[บันทึกการเดินทาง] : ซากอารยธรรมของคนโบราณ

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย RongXiuying เมื่อ 2025-10-19 12:58
















แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 2608 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-19 03:54
โพสต์ 2025-10-23 01:08:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด






ไอหนาวของทะเลทรายยามค่ำคืนกัดกินความอบอุ่นของผิวกาย แต่ไม่อาจเทียบได้กับความเยียบเย็นที่แผ่ซ่านอยู่ในดวงจิตของซิ่วอิง ภายใต้แสงจันทร์สีเงินที่สาดส่องลงมากระทบชั้นหินทรายหลากสีสันของภูเขาตันเซี๋ยจนเกิดเป็นเงาทะมึนบิดเบี้ยว นางยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างศิลาเจ็ดสีก้อนนั้น สายตาจับจ้องไปยังผืนดินเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างความหวาดกลัวและความมุ่งมั่นที่เพิ่งก่อตัวขึ้น

ภาพนิมิตอันน่าสะพรึงกลัวยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของนาง ซากปรักหักพังของนครที่สูงเสียดฟ้า ซึ่งทำจากวัสดุประหลาดที่ไม่อาจพบได้ในแผ่นดินฮั่น มันเป็นภาพของความรุ่งเรืองที่ล่มสลายและถูกครอบงำด้วยเหล่าอสูรกายที่มีรูปลักษณ์วิปริต นี่คือคำตอบที่บุรุษชุดขาวมอบให้ ทว่ามันกลับเป็นปริศนาที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าเดิม นางก้าวข้ามความว่างเปล่าของการค้นหาในจางเย่มาได้ แต่บัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่าเส้นทางข้างหน้าของนางคือการเดินทางสู่ดินแดนแห่งความบรรลัยที่ซ่อนเร้น…

“รูมิติสีดำทะมึน…หุบเขาแห่งซากปรักหักพัง…” เสียงกระซิบแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากที่แห้งผาก นางนึกถึงคำกล่าวของบุรุษชุดขาวอีกครั้ง เขาไม่ได้โกหก…แต่เขาไม่ได้บอกถึงความน่าสะพรึงกลัวที่แท้จริง

ขณะที่ซิ่วอิงกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดและพยายามปะติดปะต่อชิ้นส่วนของปริศนาที่ไม่ปะติดปะต่อกันนั้น เงาร่างสูงใหญ่ผิดปกติก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางอย่างฉับพลันราวกับผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ซิ่วอิงสะดุ้งสุดตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ง้าวคู่ใจถูกปลดออกจากหลังและยกขึ้นตั้งท่าป้องกันอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณที่สั่งสมมาจากการฝึกฝน

ร่างที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของนางนั้นสูงใหญ่ราวกับยักษ์ที่ถูกหุ้มด้วย อาภรณ์คลุมยาวสีเข้มที่ทำจากผ้าเนื้อหนาที่ไม่รู้จักชนิด ปลายแขนเสื้อและชายผ้าสะบัดไหวเล็กน้อยตามสายลมเย็นที่พัดโชย ผิวผ้าที่ทอแน่นนี้ปกปิดร่างกายและใบหน้าของเขาอย่างมิดชิด จนมองไม่เห็นแม้แต่เค้าโครงของใบหน้าภายใต้ฮู้ดขนาดใหญ่ที่ทิ้งเงาดำมืด ใบหน้าของบุรุษผู้นี้ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความลึกลับอย่างสมบูรณ์ ซิ่วอิงได้แต่เห็นเพียงความมืดมิดที่อยู่ในร่มเงาของฮู้ดคลุมเท่านั้น ไม่มีรังสีพลังวัตรที่รุนแรงแผ่ออกมา แต่ก็ไม่มีร่องรอยของมนุษย์เดินดินธรรมดาเช่นกัน ความเงียบสงบที่น่าหวาดหวั่น แผ่กระจายออกมาจากร่างนั้น ราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของขุนเขามาตั้งแต่โบราณกาล

“อย่าได้ตกใจไป” เสียงทุ้มนุ่มลึกดังออกมาจากใต้ฮู้ดคลุมนั้น เสียงนั้นฟังดูมีอายุ แต่มันเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเจ้า”

ซิ่วอิงไม่ได้ลดง้าวลง นางยังคงระแวดระวังอย่างถึงที่สุด นางรู้ดีว่าบุรุษผู้นี้สามารถปรากฏตัวต่อหน้านางได้โดยที่นางไม่รู้ตัวแสดงว่าฝีมือของเขาต้องล้ำเลิศจนเกินกว่าที่นางจะต้านทานไหว

“ท่าน…เป็นใคร?” ซิ่วอิงเอ่ยถามเสียงเข้ม ดวงตาจับจ้องไปยังความมืดมิดใต้ฮู้ดคลุมของเขาไม่วางตา

“เรียกข้าว่า ‘ผู้เฝ้าดู’ ก็เพียงพอแล้ว” บุรุษลึกลับตอบอย่างเรียบง่าย น้ำเสียงราบรื่นราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย “ข้าเห็นทุกสิ่งในหกพิภพ…และสิ่งที่เจ้าเพิ่งได้เห็นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความจริงที่ถูกซ่อนไว้เท่านั้น”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ปล่อยให้ความเงียบและความหนาวเย็นของค่ำคืนกัดกินจิตใจของซิ่วอิง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนัก

“สิ่งที่เจ้าเห็นในนิมิตนั้น…คือ ซากอารยธรรมโบราณที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่มหันตภัยครั้งใหญ่จะกวาดล้างทุกสิ่งให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่ได้พึ่งพาพลังวัตรหรือแก่นเซียน แต่ใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘เทคโนโลยี’ เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่”

คำว่า ‘ซากอารยธรรม’ และ ‘มหันตภัย’ ทำให้ซิ่วอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่พอถึงคำว่า ‘เทคโนโลยี’ นั่นกลับฟังดูแปลกหูและไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง นางพยายามทำความเข้าใจกับคำศัพท์ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนนี้

“เทคโนโลยี…มันคืออะไรหรือท่าน?”

ผู้เฝ้าดูไม่ได้ตอบด้วยคำพูด แต่เขาเลิกมือขวาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาและในฝ่ามือที่ถูกหุ้มด้วยถุงมือหนาของเขานั้นมีผลึกที่งดงามคล้ายก้อนหินขนาดเท่ากำมือของบุรุษ ดูไม่เหมือนอัญมณีที่มาจากเหมืองแร่ทั่วไปเลย

“นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ศิลาสื่อสาร” ผู้เฝ้าดูโยนศิลานั้นมาให้ซิ่วอิงอย่างไม่ลังเล ซิ่วอิงรับไว้ด้วยมืออีกข้างอย่างรวดเร็ว รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากผิวผลึก “มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีโบราณที่ข้ากล่าวถึง แม้จะอยู่ห่างกันถึงพันลี้เจ้าก็สามารถสื่อสารกับผู้ที่เจ้าต้องการได้ เพียงแค่นึกถึงผู้ที่ถือศิลาอีกก้อนหนึ่ง”

“สื่อสารกับผู้ที่อยู่ห่างพันลี้ได้เพียงแค่คิดถึง…” ซิ่วอิงทวนคำอย่างอึ้ง ๆ นางตรวจสอบศิลาในมืออย่างละเอียด มันดูเหมือนก้อนหินที่ถูกเสกให้มีชีวิตชีวาด้วยพลังงานบริสุทธิ์ นางไม่เข้าใจคำอธิบายที่ซับซ้อน แต่สามารถตีความสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อถึงได้

“อืม…ก็แค่พูดคุยกับก้อนหิน แล้วคนที่อยากคุยด้วยจะได้ยิน…ข้าพอจะเข้าใจแล้ว” นางสรุปออกมาอย่างง่าย ๆ ตามความเข้าใจของตน

ผู้เฝ้าดูหัวเราะเบา ๆ เสียงของเขาฟังดูแห้งผาก “เจ้าเข้าใจแก่นแท้ได้รวดเร็วนัก” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ “มีปีศาจผู้รอบรู้แห่งหกพิภพผู้หนึ่ง เขาผู้นี้มีภูมิความรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในหกพิภพ มีพลังหยั่งรู้ที่ไม่ธรรมดา และเขาเปิดร้านขายของสารพัดประโยชน์ที่เดินทางไปทั่วทุกหนแห่ง”

“หลายสิบปีมานี้ไม่มีใครพบเขาอีกเลยนับตั้งแต่เขาหายสาบสูญไปจากพกพิภพ แต่หากชะตาของเจ้าถูกกำหนดไว้ให้พบเจอ…การเดินทางสู่หุบเขาแห่งซากปรักหักพังของเจ้าอาจจะนำพาเจ้าไปสู่ร้านของเขาได้”

ซิ่วอิงรู้สึกตื่นเต้นกับความเป็นไปได้ที่บุรุษลึกลับผู้นี้กล่าวถึง หากมีปีศาจที่รู้ทุกเรื่องจริง นางก็คงจะหาทางออกสำหรับปริศนาของรูมิติสีดำทะมึนได้ แต่ก่อนที่นางจะทันได้เอ่ยปาก ผู้เฝ้าดูก็ชิงทำบางสิ่งบางอย่างอย่างรวดเร็ว

วูบ!

ศิลาสื่อสารในมือของซิ่วอิงถูกดึงกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยพลังงานที่ไม่รู้จัก มันลอยกลับไปอยู่ในมือของผู้เฝ้าดูอย่างแม่นยำและนุ่มนวล ซิ่วอิงมองตามอย่างงุนงง

“อ้าว! ท่าน…ท่านไม่ได้จะให้ข้าหรือเจ้าคะ?” นางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“เปล่าหรอก” ผู้เฝ้าดูตอบอย่างเรียบง่าย “ข้าแค่แสดงให้เจ้าดู เจ้าควรจะไปซื้อมันเอาเองถ้าได้เจอร้านนั่นน่ะนะ”

ซิ่วอิงทำสีหน้างงงวยเล็กน้อย การเดินทางเพื่อหาสิ่งที่บุรุษชุดขาวพูดถึงว่าไม่เสียเงินไปแล้วครั้งหนึ่ง บัดนี้ต้องตามหาปีศาจเพื่อซื้อก้อนหินประหลาดอีกก้อนหนึ่ง นางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจกับชะตากรรมที่ยุ่งยาก

“แล้ว…หลังจากที่ข้าเห็นภาพพวกนั้นแล้ว ข้าต้องทำอะไรต่อ? ข้าไม่รู้เลยว่าหุบเขาซากปรักหักพังนั้นอยู่ที่ใดบนแผนที่” นางหันกลับมาถามคำถามที่สำคัญที่สุดอีกครั้ง ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะหาคำตอบให้ได้

ผู้เฝ้าดูซึ่งยืนตระหง่านราวกับเงาของภูเขาเบื้องหลังนั้นนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ความเงียบนั้นหนักอึ้งและเต็มไปด้วยปริศนาราวกับว่าเขากำลังชั่งน้ำหนักคำพูดแต่ละคำที่จะเอ่ยออกมา

ในที่สุดเสียงทุ้มลึกที่ก้องกังวานก็ดังออกมาจากใต้ฮู้ดคลุมอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความสงสาร ความเร่งรีบ และความมุ่งมั่นที่ซิ่วอิงไม่อาจเข้าใจได้ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังมองไปยังทิศทางที่อยู่ห่างไกลออกไปสุดขอบฟ้า ผ่านกำแพงเงาและแสงจันทร์ของยามค่ำคืน

“เจ้าจงมุ่งหน้าสู่เขตเป่ยผิง” ผู้เฝ้าดูกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ที่แห่งนั้นมีหุบเขารกร้างที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถบนั้นเชื่อว่าเป็นดินแดนต้องสาปมีซากอารธรรมโบราณขนาดใหญ่ที่ผู้บุกรุกจะต้องพบกับหายนะ”

ซิ่วอิงขมวดคิ้วแน่น เมื่อได้ยินชื่อเมืองที่ถูกเอ่ยถึง

“เป่ยผิง…” นางทวนคำอย่างแผ่วเบา

สำหรับสตรีที่เพิ่งเดินทางข้ามมณฑลเพื่อมายังจางเย่ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือสุดของอาณาจักร การเดินทางไปยังเป่ยผิงนั้นหมายถึงการเดินทางที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของนาง เป่ยผิงตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักร ห่างจากเขตนี้ไปนับพันลี้ ต้องข้ามแม่น้ำเหลืองที่ยิ่งใหญ่ ต้องผ่านที่ราบลุ่มของมณฑลจี้โจวที่เต็มไปด้วยผู้คน และต้องเดินทางผ่านเมืองที่สำคัญหลายแห่ง เป็นการเดินทางที่ยาวไกลกว่าการเดินทางจากฉางอันมายังจางเย่เสียอีก!

“ที่แห่งนั้น…มันไกลมากเลยนะเจ้าคะ!” ซิ่วอิงไม่อาจซ่อนความตกใจได้ นางเคยได้ยินชื่อของเป่ยผิงมาบ้างจากปากของพ่อค้าที่เดินทาง แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง

“ในหุบเขาแห่งนั้นมีข่าวลือว่ามีสิ่งก่อสร้างแปลก ๆ มากมาย ที่ร่ำลือว่าเป็นของคนโบราณตั้งตระหง่านอยู่ มันมีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่มนุษย์ในยุคนี้รู้จัก มีหอคอยที่ทำจากคอนกรีต มีกำแพงที่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยเถาวัลย์ที่เหี่ยวแห้ง และมีซากของ รูปปั้นประหลาดที่ทำจากเหล็กสนิมเขรอะ” ผู้เฝ้าดูยังคงบรรยายต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ แต่ทุกคำพูดกลับสร้างภาพที่น่าพรึงกลัวในจินตนาการของซิ่วอิง

“เป็นเรื่องของเจ้าแล้ว ผู้กลับชาติมาเกิดเอ๋ย ขอให้โชคดีกับการเดินทาง”

คำสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของเขาทำให้ซิ่วอิงต้องตะลึง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความไม่เข้าใจ

“อะ…อะไรนะเจ้าคะ! กะ…กลับ…กลับอะไรนะ!”

ซิ่วอิงตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นางกำลังพยายามทำความเข้าใจคำพูดสุดท้ายที่แปลกประหลาดนั้น ร่างสูงใหญ่ของผู้เฝ้าดูก็สลายตัวไปในความมืดมิดของค่ำคืนอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าเขาเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากแสงและเงา

“เดี๋ยวกลับมาก่อนเซ่!!!”

เสียงตะโกนของซิ่วอิงดังสะท้อนก้องอยู่ในหุบเขาที่ว่างเปล่า มีเพียงสายลมหนาวที่พัดพาเอาฝุ่นทราย มาเสียดสีกับใบหน้าของนางเท่านั้นที่ตอบกลับมา

นางทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหินอีกครั้ง ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามาในจิตใจ ทั้งความสับสนต่อคำว่า 'ผู้กลับชาติมาเกิด' ความคับข้องใจที่ถูกทิ้งไว้กับปริศนาที่ใหญ่โต และความตื่นตระหนกต่อการเดินทางที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

"ต้องหาที่พึ่งทางใจ" พูดจบก็นั่งเรียงหินเป็นเจดีย์แล้วกล่าวคำที่พูดบ่อยที่สุดในช่วงนี้ออกมา "ข้าแต่สัจเทพอี๋เหอ ผู้ทรงอำนาจแห่งแดนเทพ ข้าขออัญเชิญพลังของท่านมาสถิตในกาย เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดและก้าวสู่ศักยภาพที่แท้จริง ขอให้พรแห่งท่านนำพาข้าไปสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด!"

หลังจากอธิษฐานเสร็จซิ่วอิงก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางที่ผู้เฝ้าดูเคยยืนอยู่ นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ปรับเสื้อผ้าที่ใช้ในการเดินทางให้เข้าที่ ง้าวคู่ใจถูกตรึงไว้ด้านหลังอย่างมั่นคง การเดินทางที่ไกลที่สุดในชีวิตของนาง กำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากขอบดินแดนตะวันตกมุ่งสู่ชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักร

ซิ่วอิงถอนหายใจยาว พ่นไอหนาวออกมาเป็นควันสีขาวบางเบา นางเริ่มก้าวเดินลงจากภูเขาตันเซี๋ยอย่างเงียบเชียบ โดยมีเพียงแสงดาวและแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบเป็นดวงตาที่คอยเฝ้ามองความก้าวหน้าของนางบนเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยชะตากรรม



[LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point
(อย่าลืมลบ EXP ให้ด้วยน้า)

@Watcher   







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 40986 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-23 01:08
โพสต์ 40,986 ไบต์และได้รับ +13 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม จาก ลำนำ(ซวีหยวน)  โพสต์ 2025-10-23 01:08
โพสต์ 40,986 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-10-23 01:08
โพสต์ 40,986 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 2025-10-23 01:08
โพสต์ 40,986 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 2025-10-23 01:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-10-26 02:05:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด






ไอหนาวของทะเลทรายยามค่ำคืนที่บริเวณเชิงเขาภูเขาตันเซี๋ยนั้นโหดร้ายอย่างถึงที่สุด มันแผ่ซ่านกัดกินความอบอุ่นที่เคยมีอยู่ของผิวกายซิ่วอิงอย่างช้า ๆ จนแทบจะทำให้เลือดในกายแข็งตัว ความเยือกเย็นภายนอกนั้นรุนแรงเสียยิ่งกว่าความเย็นยะเยือกของจิตใจที่ว่างเปล่า

ซิ่วอิงทิ้งเบื้องหลังของริ้วหินทรายหลากสีสันที่บัดนี้กลายเป็นเงาดำทะมึนภายใต้แสงจันทร์สีเงินวาวไว้เบื้องหลัง ง้าวคู่ใจถูกตรึงไว้ด้านหลังอย่างมั่นคงอีกครั้งภายใต้เสื้อคลุมที่ทำจากผ้าเนื้อหยาบสีทึม ซึ่งแทบจะไม่มีคุณสมบัติในการป้องกันความหนาวเย็นจากลมที่พัดกระโชกมาจากที่ราบสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือ นางเริ่มก้าวเดินลงจากขุนเขาอย่างเงียบเชียบสู่ที่ราบของระเบียงเหอซี ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำลงบนพื้นทรายปนกรวดนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับเป็นการกระทำที่เคารพต่อความเงียบสงบอันศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขามของผืนทะเลทรายยามค่ำคืน

ท้องฟ้าเหนือดินแดนตะวันตกสุดของต้าฮั่นนั้นช่างมืดมิดและกว้างใหญ่ไพศาลอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดวงดาวนับล้านดวงส่องแสงระยิบระยับราวกับถูกบรรจงโรยอยู่บนกำมะหยี่สีดำที่ทอดยาวอย่างไร้ขอบเขต ซิ่วอิงเงยหน้ามองกลุ่มดาวเหนืออันเป็นที่รัก ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศแห่งโชคชะตาที่ชี้ทางให้นางมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกอย่างมั่นคงไปยังรื่อเล่อ เมืองป้อมปราการอันเป็นจุดพักแรกของการเดินทางพันลี้

พื้นดินในบริเวณนี้ของระเบียงเหอซีไม่ได้เป็นทะเลทรายทรายล้วน ๆ แต่มันคือพื้นกรวดหินที่เต็มไปด้วยเศษหินขนาดเล็กและทรายที่แห้งแข็งเป็นแผ่นหนาร่องรอยล้อเกวียนที่ถูกบดทับจนลึกของขบวนคาราวานที่เดินทางไปยังจางเย่ในเวลากลางวันยังคงปรากฏให้เห็นเลือนราง มันเป็นเส้นทางเดียวที่ทำให้นางเชื่อมั่นว่าจะไม่หลงทางในความมืดมิดที่น่ากลัวนี้ ซิ่วอิงจดจำคำกล่าวของผู้เฝ้าดูเกี่ยวกับเป่ยผิงและซากอารยธรรมได้อย่างชัดเจน นางรู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้าไม่ได้เป็นเพียงการเดินทางธรรมดา แต่เป็นการเดินทางที่ถูกกำหนดโดยชะตากรรมที่ลึกลับ

ตลอดช่วงเวลาอันยาวนานของการเดินเท้าตั้งแต่ยามโฉ่วถึงยามอิ๋น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อากาศหนาวเหน็บที่สุดของคืน นางไม่พบเห็นสิ่งมีชีวิตใด ๆ เลยนอกจากเงาของตนเองที่ทอดยาวอย่างบิดเบี้ยวบนพื้นทรายยามแสงจันทร์สาดส่อง และเสียงหอนแผ่วเบาของสัตว์ป่าบางชนิดที่ดังมาจากเนินเขาลับตา ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่น่าสะพรึงกลัวปกคลุมทั่วทุกทิศทาง ไม่มีเสียงของเมือง ไม่มีแสงไฟจากบ้านเรือน มีเพียงความเงียบงันที่กดทับและเสียงของสายลมเท่านั้น

ซิ่วอิงยังคงเดินต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ พลังวัตรที่ฝึกฝนมาถูกนำมาใช้ในการหมุนเวียนพลังงานไปทั่วร่างกาย เพื่อต่อสู้กับความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านอย่างต่อเนื่อง ทุกย่างก้าวเปรียบเสมือนการบดขยี้อุปสรรคทางจิตใจที่ถาโถมเข้ามา นางพยายามใช้สมาธิอยู่กับลมหายใจเข้าออกตามที่เคยได้ฝึกฝนอย่างหนักจากเหล่าจอมยุทธ์พเนจรในวัยเยาว์ทว่าภาพของนครที่สูงเสียดฟ้า และอสูรกายรูปลักษณ์วิปริต ก็ยังคงฉายชัดอยู่ในห้วงความคิด

ในช่วงยามอิ๋นซิ่วอิงหยุดพักเล็กน้อยที่โขดหินขนาดใหญ่ที่ถูกลมกัดกร่อนจนมีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายรูปปั้น นางทิ้งตัวนั่งลงพักเหนื่อยและใช้ถ้วยไม้เล็ก ๆ ตักน้ำจากกระบอกน้ำหนังแพะที่พกมาขึ้นมาจิบเพียงเล็กน้อย นางเงยหน้ามองไปยังทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเทือกเขาฉีเหลียงซาน แนวขุนเขาสีดำทะมึนทอดยาวตัดกับท้องฟ้าเบื้องบน ความยิ่งใหญ่ของขุนเขานั้นเป็นเสมือนความมั่นคงเดียวที่นางพอจะยึดเหนี่ยวได้

ในขณะที่นางกำลังดื่มน้ำอยู่นั้น นางก็สังเกตเห็นจุดดำเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าบนพื้นทรายทางตะวันออกเฉียงเหนือ มันคือขบวนเกวียนขนาดเล็กของพ่อค้าที่กำลังเดินทางสวนทางไปยังจางเย่ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่านางไม่ได้เดินผิดทาง นางไม่ได้เข้าไปสอบถาม แต่ได้แต่ยืนมองขบวนเกวียนนั้นค่อย ๆ คล้อยผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ในความมืดมิด

เมื่อยามเหม่าล่วงเลยไป แสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มสาดส่องจากขอบฟ้าทางตะวันออก ทาบทับผืนทะเลทรายและทิวเขาให้กลายเป็นสีทองแดงอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างช่วงกลางคืนและกลางวันในระเบียงเหอซีนั้นช่างสุดขั้ว

เมื่อเข้าสู่ยามเฉินดวงอาทิตย์ขึ้นสูงจนพ้นขอบฟ้า ความร้อนที่สะสมในพื้นทรายก็เริ่มแผ่ออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิในอากาศสูงขึ้นอย่างฉับพลันราวกับพลิกฝ่ามือ ซิ่วอิงดึงผ้าคลุมศีรษะและผ้าพันคอให้แน่นขึ้นเพื่อปกป้องใบหน้าจากแสงแดดที่รุนแรงและป้องกันฝุ่นทรายที่เริ่มปลิวว่อน การเดินทางในยามกลางวันเต็มไปด้วยความทรมานจากความร้อนและความแห้งแล้งที่แผดเผา

ซิ่วอิงก้าวผ่านพื้นที่ที่นางเรียกว่า 'ทุ่งกรวดแห่งความเหงา' ซึ่งเต็มไปด้วยกรวดหินแข็งที่ถูกลมทะเลทรายพัดมากองรวมกันเป็นพรมสีเทาอมเหลืองที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา บนพื้นผิวมีเพียงพุ่มไม้หนามที่ทนแล้งและมีใบเล็ก ๆ เท่านั้นที่พอจะให้สีเขียวแก่ทุ่งกว้างได้บ้าง เสียงกรวดหินที่ถูกรองเท้าหนังกระทบดังครืดคราดเป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ เป็นเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบงันของทุ่งกว้าง

ความกระหายน้ำกัดกินลำคอของนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง ซิ่วอิงตระหนักดีว่านางต้องอดทนต่อไปจนกว่าจะเข้าใกล้เขตที่มีความชื้นมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการเข้าใกล้เมืองรื่อเล่อให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางหยุดพักสั้น ๆ เพียงสองครั้งในช่วงยามนี้เพื่อจิบน้ำเพียงเล็กน้อย และปรับตำแหน่งของง้าวให้เข้าที่เท่านั้น

เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงยามซื่อจนถึงกลางวันยามเว่ย ความร้อนในทะเลทรายก็พุ่งถึงขีดสุด ซิ่วอิงต้องเผชิญกับภาพลวงตาของสายน้ำที่สะท้อนแสงระยิบระยับบนพื้นทรายเบื้องหน้า ภาพมายาเหล่านี้ยิ่งทำให้จิตใจที่อ่อนล้าของนางต้องต่อสู้กับความกระหายน้ำที่รุนแรงขึ้น

ในช่วงยามนี้นางก็ได้พบเจอขบวนคาราวานขนาดกลางที่เดินทางสวนทางมาจากทางตะวันออกอีกครั้ง ประกอบไปด้วยอูฐที่บรรทุกสินค้าอย่างหนักอึ้ง และมีพ่อค้าชาวหูคุ้มกันอย่างแน่นหนา คาราวานนี้หยุดพักอยู่ข้างทางเพื่อให้น้ำแก่อูฐที่อ่อนล้า

ซิ่วอิงตัดสินใจที่จะเข้าสอบถามเส้นทางและหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่เป่ยผิง

“ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังรื่อเล่อ และจุดหมายปลายทางของข้าคือเป่ยผิง” ซิ่วอิงกล่าวพลางกอดหมัดทำความเคารพ “ขอเรียนถามท่านว่าบนเส้นทางนี้มีตำนานหรือเรื่องเล่าแปลก ๆ เกี่ยวกับสถานที่ต้องสาป หรือสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างหรือไม่เจ้าคะ? ข้าได้ยินมาว่าทางตะวันออกมีซากอารยธรรมโบราณที่ผู้บุกรุกจะต้องพบกับหายนะ?”

หัวหน้าคาราวานชาวหูร่างใหญ่ไว้หนวดเคราเข้มข้น ตอบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด 

“โอ้! แม่นางผู้นี้ช่างกล้าหาญนักที่พูดถึงเรื่องพวกนั้น บนเส้นทางนี้ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเท่าความแห้งแล้งและโจรป่าอีกแล้วล่ะ แต่ถ้าท่านมุ่งหน้าสู่ตะวันออกไปยังเขตเป่ยผิงอย่างที่ท่านกล่าวจริง ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่าจากคนแก่มาว่ามีหุบเขาต้องสาปที่เต็มไปด้วยหอคอยที่ทำจากคอนกรีตที่สูงเสียดฟ้า และรูปปั้นประหลาดที่ทำจากเหล็กสนิมเขรอะ ชาวบ้านเชื่อว่ามันคือสถานที่ที่วิญญาณชั่วร้ายสถิตอยู่ ห่างจากที่แห่งนี้ไปไกลโพ้น…ข้าแนะนำให้ท่านหลีกเลี่ยงเสีย!”

เขาเล่าพลางส่ายหัวด้วยความหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะยื่นกระบอกน้ำที่ทำจากทองเหลืองให้ซิ่วอิง “ท่านคงจะกระหายน้ำ รับน้ำนี้ไปดื่มเสีย คำแนะนำของข้าคืออย่าหันหลังให้เส้นทางหลักและรีบเข้าไปยังรื่อเล่อเสีย หากท่านหิวท่านก็สามารถซื้อเนื้อตากแห้งจากพวกเราไปได้”

“หลอกขายของนี่หว่า…” นางพึมพำเบา ๆ ให้ได้ยินคนเดียว ก่อนจะพูดต่อ “เอาเป็นว่าขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

ซิ่วอิงดื่มน้ำและซื้อเนื้อตากแห้งไปสองสามชิ้นเป็นการตอบแทนน้ำใจ นางรู้สึกถึงความจริงจังในคำเตือนของพ่อค้าและยืนยันในสิ่งที่ผู้เฝ้าดูได้บอกกล่าวกับนาง

หลังจากแยกจากคาราวาน ซิ่วอิงเดินทางต่อในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของยามเซิน แสงแดดเริ่มอ่อนลงเล็กน้อย แต่ความเหนื่อยล้าจากการเดินเท้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบยี่สิบชั่วโมงเริ่มส่งผลกระทบต่อนางอย่างรุนแรง

ความรู้สึกปวดร้าวที่กล้ามเนื้อขาเริ่มกัดกินอย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอ นางพยายามใช้เทคนิคการเดินที่เรียกว่า 'ก้าวย่างไร้ร่องรอย' ซึ่งเป็นการใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยในการยกเท้าขึ้นจากพื้นทราย เพื่อให้เดินได้นานขึ้น แต่มันก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ภูมิประเทศในช่วงนี้เริ่มเปลี่ยนจากทุ่งกรวดไปเป็นเนินทรายที่ใหญ่ขึ้นและนุ่มกว่า การก้าวเดินบนทรายนุ่ม ๆ ทำให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นางต้องออกแรงดันขาอย่างหนักเพื่อไม่ให้เท้าจมลงไปในกองทรายที่ยุบตัวได้ง่าย ๆ

ซิ่วอิงเริ่มมองหาที่พักแรมสำหรับค่ำคืนนี้ นางรู้ดีว่าไม่สามารถเดินต่อไปในความมืดมิดอีกคืนหนึ่งโดยไม่มีการพักผ่อนอย่างจริงจังได้ การเดินทางสู่รื่อเล่อจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีกหนึ่งวันเต็มตามคำบอกของพ่อค้า การเตรียมตัวและพักผ่อนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เมื่อดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงสู่ขอบฟ้าตะวันตก บรรยากาศของความหนาวเย็นก็กลับมาครอบคลุมทะเลทรายอีกครั้งอย่างรวดเร็ว สีของทรายเปลี่ยนจากสีเหลืองทองเป็นสีส้มแดงฉาน ก่อนจะกลายเป็นสีเทาเข้มเมื่อแสงสุดท้ายของวันลับหายไป

ซิ่วอิงพบกับโขดหินขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงคล้ายหลังเต่า ซึ่งสามารถใช้กำบังลมหนาวและซ่อนตัวจากการสอดส่องของโจรป่าได้ นางตัดสินใจที่จะตั้งค่ายพักแรมที่นี่ การเดินทางตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืนของนางสิ้นสุดลงแล้ว ณ จุดนี้ โดยที่ยังคงอยู่ห่างจากรื่อเล่ออีกหลายสิบลี้

นางปลดง้าวออกจากแผ่นหลังอย่างระมัดระวังวางลงบนพื้นทรายข้างกาย จากนั้นใช้ผ้าคลุมผืนหนาที่พกติดตัวมากางเป็นที่นอน และใช้กระเป๋าสัมภาระเป็นหมอน

ซิ่วอิงจัดการกับเนื้อตากแห้งที่ซื้อมาจากคาราวานโดยใช้มีดพกแล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเคี้ยวอย่างช้า ๆ เพื่อให้ได้พลังงานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ น้ำในกระบอกหนังถูกจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ นางก็จุดไฟเล็ก ๆ จากไม้แห้งที่หาได้ตามซากพุ่มไม้เพื่อสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายและให้แสงสว่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไฟกองเล็ก ๆ นั้นไม่ได้สว่างจ้า แต่ก็เพียงพอที่จะขับไล่ความมืดมิดที่น่ากลัวออกไปจากบริเวณใกล้เคียง ซิ่วอิงนั่งเหม่อมองไปยังเปลวไฟที่เต้นระริก ภาพนิมิตเกี่ยวกับนครที่รุ่งเรืองและล่มสลายฉายชัดเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

เมื่อเข้าสู่ยามซวีซิ่วอิงก็ดับไฟลงอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการถูกตรวจพบโดยผู้ไม่หวังดี นางคลานเข้าไปในผ้าคลุมผืนหนา และหลับตาลงอย่างอ่อนล้าภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่พร่างพราว ความหนาวเย็นที่กัดกินร่างกายไม่สามารถขัดขวางความต้องการในการพักผ่อนของนางได้อีกต่อไป

การเดินทางสู่รื่อเล่อจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในยามรุ่งอรุณของวันใหม่ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือกำแพงเมืองสีน้ำตาลอมแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ขอบฟ้าตะวันออก



เปิดดันกลุ่มมังกรให้หน่อยฮะ ถ้าไม่ให้ใช้อันที่มีอยู่แล้ว

@Watcher 







แสดงความคิดเห็น

เปิดปรับปรุงดัน กลุ่มปีศาจมังกรดำ แล้ว  โพสต์ 2025-10-26 10:16
โพสต์ 36573 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-26 02:05
โพสต์ 36,573 ไบต์และได้รับ +13 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม จาก ลำนำ(ซวีหยวน)  โพสต์ 2025-10-26 02:05
โพสต์ 36,573 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-10-26 02:05
โพสต์ 36,573 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 2025-10-26 02:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-10-29 02:10:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด






ทันทีที่แสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้าเริ่มสาดส่องจากขอบฟ้าทางตะวันออก ซิ่วอิงก็ตื่นขึ้นจากการพักผ่อนอันน้อยนิด นางไม่ได้จุดไฟขึ้นมาอี แต่รีบเก็บผ้าคลุมและสัมภาระอย่างรวดเร็ว ง้าวคู่ใจถูกตรึงไว้ด้านหลังอย่างมั่นคงอีกครั้ง นางตรวจสอบน้ำในกระบอกหนังอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเริ่มก้าวเดิน

อากาศในยามเช้ายังคงเย็นยะเยือก แต่ความหนาวนั้นไม่สามารถเทียบได้กับความทรมานที่ต้องเผชิญในยามค่ำคืน การเดินเท้าในช่วงเช้าจึงเป็นช่วงเวลาที่ทำให้นางสามารถทำระยะทางได้อย่างรวดเร็ว

ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด พุ่มไม้หนามและต้นหลิวทนแล้งปรากฏให้เห็นหนาตาขึ้นเรื่อย ๆ บ่งบอกถึงการเข้าใกล้แหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ ซิ่วอิงมองเห็นร่องรอยล้อเกวียนขนาดใหญ่ที่ถูกบดจนลึกทอดยาวไปตามทิศตะวันออกอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าเมืองรื่อเล่ออยู่ไม่ไกลเกินกว่าจะเดินถึงภายในวันนี้

เมื่อเข้าสู่ยามเฉิน ความร้อนก็เริ่มแผ่ซ่านอีกครั้ง นางต้องปรับผ้าคลุมและสวมเสื้อให้รัดกุมเพื่อป้องกันแสงแดดและฝุ่นทราย แต่ภาพของกำแพงเมืองที่คาดว่าจะได้เห็นในวันนี้ทำให้จิตใจของนางไม่ย่อท้อ

การเดินเท้าในช่วงกลางวันนั้นยาวนานและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่ซิ่วอิงไม่ได้หยุดพักอีกเลย ความถี่ในการจิบน้ำลดลงอย่างมากเพื่อประหยัดน้ำสำรองที่เหลืออยู่ ท่ามกลางความเวิ้งว้างของทะเลทราย ซิ่วอิงก้าวเดินผ่านซากปรักหักพังของหอสังเกตการณ์ที่ทำจากดินอัดซึ่งถูกทิ้งร้างมานานในยุคก่อน มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้แต่มหาอำนาจก็มิอาจเอาชนะธรรมชาติได้หากขาดการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายของยามเว่ยแสงแดดที่แผดจ้าเริ่มอ่อนลง และในที่สุดซิ่วอิงก็ได้เห็นภาพที่ชวนให้โล่งใจที่สุดในรอบสองวัน บนขอบฟ้าทางทิศตะวันออก แนวต้นไม้สีเขียวเข้มเริ่มปรากฏชัดเจน และภายในแนวต้นไม้เหล่านั้น กำแพงเมืองป้อมปราการรื่อเล่อสีน้ำตาลอมแดงก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าอย่างสง่างาม กำแพงดินอัดขนาดใหญ่นั้นดูแข็งแกร่งและมั่นคง เป็นสัญลักษณ์ของอารยธรรมที่รอดพ้นจากความโหดร้ายของทะเลทรายได้ด้วยสายน้ำจากเทือกเขาฉีเหลียงซาน

ซิ่วอิงก้าวเดินต่อไปอีกนานจนกระทั่งมาถึงบริเวณชานเมืองที่เต็มไปด้วยพื้นที่การเกษตรขนาดเล็กที่ได้รับการหล่อเลี้ยงด้วยคูคลองที่ดึงน้ำมาจากภูเขา มีกระท่อมที่ทำจากดินอัดหลังเล็ก ๆ และโรงเตี๊ยมชั่วคราวที่สร้างด้วยไม้และผ้าใบสำหรับรองรับพ่อค้าที่เดินทางมาถึงในช่วงค่ำคืน

ซิ่วอิงเดินตรงไปยังโรงเตี๊ยมขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ข้างทางเข้าเมือง นางเลือกที่จะเติมพลังงานและรับฟังข่าวสารก่อนจะเข้าสู่ความวุ่นวายภายในกำแพงเมือง โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีลักษณะเป็นอาคารไม้และดินอัดธรรมดา มีโต๊ะไม้ที่หยาบแต่แข็งแรงตั้งอยู่หลายตัว

นางนั่งลงที่โต๊ะมุมหนึ่ง สั่งแป้งทอดร้อน ๆ และเนื้อต้มที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศรสจัดที่หาได้ยากในแดนฉางอัน ขณะที่นางกำลังกัดแป้งทอดอย่างช้า ๆ เพื่อให้ความร้อนระอุเข้าสู่ร่างกาย นางก็ได้ยินเสียงสนทนาที่ดังออกมาจากโต๊ะข้าง ๆ ซึ่งเป็นที่นั่งของชายชาวบ้านในชุดเสื้อผ้าหนาหนักสองคน

“เจ้าได้ข่าวไหมพี่หวง” ชายร่างผอมกว่ากระซิบ “ข้าได้ยินมาว่าหมู่นี้พวกพ่อค้าที่เดินทางผ่านไปมาแถบทะเลทรายนี้ มักจะถูกปีศาจมังกรดำดักปล้นเอาทรัพย์สินไปจนหมด”

“เจ้าก็พูดไปเรื่อย อาเหว่ย!” ชายร่างท้วมที่ถูกเรียกว่าพี่หวงสวนกลับเสียงดัง “ไม่ได้ข่าวหรือว่ากองทัพต้าฮั่นเพิ่งได้ชัยในสนามรบที่ฉีเหลียงซาน กำลังใจทหารกำลังดีเยี่ยม ปีศาจที่ไหนจะกล้าโผล่หัวมาเพ่นพ่านแถวนี้กัน? พวกนั้นคงจะเป็นแค่โจรป่าที่อ้างชื่อปีศาจเพื่อข่มขู่เท่านั้นแหละ”

“แต่ข้าได้ยินว่ามันมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว มีเกล็ดสีดำสนิท มีหางยาวเหมือนมังกร…ไม่มีโจรป่าที่ไหนมีรูปลักษณ์แบบนั้นหรอก!” อาเหว่ยยังคงย้ำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พี่หวงหัวเราะเสียงดัง “เจ้ามันขี้ขลาดเกินไปแล้ว! แต่ก็นะ…ข้าได้ยินมาว่าเมื่อตอนเช้ามืดมีคาราวานจากทางตะวันตกผ่านมาให้น้ำอูฐบอกจะเดินทางไปทางตะวันออก ข้าก็บอกเส้นทางนั้นชาวบ้านลือกันว่ามีปีศาจดักซุ่มอยู่ พวกเขาก็ไม่เชื่อ…ไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

คำว่า ‘คาราวานจากทางตะวันตก’ และ ‘เส้นทางสู่ตะวันออก’ ทำให้ซิ่วอิงขมวดคิ้วแน่น หากสิ่งที่ชาวบ้านเล่าเป็นความจริงนั่นหมายความว่าภัยพิบัติกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้แล้ว

ซิ่วอิงไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป หน้าที่ของทหารและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในฐานะผู้ฝึกยุทธ์สั่งให้นางต้องเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ทันที นางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ง้าวที่อยู่ด้านหลังทำให้ร่างนางดูสูงใหญ่และน่าเกรงขาม

“พี่ชายทั้งสอง” ซิ่วอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดแต่นุ่มนวล พลางเดินมาหยุดที่โต๊ะของพวกเขา “ข้าขออภัยที่ถือวิสาสะ แต่เรื่องที่ท่านเล่ามาเมื่อครู่เป็นจริงหรือไม่? แล้วเส้นทางที่ถูกดักซุ่มนั้นอยู่ที่ไหนกัน?”

พี่หวงมองซิ่วอิงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความประหลาดใจ “เป็นสาวเป็นแส้ ออกเดินทางคนเดียวกลางทะเลทรายก็ว่าแปลกแล้ว ยังจะอยากไปยุ่งเรื่องของปีศาจอีกรึ? แม่นางอย่าไปยุ่งเรื่องพวกนั้นจะดีกว่า มันอันตรายเกินกว่าที่สตรีจะรับมือได้”

“ข้าอาจจะดูเป็นสตรีบอบบาง แต่ข้าก็พอจะมีวิชาติดตัวบ้าง” ซิ่วอิงกล่าวอย่างหนักแน่น ดวงตาของนางส่องประกายแห่งความมุ่งมั่นจนชายทั้งสองรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจที่ซ่อนอยู่ “ข้าขอเพียงแค่รู้เส้นทาง ข้าคงปล่อยผ่านเรื่องเดือดร้อนพวกนี้ไม่ได้ ในเมื่อข้าก็เป็นทหารคนหนึ่ง”

เมื่อได้ยินคำว่า 'ทหาร' และเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง พี่หวงก็พยักหน้าอย่างจำยอม 

“ก็ได้…เส้นทางนั้นอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกำแพงเมืองนี้ ห่างไปไม่เกินสิบลี้ มันเป็นร่องเขาหินที่เชื่อมต่อไปยังที่ราบสูงทางตะวันออก ที่นั่นเป็นจุดที่ลมพัดแรงและมีก้อนหินบังตาเหมาะแก่การซุ่มโจมตีนัก”

ซิ่วอิงโค้งคำนับเล็กน้อย “ขอบพระคุณสำหรับข้อมูลและน้ำใจของท่าน” นางวางเงินอู่จูจำนวนหนึ่งไว้บนโต๊ะอาหารของนางเพื่อจ่ายค่าอาหารที่ยังกินไม่หมด การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์สำคัญกว่าความอิ่มท้อง นางหันหลังกลับและเริ่มออกเดินทางต่อไปในทันทีไปยังทิศทางที่พี่หวงบอก

ซิ่วอิงเดินเลี่ยงประตูเมืองมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นางเดินทางผ่านทุ่งนาและคูคลองของชานเมืองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ที่เป็นร่องเขาหินที่ทอดยาวไปตามแนวตะวันออกเฉียงเหนือ ภูมิประเทศเริ่มกลับมาเป็นทะเลทรายผสมกรวดหินอีกครั้ง แต่เต็มไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่และซอกหลืบมากมาย

เสียงหวีดหวิวของสายลมที่พัดผ่านร่องเขาดังราวกับเสียงร้องไห้ของวิญญาณ ซิ่วอิงดึงง้าวจากด้านหลังมาถือไว้ในมืออย่างมั่นคง ปลายง้าวสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลับขอบฟ้า

ไม่นานนัก นางก็มาถึงบริเวณที่เป็นทางแยกของร่องเขา นางได้กลิ่นคาวเลือดและเห็นร่องรอยของการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่บนพื้นทราย ซากเกวียนที่แตกหักและสินค้าที่กระจัดกระจายไปทั่วคือหลักฐานที่ชัดเจน แต่ไม่มีร่างของมนุษย์ให้เห็น

ขณะที่นางกำลังตรวจสอบบริเวณนั้น เงาขนาดใหญ่แปดเงาก็ปรากฏขึ้นพร้อมกันจากด้านหลังก้อนหินที่ซ่อนตัวอยู่ เสียงคำรามที่แหบพร่าและต่ำลึกดังขึ้น เบื้องหน้านางคือปีศาจมังกรดำแปดตัว แต่ละตัวมีขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่าสองเท่าของซิ่วอิง ผิวหนังถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสนิทที่สะท้อนแสงยามเย็นราวกับเหล็กกล้า รูปร่างที่เต็มไปด้วยพละกำลังและดุดันอย่างน่าสะพรึงกลัว อาวุธในมือของพวกมันทุกตัวคือกระบองเหล็กขนาดใหญ่ที่ดูหนักอึ้ง

ซิ่วอิงไม่รอช้าง้าวกรีดนภาถูกยกขึ้นตั้งท่าป้องกัน “แม้เจ้าจะเป็นปีศาจหรือโจรป่า ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้ามาทำลายความสงบสุขของอาณาจักรหรอกเจ้ามังกรตัวเหม็น!”

เสียงง้าวกรีดนภาถูกกวัดแกว่งไปในอากาศอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงแหวกอากาศอันแหลมคม ซิ่วอิงโจมตีใส่ปีศาจตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดทันทีด้วยเพลงง้าวสายฟ้าที่รวดเร็วและหนักหน่วง

ปีศาจมังกรดำตัวที่หนึ่งคำรามพร้อมยกกระบองเหล็กเข้าปะทะ เคร้ง! เสียงโลหะปะทะเกล็ดดังสนั่นหวั่นไหว ง้าวของซิ่วอิงถูกปัดออกไปเล็กน้อย แต่พลังที่ถ่ายทอดผ่านด้ามง้าวก็ทำให้ปีศาจต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความเจ็บปวด

ซิ่วอิงไม่เปิดช่องว่างให้นาน นางหมุนตัวร่ายเพลงง้าวราวกับพายุไต้ฝุ่น ง้าวถูกเหวี่ยงเป็นวงกลมตัดเข้าใส่ขาของปีศาจตัวที่สองและสามอย่างรุนแรง แคร่ก! เสียงกระดูกแตกดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ปีศาจทั้งสองทรุดตัวลงคุกเข่าทันที

ปีศาจตัวที่สี่และห้าโจมตีประสานงานจากด้านข้างด้วยกระบองเหล็ก ซิ่วอิงใช้ด้ามง้าวยันพื้นทรายแล้วกระโดดตีลังกาหลบการโจมตีอันหนักหน่วงนั้นได้อย่างหวุดหวิด ทรายกระเด็นขึ้นมาบดบังสายตาของปีศาจเล็กน้อย นางใช้จังหวะนี้ปล่อยเพลงง้าวทลายเกล็ดที่รวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่ปลายง้าว ง้าวแทงทะลุเกราะเกล็ดสีดำของปีศาจตัวที่สี่ที่บริเวณลำคออย่างแม่นยำ

โฮก! 

ปีศาจตัวนั้นล้มลงทันที ร่างกายกระตุกเกร็ง ปีศาจตัวที่ห้าเห็นเพื่อนร่วมฝูงล้มลงก็เกิดความโกรธ มันทุบกระบองลงบนพื้นทรายอย่างรุนแรง ซิ่วอิงพลิกง้าวกลับมาป้องกันการโจมตีของปีศาจตัวที่หกและเจ็ดที่ตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ซิ่วอิงกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับปีศาจที่เหลือ เสียงคำรามที่หนักแน่นและดุดันยิ่งกว่าก็ดังขึ้น เงาร่างที่เกือบสองเท่าของปีศาจตัวอื่นปรากฏขึ้นบนยอดโขดหิน มันคือหัวหน้าปีศาจมังกรดำตัวที่เก้า ซึ่งสวมใส่ชุดเกราะเต็มตัวที่ทำจากแผ่นเกล็ดสีดำดูเหมือนชุดเกราะของแม่ทัพโบราณ มันกระโดดลงมาอย่างรวดเร็วจนพื้นทรายสั่นสะเทือน

หัวหน้าปีศาจไม่ได้ถือกระบอง แต่ใช้มือเปล่าที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่ซิ่วอิงด้วยความเร็วที่เหนือกว่าลูกน้องทั้งหมด เคร้ง! กรงเล็บปะทะกับง้าวของซิ่วอิงอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟ

ซิ่วอิงรู้ว่านี่คือศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุด นางรวบรวมพลังสุดท้ายไว้ที่ปลายง้าว ร้องตะโกนด้วยพลังทั้งหมด โจมตีเป็นจังหวะที่ซับซ้อนราวกับพายุ ง้าวฟันเข้าใส่เกราะเกล็ดของหัวหน้าปีศาจอย่างต่อเนื่องถึงสามครั้ง แคร่ก! แคร่ก! เกราะถูกกระเทาะออกอย่างช้า ๆ ในขณะเดียวกัน นางก็ใช้จังหวะที่หัวหน้าปีศาจชะงัก ง้าวของนางก็ถูกเหวี่ยงไปด้านหลัง ฟึ่บ! ปลายง้าวตัดเข้าที่คอของปีศาจตัวที่แปดที่กำลังพยายามลอบโจมตีจากด้านหลัง

หัวหน้าปีศาจมังกรดำคำรามด้วยความโกรธแค้นและพุ่งเข้าตะครุบซิ่วอิง แต่ซิ่วอิงใช้เทคนิคการซัดง้าวที่รุนแรงและรวดเร็วที่สุด เพลงง้าวของนางพุ่งตรงไปที่ช่องว่างเพียงเล็กน้อยระหว่างแผ่นเกราะที่บริเวณใต้รักแร้ของหัวหน้าปีศาจ

ฉึก!

ง้าวทะลุผ่านช่องว่างนั้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้หัวหน้าปีศาจหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด ร่างกายที่ใหญ่โตของมันล้มลงอย่างหนักพร้อมกับเสียงครืน! เสียงของมันเงียบไปอย่างสิ้นเชิงพร้อมกับปีศาจตัวที่เหลือที่ถูกกำจัดไปก่อนหน้านี้

ซิ่วอิงยืนนิ่งหอบหายใจอย่างหนักหน่วง มองดูร่างของปีศาจมังกรดำทั้งเก้าตัวที่ล้มตายอยู่บนพื้นทราย การต่อสู้อันดุเดือดนี้ทำให้ร่างกายของนางเหนื่อยล้าจนแทบจะยืนไม่ไหว

นางก้าวเข้าไปตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด นางพบเพียงซากของคาราวานและร่างที่ไร้ชีวิตของพ่อค้าที่ถูกปล้นทรัพย์ไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับทรัพย์สินที่กระจัดกระจายไปทั่ว นางเก็บรวบรวมทรัพย์สินและซากเกวียนเพื่อนำกลับไปมอบให้แก่ทางการที่เมืองรื่อเล่อ

ซิ่วอิงใช้เวลานานพอสมควรในการจัดเก็บทรัพย์สินที่ถูกปล้นกระจัดกระจาย และรวบรวมหลักฐานทั้งหมดของการต่อสู้อันดุเดือดที่เกิดขึ้นในร่องเขา นางนำผ้าผืนใหญ่มาคลุมร่างของเหล่าพ่อค้าผู้เคราะห์ร้ายที่ไร้ชีวิตอย่างเคารพ การกระทำนี้ไม่ใช่เพียงหน้าที่ในฐานะทหารของต้าฮั่นเท่านั้น แต่เป็นความเคารพต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ต้องจบลงด้วยความโหดร้ายของเหล่าปีศาจ

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปอย่างสมบูรณ์ ซิ่วอิงก็พาร่างที่อ่อนล้าและเปื้อนฝุ่นดินก้าวเข้าสู่ประตูเมืองรื่อเล่อที่ทำจากไม้และเหล็กขนาดใหญ่ ภายในกำแพงดินอัดที่แข็งแกร่ง บรรยากาศแตกต่างจากทะเลทรายภายนอกอย่างสิ้นเชิง แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันสาดส่องไปทั่วท้องถนนที่ปูด้วยกรวดหิน มีเสียงการค้าขายและเสียงพูดคุยของทหาร พ่อค้า และชาวเมืองดังเซ็งแซ่ไปทั่ว

ซิ่วอิงมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักงานทหารรักษาการณ์ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตูเมือง นางรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด มอบทรัพย์สินที่เก็บกู้ได้ และให้รายละเอียดเกี่ยวกับปีศาจมังกรดำ หัวหน้าทหารที่รับเรื่องแสดงความตกใจและขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง พร้อมรับปากว่าจะส่งคนไปจัดการกับศพของพ่อค้าและซากปีศาจอย่างสมเกียรติทันทีที่รุ่งสาง

แม้จะจัดการธุระเสร็จสิ้น แต่ซิ่วอิงกลับรู้สึกถึงความอึดอัดที่แผ่ซ่านอยู่ในร่างกายอย่างประหลาด มันไม่ใช่ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นความรู้สึกเหมือนมีพลังงานมหาศาลบางอย่างถูกกักเก็บอยู่ภายในร่างกายไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ การต่อสู้กับปีศาจมังกรดำได้ผลักดันให้นางก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมไปแล้ว แต่เหมือนกับว่าเส้นทางข้างหน้ายังมีกำแพงที่ต้องทะลวงผ่านอีกชั้น

ความรู้สึกนี้นำพานางไปยังสถานที่ที่เงียบสงบที่สุดแห่งหนึ่งในเมือง นั่นคือ ศาลสัจเทพอี๋เหอ ซิ่วอิงก้าวเข้าไปในศาลอย่างเงียบเชียบ ภายในศาลถูกประดับด้วยตะเกียงน้ำมันที่ส่องแสงสีส้มนวล สร้างบรรยากาศที่สงบและศักดิ์สิทธิ์ เบื้องหน้าคือแท่นบูชาขนาดใหญ่ที่มีรูปสลักของเทพเจ้าใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและอำนาจ

นางเดินเข้าไปที่แท่นบูชา คุกเข่าลงอย่างสงบวางง้าวไว้ข้างกาย และจุดธูปกำใหญ่ขึ้นมาปักไว้ในกระถางธูปขนาดใหญ่ กลิ่นหอมของกำยานลอยอบอวลไปทั่วศาล ขับไล่ความมืดมิดทางจิตใจออกไป

ซิ่วอิงหลับตาลงรวบรวมสมาธิ พลังวัตรในร่างกายเริ่มหมุนเวียนอย่างช้า ๆ นางรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกับพลังบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่แผ่ซ่านอยู่ในบริเวณศาลแห่งนี้ เมื่อสมาธิถึงจุดสูงสุด นางก็เริ่มกล่าวคำอธิษฐานด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง

“ข้าแต่สัจเทพอี๋เหอ ผู้ทรงอำนาจแห่งแดนเทพ ข้าขออัญเชิญพลังของท่านมาสถิตในกาย เพื่อปลดล็อกขีดจำกัดและก้าวสู่ศักยภาพที่แท้จริง ขอให้พรแห่งท่านนำพาข้าไปสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ขีดจำกัด!”

ทันทีที่คำอธิษฐานจบลง พลังงานบริสุทธิ์สายหนึ่งก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของซิ่วอิงอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก พลังนั้นไหลเวียนไปทั่วเส้นลมปราณของนางอย่างรุนแรงจนนางต้องกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา ร่างกายของนางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ความรู้สึกอึดอัดก่อนหน้านี้ได้สลายหายไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อพลังงานสงบลง ซิ่วอิงก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายอย่างชัดเจน เส้นลมปราณขยายกว้างขึ้น และการหมุนเวียนพลังงานเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ ราวกับว่ากำแพงที่ขวางกั้นขอบเขตใหม่ได้ถูกทำลายลงแล้ว นางรู้ดีว่าพิธีกรรมแห่งการอัญเชิญพลังนี้ได้ผลักดันให้นางก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งการฝึกยุทธ์ที่สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่งแล้ว

ซิ่วอิงใช้เวลานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ภายในศาลจนกระทั่งแน่ใจว่าพลังงานในร่างกายมั่นคงแล้ว นางจึงลุกขึ้นยืน โค้งคำนับต่อรูปสลักเทพเจ้าด้วยความเคารพอย่างสูงสุด และเดินออกจากศาล

นางเดินไปยังโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ซึ่งเป็นที่พักสำหรับพ่อค้าและผู้มีฐานะ นางจ่ายค่าห้องด้วยเงินทองแดงส่วนตัวที่เหลืออยู่ และขอห้องพักบนชั้นสองที่หันหน้าเข้าสู่ลานภายใน

ห้องพักนั้นเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน มีเพียงเตียงไม้ หมอน และผ้าห่มหนาสำหรับรับมือกับความหนาวเย็นยามค่ำคืนของระเบียงเหอซี ซิ่วอิงจัดการทำความสะอาดร่างกายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนเตียง

ร่างกายที่ผ่านการต่อสู้ การเดินเท้าสองวันเต็ และการปลดล็อกพลังครั้งใหญ่ส่งสัญญาณให้ต้องพักผ่อนอย่างเร่งด่วน นางหลับตาลงปล่อยให้ความอ่อนล้าเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางอันยาวไกลสู่เป่ยผิงที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในยามรุ่งอรุณของวันใหม่




[LV Max] แจ้งเลื่อนระดับ +2 Point

หลักฐานการต่อสู้

ศาสตร์การล่าสัตว์
ทุกการล่าปีศาจ/มารจะได้รับ +20 ตบะฝึกฝน และเพิ่มอัตราดรอปเลข 5

ยอดฝีมือ (ทอง)
ทุกการต่อสู้ (ประลองระบบ) จะยิ่งทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ได้รับโบนัสค่าประสบการณ์เติบโต +30 EXP


@Watcher 







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 56557 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-29 02:10
โพสต์ 56,557 ไบต์และได้รับ +13 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม จาก ลำนำ(ซวีหยวน)  โพสต์ 2025-10-29 02:10
โพสต์ 56,557 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 2025-10-29 02:10
โพสต์ 56,557 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 2025-10-29 02:10
โพสต์ 56,557 ไบต์และได้รับ +1 Point [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 2025-10-29 02:10

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน +20 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด






เมื่อยามเหม่ามาเยือน แสงแรกแห่งรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างไม้ของโรงเตี๊ยม ซิ่วอิงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลังปราณในร่างกายไหลเวียนอย่างเต็มเปี่ยมและมั่นคงหลังจากการปลดล็อกขีดจำกัดที่ศาลสัจเทพอี๋เหอ ร่างกายที่เคยอ่อนล้าจากร่องรอยการต่อสู้ก็ถูกเยียวยาจนเกือบสมบูรณ์

นางจัดการแต่งกายในชุดเสื้อผ้าที่เรียบง่าย เก็บง้าวคู่ใจไว้ด้านหลังอย่างแน่นหนา ก่อนจะตรวจสอบแผนที่เส้นทางค้าขายสู่ตะวันออกอย่างละเอียดถี่ถ้วน เส้นทางหลักต่อไปคือการมุ่งหน้าสู่เมืองกู้จางซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ห่างไกลออกไปอีกหลายวัน

ก่อนจะออกเดินทาง ซิ่วอิงตระหนักถึงความรับผิดชอบในฐานะทหาร นางไม่ได้ต้องการให้กองทัพต้าฮั่นต้องเป็นกังวลหรือส่งคนออกติดตามหาการหายตัวไปอย่างกะทันหัน นางเดินลงไปชั้นล่างและสอบถามหาบริการส่งสารโดยนกพิราบ ซึ่งเป็นบริการเฉพาะของโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่ติดต่อกับเมืองสำคัญต่าง ๆ

นางเขียนข้อความลงบนผ้าแพรเนื้อบางด้วยหมึกอย่างบรรจง ข้อความนั้นสั้นแต่ชัดเจน

เรียน ท่านแม่ทัพฮั่วแห่งค่ายพยัคฆ์ 

ตอนนี้ข้าน้อยปลอดภัยดี ข้าน้อยพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับร่องรอยมารและกำลังมุ่งหน้าสู่ตะวันออกเพื่อปฏิบัติภารกิจส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของแผ่นดิน ข้าจะรีบกลับไปรายงานตัวและขออนุญาตลาภารกิจอย่างเป็นทางการที่ฉางอันโดยเร็วที่สุด อย่าได้เป็นกังวลและขอความกรุณาอย่าส่งผู้ใดติดตาม 

ด้วยความเคารพอย่างสูง...พลทหารหรงซิ่วอิง

หลังจากมอบสาสน์และค่าบริการแก่พนักงานโรงเตี๊ยมที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนกพิราบสื่อสารที่ถูกฝึกมาอย่างดีแล้ว นางก็รู้สึกโล่งใจที่ได้ทำตามหลักการที่พึงมีของทหารแล้ว

ซิ่วอิงเดินออกจากประตูเมืองรื่อเล่อที่เพิ่งเปิดต้อนรับแสงอรุณ บรรยากาศยามเช้าหน้าประตูเมืองเต็มไปด้วยความคึกคักอย่างน่าประหลาด คาราวานนับสิบคณะกำลังเตรียมความพร้อมในการออกเดินทาง มีทั้งพ่อค้าชาวหูที่เต็มไปด้วยหนวดเครา พ่อค้าชาวฮั่นที่สวมชุดผ้าไหมอย่างดี และกองทหารรักษาการณ์ที่กำลังตรวจสอบสินค้า

เมื่อผ่านประตูเมืองออกมา ซิ่วอิงก็เข้าสู่เส้นทางสายไหมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของล้อเกวียนและรอยเท้าของอูฐมากมาย นางเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนามและพื้นกรวดหินที่แห้งแล้ง ซึ่งทอดยาวขนานไปกับคูคลองส่งน้ำที่หล่อเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูกในเขตชานเมือง

การเดินทางในช่วงยามเฉินนี้ ซิ่วอิงยังคงเห็นผู้คนมากมายอยู่เป็นระยะ ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ออกไปทำนาหรือพ่อค้าที่เดินทางระยะใกล้ นางจึงยังไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก แต่ก็ใช้โอกาสนี้ในการสังเกตการณ์สภาพภูมิประเทศและสภาพของกองคาราวานต่าง ๆ ที่เดินทางมุ่งหน้าสู่ตะวันออกเฉียงใต้

เมื่อเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงยามซื่อจนถึงกลางวันยามเว่ย ความร้อนในเขตทะเลทรายก็กลับมาแผดเผาอีกครั้ง คูคลองส่งน้ำที่เคยเห็นตามข้างทางค่อย ๆ เหือดหายไปทีละน้อย และในที่สุดก็ถูกแทนที่ด้วยที่ราบกรวดหินที่ไร้พืชพรรณใด ๆ แหล่งน้ำสุดท้ายที่ซิ่วอิงเห็นคือบึงน้ำขนาดเล็กที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชที่บริเวณชายขอบของเมือง

ซิ่วอิงรู้ดีว่าจากนี้ไปการเดินทางจะกลับสู่ความโหดร้ายของทะเลทรายอีกครั้ง การเดินทางจากรื่อเล่อไปยังกู้จางนั้นยาวนานและเต็มไปด้วยความท้าทาย ความเปลี่ยนแปลงของพลังปราณในร่างกายทำให้นางรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางประมาทต่อความโหดร้ายของธรรมชาติ

นางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอาศัยการหมุนเวียนพลังปราณอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความร้อนภายนอกไม่ให้เข้าสู่ร่างกายมากเกินไป เงาของตนเองที่ทอดยาวไปบนพื้นกรวดนั้นสั้นลงเรื่อย ๆ บ่งบอกว่าดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนเข้าสู่จุดสูงสุด

ในช่วงบ่ายนี้ ซิ่วอิงต้องเดินทางผ่านหุบเขาเล็ก ๆ ที่ถูกลมกัดเซาะจนมีรูปร่างแปลกประหลาด มันเป็นทางผ่านแคบ ๆ ที่ทำให้นางต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดโจรป่า แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่คาราวานนิยมใช้ จึงมีเพียงร่องรอยการสัญจรที่ทิ้งไว้เท่านั้น

เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของยามเซิน แสงแดดที่อ่อนลงเล็กน้อยทำให้บรรยากาศน่าอภิรมย์ขึ้น คาราวานและนักเดินทางคนอื่น ๆ เริ่มลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด หลายคนเลือกที่จะหยุดพักแรมตั้งแต่ช่วงเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในความมืดมิด

ซิ่วอิงยังคงเดินทางต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ระยะทางที่ต้องทำในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นางก้าวเดินผ่านพื้นที่ที่เป็นเนินทรายขนาดเล็กสลับกับทุ่งกรวดหินไปเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าของนางและเสียงลมที่พัดผ่านด้ามง้าวที่อยู่ด้านหลัง คือเสียงเดียวที่นางได้ยิน

เมื่อถึงยามโหย่ว แสงอาทิตย์ลับหายไปจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ผืนทะเลทรายกลับสู่ความมืดมิดและหนาวเย็นอีกครั้ง ซิ่วอิงมองหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับการพักแรม คืนนี้นางยังอยู่ห่างจากจุดพักแรมของคาราวานขนาดใหญ่หลายสิบลี้ นางจึงต้องหาที่ที่สามารถซ่อนตัวได้ดีที่สุด

นางตัดสินใจหยุดพักที่ร่องหินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่สามารถกำบังลมหนาวและซ่อนตัวจากการมองเห็นจากภายนอกได้ดีที่สุด นางปลดง้าวออกอย่างระมัดระวัง จัดเก็บสัมภาระ และจัดการเติมน้ำลงในกระบอกหนังอย่างประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางเคี้ยวเนื้อตากแห้งที่เหลืออยู่พร้อมกับจิบน้ำเพียงเล็กน้อย

ความคิดของนางลอยไปยังเป่ยผิงและซากอารยธรรมที่ถูกผู้เฝ้าดูบอกกล่าว นางรู้ดีว่าเส้นทางข้างหน้านั้นจะเต็มไปด้วยความอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าเหล่าปีศาจมังกรดำที่เพิ่งสังหารไปอย่างแน่นอน ขอบเขตใหม่ของพลังปราณที่นางเพิ่งเข้าถึงนั้น อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเตรียมตัวเพื่อเผชิญหน้ากับหายนะที่ยิ่งใหญ่ที่รอคอยอยู่

ในยามค่ำคืนที่ปกคลุมไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสว ซิ่วอิงนั่งสมาธิเพื่อปรับสมดุลพลังปราณที่เพิ่งปลดล็อก ร่างกายของนางเปรียบเสมือนภาชนะที่ได้รับการขยายให้ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถกักเก็บพลังได้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว พลังปราณที่เคยเป็นเพียงแค่กระแสเล็ก ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ในเส้นลมปราณ การเดินทางสู่กู้จางจะดำเนินต่อไปในวันรุ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายคือการเข้าใกล้ความลับแห่งชะตากรรมของต้าฮั่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้





ออกจากเมืองรื่อเล่อ

@Watcher 







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22682 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,682 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม จาก ลำนำ(ซวีหยวน)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,682 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(2)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,682 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก หงอนคู่ราชันย์  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 22,682 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ง้าวกรีดนภา  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x30
x30
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x140
x2
x90
x186
x200
x399
x684
x707
x2
x2
x8
x4
x5
x20
x4
x799
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x680
x228
x428
x44
x506
x19
x12
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้