ช่วงนี้ราชกิจหนักหนาจนแทบจะไม่ได้พัก
โอรสสวรรค์ยกมือขึ้นประคองศีรษะของตนเองในระหว่างที่นั่งโคลงเคลงอยู่บนเกี้ยวมังกร ความเหนื่อยล้าจากการหักโหมกำลังเกาะกินพระวรกายมังกร แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการผลัดงานหลวงออกไป แต่สำหรับข้าราชการผู้ภักดี สุขภาพร่างกายของผู้เป็นนาย นับว่าสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด “ ฝ่าบาทมิโปรดความวุ่นวาย ฉะนั้นกระหม่อมจึงอยากให้ท่านเสด็จมาชมจันทร์ที่ตำหนักเวินฉุ่ยในยามนี้ ” จางกงกงที่เดินเคียงข้างเกี้ยวมาตลอดทางกล่าวเสียงเรียบ
กำหนดการครั้งนี้ถูกจัดสรรมาอย่างกะทันหัน ต่อให้โอรสสวรรค์อย่างเขาจะนึกรำคาญแต่ก็คร้านที่จะออกปากปฏิเสธ ตำหนักเวินฉุ่ยในความทรงจำของฮั่นอู่ตี้ค่อนข้างที่จะเลือนลาง ครั้งหนึ่งเขาเคยมาร่วมดื่มด่ำบรรยากาศพร้อมเสียนอี๋เพื่อกลั่นแกล้งน้องชาย.. แต่นอกเหนือจากนั้นที่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรนัก
อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็มีเงื่อนไขการเข้าใช้งาน หากหลิวเช่อจำไม่ผิด ต่ำสุดที่สามารถเยือนตำหนักเวินฉุ่ยได้นั้นคือจิ่วผิน ฉะนั้นเมื่อนึกถึงบุคคลที่อยู่ระดับนั้นในยามนี้ โอรสสวรรค์เปิดเปลือกตาขึ้นช้า ๆ เสียนอี๋คงไม่กลับมาเยือนที่แห่งนี้ง่าย ๆ ส่วนซูเฟยที่พึ่งจะได้รับการแต่งตั้ง.. นางใช้ชีวิตเป็นกิจวัตรถึงเพียงนั้นก็คงไม่ออกมาเถลไถลไกลถึงนี่
แต่เมื่อมาถึง ความคิดของเขาก็จำต้องเปลี่ยนไป
ฮั่นอู่ตี้ไขว่สองมือไว้ด้านหลังพลางหลุบตาลงมองร่างนางกำนัลคนสนิทของชายาที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี จังหวะนี้แม้แต่ห่าวหมิงยังพูดไม่ออก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้หวังให้เป็นเช่นนี้ ดวงตาคมกริบของมังกรสุริยามองผ่านสีหน้าท่าทางอันหลากหลายโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้เหล่าข้าราชบริพารที่ทรุดกายลงหมอบกราบต้องลอบสบสายตากันไปมา
“ นางใช้บ่อไหน ”
“ บ บ่อรวมกลางแจ้งเพคะ.. ”
นางกำนัลประจำตำหนักตอบเสียงแผ่วในระหว่างที่หน้าผากยังแนบอยู่กับพื้น หลิวเช่อที่ถามหาตัวคนไม่ได้คิดจะถามสิ่งใดเพิ่ม โอรสสวรรค์มองข้ามทุกความฉงนใจและก้าวเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกขึ้นของตำหนักเวินฉุ่ยโดยไม่มีผู้ใดกล้าทักท้วงหรือห้ามปราม
ท่ามกลางรัตติกาลเงียบสงัด แสงจันทร์สีเงินสาดส่องกระทบผิวน้ำกรุ่นไอร้อน หลังความเป็นส่วนตัวที่ดำเนินมาอย่างเนิ่นนาน ท้ายที่สุดแล้วเงาร่างก็ปรากฏขึ้นอย่างโดดเด่นเหนือกว่าสิ่งงดงามใด ๆ ใต้แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้ คนผู้นั้นคล้ายเทพเซียนที่หยุดยืนกลางหมอกเมฆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสายลมพัดให้ชายผ้าและเส้นผมปลิวไสว หนึ่งชีวิตไร้ที่มานั้นก็ยิ่งกลมกลืนไปกับแผ่นฟ้ากว้างใหญ่ ไร้จุดจบ
ดวงตาคมกริบจับจ้องอยู่เบื้องหน้า แววตาเขานิ่งสงบดุจห้วงน้ำลึกยากหยั่งถึง ริมฝีปากบางคมกดเป็นเส้นตรง ดูแล้วเปี่ยมไปด้วยความสุขุมเย็นชา แต่เมื่อมองลึกลงไปก็ยังซ่อนความอ่อนโยนที่ไม่อาจแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนในยามที่จ้องมองคนผู้หนึ่ง ทุกการขยับตัวของโอรสสวรรค์ดูคล้ายการเคลื่อนย้ายของแสงจันทร์ นุ่มนวลและสงบแต่ก็ทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยอำนาจไร้ขอบเขต ความโดดเด่นของหนึ่งชีวิตนี้ใช่ว่ามีแค่เพราะรูปลักษณ์ เมื่อพิศมองเขา ไม่ว่าใครก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศประหลาดสายหนึ่งที่แผ่ออกมาทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้แม้จะรู้สึกหวั่นเกรง
ชายผู้เปรียบได้ดั่งเซียนยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงัน แสงจันทร์ที่สาดส่องรอบกายนำพาให้ตัวตนนี้ไม่คล้ายคนสามัญแต่เป็นดั่งภาพลวงที่งดงามจนใครก็ไม่อยากให้เลือนหาย
บ่อน้ำพุกลางป่าไผ่เดิมก็จัดว่างดงามพออยู่แล้ว เมื่อเป็นยามราตรีที่ขับเน้นหมอกขาวให้คล้ายเมฆก็ยิ่งน่ามอง เช่นเดียวกับเงาร่างพร่ามัวของสาวงามกลางไอระเหยเหล่านั้น เสียงน้ำกระเพื่อมปลุกหญิงที่อิงใบหน้าอยู่กับขอบบ่อให้ปรือตาขึ้น ไป๋หรั่นยันกายออกจากโขดหินอันเป็นที่พักพิงช้า ๆ เนตรหงส์กวาดมองพื้นที่ยืนเหนือผิวน้ำราวกับหาใครสักคน แต่เมื่อไม่พบดวงหน้างามนั้นก็ฉายความอ่อนล้าก่อนจะซบลงกับโขดหินเช่นเดิม
โอรสสวรรค์ที่อยู่อีกทางไม่ได้เห็นสีหน้าของร่างเล็กแต่ก็พอจะเดาได้ เขาก้าวเท้ากลางสายน้ำอย่างไม่เร่งร้อนกระทั่งห่างจากชายารักเพียงแค่หนึ่งช่วงแขน หลิวเช่อได้กลิ่นสุราจาง ๆ กระจายออกมาปะปนกับอากาศจากกายขาวผ่อง คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งอย่างประหลาดใจ ‘ นางถึงกับดื่มสุรา? ’
หลิวเช่อไม่ใช่คนคร่ำเคร่งหรือต่อให้เคยคร่ำเคร่ง บัดนี้การผ่อนคลายบ้างก็อาจจะเป็นเรื่องดี นิ้วหยาบแตะลงที่ขมับของชายาหยกขาวเบา ๆ ก่อนจะเริ่มลากนิ้วเขี่ยปอยผมชื้นไปทัดอยู่หลังใบหูเล็กก่อนจะทิ้งท้ายไว้ด้วยการประคองแก้มนวลอย่างถนอม
ครั้งนี้นางรู้สึกตัวขึ้นมาจริง ๆ แล้ว โฉมสะคราญขยับศีรษะเข้าแนบรับสัมผัสแผ่วเบาด้วยความเผลอตัวดูคล้ายการออดอ้อนที่ส่งผลให้ผู้กระทำชะงักไป แต่อีกฝ่ายไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่นิ่งงัน เมื่อนางอัปสรน้อยลืมตาขึ้นมอง คนที่เข้ามารบกวนการพักผ่อนของนางคือชายที่ท่อนบนของร่างกายเปิดเปลือยรับแสงจันทร์ที่อาบไล้ลงมาทำให้ผิวของเขาขาวปลอดอย่างหยกขาวเนียนละเอียดเช่นเดียวกับเส้นเกศาสีดอกเลาที่ยาวสยายแผ่ไปตามผิวน้ำ
ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคุ้นตา โครงหน้าคมชัด จมูกโด่งราวกับถูกปั้นแต่งโดยเทพมากฝีมือ กระทั่งมือหนาที่มีความกร้านคล้ายเคยจับศาสตราบัดนี้ยังเปลี่ยนมาลูบผืนน้ำอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีรัตติกาลของเขาสงบนิ่งแต่กลับซ่อนคลื่นลมลึกลับกระแสหนึ่งที่ชวนให้.. ลุ่มหลง คนผู้นี้เสมือนว่าเป็นมหาเทพจากชั้นฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ตราตรึง ทุกการเคลื่อนไหวล้วนอ่อนโยนเย้ายวน แต่ก็แฝงไว้ด้วยอำนาจที่น่าเกรงขาม ทำให้ยิ่งมองก็ยิ่งตกอยู่ในภวังค์ราวกับถูกสายน้ำพัดเอาความนึกคิดให้ลอยไปกับห้วงลึกยากจะถอนตัว
“ ท่าน.. ”
เสียงเพรียกเบาบางทำให้หลิวเช่อชักมือกลับมาไว้ข้างกาย โอรสสวรรค์ไม่ได้ขานรับหรือตอบกลับเพราะเอาแต่เฝ้ามองริ้วความสับสนในแววตาคู่งามนั้น ฝั่งผู้กล่าวที่ถูกภาพมายาเล่นงานก็กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อพินิจว่าคนตรงหน้าแท้จริงแล้วคือผู้ใด
“ เหตุใดจึงเหมือนนัก ”
“ เหมือน? ”
เนตรหงส์ฉ่ำวาวหรี่ลงเล็กน้อย ในขณะที่มังกรทองกดใบหน้าลงมองมือข้างหนึ่งที่พาดลงกับบ่าเขา ไม่ทันให้หลิวเช่อชักตัวออกห่าง มือนุ่มอีกข้างก็ยกขึ้นจรดปลายนิ้วลงกับสันจมูกคม “ ท่านเหมือนสามีข้ามาก.. ” เห็นแก่ที่นางกำลังตกอยู่ในฤทธิ์น้ำจัณฑ์ ผู้เป็นสามีที่นางหลงลืมไปเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจับข้อมือข้างที่แสนซนให้หยุดนิ่ง
“ แค่เหมือน? ”
“ ไม่สิ.. ไม่ถูกต้อง ” คนงามที่พันกายไว้ด้วยผ้าขาวกดใบหน้าลงหลบสายตาลึกล้ำของอีกฝ่าย ด้านสวามีที่มองตามการกระทำนั้นก็ไม่พ้นสังเกตถึงทรวงทรงเพรียวบางที่ถูกบังไว้ด้วยแพรขาวเปียกชื้น มันคงไม่เหมาะนักหากจะมองต่อไป เนตรคู่คมเบี่ยงหลบไปอีกทางได้ไม่นาน สิ่งที่นางเอ่ยขึ้นก็พาลทำให้เขาต้องตวัดสายตามองกลับไปอีกครั้ง “ เขาคงไม่มาที่นี่.. ต้องเป็นเพราะสุรานั่นอีกแล้วแน่ ๆ ”
“ ที่ดื่มไปใช่เซียนเมามายหรือไม่ ”
“ ท่านรู้ได้อย่างไร ”
บนใบหน้างามนั้นมีความตระหนกแฝงอยู่ ไป๋หรั่นสะบัดมือให้หลุดจากการกอบกุมและขยับถอยหายไปอีกทางพลางกดกายให้ซ่อนอยู่ใต้น้ำจนมีแค่ศีรษะที่โผล่ขึ้นมาเหมือนต้องการจะป้องไม่ให้ใครเห็นเรือนร่างที่มีไว้เพื่อชายที่เหมาะสม
“ อ้อ.. ”
การตอบรับของเซียนหนุ่มไม่ปกติเท่าไหร่นัก หลิวเช่อคาดการณ์จากกลิ่นดอกท้อเจือจางในอากาศ รวมไปถึงอาการที่เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ชายาเขายังไม่ได้เมามายถึงไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว เห็นได้ชัดว่านางยังมีสติอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่สามารถหลุดจากห้วงมายา สิ่งเดียวที่สามารถทำให้ผู้คนเป็นเช่นนี้ในชีวิตของหลิวเช่อเคยพบก็เพียงสุราจากมือของน้องชายร่วมสายเลือดเท่านั้น
“ เจ้าพบเขาแล้ว ”
พบเขานี่ พบใคร?
ไป๋หรั่นยังสับสนอยู่เล็กน้อยเมื่อมีการกล่าวถึงผู้อื่น แน่นอนว่าหลิวเช่อไม่ถือสากับอาการนี้ การร่นถอยหนีของนางแทบจะไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา โอรสสวรรค์คว้าลำคอระหงส์และดึงตัวนางให้โผเข้าหาตัว ดูร้อนแรงเกินควรไปสักหน่อย.. แต่ก็ผ่านการควบคุมแรงไว้เป็นอย่างดี
“ นับว่าเจ้ามีวาสนากับคนแซ่หลิว ใช้เวลาไม่นานก็พบหน้าไปตั้งหลายคน .. เป็นอย่างไร ตื้นตัน ประทับใจ? ” หากมีสติครบถ้วนไม่ว่าใครก็คงมองออกว่ายามนี้ฝ่ายผู้เป็นสามีกำลังจมน้ำส้มสายชูไหโตอย่างที่หาได้ยาก ทว่าภรรยาหัวใสกลับไม่เข้าใจในสิ่งนั้น
“ ก็แค่..พบกัน ”
พบใครสักคนจำเป็นต้องประทับใจด้วยหรือ? คนงามขมวดคิ้วยุ่งเหยิง นางไม่ได้เจ็บจากการกระทำของเขาแต่สายตาคมกริบบาดลึกนี้.. น่ากลัวเกินไป เนตรหงส์ของโฉมสะคราญคลอหน่วยไปด้วยน้ำตาพาให้ใจคนชะงักงัน ครั้งเดียวที่นางเคยร้องไห้ในสายตาเขาคือวันตัดสินผิดถูกในคดีร้ายแรงที่ทำให้เขาค้นพบว่าสตรีต่อให้เก่งกาจเข้มแข็งอย่างไรก็ยังเป็นสตรี
ต่อให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟหรือหวงแหนจนหน้ามืดตามัว เมื่อตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดจากตาคู่งาม สิ่งที่เคยคิดไว้ก็พลันต้องพับเก็บลงไปจนหมด หลิวเช่อระบายลมหายใจออกผ่านริมฝีปากพลางคลายมือแกร่งที่คว้าเชยคางมน “ ทำไมถึงเจ้าน้ำตาอย่างนี้ ” ในสถานการณ์ปกตินางคงตีหน้าสงบและพยายามสื่อสารกับเขาอย่างใจเย็น แต่พอตกอยู่ใต้ฤทธิ์มายา อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็นก็กลายมาเป็นได้เห็น
น่าหนักใจเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเจ้าเด็กนั่นก็อาจจะได้พบในอย่างที่เขาพบ
“ ข้าต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ ” นงคราญหยกกล่าวพึมพัมกับตัวเองด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ ฝ่าบาทจะมาสนใจเรื่องพรรคนี้ไปทำไม ”
คำพูดนี้ทำให้หลิวเช่อหรี่ตาลง นางกล้าพูดต่อหน้าเขาอย่างนี้หรือว่ายังไม่รู้สึกตัวขึ้นมาอีก? โอรสสวรรค์โน้มหากายบางช้า ๆ ส่งผลให้นางกระเถิบหนี แต่แล้วอย่างไร ท่อนแขนแกร่งของมังกรสุริยาวางลงกันทางหลบหนีของนางไว้ทั้งสองทิศ หากไม่โผสู่อกเขาตอนนี้ ก็มีแต่ปีนหลบหนีแล้ว “ มองดี ๆ ”
ไม่ว่าจะเบี่ยงสายตาไปทางไหนก็ล้วนแต่เห็นสิ่งที่ระบุการมีอยู่ของเขา เกศาขาวราวหิมะนั้นคล้อยตกผ่านบ่ากว้างคล้ายม่านน้ำตกลี้ลับ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์นั้นสะท้อนเงาร่างเขาที่กำลังสั่นไหวไปตามแสง ไป๋หรั่นยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างเลื่อนลอยเพื่อเกี่ยวปอยผมสีอ่อนของเขามาม้วนคลึงรอบก้านนิ้วบาง
นางกำลังพิจารณาและหลิวเช่อก็ปล่อยให้ชายาคนโปรดได้กระทำตามใจอยาก
“ ฝ่าบาท? ”
“ อืม ”
“ ฝ่าบาท ”
“ อืม ”
“ ฝ่าบาท ”
“ ว่าไง ”
ดวงหน้างามส่องประกายเฉิดฉายด้วยรอยยิ้มหวานล้ำยิ่งกว่าบุปผาใด ๆ นางปล่อยมือจากเส้นผมนุ่มเปลี่ยนมาเป็นการประคองแก้มตอบของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี “ เป็นท่าน.. เป็นท่านจริง ๆ ” จะจริงหรือลวงนั้นไม่สำคัญ บัดนี้เมื่อยืนยันได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือสามีนาง ความห่างเหินในแววตาก็เหมือนจะเลือนหายไปส่วนหนึ่ง
เสียงถอนหายใจดังขึ้นหนึ่งระลอกจากฝ่ายชายชาตรีที่ยอมอดกลั้นไม่ให้ตัวเองเข้าตะครุบความอ่อนหวานตรงหน้า หน้าผากร้อนของหลิวเช่อแนบลงกับหน้าผากบางของชายา ในขณะที่ท่อนแขนรวบกายนางเข้ามา “ ดีมาก ” คำชมนี้ชโลมรดลงบนใจนางอย่างเชื่องช้าทว่าซึมลึก ใบหน้าหวานของโฉมสะคราญเผยสีสันแดงระเรื่อเจือเข้ามาราวกับเลือดที่หยดลงกลางน้ำนมขาว
“ ท ท่าน ท่าน.. ”
ไป๋หรั่นก้มหน้าลงซ่อนความขลาดเขินแปลกประหลาดที่ผุดขึ้นมา นางกระแอมครั้งสองครั้งก่อนจะหันหาตัวช่วยที่จะทำให้ตัวเองหลุดจากความกระอักกระอ่วนนี้ได้ “ แช่น้ำพุร้อนจะขาดของว่างและเครื่องดื่มปรับสมดุลไม่ได้ หม่อมฉันมีชาไป๋หาวอิ๋นเจินและขนมไหมฟ้า หากไม่รังเกียจ ..จะทรงเสวยสักนิดดีหรือไม่เพคะ ” หลิวเช่อชำเลืองตาลงมองของว่างที่ว่าเล็กน้อย ก่อนจะขยับกายจากที่กักร่างคนงามไว้ก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งเอาหลังพิงขอบบ่ออยู่เงียบ ๆ
“ ได้ ”
ไม่ได้ตอบตกลงเชิญว่าเอาสิ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ วิธีการตอบรับที่สมกับเป็นอีกฝ่ายทำให้ไป๋หรั่นต้องเร่งใช้ความคิดอย่างด่วนจี๋เผื่อว่าจะหลบหลีกออกไปจากสถานการณ์นี้ได้ เริ่มต้นจากการบรรจงรินชาที่เย็นลงบ้างแล้วใส่จอก ก่อนจะประคองมันด้วยสองมือยื่นส่งไปให้อีกฝ่าย แต่หลิวเช่อกลับไม่รับมันไป เขาพลิกกายหันตัวเข้าหาชายาหยกขาว และยื่นมือออกมากุมมือเนียนที่ส่งจอกพลางชักนำให้นางยกจอกขึ้นจรดริมฝีปากเขา
การกระทำที่เสมือนเย้ายวนโดยไม่ตั้งใจนี้ปัดสตินางให้ลอยละลิ่ว
สองตาจับจ้องอยู่กับชายงามที่หลุบตาลงอวดแพขนตายาวในระหว่างที่เขากำลังลิ้มรสชาขาวชั้นยอดผ่านการบรรจงป้อนของนางเอง แต่เพราะทำได้ไม่คล่องแคล่วนักแทนที่ทุกอย่างจะราบรื่นก็กลายเป็นว่ามีหยดชาบางส่วนผลอยซึมออกมาจากมุมปากหยักจนชายที่รักษากิริยามาอย่างสม่ำเสมอยังต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ถ้าไม่ใช่ว่ามีมือหนาคอยประคองไว้ป่านนี้นางคงทำจอกชาตกลงบ่อไปแล้ว ทั้งที่ทำไปเพื่อหลบหลีกความเขินอาย กลายเป็นการกระทำนี้กลับจุดฉนวนบางอย่างขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว “ หม่อมฉัน หม่อมฉัน.. หม่อมฉันขึ้นด้านบนก่อนดีกว่— ”
“ แล้วขนมไหมฟ้าของเจิ้นล่ะ ”
“ พระองค์อยากให้.. หม่อมฉันทำอย่างไร ” นางนึกอยากจะท้วงว่าของเล็กน้อยอย่างนั้นท่านหยิบทานเองก็ยังได้ แต่เมื่อหันกลับมาพบโฉมหน้าของเซียนหนุ่มในคราบสามีก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าใจนางอ่อนยวบลงไปในแบบที่ควบคุมไม่ได้ การหยอกเย้าของสามีที่มีต่อภรรยาในครั้งนี้ส่งผลอยู่มากทีเดียว ไม่อย่างนั้นคนงามที่มักจะวางท่าเฉยเมยก็คงไม่เสียอาการถึงเพียงนี้ มืออีกข้างของเขาสัมผัสกับถาดของขนมไหมฟ้าแต่กลับไม่แตะต้องตัวขนม
“ เจ้ารู้อยู่แล้ว ”
แล้วแบบนี้นางจะไปเอาชนะเขาได้อย่างไร
ช่วงเวลาพะเน้าพะนอของสองสามีภรรยาดำเนินผ่านไปพร้อมบทสนทนาที่เดี๋ยวก็น่าสนใจเดี๋ยวก็เรียบง่าย หลังจากใช้เวลาร่วมกันมาพักใหญ่เพื่อฟื้นฟูระยะห่างที่เกิดขึ้นหลังจากไม่ได้พบหน้ากันมานานในที่สุดก็มีหนึ่งบุคคลที่ผลอยหลับคาอกอีกฝ่าย
“ ฝ่าบา—- ”
หลังผ่านมาถึงหนึ่งชั่วยามในที่สุดก็มีการเคลื่อนไหวจากด้านใน จางกงกงและเหล่าข้ารับใช้หลายชีวิตที่รอจนแทบหลับถึงกับตื่นขึ้นเต็มตาเมื่อเห็นว่าสิ่ง.. ไม่สิ คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเจ้าแผ่นดินนั้นคือใคร ฮั่นอู่ตี้ครานี้สวมฉลองพระองค์อย่างครบถ้วน ขาดก็เพียงเสื้อคลุมมังกรที่กลายมาเป็นสิ่งห่อหุ้มร่างงามที่หลับพริ้มไม่ได้สติ “ เจิ้นจะไปส่งนางที่ตำหนักตงเฉิน ” โอรสสวรรค์ปรายตามองคนสนิทของชายาตนเล็กน้อย
“ เช้าวันพรุ่งมิต้องแจ้งแก่นางว่าได้พบเจิ้น ”