

ปี 2025 กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
ไฟนีออนสีชมพูสลับน้ำเงินกระพริบเป็นจังหวะหน้าบาร์ “ราชสีห์คลับ” เสียงเพลงลูกทุ่งแดนซ์กระแทกเบสสะท้อนกำแพงปูนเก่า ควันบุหรี่ลอยปะปนกับกลิ่นน้ำมันเครื่องจากรถจอดเรียงข้างถนน ด้านหน้ามี Honda PCX แต่งเต็มคันสีดำด้าน ท่อซิ่งไทเทเนียมสะท้อนแสงกับ Ducati 1199 Panigale R ปี 2012 จอดคู่กันเหมือนประกาศศักดา ใต้ไฟถนน
แสน ราชสีห์ ยืนพิงบังโคลนรถ สูบบุหรี่ด้วยท่าทางไม่รีบไม่ร้อน กล้ามเนื้อไหล่ขยับทุกครั้งที่เขายกบุหรี่ขึ้นแตะริมฝีปาก แววตาคมกริบมองออกไปกลางถนนเหมือนกำลังคาดการณ์อะไรบางอย่าง เพื่อน ๆ ในกลุ่มใส่เสื้อช็อปปักตราปทุมวันกำลังหัวเราะเสียงดังอยู่หลังเขา มีสาวสองสามคนเดินเข้ามาคล้องแขน หนึ่งในนั้นเป็นเด็กประตูดินผมทองดัดลอน สะกิดไหล่แล้วแซว “วันนี้ดูหล่อเป็นพิเศษนะคะพี่แสน… หรือว่ามีศึกใหญ่?” แสนยกยิ้มมุมปาก สูดควันเข้าปอดแล้วพ่นช้า ๆ “หึ…ศึกใหญ่ก็พวกมันดิ กูแค่รอ”
ไม่ทันขาดคำ รถเวฟซิ่งคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดกะทันหัน ชายร่างผอมลงจากรถแทบไม่ทันตั้งตัว รีบวิ่งเข้ามาหา “พี่แสน! ไอ้พวกอุเทนมันรวมตัวกันอยู่ท้ายซอยสี่สิบกว่า มีมีด มีไม้ครบมือเลยพี่” เสียงรอบตัวเงียบลงทันที เหลือเพียงเสียงเบสจากในบาร์กับหัวใจที่เต้นแรงของทุกคน แสนทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้น ใช้ปลายรองเท้าขยี้ให้มอดก่อนเงยหน้าขึ้น สายตาวาวโรจน์เหมือนเสือที่ได้กลิ่นเลือด “งั้นคืนนี้…ก็ถึงเวลาซ้อมพวกมันให้จำแล้วมั้งงงง”
เขาก้าวขึ้นคร่อม PCX สตาร์ทเครื่อง เสียงท่อดังลั่นเหมือนคำท้าทาย เพื่อน ๆ ก็รีบขึ้นรถตาม ขบวนรถนักเลงปทุมวันเริ่มเคลื่อนตัวช้า ๆ ออกจากหน้าบาร์ ท่ามกลางแสงไฟส้มซีดของถนนและสายตาคนแถวนั้นที่รู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
เครื่อง PCX สีดำด้านพุ่งทะยานฝ่าไฟถนนที่กระพริบวูบวาบ เสียงท่อไทเทเนียมคำรามก้องกังวานเหมือนประกาศศึก ลมกลางคืนตีหน้าแรงจนผมของแสนปลิวไปด้านหลัง กล้ามแขนที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดแน่นจับแฮนด์แน่น เขาเลี้ยวเข้าไปในซอยแคบ ๆ จนมาถึงท้ายทอดสิบที่ไฟถนนขาดเป็นช่วง ๆ เงามืดตัดกับแสงร้านโชห่วยซอมซ่อข้างทางทำให้บรรยากาศขึงตึงอย่างบอกไม่ถูก เสียงเบรก “กึกกึก!” ดังพร้อมรอยล้อครูดพื้นแอสฟัลต์ แสนเหยียบขาตั้งรถ ลุกขึ้นเต็มความสูง มือข้างหนึ่งเอื้อมไปใต้เบาะหยิบ “ไม้คมแฝก” สั่งทำพิเศษที่หุ้มด้วยผ้าดำเก่า ๆ แต่ปลายไม้ยังมันวาวราวกับรอวันได้ลิ้มเลือด พอแกะผ้าออก กลิ่นไม้เก่าอบอวลผสมกับกลิ่นเหล็กจาง ๆ ยิ่งทำให้เพื่อน ๆ ข้างหลังฮึกเหิม
แสนยกไม้ขึ้นพาดบ่า หันหน้ามองไปยังฝูงหมาในคราบคนในชุดช็อปสีเลือดหมูที่ยืนกันเป็นแถว สายตาคมกริบกวาดมองทีละคนเหมือนวัดใจ ก่อนจะตะโกนลั่นซอย เสียงก้องไปชนกำแพงปูนทั้งสองฝั่ง “พวกมึง… สั่งหมูกรอบแถวสุดท้ายของร้านป้าศนีไปใช่ไหม!?” เสียงหัวเราะเย้ยหยันจากฝั่งตรงข้ามดังขึ้น แสนกระแทกไม้ลงกับพื้น “กูบอกแล้วใช่ไหมว่าร้านป้าศรีถิ่นกู!” พวกเพื่อนปทุมวันหลังแสนเริ่มชักอาวุธ ใครมีโซ่ดึงโซ่ ใครมีท่อเหล็กก็ฟาดกับพื้นจนเสียงดังเปรี้ยง ๆ ฝั่งอุเทนถวายก็ไม่ยอม เงาวูบวาบของมีดและท่อเหล็กสะท้อนใต้แสงไฟน้อยนิด เสียงรองเท้าวิ่งย่ำพื้นกระแทกดังถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
แล้วเหมือนทุกอย่างหยุดชั่วขณะ ก่อนที่เสียง “ลุยแม่งงงง!” จะระเบิดออกมาพร้อมกันจากทั้งสองฝั่ง เสียงเหล็กปะทะไม้ดังสนั่น เสียงด่าทอปนกับเสียงฝีเท้าวิ่งไล่ เสียงใครบางคนล้มลงกับพื้นอย่างแรง แต่แสนยังพุ่งไปข้างหน้า ฟาดไม้คมแฝกลงใส่ไหล่ศัตรูเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอย เสียงหอบหายใจกับกลิ่นเลือดเริ่มปะปนกับอากาศร้อนระอุในซอย
เสียงโครมครามของไม้คมแฝกกระแทกกับท่อเหล็กยังดังสะท้อนซอย แต่ท่ามกลางความวุ่นวายสายตาของแสนก็ไปหยุดที่ไอ้เหี้ยคนหนึ่ง ไอ้มะเดี่ยว หัวโจกอุเทนถวาย ตัวสูงไหล่กว้าง รอยสักเต็มคอและแขนซ้าย มีแผลเป็นผ่ากลางคิ้วเหมือนเครื่องหมายการค้า และที่ทำให้เลือดในอกของแสนเดือดพล่านไม่ใช่ฝีมือมันในตีกัน…แต่เพราะข่าวที่ลือกันทั้งย่านว่ามันชอบไปแทะโลม “ผู้หญิงของแสน” ทั้งที่แสนมีเมียเป็นโหลแล้วก็เถอะ แสนพิงไม้คมแฝกบนไหล่ ก้าวแหวกฝูงคนออกไปกลางวงตีกัน เสียงโซ่ เสียงมีด เสียงตะโกนยังดังระงมแต่เหมือนพื้นที่รอบตัวเงียบลงในพริบตา ดวงตาของทั้งคู่จ้องกันแน่วราวเสือสองตัวที่เล็งเหยื่อชิ้นเดียวกัน ไอ้เดี่ยวยกยิ้มเยาะ “ไงวะ ไอ้ราชสีห์… ได้ข่าวยังว่ากูไปกินตับกับเด็กมึง”
แสนหัวเราะสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้มองไอ้เหี้ยนี้เป็นคนด้วยซ้ำ “แดกตับเหี้ยอะไร กูว่ามึงแดกเศษหมูกรอบจากปากกูมากกว่า” คำพูดแทงใจจนไอ้เดี่ยวหน้าตึง คิ้วกระตุกอย่างเห็นได้ชัด เสียงเพื่อนมันตะโกน “เฮีย! จัดแม่งเลย!” แต่แสนยกมือซ้ายขึ้นเป็นเชิงห้าม ขณะที่มือขวายังกำไม้คมแฝกแน่น
“กูไม่ชอบซัดหมาเห่า กูชอบซัดหมาที่กัด” เสียงทุ้มต่ำลอดฟันก่อนที่ร่างของแสนจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม้คมแฝกเหวี่ยงลงจากด้านบนด้วยแรงเต็มแขน ไอ้เดี่ยวตั้งท่อเหล็กขึ้นกัน เสียงปะทะ “ปั้งงง!” ดังจนเพื่อนทั้งสองฝั่งหยุดมอง เสี้ยววินาทีต่อมา แสนเตะเข้าชายโครงมันเต็มแรงจนมันเซถอยไปสองก้าว ไอ้เดี่ยวพุ่งกลับมาเหวี่ยงท่อใส่หัว แสนก้มหลบเฉียดเส้นผมไปนิดเดียวแล้วสวนด้วยการฟาดไม้เข้าขาซ้ายจนมันทรุด เสียงด่าหยาบ ๆ ปะทะกันไปมาไม่มีใครยอมใคร “มึงนี่ปากจัดเหมือนเมียมึงเลยนะ” ไอ้เดี่ยวสบถหอบหายใจ “ก็เพราะเมียกูบอกว่ามึงอ่อนนี่แหละ กูเลยต้องมาจัดให้เอง” แสนตอบสวนทันควัน
ซอยแคบ ๆ กลายเป็นเวทีของสองเสือคู่อริ ทุกฟาด ทุกฟัน ทุกคำด่าเหมือนจะจบด้วยเลือด
เสียงท่อเหล็กหล่นกระแทกพื้นดัง “แครงงง!” ตามด้วยเสียงหอบหายใจแรง ๆ ของไอ้เดี่ยวที่ตอนนี้ถูกแสนกระชากคอเสื้อจนตัวแทบลอย กระแทกมันติดกับกำแพงปูนซีดที่มีคราบสนิมน้ำฝนไหลเป็นทาง ไม้คมแฝกของแสนกดพาดข้ามลำคอมันไว้แน่นจนเส้นเอ็นที่คอโป่งตึง แสนก้มหน้าลงจนจมูกเกือบแตะหน้ามัน ดวงตาคมเต็มไปด้วยประกายเดือดจัด ปากยกยิ้มเยาะแต่เสียงที่ลอดออกมาทุ้มต่ำจนเย็นสันหลัง
“กูจะพูดแค่รอบเดียว… อย่ามายุ่งกับถิ่นกู”
ไอ้เดี่ยวกัดฟันแน่นพยายามยันไม้คมแฝกออก แต่แสนกดแรงขึ้นอีกนิด พร้อมกระซิบใกล้หูจนได้ยินชัดทุกพยางค์ “แล้วมึงจำไว้นะ ถ้ามึงไปเอากับเมียกู…แล้วทำเมียกูเสร็จไม่ได้ มึงก็อย่าเสือกอยากแย่งเมียจากกูอีก เข้าใจมั้ย ไอ้ควาย” เพื่อนฝั่งอุเทนเริ่มจะพุ่งเข้ามา แต่พวกปทุมวันของแสนก็ยืนขวางเป็นกำแพงมีดและโซ่ เสียงด่าทอปนกับเสียงหัวเราะกวนตีนดังรอบวง
แสนใช้แรงดันไม้คมแฝกพามันอัดกับกำแพงอีกที ก่อนปล่อยให้มันร่วงลงไปนั่งพิงพื้น หอบแฮ่ก ๆ ด้วยหน้าที่แดงเพราะเลือดสูบฉีดและความอับอาย เขาไม่ลืมเงยหน้ามองพวกอีกฝั่งแล้วตะโกนก้องลั่นซอย “จำชื่อกูไว้ แสน ราชสีห์ กูคือคนที่มึงไม่ควรเหี้ยใส่” เสียงท่อ PCX ของแสนคำรามขึ้นอีกครั้งในความเงียบชั่วขณะ ราวกับตอกย้ำว่าใครใหญ่ในถิ่นนี้
ไฟท้าย PCX สีแดงเข้มฉายวาบในความมืดขณะเครื่องสองจังหวะคำรามก้อง แสน ราชสีห์ ขี่รถกลับจากท้ายทอดสิบด้วยหัวใจที่ยังเต้นแรงจากกลิ่นเลือดและเสียงตะโกนในซอย มือขวาบิดคันเร่ง มือซ้ายจับไม้คมแฝกที่พาดบนตักอย่างสบายใจราวกับเพิ่งกลับจากงานอดิเรกธรรมดา ๆ บาร์ “ราชสีห์คลับ” ยังสว่างไสวเหมือนเดิม เสียงเพลงลูกทุ่งผสมเบสหนัก ๆ กระแทกพื้นไม้จนสั่น แสงนีออนสะท้อนบนขวดเหล้าที่เรียงรายหลังเคาน์เตอร์ สาวประตูดินชุดรัดรูปคนเดิมยืนพิงโต๊ะยกแก้วรออยู่แล้ว พอเห็นแสนลงจากรถก็ยิ้มมุมปากก่อนเดินเข้ามาคล้องแขน “อ้าว… กลับมาแล้วเหรอพี่ตัวตึงของหนู”
แสนหัวเราะเสียงต่ำ เดินลากไม้คมแฝกพาดบ่าเข้ามาในบาร์เหมือนเสือกลับรัง “เธอ รินเหล้าให้หน่อยดิ วันนี้คอแห้งชิบหาย” แก้วแรกวางตรงหน้า แสนกระดกหมดในทีเดียว ก่อนหยิบกัญชามามวนแล้วจุดไฟ กลิ่นควันเฉพาะตัวลอยปะปนกับกลิ่นเหล้าในอากาศ เขาพ่นควันช้า ๆ พลางยกมือโอบเอวสาวแน่นจนอีกฝ่ายหัวเราะคิก
ไม่กี่นาทีต่อมา บ่องแก้วใบยาวก็ถูกวางบนโต๊ะ แสนก้มลงสูบลึก ดวงตาครึ่งปิดด้วยความมึนเคลิ้ม เสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ในกลุ่มดังอยู่รอบตัว สาว ๆ เดินวนอยู่ข้างเก้าอี้เขาเหมือนผึ้งรุมดอกไม้ บางคนยื่นแก้วเหล้ามา บางคนเอามือคลึงไหล่ให้ แสนก็แจกยิ้มกวน ๆ กับทุกคนเหมือนเจ้าของฮาเร็ม เขาเอี้ยวหน้ามาหอมแก้มสาวข้างตัวแล้วกระซิบเสียงแหบ “คืนนี้ไม่ต้องกลับไปไหน… อยู่กับพี่ทั้งคืนไหม” ก่อนจะเอนตัวพิงโซฟาหนัง สูบบ่องอีกทีเหมือนราชาที่ครองอาณาจักรยามราตรี
ไม่นานไฟสลัวหลังบาร์ตรงโต๊ะมุมมืดแทบไม่เหลือคนอื่นนอกจากเสียงเพลงเบสต่ำ ๆ ที่ลอดมาจากโซนหลัก แสน ราชสีห์ ลากเก้าอี้ถอยไปพิงผนังด้วยท่าทางเจ้าของถิ่น มือข้างหนึ่งยังคีบบุหรี่ปล่อยควันคลอในแสงนีออนแดงหม่น อีกข้างดึงเอวสาวประตูดินคนเดิมเข้ามานั่งคร่อมตัก ดวงตาเขาคมกริบ ลากสายตาจากอกอิ่มขึ้นไปยังริมฝีปากแดงของเธอ ก่อนก้มลงประกบจูบหนักแน่น เสียงจูบชื้นผสมกับลมหายใจถี่เร่ง มือแสนไล้ไปตามแผ่นหลังโค้งแล้วเลื่อนต่ำลงอย่างจงใจ สาวในอ้อมแขนเริ่มครางต่ำ ๆ ร่างเธอสั่นตามแรงสัมผัส เสียงครางนั้นดังแข่งกับเพลงจนเพื่อน ๆ บางคนที่อยู่ไกลยังแอบเหลียวมอง แสนหัวเราะในลำคอ
“ชู่วว…อย่าให้คนอื่นได้ฟังหมด เดี๋ยวของดีพี่หมดค่า” เขากระซิบด้วยน้ำเสียงหยอกแต่แฝงแรงข่ม ก่อนจะดันโต๊ะเล็กข้างตัวให้พ้นทาง จัดท่าทางเธอให้อยู่ในมุมที่เขาต้องการ การเคลื่อนไหวต่อจากนั้นเต็มไปด้วยแรงดิบ ความเร้าใจ และจังหวะที่มั่นคง เสียงโต๊ะสั่นกระทบพื้นเป็นจังหวะรัวปนเสียงหอบ เสียงครางแหลมสูงของเธอดังระงมในมุมเงียบของบาร์
แสนไม่รีบ เขารู้จักใช้ทั้งแรงและลีลา กดจังหวะให้เร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายตัวเกร็ง ขยุ้มเสื้อเขาแน่นเหมือนจะขาด เขาก้มลงกระซิบข้างหูพร้อมยิ้มกวน “ก็บอกแล้วว่าอย่าไปให้ไอ้พวกนั้นยุ่ง…เพราะมันทำให้เธอเสร็จไม่ได้แบบกูใช่ไหม…หืม?” จังหวะท้ายที่ร่างสาวกระตุกเกร็งแล้วปล่อยเสียงครางยาวลอดไรฟัน แสนก็กดสะโพกแน่นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนถอนตัวออกอย่างใจเย็นเหมือนคนที่คุมเกมมาตลอด เขายืนขึ้น สะบัดผมเล็กน้อยแล้วรูดถุงยางออกด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก ก่อนขยำมันในมือแล้วโยนลงถังขยะมุมห้องแบบไม่แม้แต่จะหันมอง
แสนหยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นจุด สูบเข้าลึก พ่นควันผ่านรอยยิ้มกวน ๆ พลางมองร่างสาวที่ยังนั่งหอบอยู่บนเก้าอี้ เสียงทุ้มต่ำของเขาดังชัดเจน “จำไว้นะเธอ… ผู้ชายคนไหนไม่ใส่ถุงยาง อย่าให้มันเอาเด็ดขาด” เขากระตุกยิ้มมุมปาก สายตาคมยังจับจ้องเหมือนกำลังตอกย้ำคำพูด “เพราะถ้ามันไม่รักตัวเองพอ…มันก็ไม่รักเธอเหมือนกัน” เขายื่นแก้วเหล้าให้เธอจิบ แล้วทิ้งตัวนั่งพิงพนักแบบสบาย ๆ เหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องปกติในค่ำคืนของเขา กลิ่นเหล้าผสมควันกัญชายังคละคลุ้งในมุมมืดของบาร์ ข้างนอกยังมีเสียงหัวเราะและเสียงเครื่องยนต์เพื่อน ๆ ดังเป็นฉากหลัง แต่ในวงแคบนี้ แสนคือคนที่กำหนดจังหวะทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่เคยปล่อยให้ใครได้มีอำนาจเหนือกว่า
…
……
เสียงเครื่อง PCX ดับเงียบหน้าตึกเช่าเก่า ๆ ย่านหลังตลาดสด แสน ราชสีห์ สะพายกระเป๋าผ้าข้างลำตัว เดินลากรองเท้าแตะขึ้นบันไดเหล็กที่ส่งเสียงเอี๊ยดทุกก้าว ความเหนื่อยหลังคืนยาวยังติดอยู่ในกล้ามเนื้อ แต่ในดวงตาคมยังมีประกายเย็น ๆ ของคนที่พร้อมรับมือทุกอย่าง เขาไขกุญแจห้อง เสียง “กึก” ดังเบา ๆ ก่อนผลักประตูเข้าไปภาพตรงหน้ากลับไม่ใช่ห้องรก ๆ ที่เต็มไปด้วยขวดเหล้าและเสื้อผ้ากองพะเนินเหมือนใครคงคิด แต่มันกลับเรียบร้อยผิดคาด พื้นไม้สะอาด ปลอกหมอนและผ้าปูเตียงสีขาวตึงเรียบ โต๊ะไม้ตัวเล็กวางแก้วกาแฟเคลือบลายสวย หนังสือวางซ้อนอย่างเป็นระเบียบ และมุมชั้นวางมีเทียนหอมดับแล้วแต่ยังมีกลิ่นลาเวนเดอร์อุ่น ๆ ลอยอ้อยอิ่ง
เขาวางกุญแจไว้ในถาดไม้ใบเล็กตรงชั้นวางหน้าประตู ปลดเสื้อช็อปปทุมวันแขวนอย่างตั้งใจ ราวกับเป็นพิธีที่ทำประจำทุกครั้งที่กลับบ้าน ขยับไหล่คลายความเมื่อยแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟาผ้าเนื้อนุ่มที่มีผ้าห่มพับเรียบวางอยู่ปลายเบาะ
ความเงียบในห้องนี้ต่างจากเสียงดังและกลิ่นควันเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง ไม่มีเพื่อน ไม่มีหญิง ไม่มีเสียงหัวเราะหรือด่าทอ มีแต่เขาคนเดียว แสน ราชสีห์ ในพื้นที่ที่เป็นของเขาเท่านั้น สถานที่ที่ไม่มีใครเห็นด้านนี้ของเขาได้ง่าย ๆ
เขาหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดไฟสูบช้า ๆ พ่นควันลอยขึ้นในแสงเช้าสีซีดที่ลอดผ่านผ้าม่าน แล้วเอนหัวพิงพนักโซฟา หลับตาลงในความสงบที่เหมือนจะเป็นโลกอีกใบหนึ่งของคนที่ภายนอกดูเหมือนสัตว์นักล่า แต่ในที่นี่…มีเพียงชายคนหนึ่งที่เงียบเกินกว่าทุกคนจะจินตนาการ แสนคีบบุหรี่ไว้ที่มุมปาก เดินเท้าเปล่าไปหยุดหน้าตู้ไม้บานกระจกเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง เขายื่นมือไปหยิบกรอบรูปเก่า ๆ ที่มีคราบเหลืองจางตามกาลเวลา ในรูปนั้นมีเด็กชายตัวเล็กตาใส ยิ้มกว้างจนเห็นฟันไม่ครบ นั่งคุกเข่าอยู่หน้าพ่อกับแม่ที่โอบไหล่เขาไว้ พี่ชายยืนซ้อนด้านหลัง มือวางบนหัวอย่างปกป้อง ข้าง ๆ ยังมีพี่สาวคนโตยิ้มอ่อนโยนให้กล้อง บรรยากาศในภาพอบอุ่นจนแทบได้ยินเสียงหัวเราะ
ควันบุหรี่ค่อย ๆ ลอยผ่านกระจกกรอบรูป ราวกับหมอกบางปิดบังระหว่างปัจจุบันกับอดีต แสนจ้องอยู่นานก่อนที่แววตาคมจะเปลี่ยนไป…เหมือนรอยยิ้มในรูปกำลังหลุดลอกทีละน้อย ภาพตรงหน้าก็ราวกับค่อย ๆ เลือนหายแทนที่ด้วยความมืดและเสียงกรีดร้อง
ภาพในหัวชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน ค่ำคืนฝนกระหน่ำ เสียงลมพัดสาดกระจกหน้าต่างดังลั่น บ้านทั้งหลังสว่างวาบจากแสงฟ้าแลบ ก่อนจะมืดสนิทในชั่วพริบตา เสียงโวยวายของพ่อดังจากหน้าบ้าน ตามด้วยเสียงแก้วแตกและเสียงข้าวของล้มกระแทกพื้นหนักหน่วง กลิ่นน้ำมันและคาวเลือดตีเข้าจมูกจนแสบ แสนในวัยเด็กซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว เห็นเงาคนล้มลงกับพื้นทีละคน พี่ชายที่วิ่งออกไปช่วยพ่อถูกฟันจนร่างเซล้ม พี่สาวกรีดร้องเรียกแม่แต่ก็ถูกกระชากผมหายเข้าไปในเงามืด แม่พยายามวิ่งมาหาเขา…แต่ร่างนั้นหยุดชะงักกลางทางก่อนทรุดลงในแอ่งเลือด
เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินในคืนนั้น คือเสียงฝีเท้าหนักหน่วงใกล้เข้ามา กับลมหายใจกรุ่นกลิ่นเหล้าขมจัดที่หยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ก่อนที่ผ้าขาวเก่า ๆ จะถูกปิดลงบนหน้าเขา ความเย็นชืดซึมผ่านผิวและทุกอย่างดับวูบลง…
ควันบุหรี่ในปัจจุบันค่อย ๆ เลือนจากปลายนิ้ว แสนวางกรอบรูปกลับที่เดิมเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นความทรงจำที่ซ่อนอยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก กลืนความรู้สึกเก่า ๆ กลับลงไปในที่เดิม ร่างเขาแข็งเหมือนเสือที่เรียนรู้แล้วว่าการเปิดแผลให้คนอื่นเห็นคือการเชื้อเชิญให้ถูกฆ่า แสนยืนพิงตู้ไม้ สูบลากบุหรี่ลึกจนปลายนิ้วร้อนผ่าว แล้วพ่นลมหายใจออกช้า ๆ ดวงตาคมเหม่อมองภาพบนผนังราวกับมองทะลุผ่านเวลาไปในอดีต “อีกไม่กี่วัน…ก็ครบรอบแล้วหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับตัวเอง เบา แต่หนักพอให้หัวใจเต้นแรงแปลก ๆ เวลาช่างผ่านไปเร็วฉิบหาย ทั้งที่ความรู้สึกในวันนั้นยังเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน
ทันใดนั้น เสียงแจ้งเตือนมือถือดัง ติ๊งๆๆๆ รัว ๆ หน้าจอสว่างขึ้นพร้อมข้อความจากเหล่าสาว ๆ ในรายชื่อ บางคนส่งรูปเซ็กซี่มาล่อ บางคนบ่นคิดถึง บางคนถามว่าจะไปเจอกันคืนนี้มั้ย รอยยิ้มมุมปากของแสนค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ดวงตาเปลี่ยนจากเย็นชากลายเป็นเจ้าเล่ห์แบบที่ใคร ๆ รู้จัก เหมือนหน้ากากที่เขาใส่ทุกครั้งเวลาต้องเจอโลกภายนอก
เขาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา พิมพ์ตอบไปทีละคนด้วยคำล่อลวงที่ทำให้ปลายทางหัวใจเต้นแรงแน่ ๆ ในหัวกลับเต็มไปด้วยเสียงกระซิบของความจริง เขาก็แค่อยากตายเร็ว ๆ ให้พ้นจากโลกเฮงซวยนี้ แต่ไม่…ไม่เร็วกว่ามัน ไอ้เหี้ยที่พรากทุกคนไปจากเขา คุกแม่งก็ยังไม่สาสมกับสิ่งที่มันทำ แสนพ่นควันบุหรี่ขึ้นสู่เพดานเหมือนปล่อยความคิดดำมืดลอยไปกับควัน เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำอีก แต่ครั้งนี้เขาวางมันลงบนโต๊ะ ปล่อยให้สั่นต่อไป ดวงตาคมหรี่ลงพลางคิด…
วันนั้นมันจะมาถึง ไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อถึงวันนั้น ไอ้เหี้ยคนนั้นจะได้รู้ว่าบางครั้งนรกมันไม่ได้อยู่หลังความตาย แต่มันเริ่มตั้งแต่ยังหายใจอยู่
เช้าวันถัดมา ท้องฟ้าเมืองกรุงยังหม่นเหมือนเมื่อคืนไม่เคยผ่านไป แสน ราชสีห์ คว้ากุญแจรถกับซองบุหรี่ติดมือเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ขับ PCX คันเก่งฝ่ารถติดไปถึง ปทุมวัน สถาบันที่เรียกได้ว่าบ้านหลังที่สองของพวกเขา แต่คำว่า “ไปเรียน” สำหรับแสนนั้นมันออกจะเป็นมุขตลกมากกว่า เพราะทุกคนรู้ดี เขาไปเรียนเพราะต้องไปกร่าง ไม่ได้มีเวลาไว้ตั้งใจนั่งจดหนังสือเรียน แสนเดินเข้าประตูรั้วสถาบันด้วยเสื้อช็อปเปิดกระดุมสองเม็ด คอเสื้อยับเพราะนอนค้างบาร์เมื่อคืนแต่ยังคงมีเสน่ห์ร้าย ๆ ที่ใครเห็นก็ต้องเหลียวตาม กลิ่นน้ำหอมราคาถูกปนกลิ่นบุหรี่ยังติดตัว เสียงท่อรถจากลานจอดดังตามหลังเมื่อเพื่อน ๆ ของเขายกพวกกันมาสมทบ
ห้องเรียนมีอาจารย์ยืนหน้ากระดาน เขียนตัวอักษรยึกยือเต็มกระดานดำ แต่แสนไม่แม้จะมอง เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หลังห้อง ยกเท้าวางบนโต๊ะอย่างไม่แคร์สายตาใคร มือหยิบมือถือขึ้นอ่านข้อความเมื่อคืนที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน สาว ๆ จากประตูดินยันเด็กเรียนแถวมหา’ลัยยังส่งข้อความหาเขาไม่หยุด
เพื่อนข้าง ๆ กระซิบหัวเราะ “เห้ย มึงนี่มาเรียนหรือมาโชว์วะ”
แสนหันไปยักคิ้วตอบกลับเสียงกวน “มาเช็กชื่อ…กับมาเช็กหัวใจผู้หญิงน่ะแหละ” เสียงหัวเราะกร่าง ๆ ดังไปทั่วหลังห้อง ในขณะที่อาจารย์หันมาทำหน้าดุ แต่ไม่มีใครกล้าเอาเรื่องกับแสน ราชสีห์ เพราะชื่อเสียงตัวตึงย่านนี้มันดังเกินกว่าใครจะกล้าท้าชน
เสียงเคาะโต๊ะดัง ปัง ข้างหลังห้องเรียน ทำเอาเพื่อน ๆ หันไปมอง เด็กช่างรุ่นน้องหอบแฮ่ก ๆ เข้ามา “พี่แสนค้าบ!” เสียงมันดังจนแทบจะกลบเสียงอาจารย์ที่กำลังสอน “พวกเด็กวัดธาตุทองแม่งมาท้าพี่แข่งรถอ่ะพี่! บอกว่าถ้าพี่ชนะรอบนี้…มันมีของดีเอามาแลกด้วยนะพี่” ทันทีที่ได้ยินคำว่า แข่งรถ รอยยิ้มกวนตีนก็ค่อย ๆ โผล่บนหน้าแสน เขายกมือเสยผม หลุบตามองรุ่นน้องเหมือนเสือได้กลิ่นเหยื่อแล้วหัวเราะในลำคอ “ของดีหรอวะ…หึ มีหรือกูจะปฏิเสธ”
เพื่อน ๆ หลังห้องเฮกันลั่น บางคนตะโกน “จัดดิพี่! จัด!” บางคนรีบกดโทรศัพท์ส่งข่าวต่อไปย่านอื่นทันทีว่าตัวตึงปทุมวันกำลังจะลงสนามจริงคืนนี้
แสนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ดึงเสื้อช็อปขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกจากห้องเรียนท่ามกลางเสียงซุบซิบกับสายตาหลายคู่ที่มองตาม รอยยิ้มมุมปากไม่เคยหาย เขาสะบัดบุหรี่มวนที่คีบอยู่ในมือออกไปนอกหน้าต่างก่อนพูดลอย ๆ เสียงทุ้มต่ำก้องไปทั่วห้อง “คืนนี้แม่งจะได้รู้…ว่าราชสีห์อย่างกูไม่เคยหลบสนาม”
เสียงเครื่องยนต์คำรามก้องใต้สะพานพระรามเจ็ด ค่ำคืนนี้ไม่มีไฟถนนส่องสว่าง มีเพียงแสงไฟจากรถยนต์ที่จอดเรียงราย และไฟแช็กที่วูบวาบเป็นจังหวะควันบุหรี่คละคลุ้ง คนเป็นร้อย ๆ มารวมตัวกันเสียงเชียร์ดังไม่ขาดหู เด็กวัดธาตุทองขี่รถซิ่งเรียงคัน โชว์ท่อแต่งกับไฟท้ายกระพริบแบบหลอกตำรวจ เสียงหัวเราะเยาะดังระงมเมื่อเห็นแสน ราชสีห์ ขี่ PCX แต่งเครื่องคันดำเงา ขับเข้ามาช้า ๆ “ไอ้เหี้ย นี่มึงจะเอา PCX มาแข่งกับพวกกูเนี่ยนะ?” เด็กวัดธาตุทองหัวเราะลั่น โชว์รถ Wave 125 ลูกโตท่อดังแสบหู บางคนเอา Fino แต่งโชว์ไฟ LED วับ ๆ แต่ทุกคันล้วนใส่เครื่องมาท้าชน
แสนดับเครื่อง PCX หยิบบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาคาบ ยกยิ้มกวนตีนก่อนพูดเสียงดังจนก้องสะพาน
“กูไม่ต้องเอารถหรูมาอวดหรอก แค่ไอ้นี่ก็พอจะปาดหน้าเมียพวกมึงกลับบ้านได้แล้ว” เสียงเฮลั่นทั้งฝั่งปทุมวัน เพื่อน ๆ โห่ร้อง ตะโกน “โหดว่ะพี่แสน!”
เด็กวัดธาตุทองกัดฟัน หน้าเริ่มแดงด้วยความอาย พวกมันส่งหัวโจกออกมา ชายหนุ่มร่างสูงผอมในเสื้อยืดดำ ทรงผมสกินเฮด ยืนกอดอกข้าง Wave ตัวแรงของมัน “มึงพูดมากจังวะ ราชสีห์ ถ้าแพ้รอบนี้…กูจะเอาเมียมึงไปกิน” หึ แสนหัวเราะเสียงต่ำ สูบบุหรี่พ่นควันขึ้นฟ้า ก่อนโยนมันทิ้งแล้วคร่อมรถ มือบิดคันเร่ง แง๊น แง๊น แง๊น เสียงท่อดังจนสะพานสะเทือน “ถ้ามึงชนะได้…กูยกลูกสาวป้าศรีถิ่นให้เลย แต่ถ้ามึงแพ้…จำชื่อกูไว้แสน ราชสีห์”
เสียงนกหวีดดังขึ้น รถทุกคันพุ่งออกจากเส้นสตาร์ททันที ล้อบดกับยางมะตอยประกายไฟกระเด็นเป็นทาง แสนโน้มตัวไปข้างหน้า บิดเต็มข้อ PCX พุ่งทะยานด้วยเสียงท่อไทเทเนียมกระหึ่ม เส้นทางตรงยาวใต้สะพานเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ลั่น คนดูตะโกนชื่อเขาไม่หยุด
“แสน! แสน! ราชสีห์!”
เสียงเครื่องยนต์ระเบิดก้องไปทั้งใต้สะพาน ล้อรถขูดกับแอสฟัลต์เป็นเส้นไฟยาว ๆ ทุกคันเร่งจนตาแทบไม่กะพริบ ฝุ่นควันตีขึ้นคลุ้ง ผู้คนสองฝั่งตะโกนเชียร์ลั่นจนสะพานสั่น แสน ราชสีห์ โน้มตัวกอดรถ บิดคันเร่ง PCX แต่งเครื่องสุดข้อ ท่อไทเทเนียมคำรามก้องแข่งกับหัวใจที่เต้นระรัว ด้านข้างคือไอ้หัวโจกวัดธาตุทอง ขี่ Wave ลูกโตพุ่งตามมาติด ๆ มันหันมาหัวเราะเยาะ “ไงวะ ราชสีห์ รถแก๊งตลาดสดยังไงก็แพ้กู!” แสนไม่ได้ตอบ เพียงยกยิ้มมุมปาก ริมฝีปากขยับเบา ๆ ราวกระซิบกับเครื่องยนต์
“ยังไม่ถึงโค้ง อย่าเพิ่งเห่า” เส้นทางตรงกำลังหมดลง เบื้องหน้าเป็น โค้งหักศอก ที่ขึ้นชื่อว่าอันตราย ใครพลาดคือร่วงลงคูน้ำข้างทาง เสียงคนดูเฮลั่นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีใครเบรค!
ไอ้หัวโจกพยายามดึงเบรคแต่น้ำหนักรถกับความเร็วทำให้มันเสียหลักเล็กน้อย ล้อท้ายส่ายวูบไปหนึ่งที แต่แสนกลับทำตรงข้าม เขา บิดเพิ่ม ใช้แรงส่งกับน้ำหนักตัวกดเข้าโค้งจนประกายไฟแตกพรึ่บจากแคร้งรถที่ขูดพื้น มันคือเทคนิคที่เสี่ยงตายแต่เฉียบคมราวใบมีด
เสียงคนดูตะโกนดังลั่น “เฮ้ยยยย!! แม่งแซงแล้ววว!!” PCX คันดำเงาของแสนพุ่งปาดหัว Wave ลูกโตไปแค่เสี้ยวคืบตรงโค้งหักศอก ก่อนจะดีดตัวออกจากโค้งด้วยความเร็วที่มั่นคงกว่า ฝั่งธาตุทองได้แต่กัดฟันเหยียบเร่ง แต่ไม่ทันแล้ว เส้นชัยอยู่ตรงหน้า แสนเงยหน้ารับเสียงเชียร์ มือบิดคันเร่งสุดให้เสียงท่อคำรามก้องกังวาน ดวงตาคมกริบสะท้อนแสงไฟสาด รอยยิ้มเหี้ยม ๆ ปรากฏบนใบหน้า เฉือนคมกันด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่เครื่องยนต์ และเขาก็เป็นคนเดียวที่กล้าทำแบบนั้น
รถของแสนข้ามเส้นชัยท่ามกลางเสียงเฮระเบิดดังสนั่น สะพานทั้งสะพานสั่นสะเทือนด้วยเสียงโห่ร้อง “ราชสีห์! ราชสีห์!”
เสียงเฮเชียร์ยังไม่ทันจาง ฝั่งเด็กวัดธาตุทองก็พากันหน้าซีด หัวโจกคนนั้นเหยียบเบรกจอดรถด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก เพื่อน ๆ รอบตัวมันพยายามจะหาเรื่องแต่เสียงเชียร์ราชสีห์กดดันจนใครก็ไม่กล้าเสี่ยง พวกมันจึงต้องยอมจำนน หัวโจกถอดหมวกกันน็อค ปาดเหงื่อจากหน้าผากก่อนจะควัก “ของดี” ออกมาจากเป้ผ้าใบสภาพโทรม ห่อผ้าเก่าผูกเชือกแน่น มันวางลงบนเบาะ PCX ของแสนแบบไม่อยากจะทำ “ตามสัญญา ไอ้ราชสีห์…ของดีแม่งก็ของดี แต่กูไม่อยากให้หรอกเว้ย”
เสียงเพื่อน ๆ ปทุมวันโห่กันสนั่น “โห่ไอ้สัส! จะท้าแข่งแต่ไม่อยากให้ของ กวนตีน!” บางคนตะโกนไล่ แต่แสนเพียงยกมือห้าม ดวงตาคมกริบมองหัวโจกธาตุทองนิ่ง ๆ ก่อนยกยิ้มเหี้ยม “ในสนาม กูไม่เคยทิ้งสัญญา…มึงเองก็ต้องจำไว้เหมือนกัน ของดีมึงก็ไม่ใช่ของมึงอีกต่อไปแล้ว” เขาคว้าห่อผ้านั้นขึ้นมาโยกเล่นในมือ น้ำหนักของมันหนักเกินกว่าจะเป็นแค่เงินสด กลิ่นเหล็กอวลบาง ๆ รั่วออกมาจากห่อผ้าทำให้ทุกคนลุ้นว่าข้างในคืออะไร มีทั้งเสียงซุบซิบว่า “อาวุธป่ะวะ” “หรือของเถื่อนจากตลาดมืด” ยิ่งทำให้บรรยากาศร้อนแรงขึ้น
แสนยัดห่อผ้าไว้ในกล่องเก็บของใต้เบาะ PCX แล้วสตาร์ทรถ เสียงเครื่องคำรามก้องก่อนที่เขาจะหันไปประกาศต่อหน้าฝูงชน “คืนนี้ราชสีห์แม่งไม่ใช่แค่ชนะ แต่แม่งเอาถิ่นพวกมึงไปด้วย!”
เสียงโห่ร้องกึกก้องตามหลังขณะที่เขาบิดคันเร่งพารถพุ่งออกจากใต้สะพานไป พร้อมกับของดีที่เพิ่งคว้ามา ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของศึกใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมก็ได้
เสียงท่อ PCX ของแสนคำรามก้องขณะรถพุ่งฉิวไปบนถนนกลางกรุง เขาหัวเราะหึ ๆ ในลำคอ มือหนึ่งบิดคันเร่ง อีกมือแตะกระเป๋ากางเกงที่มีเบอร์สาว ๆ เต็มไปหมด “คืนนี้แม่งต้องได้มันส์ต่อแน่ ๆ…” ความคิดวนเวียนเรื่องเหล้า เรื่องคั่วสาว เรื่องเสียงดนตรีและควันกัญชาในผับ
แต่แล้ว… ครืนนนนน!
แผ่นดินสั่นสะเทือนวูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ล้อรถแทบส่าย แสนรีบประคองแฮนด์ ขนลุกซู่ทั่วร่างเพราะนี่ไม่ใช่ถนนเป็นหลุม แต่คือแรงไหวจริง ๆ จากใต้พื้นดิน ตึกสูงสองฝั่งถนนแกว่งเบา ๆ ป้ายโฆษณาเหล็กสั่นกราวเหมือนจะหลุดร่วง เสียงเหล็กกระทบกันดัง ก๊องแก๊ง ไปทั่ว คนเดินถนนบางคนหยุดยืนแล้วกุมหัว “โอ๊ย…เวียนหัวว่ะ” บางคนหันไปบ่นว่าเมาเหล้ารึเปล่า แต่ในใจแสนกลับสบถเสียงต่ำ “เชี่ย…นี่แม่งไม่ใช่เวียนหัวแล้ว มันแผ่นดินไหวจริง ๆ”
เขาเบนสายตาไปมองตึกกระจกสูงที่สะท้อนแสงไฟเมือง มันกำลังโยกช้า ๆ อย่างเห็นได้ชัด และเสี้ยววินาทีนั้นหัวใจเขาก็เต้นแรง ไม่ใช่จากความกลัว แต่จากสัญชาตญาณเสือที่รู้ว่า อะไรบางอย่างไม่ปกติ กว่าที่ใครคิด มือใหญ่บิดคันเร่ง PCX เร่งความเร็ว เสียงเครื่องยนต์แหวกกลางความโกลาหลในกรุงเทพที่กำลังตื่นตัว คนบางส่วนยังงง บางส่วนเริ่มวิ่งหนี แสนยกยิ้มมุมปาก “กรุงเทพแม่ง…ชิบหายหมดแล้ว”
เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือนยังไม่ทันจางหาย ความโกลาหลก็กลืนกินถนนทั้งสาย แสงไฟกะพริบ ตึกสูงโยกเหมือนจะหักครึ่ง และแล้ว เสียงโครมสนั่นสะเทือนฟ้า ก็ดังขึ้น ตึกขนาดใหญ่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ตั้งตระหง่านกลางกรุงเทพ พังครืนลงมาอย่างช้า ๆ แต่หนักหน่วง ราวกับภูเขาถล่มตรงใจกลางเมือง เศษกระจกแตกว่อนเป็นฝนคมกริบ เสียงเหล็กบิดงอแหลมสูงปานนรก และฝุ่นควันมหาศาลพวยพุ่งปกคลุมทุกอย่าง
แสน ราชสีห์ ที่กำลังบิด PCX เสือกร่างไปกลางถนนเงยหน้าขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาคมที่เคยเปล่งรัศมีเยาะเย้ยทุกสถานการณ์ กลับสะท้อนภาพ ตึกทั้งหลัง กำลังล้มลงตรงมาทับเส้นทางของเขาโดยตรง
“ชิบหาย...!!” เสียงสบถสุดท้ายของเสือตัวตึงดังขึ้นพร้อมแรงกระแทกสั่นสะเทือน โลกทั้งใบถูกบดขยี้ด้วยคอนกรีตและเหล็กกล้า PCX แต่งเครื่องที่ครั้งหนึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเร็วถูกแหลกละเอียด เสียงดัง ครืนนนนน!!! กลบทุกเสียงตะโกน ทุกเสียงร้อง ทุกเสียงเครื่องยนต์ เหลือไว้เพียงความเงียบอันอนาถา ควันฝุ่นคลุ้งคลั่งปกคลุมไปทั่ว ท่ามกลางความชุลมุนของผู้คนที่วิ่งหนีรอดชีวิต มีเพียงเงาของ ราชสีห์แห่งปทุมวัน ที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ตายอย่างโหดร้ายและไร้เกียรติ ไม่ได้ตายในสนามบวก ไม่ได้ตายในสนามแข่ง แต่ตายเพราะโลกใบนี้แม่งโคตรเหี้ยกว่าที่เขาเคยคิด