เจ้าของ: Watcher

จวนพระเอก (จวนต้าซือคงแห่งต้าฮั่น)

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-9-11 15:55:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 10 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ค่ำคืนนั้น หลังจากรถม้าของเถียนเฟิงแล่นผ่านตรอกซอกซอยที่สลัว เสวี่ยซีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองประตูใหญ่ของ “จวนต้าซือคง” ตระการตาสง่างาม ประดับด้วยหมุดทองเหลืองเป็นแถว เสียงยามเฝ้าตะโกนรับคำและเปิดทาง รถม้าจึงแล่นเข้าไปอย่างสงบ

จวนต้าซือคงแห่งต้าฮั่นเป็นที่พักอาศัยของผู้มีอำนาจในราชสำนัก กว้างขวางโอ่อ่าดุจวังหลวงย่อย ๆ สองข้างทางเรียงรายด้วยโคมไฟกระดาษส่องสว่างตัดกับเงามืดสะท้อนเงาจันทร์จนระยิบระยับ ทุกอย่างหรูหราเกินกว่าที่เสวี่ยซีเคยพบเห็นในชีวิต

เสวี่ยซีก้าวลงจากรถด้วยฝีเท้าสั่นคลอน เขายกชายชุดบางเบาขึ้น กลัวว่าผ้าจะเปื้อนพื้นหินอ่อนตรงลานกว้าง นัยน์ตาสีอำพันเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ทั้งเหนื่อยทั้งสับสน เขาไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะถูกพามาที่สถานที่อันสูงส่งเช่นนี้

“เข้ามาเถิด” เสียงทุ้มของเถียนเฟิงเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ แต่แฝงความอ่อนโยน

เสวี่ยซีเงยหน้ามองชายผู้ทรงอำนาจตรงหน้า ในแสงโคมยามค่ำ เถียนเฟิงสวมอาภรณ์ยาวผ้าไหมสีน้ำเงินหรูหราสง่า ยิ่งทำให้เสวี่ยซีรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย ไม่คู่ควรแม้จะยืนข้าง ๆ

เมื่อเดินผ่านโถงใหญ่ ภายในจวนประดับด้วยแจกันหยกหายาก ผนังแขวนภาพพู่กันบรรยายบทกวีเก่าแก่ เสียงน้ำจากสวนหินไหลเอื่อยสร้างความสงบยิ่งนัก ทว่าเสวี่ยซีกลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าสู่โลกที่ไกลเกินเอื้อม ความรู้สึกแปลกแยกบีบหัวใจเขาจนหายใจติดขัด

เถียนเฟิงหยุดยืนตรงหน้าเรือนรับรอง กวาดตามองใบหน้าซีดเผือดที่ยังคงบอบช้ำด้วยคราบน้ำตา ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าคงเหนื่อยแล้ว เข้ามาพักก่อนเถิด”

เสวี่ยซีสั่นไหว ดวงตาสีอำพันพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำที่ยังเอ่อ “เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้กับข้า”

เถียนเฟิงปรายตามอง เขาไม่ตอบตรง ๆ หากเดินเข้าไปนั่งลงในห้องรับรองที่มีเพียงแสงโคมไฟสลัวส่อง เสวี่ยซีลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตามเข้าไป น้ำเสียงสั่นพร่าเอ่ยต่อ “ไม่เคยมีใครปกป้อง ไม่เคยมีใครอุ้มชูข้ากลัวเหลือเกิน”

คำพูดนั้นแตกหักออกจากความเจ็บช้ำที่เก็บมานานจนกลายเป็นแผลหนอง เถียนเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแล้ว คืนนี้เจ้าพักผ่อนเถิด”

เสวี่ยซีส่ายหน้า ดวงตาเอ่อคลอ “ข้ากลัวว่าเมื่อหลับตาลง พอตื่นมา ทุกสิ่งจะหายไป ข้าจะกลับไปอยู่ในหอที่โหดร้ายเช่นเดิมอีก”

เถียนเฟิงหันกลับมามองตรง ๆ แววตาคมกริบแฝงด้วยความหนักแน่นที่ไม่อาจปฏิเสธได้ “ตราบที่เจ้าก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้แล้ว จะไม่มีใครพาเจ้ากลับไป ข้าอยู่ที่นี่เจ้าจงวางใจ”

คำพูดนั้นทิ่มแทงเข้าหัวใจอันเปราะบางของเสวี่ยซี น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้ง ร่างบางทรุดนั่งลงตรงเบาะนุ่มราวกับสูญเสียแรงทั้งหมด มือขาวซีดสั่นระริกปิดหน้า ความเจ็บปวด ความโล่งใจประดังเข้ามาจนเกินทน

“อย่า…ร้องอีกเลย” เถียนเฟิงเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนบางให้

เสวี่ยซีรับมา แต่กลับเช็ดน้ำตาได้เพียงน้อยนิด ก่อนจะสะอื้นจนหมดเรี่ยวแรง เขาเอนตัวลงอย่างไม่ตั้งใจ แผ่นอกกว้างของเถียนเฟิงรองรับร่างอันบอบบางนั้นไว้

“ท่านอย่าเมตตาข้ามากเกินไปเลย ข้ากลัวว่าจะหลงเชื่ออีก” เขาพึมพำเสียงแผ่ว

“บางสิ่งไม่จำเป็นต้องเชื่อ เพียงรู้สึกก็เพียงพอแล้ว” เถียนเฟิงตอบเรียบง่าย แต่กลับลึกซึ้ง

เสวี่ยซีไม่ได้เถียงต่อ ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเป็นปีบวกกับความอับอาย ความหวาดกลัวในค่ำคืนนี้ กดทับจนร่างทั้งร่างหมดแรง ดวงตาสีอำพันพร่าเลือนค่อย ๆ ปิดลง เสียงสะอื้นแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ

เถียนเฟิงมองเสวี่ยซีที่ค่อย ๆ หลับไปทั้งน้ำตา เส้นผมสีดำขลับปรกลงบนหน้าขาวเนียน ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตากลับงดงามราวหยกถูกหมอกคลุม เถียนเฟิงเอื้อมมือเกลี่ยผมออกเบา ๆ แววตาที่มักจะเย็นชาในสนามการเมืองกลับอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีใครเคยเห็น

“เจ้าคงเหนื่อยมามากแล้วสินะ…” เขาพึมพำแผ่ว ราวกับพูดกับตัวเอง

คืนที่เงียบสงัดนั้น ภายในเรือนรับรองของจวนต้าซือคง เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเสวี่ยซีเป็นเพียงสิ่งเดียวที่บอกว่า เขาได้พักพิงแล้ว แม้เพียงชั่วคราว แต่ก็ปลอดภัยอยู่ในอ้อมแขนของใครสักคนที่เขาไม่ต้องหวาดกลัว


วันที่ 11 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น.

รุ่งอรุณเพิ่งเริ่มต้น ท้องฟ้าเหนือจวนต้าซือคงยังคลุมด้วยหมอกขาวจาง ๆ แสงสีทองแรกส่องลอดหน้าต่างไม้ เสียงนกยามเช้าขับขานแผ่วเบา ตีห้าพอดี เสวี่ยซีค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นจากหมอนนุ่ม ผมดำขลับปรกแก้มซีด เขาขยับร่างอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่คุ้นกับเตียงหรูหราและผ้าห่มหนานุ่มที่โอบล้อม

เมื่อระลึกได้ว่าตนเองอยู่ในจวนต้าซือคง หัวใจเขาเต้นแรงวูบ ความทรงจำเมื่อคืนที่ร้องไห้จนหลับไปบนอกเถียนเฟิงยังคงชัดเจนในใจ ความอบอุ่นแผ่วเบาที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนยังคงหลงเหลืออยู่

เสวี่ยซีลุกขึ้นช้า ๆ เดินไปยังโต๊ะไม้เล็กในห้องรับรอง ดวงตาสีอำพันมองไปยังห่อผ้าเล็ก ๆ ที่เขาเตรียมพกติดตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ในห่อนั้นมีสุรานารีแดงหนึ่งไห กับล่าจื่อลู่แห้งฝีมือเก่าแก่ที่เคยติดตัวไว้เหมือนเป็นกำลังใจ เขาเปิดห่อออก วางของเหล่านั้นลงบนโต๊ะ แล้วค่อย ๆ เทสุราลงถ้วยเล็ก กลิ่นหอมหวานกรุ่นชวนให้รู้สึกโหยหาอดีต

ไม่นานนักเถียนเฟิงก้าวเข้ามาในเรือน เขาสวมชุดเช้าเรียบหรู สีเข้มปักลายด้วยเส้นด้ายเงิน เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเป็นระเบียบ แต่ใบหน้ายังแฝงความอ่อนโยนที่ทำให้เสวี่ยซีรู้สึกไม่กล้าสบตาตรง ๆ

“เจ้าตื่นเช้าเสียจริง” เถียนเฟิงเอ่ย น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงความอบอุ่น

เสวี่ยซีฝืนยิ้มเล็กน้อย ก่อนยกสุราขึ้น “เมื่อคืน…ท่านเมตตาช่วยข้า ข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทน ไหสุรานี้กับล่าจื่อลู่ ข้าอยากมอบให้ท่าน”

เถียนเฟิงมองของตรงหน้าแล้วหัวเราะเบา ๆ “เจ้าคิดหรือว่าข้าจะเห็นคุณค่าจากสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้”

เสวี่ยซีหน้าแดง แต่ยังยื่นให้ด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย “ถึงแม้จะเล็กน้อย แต่ก็เป็นสิ่งที่ข้ามี ข้าอยากให้เพราะมันจริงใจ”

เถียนเฟิงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือมารับไหสุราและล่าจื่อลู่ น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวล “เช่นนั้น ข้าจะรับไว้”

ในห้องอบอวลด้วยกลิ่นสุราหอมหวาน เถียนเฟิงรินลงถ้วย แล้วยกขึ้นจิบเบา ๆ ก่อนจะวางกลับลง ดวงตาคมมองเสวี่ยซีอย่างลึกซึ้ง “ข้าต้องออกว่าราชการยามเจ็ดโมง แต่เจ้าพักผ่อนในจวนได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีก”

เสวี่ยซีได้ยินดังนั้น หัวใจทั้งหดหู่และโล่งใจปะปนกัน เขาก้มหน้าลง น้ำเสียงเบา “ขอบคุณท่านเถียนเฟิง”

ชายหนุ่มร่างสูงเพียงพยักหน้าสั้น ๆ ก่อนหันหลังออกไป เสวี่ยซีมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อย ๆ ลับหายไปตรงประตู หยาดน้ำตาเอ่อขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เพราะความเจ็บปวด แต่เพราะความรู้สึกที่ไม่อาจเรียกเป็นคำใด นอกจาก ความอบอุ่นที่ซึมลึกเข้าสู่หัวใจที่เคยหนาวเหน็บมาตลอด

✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +30 ความสัมพันธ์ อาหารล่าจื่อลู่ + สุรานารีแดง (+20)
✎ โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน: ได้รับความสัมพันธ์ +5 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-9-11 17:41
โพสต์ 45111 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 15:55
โพสต์ 45,111 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-11 15:55
โพสต์ 45,111 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-11 15:55
โพสต์ 45,111 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-11 15:55
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-12 21:51:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 12 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

รุ่งสางของวันใหม่ ฟ้ายังไม่ทันสว่างเต็มที่ เสียงไก่ขันประสานกับเสียงลมยามเช้าพัดผ่านสวนไผ่ในจวนต้าซือคง เสวี่ยซีลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งในยามตีห้าเช่นเดิม เปลือกตาบวมแดงเล็กน้อยจากการร้องไห้เมื่อคืน แต่แววตาสีอำพันยังคงสุกใส ร่างบอบบางค่อย ๆ ลุกขึ้นจากหมอนนุ่ม ดวงหน้าขาวซีดสะท้อนกับแสงเช้าจาง ๆ ยิ่งทำให้เขาดูเปราะบางราวกับหยกที่พร้อมจะแตกหัก

เสวี่ยซีขยับกาย ลากปลายผมดำขลับที่ปรกแก้มทัดไว้หลังหู หัวใจยังเต็มไปด้วยความกังวล แม้เถียนเฟิงจะให้ที่พักพิง แต่เขายังคงรู้สึกเหมือนตนเป็นคนนอกที่อาจถูกผลักไสได้ทุกเมื่อ ชายหนุ่มหยิบห่อผ้าเล็กที่เขาเตรียมมาแต่แรกออกมาอีกครั้ง วันนี้ไม่มีสุรานารีแดงแล้ว แต่มีผลไม้แห้งกับขนมที่เขาแอบซื้อติดมือมาเมื่อวานตอนกลับจากตลาด

เขาจัดสิ่งเหล่านั้นลงบนโต๊ะไม้เล็ก รอเวลาที่เถียนเฟิงจะออกมาเหมือนเช้าวาน ลมหายใจสั้นยาวสลับกันไปพร้อมความคิดฟุ้งซ่าน เขานึกถึงคำพูดของเถียนเฟิงเมื่อคืน “ไม่ต้องกังวลเรื่องใดอีก” ประโยคง่าย ๆ แต่กลับทำให้ความเย็นชาที่โอบล้อมหัวใจมานานเริ่มละลาย

ประตูเลื่อนส่งเสียงเอี๊ยดเบา ๆ เถียนเฟิงก้าวออกมาในชุดเช้าเรียบหรูเช่นเคย ใบหน้าเฉียบขาดแต่สงบสุขุม แสงแดดยามเช้าตกกระทบเส้นผมดำมันวาวยิ่งทำให้เขาดูสง่า

“เจ้าตื่นเช้าอีกแล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำเปี่ยมด้วยความมั่นคงดังขึ้น

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้น ยกขนมและผลไม้แห้งส่งให้ “ข้า…ไม่มีสิ่งใดตอบแทน จึงนำสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้มามอบให้ท่าน”

เถียนเฟิงเลิกคิ้วเล็กน้อย มองมือเรียวที่ยื่นของมาอย่างลังเลปนจริงใจ ก่อนจะยื่นมารับไป “เจ้ามักคิดว่าตัวเองไม่มีค่า ทั้งที่สิ่งที่เจ้ามอบให้นั้น ไม่ใช่แค่ของเล็กน้อย แต่คือหัวใจของเจ้า”

เสวี่ยซีหน้าแดงก่ำ รีบก้มหน้าหลบสายตาคมที่เหมือนอ่านทะลุใจ เขารู้สึกเหมือนตนกำลังถูกปลอบประโลมทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่เอื้อนคำหวานใด ๆ เลย

เถียนเฟิงรินน้ำชาร้อนจากกาน้ำที่บ่าวนำมาวางไว้ จิบเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อ “วันนี้ข้ามีงานราชสำนักอีก เจ้าพักผ่อนในจวน อย่าได้กังวลเรื่องข้างนอก”

เสวี่ยซีพยักหน้าเบา ๆ แต่อดเอ่ยไม่ได้ “ท่านเถียนเฟิงข้าเพียงอยากขอบคุณ ที่ให้ข้าได้มีที่หายใจสักวันหนึ่ง”

เถียนเฟิงสบตาเขาเนิ่นนาน ก่อนจะวางถ้วยชาลง แล้วเอื้อมมือเช็ดเส้นผมที่ปรกแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา “ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาข้า เจ้าจะไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีก”

ประโยคนั้นอบอุ่นยิ่งกว่าผ้าห่มใด ๆ เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น หัวใจที่เคยแหลกสลายเหมือนได้รับการโอบกอด แม้จะรู้ว่าตนยังคงเป็นเพียงบุรุษร่างบอบบางที่ไร้ค่า แต่แสงอุ่นเล็กน้อยนี้ เขาก็อยากจะเก็บไว้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้


หลังจากที่เถียนเฟิงก้าวออกจากเรือนในยามเช้าตรู่ ทิ้งเพียงกลิ่นชาหอมอ่อน ๆ ไว้ในอากาศ ความเงียบก็โรยตัวลงคล้ายม่านบาง เสวี่ยซีนั่งอยู่เพียงลำพังในเรือนเล็ก แสงแรกของอรุณลอดหน้าต่างไม้เข้ามาส่องกระทบใบหน้าซีดขาวของเขา

มือเรียวลูบไล้ขอบถ้วยชาที่เถียนเฟิงเพิ่งดื่ม ทิ้งร่องรอยความอุ่นไว้ เสวี่ยซีไม่กล้าจิบ แต่กลับเฝ้ามองอย่างหลงลืมเหมือนสิ่งนั้นคือสัญลักษณ์ว่าตนไม่ได้ถูกทอดทิ้งเสียทีเดียว ดวงตาเขาเหม่อมองไกลออกไปทางสวนไผ่ ความคิดวกวนไม่หยุดหย่อน หากวันหนึ่งเถียนเฟิงเบื่อเขาแล้วเล่า? ที่พักพิงนี้จะยังเหลืออยู่หรือไม่

เสียงบ่าวเดินผ่านหน้าต่างดังมาเบา ๆ พูดคุยหัวเราะ เสวี่ยซีได้ยินเพียงแว่ว ๆ กลับทำให้หัวใจหดเกร็งขึ้น เขาไม่กล้าก้าวออกไปทัก แม้ที่แห่งนี้คือจวนใหญ่ที่ตนพำนัก แต่สำหรับเขามันยังคงเหมือนคุกที่เต็มไปด้วยสายตาสอดส่อง ทุกย่างก้าวคือความระแวดระวัง

เมื่อความเงียบเข้ามาครอบงำอีกครั้ง เสวี่ยซีหยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ของตนออกมา คลี่ดูเสื้อผ้าที่เหลือเพียงไม่กี่ชิ้น และสมุดบันทึกเก่าซึ่งเขาเคยใช้เขียนบทกวีในวัยเยาว์ หน้ากระดาษเต็มไปด้วยอักษรที่ซีดจางเหมือนหัวใจของผู้เขียน ริมฝีปากบางเผลอขยับอ่านท่อนกลอนเก่า ๆ ที่เขียนไว้ “แม้เป็นเงาเดียวดายใต้จันทรา ก็ยังฝันใฝ่ว่ามีผู้แบ่งปันลมหายใจเดียวกัน” เสียงสั่นพร่าเหมือนจะขาดใจ

เขาหลับตาลง ปล่อยให้น้ำตารื้นขึ้นมาทีละหยด ไหลผ่านแก้มขาวซีดโดยไร้เสียงสะอื้น ร่างกายบอบบางเอนพิงเสาไม้ รู้สึกหนาวเย็นแทรกเข้ามาทั้งที่ยามเช้ายังไม่ทันร้อนอบอ้าว

กระทั่งสายลมพัดม่านโปร่งข้างหน้าต่างให้พลิ้วไหว แสงแดดอ่อนลอดเข้ามาเพิ่ม เสวี่ยซีจึงยกแขนขึ้นปาดน้ำตา ยิ้มจาง ๆ ให้ตัวเองอย่างฝืนทน “อย่างน้อยข้ายังมีวันนี้” เสียงแผ่วเบาราวคำสัญญาที่ไม่มีใครได้ยิน

แล้วเขาก็ค่อย ๆ จัดเก็บห่อผ้าของตน กลับไปนั่งเรียบร้อยที่โต๊ะเล็กในเรือน ตั้งใจจะเขียนอ่านตำราที่เถียนเฟิงให้ แม้หัวใจจะสั่นไหว แต่ในมุมลึกที่สุด เขาเริ่มเชื่อว่าความอบอุ่นที่เถียนเฟิงมอบให้ อาจจะไม่ใช่เพียงภาพลวงตา

ร่างบอบบางเงยหน้ามองหน้าต่าง เขารู้ว่าอีกไม่นานบ่าวไพร่จะเริ่มพลุกพล่านขึ้น จวนต้าซือคงยามกลางวันไม่เหมือนเช้าอันสงบ มันเต็มไปด้วยสายตาหลากหลายที่คอยจับจ้อง หากเขายังนั่งนิ่งอยู่เช่นนี้ หัวใจคงยิ่งอึดอัดจนไม่อาจหายใจได้

เสวี่ยซีห่อผ้าเล็ก ๆ ของตนกลับเข้าที่ เสื้อผ้าที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นถูกซุกอย่างระมัดระวัง ราวกับเป็นสมบัติสุดท้ายที่เหลืออยู่ ริมฝีปากเม้มแน่น ขณะที่นิ้วเรียวสั่นเล็กน้อยเมื่อแตะปกสมุดบันทึกเก่า ๆ ก่อนปิดมันลง หัวใจของเขาพร่ำถามซ้ำไปซ้ำมา  

เสียงหัวเราะของบ่าวจากลานด้านนอกดังแว่วเข้ามาอีกครั้ง เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากต่ำลงกว่าเดิม ความรู้สึกแปลกแยกกัดกินหัวใจจนแทบร้องไม่ออก เขารู้ดีว่าแม้เถียนเฟิงจะให้ความคุ้มครอง แต่ในโลกของผู้มีอำนาจเช่นนี้ เขาเป็นเพียงเศษเสี้ยวที่ไร้สิทธิ์จะกำหนดชะตาตนเอง

“บางที…ข้าไม่ควรอยู่ที่นี่” เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาแทบไม่ได้ยิน

ดวงตาสีอำพันสั่นไหวเมื่อมองไปยังประตูไม้ ความคิดหนึ่งผุดขึ้น หากเขาก้าวออกไปตามทาง บางทีอาจได้พบอิสระที่โหยหา แม้มันอาจเต็มไปด้วยอันตรายก็ตาม

เสวี่ยซีสูดหายใจลึก รวบรวมความกล้าที่หลงเหลืออยู่ ลุกขึ้นยืนช้า ๆ ผ้าคลุมไหล่ที่เถียนเฟิงเคยวางให้เมื่อคืนก่อนยังอุ่นอยู่ราง ๆ แต่เขากลับถอดมันออกอย่างลังเล ราวกับไม่กล้าพกความอบอุ่นนั้นติดตัวไปด้วย มือเรียวผลักบานประตูทีละน้อย เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังแผ่วชวนสะท้านใจ

แสงแดดจากภายนอกสาดเข้ามาเต็มแรงจนต้องหรี่ตา เสวี่ยซีก้าวข้ามธรณีเรือนอย่างช้า ๆ เหมือนคนที่ไม่แน่ใจว่าตนกำลังเดินไปสู่หนทางรอด หรือก้าวเข้าสู่หุบเหวที่ไม่มีวันหวนกลับ

ทุกฝีก้าวหนักอึ้ง แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะออกจากจวน ไปตามเส้นทางที่ทอดยาวเบื้องหน้า โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางนั้นรออะไรอยู่


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +30 ความสัมพันธ์ อาหารล่าจื่อลู่ + สุรานารีแดง (+20)
✎ โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน: ได้รับความสัมพันธ์ +5 แต้ม

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-9-13 12:15
โพสต์ 20771 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-12 21:51
โพสต์ 20,771 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-12 21:51
โพสต์ 20,771 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-12 21:51
โพสต์ 20,771 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-12 21:51
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-16 11:19:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 15 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง


จวนต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่นถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด แสงจันทร์เพ็ญสาดทอประกายสีเงินลงบนกำแพงสูงสีเทาเย็นเยียบ ด้านนอกเงาร่างเล็กของเสวี่ยซียืนอยู่ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เขาเพิ่งวิ่งตามเถียนเฟิงมาอย่างร้อนรน ตลอดทางเอาแต่พร่ำเรียกชื่ออีกฝ่าย แต่กลับไร้การตอบรับ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็มีเพียงความว่างเปล่าเป็นคำตอบ

“ท่านเถียนเฟิง! ได้โปรดฟังข้าก่อนเถิด…”

เสียงร้องของเสวี่ยซีแหบพร่าจนแทบไม่เป็นถ้อยคำ นัยน์ตาสีอำพันส่องประกายวาวไหวด้วยหยดน้ำตาที่คลออยู่ แต่ภายในกำแพงยังคงไร้การขานตอบ ราวกับว่าคำวิงวอนของเขาไม่อาจลอดผ่านประตูเหล็กบานหนักนั้นไปได้

แสงจันทร์เลือนรางเหนือหลังคาจวนต้าซือคง ประตูไม้ใหญ่ปิดสนิทดังปิดกั้นทั้งโลกภายนอก ลมหอบหายใจถี่ น้ำตาที่พยายามกลั้นกลับเอ่อคลอจนพร่ามัว เขายกมือเคาะประตูไม้เสียงดัง ตะโกนเรียกชื่อ “ต้าซือคง! เถียนเฟิง! เปิดประตูเถอะ…ข้าขออธิบาย!”

แต่เสียงสะท้อนกลับมีเพียงความเงียบงัน

เวลาผ่านเนิ่นนานจนความกลัวกัดกิน หัวใจบอบบางเจ็บปวดราวถูกกดทับด้วยหินหนัก เสวี่ยซีตัดสินใจผลักบานประตูที่แง้มเล็กน้อย

เขาก้าวเข้าสู่จวนที่มืดมิด เงาสลัวของโคมไฟส่องรางเลือนบนพื้นหิน ทุกก้าวที่ย่างลึกเข้าไปเหมือนเหยียบย่ำบนความผิดของตนเอง ภายในจวนเงียบสงัดแสงตะเกียงที่ประดับตามทางส่องเพียงริบหรี่

ภายในห้องโถงใหญ่ กลิ่นสุราหนักคลุ้งปะปนกับกลิ่นกำยาน เถียนเฟิงนั่งพิงพนักเก้าอี้ไม้ กรอกสุราลงคอจนแก้วล้น  ชายหนุ่มผู้เป็นต้าซือคงสวมชุดขุนนางหลวมเลอะเทอะ ใบหน้าคมเข้มแดงจัดด้วยฤทธิ์เหล้า แต่ดวงตาคมกลับขุ่นมัวคล้ายเต็มไปด้วยความขมขื่น

“เสี่ยวซี” เสียงเรียกนั้นแหบต่ำ สายตาคมกริบที่เคยเด็ดขาดในสนามการเมือง กลับแดงกร่ำราวเพลิงโทสะ เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นเงาร่างบอบบางยืนอยู่ไม่ไกล ริมฝีปากคลี่ยิ้มเยาะเจือขมขื่น

“เจ้ากล้ามาหาข้าถึงที่นี่หรือ” เสียงทุ้มกดต่ำแฝงความเย็นชา “หลังจากที่ข้าเห็นเจ้ากับมัน ยืนอยู่ตรงหน้าอดีตคนรักที่เคยหักหลังเจ้า แล้วเจ้าก็ยังมีท่าทีลังเล ราวกับพร้อมกลับไปสู่อ้อมแขนมันทุกเมื่อ!”

เสวี่ยซีตัวสั่นสะท้าน นัยน์ตาอำพันไหวระริกดุจน้ำใสสะท้อนแสงจันทร์ เขาทรุดนั่งลงคุกเข่าบนพื้นหินเย็น
น้ำตาไหลพรากไม่หยุด “ไม่ใช่เช่นนั้นเลย…ข้าถูกเรียกไป ข้าไม่คิดว่าจะเจอเขา เขาพูดสิ่งที่ข้าไม่กล้าเผชิญ แต่ข้าไม่ได้ต้องการหวนกลับไป”

เถียนเฟิงวางไหสุราลงแรงจนดังสนั่น “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ ว่าทุกคำลังเลนั้นเหมือนคมดาบเฉือนหัวใจข้า ข้าพยายามปกป้องเจ้า ช่วยเจ้าจากหอนรกนั่นในคืนประมูล! ใช้ทองพันห้าตำลึงทองแลกอิสระ แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือสายตาที่เจ้ามีต่อมัน เจ้าเห็นข้าเป็นเพียงที่พักชั่วคราวหรือไร”

เสวี่ยซีสะอื้นสะงัก รีบคลานเข้าไปใกล้คว้ามือแข็งกร้าวที่สั่นสะท้านด้วยโทสะ “ข้ามิได้เห็นท่านเช่นนั้น ท่านคือคนเดียวที่ยื่นมือมาช่วย ข้ารู้ดีว่าโลกนี้โหดร้ายเพียงใด ข้ามีแต่ความเจ็บปวดจากหลี่หยางอดีตคนรักของข้า  แต่หัวใจข้า…หัวใจที่แตกสลาย และข้ายังลังเล”

“แค่ยังลังเล?” เถียนเฟิงหัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความขมขื่น “เจ้าลืมความเจ็บปวดที่มันมอบให้ไม่ได้งั้นหรือ หรือจริง ๆ แล้วหัวใจเจ้ามิเคยจากมันเลย…เสี่ยวซี เจ้าโง่ หรือว่าข้าที่โง่กันแน่?”

“ไม่…ไม่ใช่นะ!” เสวี่ยซีตะโกนเสียงสั่น สองมือคว้าแขนเสื้อเถียนเฟิงไว้แน่น “ข้ารู้ว่าหลี่หยางเคยทำร้ายข้า ข้ารู้ว่าหลี่หยางหักหลังหลอกลวง แต่สิบปีที่ข้าเคยมอบหัวใจ มันไม่อาจลบเลือนได้ง่าย ๆ ข้าเพียงแต่…เพียงแต่ยังสับสน แต่ท่านเชื่อเถิด ข้าไม่เคยคิดจะกลับไป!”

เถียนเฟิงชะงักไปชั่วครู่ ดวงตาคมไหววูบแต่กลับกดกลั้นไว้ เขาปัดมือเสวี่ยซีออก “แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังไปพบมัน? เหตุใดต้องให้ข้าเห็นภาพเจ้าแทบจะกลับไปสู่อ้อมกอดมันอีกครั้ง!”

“เถ้าแก่หลิวไค่เป็นคนส่งข้าไปรับแขก และข้าก็ไม่รู้ว่าแขกของข้าคือหลี่หยาง” เสวี่ยซีทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ร่างบอบบางสั่นสะท้าน ดวงตาสีอำพันพร่างพราวด้วยน้ำตา เสียงสะอื้นพร่ำระบายออกมาทีละน้อย เถียนเฟิงยืนนิ่งมองภาพตรงหน้า หัวใจเขาเจ็บแปลบเหมือนถูกมีดกรีด แม้อยากหันหลังหนี แต่ร่างเล็กที่คุกเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นกลับดึงเขาไว้

น้ำเสียงเถียนเฟิงอ่อนลงเล็กน้อย “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเพียงแค่เห็นเจ้ามองมันด้วยแววตาเช่นนั้น ข้าก็อยากฆ่ามันให้สิ้นซาก เจ้าช่างโง่เง่า…โง่เหลือเกินซีซี” เสียงทุ้มพร่าแผ่วเบาลง แม้ยังแฝงโทสะ “ทำไมถึงไม่ยืนหยัดให้มั่น ทำไมปล่อยให้ผู้คนทำลายเจ้าได้ง่ายดายแม้กระทั่งอดีตที่ทำร้าย เจ้าก็ยังอ่อนแรงต่อมัน”

เสวี่ยซีสั่นศีรษะ น้ำตาหยดลงบนหลังมืออีกฝ่าย “ข้ารู้ว่าตัวเองไร้ค่า แต่หากท่านไม่ผลักไส ข้าสัญญาจะไม่หันหลังกลับไปอีก” ดวงตาสีอำพันพร่างพราวทั้งน้ำตา เขาเอื้อมมือไปกุมชายแขนเสื้อเถียนเฟิงอีกครั้ง “ท่านเถียนเฟิง…ท่านอย่าได้สงสัยเลย ข้าจะไม่กลับไปหาหลี่หยางอีก ข้าขอสาบาน”

ถ้อยคำสั่นเครือแต่หนักแน่นพอที่จะทำให้เถียนเฟิงนิ่งงันไปชั่วขณะ สุดท้ายเขาถอนหายใจยาว ก่อนจะยื่นมือหยาบกร้านเช็ดน้ำตาที่ขอบแก้มให้

“เจ้ามันโง่เหลือเกิน…แต่ถึงจะโง่เพียงใด ข้าก็ไม่อาจผลักไสเจ้าได้ลง” เถียนเฟิงกล่าวเสียงแผ่ว ดวงตาคมยังแดงก่ำ แต่ในนั้นกลับสะท้อนประกายความหวงแหนอย่างปิดไม่มิด

สัมผัสอ่อนโยนขัดกับวาจารุนแรงเมื่อครู่

เสวี่ยซีสะอื้นหนักกว่าเดิมคราวนี้เป็นเพราะโล่งใจ เขาทรุดซบอกกว้างของเถียนเฟิง ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก
ริมฝีปากพร่ำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เถียนเฟิงแม้ยังมีความเจ็บ แต่สองแขนใหญ่ก็โอบรัดแผ่วเบา ราวกับยอมให้ดอกไม้บอบบางดอกนี้

ได้พักพิงในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขา


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 17235 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-16 11:19
โพสต์ 17,235 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-16 11:19
โพสต์ 17,235 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-16 11:19
โพสต์ 17,235 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-16 11:19
โพสต์ 17,235 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 ความชั่ว +4 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-16 11:19
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-20 01:08:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 19 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น.
╰┈➤ มุมมองเถียนเฟิง

ภายในยามราตรี จวนต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่นปกคลุมด้วยบรรยากาศสงบขรึม แสงตะเกียงส่องลอดม่านบางสีครามที่พลิ้วไหวตามแรงลมอ่อน เถียนเฟิงก้าวเข้ามาในเรือนใหญ่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของเขากระทบพื้นไม้สลับกับเสียงลมที่พัดผ่านสวนไผ่ด้านนอก แต่ในใจกลับพลุ่งพล่านไม่ต่างจากเพลิงที่กำลังโหมไหม้

ตลอดเส้นทางกลับจากหอว่านหงเหริน เขามิได้เอ่ยสิ่งใดกับผู้ติดตาม เพียงขมวดคิ้วแน่น นัยน์ตาคมวาวเหมือนอสรพิษที่กำลังรอจังหวะขย้ำเหยื่อ ความหงุดหงิดและความร้อนใจพุ่งขึ้นมาจนไม่อาจระบายออกมาได้แม้แต่คำเดียว ภาพเสวี่ยซีที่เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแววตาเจ็บปวดสั่นไหว ฝังแน่นอยู่ในใจของเขา

เมื่อเข้ามายังห้องทำงานส่วนตัว เถียนเฟิงเหวี่ยงเสื้อคลุมออกจากบ่าแล้วโยนลงบนเก้าอี้ไม้หอม ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ แสงตะเกียงสะท้อนเงาเรียวยาวบนผนัง แสดงถึงไหล่กว้างและท่าทีสง่าที่ใครต่อใครยกย่องว่าต้าซือคงผู้เพียบพร้อม แต่ยามนี้ร่างสูงนั้นกลับเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย มือเรียวสวยที่ควรจับพู่กันเขียนอักษรกลับกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

เขาพยายามทบทวนเหตุการณ์ในหัวทีละส่วน เห็นเสวี่ยซีโกรธจนผลักเขาออก เห็นหยดน้ำตาที่ร่วงลงข้างแก้มงดงามนั้น แล้วถ้อยคำของตนเอง…ที่หลุดปากแรงเกินไป “เจ้าเป็นเพียงนายโลม” เพียงคำเดียวก็เหมือนคมดาบที่ตัดใจคนออกเป็นเสี่ยง ๆ

เถียนเฟิงไม่ใช่ชายหนุ่มที่ไม่รู้จักคิด เขามีสติปัญญาและมารยามากพอจะอ่านใจคนอื่น ทว่ากับเสวี่ยซี…เขากลับพลั้งพลาด ท่าทีหึงหวง ความหวาดระแวงเรื่องแหวนที่เห็นบนนิ้ว ทำให้เขาแสดงออกเหมือนบุรุษตื้นเขินที่เอาแต่ครอบครอง ไม่ใช่ผู้ที่ยื่นมือปกป้อง

เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ลมหายใจหนักอึ้งออกมาอย่างขัดใจ ความขมขื่นผุดขึ้นในอกนี่หรือคือสิ่งที่เขาก่อขึ้นเอง?

เงียบงันครู่ใหญ่ ก่อนที่เถียนเฟิงจะเรียกเสียงทุ้มต่ำออกมา “ไปตามเจี่ยนซือมา”

ไม่นานลูกน้องคนสนิทก็เข้ามาคุกเข่ารอฟังคำสั่ง เถียนเฟิงปรายตามองเพียงแวบเดียว แต่แววนัยน์ตาเต็มไปด้วยความเด็ดขาด

“เสวี่ยซีออกจากหอว่านหงเหรินตั้งแต่เมื่อคืน ให้เจ้าสืบให้ทั่วว่าบัดนี้เขาอยู่ที่ใด ข้าไม่อยากได้คำแก้ตัวว่า ‘หาไม่พบ’”

“ขอรับ”

“และหากผู้ใดในหอกล้าปล่อยให้เขาไปรับแขกอื่น นับแต่นี้ไป—” เถียนเฟิงหยุดชั่วครู่ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อยในรอยยิ้มเย็นเยียบที่มิได้แตะดวงตา “ให้ส่งข่าวถึงพวกนั้นว่า ข้าจะเป็นคนทำลายหอเสียเอง”

เจี่ยนซือขนลุกซู่ เพราะถ้อยคำเช่นนี้จากปากเจ้านาย มิใช่เพียงคำขู่ หากแต่เป็นการประกาศคำตัดสิน

หลังส่งลูกน้องออกไป เถียนเฟิงยกถ้วยชามาเทสุราดื่ม ทว่าเพียงกลิ่นก็ทำให้เขานึกถึงคืนก่อน ร่างอรชรในชุดบางกำลังร่ายรำ เสียงหัวเราะหยอกเย้าที่ค่อย ๆ ละลายเกราะแข็งของหัวใจเขาไปทีละน้อย ภาพนั้นยิ่งชัดเจนเมื่อคิดว่าอาจไม่มีวันได้เห็นอีก

“เจ้ายั่วโทสะข้า แล้วก็ยังกล้าเดินจากไปเช่นนั้นงั้นหรือ” เสียงทุ้มแผ่วพึมพำอยู่ในความเงียบราวกับคำสารภาพ เขารู้แล้วว่าตนมิอาจมองคนผู้นั้นเป็นเพียงของเล่นชั่วคราว ความหวังดีที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความโกรธ ความหวงห้ามแท้จริงแล้วมันคือสิ่งใด หากไม่ใช่ความรักที่กำลังเติบโต

ความคิดคำนึงถาโถมจนยากสงบ เถียนเฟิงลุกขึ้นยืน มองออกไปนอกหน้าต่างที่ท้องฟ้ายังสว่างด้วยแสงจันทร์ เขารู้ว่าเกมนี้เพิ่งเริ่มต้น ความผิดพลาดครั้งก่อนจะไม่เกิดขึ้นอีก หากเสวี่ยซีดื้อด้านหนีเขาไปไกลเพียงใด เขาก็จะดึงกลับมาอยู่ในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา


วันที่ 20 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น.


รุ่งสางวันถัดมาแสงแรกของอาทิตย์สาดผ่านม่านบางสีครามในห้องบรรทมของจวนต้าซือคง เถียนเฟิงยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ มิได้หลับตลอดทั้งคืน ตะเกียงน้ำมันดับไปนานแล้ว ทว่าดวงตาคมยังคงสว่างโรจน์ราวกับมิได้ต้องการการพักผ่อน

ในมือเขาถือพู่กันสีดำ แต่กลับมิได้เขียนอักษรลงบนกระดาษ เพียงหมุนวนไปมาอย่างครุ่นคิด ใบหน้าคมสันสงบนิ่ง แต่ภายในอกเหมือนคลื่นทะเลเชี่ยวกรากที่พร้อมถาโถมซัดทุกสิ่ง เถียนเฟิงรู้แล้วว่า ไม่อาจปล่อยให้เรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงบาดแผลลึกที่กัดกินระหว่างเขากับเสวี่ยซี เขาต้องลงมือ ต้องควบคุมเกมนี้ให้กลับมาอยู่ในกำมือ

เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น เจี่ยนซือ ลูกน้องคนสนิท ก้าวเข้ามาก้มศีรษะ “นายท่าน ข้ามีข่าวแล้ว”

ดวงตาเถียนเฟิงหันมามองช้า ๆ “ว่ามา”

“เมื่อคืนหลังจากออกจากหอว่านหงเหริน ข้าน้อยให้คนตามรอยเสวี่ยซีไว้ เขาไปโรงเตี๊ยมชิงหมิง และอยู่จนดึกดื่น ข้างกายมีนายโลมเพื่อนสนิทนั่งปลอบโยน ร่วมดื่มสุรา”

เพียงได้ยิน น้ำเสียงเถียนเฟิงแผ่วต่ำลง “โรงเตี๊ยมชิงหมิง…”

เจี่ยนซือพยักหน้ารับ พลางยื่นบันทึกเล็ก ๆ ที่จดรายละเอียดไว้ “ตอนนี้ยังไม่แน่ว่าเขาจะกลับไปที่หอ หรือยังคงอยู่ที่โรงเตี๊ยม แต่ข้าได้จัดคนคอยสอดส่องอยู่รอบ ๆ แล้ว”

เถียนเฟิงวางพู่กันลง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา “ดี… เจ้ารู้หรือไม่เจี่ยนซือ เหยื่อที่ดื้อรั้นยิ่งนัก หากยิ่งดิ้นรนออกห่าง ก็ยิ่งติดบ่วงที่เราขึงไว้แน่นขึ้น”

เจี่ยนซือก้มศีรษะต่ำลง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพราะเข้าใจดีว่าคำพูดเจ้านายหาใช่เรื่องล้อเล่น หากแต่เป็นเจตนารมณ์อันแน่วแน่

เถียนเฟิงลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่ในชุดยาวสีเข้มดูสง่างามราวบุรุษผู้เพียบพร้อม แต่ใต้ดวงตาที่ฉายแสงอำมหิต กลับมีความว้าวุ่นซ่อนอยู่ “ส่งคนไปจับตาดูไม่ให้คลาด อย่าให้ใครเข้าใกล้เขามากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นแขกที่หอ หรือพวกที่คิดจ้องมองเขา ข้าไม่ต้องการให้เสวี่ยซีเผชิญสิ่งใดเพียงลำพังอีก”

“ขอรับ”

หลังลูกน้องออกไป ความเงียบเข้าปกคลุมห้อง เถียนเฟิงเดินไปที่หน้าต่าง มองเห็นสวนไผ่ต้องแสงอรุณ เสียงใบไผ่เสียดสีกันคล้ายเสียงคร่ำครวญ เขายกมือแตะบานหน้าต่างเบา ๆ ความคิดวกวนถึงภาพร่างบางในชุดบางนั่งร่ายรำให้เขา ภาพน้ำตาที่ร่วงลงจากดวงตาสีอำพันในคืนนั้นยิ่งตอกย้ำให้เขาแน่ใจ

เขาไม่เพียงต้องการครอบครอง แต่ต้องการปกป้อง ต้องการทำให้เสวี่ยซีรู้ว่าโลกใบนี้ยังมีที่ที่ปลอดภัย ที่ที่มีเพียงเขาและไม่มีผู้ใดแตะต้องได้

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 18728 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-20 01:08
โพสต์ 18,728 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-20 01:08
โพสต์ 18,728 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-20 01:08
โพสต์ 18,728 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-20 01:08
โพสต์ 18,728 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 ความชั่ว +4 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-20 01:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-20 10:34:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์นี้มีการป้องกันรหัสผ่านไว้ กรุณากรอกรหัสผ่าน 
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-21 06:24:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 21 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเหม่า เวลา 05.00 - 07.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง


เถียนเฟิงลืมตาขึ้นมาในความมืดมิด เขานอนจ้องมองใบหน้าที่อ่อนเพลียแต่ดูมีความสุขของเสวี่ยซีอยู่ในอ้อมกอดอย่างเงียบเชียบมาเป็นเวลานานแล้ว ดวงตาคมกริบกวาดสำรวจทุกรายละเอียดบนใบหน้าอันงดงาม ตั้งแต่แพขนตาทอดตัวเป็นเงายาวบนแก้มเนียน สันจมูกโด่งรั้นที่น่ามันเขี้ยว ไปจนถึงริมฝีปากบางที่ยังคงบวมเจ่อเล็กน้อยจากการจูบอันหนักหน่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา ลมหายใจอุ่นร้อนที่สม่ำเสมอของเสวี่ยซีเป่ารดแผงอกของเขาเป็นจังหวะ

ร่างสูงค่อยๆ ก้มลงไปจรดริมฝีปากบนหน้าผากเนียนอย่างแผ่วเบาที่สุดราวกับกลัวว่าคนตัวเล็กจะตื่นขึ้นมา ความรู้สึกเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์แบบแผ่ซ่านไปทั่วร่าง รอยแดงจางๆ ที่ปรากฏอยู่บนลำคอระหงและรอยขบเม้มบนไหล่บาง คือตราประทับชั้นดี

ก่อนจะเดินไปเตรียมน้ำอุ่นในถังไม้ใบใหญ่สำหรับอาบน้ำอย่างเงียบเชียบที่สุด

เสียงน้ำที่ไหลกระทบเนื้อไม้ปลุกให้คนที่หลับใหลอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว

“เถียนเฟิง” เสวี่ยซีครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงงัวเงีย ค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองไปรอบๆ ห้องที่สลัวด้วยแสงตะเกียง “ท่าน... ตื่นแล้วหรือ”

“เห็นว่าใกล้รุ่งแล้ว จึงอยากเตรียมน้ำอุ่นให้เจ้าได้ชำระร่างกายเสียหน่อย เมื่อคืนเจ้าคงจะเหนื่อยมาก”

เสวี่ยซีหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องราวอันร้อนแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้จนมิดชิด แม้ว่าทุกส่วนในร่างกายจะถูกคนตรงหน้าย่ำยีไปหมดแล้วก็ตาม “ข้าสบายดี ขอบใจท่าน”

เถียนเฟิงส่ายหน้าเบาๆ ยื่นมือไปลูบกลุ่มผมสีดำที่ยุ่งเหยิงอย่างอ่อนโยน “ลุกไหวไหม ให้ข้าช่วยอุ้มไปดีกว่า” ไม่รอคำตอบ เขาช้อนตัวร่างบอบบางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างง่ายดายราวกับเป็นเพียงขนนก ผ้าห่มที่เคยปกปิดร่างกายร่วงหล่นลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่เปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งรัก

“อ๊ะ! เถียนเฟิง! ข้า... ข้าเดินเองได้!” ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ รีบใช้แขนโอบรอบคอของต้าซือคงไว้แน่น

“เจ้าเหนื่อยเกินไปอย่าดื้อกับข้าเลยนะ” เสียงทุ้มข้างใบหู ก่อนจะกดจูบลงไปบนแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อฟอดใหญ่ แล้วอุ้มร่างบางตรงไปยังถังอาบน้ำที่เตรียมไว้เถียนเฟิงวางร่างบอบบางลงในถังไม้อย่างนุ่มนวลที่สุด น้ำอุ่นที่เตรียมไว้พอดีแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายที่อ่อนล้า

“สบายเหลือเกิน”

เถียนเฟิงยิ้มอย่างพึงพอใจ ก้าวลงไปในถังอาบน้ำที่กว้างพอสำหรับผู้ชายสองคน ก่อนจะนั่งซ้อนหลังเสวี่ยซีแล้วดึงร่างบางเข้ามาพิงกับแผ่นอกกว้างของตนเอง หยิบผ้าผืนนุ่มขึ้นมา ชุบน้ำอุ่นแล้วค่อยๆ บรรจงเช็ดทำความสะอาดไปทั่วแผ่นหลังเนียนละเอียดอย่างแผ่วเบา

“ท่านไม่ต้อง….”

“ข้ารุนแรงกับเจ้าเกินไปหรือไม่” ชายหนุ่มถามพลางใช้ฟองสบู่หอมกลิ่นดอกไม้ป่าลูบไล้ไปทั่วผิวเนื้อ

เสวี่ยซีสั่นศีรษะ ซบแผ่นหลังเข้ากับอกอุ่นๆอย่างออดอ้อน "ไม่เลยข้า... ข้าชอบชอบทุกอย่างที่เป็นเจ้า” ตอบเสียงอู้อี้ “เพียงแต่ช่องทางด้านหลังมันยังเจ็บแปลบอยู่บ้าง”

พวกเขาช่วยกันชำระล้างร่างกายให้กันและกันอย่างเงียบๆ มีเพียงเสียงน้ำที่กระเพื่อม เสียงลมหายใจที่ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว เถียนเฟิงบรรจงทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมบนร่างกายของนายโลมอย่างทะนุถนอม โดยเฉพาะช่องทางรักที่บวมช้ำจากการร่วมรักอันหนักหน่วง เขาสอดนิ้วเข้าไปกวาดล้างคราบน้ำรักของเขาที่ตกค้างอยู่ภายในออกมาอย่างอ่อนโยนที่สุด จนเสวี่ยซีเผลอครางออกมาด้วยความเสียวซ่านหลายต่อหลายครั้ง

เมื่อชำระร่างกายจนสะอาดหมดจดแล้ว ก็อุ้มเสวี่ยซีกลับมาที่เตียงอีกครั้ง เช็ดตัวให้จนแห้งสนิท ก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ที่เตรียมไว้ให้ เป็นชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีสีขาวสะอาดตาที่สวมใส่สบาย


แสงอาทิตย์แรกของวันเริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อง ไล่ความมืดมิดให้จางหายไปจนหมดสิ้น อากาศยามเช้ายังคงหนาวเย็น แต่ภายในเรือนพักของต้าซือคงกลับอบอวลไปด้วยไออุ่น

บนโต๊ะไม้ตัวเล็กกลางห้อง มีสำรับอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่ดูน่ารับประทานวางอยู่ มีเพียงข้าวต้มร้อนๆ ที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น ไข่เค็ม และผักดองสองสามอย่างเท่านั้น

เถียนเฟิงตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้เสวี่ยซีก่อนจะตักให้ตัวเอง พลางเลื่อนถ้วยไปตรงหน้าร่างบางพร้อมกับรอยยิ้ม "ข้าเห็นเจ้าดูอาการไม่ค่อยดี เลยสั่งให้บ่าวทำข้าวต้มร้อนๆ เป็นข้าวต้มทรงเครื่อง"

เสวี่ยซียิ้มตอบอย่างอ่อนหวาน “กลิ่นหอมมาก ข้าชอบขอบคุณนะ”

คำพูดนั้นทำให้เถียนเฟิงชะงักไปเล็กน้อย “พูดจริงเหรอ แล้วเจ้ามีความสุขไหมที่อยู่กับข้าตอนนี้”

“จริงสิ” เสวี่ยซีพยักหน้า “ข้าไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ข้าอยากจะตื่นมาเจอหน้าท่าน ทานข้าวกับท่านและนอนหลับในอ้อมกอดของท่าน ทุกวันไปตลอดชีวิต" มันทำให้รู้สึกถึงอดีตกับหลี่หยาง ชายคนรัก…ความรักสิบปีที่ทิ้งเขาไป

ดวงตาขุนนางหนุ่มวาวโรจน์ขึ้นมา เขาวางช้อนลงแล้วยื่นมือไปกุมมือบอบบางที่วางอยู่บนโต๊ะไว้แน่น

“เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะซีเอ๋อร์” กระซิบเสียงจริงจัง “ว่าจะอยู่กับข้าตลอดไป อย่าได้ผิดคำสัญญาเป็นอันขาด... เพราะหากมีวันใดที่เจ้าคิดจะจากข้าไป... ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้าง”

คำพูดที่แฝงไปด้วยความน่ากลัว

ทั้งสองคนจ้องตากันอย่างลึกซึ้ง คำมั่นสัญญาที่เปล่งออกมาจากหัวใจถูกแลกเปลี่ยนกันผ่านสายตาที่ประสานกันอย่างไม่มีใครยอมหลบไปก่อน บรรยากาศรอบตัวพลันเงียบสงบลง มีเพียงไออุ่นจากถ้วยข้าวต้มที่ลอยกรุ่นขึ้นมาเป็นสายบางๆ เสวี่ยซีเป็นฝ่ายหลบสายตาคมกริบคู่นั้นก่อน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ก้มหน้าลงมองถ้วยข้าวต้มในมือ พลางใช้ช้อนคนเบาๆ “ทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

เถียนเฟิงคลี่ยิ้มบางเบา รู้สึกได้ถึงความเขินอายของคนตรงหน้า “อืม” เขารับคำสั้นๆ ก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารเช้าของตนเองบ้าง แต่สายตาของยังคงจับจ้องอยู่ที่ทุกการกระทำคนตรงหน้า ไม่คลาดเคลื่อนไปแม้แต่วินาทีเดียว สังเกตเห็นว่าเสวี่ยซีดูจะทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ และท่าทางการจับช้อนก็ดูเก้งก้างเล็กน้อยราวกับคนไม่มีเรี่ยวแรง

“ข้าหมายถึงร่างกายของเจ้า”

เสวี่ยซีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับช้าๆ ใบหน้ายิ่งแดงก่ำขึ้นไปอีก “เดี๋ยวก็คงจะดีขึ้น”

“เป็นความผิดของข้าเองที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่” เถียนเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด วางช้อนลงอีกครั้ง “คืนนี้ข้าจะนวดให้เจ้าจะนวดจนกว่าจะหายดี”

“ไม่ต้องลำบากถึงขนาดนั้นก็ได้” เสวี่ยซีรีบปฏิเสธ “แค่ท่านอยู่ข้างๆ ความเจ็บปวดทั้งหมดก็เหมือนจะหายไปแล้ว”

“เจ้าช่างปากหวานเสียจริงหวานจนข้าอยากจะ 'กิน' อีกสักรอบแทนอาหารเช้า”

“ทะลึ่ง!” มือบางฟาดมือลงบนแขนของเถียนเฟิงเบาๆ เป็นเชิงดุ แต่ดวงตากลับทอประกายแห่งความสุขอย่างปิดไม่มิด “รีบทานข้าวได้แล้ว ท่านต้องไปทำงานนะ!”

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20944 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-21 06:24
โพสต์ 20,944 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-21 06:24
โพสต์ 20,944 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-21 06:24
โพสต์ 20,944 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-21 06:24
โพสต์ 20,944 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-21 06:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-27 03:33:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เวลา 23.00 - 06.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง


ลมยามค่ำคืนพัดแรงขึ้นกว่าเดิม แสงจันทร์เลื่อนคล้อยกลางฟากฟ้า ด้านหน้าหอว่านหงเหรินที่มืดเงียบกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันแปลกประหลาดทันทีที่ร่างสูงสง่าก้าวออกมาจากเงามืด

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีอำพันเบิกกว้าง ร่างกายสั่นสะท้านไม่ใช่เพราะลมหนาว แต่เพราะผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเถียนเฟิง ต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่น บุรุษผู้มากบารมีและเปี่ยมด้วยอำนาจล้นเหลือ

แววตาคมกริบที่มองมาไม่ใช่เพียงความเย็นชา หากยังแฝงประกายกร้าวที่เหมือนคมดาบแหลมคมส่องประกายภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าคมเข้มที่ปกติสุขุมดั่งหยกนิ่ง กลับแข็งกร้าวจนทำให้บรรยากาศรอบกายเย็นเยียบลงในทันที

"ซีซี" เถียนเฟิงเอ่ยเสียงต่ำช้า เพียงสองพยางค์แต่กลับกดดันจนหัวใจเสวี่ยซีเต้นแรง

หลี่หยางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยกยิ้มบางอย่างท้าทาย "อ้าว...ต้าซือคงผู้ยิ่งใหญ่ วันนี้ลดตัวลงมาตามหาคนรักในหอเช่นนี้เชียวหรือ?"

ถ้อยคำหยามหยันนั้นเหมือนตอกย้ำความผิดที่เสวี่ยซีกำลังทำอยู่ เขาก้มหน้าหลบสายตาของเถียนเฟิง พลันรู้สึกเหมือนถูกตีแสกหน้าด้วยความผิดบาปที่ตนไม่อาจแก้ตัว

แต่เถียนเฟิงไม่แม้แต่จะปรายตามองหลี่หยางสักนิด เขาก้าวเข้ามาหาเสวี่ยซีทีละก้าว ร่างสูงสง่าที่มาพร้อมกลิ่นอายอำนาจทำให้ทุกฝีก้าวราวกับแรงกดมหาศาลกดทับลงบนบ่าของเสวี่ยซี

"เจ้ามีสิทธิ์อะไร มาพูดกับเสวี่ยซีเช่นนั้น" เถียนเฟิงหันขวับไปมองหลี่หยางในที่สุด น้ำเสียงเย็นเยียบราวน้ำแข็ง "สิบปีที่เจ้ากักขังเขาไว้ ข้าจะไม่รื้อฟื้นขึ้นมา แต่เวลานี้เขาอยู่ในความคุ้มครองของข้า"

"คุ้มครอง" หลี่หยางหัวเราะเย้ยหยัน "หรือว่าควบคุม ซีเอ๋อร์อยู่กับข้ามาสิบปี รู้จักนิสัยข้าดี ว่าข้าไม่เคยโกหกสิ่งใด...ต่างจากท่าน ที่เพิ่งรู้จักเขาเพียงไม่นาน"

เสวี่ยซีสะท้านเฮือก หัวใจถูกบีบรัดจนหายใจติดขัด เขาอยากจะปฏิเสธคำพูดของหลี่หยาง แต่ความจริงก็คือ...เขาเคยอยู่กับหลี่หยางมานานจริง ๆ ทุกถ้อยคำจึงเหมือนพันธนาการที่ดึงเขาไว้

ทว่าทันใดนั้นเอง เถียนเฟิงก้าวเข้ามาประชิดตัวเสวี่ยซี มือใหญ่คว้าข้อมือเรียวขึ้นมากอบกุมไว้แน่นจนเสวี่ยซีเผลอร้องเบา ๆ

"ไปกับข้า" เสียงทุ้มต่ำดังก้องราวกับคำสั่ง ไม่มีพื้นที่ให้โต้แย้ง

"ท่านเถียนเฟิง..." เสวี่ยซีเงยหน้ามองเขา น้ำใสคลอหน่วยตา เขาสับสนจนพูดไม่ออก ร่างบางสั่นระริกเพราะแรงบีบและแรงอารมณ์ที่ตีกันยุ่งเหยิงในอก

"เจ้ากำลังหลงลืมสิ่งสำคัญหรือไม่" เถียนเฟิงโน้มหน้าลง เอ่ยเสียงหนักแน่น "แหวนบนมือเจ้านั้น...ข้าเป็นคนสวมให้ มิใช่เขา"

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีสะดุ้ง สายตาเผลอหันมองแหวนหยกที่สวมอยู่จริง ๆ ดวงตาสีอำพันพร่าเลือนด้วยน้ำตา ไม่รู้ว่าควรเชื่อใจใครระหว่างอดีตสิบปีที่ผูกพัน หรือสัญญาใจที่เพิ่งได้รับเมื่อไม่นานมานี้

หลี่หยางยกยิ้มเย้ยพลางก้าวเข้ามาใกล้ "ต้าซือคงผู้ยิ่งใหญ่ หากท่านมั่นใจนักว่าซีเอ๋อร์เลือกท่าน ก็ปล่อยมือเขาสิ...ให้เขาเลือกด้วยตนเอง"

ถ้อยคำท้าทายนั้นทำให้เถียนเฟิงแค่นหัวเราะเย็นเยียบ แต่แทนที่จะปล่อย เขากลับกระชากร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแน่วแน่ แขนแข็งแรงโอบรัดเสวี่ยซีไว้แน่นจนแทบไม่มีช่องว่าง

"เขาไม่ต้องเลือก" เถียนเฟิงกล่าวชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคมกริบจ้องตรงไปที่หลี่หยางราวกับอสรพิษที่พร้อมฉกทันที "เพราะตั้งแต่วินาทีที่ข้ามอบแหวนให้ เขาก็คือของข้าแล้ว"

เสวี่ยซีได้ยินดังนั้น ร่างทั้งร่างก็อ่อนแรงลงในอ้อมแขนนั้น ความร้อนผ่าวแผ่ซ่านขึ้นที่ดวงหน้า น้ำตาไหลรินออกมาไม่รู้ตัว—ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เพราะหัวใจที่ถูกยึดครองอย่างสิ้นเชิง

หลี่หยางเม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าฉายแววโกรธจัด แต่เมื่อเห็นสายตาของเสวี่ยซีที่หวาดหวั่นปนละลายลงไปกับแรงอำนาจของเถียนเฟิง เขาก็รู้ทันทีว่าในตอนนี้ตนกำลังเสียเปรียบ

เถียนเฟิงไม่เสียเวลาอีก เขาโอบรัดเสวี่ยซีแล้วหันหลังพาร่างบางเดินออกจากที่นั่นโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง หลี่หยางเอื้อมมือออกไปเหมือนจะคว้า แต่กลับหยุดชะงัก เพราะแรงกดดันจากแผ่นหลังของเถียนเฟิงนั้นมหาศาลจนยากจะทัดทาน

เสียงก้าวเดินหนักแน่นของเถียนเฟิงสะท้อนก้องบนพื้นหินในยามราตรี ร่างสูงสง่าที่โอบกอดเสวี่ยซีแนบอกก้าวพ้นเงามืดออกไปโดยไม่หันกลับมาอีก

เสวี่ยซีซุกใบหน้ากับอกกว้างนั้น น้ำตายังคงรินไหล เขาไม่รู้ว่าตนกำลังทำถูกหรือผิด แต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือหัวใจเขาไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดของบุรุษผู้นี้ได้เลย

และภายในความเงียบงันอันเยือกเย็นของค่ำคืนนี้ เสียงหัวใจของทั้งคู่กลับดังประสานเป็นจังหวะเดียวกัน



ยามดึกสงัดเงาจันทร์ทอดตัวลงบนกำแพงสูงของจวนต้าซือคงความโอ่อ่าและสง่างามของที่นี่ต่างจากหอว่านหงเหรินโดยสิ้นเชิง บรรยากาศเย็นชืด ไร้ซึ่งเสียงหัวเราะคึกคักของเหล่านางโลม นายโลม มีเพียงแสงตะเกียงสว่างนวลตาและเสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารยามที่เดินตรวจตรา

เสวี่ยซีถูกพามาถึงห้องโถงใหญ่ ร่างบอบบางยังคงซุกอยู่ในอ้อมแขนของเถียนเฟิง น้ำตาแห้งเหือดไปแล้วแต่ดวงตาสีอำพันยังแดงช้ำ ริมฝีปากสั่นระริกเต็มไปด้วยความกดดัน

เถียนเฟิงนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สลักที่สูงกว่าปกติ เขามองเสวี่ยซีที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มเงียบงัน แต่แววตาคมดุดันนั้นฉายชัดถึงความเดือดพล่านในอก

“เสวี่ยซี” น้ำเสียงทุ้มต่ำก้องไปทั่วห้อง “ข้าอยากถามเจ้าให้ชัดเหตุใดเจ้าถึงอยู่กับเขา”

คำถามนั้นหนักหน่วงราวกับหินก้อนใหญ่ทับลงกลางอก เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ นัยน์ตาสีอำพันสั่นไหว “ข้าเพียงอยากฟังคำพูดของเขา เขาเป็นคนที่ข้าเคยอยู่ด้วยมาเนิ่นนาน”

เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก เขายกมือขึ้นเท้าคางดวงตาคมกริบตวัดมองด้วยแววปรามาส “อยู่ด้วยมาเนิ่นนาน สิบปีเต็มที่เจ้าถูกเขาล่ามโซ่พันธนาการไว้ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือว่าเขาไม่เคยรักเจ้า เขาเพียงใช้เจ้าเป็นที่รองรับความปรารถนา”

“ไม่ใช่นะ!” เสวี่ยซีเผลอร้องออกมา น้ำเสียงสั่นเครือ “เขา…เขาก็เคยดีกับข้า”

“ดีกับเจ้าด้วยคำหวานงั้นรึ” เถียนเฟิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะไม้เสียงดัง เพล้ง! จนเสวี่ยซีสะดุ้งสุดตัว “ซีเอ๋อร์ เจ้าจะโง่เขลาถึงเพียงนั้นหรือ ข้าถามจริง ๆ เจ้าเห็นเขายื่นอะไรให้เจ้าบ้างนอกจากพันธนาการและบาดแผล?!”

น้ำตาคลอหน่วยตาเสวี่ยซีอีกครั้ง ร่างบอบบางสั่นสะท้านราวกับต้นหลิวต้องลม เขาไม่รู้จะเถียงอย่างไร เพราะความจริงแล้ว หลี่หยางไม่เคยให้สัญญาใจที่มั่นคงแก่เขาเลย ต่างจากเถียนเฟิงที่เพียงไม่นานก็ยื่นแหวนหยกมาให้โดยไม่ลังเล

เถียนเฟิงมองเสวี่ยซีที่ไม่ตอบ ดวงตาคมดุกร้าวลงเรื่อย ๆ “เจ้าจำไว้ให้ดี หากข้าไม่ได้มาที่นั่นในคืนนี้ เจ้าคิดหรือว่าหลี่หยางจะปล่อยเจ้าไป? เขาจะใช้คำหวานหลอกล่อเจ้าอีกครั้ง แล้วเจ้า…ก็จะโง่เง่าเดินกลับไปหานรกเดิม ๆ ที่เจ้าเพิ่งหนีออกมา”

คำพูดแรงราวคมดาบฟันใจ เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลเงียบ ๆ เขาไม่อาจโต้เถียงได้แม้แต่คำเดียว

เถียนเฟิงถอนหายใจแรง เขาลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวเข้ามาประชิด เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถูกมือใหญ่เชยคางขึ้นให้สบตาโดยตรง

“เสวี่ยซี…ตั้งแต่บัดนี้ไป ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าหายไปจากสายตาข้าอีก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างเด็ดขาด “ข้าจะส่งคนมาจับตาดูเจ้า หากเจ้าคิดแม้แต่จะไปพบใครอื่น หรือกลับไปหาหลี่หยางแม้เพียงชั่วครู่อย่าโทษว่าข้าใจร้าย”

เสวี่ยซีเบิกตากว้าง หัวใจเต้นระส่ำ “ท่านจะควบคุมข้าถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

“ไม่ใช่การควบคุม” เถียนเฟิงเอียงหน้าลงมาใกล้ ดวงตาคมดุดันจับจ้องอย่างไม่ปล่อย “แต่เป็นการปกป้อง ข้าจะไม่ให้เจ้าเจ็บปวดอีกแม้แต่น้อย ต่อให้เจ้าจะโกรธ หรือเกลียดข้า ก็ช่างมัน แต่ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายได้อีก”

เสวี่ยซีตัวสั่น รู้สึกถึงความแน่วแน่ในถ้อยคำนั้น ใบหน้าขาวนวลแดงซ่าน ความรู้สึกซับซ้อนตีรวนในอก ทั้งอึดอัดทั้งอบอุ่นทั้งหวาดหวั่น และทั้งอุ่นใจไปพร้อมกัน

เถียนเฟิงกดหน้าผากลงแนบกับหน้าผากเสวี่ยซี ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดจนเสวี่ยซีเผลอหลับตาลง “เจ้าจะเกลียดข้าเพราะข้าหึงหวงก็ได้ แต่เจ้าจะไม่มีวันหนีไปจากข้าอีก เข้าใจหรือไม่…ซีเอ๋อร์”

ถ้อยคำสุดท้ายเอ่ยเรียกชื่ออย่างแผ่วเบาแต่หนักแน่น ราวกับตราตรึงลงในหัวใจ


แสงอรุณส่องผ่านม่านบางของเรือนใหญ่ในจวนต้าซือคง กลิ่นน้ำชาร้อนที่เพิ่งชงลอยคลุ้งอบอวลไปทั่ว เสวี่ยซีตื่นขึ้นด้วยอาการอิดโรยเล็กน้อยจากความกดดันเมื่อคืน ร่างผอมบอบบางในชุดคลุมบางสีอ่อนเดินออกมาสูดอากาศในสวนเงียบ ๆ สายตาอำพันทอดมองหมู่ไม้และบึงบัว สีหน้าพยายามสงบ แต่ลึก ๆ ยังคงมีร่องรอยแห่งความหนักใจที่ไม่เคยหาย

เสวี่ยซีคิดว่าหลังจากที่เขาสัญญากับเถียนเฟิงเมื่อคืน เรื่องราวคงจะเบาบางลง ทว่าความจริงกลับเป็นอีกแบบหนึ่งโดยสิ้นเชิงเพราะสำหรับเถียนเฟิง บุรุษผู้แบกทั้งอำนาจและชื่อเสียงไว้ในมือ มิอาจวางใจให้ใครมาแย่งสิ่งที่เขาเลือกแล้วได้

เถียนเฟิงในยามเช้า ยังคงแต่งกายในชุดผ้าไหมสีเข้มทอทองลายเมฆา เขายืนอยู่กลางห้องทำงานที่เต็มไปด้วยม้วนตำราและบัญชีราชการ แววตาคมเข้มทอดนิ่งไปยังโต๊ะไม้ที่มีรายชื่อและรายงานเบื้องหน้าวางเรียง เขาไม่ใช่เพียงชายหนุ่มผู้สุขุมงดงามในสายตาคนภายนอก แต่คือผู้บงการที่สามารถควบคุมทุกอย่างให้เป็นไปตามต้องการ

เถียนเฟิงยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนออกคำสั่งเสียงเรียบแต่ทรงอำนาจ “สั่งให้คนของเราลงพื้นที่ทุกแห่งที่หลี่หยางเคยไปขลุกตัว ตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหว และที่สำคัญ จับตาดูทุกย่างก้าวของเสวี่ยซีอย่างลับ ๆ ห้ามให้เจ้าตัวล่วงรู้เด็ดขาด”

องครักษ์คู่ใจโค้งศีรษะรับคำ “ขอรับ” ก่อนรีบถอยออกไปอย่างไม่รั้งรอ

สายตาเถียนเฟิงทอประกายเย็นเยียบ เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่เคยทำให้เสวี่ยซีร้องไห้มามากกว่าสิบปี—หลี่หยาง บุรุษผู้นั้นคือเงามืดที่อาจหวนกลับมาทำลายสิ่งที่เขาเพิ่งสร้างขึ้น หากเขาไม่ป้องกันเสียแต่ตอนนี้ ไม่แน่ว่าความไว้ใจเพียงคำพูดของเสวี่ยซีจะเพียงพอ

ทว่าเมื่อเดินออกมาสู่สวนด้านหน้า ภาพที่เห็นกลับทำให้หัวใจแข็งกระด้างของเขาอ่อนลงเล็กน้อย เสวี่ยซียืนอยู่ริมศาลาเล็ก ลมเช้าพัดชายผ้าคลุมบางจนแนบไปตามเรือนร่างเรียวยาวอ้อนแอ้น เส้นผมดำขลับยาวสลวยสะท้อนแสงแดดอ่อน นัยน์ตาอำพันทอดมองบึงบัวราวกับอยู่ในห้วงฝัน ทั้งบอบบางทั้งงดงามดุจภาพวาด

“เจ้าตื่นเช้าดีนัก” เถียนเฟิงก้าวเข้าไป เสียงทุ้มต่ำเรียบแต่ทรงพลัง

เสวี่ยซีหันกลับมา ดวงหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย “อากาศยามเช้าสดชื่นนัก ข้าอยากสูดหายใจให้เต็มปอด”

เถียนเฟิงก้าวเข้าไปใกล้ ยื่นมือจับมือเรียวที่เย็นจากสายลมเช้าไว้แน่น แววตาส่งประกายอ่อนโยน แต่ลึกในดวงตานั้นยังซ่อนคมพิษงูที่พร้อมสั่งการทุกสิ่งอยู่เงียบ ๆ “หากเจ้าหนาวก็ควรคลุมผ้าเพิ่มสักหน่อย ข้าไม่อยากเห็นเจ้าล้มป่วย”

เสวี่ยซีสบตาเขา ดวงตาฉายแววซาบซึ้งแต่ก็มีความกังวลปะปน “ท่านดูเป็นห่วงข้ามากเกินไปแล้ว”

คำพูดนั้นทำให้เถียนเฟิงเพียงยิ้มบาง แต่ไม่ตอบตรง ๆ เขากระชับมืออีกฝ่ายไว้แน่นกว่าเดิม “เจ้าคือคนที่ข้าเลือกแล้ว ข้าย่อมหวงเป็นธรรมดา”

ในขณะที่เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าแดงซ่าน เถียนเฟิงก็หันไปมองเงาต้นไม้ที่สะท้อนในบึงบัว ใจเขาเต็มไปด้วยการคำนวณและการจัดวางหมาก ทุกการเคลื่อนไหวของหลี่หยางจะต้องอยู่ใต้สายตา และทุกย่างก้าวของเสวี่ยซีต้องอยู่ในกำมือเขาอย่างแน่นหนา

เขารู้ดีแม้เสวี่ยซีจะสัญญาแล้ว แต่หัวใจคนไม่อาจบังคับด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยค สิ่งที่เขาต้องทำจึงคือการปิดประตูทุกบานที่อาจเปิดให้ใครสักคนเข้ามาแทรกได้ และแม้จะต้องสกปรกเพียงใด เถียนเฟิงก็ไม่ลังเลที่จะทำ



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 35211 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-27 03:33
โพสต์ 35,211 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-27 03:33
โพสต์ 35,211 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-27 03:33
โพสต์ 35,211 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-27 03:33
โพสต์ 35,211 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-27 03:33
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-28 00:09:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 28 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโฉ่ว เวลา 03.00 - 05.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ค่ำคืนนั้นเงียบสงบ ลมเย็นพัดผ่านสวนในจวนต้าซือคง เสียงไม้ไผ่เสียดสีกันเป็นระยะ เสวี่ยซีถูกเถียนเฟิงพากลับมาจากโรงชาเมฆาซ่อนจันทร์ แม้ตลอดทางเถียนเฟิงจะไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกมา แต่ความเงียบขรึมและแรงกดดันที่แผ่ออกจากร่างสูงก็เพียงพอที่จะทำให้เสวี่ยซีไม่กล้าเปิดปากเอ่ยถามอะไร แม้ใจภายในเต็มไปด้วยความลังเลและหวาดหวั่น

เมื่อเดินเข้าสู่ห้องพักอันเงียบสงบ บรรยากาศกลับไม่เหมือนทุกครั้งที่เคย เถียนเฟิงปลดเสื้อคลุมลงบนเก้าอี้โดยไม่หันมอง ร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของผู้บังคับบัญชา เสวี่ยซีที่ยืนอยู่ตรงประตูเหมือนเด็กน้อยที่ทำความผิด ไม่รู้จะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังดี

"ซีเอ๋อร์..." น้ำเสียงทุ้มต่ำในที่สุดก็ดังขึ้น ทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย เสวี่ยซีเงยหน้ามอง ใบหน้าขาวเนียนยังคงมีร่องรอยของความกังวลและสับสน

"ข้า" เสวี่ยซีพยายามจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าคำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก

เถียนเฟิงหันกายมาช้า ๆ สายตาคมดุจเปลวเพลิงจ้องลึกจนเสวี่ยซีรู้สึกราวกับไม่มีที่ใดให้หลบซ่อน "เจ้ารู้หรือไม่ ว่าข้าห่วงเพียงใด" เสียงนั้นแม้นุ่ม แต่แฝงด้วยแรงกดดันมหาศาล "เจ้ากล้าลอบออกจากจวน เพียงเพื่อไปพบคนอื่นโดยไม่บอกกล่าวข้าแม้สักคำ"

เสวี่ยซีเม้มปากแน่น หัวใจเต้นแรง "ข้าเพียงแต่…" คำอธิบายพร่ำเพรื่อกลับไม่ทันจะได้กล่าวจบ เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้จนเสวี่ยซีถอยกรูดไปชนขอบเตียง

มือใหญ่ยกขึ้นแตะคางเรียว เชยใบหน้าใสให้เงยขึ้นสบตา "ซีเอ๋อร์ เจ้าคือคนของข้าไม่ยินยอมให้ใครแย่งชิง ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งนั้น" น้ำเสียงราบเรียบ แต่แฝงด้วยความร้อนแรงดุจเปลวไฟ

ดวงตาของเสวี่ยซีสั่นไหวเหมือนเกล็ดน้ำแข็งที่กำลังละลาย ใบหน้าขาวจัดแดงซ่านเพราะทั้งความอายและความตึงเครียด "ข้าไม่ได้หมายความว่า"

"เงียบ" เถียนเฟิงกดเสียงต่ำ มือใหญ่กวาดเส้นผมที่ตกลงมาปรกแก้มออกอย่างอ่อนโยนผิดกับคำพูด "ต่อให้เจ้ามีเหตุผล ข้าก็ไม่อยากฟังในคืนนี้ ข้าเพียงอยากเห็นว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าไม่หนีไม่หลีกเลี่ยง"

เสวี่ยซีหลับตาลงแผ่วเบา ร่างกายสั่นสะท้านความดื้อรั้นในใจกำลังถูกความอบอุ่น แรงกดดันที่ล้อมรอบทำลายทีละน้อย

เถียนเฟิงดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดแน่น กลิ่นหอมจาง ๆ ของบุปผาและสุราที่ติดกายเสวี่ยซีผสมเข้ากับกลิ่นอายของบุรุษผู้ทรงอำนาจอย่างลงตัว เสวี่ยซีพยายามขัดขืนเล็กน้อย แต่แขนแข็งแรงที่โอบรัดกลับแน่นขึ้นกว่าเดิม

"เลิกดื้อเสียทีเถิด" เสียงกระซิบข้างหูทำให้หัวใจของเสวี่ยซีแทบหยุดเต้น

ในที่สุดร่างบางก็ค่อย ๆ คลายความตึงเครียดลง ยกมือเรียวขึ้นแตะอกกว้างของเถียนเฟิงเบา ๆ ความอุ่นจากหัวใจเต้นแรงของอีกฝ่ายส่งผ่านสู่ฝ่ามือ จนความลังเลในใจเสวี่ยซีเริ่มถูกกลืนหายไป

บรรยากาศในห้องเงียบงัน มีเพียงแสงโคมไฟที่ส่องวูบไหว ผ้าม่านสีอ่อนพลิ้วตามแรงลม เสียงหายใจของทั้งสองประสานกันอย่างแผ่วเบา

ไม่นานนักเสวี่ยซีก็ถูกดันให้นั่งลงบนเตียง ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงขึ้นคลุมกาย ทั้งสองไม่พูดอะไรอีกต่อไป เถียนเฟิงเพียงกอดเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะสูญเสียไปอีกครั้ง มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางเบา ๆ อย่างปลอบโยน

เสวี่ยซีซุกหน้าลงกับอกกว้าง ความอุ่นนั้นทำให้หัวใจที่สับสนมาตลอดคืนค่อย ๆ สงบลง แม้จะรู้ดีว่าเถียนเฟิงเป็นบุรุษผู้บงการ ชอบควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในยามนี้ เสวี่ยซีก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตนเองกำลังพึ่งพิงอ้อมกอดนั้นอย่างเต็มใจ

"คืนนี้ อย่าคิดจะหนีไปไหนอีก" เถียนเฟิงกระซิบเสียงต่ำ ดวงตาคมยังคงมองเสวี่ยซีด้วยความจริงจัง

เสวี่ยซีไม่ตอบ เพียงแต่แก้มแดงระเรื่ออย่างน่ามอง ยกมือกอดตอบอย่างเงียบงัน

ภายในห้องโอบอวลด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ แสงไฟจากโคมส่องเงาสองร่างที่แนบชิดกันอย่างกลมกลืน ราวกับทั้งโลกมีเพียงพวกเขาสองคนร่างสูงใหญ่และร่างบอบบางนอนกอดกันอยู่บนเตียงเดียวกัน ท่ามกลางความเงียบสงบของค่ำคืนในจวนต้าซือคง


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 12167 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-28 00:09
โพสต์ 12,167 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-28 00:09
โพสต์ 12,167 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-28 00:09
โพสต์ 12,167 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-28 00:09
โพสต์ 12,167 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-28 00:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-4 19:12:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 2 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามซวี เวลา 20.00 - 22.00 น.

╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง


แสงจันทร์ค่อยๆ ทอดผ่านเมฆบาง ดวงไฟจากโคมแดงส่องแสงอ่อนอยู่เหนือกำแพงสูงของจวน “ต้าซือคง” อันยิ่งใหญ่แห่งราชสำนักฮั่น จวนนี้เป็นสถานที่ซึ่งบุรุษผู้ทรงอำนาจระดับหัวแถวของราชสำนักพักพำนัก ผู้คนที่ได้เข้ามาภายในมีเพียงไม่กี่คน และแทบไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงดังเกินจำเป็น


ค่ำคืนนี้กลับแตกต่างออกไปเพราะมีร่างบางผู้หนึ่งในชุดผ้าไหมสีชมพูอ่อน ยืนอยู่กลางลานฝึกกว้างซึ่งปูด้วยศิลาเรียบสนิท ลมหยาดเย็นยามสามทุ่มพัดผ่านกลีบดอกเหมยที่ร่วงจากต้นด้านข้าง ลอยวนอยู่เหนือพื้น ก่อนจะตกต้องปลายเท้าของชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีอำพัน


เสวี่ยซีนายโลมแห่งหอว่านหงเหริน ผู้ขึ้นชื่อเรื่องความงดงามและกิริยาอ่อนหวาน ทว่าคืนนี้มิได้อยู่ในชุดร่ายรำ หากแต่สวมเสื้อผ้าฝึกสีขาวเรียบ เนื้อผ้าเบา ทว่าคล่องตัว เขามองลานฝึกเบื้องหน้าอย่างอึ้งงัน


“ท่าน…จะให้ข้ามาฝึกที่นี่จริงหรือ”


น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา แต่มีแววลังเลเจืออยู่ในนั้น สายตาลอบมองรอบๆ เห็นกำแพงสูงที่ล้อมรอบ หอกฝึกตั้งเรียงเป็นแนว ดาบไม้และอุปกรณ์ฝึกหนักแน่นในความเงียบ


จ้งชิงยืนพิงเสาไม้พลางตอบด้วยเสียงราบเรียบ “ที่นี่ปลอดภัย ไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวน อีกทั้งพื้นแข็งพอให้เจ้าฝึกได้โดยไม่ต้องกลัวลื่นล้ม”


เสวี่ยซีหรี่ตาเล็กน้อยเขารู้ดีว่า “จวนต้าซือคง” แห่งนี้คือที่พำนักของ ‘เถียนเฟิง’ ต้าซือคงชายหนุ่มผู้มากบารมีและ...คนรักของเขา แต่แน่นอนเขาไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ ความสัมพันธ์นั้นเป็นเพียงเงาในหัวใจ ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ต่อใคร แม้แต่ต่อจ้งชิง


“วันนี้เราจะเริ่มจากพื้นฐานก่อน” จ้งชิงกล่าว พลางวางกระบี่ไม้ลงตรงหน้า “การทรงตัว การก้าวเท้า และการใช้ลมปราณ”


เสวี่ยซีพยักหน้าแม้ใจจะไม่มั่นใจนัก แต่ก็ไม่อยากให้เขาผิดหวัง “ข้าจะพยายาม”


ลานฝึกกว้างเงียบกว่าที่คิด เสียงลมพัดผ่านหลังคาไม้ดังแผ่วจาง จ้งชิงก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าเสวี่ยซี ก่อนจะยกเท้าขึ้นตั้งท่าทรงตัวบนขาข้างเดียว มือซ้ายยกขนานอก มือขวาแบออกด้านข้าง “เริ่มจากพื้นฐานง่ายที่สุดทรงตัวให้ได้สิบลมหายใจ”


เสวี่ยซีพยายามทำตาม ทันทีที่ยกขาขึ้นร่างบางเริ่มโอนเอนไปมา มือปัดแกว่งเหมือนคนจับจังหวะไม่ถูก จนแทบจะล้ม เขารีบวางเท้าลงพลางทำหน้าบูด “สิบลมหายใจ ข้าอยู่ได้แค่ห้าก็แทบสิ้นใจแล้ว!”


จ้งชิงยกคิ้ว “เจ้าควรขอบคุณที่ข้าไม่ได้เริ่มจากท่ายืนบนเสา”


“ยืนบนเสา!?” เสวี่ยซีอ้าปาก “ข้าไม่ใช่กระเรียนบนภูเขานะ”


“ยัง...แต่ถ้าเจ้าฝึกไปเรื่อยๆ เจ้าจะทรงตัวได้ดีกว่ากระเรียนแน่”


เสวี่ยซีถลึงตาใส่ แต่ก็ฝืนยิ้ม พลางยกขาขึ้นใหม่ ทรงตัวอย่างพยายาม คราวนี้เขาหลับตา ฃสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามฟังเสียงของลมปราณในร่างตามที่อีกฝ่ายสอน แต่สิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเสียงหัวใจเต้นแรงและเสียงลมหายใจของตัวเอง


เมื่อครบห้าลมหายใจร่างบางเริ่มเอนอีกครั้ง แต่ก่อนจะล้มลง มือแข็งแรงของจ้งชิงก็ยื่นมาประคองไว้ทัน “อย่ากลั้นหายใจ” เสียงของเขาอ่อนลง “ปล่อยลมหายใจให้ไหลอย่างเป็นจังหวะ ลมปราณจะไหลตามนั้น”


เสวี่ยซีมองมือที่จับต้นแขนของตน แววตาอบอุ่นแฝงความเก้อเขิน เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพยายามใหม่อีกครั้ง


เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามเหงื่อเริ่มไหลซึมตามขมับ เสวี่ยซีหอบเล็กน้อย “จ้งชิง…ข้าเหนื่อยแล้ว” เสียงโอดครวญนั้นนุ่มจนฟังคล้ายเสียงเด็กงอแง


จ้งชิงหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “ความอดทนคือหัวใจของการฝึก เจ้าต้องฝึกให้มากกว่านี้”


“แต่ข้าฝึกตั้งครึ่งชั่วยามแล้ว!”


“ครึ่งชั่วยามยังถือว่าเริ่มต้นเท่านั้น”


เสวี่ยซีทำหน้ามุ่ย แต่ก็ฝืนพยักหน้า “ก็ได้ ข้าจะอดทน...แต่ถ้าข้าทำได้ ท่านต้องชมข้านะ!”


“ข้าจะพิจารณา” จ้งชิงตอบเสียงเรียบ แต่รอยยิ้มบางเฉียบบนใบหน้าก็บ่งบอกว่าเขาไม่ได้หมายจะปฏิเสธเสียทีเดียว


ระหว่างที่อีกฝ่ายหันไปเก็บกระบี่ไม้ เสวี่ยซีแอบชำเลืองมองด้วยแววตาซุกซน แล้วค่อยๆ ย่องไปด้านหลัง มือเรียวคว้าพู่กันขนกระต่ายที่พกติดตัวมาก่อนจี้เบาๆ ที่เอวของจ้งชิง


เสียงสะดุ้งหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ จ้งชิงหันขวับ รอยยิ้มขืนๆ ปรากฏบนใบหน้าในขณะที่เสวี่ยซีหัวเราะเสียงใส “ฮะๆๆ ท่านก็มีมุมแบบนี้ด้วยหรือ!”


“เจ้ามันตัวแสบจริงๆ”


เสวี่ยซีหัวเราะพลางชูพู่กันขึ้น “ข้าก็แค่ทดสอบทักษะหลบหลีกของท่านไง”


“หรือไม่ก็อยากทดสอบว่าข้าจะทนเจ้ามากแค่ไหน”


“อาจจะทั้งสองอย่าง” เสวี่ยซียักไหล่


หลังจากนั้นการฝึกยังคงดำเนินต่อ แม้ลมหายใจของเสวี่ยซีจะเริ่มถี่ขึ้น เหงื่อซึมตามไรผมแต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ ความอ่อนโยนในแววตาเปลี่ยนเป็นประกายแห่งความมุ่งมั่น เสียงจ้งชิงดังชัดในลานฝึก “สิบลมหายใจ…เก้า…สิบ”


เสวี่ยซียังคงทรงตัวได้แม้ขาเริ่มสั่น “ข้า…ทำได้!” เขากล่าวทั้งหอบทั้งยิ้ม


จ้งชิงพยักหน้า “ดีมาก” น้ำเสียงสั้นแต่จริงใจ


เขาเงยหน้ามองจันทร์บนฟ้ากลมโตและสว่างเหมือนแสงเงินที่ไหลรินทั่วลานหิน เสวี่ยซีหอบเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ นัยน์ตาอำพันสะท้อนแสงจันทร์ดูอ่อนโยนเหลือเกิน


“รู้ไหม ข้าไม่คิดเลยว่าการฝึกจะเหนื่อยถึงเพียงนี้” เขาพูดพลางหัวเราะเบาๆ “แต่ก็…รู้สึกดีนะ เหมือนได้หายใจเต็มปอดเป็นครั้งแรก”


จ้งชิงพยักหน้า “เจ้ากำลังก้าวออกจากกรอบของตนเอง นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ดี”


เสวี่ยซีเงียบไปครู่หนึ่ง มองเงาตัวเองบนพื้นศิลา เงานั้นซ้อนอยู่กับเงาของจ้งชิง “ถ้าวันหนึ่งข้าฝึกจนเก่ง ข้าจะสามารถปกป้องตัวเองได้ไหม”


“เจ้าจะทำได้” จ้งชิงตอบโดยไม่ลังเล “และเมื่อถึงวันนั้น เจ้าอาจจะปกป้องคนอื่นได้ด้วย”


รอยยิ้มของเสวี่ยซีละมุนขึ้น เขาไม่พูดอะไรต่อเพียงก้มหน้ามองพู่กันในมือแน่นขึ้น ในใจเขากลับคิดถึงคนอีกคนหนึ่ง ‘เถียนเฟิง…ท่านจะภูมิใจไหม หากข้าไม่ใช่เพียงผู้ที่ท่านต้องปกป้องอีกต่อไป’


เสียงลมกลางคืนพัดเบาๆ พาเอากลีบดอกเหมยร่วงหล่นผ่านแสงจันทร์ เสียงฝึกในลานค่อยๆ เบาลง จ้งชิงสั่งพักก่อนจะหันไปเก็บอุปกรณ์ เสวี่ยซีมองแผ่นหลังเขาแล้วแอบยิ้มอีกครั้ง ราวกับค่ำคืนนี้ทำให้โลกกว้างขึ้นเล็กน้อย


เวลานั้นลานฝึกกลับมาสงบอีกครั้ง เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ทาบลงบนพื้นหินและรอยเท้าสองคู่เรียงเคียงกัน


และในห้วงคิดลึกของเสวี่ยซี เขารู้ดีว่าเวลานี้ เถียนเฟิงคงอยู่ที่หอว่านหงเหริน อาจกำลังจ้องมองแสงจันทร์จากหน้าต่างห้องนั้น


แต่อีกฟากหนึ่งของเมือง เขาเองก็กำลังมองจันทร์ดวงเดียวกัน ด้วยความคิดถึงที่ไม่กล้าเอ่ยออกมาเลยสักคำ



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 35261 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-4 19:12
โพสต์ 35,261 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-4 19:12
โพสต์ 35,261 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-4 19:12
โพสต์ 35,261 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-4 19:12
โพสต์ 35,261 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-4 19:12
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-10-8 07:57:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 5 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 18.00 - 19.00 น.

╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง / ตงฟางซั่ว


ฉางอันช่างเงียบสงัด ราวกับโลกทั้งใบกำลังกลั้นหายใจใต้ผืนฟ้าที่ปกคลุมด้วยม่านหมอกจาง เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเสวี่ยซีดังขึ้นตามทางหินแคบที่ทอดสู่ จวนต้าซือคงแห่งราชสำนักฮั่น สถานที่ที่ผู้คนทั่วทั้งนครต่างยำเกรง เพราะเป็นที่พำนักของผู้ทรงปัญญาและอำนาจแห่งราชสำนัก


แสงโคมแดงสั่นไหวอยู่ตามแนวรั้ว บานประตูไม้ขนาดใหญ่มีตราประทับรูปมังกรสลักไว้ เสียงทหารองครักษ์เรียงแถวขานรับยามพลบค่ำดังสะท้อนราวกับจะย้ำเตือนว่า ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะก้าวเข้ามาได้โดยง่าย


เสวี่ยซีในอาภรณ์เรียบง่าย เดินมาหยุดตรงหน้าประตูด้วยหัวใจเต้นแรง เขาเพิ่งได้รับจดหมายลับจากหมานเฉียนเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน — เนื้อความเพียงสั้น ๆ ว่า ‘มาพบข้าที่จวนต้าซือคง ยามโหย่ว มีเรื่องสำคัญ’


สายลมค่ำพัดแผ่วพาให้ชายแขนเสื้อปลิว เสวี่ยซีสูดลมหายใจลึก ก่อนบอกชื่อกับองครักษ์หน้าประตู หนึ่งในนั้นมองเขาอย่างระแวดระวัง แต่เมื่อได้เห็นตราสัญลักษณ์ที่หมานเฉียนมอบไว้ ก็รีบคำนับและเปิดประตูให้


ภายในจวนกว้างใหญ่ราวกับวังย่อม ๆ ทว่าบรรยากาศกลับเย็นยะเยือกเกินปกติ ทหารในชุดยืนประจำทุกมุม  เสวี่ยซีรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้


เมื่อเดินผ่านระเบียงยาวเข้าสู่ห้องทำงานใหญ่ เสวี่ยซีเห็นร่างสูงสง่าของหมานเฉียนยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้หอม เต็มไปด้วยม้วนเอกสารและเทียนไขที่ใกล้ดับ แสงสลัวเผยให้เห็นใบหน้าคมที่เคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง


แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเสวี่ยซีเต้นแรงยิ่งกว่า คือบุรุษอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างเถียนเฟิง


เขาคือคนรักของเสวี่ยซี สูงสง่าในอาภรณ์สีเข้มใบหน้าคมคายแฝงความเยือกเย็น แต่เมื่อสายตาคมนั้นเหลือบมาเห็นเสวี่ยซี แววตากลับแปรเปลี่ยนเป็นประกายอุ่นปนหวงแหน


“ซีเอ๋อห์” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเรียกอย่างอ่อนโยน ทว่าภายในแฝงแรงอารมณ์ที่ยากจะปิดบัง เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ในทันที ก่อนที่เสวี่ยซีจะได้เอ่ยอะไร เขาก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนแน่นหนาท่ามกลางความตกตะลึงของตงฟาง ซั่ว


“เถียนเฟิง… นี่!” เสวี่ยซีหน้าแดงจัด รีบพยายามดันออกเล็กน้อย แต่ชายหนุ่มกลับโอบแน่นขึ้น “อย่าขยับ” เขากระซิบเบา แต่ชัดพอให้ทุกคนได้ยิน “เจ้ามาช้า ข้าเป็นห่วงแทบแย่”


หมานเฉียนหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ข้าเห็นว่าเจ้าห่วงเขายิ่งกว่าเฝ้าประตูเมืองเสียอีก เถียนเฟิง”


เถียนเฟิงปรายตามองสหายสนิทด้วยสายตาไม่พอใจนัก “ข้าเพียงไม่ชอบให้ใครเรียกคนของข้ามาโดยไม่บอกล่วงหน้า” น้ำเสียงเรียบแต่แฝงแรงหึงหวงจนเสวี่ยซีต้องหลุบตา


“ข้าแค่… ได้รับจดหมายจากอาจารย์ ไม่รู้เลยว่าจะต้องมาที่นี่” เสวี่ยซีพูดเสียงเบา แก้มระเรื่อขึ้นเพราะรู้สึกผิด


“อย่าได้เข้าใจผิดนัก ข้าไม่ได้ตั้งใจรบกวนเวลาแห่งความรักของพวกเจ้า เพียงแต่ตอนนี้มีเรื่องที่ไม่อาจรอช้า”


เถียนเฟิงขมวดคิ้ว “เรื่องอะไรถึงกับต้องเรียกซีเอ๋อห์ของข้ามา ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะมาปรึกษาหารือเรื่องสำคัญกับข้าหรอกเหรอ?”


“ที่เจ้าพูดมาก็ถูกต้อง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด” หมานเฉียกล่าวก่อนถอนหายใจช้า ๆ “เสวี่ยซี ข้าคิดว่าคงถึงเวลาที่ศิษย์ของข้าจะต้องรู้ความจริงเสียที ข้าตงฟาง ซั่ว ต้าซือถูแห่งราชสำนัก”


เสวี่ยซีเบิกตากว้าง “อาจารย์… ท่านคือ… ต้าซือถู!?”


ตงฟางซั่วพยักหน้า “ใช่ และในเวลานี้ จวนต้าซือถูแห่งนี้กำลังเผชิญภัยเงียบที่มิอาจมองข้าม” เขาหยิบม้วนเอกสารออกมาและคลี่ให้ทั้งสองดู “พวกมันเรียกตนเองว่า ‘เงาอดีต’ กลุ่มนักฆ่าที่หลบซ่อนมานานกว่าสิบปี… เคยถูกทำลายไปพร้อมตระกูลที่ข้าเกี่ยวข้องเมื่อครั้งยังเป็นบัณฑิตหนุ่ม แต่ดูเหมือนพวกมันกลับมาอีกครั้ง เพื่อแก้แค้น”


เสวี่ยซีขมวดคิ้วเล็กน้อย “แก้แค้น เพราะอะไรหรือขอรับ”


ตงฟางซั่วมองแสงเทียนวูบไหว “ครั้งนั้น ข้าต้องเลือกข้างระหว่างราชสำนักกับกลุ่มผู้คิดกบฏ บางชีวิตต้องสูญไปเพราะข้า ‘เงาอดีต’ คือเงาของพวกเขา ผู้ไม่อาจลืมอดีตและกลับมาล่าชีวิตข้า”


“แล้วท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด” เสวี่ยซีถามอย่างจริงจัง


“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยสืบหาต้นตอของพวกมัน” ตงฟาง ซั่วพูดช้า ๆ 


เถียนเฟิงฟังจนเงียบมือหนากำโต๊ะ “เจ้าจะให้เสวี่ยซีเข้าไปพัวพันกับพวกนักฆ่าพวกนั้นงั้นรึ!!” เสียงเขาเย็นจัด “เขาไม่ใช่คนในราชสำนัก เขาเป็นคนสำคัญของข้า”


ตงฟางซั่วพูดขัด “เจ้าก็รู้ดี เถียนเฟิงว่าเขามีพรสวรรค์ที่หาได้ยากและที่สำคัญมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของศิษย์ข้า”


เสวี่ยซีมองทั้งสองด้วยสีหน้าลังเล “ข้าไม่เกรงกลัวอันตราย หากสิ่งที่ข้าทำจะช่วยท่านอาจารย์ได้ ข้ายินดี” ร่างบอบบางพยายามถอยออกจากอ้อมแขนของเถียนเฟิง แต่กลับถูกดึงแน่นกว่าเดิม ความอ่อนโยนและความอบอุ่นของเขาทำให้ใจชายหนุ่มหัวใจเต้นแรง “อื้อ กอดแรงเกินไปแล้ว หายใจแทบไม่ออก” บ่นอุบอิบ


เถียนเฟิงหันมามองทันที “ซีเอ๋อห์ เจ้าไม่จำเป็นต้อง….” แต่ก็ไม่ยอมคลายอ้อมกอด


“แต่ข้าอยากทำ” เสวี่ยซีพูดเสียงเบา ทว่าสายตาแน่วแน่  “ข้าจะช่วยตามที่ท่านอาจารย์ขอ และจะไม่ทำให้เจ้าหนักใจ”


เถียนเฟิงถอนหายใจช้า ๆ ดวงตาสื่อถึงความพยายามควบคุมความหึงหวง เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยนแต่หนักแน่น “ซีเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะ ข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอันตราย”


เสวี่ยซียืนอยู่กลางห้อง รู้สึกถึงแรงกดดันจากทั้งสองฝ่าย ความอบอุ่นจากคนรัก และความคาดหวังจากอาจารย์  เขาก้มลงเล็กน้อยก่อนยกมือคำนับพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มั่นคง “ข้าจะทำเต็มที่ เพื่อทั้งสองท่าน”


คำพูดนั้นทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงัน เถียนเฟิงหลุบตา แววตาที่เข้มแข็งสั่นไหวไปชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจยาว “เจ้าดื้อเหมือนเคย” ซึ่งดูเหมือนต้าซือคงจะไม่ถูกใจนักแต่เก็บไว้ในใจไม่แสดงออกมา


ตงฟางซั่วหัวเราะเบา ๆ “น่าชื่นชมไม่น้อย”


“แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เขาไปคนเดียว” เถียนเฟิงเอ่ยเสียงเข้ม “หากเขาจะสืบ ข้าจะส่งคนของข้าไปอยู่ข้างเขา คอยเฝ้าระวัง”


“ตามใจเจ้า” ตงฟาง ซั่วตอบเรียบ ๆ พลางล้วงกระดาษเล็ก ๆ ออกจากแขนเสื้อ “นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่ม ‘เงาอดีต’ เจ้าต้องใช้มันอย่างระมัดระวัง เสวี่ยซี ข้าจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเจ้า”


เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ลูบศีรษะเขาเบา ๆ อย่างหวงแหน “จำไว้นะ ซีเอ๋อห์ถ้ามีอันตราย จงตะโกนเสียงดังๆเพราะข้าจะส่งองครักษ์ไปเฝ้าติดตามเจ้า จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะเรียบร้อย”


ดวงตาสีอำพันส่องแสงอบอุ่น “ข้ารู้แล้วเถียนเฟิง”


เถียนเฟิงหัวเราะในลำคอ ก้มลงแตะหน้าผากเขาเบา ๆ ก่อนผละออก


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32667 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-10-8 07:57
โพสต์ 32,667 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-8 07:57
โพสต์ 32,667 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ชุดวสันต์ลีลา  โพสต์ 2025-10-8 07:57
โพสต์ 32,667 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง  โพสต์ 2025-10-8 07:57
โพสต์ 32,667 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-10-8 07:57
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้