[แม่น้ำเว่ย]

[คัดลอกลิงก์]



.

.

.


渭河


แม่น้ำเว่ย





ลำน้ำพันหลี่อันเป็นบ่อเกิดแห่งอารยธรรม

แม่น้ำเว่ย : 渭河 แม่น้ำสายสำคัญแห่งฉางอัน มีต้นกำเนิดจากอำเภอเว่ยหยวนในมณฑลกานซู ไหลทอดยาวไปทางทิศตะวันออกกว่าพันหลี่เพื่อบรรจบกับแม่น้ำหวงเหอ ตามแนวสายน้ำเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมแต่ปางหลัง เป็นสายน้ำหลักสายหนึ่งของนครหลวงฉางอัน บริเวณที่ตัดผ่านรอบนอกเมืองของห้วยน้ำนี้ปกคลุมด้วยป่ารกทึบ เขียวชอุ่มตลอดปี แวดล้อมด้วยพืชผลของป่าที่ดีมีราคา มักเป็นเส้นทางลับของพวกพ่อค้าและนักเดินทาง




แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4705 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-9-17 20:41
โพสต์ 2025-6-17 19:09:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบหก ถึง สิบเจ็ด เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ถึงยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น. แม่น้ำเว่ย (พบ เว่ย ชิง)


          แม่น้ำเว่ยในยามฤดุร้อนที่ท้องฟ้าหม่นไร้ดวงจันทร์นั้นดูคล้ายกับสายหมึกที่เจือจางไหลทอดยาวอยู่ใต้ร่มเงาไม้ หลินหยาก้าวผ่านแนวหญ้าที่เอนไหวดตามแรงลมพลางบิดไหล่เล็ก ๆ อย่างรำคาญใจกับเนื้อผ้าที่เปียกชื้อไปด้วยเหงื่าอจากการเดินเท้ากลับเมือง เสียงของ ซุน ที่ดังแผ่วเบาลอยมาเหนือผิวน้ำ คล้ายเรียกหาความทรงจำที่ไม่มีเจ้าของ หลินหยานั้นหยุดฝีเท้าของตัวเองในทันที ปลายเสียงของซุนนั้นไม่ต่างจากเงาของใครสักคนหนึ่งที่นั่งอยู่เบื้องหน้าแสงตะเกียงริบหรี่ตรงโหดหินริมแม่น้ำ ลมเย็นกรุ่นจากแม่น้ำพัดเส้นผมของหญิงสาวปลิวแนบแก้ม ขณะที่เสียงนั้นยังไม่หยุดลง

          แม้จะอ่อนโยนแต่กลับไม่กล่อมใจ มีเพียงรสขมของอดีตบางอย่างที่สะท้อนออกมาผ่านทุกลมหายใจของตัวโน้ต หลินหยาหรี่ตาพอที่จะเห็นรุปร่างโปร่งในชุดสีดำเข้ม ผมยาวสยายมัดไว้หลวม ๆ พาดบ่าข้างหนึ่ง เขานั่งหันข้างให้ แม้เธอจะยังไม่เห็นใบหน้าเต็ม ๆ แต่เพียงท่าทางเครื่องเป่าก็ทำให้รู้ว่าคงไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา คนผู้นี้มีความเงียบสงบแบบอะไรยางอย่างที่แฝงอยู่ในยามราตรี เธอยกยิ้มมุมปาก ตอนแรกเธอก็ไม่รู้หรอกว่าใคร แต่มีจังหวะหนึ่งที่เขาเหมือนจะเอียงหน้าทำให้เห็นว่าเขาหน้าตาเหมือนคนที่เคยพบเมื่อวันก่อน ๆ

          “แหม่..ข้าก็นึกว่าเสียงซุนจากภูติผีเสียอีกเจ้าค่ะ” หลินหยาเอ่ยขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงติดจะล้อเล่นแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวลจากผุ้ที่ไม่คิดว่าใครจะมานั่งเป่าเครื่องดนตรีอยู่ริมแม่น้ำกลางดึกเช่นนี้

          ชายหนุ่มหยุดเอาเครื่องดนตรีออกจากปาก ปลายนิ้วยังแตะอยู่ตรงช่องลมของซุนที่น่าจะทำจากหินหรือเขาสัตว์ ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยแต่สายตายังคงเหม่อมองผิวน้ำเบื้องหน้า เงาสะท้อนใบหน้าคมเข้มตัดกับลแสงไฟลางเลือนจาง ๆ เผยให้เห็นว่าเขาคือ..ใช่..

          “แม่นางจากร้านบะหมี่?...” เขาเอ่ยเสียงต่ำ แต่เต็มไปด้วยเสียงที่กำลังเรียงร้อยถ้อยคำอย่างรอบขอบ “แม่นาง..มาเดินเล่นตอนกลางบดึกเช่นนี้คนเดียวหรือ?” น้ำเสียงนั้นไม่ได้เคร่งขรึมแบบตอนที่อยู่เมืองฉางอัน กลับให้ความรู้สึกเหมือนพูดกับคนที่ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเวลาเป็นนักรบ ส่วนหลินหยานั้นยักไหล่พลางเดินไปนั่งตรงโขดหินข้าง ๆ ห่างกันพอสมควรแต่ยังคงได้ยินเสียงน้ำอยู่ เธอมองเขาด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนตอบเรียบ ๆ

          “ไม่เจ้าค่ะ ที่นี่อันตรายจะตาย ข้ากำลังจะเดินกลับฉางอันเจ้าค่ะ โดนคนบางคนโยนงานให้กลางดึก แต่ก็ไม่คิดว่าจะพบท่านชายเว่ย จ้งชิง ตรงที่ข้างทางแบบนี้หรอกเจ้าค่่ะ” หลินหยาเอ่ยบอก ส่วนเขาก็หันมองเธอแล้วเงียบไปพักหนึ่ง ท่าทางไม่ใช่เพราะตกใจ แต่เหมือนกับกำลังไตร่ตรองว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อดีต่างหาก

          “ข้าแค่..บังเอิญคิดถึงเสียงนี้น่ะ” เขาหมายถึงเสียงซุน แต่น้ำเสียงนั้นเหมือนหมายถึงบางสิ่งที่มากกว่านั้นมากโข หลินหยายิ้มบาง ๆ ไม่พูดต่อทันที ท่ามกลางสายลมยามค่ำที่พัดผ่าน เสียงจักจั้นร้องดังระงมใต้ใบไม้ที่อยู่ไกล ๆ ทั้งสองต่างนั่งนิ่ง เหมือนเงาที่ไม่เกี่ยวข้องกันแต่บังเอิญมาพบกันในค่ำคืนนี้

          หลินหยาเหลือบตามองชายหนุ่มที่เป่าขลุ่ยอยู่เมื่อครู่ ในยามที่เขาไม่ได้มีดาบอยนู่ข้างจตัว หรือใต้สายตาของผู้อื่น เขากลับดูเหมือนใครสักคนที่ไม่ได้ยืนอยู่บนความกลัวอะไรนั้น แต่ยืนอยู่บนความทรงจำที่หล่อหลอมตัวตนของเขามาตอนนี้ ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นในใจของหลินหยา นั้นไม่ใช่ความสงสัย แต่เป็นความเงียบสงบที่ประหลาดใจนัก “เสียงซุนนั้น..” เธอเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ขณะที่มองไปยังเงาของเขาในสายน้ำที่สะท้อนลงไป “มันดูเศร้ามากเลยนะเจ้าคะ”

          ชายหนุ่มนิ่งไปเพียงชั่วครู่ มือค่อย ๆ ลดเครื่องดนตรีลงไว้ข้างตัว ดวงตาเรียวคมนั้นเหม่อมองไกลไม่รู้จบ “ดนตรีไม่ได้เศร้าหรอกแม่นาง” เขาตอบเสียงแผ่ว ๆ “บางทีแค่คนเป่า ลืมวิธีเป่าให้มีความสุขไปมากกว่าก็เท่านั้น” เขาเอ่ยในท่ามกลางท้องฟ้ารที่ดำสนิท ก้อนเฆกไม่หลบให้ดวงจันทร์ ดั่งหัวใจใครบางคนที่ยังคงจมอยู่กับสิ่งที่หล่นหายระหว่างสงคราม

          สายลมโอบอุ้มกลิ่นชื้นของแม่น้ำเว่ยที่ทอดผ่านกลางหุบเขา ท่วงทำนองโศกเศร้าเมื่อครู่เลือนหายไปกับกระแสลม คล้ายถูกกลบด้วยแววตากลมโตของหญิงสาวผู้หญึ่งที่นั่งอยู่เคียงข้างกันโดยไร้การนัดหมาย หลินหยาเหลือบมองชายหนึุ่มในความเงียบ ก่อนที่จะค่อย ๆ คลายมือออกจากชายเสื้อ หยิบขลุ่ยไม้สีเข้มออกมาช้า ๆ จากกระเป๋าที่คาดไว้

          “ถ้างั้นเดี๋ยวข้าจะเป่าเพลงที่มีความสุขให้ท่านฟังเองนะ”

          ดวงหน้าขาวผ่องของนางแม้ในยามไร้แสงจันทร์สะท้อนแววตาอ่อนโยนเป็นประกายจาง ๆ ใต้ไฟจากตะเกียงน้ำมันอันไกลโพ้น เสียงขลุ่นของเธอเปล่างออกมาไม่ใช่ดังกังวานอย่างนักเป่ามือฉมัง แต่กลับมีความใสสะอาดและรื่นรมย์ในจังหวะที่ลื่นไหลคล้ายสายน้ำที่กำลังไหลผ่านหินเรียบ ่อ่อนโยนแต่ทรงพลัง เป็นบทเพลงที่ไม่มีชื่อ เรียบง่ายแต่ชัดเจนในอารมณ์

          ไม่หวือหวาเหมือนเสียงในห้องราชสำนัก ไม่บาดลึกเหมือนเสียงของเขา หากแต่นำพาความอบอุ่นล้อมรอบบรรยากาศ จังหวะบางช่วงคล้ายเสียงหัวเราะของเด็กน้อยในฤดูใบไม้ผลิที่ผลิบายน บางช่วงดั่งลมหายใจอันอ้อยนอิ่งหลังฝนตก ขณะที่อีกบางช่วงเหมือนเสียงน้ำที่หยดลงใบบัวในสวนหลังบ้านยามค่ำคืน

          เว่ยชิงไม่ขยับแม้แต่น้อยขณะฟัง ใบหน้าที่มักคมคายเคร่งขรึมดูอ่อนลงราวกับบรรยากาศรอบตัวได้กล่อมเกลาเหลี่ยมมุมทั้งหมดนั้นให้เบาลง เสียงขลุ่ยชองหญิงสาวไม่ได้เปลี่ยนโลก แต่เปลี่ยนห้วงเวลาหนึ่งในใจของคนฟังไม่ให้เปลี้ยนวร้างไปมากกว่านี้ และเมื่อบทเพลงสุดท้ายจางหายไปพร้อมกับสายลม เธอลดขลุ่ยออกจากริมฝีปาก ลมหายใจค่อย ๆ ผ่อนออกอย่างช้า ๆ หันไปสบตากับชายหนุ่มผู้ไม่ได้ขยับทำเพียงกระพริบตาเวลาฟังเท่านั้น

          เธอยิ้ม..ยิ้มแบบตัวเอง ไม่อวดดี ไม่ขอคำชม แต่ซนแบบมีเจตนาอ่อนโยนของตนเอง “เป็นไงเจ้าคะ? ฟังแล้วมีความสุขไหม?” เธอถามพร้อมกับหันศีรษะตัวเองเล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายสดใสใต้เงาผมที่ปลิวกระจายอยู่ ณ เวลานี้

          เว่ยชิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะคลี่ยริมฝีปากขึ้นช้า ๆ ไม่ใช่รอยยิ้มของนักรบ หรือของขุนนาง แต่มันเป็นรอยยิ้มของคนคนหนึ่ง ประชาชนคนหนึ่งที่ยอมให้โลกอ่อนลงชั่วขณะ เขาไม่ตอบในทันที แค่ปรายตามองไปยังแม่น้ำเว่ย แล้วกล่าวเสียงเบา “อืม..เสียงเพลงของแม่นางเหมือนขับไล่ฝันร้ายออกไปเลย” เขาเงียบอีกครั้งแล้วพูดต่อ “มันดีมาก” น้ำเสียงเหมือนกลัวว่าหากเปล่งเสียงดังเกินไป อารมณ์นี้จะหายไปกับสายลม แต่แค่เพียงท้อยคำสั้น ๆ เหล่านั้น หลินหยารู้สึกว่ามันไม่ใช่การชมธรรมดา แต่เป็นการรับรู้ว่าเขาเข้าใจบทเพลงเหมือนกัน

          เปลวไฟจากตะเกียงไกลบลิบกระพริบไฟวตามแรงลม ณ เวลานี้ ปลายเสียงซุนที่จางหายไปนานแล้ว แต่ร่องรอยของบทสนทนาที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาดัง ๆ กลับยังอวลอยู่ในอากาศตอนนี้รอบตัว ทั้งสองนั่งอยู่กลางค่ำคืนที่ไร้ผู้คน ไร้เพราะ ไร้หน้าที่ ไม่มีสถานะชัดเจน มีเพียงหญิงสาวในชุดที่เรียบง่าย กับชายหนุ่มที่มองผืนน้ำ

          แล้วจู่ ๆ เสียงของหลินหยาก็เปลี่ยนโทนอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าความเศร้าทั้งหมดถูกผลักออกจากริมฝีปากเธอด้วยคำไม่กี่คำเท่านั้น “จริงสิ! ข้ามีอะไรให้ท่านกินด้วย..!!” เธอพูดพลางล้วงเข้าไปในห่ออาหารเก่าคร่ำที่คล้องอยู่ตรงข้างเอว ท่าทางร่าเริงเหมือนแม่ครัวพเนจรที่ยกของวิเศษออกมาจากกระเป๋า แต่ไม่ หลินหยาไม่ใช่แม่ครัวหรอก

          เว่ยชิงเลิกคิ้วน้อย ๆ ดวงตานิ่ง ๆ คู่นั้นจับจ้องหญิงสาวในท่าทางกระฉับกระเฉงอย่างอดขำไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าแม่นาง..นำเสบียงมาจากจวนคนใหญ่คนโตน่ะ?” เขาเอ่ยถามเรียบ ๆ หลินหยาก็หัวเราะพรืกไปเลยสิ “เปล่าาา นี้ต่างหาก”

          เธอคลี่ผ้าออก กลิ่นหอมร้อน ๆ ของหนังเป็ดย่างที่ยังกรอบอยู่ก็ลอยกระทบปลายจมูก ร้อนเสียจนมีควันจาง ๆ ลอยคลุ้งขึ้นจากกล่องไม้เล็ก ๆ ที่ใช้เก็บรักษาความร้อน ชิ้นหนังเป็ดที่ถูกแล่บางพอดีคำวางเรียงบกันอย่างสวยงามแน่นขนัดในกลอ่ง เคียงด้วยแผ่นแป้งบาง ต้นหอมซอยสีขาวสะอาด กับแตงกว่าหั่นแท่งเล็ก ๆ เรียงกันอย่างพิถีพิถีด

          “เป็ดเป่ยจิงเคายาาา” เธอประกาศเสียงกระตือรือร้นเหมือนเด็กได้ของเล่น “เนี้ย เมนูประจำต้าฮั่นเชียวนะ แต่ละชิ้นก็ต้องแล่ตอนมันร้อน ๆ ลงจากเตาใหม่ ๆ ข้าก็เลย แอบฉกมากินก่อนที่จะโดนลากไปโขกหัวสับ”

          เว่ยชิงกระพริบตาช้า ๆ แล้วเอ่ยแบบกลั้นยิ้ม “แม่นางแอบขโมยมาจากเจ้านายหรือ?”

          “หาาา ท่านอย่ามาปรับปรำข้านะ ข้าเรียกมันว่า ค่าตอบแทนทางศีลธรรมจากการโดนจิกหัวใช้ข้าอย่างไม่เป็นธรรม” เธอว่าพลางห่อแผ่นแป้งอย่างรวดเร็ว อดแผ่นหนังเป็ดลงบนแป้ง ตามด้วยแตงกวาและต้นหอม ราดซอสหวานสีเข้มก่อนจะพับปลายสองด้านอย่างคล่องแคล่ว “นี่ไง เสร็จแล้ว! ลองดูสิ รับรองอร่อย” เว่ยชิงรับห่อเป็ดจากมือเธอช้า ๆ นิ้วเรียวยาวที่ผ่านดาบมานับพันฟาดรับแผ่นแป้งราวกับถือหยก ลังเลชั่วครู่ก่อนที่จักัดคำหนึ่งเสียงกรอบจากหนังเป็ดผสมกับรสหวานเข้มของซอสและความสดของแตงกวาเคล้ากับกลิ่นหอมเฉพาะจากต้นหอมซอย รสชาตินั้นซึมซาบลึกอย่างประหลาด ไม่ใช่เพียงรสอาหารแต่มันคือรสของ ‘ช่วงเวลาหนึ่ง’ ที่ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีสงคราม ไม่มีแม้แต่ทหารคนใดคุกเข่าต่อหน้า

          เขากัดอีกคำพลางเอียงหน้ามองหญิงสาวข้างกายที่กำลังกินด้วยกันอยู่ ไม่เข้ามาใกล้แต่ก็ยื่นอาหารมาให้กินซะงั้น “แม่นางทำให้ข้ารู้สึกเหมือนคนธรรมดา ในค่ำคืนที่ธรรมดา” เขาเอ่ยช้า ๆ ส่วนหลินหยาก็กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนที่จะยักไหล่แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์นิดหน่อย

          “ก็ดีแล้วนี้ ข้าชอบทำเรื่องธรรมดาแบบนี้แหละ โดยเฉพาะสำหรับเรื่องเงินกับของกิน” เธอบอกแล้วหันกลับไปม้วนแป้งอีกคำ ส่งให้ท่านชายแล้วก็ตัวเอง กัดคำโต ริมฝีปากเปื้อนซอสเล็กน้อยแต่เธอไม่สนใจมันแม้แต่นิด เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเธอดังคลอแม่น้ำ ทำให้ความเงียบเมื่อครู่ถูกทาบทักด้วยบรรยากาศใหม่แทน

          ก่อนที่จะได้แยกย้ายกันพร้อมกับความสนิทที่มากขึ้นกว่าเดิม นิดหนึ่ง







พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


รางวัล: +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
โบนัส ความโปรดปราน NPC เผ่ามนุษย์ (ผู้มีบุญ) +20 แต้ม
ทักษะนักดนตรี เล่นดนตรี โบนัสความสัมพันธ์ +5
มอบ เป็ดเป่ยจิง อาหารเกรดแดง ความสัมพันธ์ +30 (ส่งแล้ว)


แสดงความคิดเห็น

เว่ยชิงหัวใจตัน 2 ดวงแล้ว สามารถยื่นขอปลดได้หลังจบอีเว้นท์ปลดหัวใจเถียนเฟิง  โพสต์ 2025-6-17 23:20
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-6-17 23:20
โพสต์ 28167 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-17 19:09
โพสต์ 28,167 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-17 19:09
โพสต์ 28,167 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-17 19:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x4
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x70
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-9-22 23:40:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 22 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง

ยามราตรีคล้อยต่ำ แสงจันทร์ข้างขึ้นทอดผ่านแมกไม้ริมฝั่งแม่น้ำเว่ย กลิ่นดินชื้นปนกลิ่นดอกหญ้าโชยเบา ๆ ลมค่ำพัดให้ผิวน้ำระยับราวกับมีหยดเงินเกาะพราว เสียงจิ้งหรีดและจั๊กจั่นขับขานเป็นฉากหลังเงียบสงบ เงาร่างคนหนึ่งยืนอยู่บนแท่นหินกว้าง ร่างนั้นกำลังเคลื่อนไหวช้า ๆ อ่อนช้อย สายแขนพลิ้วราวกับกระแสธาร สองเท้าเคลื่อนตามจังหวะเงียบงันของหัวใจ

เสวี่ยซีหยุดการร่ายรำเมื่อรู้สึกได้ว่ามีเสียงบางอย่างปะปนเข้ามากับเสียงธรรมชาติ เสียงนั้นไม่ใช่เสียงสัตว์ ไม่ใช่เสียงน้ำไหล แต่เป็นเสียงชุมที่ก้องกังวานอ่อนโยนไหลเอื่อยไปตามลม ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา

เขาหันมองตามเสียง เห็นชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินไม่ไกลจากตลิ่ง แสงจันทร์สาดให้เห็นใบหน้าคมเข้มที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังจดจ่อกับเสียงดนตรีที่ตัวเองเป่า

เสวี่ยซีลังเลเล็กน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนอ่อนโยน เขาไม่คิดจะหลบหรือหลีกหนี เพียงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกชายแขนเสื้อขึ้นลูบเหงื่อที่ข้างขมับแล้วเดินเข้าไปใกล้ ๆ

เสียงชุมหยุดลงเมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเห็นผู้มาเยือน

“ขอโทษ ข้ารบกวนเจ้าหรือไม่” น้ำเสียงชายหนุ่มทุ้มต่ำแต่ไม่กระด้าง

เสวี่ยซีส่ายหน้าน้อย ๆ ยิ้มบาง ๆ ดวงตาสีอำพันสะท้อนแสงจันทร์ระยับ “ไม่หรอก เจ้ากำลังเป่าชุมหรือ? เสียงไพเราะมาก ข้าเพียงแวะมาซ้อมรำเท่านั้น”

ชายหนุ่มพยักหน้าเก็บชุมลง “ข้าชื่อจ้งชิง เดินทางผ่านมาตามแม่น้ำ เห็นที่นี่เงียบดีจึงมานั่งเล่นชุมสักครู่”

“ข้าซีซี” เสวี่ยซีกล่าวเสียงเบา “มาฝึกซ้อมเพราะพรุ่งนี้ต้องรำในหอว่านหงเหริน”

จ้งชิงเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อหอ แต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใดที่เสียมารยาท “เจ้ารำได้งดงามนัก แม้ข้าเพิ่งได้เห็นเพียงครู่เดียว ก็พอรู้ว่าต้องเป็นผู้ฝึกฝนมานาน”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ “ข้าฝึกมาตั้งแต่เล็ก”

ทั้งคู่หัวเราะแผ่ว ๆ บรรยากาศผ่อนคลาย

“แล้วเจ้ามาที่แม่น้ำบ่อยหรือ” จ้งชิงถามพลางมองผิวน้ำที่สะท้อนเงาจันทร์

“ไม่พึ่งจะเคยมาน่ะแต่ว่าข้าชอบที่เงียบ ๆ มีแต่เสียงลม น้ำ และจั๊กจั่น” เสวี่ยซีตอบเสียงนุ่ม

จ้งชิงพยักหน้า “ฟังดูเหมือนเจ้าจะชอบความสงบ”

“ใช่ ข้าไม่ค่อยชอบความวุ่นวายในเมืองนัก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้”

จ้งชิงหัวเราะเบา ๆ “เข้าใจ ข้าเองก็หนีความวุ่นวายมาเช่นกัน ถึงได้มาเป่าชุมอยู่ริมฝั่งเช่นนี้”

บทสนทนาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเสวี่ยซีจะล้วงห่อเล็ก ๆ ออกจากถุงผ้าแล้วยื่นให้ “นี่... ขนมไหมฟ้า ข้าหยิบติดมาด้วย เจ้าลองเก็บไว้กินดู”

จ้งชิงรับมาอย่างเกรงใจ “จะดีหรือ”

“ดีสิ ข้ากินไม่หมดอยู่แล้ว” เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบขวดสุราเล็ก ๆ ออกมาอีกขวด “นี่สุราเบญจมาศ กลิ่นหอมมาก ไว้เจ้าลองชิมตอนพักผ่อน”

จ้งชิงรับมาแล้วค้อมศีรษะ “ขอบคุณซีซี ข้าจะเก็บไว้กินแน่”

ทั้งสองนั่งคุยกันเรื่องแม่น้ำ เรื่องเมือง เรื่องของกินที่แต่ละคนชอบ จนเสียงลมเย็นแรงขึ้น เสวี่ยซีลุกขึ้นปัดชายเสื้อ

“ข้าคงต้องกลับแล้ว”

“ข้าก็จะเดินทางต่อ” จ้งชิงลุกยืน เก็บชุมเข้ากระเป๋า “ยินดีที่ได้พบซีซี”

เสวี่ยซีโค้งเล็กน้อย “ข้าก็ยินดีที่ได้พบจ้งชิง ไว้โอกาสหน้าคงได้เจอกันอีก”

ชายหนุ่มยิ้ม พยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวเดินตามเส้นทางเลียบแม่น้ำหายไปในความมืด เสวี่ยซีมองตามจนเงาเลือนลับไปจึงหันกลับ และเดินไปทางจวนของเถียนเฟิงด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า

เสวี่ยซีก้าวเท้าช้า ๆ ไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำ เสียงรองเท้าสัมผัสพื้นกรวดดังแผ่วราวกับเสียงฝนตกเบา ๆ ความเงียบยามค่ำทำให้ทุกเสียงดังชัดเจนกว่าเดิม ลมกลางคืนพัดเอื่อย พาให้ปลายผมที่รวบอย่างลวก ๆ ปลิวไหว ปลายแขนเสื้อพลิ้วสะบัดไปตามแรงลม

หลังจากเงาของจ้งชิงเลือนหายไปในความมืด เสวี่ยซียังหันไปมองทางเดิมอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับยังอยากจดจำภาพของชายที่เพิ่งพบ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรลึกซึ้ง เพียงแค่ความอบอุ่นเล็ก ๆ ในอกที่ทำให้ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“เสียงชุมของเขา... ไพเราะจริง ๆ” เสวี่ยซีพึมพำกับตัวเอง ดวงตาสีอำพันทอดมองแม่น้ำที่ไหลเรื่อย น้ำสะท้อนแสงจันทร์วาววับราวเกล็ดเงิน สายน้ำดูสงบแต่ภายใต้ความสงบนั้นย่อมมีแรงไหลเชี่ยวอยู่ลึก ๆ คล้ายความคิดของเขาเอง

ในใจเสวี่ยซีแวบคิดถึงใครอีกคน ต้าซือคง—ชายหนุ่มผู้เคยกุมมือเขาคำพูดและรอยยิ้มของเขายังคงติดตรึงในใจ แม้เวลาผ่านไปก็ยังไม่จางหาย

“ต้าซือคง... เจ้าคงอยู่ไกลนัก” เขาพึมพำเบา ๆ เหมือนคุยกับคนที่ไม่มีอยู่ตรงหน้า “ข้าจะรำให้ดีกว่าเดิม เพื่อเจ้าจะได้ภูมิใจเมื่อเห็นข้าอีกครั้ง”

ก้าวเท้าของเสวี่ยซีช้าลง เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า ดาวระยิบระยับเต็มฟ้า ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงนวล เสียงหรีดหริ่งระงมอยู่สองข้างทาง เสียงน้ำกระทบหินดังเป็นจังหวะชวนให้ใจสงบ

แม้ความเงียบจะอบอุ่น แต่ความเหงาก็คล้ายคืบคลานมาในเงามืด เสวี่ยซีหอบห่อขนมที่เหลือแนบอก เหมือนมันจะให้ความรู้สึกปลอดภัย “อย่างน้อยวันนี้ข้าได้รู้จักคนใหม่...” เขายิ้มบาง ๆ “หวังว่าเขาจะชอบขนม”

เมื่อเดินเข้าใกล้ตัวเมือง แสงตะเกียงตามทางเริ่มสว่างขึ้น


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์
เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-9-23 21:45
คุณได้รับ +5 คุณธรรม โพสต์ 2025-9-23 21:45
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-9-23 21:45
โพสต์ 18813 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-22 23:40
โพสต์ 18,813 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-22 23:40
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 02:27:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 24 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง

ริมฝั่งแม่น้ำเงียบสงบ ผู้คนที่มักมาตักน้ำหรือเดินทางเรือเล็กต่างทยอยกลับเข้าหมู่บ้าน เหลือเพียงเสียงน้ำกระทบหินและเสียงแมลงกลางคืนที่ขับขานอยู่รอบทุ่ง

ท่ามกลางความเงียบงันนั้น เงาร่างหนึ่งก้าวลงไปยืนบนลานหินที่ยื่นออกไปเหนือแม่น้ำ ร่างนั้นคือเสวี่ยซี ชายหนุ่มร่างบอบบางผู้มีดวงตาสีอำพันอ่อนโยน เขามาเพื่อทำสิ่งที่คุ้นเคยการซ้อมรำ

เสวี่ยซีค่อย ๆ เหยียดแขนออกไป สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วขยับฝีเท้าอย่างช้า ๆ เส้นผมสีดำที่ถูกรวบไว้บางส่วนปลิวไปตามแรงลม สายแขนพลิ้วราวผืนแพรเคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่มีอยู่ในใจ การร่ายรำของเขาเงียบงันไร้เสียงดนตรีประกอบ ทว่าความงดงามกลับยิ่งเด่นชัด ราวกับธรรมชาติโดยรอบกลายเป็นเครื่องดนตรีที่บรรเลงให้เอง

เสียงน้ำไหลกลายเป็นจังหวะพื้น เสียงจั๊กจั่นกลายเป็นเสียงประกอบเบื้องหลัง และสายลมที่โอบรอบกายกลายเป็นสายพิณที่ขับเคลื่อนให้ร่างกายเขาเคลื่อนไหว

เสวี่ยซีไม่ทันรู้เลยว่า มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทอดสายตามองอย่างเงียบ ๆ

จ้งชิงชายหนุ่มที่เพิ่งพบเมื่อคืนกลับมาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ เขาเพียงเดินผ่านเส้นทางเลียบแม่น้ำตามเคย หวังจะเป่าชุมให้หัวใจสงบ แต่เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า กลับหยุดฝีเท้าโดยอัตโนมัติ

เขายืนนิ่ง ไม่เป่า ไม่ขยับ เพียงเฝ้ามองภาพการร่ายรำที่งดงามดุจสายหมอกไหลเอื่อย ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกราวกับกำลังมองสายน้ำและสายลมจับต้องได้

เสวี่ยซีหมุนกายช้า ๆ แขนขาวพาดไปข้างหน้า ฝีเท้าก้าวพลิ้วราวกับไม่ได้สัมผัสพื้นหิน จนกระทั่งหันไปในทิศทางเดียวกับที่จ้งชิงยืนอยู่ สายตาอำพันนั้นสบเข้ากับสายตาคมเข้มของชายหนุ่ม

เขาชะงักเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อคืน รอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นแทน “อ๋า ที่แท้เป็นท่านเอง” น้ำเสียงของเขาเบา ละมุนราวสายลม

จ้งชิงก้าวออกจากเงามืด ยกมือคารวะเบา ๆ “ข้าบังเอิญผ่านมาอีกแล้ว มิได้ตั้งใจจะรบกวนเจ้าซ้อมรำ”

“ไม่เป็นไรหรอก” เสวี่ยซีส่ายศีรษะเบา ๆ “ที่นี่เป็นของสาธารณะ จะมาก็ย่อมได้ ข้าแค่รำเพื่อฝึกตัวเองเท่านั้น”

ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้า “เจ้ารำได้งดงามกว่าที่ข้าเห็นเมื่อครานั้นเสียอีก ครานี้ไม่มีเสียงชุม ข้ากลับได้ยินเสียงของสายลมแทน ดูเหมือนมันจะเข้ากับการรำของเจ้า”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ “ข้าเพียงทำตามที่สอนมา ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอก” เขาพูดพลางก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความถ่อมตน

ทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนที่เสวี่ยซีจะหันกลับไปซ้อมรำต่อ คราวนี้เขาไม่รู้สึกเก้อเขินที่มีคนมองตรง ๆ เพราะสายตาของจ้งชิงไม่ได้มีความกดดันหรือเยาะหยัน กลับเต็มไปด้วยความสงบและจริงใจ

ท่วงท่าถัดไป เสวี่ยซีเหยียดแขนสูงขึ้น ปลายนิ้วแตะไปตามอากาศเหมือนกำลังไล่ตามดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้า เท้าก้าวช้า ๆ แต่มั่นคง ร่างกายพลิ้วไหวคล้ายสายน้ำ รอยยิ้มบาง ๆ ติดอยู่บนริมฝีปาก

จ้งชิงยืนนิ่งเฝ้ามอง ไม่ได้กล่าวคำใด เขาปล่อยให้เสียงแมลงและสายน้ำเป็นผู้บรรยายความงามตรงหน้าแทน

เมื่อท่ารำสิ้นสุด เสวี่ยซีถอนหายใจเบา ๆ เช็ดเหงื่อที่ขมับ ก่อนหันมากล่าว “ข้าคงซ้อมพอแล้วสำหรับวันนี้”

“เจ้าขยันไม่น้อย” จ้งชิงเอ่ยเสียงเรียบ

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ “หากไม่ซ้อม เดี๋ยวก็ลืมเอาหรอก ข้าเลยต้องขยันไว้ก่อน”

แสงจันทร์สาดส่องลงมาทำให้ทั้งสองยืนอยู่กลางเงาสีเงิน เงาของเสวี่ยซีทอดลงบนพื้นหิน ยาวเรียวราวกับเส้นหมึกขีดลาก จ้งชิงมองเงานั้นเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า

เสียงน้ำไหลยังคงดังระงมอยู่เบื้องหลัง หลังจากสิ้นสุดการร่ายรำ เสวี่ยซีเช็ดเหงื่อที่ชื้นข้างขมับอย่างแผ่วเบา ลมหายใจสม่ำเสมอขึ้นทีละน้อย เขาหันไปหาจ้งชิงที่ยืนเงียบอยู่ไม่ไกล สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ชัดเจน แต่แววตากลับสงบนิ่งและซื่อตรง

“ท่านจ้งชิง” เสวี่ยซีเอ่ยเรียกอย่างสุภาพ พร้อมกับเปิดถุงผ้าเล็กที่นำติดกายมา เขาล้วงห่อเล็ก ๆ ออกมาอย่างทะนุถนอม ภายในคือ ขนมไหมฟ้าหวานละมุนและขวดดินเผาเล็กใส่ น้ำเต้าหู้ที่ยังอุ่นเล็กน้อย

“ของเล็กน้อย เก็บไว้เถิด” น้ำเสียงของเขาอ่อนหวานจนเหมือนสายลมพัดกระทบผืนน้ำ

จ้งชิงกะพริบตาเล็กน้อย มองของที่ยื่นมาอย่างลังเล “เจ้ามอบของให้ข้าอีกแล้วหรือ คราวก่อนก็เพิ่งรับขนมกับสุราจากเจ้าไป...”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ ดวงตาสีอำพันเป็นประกาย “เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้ากินไม่หมดหรอก ของพวกนี้หากท่านเก็บไว้ ยามค่ำก็จะช่วยให้อบอุ่นขึ้น”

น้ำเสียงจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยม ทำให้ปฏิเสธยาก จ้งชิงจึงยื่นมือมารับช้า ๆ พร้อมพยักหน้ารับอย่างสุภาพ “เช่นนั้นข้าคงต้องเก็บไว้ด้วยความซาบซึ้ง ขอบคุณซีซี”

เสวี่ยซียิ้มบาง ๆ ไม่ได้ตอบคำ เพียงผงกศีรษะเล็กน้อย ราวกับถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องกล่าวมาก

ลมค่ำพัดแรงขึ้นอีกครา เส้นผมดำยาวของเสวี่ยซีพลิ้วไปตามแรงลม เงาร่างของเขาในแสงจันทร์ดูราวกับภาพฝันที่จางหายได้ทุกเมื่อ จ้งชิงมองภาพนั้นเพียงครู่ ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ

“เจ้าควรรีบกลับได้แล้ว เดินกลับคนเดียวระวังตัวด้วยล่ะ”

เสวี่ยซีเหลือบมองท้องฟ้า ดาวพราวเต็มผืนฟ้าแล้วจึงพยักหน้า “ท่านก็เช่นกัน เดินทางกลางคืนต้องระวัง ข้าหวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

พูดจบเขาโค้งตัวเล็กน้อยอย่างมารยาท ก่อนหมุนกาย ก้าวออกจากลานหินที่ยื่นเหนือแม่น้ำ

เสวี่ยซีเดินลัดเลาะตามเส้นทางริมแม่น้ำ แสงจันทร์ส่องให้พื้นหินขาวซีดราวกับโรยผงเงิน เสียงจั๊กจั่นดังประสานเป็นดนตรีของราตรี เขากอดถุงผ้าแนบอกเบา ๆ เหมือนจะเก็บไออุ่นไว้ในอก



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์
เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม

@Watcher

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-9-26 20:55
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 30 โพสต์ 2025-9-26 20:54
โพสต์ 20138 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 02:27
โพสต์ 20,138 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 02:27
โพสต์ 20,138 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 02:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 23:32:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง

แม่น้ำเว่ยยังคงสะท้อนแสงจันทร์งดงาม สายน้ำไหลเอื่อยไปตามครรลองของมันไม่เคยหยุดหย่อน เสียงลมพัดผ่านยอดหญ้าดังซู่ซ่า คล้ายขับกล่อมให้ราตรีนี้สงบเย็นกว่ายามใด

เสวี่ยซีก้าวลงมายืนบนลานหินที่คุ้นตา ราวกับร่างกายเคยชินกับสถานที่นี้เสียแล้ว เขาไม่ได้ตั้งใจรอใคร หากแต่ตั้งใจมาฝึกซ้อมการร่ายรำเพราะในวันรุ่งขึ้นจะต้องขึ้นแสดงที่หอว่านหงเหริน งานนี้ไม่ใช่การรำประจำคืนธรรมดา หากเป็นงานใหญ่ที่มีแขกสำคัญมาจากหลายแห่ง เถ้าแก่หลิวไค่จึงกำชับให้เหล่านางโลม นายโลมทุกคนตั้งใจเต็มที่

เขายกมือขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ดวงตาสีอำพันทอดมองผืนน้ำเบื้องหน้า แล้วร่างกายก็เริ่มเคลื่อนไหวไปตามท่วงท่าที่ซึมซับอยู่ในจิตใจ แขนเรียวสะบัดไปช้า ๆ ฝีเท้าก้าวอย่างมั่นคง การหมุนกายและยกมือทุกท่วงท่าล้วนงดงามราวสายลมไหลผ่านหมู่เมฆ

ขณะที่เขากำลังร่ายรำ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากอีกฟากเสียงชุมใสกังวาน ท่วงทำนองเรียบง่ายแต่ทอดยาวไปในรัตติกาล ราวกับสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้าอย่างอ่อนโยน

เสวี่ยซีชะงักเล็กน้อย พลันหันไปก็เห็นร่างสูงของ จ้งชิง ยืนอยู่ใต้ต้นหลิวที่ปลายลานหิน เขากำลังยกชุมขึ้นเป่าอย่างตั้งใจ ท่วงทำนองนั้นไม่เร่งรีบ ไม่โอ่อ่า หากแต่พอดีกับจังหวะรำของเขาราวกับทั้งสองนัดหมายกันไว้

เสวี่ยซีหลุดยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันกลับมา ร่ายรำต่อโดยปล่อยให้เสียงชุมเป็นดนตรีประกอบธรรมชาติ แขนที่เหยียดออกเหมือนดอกไม้กำลังแย้มบาน เท้าที่ก้าวไปข้างหน้าดูราวกับกำลังล่องลอยบนผืนน้ำ เสียงชุมประสานกับสายลมและเสียงจั๊กจั่นจนกลายเป็นค่ำคืนที่สมบูรณ์ยิ่ง

เมื่อท่ารำสิ้นสุด เสวี่ยซีค้อมกายเบา ๆ เหมือนปิดฉากการแสดง จากนั้นจึงหันไปยกมือทักทาย “ท่านจ้งชิง คืนนี้ก็มาเช่นกันหรอกหรือ”

เสียงชุมหยุดลง จ้งชิงวางเครื่องดนตรีลงและก้าวออกมาจากเงาต้นหลิว “ข้าผ่านมาอีก คราวนี้ตั้งใจว่าจะเป่าให้จบสักเพลง แต่เมื่อเห็นเจ้ารำ... ข้ากลับคิดว่าเสียงดนตรีอาจจะช่วยให้ท่วงท่าของเจ้าลื่นไหลขึ้น”

เสวี่ยซีหัวเราะแผ่วเบา ดวงตาสีอำพันระยับในแสงจันทร์ “จริงสิ ข้าก็รู้สึกเช่นกัน”

จ้งชิงเพียงพยักหน้ารับ ไม่ได้กล่าวยกยอต่อมากนัก เขาเก็บชุมลงในถุงหนังแล้วถามขึ้น “ดูเหมือนเจ้าจะซ้อมอย่างตั้งใจนัก มีงานสำคัญรออยู่หรือ”

เสวี่ยซีพยักหน้า “ใช่แล้ว พรุ่งนี้หอว่านหงเหรินจะมีการแสดงใหญ่ แขกผู้มาเยือนเป็นท่านขุนนางและพ่อค้าจากแดนไกล เถ้าแก่สั่งให้ทุกคนเตรียมตัวเต็มที่ ข้าก็เลยออกมาซ้อมมากหน่อย”

“แสดงใหญ่...” จ้งชิงทวนคำ สายตาเขาแน่วแน่ขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าคงมีบทบาทสำคัญ”

เสวี่ยซีส่ายหน้า ยิ้มถ่อมตัว “ข้าเป็นเพียงคนรำธรรมดา มิได้มีอะไรพิเศษนัก แต่... หากการรำของข้าทำให้ผู้ชมพอใจ ข้าก็ดีใจแล้ว”

คำพูดนั้นเปี่ยมด้วยความจริงใจจนจ้งชิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าไม่ธรรมดา”

เสวี่ยซีกะพริบตา มองเขาอย่างแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตานิ่งเรียบที่ไม่เจือความล้อเลียน จึงเพียงยิ้มบาง ๆ ไม่โต้ตอบ

ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่กลางลานหิน ราตรีรายล้อมด้วยแสงดาวและเสียงแมลง เสวี่ยซีหันไปหยิบถุงผ้าเล็กของตนออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาหยิบ น้ำเต้าหู้ร้อนหนึ่งขวดเล็ก และ ขนมไหมฟ้า ที่ห่อด้วยผ้าบางสะอาด ยื่นไปตรงหน้าจ้งชิง

“นี่... ของเล็กน้อยอีกแล้ว ข้าคิดว่าท่านเดินทางกลางคืนคงล้า น้ำเต้าหู้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ขนมไหมฟ้าก็หวานเบา ๆ พอแก้เหนื่อยได้”

จ้งชิงมองของในมือเขา ก่อนหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เจ้ามักชอบแบ่งให้ผู้อื่นเช่นนี้หรือ”

เสวี่ยซีเอียงคอเล็กน้อย รอยยิ้มใสซื่อแต้มบนใบหน้า “เพราะข้ากินไม่หมดทุกครั้ง ถ้าเก็บไว้ก็มักเสียเปล่า มอบให้คนอื่นดีกว่า”

จ้งชิงมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับของมาอย่างสุภาพ “เช่นนั้นข้าจะรับไว้อีกครั้ง”

เสวี่ยซีพยักหน้าเบา ๆ ความพอใจฉายชัดในแววตาอำพัน แล้วจึงกล่าวอย่างอ่อนโยน “ข้าคงต้องกลับแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมงานแสดง”

“อืม” จ้งชิงตอบรับสั้น ๆ “ไปเถิด อย่าให้เถ้าแก่ในหอดุเอา”

เสวี่ยซีหัวเราะคิกเบา ๆ ก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นการล่ำลา แล้วหันกายเดินตามทางเลียบแม่น้ำกลับสู่ตัวเมือง เส้นผมดำยาวพลิ้วไปตามแรงลม เงาของเขาค่อย ๆ เลือนหายไปราวกับหมอกยามเช้า

จ้งชิงยืนนิ่งมองตามจนร่างนั้นกลายเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ก่อนจะหันกลับไปยังลานหิน เงียบงันในความคิดของตนเอง เสียงแมลงยังขับขานอยู่ไม่หยุด แต่เสียงชุมของเขากลับไม่ได้ดังขึ้นอีก


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์
เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม

มีโพสต์ด้านบนที่ยังไม่ได้ตรวจครับ

แสดงความคิดเห็น

หัวใจกับเว่ยชิงตันสองดวงแล้ว  โพสต์ 2025-9-26 20:55
คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-9-26 15:27
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-9-26 15:25
โพสต์ 16835 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 23:32
โพสต์ 16,835 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 23:32

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
62
ความชั่ว
670
ความโหด
1539
โพสต์ 2025-10-1 14:21:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 28 เดือน 8  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 18.00 - 19.00 น.


แสงอาทิตย์ยามย่ำสนธิคล้อยต่ำ รังสีทองส่องต้องผิวน้ำเว่ยจนระยิบระยับเป็นประกายดั่งเกล็ดมังกรต้องเพชรคลี่คลาย พริ้วลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเย็นเอื่อย ส่งเสียงกิ่งหลิวริมน้ำเสียดส่ายดังกรุ๋งกริ๋ง เงาสายน้ำทอดยาวราวผืนแพรสีนวล ล้อมรอบด้วยภาพเรือเล็กแล่นกลับฝั่ง ชาวประมงร้องขับขานรับแสงตะวันสุดท้ายของวัน


ท่ามกลางความสงบงามนั้น ปรากฏเงาร่างชายแก่ผู้หนึ่งก้าวเดินบนตลิ่งหินริมฝั่ง เขามีศีรษะล้านเงาวับ โกร๋นโล้นราวสว่างกว่าอาภรณ์บนกาย เสื้อผ้าขาดรุ่ยเป็นเศษผ้าไร้ราคา เครายาวรุงรังพันกันยุ่งเหยิงประหนึ่งหญ้าแห้งที่ถูกลมพัดปลิว ร่างกายผอมแห้งจนเห็นกระดูกบ่งบอกความอดอยากเรื้อรัง ผิวหนังหยาบกร้านแตกคล้ำจากลมแดด


จีเทียนเต้าา มิใช่บุรุษสง่างามเฉกเช่นจอมยุทธในตำนาน เขาก้าวเดินไปพลาง พึมพำสนทนากับเงาตัวเองบนผืนน้ำ เสียงหัวเราะของเขาบางคราแจ่มใสร่าเริงประหนึ่งเด็ก บางครากลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงบ่นพร่ำเศร้าหมองคล้ายคนสิ้นหวัง 


แววตาที่มองแม่น้ำทอดยาวนั้นฉายประกายทั้งท้าทายและหดหู่ ราวกับตั้งคำถามต่อสวรรค์เหตุใดชะตาฟ้าจึงไม่ยุติธรรมกับเขา


แม้สภาพภายนอกจะน่าเวทนา แต่ภายในเขากลับมีความมั่นใจประหลาด มักเอ่ยโอ้อวดเรื่องราวเกินจริง เสมือนว่าตนเคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอดีต หากใครเฝ้าฟังก็ยากจะแยกแยะว่าเป็นสัจจริงหรือเพียงเพ้อฝันของผู้บ้าคลั่ง


ทว่าภายใต้เสียงหัวเราะและถ้อยโม้โอ้อวดนั้น


ความโดดเดี่ยวกลับกัดกินหัวใจเขาอย่างแผ่วลึก...


ยามนั้นลมยามอาทิตย์ตกโบกโบยชายเสื้อเก่ารุ่ยจนฟาดกับกายผอมแห้ง จี เทียนเต้าเงยหน้ามองท้องฟ้าที่กำลังถูกย้อมด้วยสีส้มและม่วง ก่อนเอ่ยเสียงขำขันกับตัวเอง


แต่เสียงขำนั้นเมื่อสะท้อนกับแม่น้ำเว่ย กลับคล้ายเสียงร่ำไห้ของคนไร้บ้านผู้หนึ่งในนครฉางอันอันกว้างใหญ่



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10493 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-1 14:21
โพสต์ 10,493 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-1 14:21
โพสต์ 10,493 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-1 14:21
โพสต์ 10,493 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-1 14:21
โพสต์ 10,493 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-1 14:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
62
ความชั่ว
670
ความโหด
1539
โพสต์ 2025-10-2 00:45:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 1 เดือน 9  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 05.00 - 06.00 น.


ริมฟากฝั่งตะวันตกกลับมีเงาร่างชายชราหัวล้านวิ่งโซซัดโซเซ ฝ่าพงไพร ฝ่าดงไผ่ มุ่งตรงไปยัง แม่น้ำเว่ย


สายน้ำสำคัญที่เลี้ยงหล่อชีวิตนับพันหมื่นผู้คนของแคว้นนี้


สายน้ำเว่ยทอดยาวสุดสายตา ไหลเอื่อยเชื่อมจากภูผากว้างใหญ่แห่งกานซู สู่ทางตะวันออกอันกว้างไกลเพื่อไปโอบกอดแม่น้ำหวงเหอ คลื่นน้ำยามกลางคืนกระทบตลิ่งดังซ่า ๆ


เสียงกระเพื่อมเป็นจังหวะคล้ายเสียงหัวใจของผืนแผ่นดิน เทียนเต้าวิ่งมาถึงก็ทรุดลงนั่งริมตลิ่ง เงยหน้ามองผืนน้ำวับวาวที่สะท้อนแสงจันทร์ ดวงตาลุกวาวดุจวิญญาณวิปลาส


“โอ๋…เจ้าสายน้ำใหญ่! เจ้าไหลผ่านเมืองหลวง ผ่านวังหลวง ผ่านบ้านขุนนาง ผ่านเรือนชาวนา เจ้าเห็นทุกสิ่ง แต่เจ้าก็ยังนิ่งเฉย! ฮ่าๆๆ…โลกนี้มันช่างอยุติธรรม…เหมือนเจ้าไม่มีผิด!”


เขาตะโกนก้องไปยังสายน้ำ แววตาแดงกร่ำ เสียงหัวเราะปนสะอื้นราวกับเด็กหลงทาง ร่างผอมแห้งยกมือชี้มั่วไปกลางลำน้ำเหมือนกำลังปราศรัยต่อผู้คนนับหมื่นที่ไม่มีอยู่จริง

“พวกเจ้าฟังข้าไหม! ข้าเทียนเต้า คือจักรพรรดิแห่งแม่น้ำเว่ย! เจ้าทั้งหลายต้องคุกเข่าต่อข้า ฮ่าๆๆๆ!”


เสียงสะท้อนดังกลับมาจากผิวน้ำและฝั่งตรงข้าม ราวกับมีคนอีกมากมายหัวเราะเยาะเขาซ้ำเติม ชายชราจึงหัวเราะลั่น พลางถอดรองเท้าเก่าๆ ขาดรุ่งริ่งโยนลงไปในสายน้ำแล้วปรบมือราวกับเพิ่งทำการใหญ่


“ไปเถิด! รองเท้าโง่เขลานี้คือเครื่องบูชาแด่เจ้า…รับไปเถิดแม่น้ำเว่ย! จงจำข้าไว้ อย่าให้โลกหลงลืมข้า!”


เขาคลานไปริมตลิ่ง ตักน้ำขึ้นดื่มทั้งที่เต็มไปด้วยโคลนปนกรวด ดื่มจนเปรอะเปื้อนทั่วเครารุงรัง จากนั้นก็ลุกขึ้นกางแขน หันหน้ารับลมยามราตรีที่พัดผ่านสายน้ำ


“โอ้…ลมเอย ลมแห่งเว่ย! พัดความเศร้าของข้าไป พัดเอาความเจ็บแค้นไป…แล้วนำเพียงเสียงหัวเราะของข้ามอบให้แผ่นดิน!”


ว่าจบ เขาก็หัวเราะเสียงบ้าคลั่งก้องสะท้อนฟากฟ้า ร่างโซซัดโซเซราวนักพรตบ้าผู้เพ้อเจ้อริมสายน้ำ ขณะที่แม่น้ำเว่ยังคงไหลนิ่งไม่ไยดี 


เหมือนโลกใบนี้ที่ไม่เคยหยุดรอผู้ใด


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 11677 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-2 00:45
โพสต์ 11,677 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-2 00:45
โพสต์ 11,677 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-2 00:45
โพสต์ 11,677 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-2 00:45
โพสต์ 11,677 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-2 00:45
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
62
ความชั่ว
670
ความโหด
1539
โพสต์ 2025-10-2 03:09:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 1 เดือน 9  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 21.00 - 22.00 น.


ร่างผอมแห้งของ จี เทียนเต้า พุ่งทะลุจากพงไผ่เข้าสู่ ริมแม่น้ำเว่ย แม่น้ำสายสำคัญแห่งฉางอัน เสียงน้ำไหลแรงปะปนกับเสียงฝีเท้าของเขา เสียงใบไม้กรอบแกรบและหินกระทบเท้าก้องสะท้อนกับผืนน้ำ เส้นผมบางปกคลุมหน้าผาก 


เครารุงรังปลิวไหวตามแรงวิ่ง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและเปียกชื้นจากเหงื่อ แต่ดวงตาแดงกร่ำยังคงลุกวาวเต็มไปด้วยความเพ้อคลั่ง


“ข้าเทียนเต้า…ไม่มีใครหยุดข้าได้…ข้าจะหนี…ข้าจะไม่ยอมใคร!” 


เขาพูดคนเดียวเสียงแหบพร่า พลางสะบัดแขนและโซเซไปตามริมน้ำ


ฝูงแมกไม้เรียงรายริมตลิ่งทำให้เขาต้องหลบไปมา มือคว้าต้นไม้เพื่อพยุงตัว แต่ยังหัวเราะคิกคักและพูดเพ้อ


“เจ้าต้นไม้…เจ้าตลิ่ง…เจ้าจะช่วยข้าหนีไหม? ข้าจะไม่หยุด! ข้าจะไปให้สุดทาง! ฮ่าๆๆ!”


เสียงฝีเท้าตามหลังดังใกล้เข้ามา เขาก้าวพรวดไปข้ามโขดหิน ข้ามก้อนไม้ล้ม พลางหัวเราะราวกับท้าทายผู้ตาม เสียงน้ำกระเซ็นจากเท้าเปียกปนกับเสียงเพ้อเจ้อของเขา ทำให้ทั้งริมแม่น้ำดูเหมือนเวทีสำหรับความบ้าคลั่งของชายแก่หัวล้านคนหนึ่ง


บางครั้งเขาหยุดชั่วคราว พลางก้มลงดมกลิ่นน้ำ และพูดกับสายน้ำ


“ข้าเทียนเต้า…เจ้ามองข้าหรือไม่…โลกทั้งใบทอดทิ้งข้า แต่ข้าจะไม่ทอดทิ้งตัวเอง ข้าจะเพ้อคลั่งกลางสายน้ำนี้…ทุกหยด ทุกริ้วน้ำ ทุกแรงไหล ข้าจะจดจำ ฮ่าๆๆ!”


เขาลุกขึ้น วิ่งต่อไปตามริมน้ำ มือกวักไปข้างหน้า พลางสะบัดเคราและเสื้อผ้า เสียงหัวเราะก้องสะท้อนกับน้ำและผาหินรอบตลิ่ง เสียงเพ้อคลั่งของเขาปนกับเสียงน้ำไหล สร้างท่วงทำนองแปลกประหลาดและวุ่นวาย ราวกับธรรมชาติทั้งผืนน้ำต้องฟังเขา


ร่างผอมแห้งของเขาโซเซผ่านริมน้ำ ข้ามเนินเล็กและโขดหิน ความเร็วของเขาไม่สม่ำเสมอ แต่ความเพ้อคลั่งทำให้ทุกก้าวมีชีวิต ชายแก่หัวล้านผู้หนึ่งผู้ถูกโลกทอดทิ้ง วิ่งหนีด้วยทั้งความกลัวและความบ้าคลั่ง ท่ามกลางสายน้ำและป่าริมแม่น้ำเว่ย


“ข้าจะไม่หยุด! ข้าจะหนีจนสุดแม่น้ำ…ข้าเทียนเต้า…ผู้บ้าคลั่ง แต่ยิ่งใหญ่เหนือสายน้ำแห่งฉางอัน!” เขาพูดคนเดียวเสียงดัง พลางหัวเราะสะใจ น้ำและแมกไม้รอบข้างกลายเป็นพยานของความบ้าคลั่งและความโดดเดี่ยวของเขาอย่างสมบูรณ์

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12225 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-2 03:09
โพสต์ 12,225 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-2 03:09
โพสต์ 12,225 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-2 03:09
โพสต์ 12,225 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-2 03:09
โพสต์ 12,225 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-2 03:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
โพสต์ 2025-10-2 23:05:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 29 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น.

╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง


ค่ำคืนผ่านไปหลายวัน นับจากการแสดงอันงดงามในหอว่านหงเหริน เสียงลือเสียงเล่าอ้างของเสวี่ยซีไม่เพียงกระจายอยู่ภายในเมืองฉางอัน แต่ยังลอยไปถึงหูพ่อค้าและนักเดินทางที่สัญจรไปมา ราวกับชื่อเสียงของเขากลายเป็นบทกลอนที่ทุกผู้คนอยากขับขานสืบต่อ


แต่ในยามค่ำเงียบสงัดของคืนนี้ แสงจันทร์ที่ลอยสูงเหนือฟากฟ้ากลับทอดตัวสะท้อนบนผืนน้ำเว่ย ดวงดาวระยิบราวกับไข่มุกโปรยปราย สายลมเย็นค่ำพัดโชยกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหญ้าริมตลิ่ง แทบไม่มีผู้คนหลงเหลืออีกแล้ว 


เขาก้าวเท้าเปล่าเบา ๆ บนผืนดินชื้น พวงผมดำยาวพลิ้วสะบัดตามจังหวะลม สายตาอำพันทอดมองเงาจันทร์ในน้ำอย่างเงียบงัน ก่อนจะเริ่มขยับแขนเรียวบางออกทีละน้อย ดุจดอกไม้ผลิบานในราตรีอันสงบ เสวี่ยซีร่ายรำไปตามความคิด ไม่ได้มีผู้ชม ไม่มีเสียงปรบมือ มีเพียงตนเองและความเงียบงัน


ทว่าความเงียบไม่ได้อยู่ยาวนานนัก…


เสียงแผ่วของชุมลอยมาตามลม เป็นท่วงทำนองชัดแต่ไม่เร่งเร้า เสียงทุ้มอ่อนนุ่มชวนให้นึกถึงลมพัดเหนือหิมะที่กำลังละลาย เสวี่ยซีหยุดชั่วครู่ หันสายตาไปตามเสียงนั้น และเห็นเงาร่างสูงโปร่งของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ริมตลิ่ง


จ้งชิงกำลังเป่าชุมด้วยสายตาสงบ ปลายนิ้วคลึงแผ่วเบาบนรูเครื่องดนตรี ราวกับมิได้ตั้งใจให้ใครได้ยิน ทว่าเสียงก็ยังเล็ดลอดไปทั่วทุ่งหญ้าและสะพานไม้ที่ทอดผ่านแม่น้ำ


เสวี่ยซีชะงักเล็กน้อย ก่อนยกยิ้มบางอย่างเก้อเขิน เขาไม่ได้หยุดรำ หากแต่หันกายปรับจังหวะการเคลื่อนไหวให้เข้ากับท่วงทำนองนั้น แขนเรียวโค้งรับจังหวะเสียงชุม ชุดผ้าที่พลิ้วปลิวไสวพริ้วไปพร้อมกับสายลม กลายเป็นภาพที่ทั้งงดงามและกลมกลืน


เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วยาม ดนตรีและการร่ายรำเหมือนโต้ตอบกันโดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ จนเมื่อท่อนสุดท้ายของเสียงชุมจางหาย เสวี่ยซีก็หมุนกายช้า ๆ และหยุดยืนนิ่งกลางลานริมตลิ่ง หอบหายใจเล็กน้อย


เสียงหัวเราะเบาบางดังขึ้นจากก้อนหิน “เจ้ามักจะออกมาร่ายรำยามดึกดื่นอยู่เสมอสินะ” จ้งชิงถาม น้ำเสียงราบเรียบแต่มีความสงสัยซ่อนอยู่


เสวี่ยซีเดินเข้ามาใกล้ ยกมือเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากพลางตอบ “ก็ประมาณนั้น” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและอ่อนโยน “แล้วท่านเล่า ทำไมถึงเป่าชุมที่นี่ได้ทุกคราว”


จ้งชิงเลื่อนสายตาขึ้นสบตาอำพันนั้นครู่หนึ่ง ก่อนตอบอย่างเรียบง่าย “ข้าเพียงเป่าเพราะนึกถึงอดีต”


ความเงียบโรยตัวลงอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เงียบแบบอึดอัด หากเป็นความเงียบที่ทำให้ได้ฟังเสียงจิ้งหรีดในพงหญ้าและเสียงคลื่นเล็ก ๆ ริมฝั่ง เสวี่ยซียืนนิ่งราวกับกำลังชั่งใจ ก่อนจะหยิบถุงผ้าเล็กออกมาจากแขนเสื้อแล้วค่อย ๆ ล้วงหยิบสิ่งหนึ่งออกมา


เขายื่นไปตรงหน้า เป็นขนมบัวหิมะก้อนกลมสีขาวนวล มีกลีบบัวปั้นบนผิวราวหิมะที่โรยตัว “ข้าทำไว้หลายชิ้น คิดว่าคืนนี้เหมาะจะมอบให้ท่าน”


จ้งชิงเหลือบตามองขนมในมือเล็กนั้น ก่อนขยับมือไปรับโดยไม่พูดอะไรนัก เขามองอยู่นานราวกับกำลังพิจารณา ก่อนเก็บมันใส่ห่อผ้าข้างกายอย่างระมัดระวัง


“ขอบคุณ” 


เสวี่ยซียิ้มอ่อนโยน ดวงตาสีอำพันสะท้อนแสงจันทร์ “สิ่งเล็กน้อยอาจทำให้คืนที่เงียบเหงามีความหมาย”


จ้งชิงเงียบไปนาน ก่อนเอ่ยสั้น ๆ “ข้าจะจำ”


ลมแม่น้ำเว่ยพัดแรงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ชายเสื้อของเสวี่ยซีปลิวไหว เขาเพียงยกยิ้มบางแล้วก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการบอกลา ก่อนจะถอยก้าวช้า ๆ เดินหายไปตามทางตลิ่งเงียบสงัด


จ้งชิงยังคงนั่งอยู่ตรงก้อนหินเดิม มองเงาจันทร์ที่สะท้อนในน้ำ แล้วเหลือบมองถุงผ้าเล็กที่มีขนมบัวหิมะเก็บอยู่ ข้างในไม่มีรสชาติ แต่กลับเต็มไปด้วยความหมายที่ยากจะอธิบาย



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)

✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์

มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์

เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-10-3 04:15
คุณได้รับ +5 คุณธรรม โพสต์ 2025-10-3 04:15
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 80 โพสต์ 2025-10-3 04:15
โพสต์ 23454 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-2 23:05
โพสต์ 23,454 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-2 23:05
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-3 06:00:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 30 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น.

╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง


แสงจันทร์เสี้ยวทอดแสงนวลอาบผืนน้ำเว่ยให้ส่องประกายราวกับหยกขาวที่ขัดเงา ลมค่ำค่อนไปทางหนาวพัดเอื่อย ๆ ทำให้ละอองน้ำลอยมาแตะผิวกาย เย็นเยียบแต่กลับชวนให้สดชื่น เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบา ๆ แทบจะเป็นเพียงเสียงกระซิบของธรรมชาติ


เงาร่างเพรียวบางของบุรุษหนุ่มในชุดผ้าบางสีอ่อนยืนอยู่กลางลานหญ้าริมตลิ่ง ผมยาวดำขลับพลิ้วไหวตามแรงลม ดวงตาสีอำพันจับจ้องเพียงท้องน้ำที่สะท้อนดวงจันทร์ ก่อนแขนเรียวจะค่อย ๆ เคลื่อนไหว 


เขากำลังร่ายรำท่วงท่าที่ไม่มีกำหนดแบบแผน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกจากหัวใจ


ทุกก้าวเท้าทุกการสะบัดแขนล้วนประสานกับเสียงธรรมชาติ หากแต่ในค่ำคืนนี้มิใช่เพียงเสียงลมและสายน้ำที่เป็นสหาย เพราะท่วงทำนองจาก ชุม ก็ค่อย ๆ ลอยมาตามลมอีกครั้ง


เสวี่ยซีหยุดชั่วครู่ หันสายตาไปยังเงามืดใต้ต้นหลิวริมตลิ่ง


ที่นั่นคือ ‘จ้งชิง’ ร่างสูงโปร่งนั่งอย่างสงบ ชุดคลุมสีเข้มแนบกับเงาคืนเดือนหงาย ปลายนิ้วเรียวยกเครื่องดนตรีขึ้นแนบปาก เสียงทุ้มแผ่วทอดยาวออกมาคล้ายบทเพลงโบราณที่ไร้คำบรรยาย


เสวี่ยซีแย้มยิ้มบายกแขนเปลี่ยนท่วงท่าให้เข้ากับเสียงนั้น กลายเป็นภาพราวบทกวีที่ถูกเขียนขึ้นใหม่ในยามค่ำคืน ลีลาร่ายรำและท่วงทำนองตอบโต้กันอยู่พักใหญ่ ราวกับสองดวงวิญญาณกำลังสนทนาโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ


จนเมื่อเสียงสุดท้ายของชุมจางหายไป ความเงียบสงัดก็หวนกลับมาอีกครั้ง เสวี่ยซีหมุนกายช้า ๆ ก่อนหยุดยืนนิ่ง เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหาชายหนุ่มใต้ต้นหลิว


“ทุกครั้งที่ข้ารำ ท่านก็มักจะเป่า” เสวี่ยซีเอ่ยเบา ๆ น้ำเสียงแฝงความอ่อนโยนปนเก้อเขิน “ราวกับเสียงชุมนั้นเกิดมาเพื่อขับให้การร่ายรำของข้ามีชีวิต”


จ้งชิงเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่สายตาไม่แสดงอารมณ์ “ข้าเพียงเป่าเพื่อขับไล่ความว่างเปล่า ไม่คิดว่าจะมีใครฟัง”


เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ พลางนั่งลงบนหญ้าใกล้ ๆ “บางทีสิ่งที่เราทำโดยไม่ตั้งใจ อาจกลับมีความหมายต่อผู้อื่นยิ่งกว่าที่คาด”


ลมพัดเอื่อยใบหลิวปลิวตกกระทบผิวน้ำ สร้างคลื่นระลอกเล็ก จ้งชิงมองเสวี่ยซีเงียบ ๆ ครู่หนึ่งก่อนเปรย 


“เจ้ามักร่ายรำยามดึก…มิใช่เพราะเพียงรักการรำหรอกหรือ”


เสวี่ยซีหลบตาเล็กน้อย ราวกับถูกอ่านความในใจ เขานิ่งไปนานก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าคิดว่าการร่ายรำคือทุกสิ่งที่ข้ามี แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ หากวันหนึ่งข้าต้องเผชิญอันตราย การร่ายรำคงมิอาจช่วยปกป้องตนเองได้”


ถ้อยคำนั้นคล้ายแผ่วเบา แต่แฝงความจริงใจจนอีกฝ่ายต้องชะงัก จ้งชิงนิ่งฟังโดยไม่พูดแทรก เสวี่ยซีจึงกล่าวต่อ “หลายครั้งที่ได้พบผู้คนมากมาย บางคนมองด้วยสายตาอ่อนโยน บางคนเต็มไปด้วยความประสงค์ร้าย ข้าไม่อาจแยกแยะได้ทั้งหมด ข้าจึงคิดหากข้ามีทักษะต่อสู้บ้าง อย่างน้อยก็คงพอปกป้องตนเองได้”


จ้งชิงวางชุมลงข้างกาย มองใบหน้าขาวซีดที่ส่องสว่างใต้จันทร์นั้น ดวงตาอำพันของเสวี่ยซีฉายแววจริงจังอย่างที่เขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก


“เจ้าเป็นผู้ร่ายรำ หาใช่ผู้สู้รบ” จ้งชิงเอ่ยเรียบ ๆ แต่ไม่ใช่คำปฏิเสธ หากเป็นการบอกเล่าข้อเท็จจริง “เส้นทางทั้งสองแตกต่างกันดุจฟ้ากับดิน หากก้าวพลาด เจ้าจะสูญสิ้นสิ่งที่เจ้ามี”


เสวี่ยซีสบตาเขา นัยน์ตาแน่วแน่ขึ้น “แต่ข้าไม่อยากเป็นเพียงผู้ที่ต้องรอให้ผู้อื่นช่วยเหลือ”


ลมพัดแรงขึ้นชายผ้าของทั้งคู่ปลิวสะบัด เงียบงันอึดใจหนึ่ง จ้งชิงหลับตาเหมือนกำลังตรึกตรอง ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้ง “เจ้าจะทำได้หรือไม่ ร่างกายเจ้ามิได้แข็งแรงนัก”


เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ คล้ายขบขันในความอ่อนแอของตนเอง “ก็เพราะอย่างนั้น ข้าถึงต้องลอง”


ดวงตาของจ้งชิงทอแสงบางอย่างชั่ววูบ เขามิได้ตอบรับทันที แต่การที่เขาไม่ปฏิเสธก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หัวใจของเสวี่ยซีอบอุ่น


เวลาผ่านไปอีกครู่ เสวี่ยซีจึงหยิบถุงผ้าเล็กจากแขนเสื้อออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นให้จ้งชิง “ขนมไหมฟ้า ข้าทำไว้เองเช่นกัน หวังว่าเจ้าจะเก็บไว้”


จ้งชิงรับมาเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงเก็บใส่ห่อผ้าอย่างระมัดระวังเช่นเคย


บรรยากาศริมแม่น้ำกลับมาเงียบสงบ มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนขับขาน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรต่อต่างนั่งมองผืนน้ำเว่ยที่สะท้อนแสงจันทร์ 



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-10] เว่ย ชิง

หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20

✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม


✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)

✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์

มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน


✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์

เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-10] เว่ย ชิง เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-10-3 12:07
เอฟเฟตร่ายรำไม่ทำงาน เนื่องจาก เว่ยชิงไม่ปรารถนาดูการร่ารำเวลานี้ ช่วงนี้เขาอยากหาที่สงบผ่อนคลายหาใช่ดูการแสดงหออุปรากร  โพสต์ 2025-10-3 12:07
โพสต์ 26880 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-3 06:00
โพสต์ 26,880 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-3 06:00
โพสต์ 26,880 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-3 06:00
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้