12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: LinYa

[บันทึกการเดินทาง] เงาอัคคีใต้ผืนฟ้ากังวาน

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 3 วันที่แล้ว | ดูโพสต์ทั้งหมด
อยากลองเอาไว้โรลเพลย์

บันทึกการเดินทาง เงาอัคคีใต้ผืนฟ้ากังวาน
วันที่ 27 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เริ่มต้น ยามเว่ย เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ณ เมืองลั่วหยาง จักรวรรดิต้าฮั่น

ค่ำคืนของเดือนใหม่ทอดเงาเหนือผืนป่า เสียงจักจั่นร้องระงมแข่งกับสายลมที่พัดแผ่วจากทิศเหนือ หลินหยาเดินนำม้าสีน้ำตาลอ่อนของตนอย่างระมัดระวัง พลางชำเลืองไปยังจางทังที่ขี่ม้าเคียงข้าง ทั้งสองเพิ่งหลุดพ้นจากพวกนักล่าเงินรางวัลได้ไม่นาน แสงจันทร์ที่ลอดผ่านกิ่งไม้สะท้อนเหงื่อบนข้างแก้มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา “อีกไม่นานคงถึงชายป่าแล้วเจ้าค่ะ” หลินหยากล่าว พลางสูดลมหายใจลึก เธอเหนื่อยแต่ยังมีรอยยิ้มบางติดบนใบหน้า


จางทังพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาคมยังระวังทุกฝีก้าว “อย่าประมาท” เขาว่าเสียงต่ำ “แม้จะออกจากเมืองมาได้ แต่เงามืดของไฉ่หลินยังติดตามอยู่” หลินหยาหัวเราะเบา ๆ “เจ้าค่ะ ข้าเริ่มชินแล้ว พวกมันนี่ดื้อยิ่งกว่าลูกแมวหิวข้าวเสียอีก”


ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ เสียงเกือกม้าดังขึ้นจากอีกฟากของทาง เสียงนั้นชัด ลึก หนักแน่นราวกับพายุที่เคลื่อนเข้ามาช้า ๆ จางทังยกมือให้หยุดทันที ทั้งสองเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นไม่ใช่ของพวกโจรลอบสังหารแน่ มันเป็นเสียงฝีเท้าม้าที่มีวินัยและแรงกดมั่นคง แสงจันทร์สะท้อนเงาร่างของม้าสีดำมะนิลาที่พุ่งมาจากแนวพงหญ้า ท่ามกลางลมราตรีที่พัดคลุ้งกลิ่นกฤษณาอ่อน ๆ หลินหยาขยับตัวช้า ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อยเธอจำกลิ่นนี้ได้ดีเกินไป


เงาร่างบนหลังม้าแต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงเข้มปักลายมังกรทอง ดวงตาคมลึกล้ำราวเหยี่ยวที่มองทุกสิ่งทะลุความมืด เมื่อเขาหยุดม้า เสียงกีบข่วนพื้นดินดังสะท้อนในอกอย่างแผ่วแต่หนักแน่น จางกงกงอยู่ตรงนั้น หลินหยาหยุดนิ่งในพริบตา ริมฝีปากอ้าเล็กน้อยราวกับไม่แน่ใจว่านั่นคือภาพฝันหรือความจริง ดวงตาคมเยือกเย็นของเขาไล่มองจากจางทังเพียงชั่วเสี้ยวลมหายใจ ก่อนเลื่อนกลับมาจับจ้องนางโดยไม่ยอมละสายตา


เขาลงจากม้าในท่วงท่าช้าแต่เด็ดขาด เสื้อคลุมสีแดงเข้มสะบัดตามแรงลมจันทร์ กลิ่นปราณอสรพิษของเขาแผ่วบางจนทำให้รอบข้างเหมือนหยุดหายใจ เขาไม่ทักทายจางทังแม้ครึ่งคำ ดวงตาเย็นเฉียบแต่มีแววร้อนแรงเมื่อมองหญิงตรงหน้า “เสี่ยวหยา” เสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยเรียกเพียงคำเดียว แต่กลับทำให้หลินหยารู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างกำลังถูกดึงเข้าหา “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกลอบทำร้ายหลายครั้ง...ลูกน้องของข้ารายงานว่าเจ้าน่าเป็นห่วงนัก”


เขาก้าวเข้ามาใกล้ทีละก้าว เสียงเกือกม้าเบื้องหลังยังสะท้อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับเงาทั้งหมดในป่ากำลังก้มหัวให้คนผู้นี้ หลินหยาก้าวถอยหลังเล็กน้อย ส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ถึงกับนั้นเจ้าค่ะ ข้าจัดการได้ มีท่านจางทังคอยช่วยไว้”


เมื่อได้ยินชื่อบุรุษผู้อื่น สีหน้าเยือกเย็นของจางกงกงดูจะขมวดลงเพียงเสี้ยววินาที เขาหรี่ดวงตาคมลง เงารอยยิ้มบางแล่นผ่านริมฝีปากรอยยิ้มที่ไม่รู้ว่าเยาะหรือข่ม “ข้าดีใจที่เจ้ารอดมาได้...แต่เสี่ยวหยา เจ้ารู้ใช่ไหมว่าใครแตะต้องเจ้าสักปลายนิ้ว ข้าจะถือว่าพวกมันล่วงเกินข้าโดยตรง”


จางทังที่ยืนอยู่ไม่ไกลยกมือคำนับเล็กน้อย ดวงตายังคงเรียบสงบแต่แฝงความตึงเครียด “ใต้เท้าจาง ปากท่านยังคมดังเดิม แต่ครานี้แม่นางหนานไม่ต้องให้ใครช่วยมากหรอก นางแข็งแกร่งกว่าที่ท่านคิด”


“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของจางกงกงแผ่วเบาแต่ชัดเจน “แข็งแกร่งเพราะมีคนคอยอยู่ข้างหรือเพราะข้าเผลอสอนให้เจ้ามากเกินไปกันนะ เสี่ยวหยา?” หลินหยากลอกตาอย่างอดไม่ได้ พลางยกมือทาบเอว “อย่ามาเริ่มขี้หึงเอาตอนนี้เลยเจ้าค่ะ นี่กลางป่า กลางค่ำกลางคืน ข้าเหนื่อยแทบล้ม ท่านยังจะ...” เธอหยุดพูดเมื่อเห็นแววตาเขาที่มองมา แววตาที่แฝงความห่วงใยเจือแรงดึงดูดจนเธอต้องเม้มปากแน่น


จางกงกงก้าวเข้ามาใกล้จนกลิ่นกฤษณาจาง ๆ ของเขาแผ่คลุม เขายื่นมือมาสัมผัสเส้นผมที่หลุดออกจากปิ่นของเธอเบา ๆ “เจ้าเหนื่อยนักหรือ...?” เสียงเขาเบาแต่เฉียบชัด หลินหยาหลุบตาเล็กน้อย ใจเต้นแผ่ว “ข้า...พอไหวเจ้าค่ะ” เขายืนชิดหลินหยาเหมือนเงาที่ไม่ยอมหลุดร่าง ส่วนจางทังกุมบังเหียนม้าไว้ห่างออกไปครึ่งช่วงกระบี่ ดวงตาคมทั้งสองคู่ต่างประจันกันโดยไม่ต้องมีคำเชื้อเชิญใด ๆ ก่อนจะมีเสียงหัวเราะแผ่วของตุลาการพยัคฆ์เหล็กเฉือนความเงียบให้แตกออก


“อสรพิษอย่างท่าน…รู้จักเป็นห่วงผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนแล้วหรือ?” จางทังเอ่ยเรียบ แต่คมคำแรงพอจะแหวกหมอกยามค่ำให้แตกเป็นเสี่ยง


พัดในมือของจางกงกงคลี่ออกครึ่งวง รอยยิ้มที่ยากอ่านปรากฏใต้แสงเดือน “คำถามของท่านเหมือนคำพิพากษาที่ตั้งธงไว้ล่วงหน้า หาได้มีสำนวนอ่อนช้อยอย่างที่ศาลต้าหลี่ชอบอวดนัก” เขาเอียงหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่แม้เหลียวมองชายบนม้าขาว นัยน์ตายังคงยึดที่ใบหน้าของหญิงสาวข้างกาย “แต่ถ้าท่านอยากได้คำตอบ ข้าห่วงคนของข้าไม่ใช่เรื่องที่ศาลใด ๆ ต้องรับรู้”


“คนของท่าน?” จางทังเลิกคิ้ว “หรือหมายถึงของกลางที่ท่านอยากยึดไว้ข้างตัวกันแน่ ใต้เท้าจางความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว นิสัยท่านไม่ใช่ประเภทจะยื่นมือเปล่าโดยไม่ซ่อนมีดไว้ในแขนเสื้อ”


พัดปิดยิ้มกลายเป็นเงากรีดผ่านแก้มซีดของจางกงกง “พฤติกรรมที่ท่านว่านี้มีข้อบกพร่อง กล่าวหาแบบเหมารวม ไม่ต่างจากเด็กที่มองเงาตัวเองแล้วตกใจกลัวเล็บมือ” เสียงเขานุ่มแต่เย็นเฉียบ “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้…ปล่อยให้ข้าจัดการ อย่าได้กังวลไป”


“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องท่านจะรับมือศัตรูไหวหรือไม่” จางทังดึงบังเหียนให้ม้าขาวขยับมาด้านหน้าเล็กน้อย คมสายตาคล้ายดาบเปลือยที่ไม่ยอมคืนฝัก “ข้ากังวลว่าท่านกำลังหลอกใช้งานสตรีจิตใจงาม นางมิใช่หมากบนกระดานที่ใครควรปักหมุดตรงไหนก็ได้ตามอำเภอใจ ข้าไม่เชื่อว่าคนอย่างท่านจะมีความรู้สึกที่บริสุทธิ์”


รอยยิ้มของจางกงกงหายไปชั่วเสี้ยวลมหายใจ เงาอสรพิษในดวงตาชักวาบขึ้นมาราวจะฉก “คำตัดสินของท่านช่างหยาบนัก” เขาขยับกายบังลมให้นางโดยสัญชาตญาณ ละเอียดลออเกินกว่าคำพูดที่เฉือนเฉียบเมื่อครู่ “ถ้าข้าอยากใช้งาน นางจะยืนอยู่ตรงนี้ด้วยดวงตาสว่างเช่นนั้นหรือ” เขาไล่สายตาต่ำลงแตะแขนเสื้อที่ขาดจากการสู้รบของหลินหยาแล้ววกกลับขึ้น “นางอยู่เพราะนางเลือก ไม่ใช่เพราะข้าสั่ง”


“ท่านมิควรกล่าวเช่นนั้น หากท่านไม่รู้ว่าคำว่าเลือกของนางถูกโซ่ของท่านล่ามไว้แค่ไหน” จางทังสวนกลับอย่างไม่ให้ช่องว่าง


ประกายเย็นจัดวาบขึ้นในแววตาจางกงกง ราวโลหิตอสรพิษกำลังเดือดในหลอดแก้ว แต่ก่อนที่คำต่อไปจะปะทุเป็นเปลว หลินหยาก็ก้าวขึ้นมากั้นกลางอย่างรวดเร็ว เธอยกมือข้างที่ถือขลุ่ยแตะอกจางกงกงดันเบา ๆ อีกมือยกขึ้นเป็นสัญญาณให้จางทังรั้งม้าไว้ “พอเถิดเจ้าค่ะ เลิกมีปากเสียงกันได้หรือยัง” เสียงเธอเหนื่อยล้าแต่ชัดถ้อย “ข้าแทบทรุดอยู่แล้ว ยังต้องมานั่งฟังพวกท่านทะเลาะกันอีกหรือ เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะเจ้าคะ จะให้ล่มกลางลำเพราะศักดิ์ศรีพวกท่านสองคนหรือเจ้าคะ”


สายลมพัดชายผ้าไหมสีอ่อนของเธอเหมือนคำสอนที่กรีดผ่านคอคนดื้อดึง จางทังนิ่งไปชั่วครู่ สีหน้าที่เคยเข้มลดคมลง ส่วนจางกงกงชะงักราวถูกสาดน้ำเย็น เขาเหลือบมองเส้นผมช่อเล็กที่หลุดจากปิ่นเงินของนาง แล้วสูดลมหายใจกลั้นไฟในอก หลินหยาเบือนหน้าไปทางจางกงกงก่อน “หากท่านทะเลาะกับท่านจางทัง…ข้าจะงอนท่าน” คำว่าจองอนอ่อนเหมือนผ้าไหม แต่มีน้ำหนักพอถ่วงเขาไว้ทั้งตัว


รอยยิ้มที่อ่านยากค่อย ๆ กลับมาบนริมฝีปากของจางกงกง ทว่าแววตาอำนาจยังกร้าวแน่น เขาพับพัดลงอย่างว่าง่ายผิดนิสัย แล้วฉวยจังหวะก้มลงดึงชายเสื้อคลุมของหลินหยาให้เข้าที่อย่างถือสิทธิ์ มือหนึ่งลูบหลังมือเธอรวบขลุ่ยไว้ในฝ่ามือของตนชั่ววาบ สัมผัสฉกวูบแบบคนมีพิษในเลือดแต่รู้แรงพอดี “ก็ได้ เสี่ยวหยา ข้าจะหยุด” เขาเอ่ยแผ่ว แต่หันหน้าไปทางจางทังด้วยปลายเสียงที่ยังมีเงาของเขี้ยว “เพื่อเจ้า”


“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลินหยาปรายตาเตือนให้ไม่ต้องต่อคำอีก เธอหันไปหา จางทัง “คืนนี้พักเรื่องตัดสินคนอื่นก่อนเจ้าค่ะ พรุ่งเช้าค่อยตัดสินศัตรูของเราแทน”


จางทังค้อมศีรษะรับ มุมปากคลายตึง “ได้สิ แม่นางหนาน” แต่ยังไม่วายเหลือบมองมือที่จางกงกงวางทับขลุ่ยของนางอย่างเป็นเจ้าของ แววตาเขาอ่านได้ง่ายเขาไม่เห็นด้วย หากยอมถอยชั่วคราวเพราะนางขอ จางกงกงเห็นสายตานั้นก็ไม่คิดปิดบัง เขาขยับยืนแนบด้านข้างหลินหยา โอบไหล่นางเข้าใกล้จนกลิ่นกฤษณาของเขากลืนกลิ่นฝนค้างกลางทุ่งไปหมด “เจ้าเหนื่อยหรือ? เช่นนั้นก็พักข้างข้า” น้ำเสียงนิ่งสนิท ราวประกาศกรรมสิทธิ์กลางทุ่งกว้าง


หลินหยาค้อนให้เบา ๆ แต่ยอมให้เขาดึงเสื้อคลุมอีกชั้นมาคลุมไหล่ คืนนี้ลมแรงกว่าคืนก่อน มือเธอจับสาบผ้าไว้แน่น ริมฝีปากยกยิ้มจิ๊จ๊ะ “ท่านขี้หวงไม่หาย”


“ข้าไม่เคยคิดจะหาย” จางกงกงตอบตรงและอันตราย “แต่อย่าได้กังวลไป ปล่อยให้ข้าจัดการเถิดเสี่ยวหยา” เขาเหลือบตาไปยังแนวป่าที่ทอดยาว “ทางตะวันออกมีคนซุ่ม เงาของพวกไฉ่หลินลากยาวจากพุ่มหนาม สองคู่ สับเปลี่ยนเวรทุกยี่สิบเคาะชีพจร เราเคลื่อนหลังเมฆบังเดือนอีกครั้งจะปลอดภัยกว่า”


“ข้าจะตรวจซ้ำ” จางทังรับคำพลางแตะฝักกระบี่หักธรรม “และข้าจะยังคงจับตาดูการ ‘จัดการ’ ของท่านด้วย ใต้เท้าจาง”


จางกงกงยกพัดแตะริมพจน์ คลี่รอยยิ้มผิวเผิน “ตามสบาย ตราบใดที่ท่านจำไว้ว่าเสี่ยวหยาอยู่ข้างข้า” เขาก้มลงแตะหน้าผากหลินหยาเบาเหมือนผีเสื้อสัมผัสดอกไม้ ทว่าความหมายชัดกว่ามีดสลักหิน จากนั้นจึงเหวี่ยงเสื้อคลุมให้กระชับบ่าเธออีกครา หลินหยาถอนใจยาว ยอมแพ้ให้ความดื้อดึงของชายผู้มีพิษในสายเลือดเพียงชั่วคืน “งั้นก็เลิกแข่งคำเถิดเจ้าค่ะ แข่งฝีเท้าแทน” เธอเคาะขลุ่ยกับสันอานหนึ่งครั้ง เสียงไม้ใสกังวานเป็นสัญญาณ “ไปกันได้แล้ว ก่อนเดือนใหม่จะทันเห็นเราเถียงกันจนครบทุกข้อกฎหมายของศาลต้าหลี่”


คำล้อเลียนนั้นทำให้จางทังเผลอยิ้ม ส่วนจางกงกงหัวเราะต่ำในลำคอ ทั้งสามขึ้นม้าพร้อมกัน เงาม้าตัดกับเส้นแสงเงินของจันทร์เหมือนพู่กันลากบนกระดาษสา พวกเขาเคลื่อนที่เป็นลิ่มเงียบ จางทังล่วงหน้าไปตรวจ ซ้ายมือมีเสียงน้ำในคูไหลเอื่อยเป็นจังหวะ ส่วนกลางลิ่มคือหลินหยาในเสื้อคลุมแดงเข้ม และท้ายลิ่มคือจางกงกง ผู้ขี่ตามอย่างแนบชิดจนเงาของเขาซ้อนทับเงาของนางพอดี


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

จางกงกง เข้าร่วม ปาร์ตี้

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 49,326 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 49,326 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 49,326 ไบต์และได้รับ +25 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +20 คุณธรรม +20 ความโหด จาก ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 49,326 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
โพสต์ 49,326 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 3 วันที่แล้ว
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
12
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้