✿ แรกเกิด ✿
จี เทียนเต้าเกิดในครอบครัวยากจนล้มละลายในเมืองปู้ซาน ห่างไกลอำนาจทางการและโลกแห่งยุทธภพ พ่อแม่ของเขาเผชิญกับความหิวโหยเรื้อรัง และในฤดูหนาวอันโหดร้าย ขณะที่เขายังเป็นเพียงทารก พ่อแม่ได้ตัดนิ้วเท้าของเขาไปต้มกิน
เขารอดตาย แต่มิได้รอดเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ นิ้วเท้าที่ขาดหายกลายเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้ายของโลก และความล่มสลายของคุณธรรมที่ควรมีในครอบครัว
✿ ช่วง 1-14 ปี ✿
เขาเติบโตขึ้นในความเงียบงัน ไม่มีการเล่น ไม่มีการสอน ไม่มีการกอด ไม่มีการเอ่ยถึงความรัก ทุกวันคือการดิ้นรนเอาชีวิตรอด ในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสนใจใคร
จี เทียนเต้าไม่เคยมีโอกาสเรียนวิชา ไม่มีสำนัก ไม่มีจอมยุทธเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีแม้แต่กระบี่ไม้ให้ฝึก เขาเรียนรู้โลกผ่านการฟังผู้ใหญ่พูดและการสังเกตสีหน้าเวลาโกหกกัน
✿ ช่วงอายุ 15 ปี ✿
เมื่ออายุครบ 15 ปี หลังพ่อแม่เสียชีวิตจากโรคและความหิว เขาตัดสินใจ เดินทางจากเมืองปู้ซานสู่ฉางอัน เมืองหลวงแห่งราชวงศ์ฮั่น ด้วยความหวังอันเลือนรางว่าจะได้เริ่มชีวิตใหม่
เขาใช้เวลาเดินทางเป็นเดือน อาศัยของเหลือ เศษข้าว และคำโกหกเล็ก ๆ เพื่อแลกกับข้าวมื้อหนึ่ง ไม่มีเงิน ไม่มีญาติ ไม่มีแผนการ มีเพียง “ความตั้งใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ”
✿ ช่วงอายุ 20-35 ปี ✿
ที่ฉางอัน เทียนเต้าเคยเป็นยามลานเกวียน เป็นผู้ช่วยในโรงเตี๊ยม เป็นนักเขียนป้ายโฆษณา และแม้แต่ครูสอนเด็กยากจนอ่านหนังสือ เขาไม่เคยมีฝีมือการต่อสู้ ไม่เคยจับกระบี่ แต่เขามีปากดี มีหัวไว และรู้ทันคนเสมอ ทว่าโลกไม่ให้รางวัลกับคนดีเสมอไป เขาเคยช่วยคนแล้วถูกหักหลัง
เคยพูดความจริงแล้วถูกตบหน้า เคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ตายไม่ลง สุดท้าย สติของเขาหลุดไปทีละนิด ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดครั้งเดียว แต่เพราะมันไม่เคยหยุดเลย
✿ ปัจจุบัน 50 ปี ✿
หลังโรงเตี๊ยมเก่า ของฉางอัน มีลานดินขรุขระที่เคยใช้จอดเกวียนขนของ ตอนนี้ไม่มีเกวียน ไม่มีม้า เหลือเพียงซากไม้ กองเชือกเก่า และกลิ่นน้ำมันตะเกียงติดดิน ที่มุมหนึ่งของลานนั้น มีผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่งปูอยู่ บนผ้านั้นมีชายแก่หัวล้านนั่งขัดสมาธิ ดวงตาแดงเรื่อ หนวดเครารุงรัง
เขาชื่อ จี เทียนเต้า ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ทุกวัน ทั้งที่ตรงนั้นไม่มีอาหาร ไม่มีเงิน ไม่มีใครสนใจจะฟังเขาพูด แต่เขารู้เขามานั่งที่นี่เพราะที่นี่คือจุดที่ “เขา” เคยหยุด หลายเดือนก่อน
ชายหนุ่มคนหนึ่ง ยามประจำเมืองในชุดธรรมดา เคยยื่นหมั่นโถวให้เขาตรงนี้ ไม่ได้พูดอะไรเลย
แต่ยิ้ม ยิ้มแบบที่ไม่มีใครยิ้มให้เขามานานมากแล้ว จี เทียนเต้ารับไว้ ทั้งที่มือสกปรก และหัวใจ สกปรกยิ่งกว่า หลังจากนั้นเขาก็กลับมาที่นี่ทุกวัน นั่งพิงซากลังเกวียน พูดกับเศษไม้ที่กองอยู่ตรงหน้าเหมือนเป็นใครสักคน
“เจ้าจะกลับมาวันนี้ไหม”
“ข้าจะทำท่าบ้าๆให้เจ้าหัวเราะอีกก็ได้นะหรือข้าควรโกนหนวดก่อน”
บางวัน เขาจะเอาเชือกมาผูกเป็นรูปคน แล้วตั้งไว้ตรงหน้าเรียกมันว่า “เจ้าเกราะเงิน”
“ข้าเคยมีเพื่อนชื่อ เจ้าเกราะเงิน นะ เป็นคนดี ใจดี ไม่เหมือนคนอื่น”
“แต่เจ้ารู้ไหม คนแบบนั้นอยู่ในโลกไม่นานหรอก เดี๋ยวก็หายไป”
เขาหัวเราะกับตัวเอง และบางทีก็ร้องไห้โดยไม่รู้ตัว เศษหมั่นโถวชิ้นเดิมที่แข็งจนเหมือนหิน ยังคงถูกห่อเก็บไว้ในถุงผ้า ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่โยนมันทิ้ง แต่เขาเคยพูดกับเด็กคนหนึ่งที่เดินเข้ามาถาม และเขาได้ตอบกลับไป
“เพราะมันไม่ใช่อาหาร มันคือคำว่า ข้าไม่รังเกียจเจ้า”