคิดเห็น

เมื่อถึงเมือง ท่านได้ยินเสียงบางอย่าง หากเลือกตามเสียง ท่านจะหลุดจากอีเว้นท์หัวใจฮั่วชวี่ปิ้งรอเริ่มใหม่ และคลาดกับกองทัพ  โพสต์ 2025-9-17 20:01
โพสต์ 18122 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 01:44
โพสต์ 18,122 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-9-17 01:44
โพสต์ 18,122 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 2025-9-17 01:44
โพสต์ 18,122 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 2025-9-17 01:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-9-18 14:34:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-9-18 23:33






วันที่ 17 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามโฉ่ว (เวลา 01.00 น.)

ดวงดาวพร่างพราวระยิบระยับเต็มท้องฟ้าสีดำสนิทราวกับผ้าไหมชั้นดีที่ถูกโรยด้วยเพชรนับหมื่นแสนเม็ด แสงจันทร์สาดส่องลงมาต้องกับพื้นทรายสีเหลืองนวลที่เคยร้อนระอุในยามกลางวัน บัดนี้มันเย็นลงจนรู้สึกได้ถึงไอเย็นที่ลอยขึ้นมากระทบผิวกาย ยามโฉ่วเป็นช่วงเวลาที่ทุกชีวิตในค่ายพักชั่วคราวกำลังนิทราอยู่ในห้วงฝัน กระโจมทหารมากมายตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ เสียงกรนดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ปะปนกับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ เป็นสัญญาณบอกว่าเหล่าทหารต่างก็เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมาตลอดทั้งวัน และบัดนี้พวกเขากำลังพักผ่อนอย่างเต็มที่

ซิ่วอิงพลิกตัวไปมาอยู่บนเสื่อฟางในกระโจม เสียงกรนของเพื่อนร่วมกระโจมดังเหมือนเสียงฟ้าร้อง นางพยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ ในที่สุดความอึดอัดที่สั่งสมมาก็ทำให้นางเลือกที่จะลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้อื่น นางหยิบเสื้อคลุมที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบมาสวมทับชุดเดิมที่เต็มไปด้วยฝุ่นและคราบเหงื่อไคล แล้วสวมรองเท้าหนังที่ยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อยามสวมใส่ จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินย่องออกจากกระโจมไปอย่างระมัดระวัง

ยามราตรีในเมืองหยุนอู่นั้นเงียบสงบยิ่งนัก มีเพียงแสงไฟจากกองไฟที่ลุกโชนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในค่ายพักเป็นดวง ๆ เหมือนดวงดาวที่ตกลงมาอยู่บนพื้นดิน แสงสว่างนั้นทำให้มองเห็นเพียงเงาร่างของยามเฝ้าค่ายที่เดินตรวจตราอยู่ไม่ไกลนัก ซิ่วอิงมองไปรอบ ๆ ไม่เห็นผู้คนอื่นใดเลย มีเพียงความว่างเปล่าที่ห่อหุ้มทุกสิ่งเอาไว้ นางสูดอากาศที่แห้งและเย็นเข้าเต็มปอด รู้สึกได้ว่ามันช่วยบรรเทาความอึดอัดในใจที่สั่งสมมาตลอดทั้งวันได้บ้าง นางเดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาในตอนกลางวัน แต่จุดหมายที่นางต้องการไปในตอนนี้คือธารน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้

เมื่อมาถึงริมธาร ซิ่วอิงก้มลงใช้มือวักน้ำเย็นขึ้นมาล้างหน้าล้างตา นางรู้สึกได้ว่าความสดชื่นเข้ามาแทนที่ความเหน็ดเหนื่อยในทันที นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีดวงดาวส่องแสงอยู่เต็มไปหมด ภาพของดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้าทำให้จิตใจของนางสงบลงอย่างประหลาด นางปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปช้า ๆ อยู่ตรงนั้นจนรู้สึกตัวว่าความเงียบสงบที่เคยมีอยู่นั้นได้ถูกแทนที่ด้วยเสียงแปลกๆ ที่ดังมาจากเบื้องหลัง

ซิ่วอิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย พยายามเพ่งมองไปยังที่มาของเสียงนั้นแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดเลย นางเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มากกว่า ทำให้ซิ่วอิงเลือกที่จะเดินตามเสียงนั้นเข้าไปอย่างช้า ๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทุกย่างก้าวที่เดินไปข้างหน้านั้นกำลังจะพาตัวเองออกห่างจากค่ายพักชั่วคราวไปทีละน้อย จนพลัดคลาดจากกองทัพโดยไม่รู้ตัว...




เลือกเดินตามเสียงไป


@Watcher 





แสดงความคิดเห็น

คุณเดินตามเสียงไปจนออกมานอกเมือง หยุดตรงหน้าโขดหินขนาดใหญ่ เบื้องบนมีชายชุดขาวนั่งดีดเจิ้งบรรเลง คือเสียงที่เธอได้ยิน (1) ฟังจนจบ | (2) ขัดจังหวะพูดขึ้น  โพสต์ 2025-9-18 15:50
โพสต์ 9717 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-18 14:34
โพสต์ 9,717 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-9-18 14:34
โพสต์ 9,717 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 2025-9-18 14:34
โพสต์ 9,717 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D)  โพสต์ 2025-9-18 14:34
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-9-18 23:48:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 17 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามโฉ่ว (เวลา 01.30 น.)

ซิ่วอิงก้าวเดินอย่างเชื่องช้า หัวใจของนางเต้นระรัวด้วยความกังวลและความตื่นเต้นที่ปะปนกัน นางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเดินตามเสียงพิณเจิ้งออกมาไกลจากค่ายพักแรมแค่ไหนแล้ว ความเงียบสงัดของยามราตรีถูกทำลายลงด้วยเสียงก้องกังวานของพิณเจิ้งที่ดังแว่วมาตามสายลม มันเป็นเสียงที่ไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ที่ร่ายรำอยู่บนผืนโลก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยและเหงาหงอยอย่างน่าประหลาด ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งนางได้รู้แล้วว่าเสียงนั้นดังมาจากบนโขดหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า โขดหินที่สูงเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาทำให้ซิ่วอิงสามารถมองเห็นร่างของชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่บนโขดหินได้อย่างชัดเจน เขาผู้นั้นสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวกับเกล็ดหิมะที่เพิ่งตกลงมาใหม่ ๆ แม้จะเห็นเพียงด้านหลัง แต่กลับรู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันสูงส่งและสง่างามที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา เส้นผมสีดำขลับยาวสลวยถูกมัดรวบไว้ด้วยปิ่นหยกสีมรกตที่ดูเรียบง่ายแต่ก็ล้ำค่า แสงจันทร์ที่ส่องลงมาต้องกับปิ่นหยกทำให้มันเปล่งประกายระยิบระยับคล้ายดวงดาวที่ตกลงมาอยู่ในความมืด นางมองเห็นแผ่นหลังที่ตรงดิ่งของเขา มันแสดงออกถึงความแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวในตัว แต่ในขณะเดียวกันท่วงท่าที่เขากำลังใช้สองมือบรรเลงพิณเจิ้งอยู่นั้นกลับนุ่มนวลและอ่อนช้อยราวกับสายน้ำที่ไหลเรื่อย

ปลายนิ้วที่เรียวยาวและแข็งแกร่งของเขากดลงบนสายพิณเบา ๆ เสียงดนตรีที่ก้องกังวานในความมืดมิดทำให้ซิ่วอิงรู้สึกราวกับถูกสะกดไว้ ณ ที่แห่งนั้น นางเผลอหยุดยืนนิ่งโดยไม่รู้ตัว ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปตามเสียงเพลงที่ไพเราะจนแทบจะหยุดหายใจ เสียงเพลงนั้นบรรยายถึงความยิ่งใหญ่และสง่างามของท้องทะเลทรายอันกว้างใหญ่ แต่ก็ซ่อนเร้นความเดียวดายของผู้เดินทางที่อยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

“เป็นบทเพลงที่ยิ่งใหญ่และเศร้าเหลือเกิน…” ซิ่วอิงพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “ใครกันที่สามารถบรรเลงบทเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเช่นนี้ได้…ราวกับเขากำลังเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองออกมาผ่านเสียงดนตรี”

นางยืนฟังการบรรเลงนั้นโดยไม่ขยับกายไปไหน ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปทีละนิดจนความเย็นของยามค่ำคืนเริ่มแทรกซึมเข้ามาในเนื้อผ้า 

ปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างชำนาญของชายผู้นั้นทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าจิตวิญญาณของเขากำลังถูกหลอมรวมเข้ากับพิณเจิ้ง นางไม่รู้ว่าเขาบรรเลงเพลงนี้มานานแค่ไหน แต่สำหรับซิ่วอิงแล้วทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปหมด มีเพียงเสียงพิณที่ยังคงก้องกังวานอยู่ในห้วงอากาศอันเงียบสงบ เสียงเพลงที่เริ่มบรรเลงด้วยความเศร้าโศกค่อย ๆ เปลี่ยนโทนไปเป็นความหวังและความแข็งแกร่งในที่สุด เสียงสุดท้ายของพิณเจิ้งดังขึ้นอย่างก้องกังวานและดังกึกก้องอยู่ในความเงียบงันก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปในสายลม ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง

ซิ่วอิงสะดุ้งตัวเล็กน้อยราวกับเพิ่งตื่นจากห้วงแห่งความฝัน แต่ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในใจคือความว่างเปล่าที่มาแทนที่บทเพลงที่จบลงอย่างน่าใจหาย นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงพร่างพราวเหมือนเดิม แต่ในใจของซิ่วอิงกลับรู้สึกว่าดวงดาวในท้องฟ้านั้นไม่สามารถส่องสว่างได้เท่ากับเสียงพิณของชายผู้นี้เลย

ไม่รู้ตัวเลยว่านานเท่าไหร่ที่นางยืนมองแผ่นหลังของเขาอยู่เช่นนั้น ซิ่วอิงค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วตบเบา ๆ เสียงปรบมือของนางดังก้องไปทั่วความเงียบงันของยามราตรี




เลือก (1) ฟังจนจบ


@Watcher 





แสดงความคิดเห็น

ได้รับ เบาะแสร่องรอยมาร หากเลือกไปสืบหาจางเย่จะยิ่งทำให้บรรลุมากขึ้น  โพสต์ 2025-9-19 11:05
มันอาจจะกลืนกินทั้งเมืองหรือแผ่นดิน เจ้าจงเดินทางไปที่นั่นเถอะเหล่าผู้กลับชาติมาเกิดมิเช่นนั้นเผ่ามารจากพิภพมารอาจจะใช้ช่องทางนี้แหวกม่านที่ปกคลุมโลกเข้ามาในโลกนี้  โพสต์ 2025-9-19 11:04
เจ้ารู้หรือไม่เวลานี้ในเมืองจางเย่สถานที่ไม่ไกลจากตัวเมืองนักได้เกิดเรื่องร้ายแรง บริเวณนั้นได้เกิดเหตุผกผัน ปรากฎรูกาลอวกาศที่อาจจะทำให้ชาวเมืองหายสาบสูญแต่เมื่อมันใหญ่ขึ้น  โพสต์ 2025-9-19 11:03
โพสต์ 11939 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-18 23:48
โพสต์ 11,939 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-9-18 23:48
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-9-20 22:23:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 17 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 
ยามโฉ่ว (เวลา 02.00 น.)

หลังจากสิ้นเสียงสุดท้ายของพิณเจิ้งที่จางหายไปในสายลม ความเงียบสงัดก็กลับเข้าปกคลุมอีกครั้ง ซิ่วอิงยังคงยืนนิ่ง ไม่กล้าขยับกายไปไหน ราวกับเกรงว่าการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยจะทำลายห้วงบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ปล่อยให้ความเงียบและความว่างเปล่าเข้าครอบงำหัวใจที่ยังคงหวนรำลึกถึงท่วงทำนองอันแสนไพเราะ

ความรู้สึกนั้นดำรงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ซิ่วอิงจะตัดสินใจยกมือขึ้น แล้วตบเบา ๆ เสียงปรบมือของนางดังก้องไปทั่วความเงียบสงัดของยามราตรี เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและให้เกียรติอย่างแท้จริง

ทันทีที่เสียงปรบมือดังขึ้น ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโขดหินก็ค่อย ๆ หันกายกลับมาเผชิญหน้ากับนาง ดวงตาของเขาลึกล้ำราวกับห้วงมหาสมุทรที่ยากจะหยั่งถึง แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบกับใบหน้าของเขา ทำให้ซิ่วอิงได้เห็นความงดงามที่แท้จริง ไม่ใช่ความงดงามที่เกิดจากการตกแต่ง หากแต่เป็นความงดงามที่หลอมรวมจากความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน เส้นสายบนใบหน้าของเขานั้นคมคายไร้ที่ติ และดวงตาที่สงบนิ่งแต่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่รอการบอกเล่า

ริมฝีปากที่ได้รูปของเขาค่อย ๆ ขยับขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มทุ้มจะดังขึ้นในความเงียบงัน

“เจ้าไม่ควรออกมาเดินเพ่นพ่านในยามวิกาลเช่นนี้ หากไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนอื่น เจ้าอาจได้รับอันตราย” น้ำเสียงนั้นเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงไว้ซึ่งความห่วงใยอย่างน่าประหลาด

ซิ่วอิงน้อมกายลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว

“เสียงพิณของท่านไพเราะยิ่งนัก ทำให้ข้าไม่อาจห้ามใจที่จะเดินตามมาได้ ข้าต้องขออภัยที่รบกวนท่านเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวสิ่งใด เพียงแต่สายตาของเขาจับจ้องมาที่นาง ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะกลับมาจริงจังอีกครั้ง

“เจ้า…เป็นผู้กลับชาติมาเกิดใช่หรือไม่?”

คำถามนั้นทำให้ซิ่วอิงรู้สึกสับสน นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พยายามทำความเข้าใจคำพูดที่คลุมเครือ

“ผู้กลับชาติมาเกิดหรือเจ้าคะ? ข้าไม่เข้าใจที่ท่านกล่าวเลย ท่านหมายถึงสิ่งใดกัน?”

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบนโขดหินอย่างช้า ๆ แผ่นหลังที่เคยตรงดิ่งเมื่อครู่กลับดูสูงใหญ่และโดดเด่นมากขึ้นเมื่อเขาลุกขึ้นยืน แสงจันทร์ที่ฉาบไล้อยู่รอบกายทำให้เขาดูราวกับเทพเซียนที่ลงมาจากสรวงสวรรค์

“สิ่งที่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ในตอนนี้” เขากล่าวเสียงเรียบ “แต่สิ่งที่เจ้าควรรู้ คือในเวลานี้ที่จางเย่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น”

ซิ่วอิงชะงักไปเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่องที่คุ้นหู จางเย่เป็นเขตเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของต้าฮั่น และเป็นเมืองสำคัญสำหรับการค้าขายและเป็นเมืองหน้าด่านที่คอยต้านทานพวกป่าเถื่อน หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นที่นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอย่างแน่นอน

“เกิดเรื่องร้ายแรงอันใดหรือเจ้าคะ?" ซิ่วอิงถามด้วยน้ำเสียงกังวล

ชายหนุ่มจ้องมองไปในทิศทางของเขตจางเย่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความกังวล ความเศร้า และความเด็ดเดี่ยว

“บริเวณนั้นได้เกิด เหตุผกผันของมิติ ปรากฏเป็นรูมิติสีดำทะมึน ซึ่งดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง หากปล่อยให้มันขยายตัว มันอาจกลืนกินได้ทั้งเมือง หรืออาจจะถึงขั้นกลืนกินแผ่นดินนี้ให้หายไป”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหนักแน่นและน่าเชื่อถือ ซิ่วอิงเองก็รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสิ่งที่เขากำลังกล่าว

“ท่านต้องการให้ข้าทำอะไรหรือเจ้าคะ?” ซิ่วอิงถามอย่างตรงไปตรงมาในฐานะทหารที่พร้อมจะรับคำสั่งเสมอ

“ไปที่นั่นเถอะ เหล่าผู้กลับชาติมาเกิดเอ๋ย มิเช่นนั้นเผ่ามารจากพิภพมาร อาจใช้ช่องทางนี้แหวกม่านที่ปกคลุมโลกเข้ามาได้ โลกที่เจ้าอาศัยอยู่อาจจะตกอยู่ในอันตราย”

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปราวกับต้องการจะย้ำเตือน ซิ่วอิงได้ยินคำว่า ‘ผู้กลับชาติมาเกิด’ อีกครั้ง นางยังคงไม่เข้าใจความหมายของมัน แต่คำว่า ‘เผ่ามาร’ และ ‘โลก’ ทำให้หัวใจของนางเต้นระรัว

ในฐานะทหาร นางมีหน้าที่ปกป้องผู้คนและบ้านเมืองนี้เอาไว้ ไม่ว่าคำว่า ‘ผู้กลับชาติมาเกิด’ จะมีความหมายว่าอะไร แต่การที่แผ่นดินกำลังจะตกอยู่ในอันตรายนั้นเป็นเรื่องที่มิอาจมองข้ามได้ นางหันกลับไปมองยังค่ายพักแรมที่อยู่ลิบตา ก่อนจะตัดสินใจ

“ข้าจะไปที่เมืองจางเย่เดี๋ยวนี้” ซิ่วอิงเอ่ยเสียงหนักแน่น ราวกับคำพูดนั้นเป็นคำปฏิญาณที่กล่าวออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ

ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบพิณเจิ้งที่วางอยู่บนโขดหินกลับมาไว้ในอ้อมแขน เขายืนหันหลังให้นางอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ เดินห่างออกไปในเงามืด ปล่อยให้ซิ่วอิงยืนอยู่เพียงลำพัง

“ระวังตัวด้วย” เสียงของเขาดังแว่วมาตามสายลม ก่อนจะจางหายไปในที่สุด ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและความเดียวดาย

ซิ่วอิงมองตามแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืด ก่อนจะหันหลังกลับมามองท้องฟ้า ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงส่องแสงพร่างพราวเหมือนเดิม แต่ในใจของซิ่วอิงกลับรู้สึกว่าดวงดาวในท้องฟ้านั้นไม่สามารถส่องสว่างได้เท่ากับเสียงพิณของชายผู้นี้เลย นางรู้แล้วว่าไม่ว่าเรื่องราวเบื้องหน้าจะอันตรายเพียงใด นางก็ต้องเดินทางไปที่เมืองจางเย่ให้ได้ เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินที่นางรักเอาไว้ให้ถึงที่สุด

ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังจะหันหลังกลับไปเพื่อเดินทาง นางก็พลันนึกถึงคำอธิษฐานที่นางมักจะท่องอยู่เสมอในยามที่หัวใจไร้ซึ่งที่พึ่ง นางหลับตาลงอย่างช้า ๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นประกบกันตรงหน้าอก และเริ่มพึมพำบทสวดอธิษฐานที่ปลอบประโลมจิตใจของนางได้ทุกครั้งไป

“ข้าแต่ สัจเทพอี๋เหอ ผู้ทรงอำนาจแห่งแดนเทพ ข้าขออัญเชิญพลังของท่านมาสถิตในกาย เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดและก้าวสู่ศักยภาพที่แท้จริง ขอให้พรแห่งท่านนำพาข้าไปสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด!”

คำพูดนั้นดังแผ่วเบาในความเงียบสงัดของยามค่ำคืน แต่กลับดังกึกก้องอยู่ในใจของซิ่วอิงอย่างน่าประหลาด ราวกับว่ามีพลังลึกลับบางอย่างกำลังไหลเวียนเข้ามาในร่างกายที่เหนื่อยล้าของนาง ความกลัวและความกังวลที่เคยมีอยู่ค่อย ๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงความมุ่งมั่นและพลังใจที่เปี่ยมล้น นางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของซิ่วอิงก็ฉายแววแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว ราวกับถูกหลอมรวมเข้ากับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำในใจ นางหันหลังกลับไปมองทางที่มุ่งสู่เมืองจางเย่ ทอดถอนหายใจยาว ๆ แล้วออกเดินไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย



เลือกไปสืบที่จางเย่

[LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point (อย่าลืมลบ EXP ให้ด้วยน้า)


@Watcher 





แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-9-27 10:18
โพสต์ 20902 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 22:23
โพสต์ 20,902 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-9-20 22:23
โพสต์ 20,902 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 2025-9-20 22:23
โพสต์ 20,902 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 2025-9-20 22:23
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้