|
วันที่ 8 เดือน 10 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น. ╰┈➤ พบเจอตงฟางซั่ว / เถียนเฟิง
ภายหลังเหตุการณ์อันสับสนวุ่นวายในโรงอุปรากรซ่านเถียนเฉียวหร่ง เมื่อเสียงโห่ร้องของผู้คนจางหาย เหลือเพียงกลิ่นควันไฟจากเทียนไขและเศษผ้าไหมที่ปลิวอยู่กลางเวที คืนนั้นเสวี่ยซีและตงฟาง ซั่ว ถูกพากลับมายัง จวนต้าซือคง โดยรถม้าของราชสำนัก
แสงจันทร์บนท้องฟ้าเหมือนถูกกรองด้วยหมอกบาง แสงสีเงินตกกระทบลงบนหลังคาแกะสลักมังกรคู่ของจวนใหญ่ เงาไม้ไหวระยิบระยับ เสียงหรีดเรไรแผ่วเบา ทว่าในหัวใจของทั้งสามยังไม่อาจสงบจากเหตุการณ์ก่อนหน้าได้
ห้องโถงใหญ่ของจวนมีเพียงแสงตะเกียงส่องวูบไหว ตงฟางซั่วนั่งสงบอยู่ริมโต๊ะเขายังสวมชุดขุนนางเต็มยศ แม้ผ้าไหมที่ไหล่จะมีรอยขาดและรอยเลือดจาง ๆ แต่สีหน้ากลับนิ่งสงบ ดวงตาคมลึกฉายแววเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมด้วยความหนักแน่น
เสวี่ยซีในชุดขาวสะอาดยืนอยู่ข้างโต๊ะ เงียบสงบและนอบน้อม เขามองอาจารย์ของตนอย่างเป็นห่วง “อาจารย์บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ขอรับ” น้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายลมยามวสันต์
ตงฟางซั่วเงยหน้าขึ้น มองศิษย์หนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าไม่เป็นไร แต่เจ้านั่นแหละ วันนี้เจ้าเสี่ยงมากเกินไป หากข้าเพียงก้าวพลาดครึ่งจังหวะ เจ้าคงต้องเจ็บแทนข้าไปแล้ว”
เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ “อาจารย์พูดเกินไปแล้ว หากสิ่งที่ข้าทำสามารถช่วยท่านได้ ต่อให้ต้องเสี่ยงกว่านี้ ข้าก็ไม่ลังเล”
ตงฟางซั่ว สบตากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนค่อยหลุบตาลง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าเล็กน้อย “เจ้ารู้หรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันมิใช่แค่ความบังเอิญ หากแต่เป็นผลลัพธ์ของความผิดพลาดในอดีตของข้าเอง”
เสียงของเขานุ่มแต่สั่นเล็กน้อย คล้ายกำลังทบทวนสิ่งที่เก็บซ่อนไว้ในใจมานาน “เมื่อครั้งยังเป็นเพียงบัณฑิตหนุ่ม ข้าเชื่อมั่นในความยุติธรรมอย่างสุดหัวใจ ข้าเปิดโปงการทุจริตของขุนนางหลายตระกูล พวกเขากดขี่ราษฎร ฉ้อราษฎร์บังหลวง ข้าจึงยื่นฎีกาให้ราชสำนักลงโทษ แต่ข้าไม่รู้เลยว่าความยุติธรรมของข้าจะนำมาซึ่งการล้างแค้นเช่นวันนี้”
เขาหยุดนิ่ง มองไปที่แสงตะเกียงที่วูบไหว “ตระกูลเหล่านั้นถูกล้างบาง คนในตระกูลถูกประหารเกือบหมด แต่ยังมีบางคนหลบหนีไปได้... พวกมันคือ ‘เงาอดีต’ ที่เจ้าพบในคืนนี้ พวกมันกลับมาทวงความแค้น”
เสวี่ยซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงนุ่ม “แม้ตงฟาง ซั่ว จะคือต้าซือถูแห่งราชสำนัก แต่สำหรับข้า... ท่านคือหมานเฉียนผู้เป็นอาจารย์ ข้ายังจำได้ตอนอยู่ที่หอดาราเฟยเทียน บางครั้งยังให้ข้าลองเขียนอักษรทดเล่นด้วยกัน”
รอยยิ้มอ่อนโยนของเสวี่ยซีทำให้ดวงตาคมลึกของตงฟาง ซั่วสั่นระริก เขาหลุบตา กลั้นเสียงหัวเราะในลำคอ ก่อนพูดเบา “ข้ายังคงเป็นอาจารย์ของเจ้าเสมอ แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนไปเพียงใด ข้าไม่อาจลืมได้เลยว่าเจ้าเคยยื่นมือช่วยข้าในวันที่ทุกคนหันหลังให้”
เถียนเฟิงที่ยืนพิงเสาอยู่ด้านข้างเงียบมาตลอด ค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้อง เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาคมกร้าวดั่งเหยี่ยวที่มองเห็นทุกความเคลื่อนไหวในความมืด แต่เมื่อสายตาหยุดที่เสวี่ยซี ความเย็นชาในดวงตานั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนแปลกประหลาด
“พอเถอะ ตงฟาง ซั่ว” เสียงของเถียนเฟิงทุ้มต่ำแต่มั่นคง “เจ้ามัวแต่พูดถึงอดีต ข้ากลับเห็นแต่คนตรงหน้าเกือบเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเจ้า”
เขาก้าวเข้าใกล้เสวี่ยซี แล้วในที่สุดก็ดึงร่างบอบบางนั้นเข้ามาแนบอกอย่างไม่สนสายตาใคร กลิ่นจันทน์อ่อนจากเสื้อคลุมของเถียนเฟิงแตะจมูก เสวี่ยซีตกใจหน้าแดงจัด พยายามจะขยับหนีแต่แรงของต้าซือคงแข็งแกร่งเกินไป
“เถียนเฟิง ท่าน…” เสวี่ยซีพึมพำเสียงแผ่ว
เถียนเฟิงโน้มหน้าใกล้ลงมา เสียงพูดแผ่วเบาแต่นุ่มลึก “ข้าแค่แน่ใจว่าเจ้าปลอดภัย ข้ารู้ว่าเจ้าชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก แต่ครานี้มันอันตรายเกินไป เข้าใจไหม ซีเอ๋อร์ของข้า”
คำพูดนั้นอบอุ่นแต่แฝงความหึงหวงชัดเจน ตงฟางซั่วที่นั่งมองอยู่แอบยิ้มขื่น “เถียนเฟิง เจ้าจะขี้หึงไปถึงไหน...”
“หึ ข้าหึงเพราะข้ารู้ว่าคนของข้าคิดจะเสี่ยงชีวิตเพราะผู้อื่น” เขาว่าพร้อมกระชับอ้อมแขน เสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา “ต่อให้เป็นอาจารย์ของเขา ข้าก็ไม่ปล่อยให้ใครพรากไปง่าย ๆ”
เสวี่ยซีหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม พยายามผลักเบา ๆ “ท่านต้าซือคง มีคนอยู่นะขอรับ”
เถียนเฟิงก้มลง เอ่ยเสียงขรึมแต่แฝงรอยยิ้ม “ข้าไม่สนหรอก”
ตงฟางซั่วหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ข้าจะกลับก่อนละ เถียนเฟิง เจ้าดูแลศิษย์ข้าให้ดี อย่าทำให้เขาตกใจไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน”
“ไปเถอะ” เถียนเฟิงตอบพลางยังไม่ปล่อยเสวี่ยซีจากอ้อมแขน
เมื่อเสียงฝีเท้าของตงฟาง ซั่วห่างออกไปจนเหลือเพียงความเงียบ เสียงลมหายใจของทั้งสองยังคงประสานอยู่ เถียนเฟิงค่อย ๆ คลายอ้อมแขนออก มือใหญ่เลื่อนมาสัมผัสแก้มขาวราวหิมะของเสวี่ยซีแผ่วเบา
“จำไว้นะ ซีเอ๋อร์ต่อไปนี้ไม่ว่ามีเรื่องใด อย่าปิดบังข้าอีก” เสียงของเขาแผ่วแต่จริงจัง “เพราะตราบใดที่เจ้ามีข้า ไม่มีสิ่งใดในฉางอันจะทำร้ายเจ้าได้”
เสวี่ยซีสบตาเขา ดวงตาอำพันสั่นระริก ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “เข้าใจแล้ว”
ไอเทมเควสปลดหัวใจ ตงฟางซั่ว |