เจ้าของ: Watcher

[หอว่านหงเหริน]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-9-6 07:36:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-9-6 19:24

วันที่ 06 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น.
╰┈➤ พบเจอเหวินซวี

ค่ำวันนั้นหลังจากเสวี่ยซีกลับจากทะเลสาบเยว่ปิงเหอพร้อมหัวใจที่พอมีประกายอบอุ่นอยู่บ้าง เถ้าแก่หลิวไค่ แห่งหอว่านหงเหรินก็มิได้ปล่อยให้เขามีเวลาพักหายใจเสียงตะโกนดังขึ้นท่ามกลางห้องโถงที่เต็มไปด้วยเหล่านางโลมและนายโลม “เสวี่ยซี! คืนนี้มีแขกผู้ใหญ่ต้องการเจ้าเป็นพิเศษ”

ดวงตาสีอำพันเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะหม่นลงอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันได้ตอบก็ถูกคนของหอผลักให้ก้าวออกมา ถูกจับจ้องจากสายตาหยอกล้อของผู้คนรอบข้าง “ข้า…” เสียงเขาแผ่วเบาแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปฏิเสธ

เถ้าแก่หลิวไค่เดินเข้ามา ใบหน้ากว้างแสยะยิ้มเย็นเยียบ “เจ้ากลับมาสายเมื่อวาน วันนี้จงชดใช้ให้คุ้มค่า อย่าได้ทำให้แขกผิดหวัง”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น ความอับอาย สิ้นหวังปะปนในอก เขาเดินไปตามแรงบังคับสุดท้ายก็ถูกผลักเข้าห้องหนึ่งซึ่งประดับด้วยม่านแพรแดงและกำยานหอม ภายในห้องนั้นมีบุรุษร่างใหญ่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกระหาย แขนข้างหนึ่งถือเชือกเส้นหยาบ อีกมือหนึ่งถือของบางอย่างที่สะท้อนแสงไฟวูบวาบ

เสวี่ยซีถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่ประตูปิดลงทันทีหลังเขา ความเงียบที่ตามมาหนักอึ้งกว่าคำข่มขู่ใด ๆ

“ไปคลาน ยกสะโพกขึ้นด้วย! เอามือไพล่หลัง” เสียงชายผู้นั้นกดต่ำ

เสวี่ยซีหลับตาลงน้ำตาเม็ดเล็กไหลรินลงอาบแก้ม เขามิอาจต่อต้านได เชือกหยาบเย็นเฉียบรัดข้อมือทั้งสองไว้แน่น ความเจ็บปวด ความอับอายถาโถมจนเขาได้แต่กัดริมฝีปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นดังออกมา แสงโคมไฟเหนือศีรษะไหวเอน ลมจากหน้าต่างพัดให้เปลวไฟสั่นสะท้าน ก่อนที่เงามืดจะกลืนกินไปทั่วห้อง

แสงโคมไฟค่อย ๆ แกว่งแรงขึ้น เสียงครางกดทับเสียงเชือกเสียดสีกับผิวกายดังแข่งกับเสียงลมหายใจหอบหนัก ทั้งหมดนั้นถูกกลืนไปในความมืด และสิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ คือเงาโคมไฟที่โยกไหวไม่หยุด ราวกับกำลังร้องไห้แทนผู้ซึ่งไร้เสียง

บนชั้นสองของหอว่านหงเหริน เหวินซวียืนพิงราวระเบียงสูงแอบยืนมองผ่านช่องเล็ก ๆ เขาเห็นทุกอย่าง ทั้งเสียงร้องไห้ขอร้องความเมตตาจากชายคนนั้น ชายที่เป็นลูกค้ามาใช้บริการนายโลม ...ก็คือคนของเขาเองพลางยกไหสุรากระดกดื่ม

ใบหน้าคมเผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากเมื่อเห็นเสวี่ยซีคุกเข่า  มือเล็กสั่นระริก รอยเชือกสีแดงสดปรากฏชัดบนลำคอและข้อมือ ‘ใช่แล้ว… จงดิ้นรนร้องไห้อ้อนวอน’ ร่างสูงใหญ่คิดในใจ ดวงตาเปล่งประกายวาวโรจน์  เขาเป็นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังค่ำคืนนี้


ร่างบอบบางของเสวี่ยซีถูกส่งกลับออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง แก้มขาวซีดเหงื่อซึม เสื้อคลุมบางหลุดรุ่ยเผยให้เห็นรอยช้ำแดงเรื่อทั่วแผ่นอก รอยเชือกที่ยังฝังบนผิวบอบบาง ดวงตาสีอำพันหม่นเศร้าสั่นระริก เขาก้าวช้า ๆ ลงบันไดหอ

ในสายตาเหวินซวีภาพเสวี่ยซีที่เดินออกมาด้วยสภาพบอบช้ำเช่นนั้นมิใช่ความน่าสงสาร หากแต่เป็นความบันเทิงอันล้ำค่าราวสัตว์ปีกที่ปีกหักไร้เรี่ยวแรงร่วงหล่นลงมา ร่างอ่อนแอไร้ที่พึ่งเช่นนี้คือเหยื่อที่เขาหลงใหลที่สุด “โอ๊ะ… บังเอิญเสียจริง” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยช้า ๆ เมื่อเขาปรากฏตัวตรงหน้าเสวี่ยซี

เขาเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาแดงช้ำ มือบางรีบเช็ดน้ำตาอย่างลนลาน ริมฝีปากสั่นไหวเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร “คุณชายหลัวเซิน ?”

เหวินซวียื่นมือใหญ่เข้าประคองไหล่เล็ก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่เสแสร้งอย่างแนบเนียน “เป็นอะไรหรือเปล่า งานที่เถ้าแก่หลิวสั่งเจ้าทำมาเกินไปรึ” เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่า ‘เสวี่ยซีเป็นนายโลม’ ในแววตาของเขากลับซ่อนประกายเย็นชาเหมือนงูพิษที่จ้องเหยื่อ ความบอบบางของเสวี่ยซีทำให้หัวใจของเหวินซวีพลุ่งพล่านด้วยความสุขุมัน เขามองไม่เห็นชายหนุ่มตรงหน้าเป็นมนุษย์ หากแต่สัตว์จรจัดไม่มีเจ้าของ

เสวี่ยซีพยายามฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตายังไม่ทันแห้ง ร่างบอบบางพึ่งพาแขนของเขาอย่างไร้ทางเลือก

“เหนื่อยมากใช่หรือไม่ เจ้าเดินแทบไม่ไหวแล้ว” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยช้าแผ่ว

เสวี่ยซีสะดุ้งใจเต้นระรัว รีบก้มหน้าเพื่อซ่อนคราบน้ำตาที่ไหลไม่หยุด มือบางสั่นจนแทบยกขึ้นเช็ดไม่ไหว “ข้าไม่เป็นไรขอรับ”

เขาก้าวเข้ามาใกล้ยื่นมือใหญ่ประคองไหล่เล็กพาไปยังมุมเงียบของหอที่ไร้ผู้คน “นั่งก่อนเถิด ข้าเพิ่งให้คนจัดอาหารร้อน ๆ มา กินเสียหน่อยคงดีขึ้น”

เสวี่ยซีลังเลมองข้าวต้มร้อนที่ถูกยกมาวางตรงหน้า ไอควันกรุ่นอุ่นราวกับปลอบประโลม  “ท่าน… ทำไมต้อง…” เสียงของเขาสั่นไหวไม่ทันถามจบ หลัวเซินก็ยกมือขึ้นปราม แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่เสแสร้ง

“บางครั้ง คนที่ล้มลงก็สมควรได้รับมือที่ยื่นมาช่วย… อย่างเจ้า”

เสวี่ยซีชะงักก้มหน้าลง ปล่อยให้น้ำตาหยดลงในชามข้าวต้ม เขาตักกินช้า ๆ ด้วยมือสั่น เหวินซวีมองภาพนั้นด้วยสายตาเย็นเยียบในก้นบึ้ง แต่บนใบหน้ากลับเผยเพียงรอยยิ้มอ่อนโยน

เมื่อชายหนุ่มกินหมด หลัวเซินก็หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อเป็นแหวนที่มีความเจิดจรัสด้วยเพชรกะรัตน้ำงาม “นี่คือแหวนดาราจรัส ของที่ข้าไม่เคยมอบให้ผู้ใด” เขาวางลงบนฝ่ามือเล็กที่ยังคงมีรอยแดงจากเชือกกรีด

มองแหวนงดงามนั้นด้วยความลังเล “คุณชายหลัวเซิน มอบให้ข้า? แต่เหตุใด…”

หลัวเซินโน้มตัวลงเล็กน้อย เสียงทุ้มกระซิบใกล้หู “เพราะเจ้า… ไม่เหมือนใคร”

ค่าจ้าง: 100 ตำลึงเงิน - 15 EXP (รายวัน)

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-9-6 14:07
โพสต์ 30845 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-6 07:36
โพสต์ 30,845 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-6 07:36
โพสต์ 30,845 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-6 07:36
โพสต์ 30,845 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2025-9-6 07:36

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-7 05:08:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 07 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
╰┈➤ พบเจอเหวินซวี


เมืองฉางอันพลันตกอยู่ในความมืดสลัว เสียงระฆังยามสามดังก้องจากหอระฆังกลางเมือง เสวี่ยซีเดินกลับหอของตนภายในหอว่านหงเหริน ร่างกายอ่อนล้าเต็มที ใบหน้าแดงซับเลือดและหยาดน้ำตายังไม่ทันแห้ง ความเจ็บปวดจากรอยเชือกทั่วลำตัวยังคงแผดเผาไปทุกย่างก้าว แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจลืมคือ “แหวนดาราจรัส” ที่ตอนนี้สวมอยู่บนนิ้วเรียวข้างซ้าย วัตถุเล็กชิ้นนี้หนักหน่วงราวกับก้อนหินพันธนาการจิตใจ

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเหวินซวีถึงมอบของมีค่าเช่นนี้ให้ ทั้งที่ตนเองไม่ใช่ผู้ใดเลย หากแต่ในส่วนลึก เสวี่ยซีสัมผัสได้ถึงสายตาของชายผู้นั้นที่มองเขาอย่างประหลาด ราวกับทั้งโลกเป็นเพียงเงา และเขา…คือของเล่นที่งดงามเพียงหนึ่งเดียว

เสวี่ยซียกมือขึ้นมองแหวนอีกครั้ง แสงจันทร์สะท้อนประกายสีเงินวูบไหว เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์สุราที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ หรือเพราะหัวใจที่ว่างเปล่ามานานเกินไป แต่ความอบอุ่นแผ่วเบาที่เหวินซวีมอบให้กลับกลายเป็นเชือกเส้นใหม่ที่พันธนาการเขาแน่นกว่าเชือกเส้นใดในหอคณิกาแห่งนี้

ในขณะเดียวกัน ณ เรือนชั้นสองฝั่งตรงข้ามหอ เหวินซวีนั่งพิงเก้าอี้ไม้สลักลาย ดวงตาคมสีเข้มจับจ้องไปยังหน้าต่างเล็กของห้องเสวี่ยซี แววตาที่ภายนอกดูเรียบเฉย ทว่าในความมืดกลับซ่อนประกายคลุ้มคลั่งและความสุขอันบิดเบี้ยว

“อ่อนแอ…แตกสลายได้ง่ายดายเพียงนี้ แต่สัตว์จรจัดอย่างเจ้ากลับพยายามดิ้นรนให้มีชีวิตรอด” เขาพึมพำแผ่วราวกับกำลังบอกกับตัวเอง

สำหรับเหวินซวีนี่คือความบันเทิงที่ล้ำค่า การเห็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ต้องดิ้นรนอย่างไร้ค่า แล้วค่อย ๆ ยื่นมือเข้าไปในเวลาที่อีกฝ่ายกำลังสิ้นหวังที่สุด เพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายมองเขาเป็นแสงสว่าง ทั้งที่แท้จริงแล้วเขาคือเหยื่อที่รอกลืนกิน


─── ・ 。゚☆: *.☽ .* :☆゚. ───



รุ่งเช้าวันถัดมาเสวี่ยซีถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เถ้าแก่หลิวไค่ ตะโกนเรียกเสียงดังให้รีบไปช่วยทำความสะอาดห้องรับแขกที่เพิ่งมีงานเลี้ยงเมื่อคืน เสวี่ยซีฝืนกายที่ยังปวดร้าว เดินลากเท้าไปตามคำสั่งโดยไม่ปริปากบ่น ขณะที่ก้มลงเช็ดคราบสุราและเศษอาหารบนโต๊ะไม้ เขากลับสัมผัสได้ถึงเงาหนึ่งทอดยาวมาจากด้านหลัง หันไปมองก็พบเหวินซวียืนอยู่ตรงนั้นในชุดยาวสีน้ำหมึก ใบหน้าคมสงบแต่สายตากลับเจือแววขบขัน

“ยังเจ็บอยู่หรือ?” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยถาม

เสวี่ยซีสะดุ้ง รีบก้มศีรษะ ไม่กล้าสบตา “ข้าไม่เป็นไรขอรับ ขอบคุณ…คุณชายที่เอื้อเฟื้อเมื่อวาน”

เหวินซวีก้าวเข้าใกล้ ก่อนใช้ปลายนิ้วเชยคางของเขาให้เงยขึ้น แววตาที่จ้องมองนั้นเย็นเยียบจนเสวี่ยซีรู้สึกเสียววาบไปทั่วร่าง แต่เพียงพริบตาเดียว รอยยิ้มอ่อนโยนก็ผุดขึ้นแทนที่ราวกับไม่เคยมีความโหดเหี้ยมใด ๆ

“เจ้าควรดูแลตัวเองให้ดี ข้ามิอยากเห็นแหวนที่ให้ไปสวมอยู่บนนิ้วศพหรอกนะ”

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีแข็งค้าง หัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ ก่อนที่เหวินซวีจะหัวเราะเบา ๆ และยื่นห่ออาหารหอมกรุ่นมาให้ “คุณชายหลัวเซิน”

“กินเสียเถิด ข้าสั่งทำมาให้โดยเฉพาะ”

เสวี่ยซีลังเลแต่ท้องที่ว่างเปล่ากลับบีบคั้นจนไม่อาจปฏิเสธได้ เขารับห่ออาหารมากินเงียบ ๆ ความหวานหอมของข้าวเหนียวสอดไส้เนื้อบดทำให้ดวงตาใสสั่นระริก


ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-7 13:03
โพสต์ 30687 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-7 05:08
โพสต์ 30,687 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-7 05:08
โพสต์ 30,687 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-7 05:08
โพสต์ 30,687 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2025-9-7 05:08

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-8 08:33:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 07 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอหลิวชิง
╰┈➤ พบเจอเหวินซวี


เมื่อก้าวผ่านซุ้มประตูไม้แกะสลักของหอว่านหงเหริน แสงตะเกียงนับร้อยที่แขวนเรียงรายก็สาดส่องเข้าตา กลิ่นกำยานผสานกับกลิ่นสุราขมปร่าลอยอวลไปทั่ว เสียงหัวเราะรื่นเริง เสียงพิณและขลุ่ยขับกล่อมดังประสานราวจะกลบความวังเวงของยามราตรี แต่สำหรับเสวี่ยซีแล้ว กลับไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจที่หนักอึ้งคลายลงได้เลย

ร่างบอบบางในชุดผ้าแพรสีอ่อนเดินเข้ามาเงียบ ๆ ใบหน้าขาวซีดเปื้อนรอยยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่เขาใช้ทุกค่ำคืนเพื่อปกปิดความจริงในใจ วันนี้ก็เช่นกันแม้ในห้วงความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับภาพเถียนเฟิงนั่งอยู่ในจวนต้าซือคง มือใหญ่เรียบเย็นจับปากกาคัดอักษรอย่างสง่างาม น้ำเสียงเย็นชาแต่หนักแน่นยังคงก้องในหู “หากลายมือของเจ้ายังอ่านไม่ออก ข้าคงไม่อาจเสียเวลาไปกับเจ้าได้”

ถ้อยคำเหล่านั้นคมกริบราวมีดแทงลึก ทว่าเสวี่ยซีกลับมิอาจเกลียดชังได้เลย เขาเพียงรู้สึกว่าตนต่ำต้อยเกินไป ห่างไกลเกินเอื้อม เมื่อเทียบกับภาพหลี่หยางในอดีตบุรุษที่เคยมอบรอยยิ้มอ่อนโยนและคำปลอบประโลม แม้จะเต็มไปด้วยเล่ห์ลวง แต่ก็เคยทำให้เขาหลงเชื่อว่าตนมีคุณค่า

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้าสู่โถงใหญ่ ดวงตาหลายคู่หันมามอง บ้างเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น บ้างซ่อนความริษยา

“ไปทำอะไรมาถึงได้หายไปทั้งวัน”
“เสวี่ยซี ข้าคิดว่าเจ้าคงไปติดพันใครเข้าแล้วสิ”

คำถามแฝงแววเย้ยหยันดังซัดสาดเข้าหู เสวี่ยซีเพียงยกยิ้มบาง ไม่เอื้อนเอ่ยคำใด เขารู้ดีว่าไม่ควรให้คำพูดเหล่านี้มีอิทธิพลต่อหัวใจอีก ยิ่งตอบโต้ ยิ่งถูกมองเป็นเป้า เขาเพียงเดินตรงไปยังบันได หัวใจสั่นสะท้อนราวกลองศึก แต่ใบหน้ายังคงสงบเสงี่ยม

เมื่อถึงห้องรับแขกส่วนตัวชั้นสอง เขาจัดแจงเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เรียบร้อย ภายในห้องประดับด้วยโคมไฟทรงสูง ผ้าม่านสีแดงโปร่งพริ้วไหวตามแรงลมที่ลอดเข้ามา กลิ่นชาหอมจาง ๆ ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะกลมกลางห้อง

ไม่นานนักเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา บานประตูเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดขุนนางสีเข้ม ใบหน้าคมสันมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทอประกายบางอย่างที่ทำให้เสวี่ยซีรู้สึกหนาวเหน็บตั้งแต่แรกเห็น

“โอ้ เสวี่ยซี” เสียงทุ้มของเขาลากยาวด้วยความพึงใจ “เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ข้าได้ยินมาว่าเจ้าใฝ่รู้เรื่องหนังสือด้วยหรือ?”

เสวี่ยซีฝืนยิ้ม ก้มหน้าตอบอย่างสุภาพ “ข้าเพียงแต่อยากจะเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เท่านั้น”

ขุนนางหลิวชิง หัวเราะเบา ๆ ก้าวเข้ามาใกล้จนเกินควร มือหนาเอื้อมมาหยิบพัดที่วางบนโต๊ะขึ้นพลิกเล่นอย่างถือวิสาสะ ดวงตายังคงจับจ้องร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“หากเจ้าต้องการ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ข้ามีความรู้มากมายที่จะถ่ายทอดให้เจ้า”

ถ้อยคำพร่างพรูฟังดูแสนหวาน แต่แววตาของเขากลับไม่ทำให้เสวี่ยซีรู้สึกอบอุ่นแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันเต็มไปด้วยความโลภและความประสงค์ร้ายที่แฝงเร้น เสวี่ยซีถอยก้าวหนึ่ง ก้มศีรษะต่ำลง “ขอบคุณในความเมตตาของท่าน แต่ข้ามิอาจรบกวน”

หลิวชิงชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะอย่างไม่ยี่หระ เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าสีงาช้างที่ปักลายดอกเหมยงดงามออกมาจากแขนเสื้อ แล้วยื่นให้ตรงหน้า “เช่นนั้น อย่างน้อยจงรับของเล็กน้อยจากข้าเถิด ดอกเหมยบานกลางหิมะ งามไม่ต่างจากเจ้าเลย”

เสวี่ยซีลังเล ด้วยมารยาทจึงเอื้อมมือไปรับทันทีที่ผ้าเช็ดหน้าสัมผัสปลายนิ้ว กลิ่นหอมประหลาดก็ลอยเข้าจมูก เขาเผลอสูดเข้าเต็มปอด ร่างกายอ่อนแรงลงทีละน้อย สายตาพร่ามัว

ยังไม่ทันตั้งตัว เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้นจากหน้าประตู กลิ่นลมเย็นกรุ่นแรงราวหมอกควันแผ่เข้ามา บานประตูถูกผลักเปิดอย่างแรง เผยให้เห็นร่างสูงสง่างามในชุดยาวสีดำสนิท ใบหน้าคมคายเฉยชา แต่แววตาคมเข้มดุจเหยี่ยวกลับฉายประกายเย็นยะเยือกที่ทำให้ทั้งห้องพลันเงียบงัน

หลิวชิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มไม่จางหาย “อ้าว ท่านเหวินซวี ดูเหมือนคืนนี้ท่านมาถึงเร็วนัก งานที่ท่านสั่งข้าทำเรียบร้อยแล้ว”

“หึ ดีแล้วล่ะ” เหวินซวีหรือก็คือหลัวเซินมองเสวี่ยซี เขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา จะดักสัตว์จรจัดทั้งทีต้องวางแผน

วันนี้เขาเพียงแค่มาเชยชมว่าที่สมบัติเท่านั้น

ความเงียบงันโรยตัวลงในห้องเมื่อร่างบอบบางในชุดผ้าแพรสีอ่อนทรุดลงกับพื้น ลมหายใจของเสวี่ยซีแผ่วเบา ริมฝีปากซีดจางเผยอเล็กน้อยราวกับกำลังต่อสู้กับความฝันอันมืดหม่น ใบหน้าที่ปกติแล้วมักแฝงด้วยรอยยิ้มสุภาพ บัดนี้กลับดูอ่อนแรง ไร้ซึ่งการปกปิด เสมือนผ้าแพรบางที่ถูกฝนพรำจนโปร่งใส เผยให้เห็นความบอบบางแท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใน

เหวินซวียืนมองเงียบ ๆ สายตาคมเข้มที่เคยเย็นชา บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่คล้ายกำลังลิ้มรสภาพตรงหน้า เขาเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ทีละน้อย เงาร่างสูงใหญ่ทอดทับลงบนร่างที่สลบไสลบนเบาะนุ่ม เส้นผมยาวสีดำของเสวี่ยซีปรกแก้มขาวซีด ทำให้เขาดูอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม

รอยยิ้มมุมปากปรากฏบนใบหน้าของเหวินซวี รอยยิ้มบางที่ไม่ใช่ความเมตตา หากแต่เป็นความพึงใจอันประหลาด เขาชอบ…ใช่ เขาชอบเห็นเสวี่ยซีในสภาพนี้ อ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง ไม่เหลือกำแพงใด ๆ มาปกป้องตัวเอง

มือใหญ่เอื้อมไปเลื่อนปอยผมที่ปรกหน้าของชายหนุ่มออก แผ่วเบาราวกลัวว่าการสัมผัสนั้นจะทำให้ความงามตรงหน้าสลายหายไป ลมหายใจอุ่นรินลอดริมฝีปาก เสียงหัวใจเต้นแผ่วดังสม่ำเสมอ ยิ่งทำให้เหวินซวีรู้สึกว่าตนกำลังครอบครองบางสิ่งที่เปราะบางและแสนหวงแหนได้โดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใด

บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นกำยานจาง ๆ และความเงียบสงัด เสียงข้างนอกที่ยังคงครึกครื้นถูกกั้นด้วยผ้าม่านหนา เหวินซวีก้มลงเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องริมฝีปากซีดของเสวี่ยซีอย่างไม่วางตา แววตาคมปลาบส่องประกายเย็นเยียบแต่แฝงไว้ด้วยไฟบางอย่างที่ยากจะอ่านออก

“เจ้าไม่รู้ตัวเลยสินะ…” เสียงกระซิบแผ่วลอดจากริมฝีปากเหวินซวี ทว่าเสวี่ยซียังคงนิ่งงัน

ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไร้การตอบสนอง ร่างบอบบางที่ยอมทอดกายให้โลกย่ำยีโดยไม่อาจต่อต้าน เหวินซวีกลับยิ่งรู้สึกพึงพอใจ

แสงโคมไฟส่องกระทบผิวขาวซีดเป็นประกาย เงาของเหวินซวีทอดทับลงบนร่างบอบบางนั้น เหมือนเงามืดที่กลืนกินดวงจันทร์อันงดงาม รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขายังคงคงอยู่ เงียบเชียบ เย็นชา และน่าหวั่นเกรง


ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)
ไอเทมเควสปลดหัวใจ เถียนเฟิง

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-8 10:45
โพสต์ 40132 ไบต์และได้รับ 32 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-8 08:33
โพสต์ 40,132 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-8 08:33
โพสต์ 40,132 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-8 08:33
โพสต์ 40,132 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2025-9-8 08:33

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-11 10:03:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 10 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น.

ในยามอาทิตย์คล้อยต่ำ แสงสีส้มจากขอบฟ้าทาบลงบนกำแพงสูงของหอว่านหงเหริน เงายาวทอดขวางทางเดินหิน เสียงขลุ่ยไผ่จากห้องด้านในลอยมาแผ่วเบา ทว่ามิอาจกลบความปั่นป่วนในใจของเสวี่ยซีได้เลย เขาก้าวเท้ากลับมาถึงหน้าประตูหอ ใบหน้าขาวซีดราวหยกสั่นระริกใต้เงาแพรคลุม ไหล่เล็กบอบบางไหวสะท้านราวกับทุกก้าวที่เดินเป็นภาระหนักอึ้ง หัวใจเต้นแรงเจือด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง

พอร่างระหงของเขาเหยียบย่างเข้ามาในโถงใหญ่ สายตาของนางโลมและนายโลมหลายสิบคู่ก็จับจ้องมา ริมฝีปากบางของใครบางคนยกยิ้มเย้ยหยัน “นั่นไงล่ะ บุรุษสวรรค์ผู้จะถูกประมูล!” คำพูดนั้นเหมือนหอกที่เสียบแทงกลางอก เสวี่ยซีฝืนยิ้มจืดเจื่อน ไม่ตอบโต้แม้สักคำ เดินตรงไปยังห้องของเถ้าแก่ด้วยหัวใจหนักอึ้ง

ภายในห้องนั้น เถ้าแก่หลิวไค่กำลังนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดี มือกำถ้วยชาร้อน กลิ่นหอมของใบชาชั้นเลิศลอยคลุ้ง ท่าทางของเขาดูผ่อนคลายราวกับโลกทั้งใบอยู่ใต้การควบคุม ไม่มีอะไรอาจสั่นคลอนได้ ดวงตาคมที่มักหรี่ปรือหันมามองเสวี่ยซีเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระตุกยิ้มบาง ราวกับรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายบังอาจเข้ามาโดยไม่ต้องมีคำอธิบาย

“เจ้ากลับมาแล้วรึ เสวี่ยซี” เสียงทุ้มแหบเอื้อนเอ่ย พลางวางถ้วยชาอย่างแช่มช้า “ข้าเดาว่าเจ้าคงได้ยินเรื่องงานประมูลแล้วสินะ”

เสวี่ยซีหยุดยืนอยู่กลางห้อง หัวใจเต้นรัวเหมือนจะทะลุอก มือเรียวกำเข้าหากันจนข้อนิ้วซีดขาว เขาสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้า ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ แต่ยังคงสุภาพ “เถ้าแก่ ได้โปรด ข้า… ข้าไม่อยากขึ้นเวทีประมูลเช่นนั้นเลย ข้าขอร้อง หากจะให้ข้ารับแขกมากเพียงใด ข้าก็จะทำ แต่ได้โปรดยกเลิกงานนี้ หรืออย่างน้อยขอยืดเวลาออกไป”

สิ้นคำพูดเสียงหัวเราะหยันก็ดังก้องขึ้น หลิวไค่เอนกายไปข้างหลัง ดวงตาเล็กหรี่ลงยิ่งกว่าเดิม “เจ้าเด็กโง่… เจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่ งานเช่นนี้ไม่ใช่ข้าอยากจัดแล้วจัดได้เอง หากแต่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน เจ้าเข้าใจหรือไม่ เบื้องบนสั่งให้ทำ แล้วข้าจะกล้าขัดได้หรือ หรือเจ้าอยากให้ทั้งหอนี้ถูกถอนรากถอนโคนเพราะความดื้อด้านของเจ้า”

เสวี่ยซีสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ยังคงพยายามเอ่ยเสียงแผ่ว “แต่ข้า… ข้ามิได้พร้อม ข้ามิอาจ”

“พอ!!” เถ้าแก่ฟาดมือลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น น้ำชาสะท้อนกระเด็นเป็นหยด ๆ ดวงตาเล็กวาวโรจน์ขึ้นด้วยความโกรธ เสียงคำรามของเขาสะท้อนก้องในห้องราวกับคำพิพากษา “เจ้ามีสิทธิ์เลือกหรือ จำเอาไว้เสวี่ยซี เจ้ามาที่นี่เพราะอะไรเพราะเจ้าคือสินค้าของหอนี้ เป็นทรัพย์สมบัติที่ทำเงินได้ ไม่ใช่คุณชายสูงศักดิ์ ไม่ใช่บุตรหลวง หากแต่เป็นเพียงนายโลมราคาสูง! เจ้าคิดว่าความงามของเจ้ามีไว้เพื่ออะไร มีไว้เพื่อขาย! มีไว้เพื่อให้ผู้คนประมูลชิง ไม่ใช่เพื่อให้เจ้ามาร้องขอความเมตตา!”

ถ้อยคำรุนแรงนั้นประหนึ่งฟ้าผ่ากลางใจ เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากจนเจ็บปวด ดวงตาสีอำพันเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา ก่อนจะหลั่งรินลงมาตามแก้มซีดขาว เขาสั่นหัว พยายามห้ามเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาจากลำคอ แต่ยิ่งห้ามก็ยิ่งไหล

“ได้โปรด” เขาพูดทั้งน้ำตา เสียงสั่นจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ข้าขอเพียงแค่อย่าให้ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนทั้งเมือง”

หลิวไค่หัวเราะเยาะอีกครั้ง เสียงนั้นเย็นเยียบและโหดร้าย “อับอาย เจ้ายังกล้าพูดเรื่องอับอายอีกหรือ เจ้าขายกายหาเลี้ยงชีพทุกคืน แต่กลับกลัวอับอายรึ หึ! คืนนี้เมื่อเจ้าขึ้นเวทีและมีผู้คนยกมือประมูลแย่งชิง เจ้าอาจกลายเป็นตำนาน บุรุษผู้เลอโฉมแห่งหอว่านหงเหริน! เจ้าควรจะขอบคุณข้าด้วยซ้ำที่มอบ ‘โอกาสทอง’ ให้เจ้า”

เสวี่ยซีทรุดเข่าลงกับพื้น ความเจ็บปวดแล่นบาดกลางอก หยาดน้ำตาไหลพรากไม่หยุด “ข้า… ข้าไม่อยาก… ไม่อยากเลยจริง ๆ”

“ไร้ประโยชน์ที่จะขัดขืน!” เถ้าแก่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองลงมาอย่างผู้ชี้ชะตา “พวกเจ้า”

ทันทีที่สิ้นคำสาวใช้สองคนก็เข้ามาจับแขนเสวี่ยซีที่กำลังอ่อนแรงอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างบอบบางนั้นถูกยกขึ้นราวกับขนนก แม้เขาจะพยายามดิ้นแต่แรงทั้งหมดก็เล็กน้อยเกินไป

“พาไปที่ห้องน้ำชำระกาย ขัดผิวพรรณให้สะอาดจนเนียนราวหยก จากนั้นให้แต่งกายด้วยชุดแพรชั้นเลิศ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคืนนี้” หลิวไค่สั่งเสียงห้วน ดวงตาวาวโรจน์ฉายแววเย้ยหยัน “อย่าให้เสียชื่อหอว่านหงเหรินของข้า”

เสียงสะอื้นของเสวี่ยซีดังสะท้อนในทางเดิน ขณะที่เขาถูกลากไปโดยไร้เรี่ยวแรง ร่างบอบบางถูกห่อหุ้มด้วยผ้าแพรเก่า ๆ ดวงตาสีอำพันที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา หวาดหวั่นราวกับนกน้อยในกรงทองที่ไม่มีทางหลบหนีได้

หัวใจของเขารู้ดีว่าไม่ว่าต่อรองอย่างไร ชะตากรรมที่โหดร้ายก็ยังคงรออยู่เบื้องหน้าและคืนนี้ เขาจะต้องถูกนำไปยืนบนเวทีเย้ยฟ้า เย้ยดิน ประหนึ่งสิ่งของที่ไร้ค่า


กลิ่นกำยานหอมอบอวล คล้ายจะปิดบังเสียงกระซิบซ่อนเร้นของเหล่านายโลมและนางโลมที่แอบซุบซิบถึงข่าวงานประมูลใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ริมฝีปากซีดสั่นไหวเมื่อคิดถึงคืนนี้ที่ใกล้เข้ามา

เขาพยายามมองหาผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสหาย คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในหอแห่งนี้ เสวี่ยซีหวังเพียงว่าใครสักคนอาจยังคงยื่นมือช่วยเหลือ แต่ทุกคู่ตาที่สบมาล้วนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บ้างเบือนหน้าหนี บ้างยกมือขึ้นส่ายหัวอย่างร้อนรน

“ข้าช่วยเจ้าไม่ได้หรอกเสวี่ยซี อย่าพูดเรื่องนี้เลย หากถูกเถ้าแก่จับได้ ข้าจะซวยไปด้วย…”

“อย่าเอ่ยถึงอีกเลย เบื้องบนสั่งมาแล้ว พวกเราไม่อาจห้ามได้”

คำตอบเหล่านั้นเหมือนคมมีดกรีดลึกในใจ ราวกับตอกย้ำว่าตนไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว ร่างบอบบางที่เคยพยายามยืดหลังตรงค่อย ๆ ไหวระริกลงเหมือนต้นไผ่ถูกลมแรงโถมกระหน่ำ

ก่อนเวลางานประมูล ขณะที่เสวี่ยซีกำลังจะกลับไปยังห้องพัก ร่างเพรียวระหงของสหายเก่าผู้หนึ่งก็โผล่มาขวางทางไว้ ดวงตาดำสนิทคู่นั้นกวาดมองรอบด้านราวกับระแวดระวังสิ่งใดก่อนจะยัดซองกระดาษพับเล็ก ๆ ลงในมือของเสวี่ยซีทันที

“เก็บไว้… อย่าให้ใครเห็น” เสียงแผ่วเบาเกือบเป็นเพียงลมหายใจ ทันทีที่พูดจบ สหายคนนั้นก็ผละหายไปในเงามืด ราวกับไม่เคยปรากฏตัว

มือเรียวสั่นเทากำจดหมายแน่น ก่อนจะรีบกลับเข้าห้องเล็ก ๆ ของตนเอง เมื่อจุดตะเกียงและคลี่กระดาษออก เสวี่ยซีก็พบเพียงถ้อยความที่ทำให้เลือดในกายเย็นเยียบ

“ข้ารู้ว่าเจ้าถูกเลือกให้ออกประมูล แต่จงฟังให้ดีมีใครบางคนกำลังวางแผนร้ายต่อเจ้า งานนี้ไม่ใช่แค่การขายตัว หากแต่เป็นกับดัก หากเจ้าไม่หาทางพึ่งพาผู้มีอำนาจ เจ้าจะไม่มีวันรอดพ้น”


หยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นอีกครั้ง เสวี่ยซีทิ้งตัวลงนั่งบนขอบเตียงไม้เก่า หัวใจบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออก “ผู้มีอำนาจ”

คำนี้สะท้อนก้องอยู่ในหัวไม่หยุด

ในห้วงคิด เขานึกถึง เถียนเฟิงชายผู้มีสายตาคมลึกและเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน คนที่เคยเช็ดน้ำตาให้เขาในวันที่เล่าความหลังอันโหดร้าย เถียนเฟิงมีบารมีและความรู้ ดูเหมือนผู้ที่พอจะช่วยเหลือได้

จากนั้นใบหน้าของ หลัวเซิน ก็ผุดขึ้นมาบุรุษผู้เปี่ยมด้วยอำนาจและน่าเกรงขาม แม้ทั้งคู่ไม่ใช่คนสนิทนัก แต่เสวี่ยซีก็รู้ดีว่า หากใครสักคนในนครฉางอันจะคุ้มครองเขาได้ ก็คือชายเช่นนั้น

“แต่ข้าจะมีสิทธิ์อันใดไปขอร้อง” เสียงแผ่วเบาหลุดออกมา ริมฝีปากบางเม้มแน่นด้วยความสับสน น้ำตาไหลรินอาบแก้ม เขาเป็นเพียงนายโลมร่างบอบบาง ผู้ที่ทั้งชีวิตถูกตราหน้าว่าไร้ค่า จะกล้าไปขอความช่วยเหลือจากบุรุษผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร

เสวี่ยซีเอื้อมมือไปแตะหน้าท้องตนเองราวกับโอบกอดความว่างเปล่า หวังให้ความอุ่นจากฝ่ามือปลอบโยนหัวใจที่ปริแตก เขานึกถึงคำพูดของเถ้าแก่ที่ตราหน้าว่าตนเป็นแค่ “สินค้า” และนึกถึงวันที่ถูกหลี่หยางทรยศ ความสิ้นหวังปกคลุมเหมือนเงาหนักหน่วง

ในที่สุด เสวี่ยซีก็พับจดหมายนั้นเก็บซ่อนไว้ใต้หมอน ดวงตาสีอำพันแดงก่ำด้วยน้ำตา เขาเลือกที่จะไม่ส่งข่าวถึงเถียนเฟิงหรือหลัวเซิน ไม่ใช่เพราะไม่คิดถึง แต่เพราะไม่กล้าพอที่จะเผชิญกับคำปฏิเสธ หรือแย่กว่านั้น… อาจทำให้พวกเขาเดือดร้อนเพราะตนเอง

ร่างบอบบางสั่นเทิ้ม ความเหนื่อยล้าสะสมจากทั้งร่างกายและหัวใจทำให้ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างช้า ๆ แต่ความฝันกลับเต็มไปด้วยภาพเงามืด เสียงหัวเราะเย้ยหยัน และเสียงประมูลที่ดังไม่หยุด


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 50756 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 10:03
โพสต์ 50,756 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-11 10:03
โพสต์ 50,756 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-11 10:03
โพสต์ 50,756 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-11 10:03
โพสต์ 50,756 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ช่อเมล็ดข้าวมงคล  โพสต์ 2025-9-11 10:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-11 12:14:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 10 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

เสียงกลองสะบัดยามย่ำค่ำดังลอยมาตามสายลมเหนือกำแพงนครฉางอัน เถียนเฟิงยืนอยู่ในเรือนหนังสือส่วนตัว แสงตะเกียงขับเงาเรียวยาวบนผนัง ดวงตาคมสีนิลทอดมองไปยังม้วนข่าวสารที่สายลับเพิ่งส่งมาเพียงครู่เดียว แค่ได้อ่านถ้อยความสั้น ๆ ก็เพียงพอให้หัวใจที่สงบนิ่งของเขาสั่นสะท้าน

“งานประมูลหอว่านหงเหริน ซีซี” เสียงพึมพำแผ่วต่ำคล้ายคำสาป เถียนเฟิงกำกระดาษแน่นจนแทบขาด ในแววตานั้นแฝงความเย็นชาและโทสะ ความคิดที่ว่าเสวี่ยซีอาจถูกโยนให้เป็นของเล่นในสายตาผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน

เขาไม่ใช่คนที่มักลงมือเพราะอารมณ์ แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป ภาพชายหนุ่มร่างบอบบางในความทรงจำ ริมฝีปากซีดที่มักยกยิ้มฝืน ๆ ดวงตาสีอำพันอาบน้ำตาในวันที่เล่าถึงอดีตลอยขึ้นมาจนทิ่มแทงใจ เขารู้ดีว่าถ้าตนยังนิ่งเฉย เสวี่ยซีอาจไม่มีวันกลับมาเป็นอิสระอีก

เถียนเฟิงหมุนกายไปยังตู้เสื้อผ้าไม้หอม สั่งให้บ่าวคนสนิทนำชุดขุนนางชั้นสูงมา ชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มปักลายมังกรเลื้อยด้วยดิ้นเงินสะท้อนแสงตะเกียงวาววับ ยามเขาสวมลงบนร่างสูงโปร่ง มันเสริมบารมีให้ยิ่งสง่างามราวขุนนางผู้ทรงอำนาจ แถมยังสวมหมวกปีกกว้างประดับหยกขาว ติดพัดไม้จันทน์ไว้ข้างเอว ร่างทั้งหมดนั้นคือภาพลักษณ์ของผู้ที่ย่างก้าวเข้าไปในหอว่านหงเหรินไม่ใช่เพียงเพื่อเสพสุข แต่เพื่อ ครอบครองทุกสายตา

“เตรียมรถม้า” เสียงคำสั่งหนักแน่นสะท้อนก้องไปทั่วเรือน “คืนนี้ข้าจะไปหอว่านหงเหรินด้วยตัวเอง”

บ่าวทั้งหลายก้มหน้ารับคำ ไม่มีใครกล้าสบสายตาที่คมดั่งคมดาบของเขา บรรยากาศรอบกายเถียนเฟิงในยามนั้นเหมือนพายุที่พร้อมจะกวาดล้างทุกสิ่ง เขาก้าวออกจากเรือนหนังสือ ม่านผ้าพลิ้วตามแรงลมราตรี ขณะใจเขาเต็มไปด้วยเพียงชื่อเดียว ‘เสวี่ยซี’

ค่ำคืนในหอว่านหงเหรินประดับประดาโคมไฟนับร้อยนับพันจนสว่างไสวราวกับเป็นวังสวรรค์ เสียงขับขานดนตรีขิม พิณ และขลุ่ยดังประสานกันสร้างบรรยากาศเย้ายวน เหล่าขุนนาง คหบดี และพ่อค้าผู้มั่งคั่งต่างแต่งองค์ทรงเครื่องหรูหราพากันมารวมตัวในโถงใหญ่ ทุกสายตาเต็มไปด้วยความกระหายรอคอย “งานประมูลบุปผางาม” ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่เลื่องชื่อที่สุดของเมืองฉางอันในรอบหลายปี

และในค่ำคืนนี้ สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นที่สุดไม่ใช่เหล่านางโลมที่คัดสรรมาอย่างดี แต่คือ “บุรุษสวรรค์ผู้เป็นดั่งอัญมณีแห่งหอว่านหงเหริน”

ทันทีที่ม่านผ้าแพรสีแดงถูกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก็ถูกนำขึ้นเวที เขาสวมอาภรณ์บางเบาสีขาวปักลายดอกเหมยด้วยดิ้นเงิน เสื้อคลุมเผยให้เห็นช่วงไหล่ขาวผ่องกับช่วงเอวคอดกิ่วที่แทบจะโอบกอดได้ด้วยสองมือ สะโพกกลมกลึงผายรับกับเรียวขายาวขาวดุจหิมะ ทุกย่างก้าวของเขาอ่อนช้อยราวกับกำลังร่ายรำ ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันสุกสว่างแต่หม่นหมอง แฝงด้วยน้ำตาที่พยายามซ่อนเร้น ใบหน้าเรียวรูปไข่ผิวเนียนละเอียดราวหยกขาวแสดงรอยยิ้มจาง ๆ ที่ฝืนยิ่งนัก ยิ่งทำให้เขาดูงดงามราวกับบุปผาต้องลมพายุงามเกินกว่าจะห้ามใจ แต่ก็พร้อมจะร่วงโรยทุกเมื่อ

เสียงฮือฮาดังก้องทั่วโถงทันทีที่เสวี่ยซีปรากฏตัว

“นั่นหรือ…เสวี่ยซี นายโลมที่ร่ำลือกันนักหนา”
“งามเสียจนหญิงใดก็ไม่อาจเทียบได้!”
“ข้าได้ยินว่าเขามีผิวพรรณละเอียดประหนึ่งไหม ข้าอยากได้ตัวเขามาอยู่ในเรือนนัก”

เถ้าแก่หลิวไค่ก้าวออกมากล่าวด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด “ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย! บุรุษคนสุดท้ายของค่ำคืนนี้ นามว่า เสวี่ยซี คือดวงดาราประดับฟ้าแห่งหอว่านหงเหริน ผู้นี้ไม่เคยถูกนำขึ้นประมูลมาก่อน ถือเป็นโอกาสทองที่ท่านทั้งหลายจะได้ครอบครองอัญมณีนี้!”

เสียงกลองดังขึ้นเปิดการประมูล บรรยากาศราวกับพายุคลั่ง

“ข้าเปิดประมูลที่หนึ่งร้อยตำลึงทอง!” ชายอ้วนร่างท้วมผู้เป็นคหบดีใหญ่ตะโกนขึ้น เสียงดังทำให้ผู้คนหันมามอง

“หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง!” อีกคนรีบเสนอแข่งทันที

เสียงราคาทยอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนโต้เถียงแข่งกันราวกับกำลังเดิมพันด้วยชีวิต เสวี่ยซีที่ยืนอยู่บนเวทีรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองไม่ต่างจากสิ่งของไร้ค่า ดวงตาสีอำพันค่อย ๆ หม่นลงทุกขณะ

ท่ามกลางความการแข่งขัน เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างสงบแต่ชัดเจน “ห้าร้อยตำลึงทอง”

ผู้คนในหอเงียบกริบไปชั่วขณะ ก่อนจะฮือฮาดังลั่น เพราะผู้ที่เสนอราคาคือหลัวเซิน

เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นสบตา หลัวเซินนั่งอยู่แถวหน้าแววตาคมเต็มไปด้วยความแสร้งอ่อนโยร ราวกับกำลังบอกว่า “เจ้าเป็นของข้า” ความหนาวเหน็บไหลซึมเข้าไปในใจเสวี่ยซีทันที

แต่แล้วเสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างหนักแน่นก้องไปทั่วโถง “หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง”

ทุกคนหันขวับไปตามเสียงนั้น ภาพที่เห็นคือบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดขุนนางสีน้ำเงินเข้มปักลายมังกรเลื้อย แสงโคมไฟสะท้อนดวงตาคมกริบเย็นชา เขาเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับพญาอสรพิษที่ย่างกรายเข้าสู่สนามล่า เถียนเฟิงมหาเสนาบดีตรวจการแห่งราชสำนักฮั่น

เสียงฮือฮาดังก้องกว่าเดิม “หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง…!?”
“นี่มันราคามหาศาลเกินกว่าจะเชื่อได้!”
“แม้แต่เรือนทั้งหลังยังไม่อาจเทียบได้!”

เถ้าแก่หลิวไค่ถึงกับตาโต หัวใจเต้นระรัวด้วยความโลภ ทว่าพยายามเก็บอาการแล้วกล่าวย้ำเสียงดัง “หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง! มีผู้ใดกล้าสู้ราคาท่านมหาเสนาบดีอีกหรือไม่!?”

ความเงียบเข้าปกคลุม ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะออกปากสู้ราคา หลัวเซินเองก็กัดฟันแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่อาจยกมือประมูลต่อได้

เสวี่ยซีที่ยืนอยู่บนเวที ตัวสั่นไหวทั้งด้วยความหวาดกลัวและความสับสน ดวงตาสีอำพันที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเงยขึ้นมองบุรุษผู้สูงศักดิ์คนนั้น เถียนเฟิง ใจของเขาเหมือนถูกกระชากแรงจนแทบหายใจไม่ออก

เสียงกลองดังสามครั้งติดกัน ประกาศชัยชนะของเถียนเฟิงในค่ำคืนนั้น หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง เพื่อครอบครองเพียงคนเดียว—เสวี่ยซี


ค่ำคืนนั้น แสงจันทร์ทอดตัวอาบถนนสายหินกรวดของนครฉางอัน รถม้าสีดำที่ประดับตราอันทรงอำนาจแล่นออกมาจากหอว่านหงเหริน ท่ามกลางเสียงซุบซิบและสายตาตกตะลึงของผู้คน เถียนเฟิงนั่งนิ่งอยู่ภายในรถ ด้านข้างเขาคือเสวี่ยซีที่ยังคงสวมชุดบางเบาของนายโลม กลีบแพรขาวปักลายดอกเหมยสั่นไหวทุกครั้งที่ลมยามราตรีพัดลอดเข้ามา

บรรยากาศภายในรถม้าขมุกขมัวไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงกีบม้าที่กระทบพื้นดังก้องเป็นจังหวะ เสวี่ยซีค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่กล้าเอ่ย แต่สุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้า พูดออกมาเสียงสั่น

“ทำไมต้องช่วยข้าด้วย”

น้ำเสียงนั้นคล้ายเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ในความมืดมิดมานานจนไม่เชื่อว่าจะมีมือใครยื่นมาช่วยได้จริง ๆ เถียนเฟิงหันมองเขา แววตาคมสงบเย็น ริมฝีปากหยักเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ โดยไม่ตอบคำถามตรง ๆ

เสวี่ยซีหลุบตาลง ความเงียบที่ตามมาเหมือนกำแพงหนา ทำให้เขายิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวในโลกที่ไม่เคยเมตตา แต่แล้วน้ำเสียงทุ้มต่ำก็แทรกขึ้นอย่างหนักแน่น

“เจ้าควรเรียนรู้ที่จะปกป้องตนเองเสียบ้าง อย่าปล่อยให้ใครมีโอกาสทำร้ายเจ้าได้อีก”

คำพูดนั้นทำให้เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคาดคิดว่าชายผู้มีอำนาจสูงส่งเช่นนี้จะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่แฝงความห่วงใย ไม่ใช่คำสั่ง ไม่ใช่การตำหนิ หากแต่เหมือนคำเตือนจากใครสักคนที่หวังดีอย่างแท้จริง

“ข้า…” เสียงเสวี่ยซีสั่นพร่า ดวงตาสีอำพันคลอด้วยน้ำตา “ข้าไม่เคยมีสิทธิ์เลือก ไม่เคยมีใครถามว่าข้าอยากอยู่หรืออยากไป ข้าเหนื่อยเหลือเกิน”

เถียนเฟิงยื่นมือออกมาอย่างเงียบงัน นิ้วเรียวยาวสัมผัสเบา ๆ ที่หลังมือซีดขาวของเสวี่ยซี ความอบอุ่นนั้นแทรกผ่านเข้ามาในใจที่เย็นชืดของเขา ราวกับกำลังบอกว่า เจ้ามิได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว

“ต่อจากนี้” เถียนเฟิงเอ่ยช้า ๆ “ตราบที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีใครแตะต้องเจ้าได้ ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเจ้าอีก”

คำพูดนั้นไม่ใช่คำสัญญาอันยิ่งใหญ่ แต่หนักแน่นพอจะสั่นสะเทือนหัวใจของเสวี่ยซี น้ำตาที่เขาพยายามกลั้นมาตลอดทางไหลรินลงบนแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ เขายกมือขึ้นปิดปาก กลัวจะส่งเสียงสะอื้นดังออกมา

เถียนเฟิงไม่ได้เอื้อมมือเช็ดน้ำตา หากแต่เพียงนั่งข้าง ๆ อย่างมั่นคงราวกับเป็นกำแพงที่พร้อมจะให้เขาพิงพิงได้เสมอ ความเงียบที่เกิดขึ้นคราวนี้มิใช่ความกดดัน หากแต่เป็นความสงบที่อบอุ่น.เป็นครั้งแรกที่เสวี่ยซีรู้สึกว่าตนมีที่พึ่ง

รถม้าค่อย ๆ แล่นออกห่างจากแสงสีครึกครื้นของหอว่านหงเหริน ทิ้งทุกเสียงหัวเราะเย้ยหยันและความอับอายไว้เบื้องหลัง ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาวเล็ก ๆ ที่ส่องประกาย เสวี่ยซีเงยหน้ามองผ่านช่องหน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความหวังที่เพิ่งเริ่มก่อขึ้น แม้เพียงเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจที่เคยแตกสลายเริ่มเต้นอีกครั้ง

เขาหันกลับไปมองชายที่นั่งเคียงข้าง เถียนเฟิงที่ยังคงนิ่งสงบเหมือนภูผา ทว่าในความนิ่งนั้นกลับอบอวลด้วยความอบอุ่นที่เสวี่ยซีไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

ในค่ำคืนอันหดหู่ เถียนเฟิงมิได้มอบคำตอบให้เขา แต่กลับมอบสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าความมั่นคงและการปกป้องที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้ใด


ค่าจ้าง: 100 ตำลึงเงิน - 15 EXP (รายวัน)
ไอเทมเควสปลดหัวใจ เถียนเฟิง

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-9-11 12:19
โพสต์ 56858 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 12:14
โพสต์ 56,858 ไบต์และได้รับ +8 EXP +9 ความชั่ว +9 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-11 12:14
โพสต์ 56,858 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-11 12:14
โพสต์ 56,858 ไบต์และได้รับ +15 คุณธรรม +10 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-9-11 12:14

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-11 23:39:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-11 23:46

วันที่ 4 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ตลอดทั้งวัน



โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาถูกพาตัวมาถึงหอว่านหงเหรินโดยที่จิตใจยังคงสับสนและหวาดกลัว การเดินตามหลังบุรุษผู้สวมหน้ากากครึ่งใบในระยะห่างไม่กี่ก้าว ทำให้นางยิ่งรับรู้ถึงรัศมีอำนาจที่แผ่ออกมาอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงและหนักแน่น ขณะที่นางกลับรู้สึกราวกับกำลังก้าวเดินอยู่บนใยแมงมุมบาง ๆ ที่พร้อมจะขาดสะบั้นได้ทุกเมื่อ ความตื่นตระหนกแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อเขาหันมาสบตาเพียงเสี้ยววินาที สายตาคมกริบนั้นเต็มไปด้วยคำเตือนที่เย็นยะเยือก ราวกับต้องการตอกย้ำว่าชีวิตของนางตอนนี้แขวนอยู่บนเส้นด้าย ซูเหยาได้แต่ก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลีกหนีจากสายตาที่น่าพรั่นพรึงนั้น พยายามสงบสติอารมณ์และเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำถามใด ๆ

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อก้าวเท้าเข้ามาในห้องพักที่หรูหรา ซูเหยาได้กลิ่นหอมของสมุนไพรขับพิษผสมกับกลิ่นดอกเหมยอบแห้งที่ลอยอวลอยู่แต่กลับไม่ช่วยให้บรรยากาศดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ภายในห้องประดับประดาอย่างเรียบหรูด้วยผ้าไหมสีเข้มและเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดี แต่นั่นกลับยิ่งเน้นย้ำถึงความแตกต่างระหว่างสถานะของนางกับของคนที่นี่ ร่างของแม่นางหนานที่ถูกวางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนราวกับของล้ำค่านั้น ทำให้ซูเหยาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกซับซ้อนที่บุรุษผู้นี้มีต่อหญิงสาวตรงหน้า ยิ่งเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่หวงแหนที่แทบจะบิดเบี้ยวของเขามากเท่าไหร่ ความรู้สึกหวาดกลัวที่ปะปนกับความอึดอัดก็ยิ่งประดังเข้ามารุนแรงขึ้นเท่านั้น

ซูเหยาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ใกล้ประตู ไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ นางพยายามมองไปยังจุดอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นประจักษ์พยานในความรู้สึกที่นางไม่เข้าใจนี้ แต่ทว่าทุกการเคลื่อนไหวของบุรุษตรงหน้าก็ยังคงดึงดูดสายตาของนางไปโดยสิ้นเชิง เขาจัดการกับแม่นานหนานอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมราวกับกลัวว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้นางแตกสลายไปได้ ท่าทางที่แข็งกร้าวเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความอ่อนโยนที่น่าประหลาดใจ ซูเหยาเห็นเพียงเงาของแผ่นหลังกว้างที่บังร่างของแม่นางหนานไว้ ราวกับเขาต้องการซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น แม้จะเป็นเพียงชั่วครู่แต่ก็เพียงพอให้ซูเหยารับรู้ว่าความรู้สึกที่ท่านชายห่าวหมิงมีต่อแม่นางหนานนั้นลึกซึ้งและครอบงำจนน่ากลัวเกินกว่าที่นางจะเข้าใจได้เลย

ขณะที่นางยืนอยู่ห่าง ๆ สายตาของซูเหยาก็เหลือบไปเห็นรอยแผลที่พันผ้าไว้ตามแขนและขาของแม่นางหนาน ซึ่งเห็นชัดเจนแม้จะถูกปิดบังด้วยเสื้อผ้าที่บางเบา ร่องรอยเหล่านั้นทำให้นางรู้สึกสงสารและเห็นใจหญิงสาวบนเตียงอย่างจับใจ มันเป็นร่องรอยของการต่อสู้ที่ต้องเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จนทำให้นางเกิดคำถามในใจว่าแม่นางหนานต้องเผชิญหน้ากับอะไรมาบ้าง แววตาของนางมองไปยังร่างที่บอบช้ำของแม่นางหนาน ก่อนจะเหลือบกลับไปมองใบหน้าครึ่งซีกของคุณชายห่าวหมิงที่ยังคงก้มมองแม่นางหนานไม่วางตา แล้วความหวาดกลัวก็กลับมาครอบงำหัวใจของนางอีกครั้ง เมื่อนางตระหนักว่าสิ่งที่นางเห็นนั้นอาจเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง และความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังอาจจะมืดมิดและโหดร้ายกว่าที่นางจินตนาการไว้มากนัก

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนแต่ดวงตาที่เย็นชาดุจน้ำแข็งนั้น ทำให้ซูเหยาขนลุกไปทั้งตัว มันคือคำขู่ที่สุภาพแต่รุนแรงถึงขีดสุด ราวกับคมมีดที่ถูกซ่อนไว้ในดอกไม้พิษ นางเม้มปากแน่น พยายามบังคับให้เสียงไม่สั่นเทาขณะตอบกลับ 

“ขะ...ข้าน้อยจะดูแลแม่นางหนานอย่างดีที่สุดเจ้าค่ะ และจะไม่ยอมให้แม่นางต้องเจ็บปวดใด ๆ เพิ่มอีกเป็นอันขาด” นางตอบกลับไปอย่างจริงใจ พลางภาวนาว่าคำสัญญาของนางจะเพียงพอที่จะทำให้บุรุษผู้นี้รู้สึกวางใจขึ้นบ้าง

แต่ในขณะที่เปล่งถ้อยคำออกมา ลำคอของนางก็รู้สึกแห้งผากและติดขัดไปหมด ซูเหยาพยายามบังคับให้ดวงตาของนางไม่สั่นไหวเมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา ซูเหยาได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้การกระทำและคำพูดของนางในตอนนี้จะไม่เป็นที่ขัดใจเขา เพราะนางรู้ดีว่าหากบุรุษผู้นี้ไม่พอใจเพียงเสี้ยวเดียว ชีวิตของนางก็อาจจะจบลงได้ในทันที ซูเหยาได้แต่ทำใจดีสู้เสือ พยายามแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและจริงใจให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ในใจนั้นมีเพียงความหวาดกลัวที่กัดกินอยู่ทุกขณะ พยายามบอกกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าต้องรอดให้ได้เพื่อกลับไปยังโรงหมอและใช้ชีวิตในฐานะหมอฝึกหัดธรรมดาอีกครั้ง

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

คำสั่งที่เฉียบขาดพร้อมกับการจ้องมองที่เย็นเยือกของคุณชายห่าวหมิงนั้น ทำให้ซูเหยารับรู้ได้อย่างเต็มหัวใจว่า ชีวิตของนางได้ถูกมัดรวมไว้กับชีวิตของแม่นางหนานไปเสียแล้ว หญิงสาวได้แต่ก้มหน้ารับฟังเงียบ ๆ โดยไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธหรือต่อรองใด ๆ 

“ข้าน้อย…จะปฏิบัติตามที่คุณชายสั่งทุกประการเจ้าค่ะ” นางตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา เสียงของนางเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับอากาศที่หนักอึ้งในห้อง

ในขณะที่นางเอ่ยตอบหัวใจของซูเหยาก็เต้นระรัวราวกับกลองศึกที่ถูกตีอย่างต่อเนื่อง ความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมาทำให้นางรู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างรอบตัวเริ่มพร่ามัวไปหมด นางต้องพยายามอย่างหนักที่จะยืนนิ่งและไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น เพื่อไม่ให้บุรุษผู้นี้รู้สึกว่านางคือเหยื่อที่กำลังจะสั่นกลัวจนหมดสิ้น นางพยายามกอบกู้ความกล้าหาญที่เคยมีกลับคืนมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามเตือนตัวเองว่าหน้าที่ของนางคือการรักษาชีวิตของคนตรงหน้าให้ปลอดภัย เพื่อที่นางจะได้รักษาชีวิตของตัวเองไว้เช่นกัน มันคือการต่อสู้ที่ต้องเอาชนะความกลัวของตัวเองให้ได้ เพื่อที่จะมีชีวิตรอดออกไปจากหอแห่งนี้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นเมื่อฟังคำสั่งสุดท้ายของเขา แม้จะได้ยินเรื่องห้องพักที่กว้างขวางและเบี้ยหวัดที่มากมายจนน่าตกใจถึงวันละ 30 ตำลึงเงิน แต่สิ่งเหล่านั้นกลับไร้ความหมายสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับความหวาดกลัวที่กัดกินหัวใจนางอยู่ทุกขณะ นางรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกขังอยู่ในกรงทองที่มีเพียงความมั่งคั่งแต่ไร้ซึ่งอิสรภาพ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงาของบุรุษผู้ไม่อาจคาดเดาได้อย่างคุณชายห่าวหมิง ซูเหยาได้แต่ภาวนาว่าแม่นางหนานจะอาการดีขึ้นในเร็ววัน เพื่อที่นางจะได้เป็นอิสระจากหอแห่งนี้และบุรุษผู้เป็นดั่งอสรพิษตัวนี้ได้เสียที

หญิงสาวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองเพดานไม้แกะสลักอย่างละเอียดอ่อน ราวกับจะค้นหาทางออกที่ไม่มีอยู่จริง นางรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกน้อยที่ถูกจับมาขังไว้ในกรงใหญ่ ไม่ว่ากรงจะงดงามเพียงใด ก็ยังคงเป็นกรงอยู่ดี และผู้ที่คุมกรงแห่งนี้ก็คือชายผู้ที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่นางเคยเจอมาในชีวิต ซูเหยาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความสิ้นหวังในใจลึก ๆ พยายามยอมรับความจริงที่ว่านางไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากจะทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัดและดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อคุณชายห่าวหมิงหันมาสบตาและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ซูเหยาได้แต่สะดุ้งเฮือก ร่างกายของนางแข็งค้างราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น นางรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรนอกจากให้นางรับทราบคำสั่งเท่านั้น แววตาคมกริบคู่นั้นเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้ซึ่งคำพูด ราวกับจะบอกนางว่า ‘เจ้ามีอะไรจะซักไซ้ข้าอีกหรือไม่?’ ความกดดันมหาศาลทำให้นางแทบหยุดหายใจ ซูเหยารีบโค้งตัวคำนับอย่างนอบน้อมพร้อมกับตอบกลับ 

“มะ...ไม่มีอะไรแล้วเจ้าค่ะคุณชาย” นางตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้เขามั่นใจว่านางจะไม่มีเรื่องกวนใจเขาอีก

คำตอบของนางถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบาและระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซูเหยาพยายามไม่ให้เสียงของนางสั่นแม้แต่น้อย พยายามแสดงออกถึงความเคารพและการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ เพื่อไม่ให้บุรุษผู้นี้รู้สึกขุ่นเคือง หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เพราะทุกวินาทีที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา ทำให้นางรู้สึกราวกับกำลังถูกอสรพิษตัวใหญ่จ้องมองอยู่ตลอดเวลา และนางก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าการกระทำหรือคำพูดเพียงเล็กน้อยของนางจะไปกระตุ้นให้มันฉกกัดนางเมื่อไหร่

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับร่างสูงที่หายลับตาไป ซูเหยารู้สึกราวกับได้หายใจอีกครั้ง นางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ข้างเตียงด้วยความอ่อนล้า แม้เขาจะจากไปแล้วแต่ความกดดันที่ทิ้งไว้ยังคงหนักอึ้งอยู่ในอากาศ นางได้แต่มองไปยังร่างที่หลับใหลของแม่นางหนานอย่างเงียบงัน ความรู้สึกสงสารและความกังวลเข้าจู่โจมนางอย่างรวดเร็ว ซูเหยาถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเริ่มหาสมุนไพรและอุปกรณ์ในการรักษาตามหน้าที่ของตัวเองไปอย่างเงียบเชียบ เพราะนางยังมีงานที่ต้องทำ และชีวิตของนางก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของคนตรงหน้านี้อย่างสมบูรณ์แล้ว

ซูเหยาใช้เวลาครู่ใหญ่ในการรวบรวมสมาธิ ก่อนจะค่อย ๆ หยิบห่อผ้าไหมที่บรรจุเข็มเงินออกมาอย่างบรรจง เข็มเงินเหล่านั้นเป็นของมีค่าที่ท่านหมอเจิ้งมอบให้เพื่อการรักษาที่ละเอียดอ่อน จากนั้นนางก็เริ่มตรวจชีพจรของแม่นางหนานอย่างช้า ๆ นิ้วเรียวของนางวางลงบนข้อมือที่ซีดเซียว สัมผัสถึงการเต้นของชีพจรที่เบาและสั่นไหว มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงพลังชีวิตที่อ่อนแออย่างยิ่ง ซูเหยาขมวดคิ้วด้วยความกังวล นางใช้เวลาพิจารณาอาการอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจลงเข็มเงินอย่างแม่นยำทีละจุด นางเริ่มที่จุดบนแผ่นหลังของแม่นางหนาน ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญต่อการกระตุ้นพลังชีวิต ตามด้วยจุดที่ข้อมือและข้อเท้า เพื่อช่วยในการไหลเวียนของลมปราณ เข็มเงินขนาดเล็กถูกปักลงไปอย่างช้า ๆ ราวกับกำลังปักด้ายลงบนผืนผ้าที่บอบบาง ทุกครั้งที่ลงเข็ม ซูเหยาจะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ค่อย ๆ ไหลเวียนกลับคืนมาทีละน้อย แสงเทียนในห้องส่องกระทบใบหน้าของนาง เผยให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเอาใจใส่ที่นางมีต่อการรักษาครั้งนี้อย่างเต็มที่ ซูเหยาใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยามกับการปักเข็มเงินในจุดที่จำเป็น ก่อนจะเริ่มเตรียมสมุนไพรสำหรับต้มและประคบตามบาดแผล นางทำทุกอย่างอย่างเงียบเชียบและเป็นระเบียบ เพราะนางรู้ดีว่าทุกการกระทำของนางในตอนนี้มีความหมายต่อชีวิตของนางเองเช่นกัน


ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
(รักษาผู้เล่นนับไหม? ขอแนบไว้ก่อนแล้วกัน)

[NPC-11] จางกงกง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ (มาทำงานรักษาให้ก็คือทำงานให้หอใช่มะ?)
ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-12 21:13
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-9-12 21:13
โพสต์ 29153 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-11 23:39
โพสต์ 29,153 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-11 23:39
โพสต์ 29,153 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ปิ่นปักผมดอกท้อ  โพสต์ 2025-9-11 23:39
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x6
x8
x2
x6
x8
x2
x11
x28
x50
x90
x90
x1
x2
x2
x10
x12
x42
x18
x20
x1
x14
x2
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x30
x30
x20
x10
x10
x6
x23
x34
x20
x4
x2
x30
x15
x6
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-12 00:44:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-9-12 00:46

วันที่ 05 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอว่านหงเหริน (รักษาวันที่ 3/7)

              @SuYao 

              วันถัดมาหลินหยาลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ดวงตายังพร่ามัวเล็กน้อยเพราะความเพลีย แต่เมื่อเห็นหมอหญิงกำลังจัดยาสมุนไพรให้นางอยู่ ก็ยกมุมปากระบายยิ้มอ่อนโยน ก่อนเอ่ยเสียงเบา “ที่นี่…หอว่านหงเหริน ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

              @SuYao 

              หลินหยาหันสายตาไปมองรอบห้องเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มแบบเหนื่อยใจเพราะหลินหยาเดาได้เลยว่าจางกงกงคงจะไม่ได้เชิญท่านหมอมาดี ๆ หรืออาจจะดีแต่แฝงพิษสัก 9 ใน 10 ส่วน “ท่านหมอหญิงเจ้าคะ…ข้าคิดว่าท่านชายคงขู่ท่านไว้มากสินะ…อย่าได้ถือสาเขาเลยเจ้าค่ะ เขาแค่…กลัวว่าข้าจะเป็นอะไรไปเท่านั้นเอง ท่านหมอไม่ต้องกังวลมากนะเจ้าคะ” น้ำเสียงที่นางใช้เต็มไปด้วยความจริงใจ พยายามผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด

              @SuYao 

              หลินหยาหัวเราะคิกเล็กน้อย พลางขยับนิ้วเรียวกดสัมผัสแหวนดาราจรัส แสงสว่างวูบหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกล่องเล็ก ๆ ที่เธอดึงออกมา เปิดออกเผยขนมชิงถวนหอมหวานละมุน และชาขาวเข็มเงินหนึ่งห่อเล็ก “นี่…ข้าให้ท่านนะเจ้าคะ ขนมกับชา พอให้จิบแก้เหนื่อยระหว่างเฝ้าดูข้า” นางยื่นไปทางหมอหญิงพร้อมรอยยิ้มตาหยี “ถือเสียว่าข้าขออภัยแทนท่านชายด้วยก็แล้วกัน”

              @SuYao 

              “รับไว้เถอะนะเจ้าคะ” หลินหยายื่นเข้าหา มือเล็กดันของไปเบา ๆ “เขาไม่ทำอะไรท่านหรอกเจ้าค่ะ…มั้งนะ” นางหรี่ตาเล็กน้อยเหมือนล้อเล่น แต่แฝงความขี้อ้อนเอื้อเฟื้ออยู่ในที

              @SuYao 

              ในช่วงระหว่างวันแสงแดดยามสายลอดผ่านบานหน้าต่างลงมากระทบพื้นห้องพัก เงาไม้สะท้อนพลิ้วไหวบนผนัง หลินหยายกแขนข้างที่ยังมีแรงเล็กน้อยหนุนศีรษะ พลางทอดสายตาไปยังหมอหญิงที่กำลังอยู่ในห้องเหมือนกัน หลินหยาเบื่อและด้วยความช่างพูดจึงชวนอีกฝ่ายคุย “ท่านหมอเจ้าคะ…” หลินหยาเอ่ยเรียกเสียงแผ่วแต่อ่อนโยนแววตาสุกใสคล้ายอยากหาเรื่องพูด “เดี๋ยวข้าจะคอยบอกท่านชายให้นะเจ้าคะ ว่าไม่ให้ขู่ท่านมากข้ากับท่านชาย…เราค่อนข้างสนิทกันอยู่บ้าง เพียงแต่เขานิสัยขี้หึงไปสักหน่อยเจ้าค่ะ” ริมฝีปากน้อยคลี่ยิ้มบางเหมือนจะหยอก แต่แววตากลับมีความจริงใจอยู่ในนั้น

              @SuYao 

              หลินหยาจึงหัวเราะเบา ๆ ราวกับจะคลายบรรยากาศ “จริง ๆ แล้ว…ข้าอยากขอบคุณท่านมากกว่าเสียอีก ข้ายังจำได้ดี…ตอนนั้นที่ข้าโดนโบยหนักจากคดีของกรมราชทัน” ดวงตาสีอ่อนทอดลงคล้ายมีเงาเศร้าผ่านมาเพียงครู่ ก่อนจะหันกลับมายิ้มบางให้

              “ท่านหมอคือคนที่ช่วยทำแผลให้ข้า ข้า…ไม่มีวันลืมบุญคุณนั้นเลย กระทั่งวันนี้ท่านก็ต้องมารับเคราะห์เพราะข้า เช่นนั้นแล้วหากมีอะไรให้ช่วยเหลือท่านบอกข้ามาได้เลยนะเจ้าคะ ข้าเป็นแม่ค้ามีร้านค้าอยู่ที่ตลาดตะวันออกเจ้าค่ะ ชื่อร้านเซียงเฉินเสี่ยวพู้ หากท่านหมออยากได้สินค้าอะไรแจ้งข้าได้นะเจ้าคะ ข้าจะหามาให้”

              บรรยากาศพลันเงียบสงบลงชั่วขณะ มีเพียงเสียงคุยของทั้งคู่คลอไปกับสมุนไพรและลมหายใจอ่อนแรงของหลินหยา

              @SuYao 

              ช่วงเวลายามเซินประตูไม้สลักถูกผลักเปิดออกด้วยแรงแน่วแน่ เสียงเอี๊ยดเบา ๆ ก้องกังวานไปทั่วห้องพักหลินหยาเพียงหันหน้าไปตามเสียงก่อนจะเผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมา เมื่อเห็นบุรุษผู้สวมหน้ากากครึ่งใบหน้าในชุดเข้มสง่าก้าวเข้ามา ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยรังสีที่แม้ไม่เอ่ยคำก็สร้างแรงกดดันทั่วห้อง “ท่าน…” หลินหยากล่าวเสียงนุ่ม ยกยิ้มอ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ร่างกายยังบอบช้ำ แต่ท่วงท่ากลับเต็มไปด้วยความดีใจที่ได้เห็นเขา

              ท่านชายห่าวหมิงหรือจางกงกงในคราบผู้สูงศักดิ์ ไม่เอื้อนเอ่ยคำทักทายใด ๆ เขาก้าวข้ามพื้นที่สั้น ๆ มาหยุดตรงหน้าหญิงสาวทันที ดวงตาใต้หน้ากากกวาดมองตั้งแต่ใบหน้าซีดเซียวไปจนถึงรอยผ้าพันแผล ก่อนที่เขาจะทรุดกายนั่งลงบนขอบเตียงโดยไม่สนใจสายตาของหมอหญิงซูเหยานางจะอยู่หรือไปก็ไม่เกี่ยวกับเขา

              นิ้วเรียวยาวเอื้อมขึ้นเชยคางหญิงสาวอย่างถือวิสาสะ สายตาเงียบขรึมแต่สั่นสะเทือนลึกในใจเขาเอง “เจ้า…ยังยิ้มได้อีกหรือ เสี่ยวหยา” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่มีแรงสะกดจิตใจในที หลินหยาหน้าแดงเล็กน้อย สายตาสะท้อนทั้งความเขินอายและความอบอุ่นนางพยายามพูดกลบเกลื่อน “ข้า…เพียงทักทายท่านเท่านั้นเจ้าค่ะ ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”

              ห่าวหมิงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม ริมฝีปากแทบจะแตะข้างหูหลินหยา “แม้เจ้าจะไม่ผิด แต่การนั่งหัวเราะ พูดคล่องกับผู้อื่นต่อหน้าข้า…ก็นับว่าเกินไปแล้ว” คำพูดราบเรียบแต่บ่งบอกชัดถึงความหึงหวงที่ซ่อนอยู่ในใจเขา หลินหยากลืนน้ำลาย ยกมือบางแตะข้อมือเขาเบา ๆ พยายามดึงให้ผละออกนิดหน่อย “ท่าน…” แต่ชายหนุ่มกลับจับมือเล็กนั้นแน่นขึ้น กดมันไว้เหนือผ้าห่ม สีหน้าที่เหลือเพียงครึ่งใต้หน้ากากเผยรอยยิ้มมืดมนปนเสน่หา

              “ไม่ต้องกลบเกลื่อน ข้าจะดูแลเจ้าเอง…ไม่ว่าใครก็ห้ามแทรกแซง”

              @SuYao 

              “ท่านช่วยเกรงใจคนอื่นบ้างได้ไหมเจ้าคะ” หลินหยาเอ่ยขึ้นก่อนที่จะกรอกตาก่อนที่นางจะหหันหน้ามาทางหมอหญิงด้วยรอยยิ้มสุภาพ แม้แววตาจะแอบแฝงคำขอโทษ “ท่านหมอ…ข้าขออยู่กับท่านชายสักครู่เจ้าค่ะ ค่อยกลับเข้ามาทีหลังนะเจ้าคะ” น้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงความนุ่มนวลที่ไม่อาจปฏิเสธได้และนางก็คิดว่าท่านหมอหญิงก็คงไม่ได้อยากอยู่ตรงนี้ขนาดนั้น

              @SuYao 

              เมื่อหมอหญิงจากไปหลินหยาหันค้อนให้เขาเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกายทั้งดุทั้งเอ็นดู “ท่านนี่นะ…อย่างน้อยก็ช่วยเกรงใจท่านหมอบ้างเถอะเจ้าค่ะ” เสียงหวานพึมพำขณะขยับตัวพิงหมอน พลางหายใจช้า ๆ ให้เจ็บแผลน้อยที่สุด นางก้มมองมือของตัวเองที่ถูกเขากุมไว้เมื่อครู่ แล้วเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วลง “แต่ข้าก็ยังต้องขอบคุณท่าน ที่เป็นห่วงข้า… ข้าเห็นแล้วว่าท่านไม่ได้นิ่งเฉย ข้าอบอุ่นใจนัก”

              รอยยิ้มบางเผยบนริมฝีปากน้อย ๆ ของนาง ก่อนกล่าวต่อ “แต่ตอนนี้ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ไม่เกินสามสี่วันข้าก็หายแน่ ดูสิ ท่านหมอหญิงรักษาข้าอย่างดี ข้าถึงได้แข็งแรงขึ้นเร็วเพียงนี้ ท่านอย่าแกล้งหรือข่มขู่ท่านหมอหญิงเลยนะเจ้าคะ” ดวงตากลมใสจับจ้องเขาตรง ๆ ราวกับวอนขอด้วยความจริงใจ ทั้งยังมีประกายระคนเขินอายในที ความอ่อนหวานและความเด็ดเดี่ยวผสมกันอยู่ในน้ำเสียงนั้น ราวกับจะสั่นคลอนเกราะแข็งกระด้างในใจของเขาเอง

              จางกงกงนั่งนิ่งอยู่บนขอบเตียง ดวงตาเรียวคมภายใต้หน้ากากครึ่งใบจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าไม่กะพริบ พอได้ยินเสียงหลินหยาวอนขอให้เขาอย่าไปข่มขู่หมอหญิงนัก ใบหน้าใต้หน้ากากก็ปรากฏรอยยิ้มเย็นบาง ๆ แฝงความน่ากลัวไว้ไม่มิด “หากเจ้าเอ่ยขอ ข้าก็ไม่ใช่คนหูหนวกหรอกนะ” เขาเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มนวลของหลินหยาเบา ๆ แต่แฝงแรงกดราวกับประกาศสิทธิ์ “ทว่าเจ้าก็รู้ ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเวลาที่เจ้าเจ็บป่วย…ชีวิตเจ้ามีค่า หากนางพลาดแม้เพียงเล็บข้างเดียวเจ้าอยากให้ข้าปล่อยไปง่าย ๆ หรือ?”

              “เจ้าอ่อนโยนกับทุกคน…แม้แต่กับนางหมอผู้นั้น แต่เจ้าเข้าใจผิดแล้วหลินหยา ข้าไม่เคยคิดจะแกล้งใคร ข้าเพียงแค่ปกป้องเจ้า” เขาเอื้อมมือมาประคองปลายนิ้วของหลินหยาเบา ๆ สายตาคมเข้มแฝงแรงกดดันที่ไม่อาจปฏิเสธ “เพราะหากเจ้าเป็นอะไรไป…ข้าคงบ้าไปจริง ๆ”

              หลินหยามองตาเขาแล้วใจสั่นวูบแต่ยังไม่ยอมแพ้ เอ่ยตอบเสียงนุ่มนวลเหมือนกล่อมอสรพิษ “ข้ารู้…ท่านหวงข้าขนาดไหน แต่หากท่านทำให้คนอื่นหวาดกลัว ข้าก็ไม่สบายใจหรอกนะเจ้าคะ”

              จางกงกงหัวเราะเบาในลำคอ คล้ายจะเย้ยคล้ายจะยอมรับ “เจ้ากำลังต่อรองกับคนเช่นข้า…แต่เพราะเป็นเจ้า ข้าถึงยอมให้” เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้จนปลายจมูกแทบสัมผัสแก้มซีดเซียวของหลินหยา น้ำเสียงพร่าแผ่วทิ้งท้าย “แต่จำไว้…ข้าปล่อยได้ทุกคน ยกเว้นเจ้า” หลินหยาหน้าแดงจัด ใจเต้นแรงจนแทบลืมหายใจ ความดื้อดึงและความหวั่นไหวผสานกันอยู่ในดวงตาคู่งาม ขณะจางกงกงยังคงจ้องมองนางเหมือนจะกลืนกินทั้งร่าง

              ก่อนที่หลินหยาจะคิดออก หลินหยามองบุรุษตรงหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ปนเขินอายเสียงนุ่มนวลของนางเอ่ยแผ่วเบาแต่ชัดเจน “หากท่านใจดีกับท่านหมอ ข้าจะให้รางวัลท่านเจ้าค่ะ…แต่ต้องรอให้ข้าหายดีก่อนนะ” ดวงตาคมใต้หน้ากากครึ่งใบของจางกงกงกระตุกวาวทันที ริมฝีปากหยักยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาด คล้ายจะพอใจ คล้ายจะชอบใจนัก เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้หญิงสาวจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

              “รางวัลของแมวน้อยเช่นเจ้า ข้าคงไม่ปฏิเสธแน่…เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าเพียงคำพูดเดียวของเจ้า ข้าก็พร้อมจะฟัง” เสียงของเขานุ่มลึก แฝงแรงกดดันและความร้อนรุ่ม หลินหยาหน้าแดงจัดก้มหน้าหนี แต่ในแววตายังฉายความเอาแต่ใจเล็ก ๆ ที่ทำให้เขาหลงนัก จางกงกงมองอยู่นานก่อนยอมผละออกช้า ๆ แล้วเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย็นเรียบ

              “เช่นนั้นข้าอยากรู้แล้วว่าเมื่อใดเจ้าจะรีบหายเสียที” เขาเงยหน้าขึ้นเรียกเสียงเข้ม “ท่านหมอหญิง เข้ามา”

              @SuYao 

              จางกงกงยังคงนั่งอยู่บนเตียงเดียวกับหลินหยา มือหนึ่งจับมือหลินหยาไว้อย่างหวงแหน อีกมือวางนิ่งอย่างสงบ แต่ดวงตาที่ทอดมองหมอหญิงกลับเย็นเยียบ “แม่นางน้อยคนนี้อาการเป็นเช่นไร อีกกี่วันถึงจะหายดี?” น้ำเสียงของเขาไม่ดังมาก แต่หนักแน่นและเด็ดขาดจนทำให้บรรยากาศในห้องหนาวเยือก แต่ทว่าเมื่อเห็นว่าสายตาของหลินหยามองอยู่เขาก็พยายามที่จะพูดให้ดีมากขึ้นเท่าที่จะทำได้

              @SuYao  เชิญคุยกับจางกงกงแบบตามใจและบุฟเฟย์ หลินหยาจะอยู่ด้วยแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะน้องไม่เข้าใจเรื่องอาการ 555+ จะทำหน้าเอ๋อใส่ทุกคน


@Watcher 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: สู้นะหมอ


รางวัล: คุยกับจางกงกงแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-11] จางกงกง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 37490 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-12 00:44
โพสต์ 37,490 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-9-12 00:44
โพสต์ 37,490 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 2025-9-12 00:44
โพสต์ 37,490 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-9-12 00:44
โพสต์ 37,490 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-9-12 00:44
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-9-12 17:21:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 5 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ตลอดทั้งวัน


ยามเช้าตรู่ซูเหยาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในห้องพักที่หรูหรา ความเงียบงันภายในห้องนั้นแตกต่างจากโรงหมอที่คุ้นเคยราวกับคนละโลก นางได้ยินเสียงเล็กน้อยจากห้องข้าง ๆ ซึ่งเป็นห้องของแม่นางหนานที่นางนอนเฝ้าดูแลอยู่ตลอดทั้งคืน ซูเหยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความรู้สึกอ่อนล้า ก่อนจะหยิบถาดใส่ยาและอุปกรณ์ที่เตรียมไว้สำหรับช่วงเช้าเดินเข้าไปในห้องของแม่นางหนานอย่างเงียบเชียบ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูบานไม้เข้าไป สายตาของนางก็พลันจับจ้องไปยังแม่นางหนานที่ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ใบหน้าซีดเซียวของนางยังคงอ่อนเพลีย แต่ดวงตากลับมีประกายที่สดใสขึ้นเล็กน้อย ซูเหยารู้สึกโล่งใจที่อาการของคนไข้ดีขึ้นตามที่คาดไว้และตรงตามที่คุณชายห่าวหมิงต้องการ


โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาเพียงยิ้มรับด้วยสีหน้าสุภาพเมื่อได้ยินคำถามของแม่นางหนาน 

“เจ้าค่ะ…ที่นี่คือหอว่านหงเหรินเจ้าค่ะ” ซูเหยาเอ่ยอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน พลางก้มลงจัดยาสมุนไพรในถาดที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ในใจนั้นก็ยังคงรู้สึกถึงความกดดันที่แผ่ซ่านมาจากความสงสัยของแม่นางหนาน ซูเหยารู้ดีว่าแม่นางตรงหน้าไม่ใช่คนโง่ นางน่าจะสามารถเดาได้ว่าอะไรเกิดขึ้น และนั่นยิ่งทำให้ซูเหยารู้สึกอึดอัดใจมากขึ้นไปอีก นางได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้บทสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ เพราะนางยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่านางถูกคุณชายห่าวหมิงบังคับมา และนางเองก็ไม่ต้องการให้คนไข้ที่เพิ่งฟื้นไข้มาต้องเป็นกังวลเพราะนาง

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อแม่นางหนานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปลอบโยน ซูเหยาเพียงยิ้มรับด้วยความขอบคุณที่ซ่อนความรู้สึกภายในไว้เบื้องหลัง นางรู้ดีว่าคำพูดของแม่นางหนานเป็นความจริงทุกประการ บุรุษผู้สูงศักดิ์ผู้นั้นไม่ได้เพียงแค่ขู่ แต่ยังได้ฝากคำขู่ที่น่ากลัวที่สุดเอาไว้กับนางอีกด้วย ซูเหยาพยายามสงบสติอารมณ์และเม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา 

"ข้า…ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ขอบคุณแม่นางหนาน" นางเลือกที่จะตอบเพียงแค่นั้น เพราะไม่กล้าที่จะเปิดเผยความจริงทั้งหมดออกไป หากทำให้คนไข้เป็นกังวลเกรงว่าอาการจะทรุดเอาได้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยามองไปยังขนมและชาที่แม่นางหนานยื่นมาให้ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย แต่กลับทำให้ความรู้สึกหวาดกลัวที่เกาะกุมหัวใจของนางเบาบางลงไปได้มาก ซูเหยาส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ

"มิได้เจ้าค่ะ แม่นางเก็บไว้เถิด ข้าไม่กล้ารับ" นางปฏิเสธด้วยความสุภาพอย่างแท้จริง เพราะนางรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะสมกับหมอหญิงต่ำต้อยเช่นนางเลยแม้แต่น้อย

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อแม่นางหนานยืนยันที่จะมอบขนมและชาให้ ซูเหยาได้แต่ลังเลใจ นางเหลือบมองไปยังใบหน้าของแม่นางหนานที่มีแต่ความจริงใจและน้ำใจ จนในที่สุดก็ไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาดีของนางได้ ซูเหยาค่อย ๆ ยื่นมือออกไปรับกล่องขนมและชาอย่างช้า ๆ พลางโค้งคำนับเล็กน้อย 

"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ" นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและสุภาพ ดวงตาของนางฉายแววรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องรับของล้ำค่าเหล่านี้ไว้ แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามว่าคำพูดที่แผ่วเบาของแม่นางหนานนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะนางไม่อยากรับรู้ความจริงที่ว่าคุณชายห่าวหมิงจะทำอะไรนางก็ได้ตามอำเภอใจ

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาเพียงยิ้มรับเมื่อได้ยินคำพูดของท่านหญิงหลินหยา นางไม่ได้เอ่ยตอบอะไรเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี หญิงสาวก้มหน้าลงจัดยาสมุนไพรในถาดอย่างเงียบเชียบ พยายามไม่ให้ความสนใจกับคำพูดที่น่าประหลาดใจของแม่นางหนานมากนัก เพราะนางไม่คิดว่าคุณชายผู้สูงศักดิ์เช่นเขาจะใส่ใจหมอหญิงฝึกหัดอย่างนางมากนัก แต่ถึงกระนั้น นางก็ยังคงรู้สึกถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นในใจอยู่ดี

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นเมื่อแม่นางหนานเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีต ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด เมื่อคำว่า 'กรมราชทัณฑ์' และ 'การโบย' กระทบโสตประสาท ความทรงจำเมื่อครั้งก่อนก็พลันย้อนกลับมาในสมองของนางอย่างรวดเร็ว นางจำได้ถึงสตรีนางหนึ่งที่ถูกนำมาส่งที่โรงหมอพร้อมกับรอยแผลจากการโบยที่เหวอะหวะจนน่าหวาดกลัว เลือดแดงฉานอาบไปทั่วแผ่นหลังจนไม่เห็นแม้แต่ผิวหนัง ซูเหยาในตอนนั้นไม่เคยเห็นใบหน้าของนางเลยแม้แต่น้อย

"แม่นาง...คือสตรีนางนั้นเองหรือเจ้าคะ" ซูเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจ นางมองไปยังใบหน้าของแม่นางหนานอย่างละเอียดอีกครั้ง พยายามที่จะเชื่อมโยงหญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้ากับภาพในความทรงจำ หญิงสาวที่ดูบอบบางและอ่อนโยนเช่นนี้ ต้องเคยผ่านความเจ็บปวดอันโหดร้ายเช่นนั้นมาได้อย่างไร ซูเหยารู้สึกสงสารและเห็นใจแม่นางหนานมากขึ้นเป็นเท่าตัว ความรู้สึกที่ต้องมารับเคราะห์เพราะการทำหน้าที่ของตัวเองนั้นหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแต่ความมุ่งมั่นที่จะรักษาหญิงสาวผู้นี้ให้หายดี เพื่อชดเชยกับความเจ็บปวดที่นางต้องแบกรับไว้ ซูเหยาโค้งคำนับให้แม่นางหนานอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ 

"แม่นางอย่าได้เอ่ยเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้าทำตามหน้าที่ที่ควรทำเท่านั้น และหากแม่นางต้องการสิ่งใด ก็ขอให้บอกข้ามาได้เลยนะเจ้าคะ" นางตอบกลับไปอย่างจริงใจ พลางเก็บกล่องขนมและชาไว้ในถุงผ้าเล็ก ๆ ที่พกติดตัวไว้แน่นราวกับเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาที่กำลังต้มยาสมุนไพรอยู่ในห้องรู้สึกถึงลมหายใจที่เย็นเฉียบเมื่อบุรุษผู้สวมหน้ากากก้าวเข้ามาในห้อง หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความกดดันที่แผ่ซ่านเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว นางรีบหลีกทางให้เขาอย่างรวดเร็วและถอยห่างออกมาอยู่บริเวณมุมห้อง พยายามไม่ให้ตัวเองอยู่ในสายตาของเขา ซูเหยาทำได้เพียงก้มหน้าลงต่ำและยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ นางได้แต่ภาวนาในใจว่าขอให้บทสนทนาของทั้งสองคนสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุด เพื่อที่นางจะได้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองและหลีกหนีจากความหวาดกลัวนี้เสียที

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคนอย่างชัดเจน ทุกคำพูดที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและเร่าร้อนนั้นทำให้นางรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกที่กำลังแอบฟังเรื่องราวที่ไม่ควรได้ยิน หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าลงต่ำและยืนนิ่งอยู่ตรงมุมห้องอย่างเงียบเชียบ พยายามไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา และเมื่อแม่นางหนานหันมาทางนางด้วยรอยยิ้มสุภาพ นางก็รับรู้ได้ถึงคำขอที่แฝงมากับคำพูดนั้น ซูเหยาโค้งคำนับเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อได้ยินเสียงของคุณชายห่าวหมิง ซูเหยาก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกที่แผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจอีกครั้ง นางรีบก้าวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วและยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ เตียงด้วยท่าทางที่สุภาพเรียบร้อย แต่สายตาของนางลับไม่กล้าที่จะสบตาเขาเลยแม้แต่น้อย ซูเหยาทำได้เพียงก้มหน้าลงมองพื้น พร้อมกับเตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามของเขาอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

เมื่อได้ยินคำถามของเขา ซูเหยาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกโล่งอกที่เขาไม่ได้ขู่นางต่อหน้าแม่นางหนาน ซูเหยาพยายามสงบสติอารมณ์และตอบคำถามของเขาด้วยความเคารพและจริงใจที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

"เรียนคุณชาย แม่นางหนานอาการดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บของนางดีขึ้นตามลำดับ คาดว่าอีกไม่นานก็จะสามารถลุกขึ้นเดินได้" ซูเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ พลางเหลือบมองแม่นางหนานที่ยังคงนอนอยู่บนเตียง "หากรักษาตามอาการอย่างสม่ำเสมอ ข้าน้อยคาดว่าไม่เกินสี่ถึงห้าวันก็จะหายดีแล้วเจ้าค่ะ" นางตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่กล้าที่จะเอ่ยเกินความจริงไปแม้แต่น้อย

ใบหน้าภายใต้หน้ากากครึ่งใบของคุณชายห่าวหมิงไม่มีร่องรอยของการคลายความกังวลแม้แต่น้อย ดวงตาคมกริบของเขายังคงจ้องมองมาที่ซูเหยาอย่างเฉียบคมราวกับจะทะลวงเข้าไปในความคิดของนาง 

"สี่ถึงห้าวัน...เจ้าแน่ใจในคำพูดของเจ้าหรือไม่?" น้ำเสียงของเขาเรียบเย็นจนทำให้อากาศในห้องพลันลดต่ำลงไปหลายองศา แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงเต็มไปด้วยความนัยที่ซ่อนเร้นจนซูเหยาต้องเม้มปากแน่น หัวใจของนางพลันกระตุกวูบด้วยความหวาดกลัวอีกครั้ง

"ขะ...ข้าน้อยมั่นใจเจ้าค่ะ" ซูเหยาตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่ในตัว "ข้าน้อยได้ตรวจชีพจรและอาการของแม่นางอย่างละเอียดแล้วเจ้าค่ะ อาการบาดเจ็บไม่ได้หนักหนาจนเกินไป หากได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและยาสมุนไพรที่ดี แม่นางจะฟื้นตัวได้ในเร็ววันเจ้าค่ะ" นางอธิบายอย่างมั่นใจ พลางเหลือบมองไปยังใบหน้าของแม่นางหนานอีกครั้งหนึ่งเพื่อหาความกล้า

ทันใดนั้นเองคุณชายห่าวหมิงก็ก้าวเดินเข้ามาหาซูเหยาอย่างช้า ๆ แต่ทุกย่างก้าวกลับหนักแน่นราวกับกำลังเดินเหยียบย่ำลงบนพื้นผิวที่เปราะบาง ซูเหยาได้แต่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นที่ถูกแช่แข็งในความกดดันที่มองไม่เห็น นางไม่กล้าขยับตัวไปไหน เมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้า ซูเหยาสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวของเขา เขาโน้มใบหน้าลงมาเล็กน้อยจนริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้หูของนางในระยะกระซิบกระซาบ

"ข้าจะเฝ้าดูเจ้า...ทุกย่างก้าว" เสียงทุ้มต่ำของเขากระซิบแผ่วเบาแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว "หากเจ้าพลาดแม้เพียงเล็กน้อย...ก็อย่าได้โทษข้า" ในขณะที่เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ซูเหยาขนลุกไปทั้งตัวนั้น เขากลับหันไปสบตากับแม่นางหนานที่อยู่บนเตียง และเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่ซูเหยาเคยเห็นมา "แมวน้อยของข้ามีคนคอยดูแลอยู่…ข้าก็วางใจ"

จากนั้นเขาก็หันกลับมาหาซูเหยาอีกครั้ง พลางยกมือขึ้นตบบ่าของนางเบา ๆ สองสามที ราวกับกำลังแสดงความชื่นชมในความสามารถของนาง แต่สำหรับซูเหยาแล้ว น้ำหนักของมือที่วางลงบนบ่านั้นกลับหนักอึ้งราวกับภูเขาที่กำลังจะทับร่างของนางให้แหลกละเอียด ซูเหยาได้แต่ก้มหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนความหวาดกลัวที่กำลังกัดกินหัวใจนางอยู่ทุกขณะ

เมื่อรับรู้ได้ว่าเขาได้พูดจบแล้ว ซูเหยาก็รีบเดินไปยังหม้อต้มยาที่ยังคงส่งเสียงปุด ๆ อยู่บนเตาถ่านอย่างเงียบเชียบ นางรินยาลงในถ้วยกระเบื้องอย่างช้า ๆ มือของนางสั่นเทาเล็กน้อยเมื่อถือถ้วยยาที่ยังคงร้อนอยู่ นางดินกลับมายังเตียงของแม่นางหนานอย่างระมัดระวังที่สุด พลางประคองร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า ๆ ก่อนจะนำถ้วยยามาจ่อที่ริมฝีปากของแม่นางหนาน 

"แม่นางดื่มยาเสียเถิดเจ้าค่ะ" ซูเหยาเอ่ยอย่างแผ่วเบา แม่นางหนานพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะค่อย ๆ จิบน้ำยาขม ๆ เข้าไปอย่างช้า ๆ โดยมีซูเหยาที่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง และมีดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาที่พวกเขาทั้งสองคนด้วยความเย็นชาตลอดเวลา


ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
(รักษาผู้เล่นนับไหม? ขอแนบไว้ก่อนแล้วกัน)

[NPC-11] จางกงกง
โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5 แต้ม
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

โรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ (มาทำงานรักษาให้ก็คือทำงานให้หอใช่มะ?)
ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ -10 EXP โพสต์ 2025-9-12 21:13
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 35 โพสต์ 2025-9-12 19:00
(ไม่ รอจางกงกงให้เอง)  โพสต์ 2025-9-12 19:00
คุณได้รับ 20 EXP โพสต์ 2025-9-12 18:59
โพสต์ 32,511 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 ความโหด จาก อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)  โพสต์ 2025-9-12 17:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x6
x8
x2
x6
x8
x2
x11
x28
x50
x90
x90
x1
x2
x2
x10
x12
x42
x18
x20
x1
x14
x2
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x30
x30
x20
x10
x10
x6
x23
x34
x20
x4
x2
x30
x15
x6
x9
x10
x4

7

กระทู้

79

ตอบกลับ

4204

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
3759
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
660
เหรียญอู่จู
12577
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+5
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-12 23:09:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-12 23:11

กลับถึงบ้านก็ต้องออกจากบ้าน

โครมมม!!

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่นี่พวกท่านจะไล่ข้าออกจากบ้านจริงๆหรือขอรับ” หมิงชุนสุ่ยร้องโวยวายออกมาหลังจากที่ตนกลับมาถึงบ้านยังไม่ทันได้พักผ่อนเป็นกิจลักษณะก็ถูกท่านพ่อท่านแม่รบเร้าให้ไปหางานทำเพื่อสร้างภาพลักษณ์ดีๆให้

‘ถามจริงๆเถอะเขามีสิ่งที่เรียกว่าภาพลักษณ์เมื่อใดกัน ตั้งแต่จำความได้ ก็วิ่งเตะหมา หยิกคนแก่แย่งลูกกวาดเด็กมาตั้งแต่เล็กๆ จนยามนี้เติบโตเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีแต่สันดานเสียขนาดนี้ จะไปสร้างภาพลักษณ์ดีๆทันหรือ’

“ใช่ เจ้าต้องรู้จักรับผิดชอบชีวิตตนเองได้แล้ว จะอยู๋เกาะข้ากับแม่เจ้ากับพี่ใหญ่เจ้ากินไปจนตายหรือ”หมิงเฉิงหง หรือผู้นำตระกูลหมิง หรือก็คือพ่อแท้ๆของหมิงชุนสุ่นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม้ในใจจะรวดร้าวมากที่ต้องไล่ลูกชายสุดที่รักออกจากบ้านก็ตาม

‘นี่ก็เพื่อให้ลูกชายสุดที่รักได้เติบโตเป็นพญานกที่กางปีกเหินขึ้นฟ้าอย่างมั่นคง’

“ไหนท่านพ่อบอกว่าต่อให้ข้าโตจนหัวหยอกท่านก็จะเลี้ยงข้าจนตายไง ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ท่านช่วยพูดหน่อยสิ”หมิงชุนสุ่นหันไปกล่าวอ้อนพี่ชายที่รักของตนก่อนจะต้องเบะปากเมื่อเห็นว่าทั้งพี่ใหญ่และท่านแม่ที่ตามใจตนมากที่สุดพากันหันหนีก่อนจะเดินเข้าบ้านไปปล่อยให้เขาได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูจวน

“พวกท่านโกหก พวกท่านไม่รักข้าแล้ว คอยดูข้าจะไปขายตัว ฮืออออ….”หมิงชุนสุ่ยร้องตะโกนออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนราวเปลือกไม้วาวไปด้วยหยาดน้ำตาที่เล่อคลอก่อนที่ชายหนุ่มะก้มลงหยิบห่อมสัมภาระของวิ่งจากไปโดยไม่ทันได้เห็นหน้าตาตื่นตกใจจนจะช็อตของบิดาและมารดาและพี่ใหญ่ที่วิ่งตาลีตาเลือกออกมาหน้าจวนเมื่อได้ยินว่าน้อยชายและลูกชายที่รักของพวกเขาประชดชีวิตโดยการไปขายตัวซึ่งมันไม่ได้อยู่ในแผนที่พวกเขาคิดกันเอาไว้แม้แต่น้อย ครั้งจะร้องเรียงร่างสูงโปร่งของหมิงชุนสุ่ยก็หายวับไปจากสายตาของพวกเขาเสียแล้ว

“ห่ะ…ห๊าาาา!!! เดี๋ยว อาสุ่ย อาสุ่ยยยยย!!!”

“นี่อาสุ่ยจะไม่ไปขายตัวจริงๆใช่ไหมท่านพี่”หมิงฮุ่ยเหอผู้เป็นมารดาของชุนสุ่ยหันไปกล่าวถามผู้เป็นสามี

“ข้าก็ไม่รู้แต่หวังว่า เขาจะไม่ทำดั่งที่ปากว่า อาเล่อ เจ้าส่งคนไปตามดูน้องด้วยนะ”

“ขอรับท่านพ่อ”หมิงเฉียนเล่อรับคำบิดาก่อนจะมองตามเส้นทางที่น้องชายหนีไป

หมิงชุนสุ่ยวิ่งปาดน้ำตาแห่งความน้อยใจพร้อมห่อสัมภาระของตนเลี้ยวลัดไปตามซอกซอยจนไปหยุดที่หอว่านหงเหริน หอโคมแดงที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองฉางอัน

“หึ อยากให้ข้าทำงานนักใช่ไหม ได้”หมิงชุนสุ่ยกล่าวกับตนเองแล้วเดินก้าวขาเข้าไปยังด้านในหอว่านหงเหรินด้วยท่าทีขึงขัง นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองไปรอบก่อนจะเดินมุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเอ้อร์ที่กำลังทำความสะอาดอยู่

“นี่เจ้า เถ้าแก่หออยู่ไหนข้าจะมาขายตัว!!”หมิงชุนสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแม้นัยน์ตาโฉบเฉี่ยวจะดูแดงช้ำจากการร้องไห้จนดูน่าสงสารมากก็ตามที

เสี่ยวเอ้อร์ที่ยืนอึ้งอยู่ราววิญญาณหลุดจากร่างมองคนที่พึ่งบอกว่าจะมาขาตัวตาปริบๆ “อะ..เอ่อ..ทาง…ทางนี้ขอรับ”

หมิงชุนสุ่ยเดินตามเสี่ยวเอ้อร์ไปหาเถ้าแก่ของหอที่นั่งทำบัญชีอยู่ชั้นบนของหอ ไม่รอให้เถ้าแก่หอได้สอบถามหมิงชุนสุ่ยก็กล่าวบอกความต้องการของตนเองออกมาอย่างรวบรัด

“ท่านคือเถ้าแก่สินะ ข้าต้องการขายตัว ขายเดี๋ยวนี้เลย ข้าเล่นฉินได้ ไม่สนว่าเงินจะได้เท่าไหร่ ข้าต้องการแค่ที่อยู่ที่กิน กับเงินเดือน จบนะ ประทับตราขายตรงไหน”
“เอ่อ…ตรงนี้”

“แค่นี้ใช่ไหม”หมิงชุนสุ่ยเอานิ้มจุ่มหมึกแดงประตราลงบนกระดาษสัญญาโดยไม่คิดแม้จะอ่านสักตัวอักษร “ห้องพักข้าอยู่ไหน”






แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-9-14 09:20
โพสต์ 10749 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-9-12 23:09
โพสต์ 10,749 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-12 23:09
โพสต์ 10,749 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก กู่ฉิน  โพสต์ 2025-9-12 23:09
โพสต์ 10,749 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-9-12 23:09
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27
โพสต์ 2025-9-13 18:17:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 06 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ตลอดทั้งวัน ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอว่านหงเหริน (รักษาวันที่ 4/7) 


@SuYao 


ยามเหม่าแห่งรุ่งอรุณ แสงแดดยามเช้าสีทองซีดลอดผ่านหน้าต่างกระดาษสาเข้ามาในห้องพักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพร หลินหยาค่อย ๆ ลืมตาตื่น เส้นผมดำยาวหล่นลงข้างแก้มที่ยังมีรอยซีดจางจากการเจ็บป่วย นางสูดลมหายใจลึก ๆ รับกลิ่นยาหอมจาง ๆ ก่อนจะยันกายขึ้นนั่งช้า ๆ รู้สึกถึงแรงเจ็บตามบาดแผลแต่ก็พอทนได้


@SuYao 


“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านหมอ อาหารเช้าวันนี้ดูน่าอร่อยนะเจ้าคะ”  หลินหยาระบายยิ้มสดใสแม้สีหน้ายังซีดอยู่ ไม่นานสาวใช้หอว่านหงเหรินก็เดินเข้ามาพร้อมชุดอาหาร นางรับถ้วยข้าวต้มร้อน ๆ ที่โรยใบสมุนไพรหอมกรุ่นมาถือไว้แล้วเริ่มตักเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ ลิ้นสัมผัสรสเค็มอ่อนและกลิ่นสมุนไพรที่เข้ากันพอดี “อืม…วันนี้รสชาติดีกว่าทุกวันเลยเจ้าค่ะ แซ่บขึ้นกว่าที่คิดนะ!” สตรีตัวเล็กเอ่ยยิ้ม ๆ เมื่อได้กินข้าวอร่อย แถมยังเผลอใช้ภาษาของชาติก่อนไปเสียด้วย


หลินหยาหัวเราะคิกเบา ๆ แล้วเงยหน้ามองท่านหมอหญิง “ท่านหมอเจ้าคะ มานั่งกินด้วยกันเถอะ ข้ากินคนเดียวมันเหงาออกนะ แล้วท่านก็ตื่นเช้าเหนื่อยตั้งแต่ดูแลข้า ข้าวต้มถ้วยอร่อยนัก มีทั้งความกลมกล่อมของซุปที่เคี้ยวจากกระดูกหมูและไก่หอมหวานซดคล่องคอนัก นี้ไงเขาเตรียมของส่วนท่านหมอให้ด้วย” หลินหยาเอ่ยแล้วมองชุดอาหารเช้าอีกชุด


“หากท่านกลัวว่าจะมีคนว่าไม่มีใครว่าหรอกเจ้าค่ะ” หลินหยาหรี่ตาเอียงคอน้อย ๆ น้ำเสียงเจือกลิ่นอ้อนอย่างเป็นธรรมชาติ “ท่านช่วยชีวิตข้ามากมาย จะถือว่ากินเป็นเพื่อนให้คนป่วยเจริญอาหารเถอะนะเจ้าคะ”


@SuYao 


ยามอู่ของวันนั้น แสงแดดอุ่นนวลส่องลอดผ่านบานหน้าต่างกระดาษสาลงบนพื้นห้องอย่างแผ่วเบา กลิ่นยาจาง ๆ คลอเคลียอยู่ในอากาศ หลินหยาเอนหลังพิงหมอนใบหนานุ่ม ขยับตัวให้สบายก่อนเอื้อมมือไปหยิบตำราหนังสือปกผ้าไหมสีซีดที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมาเปิดอ่าน นั่นคือตำราขนมหวานของเสี่ยวจ้าวจื่อที่นางแอบพกติดตัวมาไม่ห่าง สันปกถูกใช้งานจนบางส่วนเริ่มหลุดลุ่ย แต่ด้านในกลับมีตัวอักษรเรียงรายเป็นระเบียบพร้อมภาพวาดสีหมึกละเอียดลอองดุจภาพวาดในตำราศิลป์


วันนี้นางตั้งใจศึกษาเมนูซาลาเปาเกสรเมฆาต่อ  หลินหยาค่อย ๆ ไล่สายตาอ่านทีละบรรทัด ตั้งแต่การคัดเลือกแป้ง การปรุงน้ำเชื่อมกลิ่นบุปผา ไปจนถึงขั้นตอนการพับจีบให้เป็นรูปกลีบดอกเมฆ นางอ่านจนถึงส่วนที่สามจากทั้งหมดหกส่วนแล้ว พลางขมวดคิ้วน้อย ๆ เมื่อเจอวิธีการหมักยีสต์ที่ต้องใช้เวลานานกว่าปกติก็พยักหน้า “อืม…ขั้นตอนนี้นี่เองถึงว่าทำไมมันถึงนุ่มฟูเหมือนปุยเมฆ” นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ


@SuYao 


หลินหยาช้อนตามองท่านหมอแล้วระบายยิ้มบาง “ท่านหมอเบื่อไหมเจ้าคะ ที่ต้องคอยดูแลข้าเช่นนี้ แต่ข้าเนี้ยสิเบื่อนัก ขยับอะไรไม่ได้ดังเคยเลย…แต่ก๋ไม่รู้จะทำอะไร นอนเฉย ๆ ก็ยิ่งเบื่อ อ่านตำรานี้อย่างน้อยก็เหมือนได้เดินทางปกับกลิ่นขนม” นางพลิกหน้ากระดาษโชว์ภาพวาดซาลาเปาละอองขาวที่ดูราวกับก้อนเมฆ “ดูสิท่านหมอ ถ้าข้าทำสำเร็จจริง ๆ วันหนึ่งข้าจะทำให้ท่านชิมนะเจ้าคะ”


@SuYao 


หลินหยายิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย “ข้าจะหายให้เร็วที่สุด จะได้ทำซาลาเปาเกสรเมฆาให้ท่านชิม…และเอาไปอวดคนบางคนด้วย” ดวงตาของนางระยิบระยับอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเอ่ยถึงใครบางคนในใจ ก่อนจะก้มหน้ากลับไปจดจ่อกับตัวอักษรในตำราต่อไป ความอบอุ่นของยามบ่ายค่อย ๆ เคล้ากับกลิ่นหมึกและสมุนไพรกลายเป็นช่วงเวลาที่สงบและนุ่มนวลยิ่งนัก


@SuYao 


ยามเซินลมเย็นปลายบ่ายพัดผ่านบานหน้าต่างไม้ หอบกลิ่นสมุนไพรจากลานตากยาเข้ามาในห้องพักอย่างแผ่วเบา เสียงฝีเท้าหนักแน่นแต่คุมจังหวะได้เรียบสนิทดังขึ้นจากทางเดินด้านนอก ก่อนที่ประตูไม้จะถูกเลื่อนเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นบุรุษในชุดคลุมผ้าไหมเข้มประดับลายเมฆทอง หน้ากากครึ่งหน้าเคลือบเงาเฉียดแสงแดดยามเย็นเป็นประกาย ท่านชายห่าวหมิงหรือที่หลินหยารู้ดีว่าแท้จริงคือจางกงกง เขาก้าวเข้ามาอย่างสง่างามแต่แฝงอำนาจ กลิ่นกฤษณาที่ติดมากับอาภรณ์สีเข้มแผ่รังสีเย็นเฉียบปกคลุมห้องในทันที


ชายหนุ่มปรายตามองเพียงครู่ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มนุ่มแต่หนักแน่น “อาการนางเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงของเขาฟังสุภาพหากน้ำหนักในคำถามนั้นกลับแฝงแรงกดดันอย่างยากปฏิเสธ และน้ำเสียงนั้นไม่ได้คุยกับหลินหยาแต่ทว่าเขาถามหมอหญิงซูเหยา


@SuYao 


ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ ดวงตาคมใต้หน้ากากกวาดมองร่างบนเตียงอย่างพิจารณาละเอียดก่อนจะปรายสายตากลับมาที่ซูเหยา “ดี” เสียงทุ้มเรียบเอ่ยสั้นแต่หนักแน่น “ต่อจากนี้…ออกไปพักเถอะ ข้าจะอยู่กับนางเอง” ถ้อยคำนั้นสุภาพ แต่แฝงแรงกดดันที่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใดโต้แย้ง


@SuYao 


เมื่อประตูเลื่อนปิดลงอย่างเงียบงัน เหลือเพียงความสงัดที่อบอวลด้วยกลิ่นยาอ่อน ๆ และเสียงลมหายใจแผ่วของคนป่วย จางกงกงก้าวช้า ๆ เข้ามาใกล้เตียง ทุกย่างก้าวเปี่ยมด้วยอำนาจที่กดอากาศรอบตัวให้แน่นขนัด เขาหยุดยืนข้างเตียงมองหลินหยา ดวงตาคมใต้หน้ากากสะท้อนประกายบางอย่างที่ยากจะเดา “เจ้า…ดูดีขึ้นกว่าที่ข้าคิด” น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความโล่งใจอย่างที่เจ้าตัวคงไม่ยอมรับง่าย ๆ


หลินหยายกยิ้มบางทั้งที่สีหน้ายังซีด “ก็เพราะท่านชายคอยทำให้หมอหญิงกลัวจนตั้งใจดูแลข้าไม่ให้พลาดสักอย่างกระมังเจ้าคะ” นางกล่าวพลางกะพริบตาช้อนสายตาล้อเลียนเล็ก ๆ ดวงตาคมนั้นคล้ายจะไหวระริก ก่อนชายหนุ่มจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเงียบงาม “ถ้าเช่นนั้นก็ถือว่าได้ผล” เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ตราบใดที่เจ้าปลอดภัย ข้าก็ไม่สนใจว่าผู้ใดจะต้องลำบากเพียงไร”


หลินหยากะพริบตาปริบ ๆ พลางหัวเราะคิกคักเบา ๆ “ข้าล้อเล่นเจ้าค่ะ อย่าไปแกล้งท่านหมออีกเลยนะเจ้าคะ” น้ำเสียงออดอ้อนคล้ายจะปรามแต่แฝงความเอ็นดูอยู่ในที


จางกงกงเพียงเลิกคิ้วต่ำใต้หน้ากากครึ่งใบ สายตาคมกริบทอดมองนางอย่างล้ำลึก ก่อนที่มือหนาจะค่อย ๆ เอื้อมเข้ามาสัมผัสแก้มขาวซีดของหลินหยา ปลายนิ้วหยาบกร้านแตะลงเบาเสียจนคล้ายกลีบดอกไม้ เขาลูบวนช้า ๆ อย่างที่คนลูบแมวเชื่องเพื่อกล่อมให้สงบ ความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่แทรกผ่านผิวบาง จนหัวใจของหลินหยากระตุกวูบ


“เสี่ยวหยา…เจ้ายังดื้อเหมือนเดิมนัก” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยคล้ายพึมพำ ริมฝีปากใต้หน้ากากคลี่ยิ้มเพียงน้อย แต่แววตากลับล้ำลึกยิ่งกว่าเดิม เขาก้มตัวลงทีละน้อย กลิ่นกฤษณาอ่อน ๆ ที่ติดผ้าแพรของเขาโอบคลุมทั่วตัวหญิงสาว ปลายจมูกเฉียดผิวแก้มของหลินหยา ราวกับจะประทับจูบที่ข้างแก้มนวลแล้วเลื่อนสู่ริมฝีปาก แต่เพียงเสี้ยววินาทีที่ลมหายใจอุ่นเฉียดถึง ปลายนิ้วเรียวของหญิงสาวก็ขยับแตะริมฝีปากของเขาไว้ก่อน


“อย่าเลยเจ้าค่ะ…ข้ายังมียาขมอยู่เต็มปาก เอาไว้ก่อนนะ” หลินหยากระซิบเสียงพร่า แววตาทั้งเขินทั้งขอร้อง จางกงกงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะต่ำในลำคอเสียงทุ้มดังคล้ายเสือที่กำลังแอบขัดใจ “เช่นนั้นข้าจะรอ” เขาเอ่ยเบา ๆ แล้วเพียงซบหน้าผากลงแนบกับหน้าผากของนางแทน ปล่อยให้สัมผัสอุ่นแผ่วเบานั้นบอกความคิดแทนถ้อยคำที่เขาไม่ยอมเอ่ยออกมา ทั้งอ่อนโยน ทั้งดื้อดึง ในแบบที่เป็นเขามาเสมอ


เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ จางกงกงยังคงนั่งมองหลินหยาอย่างเงียบงัน แววตาคมภายใต้หน้ากากครึ่งใบกวาดมองใบหน้าขาวซีดของนางอีกครั้งราวจะจดจำทุกรายละเอียดไว้ในความทรงจำ ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อย พูดเสียงทุ้มต่ำแต่ทว่าละมุน “พักผ่อนให้มาก ข้าจะมาใหม่ อย่าดื้อ อย่าแอบฝืนเข้าใจหรือไม่”


หลินหยายกดวงตาหวานขึ้นสบกับเขา ยิ้มบางอย่างเหนื่อยล้า “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไม่ฝืน” น้ำเสียงนุ่มราวสายลมปลายฤดู ใบหน้าซีดเผือกคลี่ยิ้มบางแต่แฝงความอุ่นใจอยู่เต็มเปี่ยม จางกงกงนิ่งมองอีกครู่ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงก้าวเท้าอย่างมั่นคงไปยังประตูบานเลื่อน 


เมื่อบานประตูเลื่อนออก เขาพบหมอหญิงซูเหยาที่คอยอยู่ด้านนอกพอดี แววตาคมเย็นตัดกับรอยยิ้มบางเฉียบ เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่แฝงแรงกดดัน “กลับไปเฝ้าแม่นางหลินได้แล้ว ดูแลให้ดีที่สุดหากนางมีอะไรผิดแปลกแม้แต่น้อย เจ้าต้องแจ้งในทันที”


@SuYao 


จางกงกงปรายตามองนางอีกครั้ง คล้ายจะชั่งน้ำหนักความตั้งใจ ก่อนเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำที่แม้สุภาพแต่ยังคงแฝงอำนาจ “เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งยา สมุนไพร หรือของใช้ หากมีบอกข้า ข้าจะให้คนจัดมาไม่ให้ขาดสิ่งใด หรือตอนนี้มี?”


@SuYao หมอโรลตามใจเลยจ้า



@Watcher 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: ซาลาเปาเกสรเมฆา (3/6)


รางวัล: คุยกับจางกงกงแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-11] จางกงกง


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 42622 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-13 18:17
โพสต์ 42,622 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก วาสนาเซียน  โพสต์ 2025-9-13 18:17
โพสต์ 42,622 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม จาก ตำราขนมหวานสูตรลับ  โพสต์ 2025-9-13 18:17
โพสต์ 42,622 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-9-13 18:17
โพสต์ 42,622 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-9-13 18:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้