ตำหนักเซวียนเต๋อ | ที่พำนักไท่โฮ่ว

[คัดลอกลิงก์]







ตำหนักเซวียนเต๋อ

{ เขตพระราชฐานชั้นใน }










【 พระตำหนักเซวียนเต๋อ 】

ดั่งวสันต์นิรันดร

ตำหนักอันเป็นหลักฐานถึงการแสดงลวดลายของเหล่านางหงส์ที่ใช้เวลาตลอดครึ่งชีวิตเพื่อแย่งชิงให้ได้มาซึ่ง ‘ตำหนักเซวียนเต๋อ’ วสันต์นิรันดรที่เปรียบดั่งอำนาจตลอดกาล ตลอดทั้งตำหนักถูกสร้างขึ้นโดยไม้แดงชั้นดี บางพื้นที่มีการปรากฏเส้นลายตกแต่งที่สร้างขึ้นโดยทองคำเปลว เครื่องเรือนภายในล้วนแต่เป็นของชั้นยอดที่อาจเรียกได้ว่ามีค่าควรเมือง






【 พระพันปีผู้ครองตำหนัก 】

เซียวจื่อไท่โฮ่ว (48)











แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7910 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2024-7-10 19:47
โพสต์ 2024-7-17 21:47:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


   จากห้องเครื่องหลวง สู่ตำหนักเซวียนเต๋ออันเป็นที่ประทับขององค์ไท่โฮ่วแห่งรัชสมัยฮั่นอู่ตี้ เว่ยเจียเหม่ยเหรินผู้เรียกสาวใช้ระหว่างทางมาให้ช่วยยกถาดอาหารฝีมือตนเองเดินนำมายังหน้าตำหนัก เอ่ยบอกสาวใช้หน้าเรือนว่าตนต้องการมาพบไท่โฮ่วเพื่อถวายพระกระยาหารตามที่ท่านได้ประกาศหน้าป้ายของวังหลวง สาวใช้ผู้นั้นเรียนแจ้งนางให้รั้งรอสักครู่ก่อนจะปรี่เข้าตำหนักไปแจ้งภายในราว ๆ เกือบหนึ่งก้านธูปได้ก่อนที่จะเรียนเชิญนางเข้าไป

   ดวงตาสีดำสลับตาแลกลมโตมองข้าวของมากมายภายในตำหนักอย่างนึกใคร่รู้ว่าต้องสะสมมานานเพียงใดตำหนักกว้างใหญ่จึงแน่นขนัดด้วยของมีค่ามากเช่นนี้ราวกับข่มและอวดอำนาจต่อผู้มาเยือน สาวใช้นำทางนางผ่านโถงกลางเรือนสู่ห้องรับประทานอาหารของตำหนักเซวียนเต๋ออันมีองค์ไท่โฮ่วประทับรอ

  “ถวายพระพรองค์ไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริญพันปี พัน พันปี”

   “ลุกขึ้นเถิด เว่ยเจียเหม่ยเหริน” เสียงนุ่มทว่าทรงอำนาจเอ่ยแก่นางให้ลุกขึ้นยืนหลังถวายความเคารพ “ไหนขออ้ายเจียได้ลิ้มรสมือเจ้าหน่อย ทำสิ่งใดมารึ ? ”

   ได้ยลเช่นนี้นางก็พยักหน้าให้สาวใช้จัดเรียงอาหารของนางวางที่โต๊ะ ในระหว่างที่หม่ามาข้างกายองค์ไทโฮ่วตรวจสอบพิษนางก็ผายมือแนะนำทีละจาน

   “สองเครื่องคาวหนึ่งของหวานเพคะ จานนี้เป็นมี่จือชาเฉา ถัดมาเป็นโค่วโร่ว และถ้วยสุดท้ายนี้เป็นของหวาน ฝูหยวนจื่อ เพคะ”

   เมื่อตรวจสอบแล้วว่าไร้พิษองค์ไท่โฮ่วก็หยิบตะเกียบลิ้มลองอาหารตรงหน้า ใช้เวลาพินิจสักครู่ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระอัยยิการ่วมสายเลือดฃ

   “รสมือเยี่ยมนักเว่ยเจียเหม่ยเหริน อ้ายเจียล่ะอยากให้ตี้เอ๋อร์ได้ลิ้มลองนัก ไว้เจ้าอย่าลืมนำไปถวายองค์หวงตี้เล่า”

   “เพคะไท่โฮ่ว”

   หากนางอารมณ์ดีมากพอน่ะนะ

   ใช้เวลาอยู่ราวเกือบครึ่งชั่วยามเชียวกว่านางจะได้ออกจากตำหนักเซวียนเต๋อเพื่อกลับเมิ่งเหยาอู่ซั่วที่นางรัก






รางวัลงาน: +50 พลังใจ, 8 ตำลึงทอง , +30 EXP , +15 บารมี และ +15 ตบะฝึกฝนจากการมุมานะฝึกทำอาหาร

ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว+35 แต้ม 

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

โบนัส +15 ความโปรดปรานจากไท่โฮ่ว  โพสต์ 2024-7-17 22:34
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-7-17 22:33
บัวลอย และ มี่จือชาเฉา ไท่โฮ่วทรงตรัสให้คุณนำไปถวายฝ่าบาท ไท่โฮ๋วชื่นชมในฝีมือทำอาหารของคุณ  โพสต์ 2024-7-17 22:33
โพสต์ 8598 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2024-7-17 21:47
โพสต์ 8,598 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-17 21:47

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50 + 8 + 15 + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2024-7-20 00:43:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน


   “พระสนมเว่ยเจียเหม่ยเหรินขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”

   สิ้นวจีเอ่ยขานนามก็ปรากฎเว่ยเจียเหม่ยเหรินในอาภรณ์สีครามราวกับเป็นภาพติดตาประจำตน ร่างบอบบางก้าวเดินมาหาอย่างรวดเร็ว ดวงตาทั้งสองวาวใสด้วยหยาดน้ำ คิ้วขนงโค้งเข้ากันอย่างร้อนใจ เร่งถวายคารวะอย่างรวดเร็ว

   “ถวายพระพรองค์ไท่โฮ่ว ทรงพระเจริญพันปี พันปี พัน พันปี”

   “เจ้ามาหาอ้ายเจียเช่นนี้มีกระไรรึ ?”

   “เรียนองค์ไท่โฮ่ว” นางยกแขนขึ้นเหนือศีรษะราวกับเรียนแจ้งในสิ่งที่สำคัญและต้องการขอความช่วยเหลืออย่างมาก “ไม่ทราบว่าพระองค์ได้ยินเรื่องราวที่ลือกันหรือไม่ ว่ามีศพลอยน้ำในอุทยานพร้อมกับมีหลักฐานที่ชี้ตัวคนร้ายเพียงจดหมายแจ้งพบยามวิกาล ทว่ากรมราชทัณฑ์กลับมาล้อมเมิ่งเหยาอู่ซั่วแจ้งคุมตัวลู่เหม่ยเหรินไปโดยไม่ทันได้รู้ความ เจี่ยเจียของหม่อมฉันเพียงไปพบองค์หญิงตามรับสั่งทั้งยังเป็นสตรีบอบบางงดงามเพียงนั้นไหนเลยจะลงมือสังหารผู้ใด ทั้งการกระทำเช่นนี้ช่างข้ามหน้าข้ามตาพระองค์ผู้ดูแลวังหลังแห่งนี้ยิ่งนัก โปรดพระองค์ทรงเมตตาลู่เหม่ยเหรินด้วยเถิดเพคะ”

   หยาดน้ำใสร่วงเผาะกว่ากลับยังกล่าวสิ่งที่ตนต้องการอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับต้องการสื่อความในใจออกไปอย่างเด็กดเดี่ยวแม้ตนเองเศร้าระทมเพียงใด นางสะอื้นไห้อย่าแผ่วเบาตรงหน้าผู้เป็นพระอัยยิกาแห่งแผ่นดิน ไท่โฮ่วได้ยลยินเช่นนี้แล้วพระขนงขมวดเข้าด้วยกันอย่างมีน้ำโห เรื่องข้ามหน้าเช่นนี้ไม่มีเรียนแจ้งแล้วจะอยู่เฉยได้เช่นไร ชื่อเสียงหน้าตาของวังหลังไม่ทันจะสร้างสมได้นานกลับต้องแป้นเปื้อน

   “อย่าได้ห่วงไปเว่ยเจียเหม่ยเหริน อ้ายเจียจะตรวจสอบด้วยตนเอง”

  “ขอบพระทัยองค์ไท่โฮ่วมากเพคะ” เหลียนฮวาได้ยินเช่นนี้ก็แย้มยิ้มโล่งใจทันตาก่อนจะตระหนักได้ถึงบางอย่างแล้วเรียนเรื่องที่พ่วงมาด้วยต่อ “ด้วยมาเยือนพระองค์ หม่อมฉันกลัวว่าหากมามือเปล่าจะเสียมารยาทจึงทำขนมเฉียวกั่วมามอบแด่พระองค์เพคะ”

   สิ้นวจีที่เอื้อนเอ่ย มองเรียวผายมือไปทางสาวใช้ที่ยืนถือถานขนมพลางพยักหน้าให้ยื่นมาแด่นางไปถวายองค์ไท่โฮ่ว สตรีผู้สูงศักดิ์แห่งวังหลังได้ทอดพระเนตรเช่นนี้แล้วก็ยกยิ้มชอบใจที่ผู้เป็นดั่งสะใภ้วังหลวงมีจิตใจงดงามแบ่งปันเอาใจใส่มารดาของสามี

   “ขอบใจเจ้ามา อ้ายเจียจะรับประทานอย่างดี” สุรเสียงทรงอำนาจตรัส “อ้อ เจ้ามีอีกหรือไม่ อย่าลืมเอาไปให้ฝ่าบาทด้วยเล่า รสมือเจ้าในคราก่อนอ้ายเจียจำไม่ลืมเชียว”

  “องค์ไทโฮ่วตรัสเกินจริงแล้วเพคะ”

   ดูเหมือนว่านางจะต้องไปส่งข้าวส่งน้ำแด่มังกรจำศีลเสียแล้ว






[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว 
+5 พูดคุยประจำวัน +20 หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน +15 ความสัมพันธ์อาหารเกรดม่วง

รวม +40 ความสัมพันธ์   

ใครน้า ใครตามมาอ่ะ ฝากบอกด้วยนะว่าอยากมีคนจริงใจที่เป็น หวาง สักคนมาโผล่มาหาจังน้า เฮ้อ อยากเจอคนงามในฝันจังเลย
@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ +10 คุณธรรม +5 ความโหด โพสต์ 2024-7-20 01:03
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-20 01:03
++ ไท่โฮ๋วให้นางกำนัลคนสนิทถือป้ายของตนออกจากวังไปกรมราชทัณฑ์เพื่อตามใต้เท้าจางมาพบโดยด่วน!! ++  โพสต์ 2024-7-20 01:03
โพสต์ 10022 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-20 00:43
โพสต์ 10,022 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ชุดเหวินเฉิน  โพสต์ 2024-7-20 00:43
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-22 21:08:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ตำหนักเซวียนเต๋อ
วันที่ 21 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10

จากวังหลวงไปโดยไม่เต็มใจหนนี้ ในที่สุดก็ได้กลับมา

นี่เป็นหนแรกที่นางมาเยี่ยมเยือนสถานที่พำนักของเซียวจื่อไท่โฮ่วแห่งรัชสมัยฮั่นอู่ตี้ เนตรหงส์ปรือขึ้นมองตำหนักทองหรูหราพร้อมกับความคิดที่ว่า ‘ ตอนที่คิดจะมากลับไม่ได้มา ตอนที่คิดว่าจะไม่ได้มากลับได้มา… ซือมิ่งเล่นตลกอันใดกับชีวิตของเฉี้ยเซินกัน ’ คนงามลอบปิดหลับตาลงในระหว่างที่ถงกู่กู่เข้าไปด้านในเพื่อแจ้งการมาถึงของพวกนางแก่ไท่โฮ่ว พร้อมกันนั้นก็สัมผัสได้ถึงสองตาของจางทังที่จับจ้องสอดส่องดูท่าทางของผู้ต้องหาเช่นนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ตลอดสองฝั่งรอบกายยังมีคนอีกมากมายคอยจับตามอง ก่อนหน้านี้จางทังพูดราวกับว่าจะเอาตัวเองลงมาเกลือกกลั้วในละครชั้นเลวที่มีไว้เพื่อทำลายตัวนาง

คงไม่แปลกหากหลังจากนี้จะมีคนเข้าใจเป็นว่าลู่เหม่ยเหรินและถิงเว่ยจางทังมีความเคียดแค้นฝังลึกตั้งแต่ชาติปางก่อน ก็ดูสายตาลึกซึ้งร้อนแรงนั้นเสียก่อน หากไม่ใ่ช่ทราบดีว่าเขาคิดปกป้อง นางนึกหวั่นใจว่าเขาเกลียดชังคนเช่นนางขึ้นมาจริง ๆ

“ ไท่โฮ่วมีรับสั่งให้ทั้งสองเข้าพบได้ !! ” เสียงตะโกนจากขันทีไล่มาเป็นทอด ๆ เสียงห่างไกลจากด้านในขยับเข้ามาใกล้จนถึงคราวขันทีนอกประตูตำหนักที่ช่วยยืนยันรับสั่งให้ลือสะนั่นไปทั่วลานด้านนอก ประตูไม้วาดลายหงส์เหินเปิดออกเผยให้เห็นด้านในที่ถูกสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน ด้านผู้ที่มารับถึงหน้าทางเดินด้านในก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากถงรั่วหลันที่ก้าวย่างกลับมาพร้อมสีหน้าสงบนิ่ง

“ เรียนเชิญใต้เท้าจางและลู่เหม่ยเหริน ”

มือข้างหนึ่งของนางผายออกเชื้อเชิญสองร่างให้ก้าวตามเข้ามาด้านใน หากจัดเรียงตามลำดับการเรียกขาน จางทังที่ถูกกล่าวถึงก่อนย่อมเป็นฝ่ายขยับเท้าก้าวนำออกไปก่อนจะตามหลังด้วยลู่ไป๋หรั่นที่เก็บสายตาเดินตามอีกฝ่ายอย่างสงบเสงี่ยม อนิจจา.. ทว่าคนรอบกายกลับไม่คิดเชื่อภาพที่เห็น

“ นั่นลู่เหม่ยเหรินใช่หรือไม่? ”

“ ต้องใช่อยู่แล้ว งามชดช้อยพิลาสล้ำชวนมองถึงขนาดนั้น ”

“ น่าสงสารจริง ๆ .. ไม่น่าเป็นคนจิตใจชั่วช้าเลย ”

ปึก

ปลายจมูกของไป๋หรั่นชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของถิงเว่ยที่อยู่ ๆ ก็ชะลอฝีเท้า เพียงแค่ชนหนึ่งครั้งก็ราวกับราดน้ำลงกลางไฟ เสียงซุบซิบเงียบกริบ ไม่เว้นแม้แต่ร่องรอยความไม่พึงพอใจในแววตาสีนิลขลับที่เลือนหายกลายมาเป็นการผินกลายกลับมามองด้วยความประหลาดใจ พวงแก้มน้อยของนางแดงซ่าน สองตาหลุบลงด้วยความอับอายระคนประหม่า “ เป็นข้าไม่ดูรอบกายให้ดี ลำบากใต้เท้าจางแล้ว ”

“ พระสนมอย่าได้กล่าวเช่นนั้น ” ตุลาการหน้าเหล็กคลายปมที่หว่างคิ้วเล็กน้อย

“ ข้าน้อยเพียงได้ยินสิ่งเรื่องเหลือเชื่อจนทำให้เผลอชะลอฝีเท้าลงโดยไม่รู้ตัว ”

“ ตำหนักเซวียนเต๋อไม่ว่ามากี่ครั้ง.. ก็ทำให้ข้าน้อยเปิดหูเปิดตาได้จริง ๆถิงเว่ยแห่งราชสำนักกล่าวถึงเพียงนี้มีหรือใครจะกล้าเปิดปาก ถงรั่วหลันหันหน้ากลับมามองทั้งสองเล็กน้อยด้วยสายตาพิจารณาเล็กน้อย ก่อนจะกระแอมเตือนเป็นสัญญาณให้ทั้งคู่เดินหน้าต่อ ซึ่งทั้งสองก็ปฏิบัติตามเป็นอย่างดี

ทว่าอาศัยห้องไม่กี่ห้องเป็นตัวคั่น มีหรือที่ผู้ครองตำแหน่งสูงสุดจะไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทันทีที่ทั้งหมดเดินเข้ามาสู่โถงรับรอง สุรเสียงทรงพลังสายหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากปลายของสุดทางเดินยาวอันเป็นพระที่นั่งของนางหงส์เฒ่าแห่งตำหนักเซวียนเต๋อ

“ หากยังจำได้ว่ามีตำหนักเซวียนเต๋อแห่งนี้ แล้วเหตุใดเจ้าจึงกล้ากระทำบุ่มบ่ามมองข้ามตำแหน่งของอ้ายเจีย ! ”

เบื้องหน้าคือหญิงวัยกลางคนที่คงไว้ซึ่งเชิงหงส์ จัดว่าเป็นสตรีมีอายุที่ผิวพรรณเต่งตึงโฉมหน้างดงาม คล้ายก้าวข้ามผลกระทบของกาลเวลาที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงนางให้ทรุดโทรม ‘เซียวจื่อไท่โฮ่ว • หวังจื้อ’ พระมารดาแห่งโอรสสวรรค์คนปัจจุบันที่ให้กำเนิดบุตรและธิดามากความสามารถมาครองตำแหน่งสำคัญในราชวงศ์ นางหงส์ผู้ประสบความสำเร็จในการปลุกปั้นและส่งเสริมทายาทให้กลายมาเป็นยอดฝีมือ ทำให้ตลอดหลายปีที่ครองตำหนักเซวียนเต๋อ เซียวจื่อไท่โฮ่วนับว่าเป็นสตรีที่ครองอำนาจสูงสุด ทั้งยังเป็นที่นับหน้าถือตา

ทว่ายามนี้สิ่งที่ถิงเว่ยจางทังกระทำกลับเป็นการข้ามหน้าข้ามตานางหงส์ผู้ครอบครองฝ่ายในมาหลายสิบปีด้วยการกักตัวเหม่ยเหรินโดยไม่แม้แต่จะส่งคนมาแจ้งให้นางทราบจนนางต้องมารู้เอาผ่านปากเหม่ยเหรินที่อยู่ร่วมเรือนเดียวกันกับ ‘ลู่เหม่ยเหริน’

“ จางทัง ถวายพระพรองค์ไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริญพันปี พัน พันปี ”

“ ถวายพระพรองค์ไท่โฮ่ว ขอทรงพระเจริณพันปี พัน พันปี ”

สองเสียงที่กล่าวถวายพระพรขึ้นพร้อมกัน ทั้งยังคุกเข่าลงคารวะผู้เป็นใหญ่อย่างพร้อมเพรียงย่อมต้องเป็นถิงเว่ยแห่งราชสำนัก ควบคู่มากับลู่เหม่ยเหรินที่เผชิญหน้ากับคำครหามากมาย เซียวจื่อไท่โฮ่วหรี่ตาลงเล็กน้อย นางพิศมองหนึ่งคนที่หาญกล้าท้าทายอำนาจนาง ส่วนอีกคนคือโฉมงามที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นนางมารจิ้งจอกจำแลงกายมาหรืออย่างไรถึงได้สร้างแต่เรื่องลือลั่นขจรไกลไปทั่วทั้งลั่วหยาง

“ รั่วหลัน ”

อยู่กันมาหลายสิบปีเรียกขานครั้งเดียวก็รู้แจ้งอยู่แก่ใจ ถงกู่กู่ประสานมือยอบกายลงเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้ามาประคองลู่เหม่ยเหรินให้ลุกขึ้นและพานงคราญหยกขาวไปนั่งยังเบาะรองนั่งที่วางอยู่ไม่ไกลโดยทิ้งให้จางทังที่คุกเข่าคารวะกับพื้นก้มหน้าต่อไปอย่างไร้วี่แววว่าจะได้ลุก

“ ถิงเว่ย.. อ้ายเจียจะให้โอกาสเจ้าอธิบาย ”

แต่แรกเป็นเขาทราบดีว่าการกระทำเช่นนี้ย่อมถูกเพ่งเล็งทั้งยังต้องรองรับโทสะของอดีตนางหงส์ที่คุกกรุ่น แต่เจตนาของเขาใช่ว่าจะเป็นการคิดลูบคมโดยใช่เหตุ ฉะนั้นตนจึงไม่มีความหวั่นใจจนแสดงท่าทีประหม่าออกมาเลยแม้แต่น้อย “ กระหม่อมล่าช้าไปหนึ่งก้าวไม่ตริตรองให้ดีก่อนกระทำการถือเป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง ที่ทำให้พระองค์ทรงกริ้วนับว่าเป็นกระหม่อมไร้ความสามารถ ทว่ากระหม่อมกลับไม่คิดว่าตนสมควรจะต้องกล่าวสิ่งใดให้มากความพ่ะย่ะค่ะ ”

“ บังอาจ !! ”

“ หลายปีที่กระหม่อมดำรงตำแหน่งถิงเว่ย ทุกการกระทำล้วนซื่อตรงต่อกฏบ้านกฏเมือง ได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาทถึงขนาดครองสิทธิ์เข้าออกส่วนในย่อมเป็นเพราะเจตนาของกระหม่อมที่หาได้สนใจลาภยศหรือขุนนาง ” เจ้ากรมยุติธรรมยังคงหมอบกายอยู่บนพื้น แต่น้ำเสียงของเขากลับยังคงหนักแน่นทั้งยังมีแววตาเป็นประกายเช่นเด็กหนุ่มที่ยินยอมใช้ทั้งชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรม

คนเช่นนี้… ไป๋หรั่นลอบกำชายแขนเสื้อของตัวเองอย่างช้า ๆ เนตรหงส์จับอยู่ที่ร่างหนาด้วยสายตายากอธิบาย ‘ คนเช่นนี้จะว่าน่าชื่นชมก็น่าชื่นชม จะว่าโง่เขลาก็โง่เขลาเช่นกัน ’ เหม่ยเหรินหยกขาวลอบถอนหายใจพลางเอนกายเข้าหาถงกู่กู่เพื่อกระซิบเบา ๆ “ ถงกู่กู่ท่านนำชาเข้ามาก่อนเถิด ปล่อยทั้งสองสนทนาเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าโทสะของพระองค์คงยากจะคลายแล้ว ”

ถงรั่วหลันหลุบตาลงมองพระสนมที่ยังไม่ทันได้พิจารณาให้ดี อีกฝ่ายอายุยังน้อย ท่าทางเรียบร้อย สงบเงียบ ความคิดความอ่านจัดว่าพอใช้ได้ ไม่คล้ายคนที่จะปลิดชีพใครเพียงเพราะความฉุนเฉียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบต้นสายปลายเหตุของการทะเลาะวิวาทก่อนหน้านี้ก็นับว่านางจัดการได้อย่างเด็ดขาดไปแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องนำตัวเองลงไปกลิ้งบนโคลนเพื่อกลบรัศมี น่าเสียดาย.. ความโดดเด่นถือเป็นพิษร้าย ครั้งนี้หากนางรอดไปได้ ไม่รู้ว่าจะยังได้รับความโปรดปรานอย่างที่ใคร ๆ เขาคาดหวังหรือไม่ ถงกู่กู่ทิ้งความคิดไร้สาระเหล่านี้ออกไปจากหัว นางก้มลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินปลีกตัวออกไปจัดการตามที่เห็นว่าสมควร

“ อ้ายเจียยังนึกว่าเจ้าจะสำนึก ที่ไหนได้ ปล่อยไว้ก็เปล่าประโยชน์ ” ฝ่ามือที่ประดับด้วยปลอกเล็บทองคำตบลงกับโต๊ะบนตั่งนั่งอย่างแรง “ รู้หรือไม่พฤติกรรมเช่นนี้ของเจ้าล่วงเกินคนไปตั้งเท่าไหร่แล้ว !! เจตนาเห็นกฏบ้านเมืองเป็นสำคัญแล้วอย่างไร แข็งทื่อเป็นตอไม้มีหรือจะสามารถตัดสินคดีที่เกี่ยวพันกับความเห็นของราษฎรได้อย่างไร ”

“ จริงว่าจริง ผิดว่าผิด ขอเพียงกระหม่อมยึดมั่นในหลักการนี้ ย่อมไม่มีใครคัดค้าน ”

“ หากวันใดสิ่งที่เจ้ามองว่าถูกแต่ราษฎรกล่าวว่าผิด ประชาราชต้องการให้ตัดสินโทษ ขุนนางย่ำยีจนฟ้อนเฟะ ศักดิ์ศรีความถูกต้องนี้อาจรักษาได้ แต่เกรงว่าชีวิตเจ้า จะรักษาไม่ได้แล้ว ” มือนางหงส์ยกขึ้นนวดขมับ ทำไมนางถึงจะไม่รู้ว่าความดื้อรั้นของจางทังนั้นมากเกินใคร ไท่โฮ่วปรายตามองจางทังที่หมอบอยู่บนพื้นก่อนจะถอนหายใจ “ ทำไมถึงได้รั้นเช่นนี้ ”

“ คดีสังหารชีวิตนับเป็นโทษร้ายแรง ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ ต่อให้เป็นผู้ต้องสงสัย .. กระหม่อมไม่สามารถปล่อยไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ ”

ลู่ไป๋หรั่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จางทังพูดไว้ในห้องขังอย่างชัดเจนว่าต้องการปกป้อง ยามนี้ต่อหน้าไท่โฮ่วกลับบอกว่าต่อให้เป็นผู้ต้องสงสัยก็ปล่อยไม่ได้ .. เขาโกหก? ก็ไม่น่า หรือว่าไม่ได้ตั้งใจพูดให้นางฟัง แต่ตั้งใจหว่านเมล็ดไว้รอคนมาเก็บ?

ใครบอกว่าเขาโง่กัน.. แค่ยึดมั่นในหลักการหนึ่งเกินไปจนดูดื้อรั้นก็เท่านั้นเอง

“ อ้ายเจียไม่อาจปล่อยให้เจ้าคุมตัวนางกลับไปยังกรมราชทัณฑ์ได้ ”

“ ตื่นตูม ขาดความใส่ใจ หุนหันพลันแล่น ไร้การตริตรอง เหล่านี้คือสิ่งที่เจ้าพลั้งพลาดโดยไม่ทันรู้ตัว ” ไท่โฮ่วสะบัดมือหนึ่งครั้งเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้น นางคร้านจะถกเถียงกับคนหัวรั้นเช่นเขาแล้ว เพราะอย่างไรขอเพียงนางรับสั่งให้ทำ ด้วยฐานะของเขา ย่อมต้องทำอย่างไม่มีทางให้ปฏิเสธ ทว่าคนรุ่นราวคราวลูกเช่นอีกฝ่ายกลับไม่ลุกขึ้นโดยง่าย

“ จางทังขอบพระทัยที่ทรงเมตตา หากพระองค์มีรับสั่งลงทัณฑ์ กระหม่อมก็ยินดีรับพ่ะย่ะค่ะ ”

ขอถอนคำพูดที่นางบอกว่าเขาไม่โง่ จะทั้งเซียวจื่อไท่โฮ่วหวังจื้อหรือเหม่ยเหรินหยกขาวลู่ไป๋หรั่นล้วนแต่มีสีหน้านิ่งอึ้งกันทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่รอดตัวไปได้แล้วแท้ ๆ ท่านยังร้องขอบทลงทัณฑ์ทำพระแสงอะไรไม่ทราบเล่า ?

“ บทลงทัณฑ์งั้นรึ ย่อมมีอยู่แล้ว ”

“ ถิงเว่ย จางทัง จงฟังคำอ้ายเจีย ”

“ พ่ะย่ะค่ะ ”

“ การสืบสวนนับจากนี้ จำเป็นต้องดำเนินไปอย่างลับ ๆ นอกจากตัวเจ้า อ้ายเจียไม่อนุญาตให้มีผู้ใดยื่นมือเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ทั้งนั้น ข้าจะให้เวลาเจ็ดวัน หากในเจ็ดวันนี้เจ้าไม่สามารถไขคดีได้สำเร็จ อ้ายเจียจะทูลแก่ฝ่าบาทว่าถิงเว่ยที่เขาแต่งตั้งเกรงว่าจะกลายเป็นคนไร้ความสามารถแล้ว ” ทุกคำที่เปล่งออกมา ฟังผ่านหูล้วนแต่สงบนิ่ง แต่เมื่อพิจารณาดูดี ๆ จะเห็นได้ชัดว่าใต้ความสงบยังแฝงไว้ด้วยโทสะไม่น้อยเลยทีเดียว “ จากนี้ไปลู่เหม่ยเหรินจะถูกกักบริเวณไว้ที่ตำหนักเซวียนเต๋อตลอดเจ็ดวัน หากต้องการสอบสวนเจ้าก็จงมาที่ตำหนักนี้เสีย ”

“ ในเมื่อทราบแล้วก็ออกไปซะ อ้ายเจียไม่อยากเห็นหน้าเจ้า ”

“ กระหม่อม รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ ” ต่อให้มีใจอยากปรี่เข้าไปสอบสวนเอาตอนนี้ยังไงก็คงทำไม่ได้แล้ว จางทังเหลือบตามองลู่เหม่ยเหรินเล็กน้อย ก่อนจะเก็บสายตา เชาลุกขึ้นโค้งอำลา ก่อนจะจากไปโดยไม่พูดอะไร ทิ้งไว้ให้ในตำหนักเหลือเพียงหญิงสาวที่เกี่ยวพันกับราชวงศ์ในฐานะสตรีวังหลัง

“ หม่อมฉันเชื่อว่าใต้เท้าจางจะต้องเข้าใจเจตนาของพระองค์แน่นอนเพคะ ” เสียงนุ่มของไป๋หรั่นดังขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เซียวจื่อไท่โฮ่วตระหนักขึ้นมาได้ว่านอกเหนือจากนางและจางทังแล้ว ที่อยู่รับฟังมานานยังมีลู่เหม่ยเหรินผู้โด่งดังอีกหนึ่งราย

“ เจ้า.. ”

นางคิดจะเรียกอีกฝ่ายมาพิจารณาใกล้ ๆ แต่เพราะยังบันดาลโทสะอยู่มาก ทั่วทั้งพระเศียรจึงปวดร้าวราวกับต้องการให้นางได้ใช้เวลาเอนพักมากว่าที่จะไปพิศมองสาวงาม “ เด็ก ๆ พาลู่เหม่ยเหรินไปที่เรือนข้างเสีย จากนี้ให้นางพักที่นั้น ดูแลให้ดี ” หญิงสาววัยกลางคนกล่าวกำชับกับนางกำนัลที่ก้าวขึ้นมารับงานเป็นอย่างดี ก่อนจะหันมาระบายยิ้มอ่อน ๆ ให้กับสนมที่ ‘อาจจะเป็นที่โปรดปรานของบุตรชาย’

“ เจ้าไปพักผ่อนเสียหน่อย อ้ายเจียเองก็คงต้องพักไว้วันพรุ่งข้าจะไปหาเจ้าที่เรือนข้าง ”

เพราะมีรับสั่งของไท่โฮ่ว นางที่คิดอยากฝากเนื้อฝากตัวไว้สักหน่อยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มตอบเบา ๆ และลุกขึ้นขอบพระทัยในความเมตตา “ ไป๋หรั่นไม่ขออยู่รบกวนพระองค์แล้ว ขอให้ทรงเกษมสำราญขึ้นในเร็ววันเพคะ ” นางทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นี้ ก่อนจะหันหลังก้าวตามนางกำนัลออกไป สวนกับถงรั่วหลันที่กลับมาพร้อมชาเบญจมาศป้านหนึ่งพอดี

“ องค์ไท่โฮ่ว.. ทรงดื่มชาสักหน่อยเถิดเพคะ ”

“ อืม ก็ดีเหมือนกัน ” ร่างนางหงส์บนตั่งขยับเล็กน้อยเพื่อให้เอื้อต่อการเอนพักอย่างพอดี ปล่อยให้ถงรั่วหลันที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายได้รินชาแล้วประคองส่งให้ถึงมือ

“ มิทราบว่าทรงจัดการอย่างไรกับลู่เหม่ยเหริน.. ”

“ จากนี้เจ็ดวัน นางจะอยู่ในการดูแลของตำหนักเซวียนเต่อ เจ้าเองก็ดูแลนางให้ดี จับตามองไว้ว่าแท้จริงแล้วเป็นสตรีเช่นไร ” หวังจื้อรับจอกชาอุ่น ๆ มาคลึงไว้ในมือ ดอมดมกลิ่นหอมของชาบุปผาชั้นดีที่เป็นเครื่องบรรณาการจากแดนไกลก่อนจะยกขึ้นจิบให้คล่องคอ

“ อย่างน้อย ๆ ลู่เหม่ยเหรินก็นับว่าเป็นหญิงสาวที่รู้ความไม่น้อย ”

“ หมายความเช่นไร ”

“ ชากานี้เป็นนางแนะนำให้บ่าวจัดเตรียมไว้เพคะ ”

คำตอบนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่ไท่โฮ่วเป็นอย่างมาก นางหงส์ที่วางมือจากตำแหน่งมารดาแห่งแผ่นดินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “ เข้าใจแล้ว .. ไม่เลว ๆ ท่าทางตลอดสัปดาห์นี้ อ้ายเจียคงได้พบคู่สนทนาที่ใช้ได้ไม่น้อย ”



รวมค่าความสัมพันธ์

[NPC-09] จาง ทัง + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-09] จาง ทัง + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 15 ความสัมพันธ์ชาเกรดน้ำเงิน






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-22 21:28
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-22 21:28
โพสต์ 37244 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 21:08
โพสต์ 37,244 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-22 21:08
โพสต์ 37,244 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-22 21:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-22 23:50:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-22 23:52




สอบสวนวันแรก ถวายงานวันแรก
วันที่ 22 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10 (วันนี้)
เวลาเก้านาฬิกาห้าสิบนาทีเป็นต้นไป


ไป๋หรั่นพึ่งจะได้ค้นพบว่าการลืมตาขึ้นในพื้นที่ตำหนักเซวียนเต๋อทำเอานางใจสั่นขวัญผวาได้มากยิ่งกว่าห้องขังในกรมราชทัณฑ์เสียอีก คนงามนั่งอยู่หน้าคันฉ่องด้วยสีหน้าว่างเปล่า สองมือยกขึ้นลูบใบหน้าพลางถอนหายใจอย่างอ่อนล้า ตำหนักเซวียนเต๋อแม้ว่าจะหาได้เป็นที่ฉกชิงของเหล่าสตรีในวังหลังแต่ก็เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเหล่าอิสตรีที่ก้าวขึ้นมาอยู่เหนือคนนับหมื่น แล้วนางเป็นใคร ? นางเป็นเหม่ยเหรินตัวเล็ก ๆ ไร้ผู้มากยศคอยสนับสนุนแต่กลับได้มาค้างแรมที่ตำหนักเซวียนเต๋อ แม้ว่าจะได้พักเพียงเรือนข้างอย่างมีเหตุผลและชั่วคราวก็ตาม

ทว่าที่น่ากลัวยิ่งกว่าการตื่นมาในตำหนักยิ่งใหญ่อย่างไม่รู้ความแล้ว

ยังเป็นการต้องเปิดประตูมาเจอหน้าทะมึนทึงของถิงเว่ยจางทังเอาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่

“ … ”

“ … ”

เขาไม่พูด นางไม่พูด ไม่มีใครต่างพูด บรรยากาศกระอักกระอ่วนนี้ร้อนไปถึงเหล่านางกำนัลรอบกายที่ลอบเหงื่อออกพลางมองกันไปกันมาว่าควรจะมีใครเกริ่นอะไรออกไปเพื่อเป็นการต้อนรับเชื้อเชิญดีหรือไม่

“ ใต้เท้าจางทราบหรือไม่ว่ายามนี้คือยามใด ”

เหม่ยเหรินหยกขาวกล่าวถามเสียงเรียบแต่กลับไม่ได้ฟังดูขัดหูหรือขัดใจ เป็นน้ำเสียงเรียบเอื่อยที่ลื่นหูและน่าฟังจนคนรอบข้างต่างก็อึ้งในความสามารถ หากเป็นคนอื่นที่พูดด้วยระดับเสียงแบบนี้คงถูกมองว่ากำลังโกรธเกรี้ยวไปแล้ว แต่ลู่เหม่ยเหรินสามารถทำให้มันฟังดูเหมือนการพูดถึงฟ้าดินได้อย่างปกติ !

“ ข้าน้อยทราบ เป็นยามซื่อแล้ว ”

“ ถูกต้อง เป็นยามซื่อ ”

พระสนมพยักหน้า นางก้าวขาข้ามธรณีประตูออกจากตัวเรือนและหันกลับไปปิดประตูจนเรียบร้อย ‘ ท่าน… ไม่มีอย่างอื่นให้ทำหรืออย่างไร ’ นางทราบว่าเป็นหน้าที่เขาที่ต้องมาสอบสวน อีกทั้งเมื่อวานที่ตั้งใจจะเค้นถามนางก็ถูกใช้อย่างสูญเปล่าไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เขาจะมาเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร

“ จากนี้ท่านจะพบข้าในยามซื่อใช่หรือไม่ ”

“ ตลอดเจ็ดวัน ข้าจะมาพบท่านที่นี่ในยามซื่อ ”

อะไรนะ ขออีกที

“ ตลอดเจ็ดวัน ? ”

“ ใช่ ตลอดเจ็ดวัน ”

เหม่ยเหรินหยกขาวหันกลับไปพบสีหน้าหนักแน่นของเขา สายตานางพลันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นเรียบรื่นเหมือนอย่างทุกครั้ง “ เข้าใจแล้ว จากนี้ทุกยามซื่อข้าจะเตรียมชารับรองไว้.. ” นางพูดพลางมองสีหน้าของคนที่เหมือนกำลังจะพูดออกมาว่าไม่จำเป็น “ ตอบแทนที่ท่านเคยบอกว่าจะรับรองข้าเป็นอย่างดี ทว่าเช่นเดียวกันกับท่าน ตำหนักเซวียนเต๋อหาใช่โรงเตี๊ยม คงมิอาจ.. ตอบสนองได้ทุกความต้องการ ”

นี่นาง… ประชด? หว่างคิ้วของขุนนางขั้นถิงเว่ยฉายแววสับสนไว้อย่างชัดเจน จางทังมั่นใจว่าตนเองพบหน้าคนมามาก ทั้งยังเจอการกระทบกระทั่งผ่านคำพูดมาแล้วแทบทุกแบบ แต่ทำไมยามที่เป็นสตรีผู้นี้.. คำพูดของนางกลับสะกิดใจให้คิดว่า ‘มีอะไรสักอย่าง’ แต่ก็ไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่มีนั้นคืออะไร

“ พระสนมไม่จำเป็นต้องลำบาก ” เพราะเขาไม่คิดว่าจะได้รับการต้อนรับแต่แรกแล้ว

ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ นางพยักหน้าน้อย ๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจก่อนจะเชิญอีกฝ่ายไปอีกทาง “ ใต้เท้าจางโปรดตามข้ามาทางนี้ สอบสวนในเรือนลับตาไม่เหมาะสำหรับชายหญิง ข้างเรือนฉางชุนมีศาลาริมน้ำสงบนัก ไปที่นั้นแทน.. ดีหรือไม่? ” นางก้าวนำเขา พลางหันกลับมาถามอย่างใส่ใจ

“ เอาเช่นที่พระสนมสะดวกใจ ” เขาตอบกลับทั้งที่ยังขมวดคิ้ว จางทังพึ่งจะได้ลิ้มรสข่าวลือที่แพร่ออกไปอย่างว่องไว ลำบากเขาต้องไล่ตามเก็บตามเช็ด ฉะนั้นเรื่องสุ่มเสี่ยงอย่างการอยู่ชายหญิงสองคนในที่ลับตาให้เกิดคำครหาเขาย่อมไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ยังมีนางกำนัลรอบตัวในสถานที่ซึ่งเห็นได้ชัด อีกทั้งบทสนทนาต่อจากนี้นับว่าเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก หากได้สอบถามอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี ก็นับว่าเป็นผลดีต่อสตรีบอบบางเช่นอีกฝ่าย

ศาลาข้างเรือนฉางชุนงดงามอย่างที่นางว่า ทิวทัศน์บ่อบัวแสนสงบกับผิวน้ำที่เคลื่อนตามการแหวกว่ายของปลาน้อยชวนให้พิศมองอยู่ร่ำไป พร้อมกันนั้นที่กลางศาลาก็มีโต๊ะที่จัดวางไว้พร้อมของว่างและชาราวกับรู้ว่าต้องรับรองการมาถึงของคนสองคน

“ ท่าน.. ”

“ เป็นชาที่ข้าชงเอง ถือเสียว่าเป็นคำขอบคุณในการทุ่มเทที่ใต้เท้าต้องลงมาสืบหาความจริงด้วยตัวท่านเอง ” เหม่ยเหรินหยกขาวกล่าวพลางทิ้งกายลงนั่ง นางผายมอเชิญเขาเงียบ ๆ ก่อนจะรินชาลงจอกรับอีกฝ่าย และดึงมือกลับมาวางประสานบนตักอย่างสงบเสงี่ยม ใต้เท้าจางเป็นคนปากหนักไม่น้อย นางทำถึงขนาดนี้เขากลับทำแค่ผงกหัวขอบคุณและยกชาขึ้นจิบง่าย ๆ ไร้ซึ่งความพิถีพิถัน ‘ไม่ใช่ปัญญาชนเคร่งวิถี.. คงต้องเลือกวิธีคุยให้ดี ๆ แล้ว คนแบบนี้ยามคิดว่าตัวเองคิดถูกเรื่องใดจะหลับหูหลับตาเชื่ออยู่ไม่น้อย’

“ ข้าน้อยต้องการทราบว่าเหตุใดในคืนที่เกิดเหตุท่านถึงไม่อยู่ที่เรือนเมิ่งเหยา ”

เริ่มแล้ว เริ่มแล้ว .. ลู่เหม่ยเหรินปรับลมหายใจที่กระชั้นขึ้นให้เบาลง ตลอดชีวิตสิบเจ็ดปีเกิดมาไม่เคยถูกสอบสวน ครั้งนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับการสืบความทั้งยังมาจากเจ้ากรมราชทัณฑ์ด้วยตัวเอง นับว่าเป็นประสบการณ์และเกียรติที่น่าสนใจมากสำหรับบุตรสาวพ่อค้าแม่ขายตาดำ ๆ คนหนึ่ง “ บ่ายวันนั้นเป็นข้าได้รับเทียบเชิญจากตำหนักผิงหยางให้ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำร่วมกับกงจู่ จึงออกเดินทางออกนอกวังผ่านรถม้าที่กงจู่จัดเตรียมให้ ”

“ บันทึกเข้าออกของวังน่าจะบันทึกไว้ ยามนั้นข้าไม่ได้ไปแจ้งตำหนักจงฉางชื่อเพื่อขอออกนอกวังก็จริง แต่การออกไปครั้งนั้นก็หาใช่การปลอมตัวแต่เป็นการใช้เทียบเชิญและพระนามของกงจู่ในการออกไป ” นางตอบด้วยจังหวะที่ไม่รีบร้อน ไม่เร่งรัด แต่ก็ไม่ยืดยาว น้ำเสียงเองก็แฝงไว้ด้วยความมั่นคง จัดได้ว่าเป็นผู้ที่เก็บงำอารมณ์ได้เป็นอย่างดีจนคนที่สืบความมานานยังต้องชื่นชมอยู่ในใจ “ แต่ที่ท่านถามคือ ‘เหตุใดข้าถึงไม่อยู่ในเรือนเมิ่งเหยา’

เหม่ยเหรินหยกขาวระบายยิ้มเบาบาง “ คำตอบนี้ง่ายมาก บทสนทนาของสตรีติดพันยืดยาว ยามนั้นข้าได้ยินว่าผิงหยางกงจู่โปรดการเดินทางทั้งยังชอบสุรา จึงได้พกนารีแดงไหหนึ่งไปมอบเป็นของกำนัล ดื่มไปดื่มมา คราจะกลับนางกลับเรียกตัวไว้พร้อมบอกว่ามีกานเหมยจื่อไหหนึ่งได้มาไม่มีโอกาสดื่ม วันนั้นฤกษ์งามยามดี สุดท้ายเลยได้เปิดสุราดีอีกไหมาร่วมกันดื่ม ”

“ ไม่ถูกต้อง วันถัดมาผิงหยางกงจู่ออกเดินทางแต่เช้า มิสมควรดื่มสุราทั้งยังไม่น่านัดพบคน ” จางทังส่ายหน้าพร้อมกับจ้องนางด้วยสายตาที่มืดครึ้มกว่าเดิม แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้เดียวที่คิดแบบนั้น แต่ให้ทำยังไงได้ นัดก็นัดแล้ว ดื่มก็ดื่มแล้ว สมเหตุไม่สมเหตุหรือไม่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่าสืบหาความจริงได้มากน้อยแค่ไหน

“ พยานก็ไม่อยู่แล้ว ท่านจะไม่เชื่อก็ไม่แปลก แต่ว่า.. ”

นางหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะเอียงใบหน้าคล้ายครุ่นคิด “ กลางดึกคืนนั้นผิงหยางกงจู่ส่งคนไปแจ้งในวัง ทั้งยังฝากคำพูดไปให้ฝ่าบาทด้วยหนึ่งประโยคเกี่ยวกับข้า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่อาจยืนยันได้ว่าข้าอยู่ที่นั่นจริง ” ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ถิงเว่ยหนุ่มก็ก้มหน้าลงพร้อมยกมือขึ้นแตะปลายคางอย่างพิจารณา ไป๋หรั่นที่เห็นแบบนั้นก็ยกมุมปากขึ้นในตอนที่เขาไม่ทันได้สังเกต

“ ข้ากลับมาหลังจากส่งผิงหยางกงจู่ออกเดินทางแล้ว พยานหลักฐานที่ข้าอยู่ตำหนักผิงหยางในยามเช้า ท่านสืบหาเอาจากชาวบ้านรอบ ๆ ได้ไม่ยาก ” แต่นางจะได้รับพยานหลักฐานแค่สองเวลา คือตอนเข้าไปกับตอนออกมา โดยไม่ได้ยืนยันว่าระหว่างระยะเวลาที่ผ่านไปนางได้ลอบออกไปไหนหรือไม่

“ และตามที่ทราบ เมื่อกลับมาข้าก็ได้พบใต้เท้าแล้ว ”

หากเป็นเช่นนี้จริงเรื่องราวที่นางกล่าวว่าทำก็ไม่ได้ขัดหูอะไร.. จางทังช้อนตาขึ้นมองสาวงามอีกครั้งด้วยสายตาไม่วางใจ เขาถามย้ำเรื่องนี้อีกสามสี่ครั้งจนมั่นใจว่าทุกรายละเอียดที่นางตอบล้วนตรงกันทุกรอบถึงได้เลิกถามและเปลี่ยนประเด็น

“ เรื่องการวิวาทกับเย่เหม่ยเหรินเล่า เหตุการณ์เป็นมาเช่นไร ”

อ้อ.. นางต้องคว้านเนื้อขุดแผลเก่าขึ้นมาอีกแล้ว

“ เรื่องนั้น.. ” เสียงของนางแผ่วลง สีหน้าก็เหมือนจะเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง กระทั้งตั้งสติกลับมาได้ถึงได้เริ่มอธิบาย “ มันเป็นแบบนี้.. ”

เสียงสนทนาของทั้งสองดังขึ้นและเงียบลงสลับกันไป ลู่เหม่ยเหรินให้ความร่วมมือกับการสอบสวนเป็นอย่างดี และให้ข้อมูลที่เขาต้องการทั้งหมดเท่าที่นางรู้ โดยเฉพาะเรื่องการทะเลาะกันก่อนหน้านี้กับเย่หลิงเอ๋อร์ที่นางสามารถกล่าวถ้อยคำแสลงหูที่ได้ยินมาครบทุกคำด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

ในที่สุดจางทังก็จากไป เขาเค้นถาม นางก็ตอบจนปากเปียกปากแฉะไปหมด เรียกได้ว่าพูดจนปวดคอ พูดจนอยากตะโกนใส่เขาว่า นี่คือทั้งหมดที่นางรู้แล้ว ! แต่ก็รู้ดีว่าพวกเราเริ่มต้นจากศูนย์ เขาเองก็มืดแปดด้าน กว่าจะมีความคืบหน้าคงต้องใช้เวลา เหม่ยเหรินหยกขาวเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ โดยที่จังหวะนั้นเองก๊มีคนก้าวเข้ามาแจ้งว่า

“ ลู่เหม่ยเหริน ไท่โฮ่วใกล้จะเสด็จมาแล้วเพคะ ”

รับส่งกันดียิ่งนัก..

ปัจจุบันนางได้รับการดูแลและจับตามองจากนางกำนัลทั่วทั้งเซวียนเต๋อ ไม่ว่าจะขยับตัวไปไหนหรือทำอะไรล้วนแต่รับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา ยังดีที่เวลาหนึ่งคืนไม่รู้ถงกู่กู่จัดการอย่างไรถึงได้แบ่งพวกที่มีอคติต่อนางออกไป และเหลือไว้แค่คนที่มีความเห็นเป็นกลาง ไป๋หรั่นออกจากศาลา นางกลับเข้าไปในเรือนเพื่อเช็ดหน้าเช็ดตาให้เรียบร้อยโดยมีนางกำนัลตามไปด้วย

“ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจัดสำรับเถิด ประเดี๋ยวองค์ไท่โฮ่วมาถึง ข้าจะชงหลงจิ่งรับเสด็จ ” ผู้เชี่ยวชาญด้านชาย่อมรู้ดีว่าชาประเภทใดจึงจะเหมาะกับเชื้อพระวงศ์ หลงจิ่งที่ได้รับขนานนามว่าชามังกรย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมหากต้องการรับเสด็จการมาถึงของเชื้อพระวงศ์และแน่นอนว่าในตำหนักเซวียนเต๋อต้องมีใบชาหลงจิ่งที่หายากเย็นนักแน่นอน “ เรือนฉางชุนดีที่มีทิวทัศน์สงบใกล้ริมบ่อน้ำ วันนี้พระองค์ส่งคนมาแจ้งล่วงหน้าว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ถ้าเช่นนั้นก็จัดสำรับใกล้หน้าต่างนี้สักหน่อย ”

บันทึกการสังเกตการณ์ วันที่ 1 — จดโดยเสี่ยวยาโถว..

หลังจากรับคำสั่งของไท่โฮ่ว หม่อมฉันก็เฝ้าจับตามองลู่เหม่ยเหรินอย่างใกล้ชิด นางเข้านอนไว ไม่เรื่องมาก ตื่นแต่เช้ามาเพื่อเดินเล่นรอบเรือน ดูจะสนใจในภาพวาดกวีที่แขวนไว้ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่อะไรออกมา ยามที่กล่าวว่าไท่โฮ่วจะเสด็จมาเยือนแลัวก็ดูมีความใส่ใจแฝงอยู่ไม่น้อย นางเลือกพื้นที่จัดสำรับอย่างดี ทั้งยังเตรียมพร้อมรอชงชารับพระองค์ ครึ่งวันผ่านมาถือว่านางค่อนข้างใช้ไ—-

“ เจ้า.. อยากไปพักหรือไม่ ” ปลายนิ้วขาวเนียนทั้งยังเรียบเย็นจิ้มลงบนแก้มนางกำนัลน้อยที่เหม่อลอยและฝันหวาน จนอีกฝ่ายสะดุ้งโหยงและถอยปรี่ไปชนฉากกั้นล้มเกิดเป็นเสียงครึกโครม ในขณะที่ทั้งกายกำลังจะหงายลงฟาดพื้น อยู่ ๆ เอวสอบที่หยาบกร้านก็ถูกสัมผัสอ่อนละมุนรวบรั้งและดึงเข้าใกล้

เป็นนาง..

เป็นสาวงามราวรูปลักษณ์ที่สามารถสะกดทุกสายตาให้จับจ้อง เป็นเทพธิดาบนชั้นฟ้าแปลงกายลงมาอยู่ร่วมกับมวลมนุษย์ เป็นหยกงามเย็นเฉียบที่ประทับรอยหนักอึ้งลงในใจคน ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่หันมองกลับมาพบเห็นสาวงามปานจะล่มชาติกำลังใช้มือหนึ่งโอบประคองเอวนางกำนัลน้อยวัยละอ่อน ส่วนอีกมือประคองท้ายทอยอีกฝ่ายอย่างถนอม

“ เหม่อลอยในเวลางานมีโทษหนัก คราวหลังระวังมากกว่านี้สักหน่อย เข้าใจหรือไม่? ” เสียงนุ่มกล่าวเตือนได้อย่างปลอดโปร่งนัก ชั่วขณะหนึ่งคล้ายว่าเสน่ห์ของนางมีผลอย่างยิ่งทั้งกับชายและหญิง มิเช่นนั้นคนรอบกายในยามนี้คงไม่ กู่ร้องในใจเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ ทำไมคนที่ได้อยู่ในอ้อมแขนนางกลับไม่ใช่ข้า !!! ’

“ เข้าใจ…แล้ว.. ”

ใบหน้าของนางกำนัลน้อยแดงซ่าน นางถูกมนเสน่ห์เล่นงานจนในหัวขาวโพลน ได้แต่ตอบรับอย่างอึกอักตั้งแต่อยู่ในกำมือของอีกฝ่าย จนถึงคราวที่กลับมายืนด้วยสองขา แต่ไม่ทันจะได้เหม่อลอยอีกครั้งให้เต็มที่ รอยยิ้มเพียงบาง ๆ บนหน้านั้นก็ทำให้นางตาพร่า “ เทพธิดา.. ” อากัปกิริยาเช่นนี้ของคนรอบตัวทำให้นางขบขันนัก ไป๋หรั่นลอบยกแขนเสื้อขึ้นป้องริมฝีปากก่อนจะหันหลังกลับไปนั่งบนเก้าอี้ข้างโต๊ะที่จัดวางสำรับจนเรียบร้อยแล้ว พลางกล่าวกับทุกคนอีกครั้ง

“ ตำหนักฉางชุนไร้คนพำนักมานาน ยามนี้ลำบากทุกคนต้องคอบรับรองข้า หากว่าเหนื่อยล้าก็วางมือเสียก่อนเถิด ส่วนที่เหลือประเดี๋ยวข้าจัดการเอง ”

ดูซะก่อน นางฟ้าขนาดนี้จะไปเป็นนางร้ายใจมารได้อย่างไร ร้อยทั้งร้อยต่อให้ใครเดินมาตบหน้า พวกนางก็ไม่ขอเชื่อ !!

“ หืม.. แค่คืนเดียว นึกไม่ถึงว่าตำหนักฉางชุนจะกลับมามีสีสันได้เช่นนี้ ” เป็นเสียงของเซียวจื่อไท่โฮ่วที่ลอบยืนรับฟังเหตุการณ์จากด้านนอกอยู่พักใหญ่แล้ว เมื่อเห็นว่ายามนี้ไม่มีใครกล้าเปิดปากรับก็ถือว่าเป็นจังหวะดีที่จะปรากฏตัว วันนี้พระนางเสด็จมาด้วยฉลองพระองค์สีม่วงตัดขอบทอง บนตัวผ้าปักเป็นลายคู่ยวนยางโผบินเหนือหมู่เมฆ พร้อมด้วยชุดปิ่นทองประดับพลอยม่วงที่ดูสวยสง่ายากจับต้อง

“ ถวายบังคมเพคะไท่โฮ่ว ”

ลู่เหม่ยเหรินผุดกายขึ้นจากที่นั่ง สองมือประสานระดับหน้าท้องและย่อลงรับการมาถึงของเจ้าของตำหนัก ก่อนจะได้รับสีหน้าพึงพอใจและการปัดมือไปมาพร้อมเสียงสตรีที่กล่าวว่า ‘ตามสบาย’ เป็นการอนุญาตให้กลับมายืนปกติได้ดังเดิม

“ หม่อมฉันขอบังอาจเรียนถาม.. มิทราบว่าพระองค์ทรงโปรดชาชนิดใดเป็นพิเศษหรือไม่? ” อาศัยท่าทางสงบเสงี่ยมถามไถ่กันเสียงนุ่มอย่างนั้นจะมีผู้ใหญ่ที่ไหนบ้างไม่นึกเอ็นดู หวังจื้อทิ้งกายนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามนาง หลุบสองตาลงมองสำรับอาหารอ่อน ๆ ผสมจัดจ้านที่จัดไว้แล้วก็ระบายยิ้มเบา ๆ พร้อมกับที่เอ่ยปากตอบคำถามของเหม่ยเหรินหยกขาว

“ ทำไม.. อยากชงชาเป็นการถวายงานให้แก่อ้ายเจียรึ? ”

“ สายตาของพระองค์กว้างไกล ไป๋หรั่นไม่สามารถปิดบังได้จริง ๆ ” เด็กสาวย่อกายลงอีกครั้ง หนนี้ใบหน้าที่ก้มลงเล็กน้อยของนางประดับไว้ด้วยรอยยิ้มแสนสุภาพ และเมื่อคิดขึ้นได้ว่าทำเช่นนี้เซียวจื่อไท่โฮ่วอาจเข้าใจผิดคิดเป็นว่านางอยากเอาใจเพื่อเอาตัวรอด… แววตาของนางก็หม่นลงเล็กน้อย “ ยามนี้หม่อมฉันรอดจากมือกรมราชทัณฑ์ได้ชั่วคราวก็เพราะพระนางนับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สิ้นสุดมิได้ แม้หม่อมฉันจะหาใช่บุตรสาวผู้มากยศมากอย่างแต่ก็ได้รับการสอนสั่งจากบิดามารดาให้คอยทดแทนคุณ ทว่าด้วยพระบารมีขององค์เซียวจื่อไท่โฮ่วในเลยที่หม่อมฉันจะสามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้ ตลอดเจ็ดวันที่ต้องรบกวนตำหนักเซวียนเต๋อนี้ หม่อมฉันจึงอยากปรนนิบัติให้ดี ”

“ สิ่งที่หม่อมฉันอาศัยความสามารถของตนเองทำได้นับว่ามีอยู่น้อย ” อันที่จริงก็ไม่ได้น้อย ลู่ไป๋หรั่นเป็นคนมีความสามารถ นางชำนาญด้านศาสตร์ศิลป์ของสตรี แต่ด้วยสถานการณ์รวมไปถึงสถานะยังไม่นับห้วงอารมณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ จะให้โลดแล่นกรีดกรายเป็นประกายเยี่ยงคนงามไร้ทุกข์แบบนั้น.. นางไม่สามารถทำได้ คำพูดของพระสนมขั้นเหม่ยเหรินขาดช่วงไปเล็กน้อย เรียกให้สายตาของพระพันปีหลวงตวัดขึ้นมองท่าทางของผู้กล่าวอีกครั้ง “ เบื้องหน้าพระพักตร์หม่อมฉันมีเพียงความชำนาญน้อยนิดที่ใช้เพื่อปรนนิบัติท่านได้ หนึ่งในนั้นคือการชงชา หากว่าไท่โฮ่วทรงเมตตา ”

“ ไท่โฮ่ว.. ” ถงกู่กู่กล่าวขึ้นเสียงเบาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเนื่องเพราะเกรงว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะไม่สมควร อีกฝ่ายเป็นผู้ต้องสงสัยลอบปลิดชีพสนมในวัง หากยามนี้คิดทำเรื่องร้ายแรงขึ้นมาอีก..

“ ให้นางชง ”

คำอนุญาตนี้สร้างประกายความดีใจไว้บนดวงหน้าที่เงยขึ้นมองอย่างเสียกิริยา เซียวจื่อไท่โฮ่วมองใบหน้านั้นด้วยความประทับใจ จัดว่าเป็นหนึ่งในสาวงามผุดผาดที่หาตัวจับได้ยาก ดีที่นางไม่ใช่พวกที่มองเผิน ๆ แล้วคล้ายจิ้งจอกแพศยา.. อีกทั้งยังไม่โตพอที่จะใช้งานเสน่ห์ของตนเองอย่างเต็มที่ มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่ผู้โลภมากในอำนาจหรือคนที่สุมความเคียดแค้นไว้เต็มอกเลย เมื่ออยู่ต่อหน้าความงามนี้ยังสามารถปล่อยละวางซึ่งความแค้นเพื่อนาง ทั้งยังสามารถรับมอบนงคราญแทนแผ่นดิน แต่ในด้านนิสัยใจคอ.. ดวงตาของผู้เป็นถึงหงส์กวาดมองทั่วกายสะใภ้น้อยอีกครั้ง

ยังต้องดูกันต่อไป

เพราะมีคำอนุญาตแล้วจะใครก็ไม่สามารถขัดได้ แต่เพื่อความปลอดภัยของราชนิกูลอุปกรณ์ชงชาจึงถูกจัดไว้ในทางที่ทำให้พระนางสามารถมองเห็นทุกขั้นตอนได้อย่างละเอียด เซียวจื่อไท่โฮ่วลอบขบขันอยู่ในใจ ไม่รู้คนรอบกายนางนึกกังวลอะไรถึงได้ระแวงว่าเด็กสาวที่มีพ่อแม่เป็นเพียงคนค้าขายทั้งยังมีคดีที่สะสางไม่ได้ติดตัวจะกล้าลงมือกระทำการรุนแรงต่อเชื้อพระวงศ์ในยามนี้ หากทำจริงคงเป็นการฆ่าตัวตายล่ะสิไม่ว่า

สาวงามชงชาอย่างเพลิดเพลินแบบใด คนมองก็มองดูสาวงามชงชาและเพลิดเพลินไปกับมันเช่นกัน มาถึงขณะนี้เซียวจื่อไท่โฮ่วเริ่มครุ่นคิดขึ้นมาบ้าง ‘ หรือว่าหลิวเช่อชอบแบบที่มองแล้วเพลินตาสักหน่อย.. ถ้าใช่ล่ะก็ สาวน้อยผู้นี้ตอบโจทย์ทุกอย่างเลยเชียว แรกพบสะดุดตาจนตะลึง ต่อมาด้วยท่าทางกิริยาก็มองได้ไม่มีเบื่อ จัดว่าเป็นสาวงามแห่งยุคที่ควรค่าแก่การทะนุถนอม อาศัยเพียงโฉมหน้าเช่นนี้ก็เหมาะสมแล้วที่จะมาเป็นสตรีของผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดิน ’ แต่จะสำคัญมากหรือน้อย นั่นคงเป็นวาสนาที่นางต้องไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง

ไป๋หรั่นชงชาออกมาสองกา กาแรกคือหลงจิ่งจากน้ำค้างยามรุ่งสางที่เก็บมาสด ๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่ใสกระจ่างปนหวานหอมเหมาะกับชามังกรชั้นดีที่ถูกใช้เพื่อเป็นของล้างปาก ส่วนกาถัดมาย่อมเป็นชาเบญจมาศที่กรุ่นกลิ่นหอมอ่อนไว้สำหรับเปลี่ยนรสชาติ ทั้งยังถือว่าเป็นชาระดับที่ลงลดมาเพื่อเป็นการเจียมตัวว่านางรู้ความนักว่าตนยังไม่อยู่ในระดับที่จะร่วมใช้ชาป้านเดียวกับราชนิกูล

“ เจ้าพบจางทังแล้วใช่หรือไม่ ” เซียวจื่อไท่โฮ่วถามด้วยสีหน้าสงบ “ เป็นอย่างไรบ้าง ”

ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายอยากรู้ความคืบหน้า นงคราญหยกลอบกลืนน้ำลายในระหว่างที่ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้ม “ เป็นเช่นนี้เพคะ.. ”

ไหน ๆ มีโอกาสแล้ว นางก็เล่าละครยาวหนึ่งฉากให้พระนางฟังเหมือนที่เล่าให้จางทังฟังไปเลยก็แล้วกัน !!



รวมค่าความสัมพันธ์

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี

[NPC-09] จาง ทัง + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-09] จาง ทัง + 15 ความสัมพันธ์ชาเกรดน้ำเงิน






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 20 โพสต์ 2024-7-22 23:59
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2024-7-22 23:58
โพสต์ 48844 ไบต์และได้รับ 24 EXP!  โพสต์ 2024-7-22 23:50
โพสต์ 48,844 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-22 23:50
โพสต์ 48,844 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-22 23:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-23 19:35:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด



พลังของเส้นสาย
วันที่ 22 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาสิบห้านาฬิกาเป็นต้นไป


ตำหนักจงฉางชื่อไร้คลื่นลมมาโดยตลอดนับตั้งแต่จางกงกงไล่กำจัดหนี้แค้นที่ฝังลึกตลอดหลายปีที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น ครั้งนี้จางกงกงปลีกตัวจากฝ่าบาทเพื่อมาทำการอบรมสนมตามที่ได้รับคำสั่งจากองค์ไท่โฮ่วซึ่งฝ่าบาทเองก็อนุญาตให้มาเพราะถือว่าเป็นหน้าที่ .. วันนี้ก็เหมือนอย่างเคยสนมวัยละอ่อนมากมายยืนเรียงรายไปทั่วสลับกับเหล่านางกำนัลรวมไปถึงขันทีที่คอยแยกกันตรวจสอบว่าอีกฝ่ายเรียนรู้ได้ครบถ้วนหรือไม่ โดยมีเขาเป็นผู้บรรยายหลักสูตรหรือไม่ก็แนะนำในช่วงต้นก่อนจะกลายมาเป็นผู้ตัดสินใจตอนท้าย

งานที่ต้องอยู่กลายสตรีสอนยากสอนเย็นเหล่านี้ค่อนข้างน่าเบื่อเพราะยังไงสุดท้ายก็ไม่มีสักคนที่สามารถใช้การได้ จางกงกงหวนคิดไปถึงคนที่พอจะเข้าตาเขา แน่นอน .. เหล่าเหม่ยเหรินของเรือนเมิ่งเหยาที่โด่งดังนับว่า ‘ใช้การได้’ ทุกคน เพียงแต่มีข้อแม้ยิบย่อยที่ยากจะยอมรับอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นเว่ยเจียเหม่ยเหริน ฉลาดเกินไป พื้นเพครอบครัวก็ไม่ไก่กา คนเช่นนี้ไม่อาจสนับสนุนเขาได้ในวันหน้า กลับกันอาจกลายมาเป็นศัตรูเสียด้วยซ้ำ หรือจะแม่หนูน้อยซ่างกวนเหม่ยเหริน.. คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ มีพี่ชายหน้ายักษ์คอยปกป้องอยู่เช่นนั้น เขาย่อมไม่สามารถตักตวงผลประโยชน์ได้แม้แต่น้อย ฉะนั้นที่เข้าตาและ ‘ใช้การได้’ จริง ๆ สำหรับเขาจึงมีเพียงตัวเลือกเดียว

‘ลู่เหม่ยเหริน — ลู่ไป๋หรั่น’ ธิดาคหบดีรายใหญ่แห่งลั่วหยาง กำลังทรัพย์ถึงขาดแต่อำนาจ .. ไม่เป็นไร เขามีอำนาจ อนาคตนางเองก็จะมีอำนาจเช่นกัน ฉะนั้นขอเพียงมีทรัพย์มีกำลังคน จากนี้ไม่ว่าทำสิ่งใดย่อมราบรื่น อีกอย่างยามนี้ไม่มีใครสนับสนุนนาง จางกงกงลอบหัวเราะเพียงลำพัง เข้าท่าทีเดียว เสียก็แต่หญิงผู้นั้นใช่ว่าจะเป็นหญ้าอ่อนเคี้ยวง่าย นางอาจไม่รู้ในทีแรกแต่ต่อมาต้องไม่ใช่แน่

“ สตรียิ่งงดงามก็ยิ่งอันตราย.. โฉมงามที่คล้ายว่าจะล่มชาติได้เพียงปรายตามองเช่นนั้นยังต้องร่ำเรียนพิษสงอีกมาก ” เขายินดีใช้เวลาเฝ้าสอนสั่งทะนุถนอมจนนางกลายไปเป็น ‘ นางจิ้งจอกจำแลง ’ ได้อย่างที่ใคร่ ๆ ก็หวาดกลัว จะว่าไปแล้วเดิมทีนางก็ไม่เคยคิดจะมาหาเขาเพื่อร่ำเรียนหรือขอบคุณ แต่ช่วงนี้เหมือนจะเงียบเป็นพิเศษ ปลายนิ้วสากเคาะลงกับโต๊ะอย่างเบื่อหน่ายทั้งที่ตากำลังมองสาวน้อยสาวใหญ่ที่พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเค้นเสน่ห์ของตนเองออกมา

น่าเบื่อ.. น่าเบื่อเกินไป

จางกงกงคร้านจะทน เขาระบายยิ้มเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปทางประตูด้านหลังที่นั่งเพื่อไม่ให้เป็นที่รบกวนการเรียนที่ยังต้องดำเนินต่อไป อย่างไรซะขั้นตอนนี้ก็ผ่านไปได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเขา

“ จางกงกง จางกงกง ! ”

“ แย่แล้วขอรับ ”

ขันทีน้อยผู้หนึ่งสับเท้าอย่างเร่งรีบเข้ามาหาเขาที่กำลังเดินเข้าไปในห้องทำงาน “ มีอะไร ”

“ คือว่า คือ .. ”

ผู้ดำรงตำแหน่งจงฉางชื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหมุนกายหันหลังให้กับขันทีน้อยผู้นั้นพลางขยับมือเข้ายกแจกันดอกเหมยกุ้ยสีแดงสดขึ้นมาพิจารณาในระดับสายตา “ ข้าให้เวลาเจ้า ‘พูด’ เพราะฉะนั้นก็ควรทำให้ดี ” จางกงกงไม่ใช่ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาในทุกเวลา เขาคือนายใหญ่แห่งจงฉางชื่อที่ทุกเวลาล้วนมีค่าเท่าตำลึงไหนเลยจะปล่อยให้เสียเปล่าได้โดยง่าย

เจ้าหนุ่มขันทีที่ตัวสั่นระริกสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดก่อนจะโพล่งออกมาภายในหนึ่งลมหายใจ “ มีคนพบศพเย่เหม่ยเหรินลอยอยู่ที่สระน้ำในอุทยานหลวงในยามรุ่งสางของเมื่อวันก่อน เบื้องต้นชันสูตรพบว่าเสียชีวิตยามกลางดึก ทว่าคืนเกิดเหตุมีผู้ให้การว่าลู่เหม่ยเหรินหาได้พักที่เรือนเมิ่งเหยา ทั้งยังมีคนพบจดหมายจากลู่เหม่ยเหรินที่ส่งเพื่อนัดพบเย่เหม่ยเหรินในเวลาเกิดเหตุ ยามนี้คนเลยคาดกันว่านางเป็นผู้ลงมือเย่เหม่ยเหรินเพื่อลบล้างความแค้นที่ทะเลาะอย่างหนักช่วงก่อนหน้านี้ ตอนเช้าท่านเจ้ากรมราชทัณฑ์เข้าคุมตัวลู่เหม่ยเหรินไปที่กรมราชทัณฑ์ แต่ว่าไปได้ไม่นานก็ถูกไท่โฮ่วเรียกให้พาตัวนางกลับมาแล้วขอรับ !! ”

เพล้ง !

มีคนตาย มีเรื่องวุ่นวาย ทั้งยังมีคนของเขาเข้าไปเป็นผู้ร้ายในเรื่องนี้เสียด้วย

นัยน์ตาของหัวหน้าขันทีเผยความเหี้ยมเกรียมขึ้นมาในเสี้ยววินาที ‘นางสร้างเรื่องใหญ่โตเช่นนี้เชียวหรือ?’ ด้วยความไม่ทันตั้งตัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจางกงกงเลยเผลอบีบแจกันในมือจนแตกกระจาย สร้างความตระหนกให้กับขันทีน้อยที่ลอบมารายงานจนต้องหมอบลงกราบกรานด้วยความหวาดกลัว

“ เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งขอรับ ข ข้าน้อยให้คนลอบดูแลลู่เหม่ยเหรินอย่างที่ท่านสั่ง ดังนั้นจึงทราบว่าวันนั้นนางหาได้อยู่ที่เรือนเมิ่งเหยาตั้งแต่บ่ายเพราะมีเทียบเชิญมาจากจวนผิงหยางกงจู่ก่อนจะมีผู้พบเห็นอีกทีคือในตอนเช้าที่นางกลับมา เสียก็แต่เหล่าพยานที่พอยืนยันได้ว่านางอยู่ที่จวนผิงหยางล้วนแต่.. ”

เขารู้ ชาวคณะผิงหยางเดินทางเพื่อไปเจียงหนานตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จางกงกงยกมือข้างหนึ่งขึ้นนวดขมับตัวเองเบา ๆ เมื่อครู่ด้วยความหุนหันถึงนึกเป็นว่า ‘นางกระทำ’ ไปด้วยตนเอง แต่นี่กลับไม่ถูกต้อง หลักฐานชี้ชัดเกินไป ทั้งยังกระทำอย่างไม่กลัวตาย ลู่เหม่ยเหรินที่เขาสืบหาข้อมูลมาหาใช่สตรีที่โง่เขลา โดยเฉพาะลู่เหม่ยเหรินที่พบหน้ากันจริง ๆ ยิ่งไม่คล้ายคนที่โง่เขลาเข้าไปใหญ่

“ ยามนี้นางอยู่ที่ใด ”

“ ตำหนักเซวียนเต๋อ ภายใต้การดูแลของไท่โฮ่วขอรับ ”

ให้ตาย.. คงต้องไปตรวจสอบดูหน่อยแล้ว



คล้อยหลังมื้ออาหารกลางวันร่วมกับเซียวจื่อไท่โฮ่ว นับจากนั้นจะเป็นเวลาว่างที่นางสามารถใช้ได้อย่างอิสระท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่ยังคอยจับตามองเหมือนอย่างที่เคย ไป๋หรั่นในชุดเหม่ยเหรินสีอ่อนยืนอยู่ในเรือนพลางทอดสายตามองบ่อน้ำกว้างใหญ่ผ่านหน้าต่างด้วยใบหน้าอันแสนสงบ นางไม่คล้ายคนที่กำลังเศร้า ไม่คล้ายคนที่กำลังกลัว แต่กลับคล้ายคนที่กำลังครุ่นคิดถึงบางอย่างที่เกรงว่าคงจะไร้ซึ่งคนเข้าใจและด้วยท่วงท่าเช่นนี้ย่อมไม่แปลกหากคนที่พึ่งมาถึงการจะคิดเป็นว่านางกำลังโศกเศร้าเป็นอย่างมาก

“ พระสนมเศร้าโศกเช่นนี้ ดูท่าคำถามที่ข้าน้อยตั้งใจจะถาม คงไม่จำเป็นแล้ว ”

พื้นที่ว่างด้านหลังนางถูกจับจองโดยร่างสูงไร้ที่มา คนงามน้อยกะพริบตาช้า ๆ หนึ่งครั้งก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงด้วยความประหลาดใจ เป็นเขา.. เป็นร่างสูงในเสื้อผ้าเช่นขันทีมียศที่คุ้นตา เป็นจางกงกงที่แสดงตนว่าสนับสนุนนางมานับตั้งแต่เข้าวังได้วันแรก

“ ตำหนักเซวียนเต๋อมีไท่โฮ่ว แต่เรือนฉางชุนไม่มีพระองค์ เกรงว่าท่านจะมาผิดที่แล้ว ”

“ มิผิด ”

ขันทีผู้นี้ตอบประโยคเลือนลอยของนางด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าสายตาอาบยาพิษที่แข็งกร้าวของตนอ่อนลงหลายส่วนเมื่ออยู่ต่อหน้าโฉมงาม โดยเฉพาะยามที่นงคราญในอุ้งมือคล้ายจะเลื่อนลอยไร้ที่ยึดเกาะจนน่าสงสารเช่นนี้ “ เป็นข้าน้อยที่ตั้งใจเดินทางมาพบพระสนม เช่นนั้นแลัวจะนับว่าผิดได้อย่างไร ”

“ พบข้า? ” ไป๋หรั่นทวนคำเขาด้วยความประหลาดใจ นางหลุบตาลงอย่างเชื่องช้าเพื่อครุ่นคิดสาเหตุ ก่อนจะร้องอ๋อออกมาพร้อมเปลี่ยนใบหน้าที่เรียบนิ่งนั้นให้กลายมาเป็นเย้ยหยันในชั่วขณะหนึ่ง “ เพราะเรื่องเย่เหม่ยเหรินใช่หรือไม่ ไม่สิ.. ทำไมต้องถามให้เสียเวลา ท่านต้องมาเพราะเรื่องนางอยู่แล้ว ”

ทำหน้าแบบนั้นก็เป็นด้วย ? จางกงกงลอบมองสายอารมณ์มากมายบนใบหน้าและแววตานั้นอยู่เงียบ ๆ ลู่ไป๋หรั่นเป็นหยกเย็นที่นิยมยิ้มน้อย ๆ ให้พองาม นางเป็นคนที่ควบคุมสีหน้าได้ดี ถึงได้งามเฉิดฉันและมั่นคงเช่นแสงจันทร์ แต่ครั้งนี้เขากลับได้เป็นผู้โชคดีพบเห็นสีหน้าเย้ยหยันโลกหล้า.. ‘พอทำหน้าแบบนี้แล้วค่อยสมกับที่เป็นน้องสาวของคนแซ่ลู่ผู้นั้น’

“ ในเมื่อพระสนมทราบว่าข้าน้อยมาด้วยเหตุใด ถ้าเช่นนั้นรบกวนท่านด้วย ”

เขาไม่จำเป็นต้องถาม นางก็รู้ดีว่าจางกงกงต้องการได้ยินอะไร

“ ข้าไม่ได้ทำ ”

“ … ”

“ ไม่มีเหตุให้จำเป็นต้องทำเลยด้วยซ้ำ ”

ริมฝีปากของผู้เป็นขันทีเหยียดออกทีละน้อยจนต้องลอบยกมือขึ้นป้องริมฝีปาก ‘หยกน้อยในมือเขาเป็นเด็กดี เรื่องเช่นนั้นย่อมไม่ส่งผลอะไรต่อนาง’ จางกงกงพอใจกับคำตอบนี้เป็นอย่างมาก ท่าทีของเขาดูจะเป็นกันเองขึ้นมากหลังนางยืนยันไปอีกสองสามคำว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่นางเป็นผู้กระทำ กระทั่งนางเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้เขาฟังทั้งหมด เมื่อนั้นใบหน้าของจางกงกงถึงได้กลายมาเป็นจริงจังอย่างที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน

เรื่องนี้แปลก แปลกมาก จางกงกงปล่อยให้ความคิดของเขาแล่นไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่สัมผัสได้ถึงสายตาประหลาดใจจากสนมที่ร่วมลงเรือเดียวกันมาแล้วถึงครึ่งขา อย่างไรคนทำก็คงเป็นคนวงใน จำพวกที่ผูกแค้นกับสนมที่หน้าตางดงามมักเป็นสนมที่โดดเด่นแต่ถูกกลบรัศมี ดังนั้นก็สมควรจะเป็นเหม่ยเหริน ทั้งยังต้องเป็นเหม่ยเหรินที่มีอำนาจมากพอจะข่มขู่คนที่ร่วมมือกับตัวเองให้ปิดปากเงียบอีกด้วย

ธิดาซือลี่เสียวเวย เว่ยเจียเหม่ยเหริน

ธิดาต้าซือหนง ซ่างกวนเหม่ยเหริน

ธิดาฉีหวาง หลิวเหม่ยเหริน

ธิดาแม่ทัพกองกำลังม้าขาวแห่งเป่ยผิง ซือลี่เหม่ยเหริน

หรือจะเป็นธิดาอดีตแม่ทัพแห่งเหอซี ตวนมู่เหม่ยเหริน? อีกฝ่ายยังไม่เข้าวังก็จริงแต่อาจจะบงการคนในวังให้ทำ อย่างไรนางกำนัลก็มาจากแถบเหอซีเป็นส่วนมาก ชื่อเสียงของแม่ทัพตวนมู่เองก็สลักอยู่ในใจชาวประชา ในรายชื่อเหล่านี้ล้วนแต่มีความเป็นไปได้ ส่วนกงซุนคนนั้น.. ‘ตัดออกไป นางโง่ดักดากเช่นนั้นย่อมไร้ความสามารถวางแผนใหญ่โตเช่นนี้ ’

เห็นทีครั้งนี้เขาคงต้องใช้กำลังของตัวเองคอยตรวจสอบจากในที่ลับอีกตามเคย

“ สรุปแล้ว ผู้ที่รับผิดชอบคดีนี้คือ..? ”

“ เป็นใต้เท้าจางทัง ”

จางกงกงพยักหน้าด้วยท่าทางพอใจ “ หากเป็นเขาก็วางใจได้ ” วางใจได้ว่าจะมีความสามารถพอเจอเบาะแสที่เขาทิ้งไว้ให้ จงฉางซื่อตริตรองแผนการอยู่ในหัวอีกพักใหญ่พลางจิบน้ำชาที่มีเหม่ยเหรินหยกขาวรินให้เมื่อก่อนหน้านี้จนนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“ ถ้าข้าได้เบาะแสคนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมา… ” สองตาของผู้เป็นขันทีหม่นลงจนคล้ายนักฆ่าในรัตติกาลที่คอยฉกฉวยชีวิตของผู้คน เขารู้ซึ้งถึงความอึดอัดที่ถูกป้ายสีแต่ไม่อาจทำอะไรได้ รู้ซึ้งถึงความรู้สึกคับเคืองในอกยามที่สองมือไร้อำนาจและกำลัง ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาถูกชะตากับนาง ลึกลงไปจากความคิดที่ว่าตนสามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วยังมีความเวทนา คนอย่างพวกเขาเดิมทีไม่ควรมีชะตาบรรจบกับราชวัง แต่เหตุใดฟ้าดินถึงไม่เมตตาถีบส่งพวกเขาที่ไร้กำลังเข้ามา “ พระสนมอยากลงมือจัดการด้วยตนเองหรือไม่ ถ้าท่านต้องการยามที่ข้าน้อยสืบหาเบาะแสได้ก่อนเขา ย่อมเก็บเบาะแสนั้นไว้และเป็นฝ่ายไล่ล่าจับตัวคนร้ายให้มาคุกเข่าแทบเท้าท่าน ”

“ ลำบากไปทำไม ของแบบนั้นข้าเพิ่มเงื่อนไขกับใต้เท้าจางเสียก็สิ้นเรื่อง ”

“ อย่าทำเป็นซื่อนักไปหน่อยเลย ท่านก็รู้ว่ามันไม่มีทาง ‘เหมือนกัน’ ดวงตาของเขาที่นางเห็นทอประกายไปด้วยคลื่นลมคลั่งยิ่งกว่ามรสุมใด ๆ ที่เคยได้ยินมา ในคลื่นเหล่านั้นมีทั้งความชิงชัง ความร้อนรน ความเวทนา ความโดดเดี่ยวผสมผสานกันไปกันมาจนหลงเหลืออยู่เพียงความบ้าคลั่ง ไป๋หรั่นมองคลื่นลมในดวงตานั้นด้วยสายตาเรียบเย็น นางไม่ตอบรับ เขาก็ไม่ได้คาดคั้น ยังคงรอคอยโดยไม่รู้ว่านี่เป็นการรอเพื่อให้นางโดดลงทะเลแค้นกับเขาหรือรอคอยให้นางเป็นฝ่ายดึงเขาขึ้นกันแน่ นงคราญหยกหัวเราะเบา ๆ ราวกับว่าสิ่งนี้น่าขันนัก นางยกมือข้างหนึ่งขึ้น จรดปลายนิ้วลงกับขอบหน้าต่างพลางลากมือขีดเป็นเส้นตรงไปกลับพร้อมรอยยิ้ม

“ ทำแบบนั้นไม่ได้ ”

เหมือนว่าเขาจะฉงนใจว่าทำไมถึงไม่ได้ เหม่ยเหรินหยกขาวที่มองเห็นสีหน้านั้นได้แต่ถอนหายใจ

“ ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำเช่นนั้น ”

“ ไม่มีเหตุผลแบบใด หากไร้ข้าหรือจางทังพลาดท่า ชีวิตนี้ของท่านเกรงว่าจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว ”

จางกงกงมุ่นคิ้วพร้อมมองมาที่นางด้วยสายตาเหลือเชื่อ เช่นเดียวกับนางที่พึ่งรำลึกได้ว่า ‘ถูกต้อง หากไม่มีพวกเขา ป่านนี้นางคงได้รับโทษประหารไปแล้วจริง ๆ’ ทว่าชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ผู้คนทะเยอทะยานเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ นางที่ถูกเพ่งเล็งคล้ายว่าจะเคยชินกับมันไปแล้วโดยไม่รู้ตัว

“ แต่ข้าก็ยังไม่ตายนี่ ”

“ ยังมีท่าน ยังมีเขา ยังมีความหวัง ยังมีครอบครัว เหตุใดจึงต้องทดแทนแค้นด้วยการกลายเป็นคนเช่นเดียวกัน ” เหม่ยเหรินหยกขาวส่ายศีรษะไปมา “ ต่อให้ไม่ลงมือด้วยตัวเอง สุดท้ายชีวิตที่ใช้เพื่อปองร้ายผู้อื่นก็ต้องได้พบจุดจบ ถ้าเช่นนั้นทำไมข้าถึงต้องลงมือให้เกิดเป็นคำครหา? จางกงกง ครั้งนี้เป็นท่านห่วงข้า ข้าย่อมซาบซึ้งใจ ทว่าเหม่ยเหรินผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะหน้ามืดตามัวจนก้าวพลาดด้วยเรื่องแค่นี้ ”

“ ลองคิดดูสิ ข้าถูกใส่ร้าย แต่สุดท้ายเป็นคนร้ายตัวจริงถูกสังหาร ใครบ้างจะรู้ว่าถูกผิดเป็นอย่างไร คนทำตายไปแล้ว สารภาพไม่ได้ รับผิดไม่ได้ ใส่ร้ายข้าก็ไม่ได้ แต่ข้ากลับต้องถูกมองว่าเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องสังหารคนปิดปากอีก ” นางรินชาเพิ่มให้เขาที่กำลังคิดตามด้วยความใจเย็น คนงามช้อนตาขึ้นมองคู่สนทนาที่เริ่มจะคล้อยตามคำพูดนางอย่างพึงพอใจ “ คนที่ท่านปลุกปั้นใจเย็นถึงขนาดนี้.. ก็ควรเลี้ยงไว้ให้ดี ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้ชี้โพรงให้กระรอกอย่างนี่เล่า ”

เขาไม่ตอบอะไร นางหัวเราะเบา ๆ “ เวลาของท่านจงฉางซื่อมีค่าดั่งทองคำ ข้าที่เป็นผู้น้อยไหนเลยจะกล้ารบกวนมาก จางกงกงวางใจ จากนี้ข้าย่อมดูแลตัวเองให้ดี ” พูดให้ตรง ๆ คือไล่เขากลับเพราะไม่มีเหตุจำเป็นให้ต้องอยู่อีกต่อไปแล้ว คนงามที่ลอบหาทางหนีทีไล่อย่างแนบเนียนนั่งยิ้มหวานอยู่อย่างนั้นจนได้ยินคำตอบที่เปรียบเสมือนไม้หน้าสามฟาดลงกลางศีรษะ

“ ข้าน้อยขอลางานครึ่งวันจากฝ่าบาทมาแล้ว พอดีเลย ไหน ๆ ลู่เหม่ยเหรินก็ไม่ได้เข้ารับการอบรมนานแล้ว หนนี้ข้าน้อยเดินทางมาเยี่ยม ย่อมยินดีสอนท่านด้วยตนเอง พระสนม เชิญ ”



ไม่เอา !!!!



ร่วมค่าความสัมพันธ์

[NPC-11] จางกงกง +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-11] จางกงกง +15 ความสัมพันธ์มอบชาเกรดน้ำเงินที่ชงเอง
[NPC-11] จางกงกง +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 40 โพสต์ 2024-7-23 20:24
โพสต์ 37924 ไบต์และได้รับ 18 EXP!  โพสต์ 2024-7-23 19:35
โพสต์ 37,924 ไบต์และได้รับ +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-23 19:35
โพสต์ 37,924 ไบต์และได้รับ +8 คุณธรรม +6 ความชั่ว +10 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-23 19:35
โพสต์ 37,924 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-23 19:35
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-24 21:44:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-24 22:06




ผู้มาเยือนยามวิกาล
วันที่ 22 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาศูนย์นาฬิกาเป็นต้นไป

ท่ามกลางกลิ่นดินชื้นแฉะและเสียงฝนสาดซัดราวคลื่นทะเลคลั่งมีร่างลี้ลับร่างหนึ่งถือประคองร่มสีเข้มเดินฝ่าฟ้าฝนเข้ามายังบริเวณตำหนักเซวียนเต๋อ พริบตาที่สองขาก้าวข้ามผ่านรั้วตำหนัก ฟากฟ้าก็คำรามลั่นพร้อมส่งแสงวาบแยงตาผ่าลงเป็นเส้นพอให้คนมองเห็นอยู่ไกล ๆ เงาทมิฬพาดผ่านร่างของผู้มาเยือนจนยากจะเห็นใบหน้ารู้เพียงว่าใต้ร่มนั้นคือร่างสูงใหญ่ผึ่งผายแสนองอาจในภูษาสีนิลเรียบลึกลับ

เขามาเพียงลำพัง แต่เมื่อมีแว่วเสียงอสนีฟาดลงอีกครั้ง ด้านหลังกลับเต็มไปด้วยเหล่า ‘องครักษ์เงาแห่งตำหนักเซวียนเต๋อ’ ที่คุกเข่าก้มศีรษะอย่างพร้อมเพรียง ฝีเท้าของผู้มาเยือนหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ “ ถอยไป ” บุรุษสีนิลกล่าวเสียงเรียบโดยไม่หันกลับไปมอง ทิ้งไว้เพียงชายภูษาโบกสะบัดไปตามแรงลมยามที่สองขาก้าวไปด้านหน้าตามทางเดินขดเคี้ยวผ่านตำหนักใหญ่เพื่อมุ่งไปยังเรือนเคียงที่เงียบสะงัด

ด้านในเรือนฉางชุนที่ดับเทียนไปนับสิบเล่ม กว่าจะสะสางกับขันทีเจ้าปัญหาผู้นั้นได้ก็ทำเอานางร่างแทบแหลก เช้าเจอหน้าถิงเว่ย เที่ยงเจอพระพันปี บ่ายเจอจงฉางซื่อ ตลอดหนึ่งวันที่วุ่นวายของนางจำเป็นต้องวาดยิ้มรับรองคนทั้งยังต้องพูดปากเปียกปากแฉะถึงสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ คนหนึ่งต้องการหาความจริง อีกคนก็สังเกตการณ์ ส่วนคนสุดท้ายดีหน่อยที่มีใจอยากช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนจะใช้ชีวิต..ที่โหดร้ายมามากจนความเคียดแค้นบังตา เคราะห์ยังดีที่ดึงกันกลับมาทัน ไม่อย่างนั้นสุดท้ายนางคงได้กลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าสังหารขึ้นมาจริง ๆ

เตียงสี่เสาในเรือนฉางชุนปลดม่านลงถึงสามฝั่งแล้วทว่าผู้ที่ปลดม่านกลับหาได้จมอยู่ในนิทรา ยามเมื่อมองผ่านม่านโปร่งพริ้วยังมีเงาร่างระหงส์ภายใต้ชุดตัวในเบาสบายพร้อมกับพาดสองแขนไว้บนขอบเตียงส่วนที่ชิดกับหน้าต่างกลมพลางปล่อยสายตาทอดมองไปไกล ทั้ง ๆ ที่อ่อนล้าจนแทบบ้า เคร่งเครียดจนความปวดลามไปทั่วศีรษะ แต่นางกลับนอนไม่หลับ ไป๋หรั่นก้มหนาอิงไปกับขอบเตียง เสียงหัวเราะดังขึ้นเพียงลำพังก่อนที่นางจะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง

แอ๊ด..

เสียงประตูที่เปิดออกไม่ช้าไม่เร็วนั้นถูกเสียงฝนและเสียงฟ้าร้องกลบไปจนมิด บุรุษสีนิลผู้นั้นก้าวเข้ามาด้านในเรือนอย่างเงียบงัน ดวงตาคมกวาดมองรอบด้านที่มืดสลัว ร่างสูงหันกลับไปปิดประตูเพื่อกันไอเย็นไม่ให้กระเซ็นเข้ามาก่อนจะพลิกกายเดินเข้ามาด้านในทีละก้าว ในครรลองตาของเขาพบเงาพร่าพรางของแผ่นหลังบางที่โน้มอิงขอบเตียง ร่างนั้นสวมชุดสีขาวเนื้อบางแนบไปกับเรือนกายคลอเคล้าด้วยเกศาดำขลับเสมือนเส้นพู่กันลากตวัดตรงลงมาคล้ายเส้นไหมนุ่มละเอียด แววตาแยบคายของผู้มาเยือนในยามวิกาลเมื่อเห็นภาพนี้ก็กระตุกไปเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาออกไปอีกทางจนเผอิญพบเข้ากับตะเกียงที่มอดแล้ว



พรึ่บ

สองตาหงส์เปิดปรืออย่างช้า ๆ กระทั่งสัมผัสได้ถึงความแปลกไปจึงได้ยันกายขึ้นจากขอบพิง สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกตัวหาใช่เสียงเผาไหม้ของตะเกียง แต่กลับเป็นประกายแสงนวลสลัวที่แผ่กระจายโอบล้อมรอบเรือนฉางชุนที่ควรจะมืดมิด ปลายหางตาชำเลืองไปเห็นขอบหน้าต่างไม้ที่กักเก็บแอ่งน้ำฝนเล็ก ๆ กำลังสะท้อนเงาของแสงไฟจากด้านหลัง ผ้าห่มหนาถูกคว้าขึ้นมาคลุมร่างงามเพื่อป้องกันสายตาของผู้ร้ายยามวิกาลก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายพลางเอื้อมมือออกไปแหวกม่านออกเป็นช่องพอให้เห็นได้ชัด “ เป็นผู้ใดกล้าบุกรุกยามวิกาลเช่นนี้ ”

เมื่อกล่าวจบแล้วถึงพบว่าผู้ที่นั่งกลางแสงสลัวนั้นคือใคร

จากชายภูษานิลที่เปียกชุ่มไล้ขึ้นตามกายที่แสนปลอดโปร่ง เป็นชายผิวผุดผาด องคาพยพเด่นชัดดูโฉบเฉี่ยวเว้นแต่ตาดอกท้อแสนพิศวงคู่นั้นที่หาได้ยากยิ่ง ปลายนิ้วทั้งห้าของมือหนากำลังเกลี่ยคลึงบนจอกชากระเบื้องสีขาวลายครามอย่างเชื่องช้าเช่นเดียวกับนัยน์ตาสีรัตติกาลที่ส่องสะท้อนเพียงภาพของสิ่งที่อยู่ในมือ ชวนให้รู้สึกอ้ำอึ้งอยู่ในใจว่าเป็นเทพมาโปรดหรือมารมาเยือน ทว่าในขณะที่ผู้พิศมองไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากหนาก็เปิดออกเพื่อเปล่งเสียงตอบรับ “ เป็นเจิ้น ” ฉับพลันดวงเนตรดอกท้อตวัดขึ้นสบกับโฉมสะคราญบนตั่งเตียง เสียงของเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกทะนุถนอมอ่อนหวาน แต่เป็นความเด็ดขาดที่คล้ายจะเย้ยหยัน มือข้างที่วางไว้บนตักเคลื่อนหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งที่พาดอยู่ข้างกายแล้วโยนไปทางหญิงสาวบนเตียงนอนอย่างลื่นไหลไร้ท่าทีวุ่นวายใจ

หมื่นบุปผารายล้อม มิอาจแปดเปื้อนแม้เพียงกลีบเดียว.. มีอย่างที่ไหนสามารถกระทำการเช่นโจรเด็ดบุปผาต่อหน้าโฉมงามแล้วยังมีใจมาควบคุมท่าทางให้สงบดุจธารน้ำนิ่ง ใบหน้าของนางตื่นตะลึงจนคล้ายเด็กโง่ไปแล้ว เนตรคู่คมมองภาพนั้นด้วยความขบขันระคนแปลกใจ ยามที่พบกันครั้งล่าสุดนางยังฝากความขุ่นเคืองไว้ในใจไม่หาย เดิมทีเขาหน่ายสตรีงามมากมารยาแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มีพฤติกรรมเย้ายวนหยอกล่อแต่ก็จัดว่าเป็นคนมีความคิดจึงได้คอยระมัดระวังทุกครั้งที่พบ กระทั้งคืนนี้ที่ตัดสินใจมาเยือน กึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะอคติที่ไม่ต้องการให้คนสนิทยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่อาจเป็นภัยร้าย แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับเจ้าของร่างอ้อนแอ้นนี้แล้วกลับไม่มองว่าเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดอย่างที่เคยคิดไว้

“ ฝ ฝ่าบาท ”

‘หลิวเช่อ’ เห็นนางละล่ำละลักรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะหย่อนขาลงจากเตียงก็ได้แต่เบือนหน้าหนีไม่ให้ตนมองเท้าขาวเนียนของหญิงสาวตามมารยาท เป็นเขาที่มาในยามวิกาลเข้าใจว่านางคงพักผ่อนแล้ว เพราะแบบนี้ถึงได้อยู่ในสภาพไม่เรียบร้อยนัก เสียงสวบสาบจากการขยับตัวดังขึ้นกลางเสียงฝนกระทั่งช่วงจังหวะที่โอรสสวรรค์คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายคงเรียบร้อยขึ้นบ้างแล้วจึงหันกลับไปพบเหม่ยเหรินกำลังประสานมือตั้งท่าจะคุกเข่าลงถวายพระพรด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

“ ถวา—- ”

“ ไม่จำเป็น ”

ครั้งนี้ไม่ใช่ ‘ไม่ต้องมากพิธี’ หรือ ‘ลุกขึ้น’ แต่เป็น ‘ไม่จำเป็น’

ดรุณีหยกนิ่งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ กลับมายืนตรงอย่างเรียบร้อยต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท “ หม่อมฉันไม่ทราบว่าเป็นฝ่าบาทจึงได้กล่าววาจาล่วงเกิน.. ” การป้องกันตัวไม่ใช่เรื่องผิด ท่าจะผิดก็ควรผิดที่ฝ่ายรุกล้ำเรือนพักผู้อื่น ทว่าหากฝ่ายรุกล้ำนั้นเป็นคนสูงส่งยากจับต้องต่อให้กฏหมายไม่มีข้อยกเว้นในการสำเร็จโทษ แต่ก็ยังมีอำนาจที่อาจทำให้ตลอดชีวิตต้องอยู่อย่างหวาดระแวง โดยเฉพาะยิ่งคนที่นาง ‘เผอิญ’ กล่าวอย่างไม่รักษามารยาทนั้นเป็นถึงจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน

“ เป็นเจ้าที่ระแวดระวังในภัยร้าย เจิ้นไม่ถือสากับการกล่าวโดยไม่รู้ ”

ตำหนักเซวียนเต๋อเดิมทีมีการคุ้มครองที่เข้มงวดการมีผู้ที่สามารถผ่านการป้องกันมาได้ล้วนแต่ต้องเป็นยอดฝีมือ นางที่เป็นสตรีตัวคนเดียวกล้าออกปากด้วยตนเองก็นับว่าชวนให้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย แต่การมาของเขาครั้งนี้มีเหตุผลแฝงจึงอดไม่ได้ที่จะพาดพิงไปถึงคนผู้หนึ่งที่หาได้อยู่ร่วมบริเวณเดียวกันในขณะนี้ “ กังวลอันใด มีคนอยากช่วยเจ้า ด้วยความสามารถของเขา ย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าสิ้นใจโดยง่าย ”

มือหนาวางจอกชาลงพลางหลุบสายตามองขนมเฉียวกั่วบนโต๊ะก่อนจะหันกลับมามองผู้พำนักชั่วคราวในเรือนฉางชุน “ ดูแล้วเขาคงถูกชะตากับเจ้าไม่น้อย ” เนตรดอกท้อของเขาฉายแววพิจารณายามเมื่อวางมันไว้บนร่างนาง บ่ายวันนี้อยู่ ๆ ขันทีคนสนิทก็เร่งรุดมาขอลางานด้วยตนเองโดยไม่บอกว่ามีธุระเร่งด่วนชนิดใด หากหลิวเช่อไม่ทราบนิสัยของจางห่าวหมิงดีป่านนี้เขาคงถูกปิดหูปิดตาอยู่ในตำหนักเว่ยหยางไปแล้ว.. ฮั่นอู่ตี้เลี้ยงอสรพิษไว้ข้างตัว เขาย่อมต้องเปิดตาให้กว้าง ระแวดระวังให้มาก ดีที่มันซื่อสัตย์ต่อเขาอยู่เสมอ ทว่ายามนี้สัตว์ร้ายกลับเคลื่อนไหวแปลกไปเนื่องมาจากสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่ง ยามที่ได้ยินว่าจางกงกงรุดหน้าไปขอเข้าเฝ้า ‘ลู่เหม่ยเหริน’ ถึงตำหนักเซวียนเต๋อ ข่าวนี้ก็ค่อนข้างสร้างความแปลกใจให้เขามากทีเดียว

เหม่ยเหรินหยกขาวลอบกำมือแน่นใต้ชายแขนเสื้อ ดวงตาคู่งามจดจ้องอยู่กับชายที่แผ่รัศมีมังกรออกมาด้วยสายตาประหลาดใจ ฝ่าบาทเสด็จมาในเวลากลางค่ำกลางคืน มาถึงก็ไม่เปล่งเสียงบอกนางสักคำรอให้นางทราบด้วยตนเองจนลนลานถึงได้ดูพอพระทัย แต่ต่อมาแทนที่จะกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ‘มาทำไมเพื่ออะไร’ เขากลับพูดถึงบุคคลที่สามโดยไม่กล่าวชื่อ สตรีแซ่ลู่กลืนน้ำลายลงอย่างช้า ๆ หว่างคิ้วของนางย่นลงพร้อมเปล่งเสียงออกไปในแบบที่ไม่ดังแต่ก็ไม่ได้แผ่วเบา “ หม่อมฉันมิเข้าใจว่าฝ่าบาททรงประสงค์ให้หม่อมฉันตอบรับเช่นไรกันแน่ ”

“ เจ้าปรารถนาสิ่งใด ”

หนึ่งเนตรบุปผาประสานสบกับเนตรหงส์กระจ่างใส ต่างฝ่ายต่างมีเรื่องในใจที่ต้องการหาคำตอบ

แววตาของหยกน้อยแสดงความประหลาดใจจากคำถามก่อนจะเปลี่ยนเป็นครุ่นคิดภายใต้การเฝ้ามอง หลิวเช่อไม่เร่งเร้านางให้มากความ เขามองอยู่เงียบ ๆ ดูการเปลี่ยนแปลงบนดวงหน้าพิลาสล้ำอย่างละเอียดด้วยสายตาที่สามารถมองทะลุเข้าไปถึงเบื้องลึกในจิตใจ

“ …คำถามนี้กะทันหันเกินไป หม่อมฉันไม่อาจตอบสิ่งที่ปรารถนาได้ ”

แว่บหนึ่งแววตาของฮั่นอู่ตี้คล้ายจะทอประกายเหี้ยมเกรียมขึ้นมาจริง ๆ ราวกับคิดไว้แล้วว่านางจะต้องเป็นคนโลภเช่นสตรีที่เคยพบ ทว่าครู่ต่อมาสิ่งเหล่านั้นกลับเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อร่างบางก้าวเท้าเดินเข้ามา… นั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่คนละฟากกับตัวเขาและอธิบายต่อด้วยเสียงเนิบช้า

“ หากปรารถนานี้หมายถึงอยากได้ในสิ่งของ ยามนี้หม่อมฉันไร้ซึ่งสิ่งที่ปรารถนาจึงไม่สามารถตอบได้ ” เมื่อพูดจบ ริมฝีปากบางของคนงามเหยียดออกเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ชวนให้มอง ตลอดประโยคที่ผ่านมานางคล้ายว่าจะมองใบหน้าของคู่สนทนาแต่กลับไม่มองตากระทั่งแย้มยิ้มจึงได้หลุบตาลงมองสองมือของตนเอง “ ทว่าหม่อมฉันมีสิ่งที่ต้องการ สิ่งที่สำคัญยิ่ง สิ่งที่.. ขาดไม่ได้ ”

แม้แต่คนที่ดูไร้สีสันยังมีความต้องการ หลิวเช่อหรี่ตาลงเพื่อพิจารณาเขาหาใช่คนที่โปรดการฟังคำอ้อมค้อมยืดยาวดังนั้นหลายครั้งที่ผ่านมายามได้พบหน้าเหม่ยเหรินแซ่ลู่ผู้นี้ถึงได้ไม่ถูกจัดไว้ในหมวดที่เข้าตาหรือน่าจดจำหากไม่ใช่เพราะความงามราวเทพธิดา และตัวตนที่เป็นถึงน้องสาวของสหายเขา แต่เกรงว่าข้อหลังนี้.. โอรสสวรรค์ก็พึ่งจะได้มาทราบเอาในตอนที่วานให้จางกงกงนำข้อมูลของนางมารายงาน ดวงตาของผู้ครองรัศมีมังกรหม่นแสงลงทีละน้อย เห็นแก่ที่นางเป็นคนกันเองไปแล้วครึ่งขา หากความต้องการของนางเป็นสิ่งที่ให้ได้เขาก็ยินดีประทานให้และนับจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวกันให้วุ่นวาย

แต่ไม่ทันได้สรุปความคิดตัวเองให้เข้าที่ สนมแซ่ลู่กลับกล่าวออกมาว่า “ ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องการมีชีวิตอยู่เพคะ ”

ชั่วพริบตานั้นยาวนานราวกับใช้เวลาตลอดทั้งปีอยู่เพื่อจ้องมองพระพักตร์ที่นิ่งงันของเขา เนตรดอกท้อของมังกรติดตรึงอยู่กับรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าหวานล้ำ

“ หม่อมฉันเป็นธิดาคหบดีตลอดชีวิตอยู่บนกองเงินกองทอง ปรารถนาสิ่งใดก็ได้มาไม่มีขาด เดิมทีหม่อมฉันเพียงต้องการใช้ชั่วชีวิตดำเนินไปเช่นนั้น ไม่แต่งงานก็ดี ขาดคนที่รักก็ช่าง หม่อมฉันมีพี่ชาย มีครอบครัว มีคนงาน มีกิจการที่ยินดีหนุนหลัง ” ราวกับสนทนาถึงดินฟ้าอากาศ น้ำเสียงของลู่เหม่ยเหรินสงบนิ่งน่าฟังทั้งยังมีจังหวะอ้อยอิ่งเฉพาะตัวที่ไม่ทำให้รู้สึกขัดใจในตอนที่ฟัง “ กระทั่งตอนเดินทางมาฉางอันหม่อมฉันก็ยังคิดเช่นนั้น แต่แล้วความเป็นจริงกลับสอนให้หม่อมฉันได้รู้ ”

“ วังหลวงอันตรายนัก ”

เพราะชีวิตนี้เกิดมาในวังหลวงพร้อมสรรพด้วยอำนาจ หลิวเช่อจึงไม่อาจเข้าใจความลำบากในการต้องปรับตัว ถึงกระนั้นเขาก็ทราบดีว่า ‘วังหลวงอันตรายนัก’ ของนางนั้นหมายความว่าอย่างไร

“ ผู้อื่นเข้ามา สามารถพกชื่อเสียงวงศ์ตระกูลมาเป็นเกราะกำบัง หม่อมฉันเข้ามา กลับไม่สามารถพกสิ่งใดไว้เป็นเกราะบังภัยได้เลย ”

“ ฝ่าบาทอย่าได้เข้าใจผิด หม่อมฉันหาได้ตัดพ้อหรือดูหมิ่นในชาติกำเนิดของตนเอง เพียงแต่ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริง ” คนงามแซ่ลู่อธิบายช้า ๆ นางสูดหายใจเข้าพลางผินหน้ามองไปทางหน้าต่าง “ จากนี้วาจาของหม่อมฉันอาจไม่น่าฟัง มิทราบว่าฝ่าบาท.. ”

“ พูดมา ”

ในเมื่อคนฟังอนุญาตแล้วนักพูดที่กักเก็บความเห็นในใจมาเนิ่นนานก็ค่อย ๆ ถ่ายทอดความในใจออกมา “ ทีแรกหม่อมฉันหาได้ดูแคลนตัวเองถึงเพียงนี้ อย่างไรเสียนอกจากชาติตระกูลแล้ว สตรีในวังล้วนต้องวัดกันที่ความสามารถ แต่สายตาของผู้คนนั้นกล่าวได้ว่าคับแคบยิ่งนัก เพียงแค่หม่อมฉันหน้าตาโดดเด่นกว่าผู้อื่น ความสามารถที่เพียรพยายามฝึกฝนมาก็กลายเป็นไร้ค่าขึ้นทันตาเห็น จิ้งจอกแพศยาที่ใช้หน้าตาไต่เต้าขึ้นมา.. ใช่ว่าหม่อมฉันไม่รู้ว่าพวกเขาพูดถึงหม่อมฉันเช่นนี้ ”

คล้ายว่าคำพูดนี้จะไม่ถูกต้องหลิวเช่อขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกล่าวว่าวาจาต่อจากนั้นอาจไม่น่าฟังเดิมทีตนยังคิดว่าอีกฝ่ายจะกล่าวอะไรที่จาบจ้วงเบื้องบน แต่ยามนี้โอรสสวรรค์กลับต้องมานั่งฟังเรื่องทุกข์ในใจของสตรี สิ่งนี้.. จัดว่าไม่ถูกต้อง “ คำพูดไร้สาระไหนเลยต้องใส่ใจ สิ่งที่เจ้าต้องการกล่าวต่อหน้าเจิ้นคือเรื่องไร้สาระพรรค์นี้รึ ”

“ คำพูดเหล่านี้จะไร้สาระหรือไม่ แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับฝ่าบาทเพคะ ”

เหมือนกับปล่อยให้เขามั่นใจเสียเต็มประดาและฟาดลงมาด้วยไม้หน้าสามให้เขาต้องถอยกลับไปที่เดิม หว่างคิ้วที่ไม่ทันคลายของฮั่นอู่ตี้กลับกลายมาเป็นขมวดยิ่งกว่าเดิม สายตาของเขามองที่นางราวกับว่า ‘เจ้าพูดบ้าอะไร’ แทนที่นางจะกลัว ลู่ไป๋หรั่นหัวเราะเบา ๆ นางดูคล้ายคนที่ไม่แยแสต่อรอบกายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความอ่อนใจ “ จะมีความสามารถไปเพื่อใคร ทุ่มเทแต่งเติมตัวตนให้งดงามไปทำไม เหยียบย่ำผู้อื่นด้วยเหตุใด ฝ่าบาท.. คลื่นลมในวังหลวงนี้จะเคลื่อนไปทิศใดทางไหน ย่อมขึ้นอยู่กับท่านทั้งนั้น ”

“ ทว่าฮั่นอู่ตี้ไม่โปรดปรานสตรี สนใจเพียงประชาราษฎร์และบ้านเมือง เช่นนี้วังหลังจึงคล้ายว่าสงบสุขไร้การแข่งขัน .. แต่นั่นก็แค่คล้าย สาวงามเหล่านี้ขี้ระแวงนัก ใครงามกว่า ใครโดดเด่นกว่า ใครเก่งกล้ากว่า พวกนางล้วนพร้อมใจกันดึงลงมา ” ปลายนิ้วชี้สองข้างเกี่ยวกันไปมาบนตัก นงคราญหยกเรียบเรียงความคิดไปทีละน้อย จู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองมีหนึ่งคำถามที่อยากได้รับคำตอบจากคนรอบตัว

“ มาถึงตรงนี้หม่อมฉันต้องการถามฝ่าบาท ”

“ หม่อมฉันผิดอะไรเพคะ ”

เป็นอีกครั้งที่ดวงตาสองคู่สบกัน ครั้งนี้หลิวเช่อมองเห็นความสั่นไหวในแววตานางผิดกับนางที่ไม่เห็นสิ่งใดเลยในสายตาเขา “ การที่หม่อมฉันเป็นบุตรสาวคหบดี ง่ายนักต่อการถูกหลอกใช้ ขอเพียงหม่อมฉันเป็นใหญ่ได้รอบกายก็ไร้คนที่จะมาแย่งผลประโยชน์ไปจากเหล่าขุนนางที่สนับสนุนหม่อมฉัน เพราะหม่อมฉันหาใช่ญาติมิตรของคนใน แต่เป็นคนนอกที่ถ้าก้าวพลาดหายไปขึ้นมาก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร หรือถ้าประสบความสำเร็จก็นับว่าโชคดี ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นความผิดของหม่อมฉัน? ”

“ เหตุใดพระองค์จึงไม่ถามเขาที่ท่านกล่าวถึง เหตุใดท่านถึงไม่ถามต่อคนที่จงใจสร้างเรื่องใหญ่เรื่องโตถึงเพียงนี้ แต่กลับมาถามหม่อมฉันว่า ‘ปรารถนาสิ่งใด’ จนถึงตอนนี้แล้วความปรารถนาของหม่อมฉันยังสำคัญอยู่อีกหรือเพคะ? ” ยิ่งกล่าวก็ยิ่งเนิบช้า ลู่ไป๋หรั่นเคยชินกับการควบคุมตัวเองฉะนั้นท่าทางที่นางแสดงออกกับเนื้อหาที่นางพูดจึงสวนกันไปคนละทางสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ฟังยิ่งนัก “ หม่อมฉันไม่สนใจความก้าวหน้า ในวังหลังนี้.. ต่อให้ต้องอยู่เรือนเมิ่งเหยาไปอีกสักห้าหรือสิบปี นั่นก็หาใช่ปัญหา อีกอย่างหม่อมฉันไม่ได้ต้องการความโปรดปราน เบื้องหน้าฝ่าบาทไม่ว่าหม่อมฉันจะกระทำสิ่งใด ย่อมเป็นหนึ่งในตัวตนของหม่อมฉัน หาใช่ความพยายามเพื่อเรียกร้องความสนใจ ”

ดูเอาจากใบหน้าที่สงบนิ่งของเขา ดูแล้วคงจะมีคนมากมายเคยพูดกับเขาเช่นนี้ “ ฝ่าบาทจะทรงเชื่อหรือไม่นั้นไม่สำคัญ.. ไม่สิ จริง ๆ ก็เหมือนจะสำคัญอยู่ ท่าทางที่ยืดอกกล่าวอย่างมั่นใจเมื่อครู่เลือนหายไปพร้อมการยกมือขึ้นลูบปลายคาง หลิวเช่อที่เห็นเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางพูดจาฉะฉานแววตาซื่อตรงต่อหน้าเขาได้อย่างไม่เกรงกลัว ยามนี้มีท่าทางลังเลขึ้นมาก็จัดว่าแปลกตาอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“ หม่อมฉันกล่าวอย่างไรก็คงไม่เท่าปฏิบัติให้ชัดเจน ฝ่าบาทวางพระทัยเถิดเพคะ ราชกิจและภาระบนบ่าฝ่าบาทนับว่ามากนัก เรื่องของหม่อมฉัน.. มิสมควรเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์ต้องครุ่นคิดด้วยตนเอง หม่อมฉันเป็นสนม หน้าที่ของสนมหากมิใช่ว่าอยู่เพื่อสนับสนุน ก็เป็นอยู่เพื่อแบ่งเบา หากไป๋หรั่นไร้ความสามารถไม่อาจทำได้ทั้งสอง ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันย่อมพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้แก่พระองค์ .. ส่วนการสนับสนุนของจางกงกง หากฝ่าบาทมองว่าไม่เหมาะสมก็แจ้งแก่เขาเถิดเพคะ อย่างไรหม่อมฉันก็เป็นสนม ไม่มีสิทธิ์สั่งการจงฉางซื่อที่ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิ ”

ฮั่นอู่ตี้พิศมองหญิงสาวที่ก้มศีรษะลงคล้ายมอบการตัดสินใจทั้งหมดไว้ในมือเขา นับว่าเป็นทางเลือกที่ฉลาดนัก นางวางเหตุผลทั้งหมดไว้บนมือเขา ผลักประตูที่เขาไม่เคยเผชิญบานแล้วบานเล่าให้เปิดออกเป็นเส้นทางที่สามารถไปได้ ประโยคของนางเป็นทั้งการเล่าเรื่องยืดยาวให้น่าฟังแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการชี้ทางให้เขาเห็น หลิวเช่อนึกย้อนไปในครั้งที่เคยรับการปรนนิบัติของนางในตำหนักเว่ยหยาง หากจำไม่ผิดเขาเคยเปรียบว่านางเป็นดั่งก้อนสีขาวก้อนหนึ่งที่สามารถเลี้ยงไว้คลึงเล่นในมือได้ ยามนั้นเขานึกไม่ออกว่า ‘ก้อนขาว’ นั้นคืออะไร แต่ยามนี้เขานึกออกแล้ว

เสมือนหยกอุ่นเร้นลับที่เปิดผิวเปล่งประกายแต่ก็ยังไม่ได้เจียระไนขึ้นรูปเป็นสิ่งสวยงามเลิศล้ำถึงขนาดที่มีค่าควรเมือง หากใช้เวลาอบรมกว่านี้ ผ่านร้อนผ่านหนาวจนสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ก็คงเป็นคนที่ควรค่าแก่การสนทนาด้วยไม่น้อย

“ ที่เจ้าต้องการอธิบาย เจิ้นรู้แล้ว สิ่งที่เจ้าต้องการพูด เจิ้นก็ฟังแล้ว ”

ยังแข็งกระด้างเหมือนเคย .. เหม่ยเหรินหยกขาวเงยหน้าขึ้นช้า ๆ พลางช้อนตาขึ้นมองใบหน้าคมคายของโอรสสวรรค์แห่งต้าฮั่นด้วยสายตาที่สงบขึ้นหลายระดับ ไป๋หรั่นไม่รีบร้อนพูด หรือรีบร้อนแสดงออก นางรออยู่เงียบ ๆ เคียงข้างชายที่หลุบตาลงอย่างไม่สนใจสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเสียงฟ้าฝน ระหว่างที่รอนางก็คาดคิดไปต่าง ๆ นา ๆ บางทีพระองค์อาจจะไม่ปลื้มในสิ่งที่นางพูด ชิงชังในสิ่งที่นางกล่าว มองว่านางโง่เง่าหรือไม่ก็น่ารำคาญ.. ก็จริง ไม่เคยมีใครบอกว่านางฉลาด ทั้งยังไม่มีใครกล่าวตรง ๆ ว่านางน่ารำคาญหรือไม่กันแน่

“ ใช้ชีวิตของเจ้าให้ดี ”

อาศัยคำนี้ของฮั่นอู่ตี้แค่คำเดียวก็ทำให้ลู่เหม่ยเหรินตะลึงจนลืมหายใจไปได้แล้วจริง ๆ ไป๋หรั่นกะพริบตาปริบ ส่วนโอรสสวรรค์ที่เหมือนจะได้คำตอบที่ต้องการแล้วก็ลุกขึ้นยืนพลางจัดสาบเสื้อเล็กน้อย “ เซวียนเต๋อมีเพียงเสด็จแม่ นาน ๆ ทีถึงจะมีคนมาเยี่ยมเยียน เจ้าอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเสด็จแม่ก็ดูแลนางให้ดี อย่าได้สร้างปัญหา ” ไม่รู้ว่ามังกรหนุ่มคิดสิ่งใดออกถึงได้ฝากฝังให้นางเป็นเพื่อนคลายเหงาให้กับมารดาของตัวเอง หลิวเช่อหันกลับไปมองร่างอรชรที่นั่งตรงอยู่เช่นนั้นเป็นครั้งสุดท้าย

“ คืนนี้หาได้มีแขกมาเยือนเรือนฉางชุนในตำหนักเซวียนเต๋อ ”

เสียงโทนต่ำที่เย็นเฉียบเทียบได้กับสายฝนปลุกให้นางรู้ตัวขึ้นอีกครั้ง

“ คืนนี้ไม่มีผู้ใดมาที่นี่ทั้งนั้น ”

รับสั่งของโอรสสวรรค์ไหนเลยจะขัดขืนได้ พริบตาเดียวเรือนฉางชุนที่เคยมีถึงสองคนก็กลับกลายมาเป็นหนึ่งอีกครั้ง หยกงามนวลตาเงยหน้ามองเส้นขอบฟ้าเพียงลำพัง ชั่วพริบตาที่หยาดฝนกระทบถูกใบไม้ ก็คล้ายว่าต้องถูกผิวกายของนางไปโดยไม่รู้ตัว



รวมค่าความสัมพันธ์

[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ +20 ความสัมพันธ์โบนัสหัวดี
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ +15 ความสัมพันธ์มอบชาเกรดน้ำเงิน (ชงเอง)
[NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ +20 ความสัมพันธ์มอบอาหารเกรดม่วง (ทำเอง)

ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์หัวใจหวงตี้หรือไท่โฮ่วเพิ่มขึ้น 1 ดวง +50 บารมี






แสดงความคิดเห็น

Y = ตอบรับอีเว้นท์วันพรุ่งนี้ | N = ไม่ตอบรับอีเว้นท์วันพรุ่งนี้ แจ้งส่วนตัว  โพสต์ 2024-7-24 22:20
หลังโรลเพลย์วันที่ 5 ของการสืบสวนแล้วให้แจ้งเตือนแอดมินอีกครั้ง เพื่อรับเรื่องราวปลดล๋็อกหัวใจ 2 ดวง หากประสงค์จะรับ ยื่นแบบฟอร์มในวันที่ 5 พร้อมโรลเพลย์วันที่ 5  โพสต์ 2024-7-24 22:19
+50 ความโปรดปรานพิเศษจากหวงตี้พึงพอใจในตัวคุณเพิ่มขึ้นอย่างมาก  โพสต์ 2024-7-24 22:17
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-01] ฮั่นอู่ตี้ เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-7-24 22:17
โพสต์ 51801 ไบต์และได้รับ 30 EXP!  โพสต์ 2024-7-24 21:44

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังปราณ +50 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-25 22:01:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ข่าวเท็จเหมือนอย่างเคย
วันที่ 25 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาหกนาฬิกายี่สิบนาทีเป็นต้นไป


วันนี้นับเป็นวันที่สามแล้ว

หลังจากเหตุที่ทำให้นางต้องมาอาศัยบารมีเรือนฉางชุนในตำหนักเซวียนเต๋อเพื่อซุกหัวนอน ในที่สุดก็ดำเนินมาถึงวันที่สาม วันนี้ลู่เหม่ยเหรินยังคงตื่นแต่เช้าและใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในเขตเรือนพร้อมกับทำกิจวัตรซ้ำไปซ้ำมา ไป๋หรั่นมักจะเริ่มต้นวันด้วยการหยิบชุดจอกชาที่ทำจากกระเบื้องออกมาเช็ดไปเรื่อย ๆ จนขึ้นเงา วันนี้เองก็เช่นกัน นงคราญหยกนั่งอยู่บนตั่งไม้พร้อมใช้ศอกเท้าไว้กับที่พักแขน ส่วนมือทั้งสอง ข้างหนึ่งก็ถือจอกกระเบื้อง อีกข้างก็ถือผ้าขัดเงาดูเรียบง่ายสงบเสงี่ยมโดยมีนางกำนัลทั้งหลายยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ห่าง ๆ พลางสนทนาบอกเล่าความเป็นไปของภายนอกให้นางฟังด้วยความยินดี

“ ช่วงนี้มีข่าวลือใดน่าสนใจบ้างหรือไม่ ” เหม่ยเหรินหยกขาวกล่าวถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากของในมือ

“ มีเจ้าค่ะ ! หลังจากข่าวลือที่ว่าฉางซานเซียนหวางเป็นเบื้องหลังการชุมนุมปราชญ์ก็มีข่าวลือจากเหล่าบัณฑิตขงจื๊อออกมาอีกแล้ว.. ครั้งนี้พวกเขาร่วมกันกระจายข่าวของสตรีป่าเถื่อนอำมหิตผู้หนึ่งว่าไล่ทำร้ายบัณฑิตมากมายในโรงเตี๊ยมชางลั่งถิงจนบาดเจ็บสาหัสกันไปหลายคน ” นางกำนัลตากลมโตผู้หนึ่งกล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้น ถึงข่าวลือที่กำลังเล่าจะค่อนข้างรุนแรงแต่ก็คงต้องขอบคุณน้ำเสียงเล็ก ๆ กับท่าทางสดใสของอีกฝ่ายที่ช่วยลดหลั่นความน่าหวาดกลัวของข่าวลงไปมาก “ อ้อ เห็นว่ามีผู้ถูกทำร้ายลุกขึ้นมาแสดงบาดแผลต่อหน้าสาธารณะชนด้วยเจ้าค่ะ ไม่รู้เป็นบุตรสาวบ้านใดถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมนัก ”

เดิมทีนางกำนัลในเรือนฉางชุนต่างก็ไม่มีใครเชื่อข่าวลือไร้สาระเช่นนี้ แต่พอคนเล่าบอกว่ามีหลักฐานทั่วทั้งห้องก็เงียบกริบจนผู้เป็นสนมถึงกับยอมละสายตาจากจอกชาขึ้นมาชำเลืองมองคนรอบตัว “ อย่าพึ่งเชื่อไป ข่าวลือเกี่ยวกับสตรีที่ออกจากปากบัณฑิตขงจื๊อ.. กว่าครึ่งล้วนเชื่อไม่ได้ ” คนงามแย้มยิ้มอย่างพอดีนางพูดแก้สถานการณ์หนนี้ในที่สุดคนรอบตัวก็เริ่มหายใจหายคอกันได้คล่องขึ้นบ้างแล้ว

“ แล้วมีอะไรอีก ”

“ เมื่อไม่นานมานี้พึ่งจะมีการทะเลาะวิวาทของเหม่ยเหรินเกิดขึ้นอีก.. บัณฑิตขงจื๊อก็เลยออกมาพูดอีกแล้วเจ้าค่ะ ” ครั้งนี้เป็นสาวใช้หน้าตาเหมือนเต้าหู้ต้ม ขาว ๆ เนียน ๆ ดูเรียบร้อยเพลินตาไปเสียทุกส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งเสียงด้วยก็ตาม “ เห็นว่าครั้งนี้เป็นเหตุวิวาทที่เป็น 3 คนรุม 1 คน บัณฑิตขงจื๊อเลยอ้างขึ้นมาว่าหากแผ่นดินใช้หลักการของขงจื๊อนำพาย่อมไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ แล้วก็.. ”

“ ปัญหาของสตรีไหนเลยจะสามารถแก้ได้ด้วยการเปลี่ยนให้บุรุษยึดในหลักการขงจื๊อ น่าสงสัยนักว่าพวกเขาที่พูดมาสามารถจัดการเรื่องในบ้านได้ดีสักเท่าไหนเชียว ” วาจานี้ของเหม่ยเหรินแซ่ลู่ทำเอาเหล่านางกำนัลรอบกายก้มลงกลั้นหัวเราะกันไปทั้งแถบ ไป๋หรั่นสัมผัสได้ว่าเนื้อความคงมีมากกว่านี้ ทว่าฝ่ายที่บอกเล่ากลับไม่กล้าพูดออกมา ดังนั้นจึงตัดสินใจช่วยคลายบรรยากาศตึงเครียดลงและค่อย ๆ ตะล่อมอย่างมีชั้นเชิง “ อย่ากังวลนักเลย คำพูดของพวกเขา เฉี้ยเซินไม่ถือสา ”

นางกำนัลน้อยลอบมองนางด้วยความตื้นตันก่อนจะกลั้นใจกล่าวความที่เหลือออกมา “ พวกเขากล่าวว่า.. มีรอบลู่เหม่ยเหรินเป็นตัวอย่างแล้ว เหตุใดฝ่าบาทถึงยังปิดหูปิดตาไม่เปลี่ยนศาสนาประจำชาติอีกเจ้าค่ะ ”

เนื้อความเต็มของข่าวลือนี้ทำให้นางฉงนใจเป็นอย่างมาก มือขาวที่ถือผ้าขัดเงายกขึ้นใช้ปลายนิ้วชี้ตัวเองก่อนจะถามออกมาเบา ๆ “ มีรอบข้าเป็นตัวอย่าง? ”

“ เจ้าค่ะ ”

“ … ”

เหม่ยเหรินหยกขาวกะพริบตาปริบ ไป๋หรั่นนิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ในเวลาต่อมา “ ประเสริฐนัก ข่าวลือเกี่ยวกับการวิวาทไม่มีชื่อเสียงเรียงนามของผู้เริ่ม หรือผู้เสียหายสักคำ แต่กลับมีชื่อข้าที่ไม่แม้แต่จะรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานั้นเลยด้วยซ้ำ… ” คนงามที่ถูกพาดพิงในข่าวลือกล่าวอย่างปลอดโปร่งนัก ผิดกับคนฟังที่ลอบเย็นวาบไปทั่วทั้งหลัง

“ ข้าไม่ได้ถือสา ”

คนรอบตัวเหมือนกับมองว่านางเป็นแผ่นหยกบางแตะนิดแตะหน่อยก็แตกแต่เกรงว่าความเป็นจริงจะไม่ใช่เช่นนั้น “ ข้าเพียงประหลาดใจในความสามารถด้านการเชื่อมโยงของพวกเขา ดูแล้วเฉี้ยเซินคงจะเป็นที่รักยิ่งในหมู่บัณฑิตขงจื๊อจริง ๆ ” นับว่าโชคดีนักที่นางไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น .. เจ้าพวกบัณฑิตขงจื๊อนี่เกรงว่าจะสร้างเรื่องไว้ไม่น้อย แต่เอาเถิด ข่าวลือไร้มูลสารเหล่านี้ต่อให้ผ่านมาสุดท้ายก็ต้องผ่านไป ไป๋หรั่นส่ายหัวเบา ๆ ด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะปัดมือไปมาเป็นสัญญาณให้เหล่านางกำนัลสนทนากันต่อได้ตามปกติ

“ ข่าวลือต่อจากนี้เกี่ยวพันกับเจี๋ยยวี๋ที่เคยอยู่ร่วมเรือนกับลู่เหม่ยเหรินด้วยล่ะเจ้าค่ะ ” ไม่รู้พวกนางไปตกลงกันอย่างไร หลังจากใช้เวลาหันไปซุบซิบกันพักใหญ่ในที่สุดก็ส่งแม่นางกำนัลน้อยหน้าตาสดใสที่มีเสียงเจื้อยแจ่วชวนให้นึกถึงนกแก้วเดินออกมาด้านหน้า

“ เจี๋ยยวี๋? ”

“ ใช่เจ้าค่ะ เว่ยเจียเจี๋ยยวี๋พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นเจี๋ยยวี๋เมื่อวานนี้เอง ”

“ ว้าย !!! ”

สิ้นคำบอกเล่าว่า ‘เจี๋ยยวี๋’ ที่ว่านั้นคือใคร จอกกระเบื้องขาวลายครามในมือก็ร่วงหล่น

เสียงหวีดร้องของเหล่านางกำนัลปลุกให้เหม่ยเหรินเจ้าของจอกรู้ตัว ดีที่นางมือไวสัญชาตญาณเร็ว สุดท้ายก็สามารถใช้มือคว้ารับจอกไว้ได้ทันก่อนที่มันจะกระแทกพื้นท่ามกลางความตกอกตกใจของทุกคน

“ พระสนม.. ”

หลายคนเชื่อไปแล้วว่าการที่นางตกอกตกใจขนาดนี้ย่อมเป็นเพราะเพื่อนร่วมเรือนแทงข้างหลังด้วยการเข้าหาฝ่าบาทและได้รับการเลื่อนขั้นก่อนหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าลึกลงในหัวใจของเหม่ยเหรินหยกขาวกลับเป็นความรู้สึกเวทนาปนสงสารผสานสับสนอีกเล็กน้อย ‘เสี่ยวเหลียนฮวาเลิกสนใจฉางซานเซียนหวางตั้งแต่เมื่อไหร่.. เจี๋ยยวี๋? นับว่าก้าวหน้าไวนัก’

“ เว่ยเจียเหม่ยเหริน—-.. ไม่สิ เว่ยเจียเจี๋ยยวี๋.. ต่อให้ข้าได้กลับเรือนเมิ่งเหยาก็คงไม่ทันร่วมแสดงความยินดี พวกเจ้าว่าส่งของขวัญแสดงความยินดีล่าช้าไปสักหลายวันคงไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? ”

นางกำนัลรอบกายที่ฟังอยู่แทบจะอยากกัดผ้าเช็ดหน้ากันตรงนั้น ‘ ลู่เหม่ยเหรินหากว่าท่านไม่ยินดีก็อย่าฝืนใจเลยเจ้าค่ะ ! ’ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางกำนัลเรือนฉางชุนกลายมาเป็นลูกหาบสนับสนุน จากที่คิดจะเก็บเงียบข่าวอื่น ๆ ก็กลายมาเป็นไฟลุกโชนคิดอยากกระตุ้นสัญชาตญาณการเอาชนะของเหล่าหญิงงาม

“ ยังมีอีกเจ้าค่ะ ”

“ ก่อนหน้าจะมีราชโองการแต่งตั้งเจี๋ยยวี๋ก็มีผู้พบเห็นว่าทั้งคู่ไม่รู้ว่าไปที่ใดหรือกระทำสิ่งไหนมาถึงได้ดูอ่อนล้ายิ่ง ถึงกระนั้นแล้วแทนที่ฝ่าบาทจะตัดรอนไม่สนใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนเห็นว่าฝ่าบาททรงประคองเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋เข้าเรือนเมิ่งเหยาด้วยตัวพระองค์ด้วยท่าทางทะนุถนอมอย่างมาก ! ”

“ การประกาศผลพลิกป้ายครั้งล่าสุด ฝ่าบาทก็ทรงพลิกป้ายเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋ด้วยเจ้าค่ะ ”

เขาถนอมสตรีเป็นด้วย..?

นงคราญหยกหลุบตาลงต่ำเพื่อครุ่นคิดความเป็นไปได้ของข่าวลือ ไป๋หรั่นคิดว่าตัวเองรู้จักทั้งสองฝ่ายมากประมาณหนึ่ง เหลียนฮวาที่อยู่กันมาหลายปีกับชายที่แสดงตนชัดอย่างยิ่งว่าไม่สนใจสตรี… รักใคร่ทะนุถนอมคำนี้เห็นทีจะเป็นไปได้ยากสำหรับพวกเขา

“ พอแล้ว ๆ ข่าวลือแบบนั้นฟังไปก็บั่นทอนใจ พระสนมลองฝั่งข่าวลือจากบ่าวดีกว่าเจ้าค่ะ เห็นว่าช่วงนี้มีจอมยุทธ์ชุดขาวออกตระเวนช่วยเหลือผู้คนคอยปราบมารปีศาจ และล่าสุดก็ได้ไปให้ความช่วยเหลือผู้คุ้มกันสินคาถึงสองคน ช่วงนี้คุณหนูหลายบ้านที่ยังไม่ได้ออกเรือนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากแต่งกับเขาหรือไม่ก็หาสามีเช่นนี้ เพราะได้ยินว่าบางทีจอมยุทธ์ชุดขาวอาจเป็นหนึ่งในผู้ใช้ปราณที่หาได้ยากยิ่งเจ้าค่ะ ”

“ ไม่ได้ยินเรื่องผู้ใช้ปราณมานาน.. นับว่าดีจริง ๆ ที่มีคนเช่นนี้คอยใช้ความสามารถช่วยเหลือผู้อื่น ” หญิงงามเก็บชุดชงชาเข้ากล่องไม้ลายฝูหรงก่อนจะอุ้มมันวางบนตักพลางเท้าคางฟังข่าวต่อ ๆ ไป.. ดูเหมือนล่าสุดนี้ข่าวที่รุนแรงแซงใครเพื่อนจะเป็นเรื่องราวของสกุลตวนมู่ที่ห่างหายจากการพูดถึงมานาน กล่าวถึงภัยร้ายคืบคลานที่ตระกูลวีรบุรุษอาจจะกระหายอำนาจจนคิดไม่ซื่อต่อแผ่นดินจนไป๋หรั่นอดคิดไม่ได้ว่าข่าวลือช่วงนี้นับว่ามีแต่เรื่องไร้สาระ

โดยหารู้ไม่เลยว่าปัจจุบันนามของนางก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับข่าวลือที่ไร้สาระอย่างมากอยู่เช่นกัน

“ ลู่เหม่ยเหริน ๆๆ ด้านหน้าเรือนฉางชุนเกิดเรื่องแล้วเพคะ ! ”



ตำหนักเซวียนเต๋อมีคนมาก การจะควบคุมปากและความคิดคนทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายยกตัวอย่างเช่นในเวลานี้ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์พันปีหลวงที่มีสองร่างนางกำนัลกำลังหมอบกราบอยู่กับพื้นด้วยสภาพสีหน้ามึนงงพร้อมกับริมฝีปากที่แตกจนเลือดซิบ “ ก่อนหน้านี้พวกเจ้ากล่าวอันใดออกมา ” ถงกู่กู่เค้นถามเสียงเข้มพลางถลึงตาจ้องหน้านางกำนัลไม่รู้ความทั้งสองที่ไม่ตระหนักแม้แต่น้อยว่าพึ่งจะกระทำสิ่งใดผิดพลาดไป

“ พวกบ่าว.. พวกบ่าวก็แค่กล่าวกันตามที่ได้ยิน เมื่อคืนมีชายลึกลับมาหาลู่เหม่ยเหรินจริง ๆ เพคะ ต้องเป็นนางแซ่ลู่ผู้นั้นคบชู้แน่ ไท่โฮ่วจะถูกนางหลอกมิได้ ”

“ รั่วหลัน ”

จบคำของนางหงส์ก็ตามมาด้วยเสียงตบเคล้าน้ำตาของนางกำนัลปากกล้าที่ยังไม่รู้ตัวว่าเผลอกล่าวล่วงเกินใครไป

“ เรื่องของนายใช่สิ่งที่พวกเจ้าบ่าวไพร่จะสามารถนำมาพูดโดยไม่รู้จริงเท็จรึ ! เมื่อคืนวานไม่มีผู้ใดมาที่เซวียนเต๋อทั้งนั้น เจ้ากล่าวเช่นนี้เป็นการให้ร้ายทั้งลู่เหม่ยเหรินและอ้ายเจี้ยว่าไม่สามารถวางกำลังคนให้ดีพอถึงขนาดมีผู้ที่สามารถลอบมาพบผู้ต้องสงสัยได้ ” สุรเสียงของไท่โฮ่วก้องกังวานทั่วบริเวณ สองนางกำนัลที่พูดจากันสนุกปากก่อนหน้านี้ได้แต่นั่งคุกเข่าตัวสั่นระริก

“ ไท่โฮ่ว.. ”

“ หืม เสียงดังไปถึงข้างในแล้วหรือ ” ผู้ที่เรียกนางเสียงแผ่วนั้นคือเด็กสาวรุ่นราวคราวลูกที่ย่ำเท้าออกมาจากเรือนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกผิดกับต้นเรื่องที่เฝ้ามองเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น หญิงวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงินดูเคร่งขรึมหันกลับมามองเหม่ยเหรินหยกขาวพร้อมด้วยรอยยิ้มเบาบาง “ ลู่เหม่ยเหริน สองคนนี้พูดพร่ำไม่รู้ขอบเขตเกี่ยวกับเจ้า เจ้าคิดจะลงโทษอย่างไร ”

“ มิทราบว่าทั้งสอง.. ”

“ เจ้า เจ้าคบชู้ใช่หรือไม่ !! เมื่อคืนวานมีบุรุษมาหาเจ้าทั้งที่ฝนตกหนัก หากเป็นคนปกติคงไม่มาต้องเป็นเจ้าแอบนัดลอบพบยามค่ำคืนเพื่อเริงสวาทแน่ !! ” มีคนเสียสติหนึ่งอัตราตวาดลั่นขึ้นอย่างเหลืออด อย่างกับคนเขลาที่ต่อให้ยืนอยู่ต่อหน้าความจริงก็ไม่ยินดีที่จะยอมรับจึงได้โพนทะนาเรื่อยเปื่อยอย่างไร้หลักการ

“ บังอาจ !!! ”

“ พระองค์อย่าทรงกริ้วเลยเพคะ ” รอบข้างล้วนพร้อมใจกันคุกเข่าลงอย่างรวดเร็วเพื่อขอความเมตตาให้กับชีวิตน้อย ๆ หนึ่งชีวิตที่คาดว่าคงไม่สนใจเป็นตายร้ายดีแล้ว ฝ่ายนางหงส์ที่ใช้ชีวิตในรั้ววังมานานหันกลับไปประคองเหม่ยเหรินแซ่ลู่ให้ลุกขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก “ วรกายของพระองค์สำคัญยิ่งกว่า หากทรงกริ้วต่อไปอาจทำให้สุขภาพทรุดโทรมลงได้ ไป๋หรั่นมีสิ่งที่อยากกล่าวกับนางอีกสักสองสามประโยค หวังว่าไท่โฮ่วจะทรงอนุญาต ”

“ ตามใจเจ้าเถิด ”

ไป๋หรั่นประคองส่งแขนของไท่โฮ่วไปให้ถงกู่กู่รับช่วงต่ออย่างราบรื่นก่อนจะหันกลับไปมองคนที่กล่าวหานางเสีย ๆ หาย ๆ “ เจ้ามีหลักฐานถึงสิ่งที่พูดหรือไม่? ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้าเลยสักนิด คล้ายว่าจะไม่เคยพบกันมาก่อน ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่ใช่นางกำนัลเรือนฉางชุน แล้วเหตุใดดึกดื่นค่ำคืนถึงได้กล้ายืนยันเสียงหนักเสียงแข็งว่าพบเห็น ‘ชาย’ ลักลอบมาพบข้า? เจ้าเห็นกับตา? ไม่สิ กลางดึกเช่นนั้นตื่นมาทำอะไรไกลถึงเรือนฉางชุนเล่า ไม่ใช่ว่าที่พักนางกำนัลอยู่อีกฟากหรอกหรือ ” เสียงนุ่มไล่เรียงคำถามไปทีละส่วนพร้อมกับชักนำคนรอบตัวให้คล้อยตามในคำนาง ไม่เว้นแม้แต่ไท่โฮ่วที่ยืนฟังอยู่ยังนึกชื่นชมในไหวพริบของเด็กสาว

เพราะหากนางไม่ได้สนทนากับเขาเมื่อเช้านี้ ก็คงคาดไม่ถึงเช่นกันว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง

ย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วยามก่อน

“ เสด็จแม่ ”

“ อะไรกัน.. ร้อนวันพันปีไม่เคยรั้งตัวข้าไว้ วันนี้มิทราบฝ่าบาทมีพระประสงค์ใดถึงได้เอ่ยรั้งอ้ายเจี้ย ”

“ มีเรื่องที่ลูกต้องเรียนให้ท่านทราบ ” ฮั่นอู่ตี้หลิวเช่อปรากฏตัวขึ้นที่วังในด้วยฉลองพระองค์สีเข้มดำขลับเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา วันนี้เป็นวันแรกที่มีการแต่งตั้งสนมขั้นเจี๋ยยวี๋ ฉะนั้นแล้วธรรมเนียมการคารวะนายหญิงใหญ่ของวังหลังจึงต้องเริ่มต้นขึ้นแม้ว่าผู้มาให้การคารวะจะมีแค่คนเดียวก็ตาม

“ เมื่อคืนวานลูกไปเยือนเรือนฉางชุน ”

พักตร์นางหงส์เผยประกายสับสน นางยังไม่ได้ถึงวัยแก่ชราถึงขนาดจำไม่ได้ว่าแต่ละวันที่ผ่านมาพบใครหรือไม่พบใคร ฉะนั้นนางย่อมมั่นใจว่าในช่วงนี้ยังไม่มีคำร้องขอเข้าพบหรือประกาศใดที่กล่าวอย่างเป็นทางการเลยแม้แต่น้อยว่าฝ่าบาทได้เสด็จมาเยือนพื้นที่ภายในเขตตำหนักเซวียนเต๋อ หรือว่า…

“ ลูกไปเพื่อพบลู่เหม่ยเหรินเพื่อสอบถามบางสิ่ง ทว่าด้วยสถานการณ์ไม่สะดวกต่อการเรียกนางหรือประกาศว่าไปเยือนด้วยตนเองจึงได้เข้าไปในยามวิกาล ”

ตายจริง… หวังจื้อลอบยกชายแขนเสื้อขึ้นป้องริมฝีปาก ด้านลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนอกจากจะไม่สะท้านแล้วยังอธิบายต้นสายปลายเหตุคร่าว ๆ จนนางกระจ่างอยู่สองสามเรื่อง หนึ่งคือหาได้มีเรื่องสัมพันธ์ชายหญิง สองคือบุตรชายมิต้องการให้ผู้ใดทราบ สามคือฝากนางให้คำแนะนำแก่ ‘นาง’ ให้ดี

ไท่โฮ่ว..

ไท่โฮ่ว….

“ เซียวจื่อไท่โฮ่วเพคะ ? ”

เสียงเรียกของสะใภ้น้อยปลุกให้นางได้สติอีกครั้ง หวังจื้อหลุบตาลงมองใบหน้าหวานที่ฉายความเป็นห่วงสลับกับถงกู่กู่ที่มองมาด้วยความสงสัย ก่อนจะกระแอมออกมาสองสามครั้ง “ ว่าอย่างไร ”

“ เป็นพวกนางยอมรับแล้วว่ากล่าวหาโดยไม่รู้ความจริง อย่างไรทำโทษก็นับว่าทำโทษไปแล้ว ปล่อยไปเท่านี้ดีหรือไม่เพคะ ? ”

ย่อมไม่ดี แม่สามีขมวดคิ้วขึ้นมาทันควัน “ ใจอ่อนเกินไป ยามนี้เจ้าเป็นเหม่ยเหริน มีสามีเป็นถึงเจ้าแผ่นดิน ชื่อเสียงเกียรติยศจะเล็กน้อยเพียงใดก็ไม่สมควรที่จะถูกผู้ใดมาดูหมิ่น ถงกู่กู่ ขับสองคนนี้ไปทำงานที่โรงซักล้าง นับจากนี้อย่าได้ก้าวหน้าขึ้นมาเป็นนางกำนัลตำหนักใดอีก ”

“ บ่าวผิดไปแล้วเพคะ ผิดไปแล้ว กรี๊ดดด ปล่อยข้านะ ! ”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นก่อนจะหายลับไปหลังสองร่างนั้นถูกทหารอารักขาลากไปอีกทาง นงคราญหยกทอดมองภาพนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า นางพึ่งตระหนักได้ว่ายิ่งอยู่สูงก็ยิ่งแย่งชิงอิสรภาพของผู้คนได้ง่ายยิ่งนัก ไม่แปลกเลยหากว่าคนที่ยืนเหนือคนนับมืดจะไม่เห็นคุณค่าของชีวิตอยู่ในสายตา

“ มาครั้งนี้เดิมทีอยากอยู่เป็นเพื่อนเจ้าไม่ให้ต้องปวดหัวกับเจ้าเด็กถิงเว่ยผู้นั้น คิดไม่ถึงจะมีเรื่องไร้สาระเกิดขึ้นก่อนเสียได้ … วันนี้อย่าพึ่งไปพบเรื่องเคร่งเครียดอีกเลย เจ้าไปอุทยานหลวงกับข้าเสียยังดีกว่า ”

“ เพคะ ? ”

ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก เทียบ ๆ เวลาดูแล้วคงเป็นตอนที่เหล่าขุนนางและฝ่าบาทออกว่าราชกิจกันในเวลาเช้าแต่อีกไม่นานก็คงเลิกแล้ว ดังนั้นนางสมควรอยู่รอให้ปากคำกับเจ้ากรมราชทัณฑ์ “ แล้วใต้เท้าจาง.. ”

“ อย่าได้กังวลไป อ้ายเจี้ยรับมือเขาให้เจ้าเอง มาเถิด ”

… ไม่รู้ด้วยแล้ว ใต้เท้าจาง รับสั่งของไท่โฮ่วนั้นปฏิเสธยากกว่าของท่านหลายขุมนัก !



รวมทั้งหมดที่ต้องการใช้

[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี

+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือสตรีทำร้ายบัณฑิต
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือสนม 3 รุม 1
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือเว่ยเจียเหม่ยเหรินถูกฝ่าบาทประคองกลับเรือน
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือแต่งตั้งเว่ยเจียเหม่ยเหรินเป็นเจี๋ยยวี๋
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือฝ่าบาทพลิกป้ายเว่ยเจียเจี๋ยยวี๋อีกแล้ว
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือลู่เหม่ยเหรินมีชู้ค่ะ (อยากมีเว้ย ส่งมาสิ)
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือจอมยุทธ์ชุดขาว
+15 EXP สำหรับผู้ฟังข่าวลือสกุลตวนมู่กระหายอำนาจ






แสดงความคิดเห็น

รอปลดล็อกในเหตุการณ์วันที่ 5   โพสต์ 2024-7-27 23:19
หัวใจ 2 ดวงแล้ว ถึงลิมิตหัวใจตัน  โพสต์ 2024-7-27 23:19
คุณได้รับ 120 EXP โพสต์ 2024-7-25 22:52
+20 ความโปรดปรานจากไท่โฮ่ว กิริยางามและการวางท่าที  โพสต์ 2024-7-25 22:51
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 25 โพสต์ 2024-7-25 22:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
โพสต์ 2024-7-27 22:27:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ยามเหลียนฮวาเบ่งบาน
วันที่ยี่สิบเจ็ด ชีเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบ กลางยามโหย่ว (18.00 น.)




     เป็นเช่นเดิมที่นางจะต้องนำสำรับอาหารมาถวายแด่องค์ไท่โฮ่วผู้ทรงอำนาจที่สุดแห่งวังหลังผู้ไร้นายหญิงอย่างเป็นทางการ ด้วยจำนวนอาหารมากมายเหล่านี้นั้นทำให้นางต้องขอแรงนางกำนัลที่ช่วยเหลือในครัวมาช่วยยกอาหารให้ ดวงหน้างามปั้นแย้มยิ้มทันทีที่เข้าสู่อาณาบริเวณของตำหนักเซวียนเต๋อ พยักหน้ารับการคำนับของนางกำนัลผู้เดินผ่านไปผ่านมาจนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าตำหนักอย่างแท้จริง

   “ข้านำอาหารมาถวายแด่องค์ไท่โฮ่ว”

   เสียงใสเอ่ยขึ้นแก่นางกำนัลที่มารับหน้านาง นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้ารับคำก่อนจะหายเข้าไปในตำหนักอีกคราเพื่อเรียนความจากนางไปแจ้งแก่นายหญิงผู้สูงศักดิ์และสุดท้ายค่อยออกมาเชิญนางเข้าไปเช่นเดิมตามที่เคยมาคราวก่อน

   เว่ยเจียเจี๋ยอวี๋ในอาภรณ์สีครามไล่สีปักดิ้นเงินลายเมฆาคลุมทับด้วยไหมโปร่งราวกับเทพเซียนก้าวเท้าเข้ามายังตำหนักเซวียนเต๋อเพื่อมาพบกับองค์ไท่โฮ่ผู้นั่งรอนางในห้องรับประทานอาหาร

   “ถวายบังคมองค์ไท่โฮ่ว ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”

   “อย่าได้มากพิธี”

   “ขอบพระทัยเพคะองค์ไท่โฮ่ว” เว่ยเจียเหลียนฮวาเอ่ยพร้อมแย้มยิ้มก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยให้นางกำนัลผู้เดินถือถาดอาหารตามนางมาไม่ห่างให้นำสำหรับกับข้าวขึ้นโต๊ะอย่างสวยงาม “วันนี้หม่อมฉันลงมือทำอาหารด้วยตนเองจึงอยากขอนำมาถวายแด่เหนียงเนียง มีปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ไก่แช่เหล้า เกี๊ยวซ่าแบบนึ่งและแบบทอด เสี่ยงหลงเปาและตบท้ายด้วยของหวานอย่างซิ่งเหรินโต้ฟูและชาเบญจมาศที่หม่อมฉันตระเตรียมมาเพื่อชงชาถวายให้พระองค์เสวยพร้อมซิ่งเหรินโต้ฟูเพคะ”

   “ขอบใจยิ่งที่นึกถึงอ้ายเจีย เป็นปลื้มยิ่งนักเว่ยเจียเจียอวี๋”

   องค์ไท่โฮ่วตรัสออกมาพร้อมแย้มสรวลอารมณ์ดีระหว่างที่รั้งรอให้เว่ยเจียเหลียนฮวาชงชาและถงกูกู่ตรวจทานสารพิษด้วยการปักเข็มเงินพร้อมตักแยกลิ้มรส ไม่นานก็สามารถพร้อมเสวยได้จึงตักเสวยอย่างละนิดอย่างละหน่อย

   “รสชาติแม้มิได้เยี่ยมยอด ทว่ารับรู้ได้ถึงความตั้งใจ อ้ายเจียขอบใจที่เจ้านึกถึงอ้ายเจียนัก”

   “มิได้หรอกเพคะ อีกทั้งหม่อมฉันมีปิ่นโตมามอบให้แก่เจี่ย— ลู่เหม่ยเหรินที่ถูกกักบริเวณในตำหนักเซวียนเต๋อ พอจะเมตตาให้หม่อมฉันได้มอบปิ่นโตนี้ได้หรือไม่เพคะ”

  “ย่อมได้ ย่อมได้ เว่ยเจียเจียอวี๋มีน้ำใจแก่พระสนมร่วมวังเช่นนี้ อ้ายเจียปิติยินดีนัก”

   เหลียนฮวาพยักหน้าอีกหนให้แก่นางกำนัลที่ยังเหลือปิ่นโตที่ถือมาพร้อมกันให้มอบแก่ถงกู่กูเพื่อมอบให่แก่ไป๋หรั่นเจี่ยเจียผู้เป็นพี่สาวและสหายภายในวังหลังแห่งนี้ โดยภายในปิ่นโตมีข้อความแนบไปใต้ปิ่นโต

ขอให้อิ่มหนำสำราญ ไร้สิ่งหมองใจ
หากพ้นโทษสามารถมาพักหลับที่ เถียนเซี่ยกง ได้ทุกเมื่อ






[NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว
+5 พูดคุยประจำวัน
+20 หัวดี โบนัสความสัมพันธ์พิเศษ
+ ให้ชาเบญจมาศไปเพิ่มในมื้ออาหารในเควส
(หากเป็นอาหารประเภทที่กำกับไว้ในคำอธิบายว่า อาหารปรุง หรือ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม)

เมื่อไหร่ผมจะได้เจอฟูจวินที่แท้จริงของดวงใจผม รักนะคะ หว่ออ้ายหนี่ ซารางเฮโย ฉางซานเซียนหวาง

@@Admin 

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 30 EXP โพสต์ 2024-7-28 01:37
รอทำอาหารเสร็จ เพื่อประมวลผลอาหารที่จะให้ฝ่าบาท  โพสต์ 2024-7-27 23:16
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-02] เซียวจื่อไท่โฮ่ว เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-7-27 23:06
ความโปรดปรานจากไท่โฮ๋ว+35 แต้ม (อาหารจากเควส)  โพสต์ 2024-7-27 23:06
โพสต์ 11310 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2024-7-27 22:27

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +50 ตำลึงทอง +8 ตบะฝึกฝน +15 พลังปราณ +15 ย่อ เหตุผล
Watcher + 50 + 8 + 15 + 15

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21

18

กระทู้

224

ตอบกลับ

1954

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
2
ตำลึงทอง
79
ตำลึงเงิน
1510
เหรียญอู่จู
37192
STR
53+7
INT
70+0
LUK
6+2
POW
74+5
CHA
97+27
VIT
25+7
‘ หลี่ผู่เยว่ • 李谱月 ’
เลเวล 1
คุณธรรม
9940
ความชั่ว
655
ความโหด
5097
โพสต์ 2024-7-28 02:47:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LuBairan เมื่อ 2024-7-28 02:48




ปริศนาคดีเหม่ยเหริน
วันที่ 26 เดือน 07 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 10
เวลาเก้านาฬิกาห้าสิบนาทีเป็นต้นไป


ในที่สุดก็มาถึงวันที่แสนสงบ

ไม่มีแขกแปลกหน้า ไม่มีกำหนดการนอกเหนือจากเดิม และไม่มีข่าวลือพิศวงที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาให้ตกอกตกใจ ลู่เหม่ยเหรินที่หนีหายจากการสืบสวนไปถึงหนึ่งวันกลับมานั่งหน้านิ่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมเช่นเดียวกับตุลาการหน้าเหล็กที่โผล่มาเยือนตั้งแต่เช้า เขาในวันนี้สีหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่ใช่ว่าเหนื่อยล้าแต่ดูเหมือน.. สับสน

“ ใต้เท้าจางมีเรื่องลำบากใจ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ให้ข้าเป็นคนรับฟังดีหรือไม่? ”

“ ไม่ขอรบกวนเหม่ยเหริน ” ชายงามทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้ฝั่งตรงข้ามพลางหลุบตามองสำรับที่วางไว้บนโต๊ะ

นงคราญหยกหรี่ตาลงเล็กน้อย นางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดพลางพยักหน้าและรินชารับรองถิงเว่ยที่พึ่งมาถึง “ วันนี้มีไก่ขอทานกับชาเบญจมาศ ประชุมขุนนางช่วงเช้าเขาว่ากินแรงมาก ใต้เท้าทานสักหน่อย ” อย่างไรก็เป็นเขาทุ่มเทตลอดหลายวันเพื่อสืบข่าวให้นางการจะเอาใจใส่เพิ่มขึ้นอีกขั้นจึงถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่พอได้เห็นสายตาที่มองมาราวกับเห็นของแปลกจากชายงามเช่นเขา ต่อมความรู้สึกก็คล้ายจะถูกกวนจนขุ่นเข้าให้แล้ว

“ ท่าทางรับรองเช่นนี้คงมากไป.. ช่างเถิด ใต้เท้าวางใจอย่างไรก็อย่างนั้น ”

ไป๋หรั่นยกชาขึ้นจิบและลดมือลง “ ครั้งนี้ต้องการสอบถามสิ่งใดอีกเล่า? ”

ที่นางรู้ก็พูดไปหมดแล้ว.. คนงามคลึงจอกชาในมือช้า ๆ สองตาหลุบลงมองผิวน้ำสีเหลืองใสอยู่เงียบ ๆ

“ มีคนที่คาดว่าเป็นผู้ร้ายปรากฏตัวออกมาแล้ว ” จางถิงเว่ยกล่าวเสียงเรียบพร้อมมองตรงไปยังผู้ฟังเผื่อว่าจะได้เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนาง แน่นอน เขาเชื่อแนวโน้มที่ตวนมู่เหม่ยเหรินเป็นผู้ลงมือ ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามาถตัดความเป็นไปได้ที่ว่าบางทีนี่อาจเป็นแผนการของ ‘ลู่เหม่ยเหริน’ ที่ภายในไม่กี่วันก็กลายมาเป็นคนโปรดจนได้รับการยอมรับอย่างที่รู้กันไปทั่วตำหนักเซวียนเต๋อ

“ คาดว่าเป็นผู้ร้าย… คาดว่า.. อย่างนั้นหรือ? ” สองตาหวานหยาดเยิ้มช้อนขึ้นมองตุลาการที่ครองสีหน้าสงบนิ่งไม่มีเปลี่ยน คนงามวางจอกชาลงและเปลี่ยนมาเป็นการเคาะนิ้วเป็นจังหวะไม่ช้าไม่เร็วบนโต๊ะไม้ชั้นดี เสียงพึมพัมที่คล้ายการตั้งข้อสงสัยของนางลอยไปเข้าหูของเจ้ากรมยุติธรรมเข้าอย่างจังจนจางจิ่งสิงถึงกับขมวดคิ้วขึ้นทันควัน

“ ทำไม? หรือท่านมองว่าไม่สมควร ”

สายตาของเขาคมกริบเช่นพวกหวาดระแวงที่ตื่นตัวกับทุกความเป็นไปได้บนโลก ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนที่เขาเคยออกปากว่า ‘ต้องการจะปกป้อง’ สงสัยเจ้ากรมราชทัณฑ์ก็ดูจะไม่คล้ายคนที่รักษาสัจจะถึงเพียงนั้น ความคิดของคนแซ่ลู่เลือนลอยไปเรื่อยเปื่อย นางคล้ายจะมองว่าตนเองไม่มีความจำเป็นให้ต้องรับกับคำครหาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของอีกฝ่าย แต่อีกใจก็เกิดเป็นความสงสัยที่ทำให้ตัดสินใจเอ่ยปากถามออกมา

“ หรือว่าคนที่ท่านหมายถึงจะเป็นแม่นางตวนมู่? ”

สายตาคมกริบของจางจิ่งสิงเรืองวาบขึ้นอย่างตกใจ พร้อมกันนั้นคนที่เฝ้ามองดวงตาเขามาตั้งแต่ต้นก็ได้แต่หัวเราะด้วยความเวทนา “ ข้ารู้ได้อย่างไร? แน่นอน ข้าต้องรู้ ใต้เท้าจาง นิสัยปฏิบัติงานอย่างเอิกเกริกเกินกว่าเหตุเช่นนี้เกรงว่าคงแก้ไม่ได้จริง ๆ ” ไป๋หรั่นไม่ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย นางหลุบตาลงพลางหวนคนึงถึงข่าวลือที่ให้การว่าร้ายแม่นางตวนมู่ผู้นั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ เป็นเพราะข่าวลือนั้นหรือ ”

“ ย่อมไม่ใช่เพราะข่าวลือ ”

“ ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งแปลก.. ” บทสนทนาของพวกเขาเงียบลงครู่หนึ่ง และสุดท้ายคนที่ตอบรับออกมาถึงเป็นนาง เรื่องนี้ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลอยู่มาก ข่าวลือที่โพล่งออกมาพอดิบพอดีโดยหาคนปล่อยข่าวไม่ได้ จังหวะการฆาตรกรรมที่เกิดขึ้นกับชนชั้นสูง แพะตัวกลางที่ถูกแขวนขึ้นแห่ประจานว่าถูกริษยาจนคนต้องลงมือฆ่าแกงกัน.. ไม่ถูกต้อง คิดอย่างไรก็ไม่ถูก

คนที่สมควรตายไม่ใช่เย่เหม่ยเหริน แต่เป็นนาง

ยิ่งคิดใจก็ยิ่งเย็นเฉียบ ใบหน้าพิลาสล้ำของสาวงามแข็งค้างเมื่อพบตอใหญ่ในคดีปริศนานี้ “ ใต้เท้าจาง ลองคิดย้อนกันอีกครั้งดีหรือไม่ ” นงคราญหยกแย้มยิ้มให้จางจิ่งสิง แววตาที่เคยไร้คลื่นลมเริ่มเปล่งประกายขึ้นทันตา เพียงแต่หากพิศมองเข้าไปให้ดีในแววตานั้นก็จะรู้ได้ว่าประกายพร่างพราวเหล่านั้นละลายมาจากน้ำแข็ง เย็นเยียบเสียดผิวเป็นอย่างยิ่ง

“ เริ่มแรกเป็นข้า เป็นข้าที่ถูกกล่าวหา เป็นข้าที่หลักฐานทุกชิ้นชี้มาถึงตัว ”

“ ท่านเดินทางมาที่เมิ่งเหยา พกความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมมาเพื่อตรวจหาความจริงแล้วก็พบว่าคำให้การของข้าขัดต่อหลักฐานที่มี จึงได้กลับไปสืบความต่ออีกครั้ง ” เห็นอีกฝ่ายมองนางนิ่ง ๆ แต่ก็ดูคล้ายกับคิดตามเช่นนี้ก็นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี

“ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีข่าวลือออกมา ”

“ ช้ากว่านี้ไม่มา เร็วกว่านี้ก็ไม่มา แต่ต้องเป็นในช่วงที่มีข่าวว่าแม่นางตวนมู่จะเดินทางเข้าวังเสียพอดิบพอดี ” เหม่ยเหรินหยกขาวหยิบตะเกียบขึ้นเลาะหนังไก่ขอทานของตัวเองช้า ๆ พร้อมกับพูดไปด้วยว่า “ เผอิญว่าตอนนั้นมีเหตุฆาตรกรรมสนมเกิดขึ้น เผอิญว่าเป็นเรื่องความริษยาของหญิงสาว เผอิญว่านางดูเป็นคนมีอำนาจไม่กี่คนที่สามารถทำได้ ”

“ เผอิญข่าวลือนี้แล่นออกมาไวเกินไป แม้แต่ข้าที่ถูกกักบริเวณก็ยังรู้ว่านางกำลังจะมาถึง ”

“ ใต้เท้าจาง.. เหตุใดถึงได้ ‘เผอิญ’ มากถึงเพียงนี้? ”

น้ำเสียงของนางคล้ายลำธารที่ไหลผ่านมือเขา ช่วยประคองความคิดสับสนวุ่นวายแต่ไม่ก้าวก่าย มันไม่คล้ายเวลาที่เขาถามตัวเอง ในความคิดมักแฝงไปด้วยความร้อนรน แต่เมื่อถูกถามโดยนาง .. จางจิ่งสิงหลุบสายตาลงยามเมื่อนึกถึงอีกหนึ่งสตรีที่ต้องเผชิญหน้ากับข้อสงสัยนี้

“ ข้าไม่รู้ว่าท่านสืบอย่างไร พบอะไร และได้อะไร แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ข้ารู้ ” นงคราญหยกคีบไก่ขอทานเข้าปากอย่างแช่มช้าราวกับว่าบทสนทนาเกี่ยวข้องแต่เพียงฟ้าดินไร้ซึ่งกลิ่นคาวเลือดใด ๆ ไป๋หรั่นใช้เวลาเคี้ยวอยู่แบบนั้น เคี้ยวจนกระทั่งคนรอฟันเริ่มกำหมัดนางถึงได้วางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับมุมริมฝีปาก ตบท้ายด้วยการจิบชาหนึ่งอึก

“ การเป็นบุตรสาววีรบุรุษที่สูญสิ้นญาติชายไม่ใช่เรื่องง่าย ใต้เท้าจาง.. ท่านจะเป็นพวกดูหมิ่นสตรีหรือไม่อย่างไร ข้าไม่ขอทราบ แต่เรื่องนี้มีเพียงอย่างเดียวที่ควรคิดให้ถี่ถ้วน ”

“ สตรีมิใช่คนโง่เช่นที่บัณฑิตขงจื๊อพยายามบอกว่าเป็น สืบคดีเกี่ยวกับสตรี.. ก็ต้องมองให้มากกว่าด้านเดียว



รวมค่าความสัมพันธ์ที่ใช้

[NPC-09] จาง ทัง + 20 ความสัมพันธ์จากหัวดี
[NPC-09] จาง ทัง +5 ความสัมพันธ์สนทนาประจำวัน
[NPC-09] จาง ทัง +25 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดทอง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้
[NPC-09] จาง ทัง +5 โบนัสอาหารปรุง






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-09] จาง ทัง เพิ่มขึ้น 60 โพสต์ 2024-7-28 03:20
โพสต์ 18881 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2024-7-28 02:47
โพสต์ 18,881 ไบต์และได้รับ +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2024-7-28 02:47
โพสต์ 18,881 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก หมวกไผ่ผ้าคลุม  โพสต์ 2024-7-28 02:47
โพสต์ 18,881 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +2 ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2024-7-28 02:47
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปราณจิ้งจอกสวรรค์(ไม้)
เสน่ห์ฟ้าประทาน
ธนูไม้จันทน์
กระบอกธนู
พัดคุณชาย
หมวกไผ่ผ้าคลุม
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x1
x10
x15
x4
x1
x1
x1
x3
x1
x2
x6
x5
x2
x4
x8
x2
x4
x1
x11
x10
x3
x4
x16
x3
x5
x4
x1
x7
x6
x4
x11
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้