เจ้าของ: Watcher

[หอว่านหงเหริน]

[คัดลอกลิงก์]

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
130
ความชั่ว
694
ความโหด
1563
โพสต์ 2025-9-16 20:02:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 16 เดือน 8 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เวลา 19.00 - 24.00

บรรยากาศเย็นเฉียบ เรียบลื่นราวมีน้ำค้างไหลไปทั่วผิวเมือง ลมหอบกลิ่นหมึก และฝุ่นจากเมืองหลวงมาปะปนกับกลิ่นดอกหวายแห้ง อ่อนจางราวจะหายไปเมื่อหายใจเข้า แต่ทว่า กลิ่นหนึ่ง กลับยิ่งชัดเจน กลิ่นไม้เก่าที่ไหม้แค่ครึ่งหนึ่ง กลิ่นเชือกเส้นเก่า ๆ ที่เคยรัดอะไรไว้แน่น กลิ่นมือของชายที่เคยจับเศษขนมปังเปื้อนเลือดและคราบหมึกในวันเดียวกัน

เสียงฝีเท้าเปลือยลากผ่านลานหน้า หอว่านหงเหริน ดังขึ้นอย่างเงียบงัน แต่ชัดเจนพอจะเรียกความสนใจของบางคนเฝ้าประตูที่เริ่มคุ้นหน้าคนแปลกผู้นี้เสียแล้ว


ชายแก่หัวล้าน เครารุงรัง เสื้อผ้าหลุดรุ่ยคล้ายเศษผ้าขี้ริ้วหล่นจากโรงย้อม เขาไม่ได้ แต่กลับมีกิริยาของคนที่ มีธุระสำคัญ มาดมั่นอย่างน่าประหลาด หลังงองุ้มเล็กน้อยจากการแบกของขนาดใหญ่ ไม่ใช่หีบ ไม่ใช่หีบสมบัติ แต่คือ ม้าไม้สามเหลี่ยม ทำจากไม้ดิบแกร่ง รูปทรงแหลมพุ่งขึ้นราวกับจะทิ่มฟ้า ขนาดพอสำหรับ คนนั่งได้จริง มีขาไม้อย่างมั่นคงสามข้าง แต่จุดนั่งกลับเป็นแหลมคม ขรุขระ มีเสี้ยนไม้ผุดออกเป็นเข็ม หนึ่งตัวใหญ่ หนักมากเขาแบกมาทีละตัว รวมเจ็ดตัว


ชายแก่ผู้นั้น จี เทียนเต้าเดินลากม้าไม้สามเหลี่ยมตัวแรกมาวางตรงหน้าหอว่านหงเหริน แม้เขาจะดูเหมือนคนบ้า แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะ เพราะในแววตาแดงเรื่อของเขานั้น มี อะไรบางอย่าง


เขาพูดกับบ่าวเฝ้าประตูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ฝากม้านี่ ให้เถ้าแก่หอว่านหงเหริน บอกเขาว่า มันไม่ใช่ของขวัญ แต่มันคือ ที่นั่ง สำหรับผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับตัวตนที่แท้จริง”


จากนั้นเขาก็ลากอีกหกตัวไปวางเรียง หน้าหอ เหมือนตั้งใจจัดนิทรรศการของคนบ้า คนผ่านไปผ่านมา มองอย่างระแวง ไม่มีใครกล้าแตะ ไม่มีใครกล้านั่ง แต่ทุกคน อยากรู้ มันคืออะไร ถ้านั่งแล้วเกิดอะไรขึ้น จี เทียนเต้า ไม่อธิบายอะไรอีก เขาเดินออกไปเงียบ ๆ กลับไปนั่งที่มุมประจำของเขา เฝ้ามองจากเงามืด เหมือนจิตวิญญาณเร่ร่อนที่รอใครสักคนจะกล้านั่ง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 5641 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-9-16 20:02
โพสต์ 5,641 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก เอ้อหู  โพสต์ 2025-9-16 20:02
โพสต์ 5,641 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-9-16 20:02
โพสต์ 5,641 ไบต์และได้รับ +2 คุณธรรม +2 ความโหด จาก น่ารัก  โพสต์ 2025-9-16 20:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1

7

กระทู้

79

ตอบกลับ

4204

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
3759
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
660
เหรียญอู่จู
12577
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+5
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-16 21:18:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-17 20:24

ทำงานวันที่สองมันก็จะต้องออกแรงกันหน่อย
การแสดงเปิดตัววันแรกของหมิงชุนสุ่ยเป็นที่กล่าวถึงเป็นวงกว้างทั้งเรื่องหน้าตาที่หล่อเหลางดงาม และการบรรเลงฉินที่ไพเราะจนแทบลืมเวลา แน่นอนมีคนที่ชื่นชอบย่อมมีคนที่ไม่พอใจหนึ่งในนั้นคือนายโลมที่ต้องขึ้นแสดงร่ายลำต่อจากเขาซึ่งการต้องแสดงต่อจากอันดับหนึ่งของหอก็โดนแสงกลบจนแทบดับอยู่แล้ว ยิ่งมาถูกหมิงชุนสุ่ยแย่งความสนใจไปอีกมีหรือที่อีกฝ่ายที่เป็นถึงนายโลมตัวเด่นของหอจะพอใจกับการถูกแย่งความสนใจนี้

       หลังการแสดงจบลงหมิงชุนสุ่ยก็แยกตัวออกไปทานอาหารก่อนจะหนีกลับห้องไปนอนแทบจะทันที่เพราะสำหรับนายโลมมือใหม่ที่ยังไม่ถูกจัดวันประมูลคืนแรกย่อมไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้ว ชายหนุ่มเลยนอนลากยาวมาจนช่วงเช้าของอีกวันโดยมีพี่โอวหย๋ารับหน้าที่มาเคาะประตูห้องปลุกเพื่อไปทานอาหารเช้าร่วมกัน

        “หาวววว….”

        “อะไรกัน เมื่อคืนก็หนีกลับห้องไปนอนก่อน ไยเช้ามายังง่วงหงาวหาวนอนเช่นนี้เล่า”

        “ก็ข้าไม่ใช้คนชอบตื่นเช้านี้ ยิ่งนอนเยอะผิวพรรณยิ่งดีนะ พี่โอวหย๋าไม่รู้หรือ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวออกมาขณะเดินปรือตาอย่างคนไม่ตื่นดีไปยังห้องอาหารพร้อมกับพี่เลี้ยง

        “อย่ามาหาข้ออ้างเจ้าก็แค่ขี้เกียจเท่านั้นแหละเจียวสุ่ย”

        “หึหึ พี่โอวหย๋ารู้ทันข้าจริงๆ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องทานอาหารเพื่อตักอาหารที่ถูกจัดใส่ถาดวางเรียงรายไว้ให้เหล่านางโลมนายโลมได้มาเลือกตักไปทานกัน
        
        “ตื่นเอาป่านนี้คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของหอหรืออย่างไร”ขณะที่หมิงชุนสุ่ยเดินไปตักอาหารเสียงกล่าวของคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นนายโลมหน้าตาอ่อนหวานจิ้มลิ้มราวสาวน้อยคนหนึ่งที่ดูแล้วคงเป็นสเปคใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่ตนแล้วคนนึง ที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่กับกลุ่มเพื่อนอีกสามคนที่โต๊ะด้านหนึ่งซึ่งทั้งสี่ก็พาหันจ้องมองมายังเขาอย่างไม่คิดหลบเลี่ยง

        “นั่นคือลู่เหมินหากไม่นับเหล่านางโลมอันดับต้นๆ เขานับเป็นนายโลมอันดับต้นๆของหอเลยละ แต่นิสัยก็อย่างที่เห็น เขาคงอิจฉาที่เจ้าแย่งความสนใจจากบรรดาแขกที่มาเมื่อคืนไป"

            “เหอะ..หน้าตาแบบนั้นหรือจะมาเทียนข้า เกิดใหม่อีกสักสามสี่ชาติแล้วกัน”

หมิงชุนสุ่ยมองกลับไปด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนจะเดินไปตักอาหารใส่ถ้วยแล้วเดินแยกไปนั่งโต๊ะที่ว่างเพื่อทานอาหารและไม่คิดสนใจท่าทีที่จ้องจะแขวะของลู่เหมินและสหายแม้แต่น้อย นั้นยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่ลู่เหมินเป็นอย่างมาก

“คืนนี้ข้ายังต้องแสดงอีกใช่ไหม รอบไหน”หมิงชุนสุ่ยเงยหน้าถามโอวหย๋าที่ตักข้าวมานั่งทานร่วมโต๊ะด้วยสีหน้าไม่ร้ร้อนรู้หนาว

“ใช่ จากที่ดูในตารางวันนี้คนที่จะแสดงเปิดคือลู่เหมิน กับเพื่อนๆที่จะขึ้นไปแสดงร่ายรำคู่กับการเล่นฉิน แล้วก็เป็นรอบของเจ้าขึ้นต่อ แต่อาจจะต้องปรับการแสดงหน่อยให้เล่นฉินติดกันแขกคงเบื่อ”

“ไม่มีปัญหา ข้าเล่นดนตรีไปแทบทุกอย่างนั่นแหละ”

“แบบนี้ก็ดีแล้ว ถือเป็นจุดดึงดูของเจ้าเลยนะ”หมิงชุนสุ่ยและโอวหย๋านั่งทานข้าวพลางพูดคุยกันต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานและเตรียมการแสดงก่อนหอจะเปิดในช่วงเย็น

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานก็ถึงเวลาที่หอเปิดให้บริการ แขกมากมายต่างทยอยกันมาที่หอว่านหงเหรินเพื่อพักผ่อนร่างกาย บ้างก็มาเพื่อทานอาหารจิบสุราท่ามกลางเสียงดนตรีและการบริการที่ชวนให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ และเป็นอีกวันที่หมิงชุนสุ่ยต้องขึ้นแสดงดนตรีอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวานทำผลงานไว้ได้ดีเกินคาด แต่ที่ต่างไปเล็กน้อยคือวันนี้กลับมีพวกน่ารำคาญมาคอยป่วนเปี้ยนก่อกวนอยู่เรื่อยๆจนเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ

“คิดว่าเล่นดนตรีดีเข้าหน่อยแล้วคนเขาจะสนใจรึไง”

“เจ้าก็อย่าไปว่าเขาสิ ท่าทีก็คงเล่นดนตรีเป็นแค่อย่างเดียว ความสามารถอื่นคงไม่มี”

เสียงซุบซิบที่จงใจให้หมิงชุนสุ่ยได้ยินดังแววมาจากกลุ่มของลู่เหมินอีกตามเคย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงวิ่งเข้าไปฟาดฟากสักทีสองทีแต่ตอนนี้ไม่มีท่านพ่อคุ้มกะลาหัวก็คงทำได้แค่อดทนไปก่อนอย่างที่พี่โอวหย๋าบอกนั้นแหละ

ชายหนุ่มเดินหลบไปนั่งที่อื่นเพื่อรอเวลาขึ้นแสดงของตนด้วยความรำคาญใจและเพราะอย่างนั้นหมิงชุนสุ่ยจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าตนกลายเป็นที่เพ็งเล็งจากกลุ่มของลู่เหมินมากเพียงใด

“ท่องไว้ ใจเย็นๆ สูดหายใจเข้า ออก เข้า ออก”หมิงชุนสุ่ยกล่าวบอกกับตัวเองขณะที่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่ที่ด้านหลังเวทีขณะที่เสียงดนตรีพร้อมกับแสงไฟวู่บวาบปรากฎเป็นสัญญาณว่าการแสดงของวันนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วโดยผู้ที่เปิดการแสดงของวันนี้คือกลุ่มของลู่เหมินที่แสดงการร่ายรำเพื่อเรียกแขก หมิงชุนสุ่ยยังคงนั่งทำสมาธิอยู่ที่เดิมจวบจนเสียงการแสดงจบลงพร้อมด้วยเสียงปรบมือที่ดังขึ้น

ชายหนุ่มรีบเดินไปยังทางขึ้นเวทีพร้อมกับรับผีผาที่เขาต้องนำขึ้นไปแสดงวันนี้จากคนงานมาถือเอาไว้ ก่อนจะเดินก้าวขึ้นเวทีไปด้วยท่าทีสงบนิ่งและเปรียมด้วยสมาธิ

ขณะที่หมิงชุนสุ่ยเดินขึ้นเวทีแสดงไปนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ลู่เหมินและเพื่อนๆในกลุ่มหันมามองยังชายหนุ่มด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยประกายบางอย่าง

หมิงชุนสุ่ยเดินไปนังบนเก้าอี้ที่คนงานของหอเตรียมเอาไว้พร้อมเสียงปรบมือเงียบลงและไฟบนเวทีที่ค่อยๆสว่างขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและงดงามที่ดูสงบเยือกเย็นและหยิ่งทะนงดั่งคุณชายผู้เพียบพร้อมภายใต้อาภรณ์สีเขียวอ่อนลายดอกไผ่ ในอ้อมแขนของชายหนุ่มโอบประคองผีผาสีน้ำตาลเข้มที่ดูตัดกันแต่ก็งดงามอย่างลงตัว

ปลายนิ้วเรียวค่อยๆดีดไล่เบาๆไปตามสายของผีผากลายเป็นท่วงทำนองแผ่วเบาราวแมลงปอเล่นน้ำ ก่อนที่ทำนองนั้นจะค่อยๆ เร่งจังหวะขึ้นสร้างความเพลิดเพลินให้แก่แขกที่เขามาใช้บริการหอ แต่จู่ๆสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

แตร๊ง!!!

จู่ๆสายของผีผาที่หมิงชุนสุ่ยกำลังดีดอยู่ก็พลันขาดจนเกิดเสียงดังขึ้นขัดจังหวะเสียงดนตรี นั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับชงะไปชั่วครู่ด้วยความตกใจ ทุกสายตาของแขกและนางโลมนายโลมรวมถึงคนงานในหอถึงกับหันมามองเขาเป็นตาเดียว แต่เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ตั้งสติได้ก่อนที่สะบัดมือเปลี่ยนท่อนทำนองใหม่ให้มีความรวดเร็วและสนุกสนานมากยิ่งขึ้นโดยที่ในเพลงที่เขาเปลี่ยนกระทันหันเป็นเนื้อเพลงที่ไม่ต้องเล่นในคีย์ที่สายเอ็นขาดไป

แต่จะทุลักทุเลไปบ้างแต่การแสดงของหมิงชุนสุ่ยก็จบลงได้อย่างลงงามท่ามกลางเสียงปรบมือชื่อชมจากฝีมือการบรรเลงดนตรีและการแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ชายหนุ่มค่อมศีรษะยิ้มรับเสียงปรบมือนั้นแม้ในใจของตนจะเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระพือขึ้นมาก็ตามที
‘อยู่กันดีๆ ไม่ได้ใช่ไหม’

หมิงชุนสุ่ยเดินลงจากด้วยท่าทีเยือกเย็นหากแต่ภายใต้ความเยือกเย็นนั้นกลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ทันทีที่เท้าของหมิงชุนสุ่ยเหยียบลงบนพื้นหลังเวที เสียงหัวเราะขบขันก็ดังขึ้นจากมุนหนึ่งของห้องเตรียมการแสดงด้วยกลุ่มที่ส่งเสียงหัวเราะเยาะไม่ใช่ใครอื่นยังคงเป็นกลุ่มของลู่เหมินที่มองเหยียดหยามมาทางเขาและหัวเราะกันอย่างออกรสออกชาติ

โอวหย๋าที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างเองก็เริ่มไม่พอใจดูจากต่างแคว้นก็ยังรู้เลยว่าที่สายผีผาที่เจียวสุ่ยใช้แสดงขาดขณะทำการแสดงนั้นเกิดขึ้นเพราะใคร แต่ตนก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะทำอะไรเพราะอย่างไรกลุ่มของลู่เหมินก็รับว่าเป็นตัวเรียกแขก เป็นแหล่งเรียกเงินเข้าหอไม่ต่างจากเหล่านางโลมอันดับต้นๆ

  หากแต่นั่นคือความคิดของโอวหย๋าหาใช้หมิงชุสุ่นที่ภายในอกเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ใกล้ปะทุ

“...”หมิงชุนสุ่ยเดินถือผีผาตรงไปยังกลุ่มของลู่เหมินทามกลางสายตาของเหล่าคนงานและนายโลม นางโลมในหอ ก่อนที่ชายหนุ่มจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

โครม!!!!!”
กรี๊ดดดดดด!!!!
เห้ยยยยย!!!!

ผีผาราคาแพงที่สั่งทำจากไม้เนื้อดี ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ซึ่งเถ้าแก่หอหอว่านหงเหรินอย่างหลิวไค่ลงทุนจ้างช่างฝีมือให้ทำขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงภายในหอถูกหมิงชุนสุ่ยจับคันทวนง้างขึ้นสูงและฟาดใส่ใบหน้าด้านข้างของลู่เหมินอย่างแรงจนฟันกล้ามของเจ้าตัวกระเด็นหลุดออกมาพร้อมกับร่างของนายโลมอันดับต้นๆของหอที่ล้มฟุบสลบไปทันที่ท่ามกลางสายตาและสีหน้าแตกตื่นของกลุ่มสหาย
“ในเมื่ออยู่กันดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องไว้หน้าใครแล้ว ไหนใครจะเป็นรายต่อไปห๊ะ!!!”



ทำงาน 1 วัน

ค่าจ้าง: 30 ตำลึงเงิน - 10 EXP (รายวัน)






แสดงความคิดเห็น

เถ้าแก่มาแจ้งคุณว่า คุณชายโอวหยางสนใจในตัวคุณ หากสนใจเงินถุงนี้ให้ขึ้นไปปรนนิบัติคุณชาย เถ้าแก่แอบกระซิบ คุณชายเขาทิปหนัก  โพสต์ 2025-9-16 21:56
คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-16 21:55
โพสต์ 24429 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-9-16 21:18
โพสต์ 24,429 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2025-9-16 21:18
โพสต์ 24,429 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-16 21:18

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27
โพสต์ 2025-9-17 07:35:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 16 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ยามตะวันลับขอบฟ้า แสงสีแดงอมม่วงค่อย ๆ ถูกกลืนหายไปในความมืด เมืองฉางอันคึกคักด้วยโคมไฟนับพันที่แขวนเรียงรายตามถนนใหญ่ ผู้คนหลั่งไหลไปมา เสียงดนตรีจากหอเริงรมย์ดังแว่วมาจากทุกทิศ ทว่าท่ามกลางความครึกครื้นนั้น มีเพียงหนึ่งคนที่กำลังเดินเข้าสู่ความมืดมิดของโชคชะตา

เสวี่ยซีบุรุษรูปงามราวสวรรค์ปั้นผู้หนึ่ง ผู้มีนัยน์ตาสีอำพันเปล่งประกายเยือกเย็น รูปโฉมงามล้ำจนสตรีงามยังเทียบไม่ติด ผิวพรรณขาวเนียนดุจหิมะ ปากบางแดงระเรื่อ รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น เสมือนดอกไม้เปราะบางที่กำลังต้องเผชิญพายุใหญ่

ค่ำคืนนี้…เขาถูกบังคับให้กลับไปยังหอว่านหงเหริน

เถ้าแก่หลิวไค่คือเจ้าของหอ ผู้ยึดติดกับผลประโยชน์เป็นใหญ่ เขาเดินวนรอบตัวเสวี่ยซีด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงหัวเราะแผ่วต่ำดังขึ้นข้างหู

“เสวี่ยซี ข้าอุตส่าห์ลงทุนเลี้ยงดูเจ้า เจ้าคิดหรือว่าจะหนีไปชูคอกับต้าซือคงได้อย่างสุขสบาย? วันนี้…แขกใหญ่ของหอมา ข้าต้องการให้เจ้าปรนนิบัติให้เต็มที่ อย่าได้คิดขัดขืน”

คำพูดนั้นคือโซ่ตรวนที่พันธนาการหัวใจของเสวี่ยซี เขาเม้มริมฝีปากจนซีดขาว สองมือสั่นเล็กน้อยแต่ไม่อาจขัดคำสั่งได้ เขารู้ดีว่าหากขัดใจหลิวไค่ ไม่เพียงเขาจะถูกลงโทษ คนรับใช้ที่สนิทหรือแม้แต่สหายบางคนในหออาจต้องรับเคราะห์แทน


เสียงหัวเราะ เสียงเพลง เสียงฝีเท้าคนพลุกพล่านด้านนอก กลับตัดขาดกับเสียงสะอื้นเบา ๆ ในความมืดของห้องนั้น

เสวี่ยซีต้องยอมแบกรับชะตาในฐานะ “นายโลม” อีกครั้ง ร่างกายบอบบางสั่นไหวใต้แรงกดดัน ความงามของเขากลายเป็นเพียงสิ่งที่แขกผู้มากำเงินมาซื้อหามิใช่สิ่งที่เขาสามารถปกป้องไว้ได้เอง

ภายในห้องบรรยากาศอึมครึมอบอวลไปด้วยกลิ่นกำยาน เสียงดนตรีอ่อนหวานจากด้านนอกลอดเข้ามา เสวี่ยซีในชุดบางเบาถูกบังคับให้นั่งรอแขกบนตั่งผ้าไหม แววตาอำพันที่ครั้งหนึ่งเคยเปล่งประกายกลับหม่นหมอง เขากำมือแน่น สะกดกลั้นความขมขื่นในใจ

เมื่อประตูถูกผลักเปิดแขกผู้มาก็เป็นชายร่างใหญ่ กลิ่นสุราหนักหน่วง เสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจดังขึ้นทันที ร่างบอบบางของเสวี่ยซีสั่นสะท้าน แต่เขาไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ ทุกก้าวที่ชายผู้นั้นเข้ามาใกล้ ราวกับก้าวเหยียบศักดิ์ศรีของเขาทีละน้อย

การรับแขกสำหรับเสวี่ยซีไม่ใช่เรื่องใหม่ ทว่าแต่ละครั้งคือการบาดเจ็บใหม่ที่ทับซ้อนกันไปไม่รู้จบ แขกผู้นั้นจับแขนเขาอย่างหยาบคาย ลมหายใจสกปรกกระทบข้างแก้ม ร่างที่ผอมบางต้องยอมให้ลากไปยังเตียงโดยไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน น้ำตารื้นที่หางตา แม้เขาจะพยายามเชิดหน้าขึ้น แต่ก็ไม่อาจปกปิดความอับอายและความเจ็บช้ำได้

เงาร่างที่บดบังแสงตะเกียง ทำให้เสวี่ยซีรู้สึกเหมือนถูกกลืนหายไปในความมืดมิด ทุกสัมผัสที่ไม่ได้เกิดจากความรักกลับกลายเป็นโซ่ตรวนพันธนาการ เขากัดริมฝีปากจนเลือดซึม พยายามสะกดเสียงสะอื้นไว้ในอก ทว่าแผ่นหลังที่สั่นเทานั้นบ่งบอกความจริงทั้งหมด

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดแขกผู้มัวเมาก็จากไป ทิ้งไว้เพียงร่างที่หมดเรี่ยวแรงบนเตียง เสวี่ยซีเอื้อมมือไปคว้าเสื้อคลุมมาปกปิดกาย สะอื้นไห้เงียบ ๆ อยู่ลำพัง ความเหนื่อยล้าทั้งกาย ใจแทบทำให้เขาล้มพังลงตรงนั้น

ครั้นประตูห้องค่อย ๆ เปิดออก แสงโคมด้านนอกสาดเข้ามากระทบเรือนร่างบอบบางที่คลุมเพียงผ้าบาง ๆ ใบหน้าขาวซีด ดวงตาบวมแดงจากน้ำตา และท่าทางอ่อนแรงราวกับดอกไม้ที่ถูกเหยียบย่ำ

เสวี่ยซีก้าวออกมาด้วยสองเท้าที่สั่นสะท้าน ทุกก้าวเหมือนมีหินหนักถ่วงลงบนบ่า

ทว่าทันทีที่เงยหน้า เขาก็พบว่ามีร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู

เถียนเฟิงต้าซือคงผู้สูงศักดิ์ในราชสำนัก  ร่างสูงตระหง่านในชุดคลุมสีเข้ม ดวงตาคมกริบฉายแววเย็นชา แต่ลึกลงไปกลับเต็มไปด้วยไฟโกรธและความเจ็บปวด สายตาทั้งคู่สบประสานกันในความเงียบงันชั่วขณะ

เสวี่ยซีตัวสั่นจนแทบทรงกายไม่อยู่ เขาอยากพูดอยากอธิบาย แต่ลำคอราวกับถูกบีบรัด

เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ กลิ่นสุราจากหอปะปนกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของกายเสวี่ยซีที่เขาจำได้ขึ้นใจ ยิ่งทำให้เลือดในกายพลุ่งพล่าน

“นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าเลือก…เสวี่ยซี” น้ำเสียงของเถียนเฟิงทุ้มต่ำ แผ่วแต่แฝงด้วยความเดือดดาลที่เกือบกลายเป็นฟ้าคำราม

เสวี่ยซีหลุบตาลง น้ำตาไหลอาบแก้มทันที เขาพยายามเอ่ยเสียงสั่น “ข้า…ข้าไม่อยาก…” แต่คำพูดก็ขาดหายไป

เถียนเฟิงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน เขาเห็นชัดทุกสิ่งเห็นคราบน้ำตา เห็นร่างที่ถูกบังคับให้แบกรับสิ่งที่ไม่สมควร และนั่นแทงใจเขาลึกยิ่งกว่าใครทำร้าย

“พวกเขาบังคับเจ้าหรือ?” เสียงต่ำคุกกรุ่นดังลอดไรฟัน

เสวี่ยซีพยักหน้าช้า ๆ น้ำตาไหลไม่หยุด ก่อนยกมือขึ้นปิดหน้า “ข้า…ไม่อาจปฏิเสธ…หากไม่ทำ เถ้าแก่หลิวไค่จะลงโทษข้า จะทำร้ายคนอื่น ข้า…” เสียงสะอื้นขาดห้วง “ข้าไม่มีทางเลือก”

เถียนเฟิงก้าวเข้าไปดึงแขนเขาออกจากหน้าอย่างแรง จับให้เงยหน้าสบตา ดวงตาอำพันสะท้อนเงาน้ำตาและความเจ็บปวด แต่ยังคงเปล่งประกายงามจนหัวใจเขาแทบแตกสลาย

“เสวี่ยซี…เจ้าไม่ใช่ของพวกมัน เจ้าคือ…” เขาเม้มปากแน่น กลั้นคำที่อยากเอ่ยออกมา “เจ้าคือสิ่งที่ข้าอยากปกป้องที่สุด”

ทว่าเสวี่ยซีกลับส่ายหัวทั้งน้ำตา “ข้าเป็นเพียงนายโลม ต่ำต้อย…ไร้ค่า…”

ความเงียบปกคลุมรอบกาย ทั้งสองยืนประจันหน้าในความเจ็บปวดที่มิอาจลบล้าง เสวี่ยซีทรุดกายลงคุกเข่า น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อายใคร

“ข้าขอโทษท่านเถียนเฟิง ข้าไม่อาจหลบหนีชะตาได้ ข้าพยายามแล้ว แต่…” เสียงแผ่วเบาจนแทบขาดหาย


ค่าจ้าง: 100 ตำลึงเงิน - 15 EXP (รายวัน)

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-9-17 20:28
โพสต์ 17408 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 07:35
โพสต์ 17,408 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-17 07:35
โพสต์ 17,408 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-17 07:35
โพสต์ 17,408 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-17 07:35

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-17 16:11:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย SuYao เมื่อ 2025-9-17 16:16


วันที่ 9 ปาเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ตลอดทั้งวัน




โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

“ขออนุญาตเจ้าค่ะ”

เสียงแผ่วเบาของหมอหญิงฝึกหัดดังขึ้นจากหน้าห้องพัก ก่อนที่ซูเหยาจะค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องพักอย่างสงบเสงี่ยม ใบหน้าอ่อนโยนพลันคลี่รอยยิ้มบางเบาเมื่อเห็นแม่นางหนานนั่งอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ นางวางย่ามสมุนไพรลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าแม่นางหนานอย่างเรียบร้อย

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะแม่นางหนาน วันนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” ซูเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างที่สุด “หากวันนี้ข้าตรวจอาการดูแล้วไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ข้าคิดว่าอาการของท่านก็น่าจะหายดีแล้วเจ้าค่ะ”

คำพูดของซูเหยาคล้ายกับสายลมยามเช้าที่พัดพาลเอาความโล่งใจมาสู่แม่นางหนาน และในขณะเดียวกัน ความรู้สึกโล่งใจนั้นก็ทำให้จิตใจของซูเหยารู้สึกผ่อนคลายขึ้น นางอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมาอย่างจริงใจให้กับตนเองและแม่นางหนาน เมื่อมองเห็นใบหน้าของแม่นางหนานที่มีสีเลือดฝาดกลับมาแล้วอย่างเห็นได้ชัดก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ

“แต่จากที่ดูภายนอกน่าจะหายแล้วนะเจ้าคะ”

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยารู้สึกยินดีและโล่งใจอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้นจากปากของแม่นางหนาน ใบหน้าของนางพลันคลี่รอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซูเหยาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยด้วยความถ่อมตัว

“แม่นางหนานกล่าวเกินไปแล้วเจ้าค่ะ เป็นเพราะร่างกายของท่านแข็งแรงและฟื้นตัวได้เร็วต่างหาก ข้าเป็นเพียงผู้ช่วยเล็ก ๆ เท่านั้น” นางกล่าวอย่างจริงใจ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวไปนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงพลางหยิบตำราแพทย์ขึ้นมาเปิดดู “หากท่านไม่รังเกียจ ข้าขอตรวจอาการท่านเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่เจ้าคะ?” ซูเหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและนอบน้อม

เมื่อเห็นหญิงสาวยื่นแขนมา นางจึงค่อย ๆ ก้มลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเรียบร้อยพลางยื่นมือไปจับข้อมือของแม่นางหนานเพื่อตรวจชีพจรอย่างแผ่วเบา สัมผัสของนางนุ่มนวลและอ่อนโยนราวกับปุยนุ่น ซูเหยาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อตั้งสมาธิในการตรวจ ก่อนจะค่อย ๆ คลี่ผ้าพันแผลออกอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจดูบาดแผล

ทันทีที่ผ้าพันแผลถูกคลี่ออก ซูเหยาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ บาดแผลที่เคยฉกรรจ์บัดนี้สมานตัวจนเรียกได้ว่าปิดสนิท ผิวหนังบริเวณนั้นดูเรียบเนียนกว่าตอนแรกมากนัก ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองแม่นางหนานด้วยดวงตาที่เปล่งประกายอย่างยินดี

“แม่นางหนานเจ้าคะ อาการของท่านหายกลับสู่ภาวะปกติแล้วเจ้าค่ะ” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อยด้วยความดีใจ “บาดแผลสมานตัวดีแล้ว ท่านสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติแล้วเจ้าค่ะ”

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยารับกล่องไม้มาถือไว้ด้วยสองมืออย่างประหลาดใจ สายตาของนางจับจ้องไปที่กล่องไม้ลวดลายวิจิตรบรรจง กลิ่นหอมละมุนของข้าวอบหอมหมื่นลี้ที่ลอยคลุ้งออกมาทำให้ท้องของนางส่งเสียงประท้วงเบา ๆ ซูเหยาเงยหน้าขึ้นมองแม่นางหนานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและประทับใจอย่างที่สุด

“แม่นางหนานเจ้าคะ...” นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจจนพูดไม่ออก นางค่อย ๆ เปิดฝากล่องออกช้า ๆ เพื่อให้เห็นข้าวอบที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามในกล่อง “อาหารนี้หน้าตางดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านทั้งเก่งและมากความสามารถในหลาย ๆ ด้านอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว”

โปรดติดตามที่โรลเพลย์ @LinYa

ซูเหยาค่อย ๆ ปิดฝากล่องลงอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความถ่อมตน

“แม่นางหนานเจ้าคะ นี่เป็นของที่มีค่าและมากเกินกว่าที่ข้าสมควรจะได้รับ ข้าเพียงทำตามหน้าที่ของข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและสุภาพอย่างยิ่ง “แต่อย่างไรเสีย ข้าก็ขอรับไว้ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ ขอบพระคุณสำหรับความเมตตาที่ท่านมีต่อข้าตลอดมา” ซูเหยาเอ่ยอย่างจริงใจ พลางเลื่อนกล่องข้าวอบมาวางไว้บนโต๊ะข้างตัวอย่างระมัดระวัง แล้วจึงเริ่มหยิบยาสมุนไพรที่ต้องใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการรักษาขึ้นมาวางเรียงกันบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย

“ส่วนนี่คือยาสมุนไพรสำหรับต้มดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย และยาสำหรับทาเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นเจ้าค่ะ” นางอธิบายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังพลางยื่นขวดยาเล็ก ๆ สองขวดให้แม่นางหนาน “ท่านสามารถหยุดทานยาสมุนไพรต้มได้เมื่อยาชุดนี้หมดเจ้าค่ะ แต่ยาสำหรับทายังคงต้องใช้ต่อไปอีกสักระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่” ซูเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยอย่างที่สุด ก่อนจะหันไปหยิบห่อยาที่ถูกมัดไว้อย่างดีขึ้นมาถือไว้ในมือ แล้วค่อย ๆ อธิบายขั้นตอนการต้มยาอย่างละเอียด

“สำหรับการต้มยา ขอให้ท่านนำสมุนไพรไปต้มในหม้อดินกับน้ำสะอาดสามถ้วยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “เมื่อน้ำเดือดแล้วให้ลดไฟลงเหลือไฟอ่อน เคี่ยวต่อไปจนน้ำยาเหลือเพียงหนึ่งถ้วยจึงยกออกมาดื่มได้เจ้าค่ะ และยาที่ต้มแล้วต้องดื่มให้หมดภายในวันนั้น หากทิ้งค้างคืนไว้สรรพคุณของยาจะลดลงเจ้าค่ะ”

หลังจากที่แม่นางหนานได้รับยาทั้งหมด ซูเหยาจึงโค้งคำนับให้แม่นางหนานเล็กน้อยด้วยความเคารพ นางค่อย ๆ เดินไปหยิบย่ามสมุนไพรขึ้นมาถือไว้ในมืออย่างแผ่วเบาแล้วจึงกล่าวขอตัว

“ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ หากท่านต้องการสิ่งใดก็เรียกข้าได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่ในห้องพักของข้าตลอดเวลา” ซูเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างที่สุด

เมื่อเดินออกมาจากห้องพักของแม่นางหนานแล้ว ซูเหยาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก นางเดินตรงไปยังห้องพักของตนเองอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าของนางมีร่องรอยของความอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ซูเหยาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนอนอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วจึงค่อย ๆ พิงตัวลงบนเตียงที่แสนนุ่มสบาย นางหลับตาลงเพื่อพักผ่อนท่ามกลางความเงียบสงบภายในห้องพักอย่างที่ใจต้องการ นางรู้ดีว่าแม้การรักษาคุณแม่นางหนานจะเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่นางก็ยังคงไม่สามารถออกจากหอว่านหงเหรินแห่งนี้ไปได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชายห่าวหมิงเสียก่อน




ทุกการโรลเพลย์รักษาชาวบ้านในอาการเล็ก ๆ อย่าง ไข้หวัด , โรคกระเพาะ , หมดสติจมน้ำ และโรคเล็กอื่น ๆ ได้รับ EXP +10
(รักษาผู้เล่นนับไหม? ขอแนบไว้ก่อนแล้วกัน)

-การรักษาเสร็จสิ้น (ครบ 7 วัน)-


รักษาเสร็จแล้วไหนตังค์? เอาตังค์มา จางกงกง!!!






แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 10 EXP โพสต์ 2025-9-17 20:27
จางกงกงนัดไปเจอที่ศาลเจ้าร้าง ตามลำพัง ยามไห้ วันที่ 18/9/2025 เพื่อรับค่าจ้าง  โพสต์ 2025-9-17 20:27
โพสต์ 17602 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 16:11
โพสต์ 17,602 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม [ถูกบล็อค] ความชั่ว จาก หมอผู้มากฝีมือ  โพสต์ 2025-9-17 16:11
โพสต์ 17,602 ไบต์และได้รับ +5 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก ตำราสมุนไพรหายาก  โพสต์ 2025-9-17 16:11
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
หมอพเนจร
หมวกถังเจียน
ศาสตร์การบำเพ็ญ
ตำราสมุนไพรหายาก
แหวนดาราจรัส(D)
จี้หยกรูปปลา
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x6
x8
x2
x6
x8
x2
x11
x28
x50
x90
x90
x1
x2
x2
x10
x12
x42
x18
x20
x1
x14
x2
x100
x2
x2
x442
x1
x32
x2
x2
x1
x20
x30
x30
x20
x10
x10
x6
x23
x34
x20
x4
x2
x30
x15
x6
x9
x10
x4
โพสต์ 2025-9-17 17:59:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 16 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามจื่อ เวลา 23.00 - 01.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ภายในโถงด้านหน้าหอว่านหงเหริน ไฟตะเกียงสลัวไหวระริกตามแรงลมที่ลอดผ่านบานหน้าต่าง เสียงขลุ่ยเบา ๆ จากห้องอื่นแว่วมา แต่กลับยิ่งขับเน้นให้ความเงียบตรงหน้ากลายเป็นแรงกดดันที่ถาโถมลงมาหนักหน่วง

ร่างสูงสง่าในชุดสีเข้มยืนพิงเสาไม้ประดับมุก ดวงตาเย็นเฉียบดั่งคมกระบี่เถียนเฟิง น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้นช้า ๆ

“ข้ามาผิดเวลาหรือไม่ หรือว่าขัดจังหวะเจ้า...กำลังพักผ่อน?”

คำพูดนั้นประหนึ่งมีดคมกรีดลงกลางหัวใจ เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันหม่นหมอง ริมฝีปากบางสั่นระริก เขารีบส่ายหน้า น้ำตาเอ่อขึ้นอีกครั้ง

“เถียนเฟิง...ฟังข้าก่อน ข้าอธิบายได้”

เถียนเฟิงหัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะนั้นแข็งกระด้างไร้อุ่นไอ ต่างจากทุกครั้งที่เคยเป็นเกราะปกป้องให้เขา “อธิบาย อธิบายว่าเหตุใด ‘นายโลมแบบไม่เป็นทางการ’ ถึงต้อง ‘ทำงาน’ เช่นนี้รึ อธิบายว่าเหตุใดเจ้าถึงบอกว่าข้าไม่ต้องกังวล แล้วกลับมาทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้”

เสวี่ยซีเหมือนถูกตบหน้าด้วยถ้อยคำ เขาก้าวถอยไปหนึ่งก้าว ร่างกายบอบบางเกินกว่าจะต้านแรงกดดันจากสายตาคมคู่นั้นได้ เสียงแผ่วแทบแตกสลายลอดจากริมฝีปาก

“ข้า...ข้าถูกบังคับ! เถ้าแก่...”

ยังไม่ทันพูดจบ เถียนเฟิงก็ขัดขึ้นทันที น้ำเสียงแฝงทั้งความโกรธและความผิดหวัง “ถูกบังคับ เหตุใดจึงยอมให้ใครบังคับได้ง่ายดายเช่นนี้! หรือว่า...เจ้าเต็มใจ”

ประโยคสุดท้ายเหมือนสายฟ้าฟาด เสวี่ยซีสะดุ้งเฮือก ดวงตาสีอำพันรื้นไปด้วยน้ำตา หัวใจราวกับถูกบีบจนแทบหายใจไม่ออก เขาอ้าปาก แต่ไร้เสียงใดเล็ดลอดออกมา

เถียนเฟิงมองร่างบางตรงหน้า—ไหล่แคบเอวคอด ร่างกายที่เปราะบางราวกับสายลมจะพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อ ทว่าภาพเมื่อครู่ยังคงติดตาเขา ภาพเสวี่ยซีเดินออกมาจากห้องแขก...ราวกับถูกเหยียบย่ำจนสิ้นศักดิ์ศรี

เสวี่ยซีในที่สุดก็เอ่ยออกมา เสียงพร่า สะอื้นปนสะกดกลั้น “ท่านไม่เข้าใจ...ท่านไม่เข้าใจอะไรเลย”

เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ รัศมีเย็นเยียบปกคลุมรอบกาย น้ำเสียงกดต่ำ “เช่นนั้นเจ้าก็อธิบายมาเถิด เจ้าเห็นเป็นสิ่งใด ของเล่น หรือแค่คนโง่ที่พร้อมเททองให้เจ้าโดยไม่ถามสักคำ”

เสวี่ยซีสั่นสะท้าน น้ำตาไหลอาบแก้ม เขายกมือขึ้นปิดหน้าไม่กล้าเผชิญสายตานั้น ความอับอาย ความเจ็บปวด “ข้า...ข้าไม่ได้เต็มใจเลยท่านเถียนเฟิง ข้าเกลียดมัน เกลียดทุกสัมผัส แต่หากข้าขัดขืน เถ้าแก่จะขายข้าไปที่ที่เลวร้ายกว่าเดิม ข้ากลัว”

เสียงสะอื้นดังสะท้อนในโถง เถียนเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น แววตาเจ็บปวดวูบหนึ่งผุดขึ้น แต่เขากลับฝืนเก็บไว้ภายใต้ความเย็นชา

เถียนเฟิงโน้มกายลง เอื้อมมือเชยคางเสวี่ยซีขึ้นบังคับให้มองสบตา ดวงตาสีอำพันแดงก่ำสั่นระริก สะท้อนเงาของเขาอย่างบอบบางไร้เรี่ยวแรง “ซีซีเจ้าคิดหรือว่าความเงียบของข้าแปลว่าข้าไม่เข้าใจ ข้าเห็นทุกอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้ข้าโกรธ...คือเจ้ายอมให้พวกเขาทำลายเจ้าเช่นนี้”

เสวี่ยซีเบิกตาโพลง น้ำตาไหลพราก แต่ก็ยังฝืนเอ่ยเสียงสั่น “ข้าไม่มีทางเลือก...ไม่มีเลย”

เถียนเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แสงโคมไฟในหอว่านหงเหรินส่องให้เห็นเงาของเขายาวทอดบนพื้นไม้ เสียงดนตรีอันอ้อยสร้อยจากห้องด้านในยังไม่ทันจาง แต่กลับกลายเป็นเพียงเสียงที่ทิ่มแทงใจเสวี่ยซีมากยิ่งกว่าเดิม “เจ้าไม่ต้องอธิบายแล้ว ข้าเข้าใจทุกอย่างดีเข้าใจว่าความจริงของเจ้าเป็นเช่นไร”

ถ้อยคำคมราวคมมีดแทงลงกลางอก เสวี่ยซีแทบหยุดหายใจ เขารีบก้าวเข้าไปใกล้ คว้าแขนเสื้อของเถียนเฟิงไว้ น้ำตาเอ่อรื้น “ไม่! ท่านไม่เข้าใจ”

แต่เถียนเฟิงกลับสะบัดแขนออก ดวงตาคมวาวเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธแค้น “เจ้าบอกว่าถูกบังคับ แต่เหตุใดไม่มาหาข้า หรือเจ้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะยอมทุ่มเทเพื่อช่วยเจ้า”

หัวใจเสวี่ยซีบีบรัดแน่น เสียงสะอื้นเล็ดลอด “ข้า…ไม่กล้า…ข้าไม่อยากให้ท่านต้องเสื่อมเสียเพราะข้า”

เถียนเฟิงหัวเราะอย่างขมขื่น แววตาหม่นเศร้าปนโกรธเกรี้ยว “เจ้ามองข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ? หรือแท้จริงแล้ว เจ้าไม่เคยเห็นข้าว่ามีค่าใดเลย เจ้าถึงได้ยอมขายร่างกายเช่นนี้ต่อไป”

คำพูดนั้นเหมือนสายฟ้าฟาดกลางใจ เสวี่ยซีทรุดฮวบลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก ร่างบอบบางสั่นสะท้าน

“ไม่ใช่เลย ท่านเถียนเฟิง ข้า…”

แต่ประโยคนั้นกลับถูกกลืนหายไปกับความเย็นชาในสายตาของอีกฝ่าย เถียนเฟิงหันหลังให้ แผ่นหลังสูงใหญ่สั่นไหวเล็กน้อยราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกภายใน แต่สุดท้ายเขากลับก้าวเดินออกไป โดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง

ประตูหอถูกผลักเปิดออก

ทิ้งเสวี่ยซีให้นั่งทรุดอยู่ลำพังในความมืด เงียบงันจนได้ยินเพียงเสียงสะอื้นสะท้อนกับผนังไม้ กลิ่นเหล้าขมปร่าและกลิ่นธูปหอมเจือปนกัน กลายเป็นบรรยากาศที่หดหู่จนแทบขาดใจ

เสวี่ยซีซบหน้าลงกับฝ่ามือ บ่าบอบบางสั่นสะท้าน เขารู้ดีว่าเถียนเฟิงจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีวันได้พบกันอีกหรือไม่ และไม่รู้ว่าเมื่อใด…เถียนเฟิงจะให้อภัย


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15758 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 17:59
โพสต์ 15,758 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-17 17:59
โพสต์ 15,758 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-17 17:59
โพสต์ 15,758 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-17 17:59
โพสต์ 15,758 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 ความชั่ว +4 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-17 17:59
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-17 20:48:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 17 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

ยามราตรีคลี่คลุมเมืองทั้งเมืองด้วยม่านหมอกจางๆ หอว่านหงเหรินกลับคึกคักกว่าที่ใด กลิ่นธูปหอมลอยคลุ้งประสมกับเสียงขลุ่ยพิณและเสียงหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาแสวงหาความสำราญในค่ำคืนนี้ ประตูไม้สลักลวดลายโบราณถูกผลักเปิดเข้าออกไม่ขาดสาย โคมแดงแขวนเรียงรายปล่อยแสงนวลสะท้อนบนพื้นกระเบื้องเคลือบ

เสวี่ยซีในชุดแพรไหมบางเบาสีขาวปักดิ้นเงินเดินผ่านโถงหอชั้นล่างอย่างเงียบเชียบ ลำคอบอบบางเอียงต่ำ ดวงตาสุกใสหลบเลี่ยงสายตาแขกผู้มาเยือน เหมือนจงใจจะปิดบังความเหนื่อยล้าลึกๆ ภายใน ความจริงแล้วคืนนี้ไม่ใช่คืนที่เขาต้องการ “ออกงาน” แต่เมื่อเถ้าแก่หลิวไค่ประกาศก้องว่าแขกใหญ่จองตัวไว้โดยเฉพาะ ทั้งยังย้ำว่ายอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อห้ามไม่ให้เสวี่ยซีไปรับแขกคนอื่น เสวี่ยซีก็รู้ในทันทีว่าชายคนนั้นคือใคร

บันไดไม้แกะสลักทอดยาวขึ้นสู่ชั้นสอง เมื่อก้าวเท้าสุดท้ายถึงหน้าประตูห้องที่ถูกจัดไว้ เสวี่ยซีได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังลอดออกมาเพียงประโยคสั้นๆ แต่ทรงอำนาจนัก

“เข้ามา”

เสวี่ยซีผลักประตูเข้าไป กลิ่นสุราหอมหวานลอยมาต้อนรับทันที โคมไฟในห้องสว่างอ่อนโยน เถียนเฟิงนั่งเอนกายบนเก้าอี้ไม้สลักพนักสูง สวมชุดลำลองเรียบง่ายแต่ยังสง่างาม ความคมเข้มบนใบหน้ายิ่งชัดขึ้นเมื่อสะท้อนกับแสงไฟ เขาเหลือบตามองเสวี่ยซีเพียงแวบเดียว ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย คล้ายรอยยิ้มแต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน

“คืนนี้ ข้าซื้อเวลาเจ้าไว้ทั้งหมด” น้ำเสียงเรียบแต่แฝงความแข็งกร้าว

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพตามธรรมเนียมของหอว่านหงเหริน “รับทราบขอรับ” เสียงแผ่วเบานั้นกลับสะท้อนในห้องเงียบงันอย่างน่าเวทนา

เถียนเฟิงไม่กล่าวอะไรต่อ เพียงตวัดมือส่งสัญญาณให้เด็กใช้ยกสุรานารีแดงและบะหมี่ฉีซานที่สั่งไว้ขึ้นมา เมื่อโต๊ะไม้กลมตรงกลางถูกจัดเรียงเรียบร้อย เสวี่ยซีก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นปรนนิบัติ รินเหล้าใส่ถ้วยหยกใส่ให้เถียนเฟิงด้วยมือเรียวขาวสั่นเล็กน้อย

“ดื่มสิ” เถียนเฟิงเอ่ยสั้นๆ

เสวี่ยซีลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยกถ้วยขึ้น จิบสุราอย่างว่าง่าย รสหวานซ่อนร้อนแล่นผ่านลำคอจนใบหน้าขาวผ่องขึ้นสีระเรื่อ เถียนเฟิงจับจ้องท่าทางนั้นราวกับกำลังวัดใจ ในนัยน์ตาลึกล้ำแฝงความพึงใจแต่ก็ปนกับความหวงแหนร้อนแรงที่ยากปิดบัง

ไม่นาน เสียงดนตรีพิณแผ่วเบาจากด้านล่างลอยขึ้นมาถึงห้อง เถียนเฟิงเอ่ยขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเสวี่ยซี “ร่ายรำให้ข้าดูสิ คืนนี้เจ้าเป็นของข้าเพียงผู้เดียว”

เสวี่ยซีใจสั่นวาบ แต่ก็จำต้องลุกขึ้น เขาก้าวเท้าเบาๆ บนพื้นไม้ ลำตัวอรชรโอนเอนตามจังหวะทำนองที่เล็ดลอดเข้ามา แขนขาวเรียวยกขึ้นอ่อนช้อย ทุกการเคลื่อนไหวคล้ายกลีบดอกไม้ต้องลม ริมฝีปากเถียนเฟิงยกยิ้มจางๆ อย่างพึงพอใจ ความงามที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่แม้โลกภายนอกพยายามแปดเปื้อนเพียงใด ก็ไม่อาจพรากไปจากดวงตาของเขาได้

เมื่อท่าร่ายรำสิ้นสุด เสวี่ยซีหอบหายใจเล็กน้อย ร่างกายบอบบางมีเหงื่อพราวชื้น เถียนเฟิงตบมือเบาๆ สองครั้ง สายตาคมทอดมองไม่กะพริบ “งดงาม...งดงามเสียจนผู้ใดก็ไม่ควรได้เห็นนอกจากข้า”

“ท่านชมข้าเกินไปแล้ว” เสวี่ยซีรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตา

แต่เถียนเฟิงกลับดึงแขนเขาให้นั่งลงข้างกาย รินเหล้าเพิ่มในถ้วยอีกครั้ง เสียงหัวเราะเบาๆ ดังลอดจากริมฝีปากบุรุษผู้ทรงอำนาจ “อย่ากลัวไป ข้าเพียงอยากให้เจ้าผ่อนคลาย”

การสนทนาคืนนี้ดำเนินไปอย่างแปลกประหลาด ระหว่างถ้อยคำหยอกล้ออ่อนโยนสลับกับน้ำเสียงกดดัน เถียนเฟิงเล่าเรื่องราวบางส่วนในราชสำนัก เสวี่ยซีคอยฟังด้วยแววตาจริงจัง บางครั้งก็หัวเราะตอบอย่างขวยเขิน ราวกับว่าชั่วขณะหนึ่งพวกเขาลืมทุกกำแพงที่กั้นขวาง

บะหมี่ฉีซานถ้วยร้อนๆ ถูกยกขึ้นมาวางตรงหน้า เส้นบะหมี่เหนียวนุ่มคลุกเคล้ากับน้ำซุปหอมกรุ่น เถียนเฟิงยกตะเกียบคีบเส้นยื่นให้เสวี่ยซี “กินเสียบ้าง เจ้าเหนื่อยจากการร่ายรำแล้ว”

เสวี่ยซีรับไว้ด้วยความเก้อเขิน ลมหายใจร้อนผ่าวเมื่อปลายตะเกียบแทบจะสัมผัสริมฝีปากตนเอง รสชาติกลมกล่อมทำให้ดวงตาเขาฉ่ำน้ำตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะรสอาหารหรือเพราะหัวใจที่สั่นคลอน

“ท่านเองก็ทานบ้างสิ เถียนเฟิง” ป้อนบะหมี่ด้วยมือสั่น ๆ สลับกับก้มหน้า พวงแก้มแดงก่ำ

ภายในห้องส่วนตัวของหอว่านหงเหริน แสงโคมแดงอ่อนนุ่มสะท้อนผิวแก้วสุรานารีแดงที่พร่องไปกว่าครึ่ง โต๊ะไม้กลมยังวางถ้วยบะหมี่ฉีซานที่เหลือเพียงเล็กน้อย กลิ่นหอมจางๆ ผสมเข้ากับบรรยากาศอวลไปด้วยความอบอุ่นปนตึงเครียด

เถียนเฟิงเอนกายพิงพนักเก้าอี้ สายตาคมกริบไม่เคยละไปจากเสวี่ยซีเลยแม้เพียงเสี้ยวลมหายใจ เขายกถ้วยสุราขึ้นหมุนเบาๆ ราวกับใช้เวลาคิด ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำแต่หนักแน่น

“ต่อจากนี้...เจ้าไม่ต้องไปรับงานของใครอีก”

ถ้อยคำเรียบง่ายแต่แฝงแรงบังคับ ทำให้เสวี่ยซีชะงัก ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมใสเงยขึ้นสบสายตาเขา แววตานั้นเต็มไปด้วยทั้งความตื้นตันและหวาดหวั่น

“แต่...ข้า” เสียงแผ่วเหมือนจะเอื้อนเอ่ยเหตุผล เถียนเฟิงกลับตัดบททันควัน

“ไม่มีแต่” เขาเอื้อมมือหนาจับข้อมือเรียวของเสวี่ยซี ดึงเข้ามาใกล้จนแทบจะซบอก “ข้าไม่อาจทนได้ที่จะเห็นเจ้าถูกใครแตะต้องอีก แม้เพียงปลายนิ้ว”

แก้มเสวี่ยซีขึ้นสีแดงจัด หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา “ท่าน...พูดเช่นนี้ ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า ข้าเป็นเพียงนายโลมในหอนี้”

เถียนเฟิงก้มลงใกล้ จนลมหายใจอุ่นรินรดแก้ม “เจ้าจะเป็นอะไรก็ช่าง...ตราบใดที่เจ้าเป็นของข้า” น้ำเสียงนั้นเจือแววหวงแหนชัดเจน ราวกับคำประกาศผูกมัดที่ไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ

เสวี่ยซีหัวเราะเบาๆ ทั้งน้ำตาคลอ “ท่านนี่ช่างเอาแต่ใจนัก”

เถียนเฟิงยกมือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกแก้มออกแผ่วเบา ดวงตาคมลึกสบตากับแววหวั่นไหวตรงหน้า “ใช่ ข้าเอาแต่ใจ...โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า”

เงียบงันเพียงครู่ ทั้งคู่ต่างได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเอง เสวี่ยซีค่อยๆ พิงศีรษะลงบนไหล่กว้างอย่างยอมจำนน เถียนเฟิงยกถ้วยสุราขึ้นอีกครั้ง ยิ้มเจื่อนแต่แฝงความอ่อนโยน “คืนนี้ดื่มกับข้าเถิด ไม่ใช่ในฐานะนายโลม แต่ในฐานะ...คนที่ข้าไม่อยากปล่อยมือไปอีกแล้ว”



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +25 ความสัมพันธ์ บะหมี่ฉีซาน + สุรานารีแดง (+20)
✎ โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน: ได้รับความสัมพันธ์ +5 แต้ม
✎ ศาสตร์การร่ายรำ - ร่ายรำจีบ NPC ได้ +5 ความสัมพันธ์
เมื่อร่ายรำ 10,000 ไบต์: ผู้ชมได้ +5 EXP, คุณได้ +30 พลังใจ หรือ +5 คุณธรรม


แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับ 5 EXP โพสต์ 2025-9-17 21:12
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 90 โพสต์ 2025-9-17 21:12
โพสต์ 20351 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-17 20:48
โพสต์ 20,351 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-17 20:48
โพสต์ 20,351 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-17 20:48

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +30 ย่อ เหตุผล
Watcher + 30

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

7

กระทู้

79

ตอบกลับ

4204

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
3759
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
660
เหรียญอู่จู
12577
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+5
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-18 15:25:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ท้าทายแขก
“ไหนใครอยากหาเรื่องข้าอีก!! มา บิดาจะฟาดให้ปากแตกเรียงตัวเลย!!” หมิงชุนสุ่ยกล่าวตะคอกออกมาอย่างเหลืออดนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยอารมณ์โทสะกวาดมองใบหน้าของคู่กรณีแต่ละคนหากแต่ไม่มีใครกล้าสบตาเขาสักรายนั่นก็เพราะกลัวที่จะถูกเขาฟาดจนสลบเหมือนดั่งลู่เหมินที่นอนฟุบอยู่กับพื้นไม่มีท่าทีว่าจะตื่น

        “...”

        “ทำไม ไม่มีคนปากเก่งแล้วรึห๊า!!!”

        “...”

        “แม่ง ที่เมื่อครู่เล่าหัวเราะคิกๆกันสนุกปาก ทีตอนนี้ละเงียบอย่างกับคนเป็นใบ้”เสียงวิวาทฝ่ายเดียวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง หากแต่ความวุ่นวายนี้กลับมิได้เล็ดรอดออกไปจากห้องแม้แต่น้อยเรื่องนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับโครงสร้างของหอที่สามารถเก็บเสียงได้ดียิ่ง

        “มีดีแค่หน้าตา แต่สันดานเสียยิ่งกว่าหมาข้างถนนอีก ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงมาร่วมกลุ่มกันอยู่แค่นี้ก็นิสัยเช่นนี้ไงถึงไม่มีใครอยากคบด้วย!!”

        “ทำอะไรกัน”ขณะที่หมิงชุนสุ่ยกำลังระบายอารมณ์โทสะของตนอยู่นั้นเสียงของเถ้าแก่หอก็พลันรแทรกขึ้นมาทำเอาคนที่กำลังสาปคนอยู่ถึงกับตวัดสายตากลับไปมองท่ามกลางเสียงเงียบจากคนอื่นๆภายในห้อง

        “ข้ากำลังด่าคนอยู่”

        “โห่ เช่นนั้นหรือ..”เถ้าแก่หลิวไค่ เพียงเลิ่กคิ้วมองร่างของลู่เหมินที่นอนสลบอยู่ที่พื้นโดยมีสหายคนอื่นของเจ้าตัวเว้นระยะหางอยู่ มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มเย็นมองดูผีผาราคาแพงที่ตนสั่งทำขึ้นให้คนในหอใช้แสดงแก่แขกที่มาใช้บริกการ แต่ยามนี้กลับกลายเป็นอาวุธตีคนไปเสียแล้ว

        “น่าเสียดาย ที่เจ้าคงต้องหยุดกิจกรรมนี้ไปก่อน”หลิวไค่กล่าวก่อนที่จะยกถุงเงินที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าในถุงต้องมีเงินอยู่มากมายเป็นแน่ อวบอ้วนปานนั้นหลักก็คงราวหลายพันตำลึงเงินได้ “มีแขกกระเป๋าหนักคนหนึ่งสนใจเจ้า เจียวสุ่ย ถุงเงินนี้จะเป็นของเจ้าหากเจ้าไปนั่งเล่นพูดคุยกับเขาสักครู่ แน่นอนหากว่าเจ้าทำให้แขกท่านนี้พึงพอใจเจ้าอาจจะได้เพิ่ม ว่าอย่างไร สนใจรึไม่”

        โครม!!

        คนอื่นๆภายในห้องถึงกับสะดุ้งเฮือกและอ้าปากค้างเมื่อหมิงชุนสุ่ยโยกผีผาในมือทิ้งลงพื้นราวของไร้ราคาก่อนจะเดินตรงไปคว้าถุงเงินในมือของเถ้าแก่หอมาเปิดดูด้วยท่าทีไร้มารยาทสุดๆ หากแต่หลิวไค่กลับมิได้ตำนะติเตียงถึงท่าทีไม่เหมาะสมดังกล่าวแม้แต่น้อย กลับกันเจ้าตัวดูจพึงพอใจเสียด้วยซ้ำ

        “ข้าต้องแบ่งให้หอกี่ส่วน”หมิงชุนสุ่ยถามขึ้นโดยที่สายตาไม่ละออกไปจากเงินในถุงแม้แต่น้อย

        “ไม่ต้องแบ่ง ทุกตำลึงที่เจ้าได้ในคืนนี้จะเป็นของเจ้าทั้งหมด”

        “ข้าสนใจ ต้องทำอะไรบ้าง”

        “เดินไปคุยไปแล้วกัน”ว่าจบหลิวไค่ก็เดินออกไปโดยทิ้งชายหนุ่มไว้ด้านหลัง ส่วนทางหมิงชุนสุ่ยก่อนที่จะเดินตามเถ้าแก่ของหอออกไปก็ไม่ลืมที่จะหันไปจ้องหน้าคู่กรณีทั้งสามเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงเดินตามหลังเถ้าแก่หอไปทันที

        “แขกพิเศษที่เจ้าต้องรับรองคือคุณชายโอวหยาง บุรชายของรองผู้ว่าของเมืองฉางอัน คุณชายโอวหยางนับเป็นแขกประจำของหอว่านหงเหรินทั้งยังกระเป๋าหนัก มาแต่ละครั้งไม่เคยจ่ายเงินน้อยกว่าร้อยตำลึงทอง”หลิวไค่เดินนำพร้อมกับเล่าข้อมูลของแขกที่หมิงชุนสุ่ยต้องไปรับรองในคืนนี้อย่างช้าๆ

        “บุตรชายรองผู้ว่าเมืองฉางอัน? คนๆนั้นชื่อเสียงเลื่องลื่อไม่เบานี่ ข้าเคยได้ยินมาบ้าง”

        “หึหึหึ…ดี เช่นนั้นข้าคงไม่ต้องอธิบายอะไรเจ้าเยอะ ใช้คุณชายโอวหยางคนนี้ค่อนข้างเอาแต่ใจและความอดทนต่ำ เพราะงั้นเจ้าต้องใจเย็นพยายามอย่าขัดใจเขานัก”

        “ข้าจะพยายาม แต่ไม่รับปาก”

        “หึหึ ข้าก็คิดเผื่อเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ขอให้โชคดี”หลิวไค่กล่าวพร้อมกับเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องรับรองพิเศษ มือหนาของชายหนุ่มยกขึ้นเคาะเป็นจังหวะก่อนจะกล่าวขออนุญาต

        “คุณชายโอวหยาง ข้าหลิวไค่ ข้าพาคนที่คุณชายต้องการพบมาแล้วขอรับ” ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในหากแต่เสียงที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงฝีเท้าที่เดินตึงตังจากภายในห้องตรงมายังประตูแทน

        ครืดดด…

        ประตูหองรับรองพิเศษเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มที่…ดูไม่ต่างจากร้านเครื่องประดับเคลื่อนที่หากไม่นับนิสัยที่เรียกได้ว่าสุดโต่งของเขาตัว ด้วยใบหน้าหล่อเหลารูปงานจนคนต้องเลี้ยวหลังมองก็นับว่าคุณชายโอวหยางผู้นี้เป็นบุรุษที่ครบเครื่องอย่างมากในต้าฮั่น

        ‘มือเติบ รูปหล่อ พ่อรวย ติดอย่างเดียวคือ สันดานเสีย’

        “โอ้ว มาเร็วจริงๆ เจ้าช่างงาม ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งงาม แต่บางมุมข้ากลับรู้สึกคุ้นหน้าเจ้าไม่น้อย แต่ใครจะสนกันละ มารีบเข้ามาคนงาม โอ้ จริงสิ นี่คือส่วนของเถ้าแก่ที่เป็นธุระพาคนงามมาหาข้าถึงห้อง”ไม่ว่าเปล่าถุงเงินหนักอึ่งอีกถุงก็ถูกยื่นส่งให้หลิวไค่ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะคว้าจับข้อมือของหมิงชุนสุ่ยดึงเข้าห้องพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง

        เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนหมิงชุนสุ่ยยังไม่ทันได้ตั้งตัว รู้สึกตัวอีกทีตนก็ถูกลากมานั่งที่โต๊ะซึ่งมีอาหารรสเลิศหลากหลายอย่างและสุรารสแรงหลายสิบไหที่วางอยู่จนเต็มโต๊ะ ส่วนที่นั่งด้านข้างที่ว่างก็ถูกคุณชายโอวหยางที่ทรุดตัวลงพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมาโอบไหล่ของเขาไว้อย่างแนบเนียน ภายในห้องเองก็ไร้ซึ่งคนติดตามดูท่าคืนนี้ของเขาของไม่ง่ายเสียแล้ว

        “คนงามเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย ข้าชื่อโอวหยาง เฉียนฮุย หรือจะเรียกว่าคุณชายโอวหยางก็ได้ แล้วเจ้าเล่ามีนามที่แสนไพเราะว่าอันใด หืม…”โอวหยางเฉียนฮุยเอ่ยออกมาพร้อมกับขยับกายเท้าค้างกับมือบนโต๊ะ ดวงตาพร่าวระยับราวคนพบเจอของเล่นล้ำค่าชิ้นใหม่ที่ดูน่าสนใจยิ่ง

        “ข้าชื่อเจียวสุ่ยขอรับ ไม่ทราบคุณชายเรียกตัวข้ามาให้อยู่เป็นเพื่อนจิบสุรา หรืออยากให้ข้าเล่นดนตรีขับกล่อมขอรับ”หมิงชุนสุ่ยกล่าวถามออกไปตรงๆ พร้อมกับเอนตัวเท้าคางกับมือบนโต๊ะเลียนแบบท่าทีของคุณชายโอวหยาง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองสบดวงตาแสนเจ้าเล่ห์ที่พร่าวระยับอย่างไร้ซึ่งท่าทีเขินอายหรือกริ่นเกรงในอำนาจอย่างสิ้นเชิงชวนให้โอวหยางเฉียนฮุยรู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทีของนายโลมเบื้องหน้า

        “หืม…น่าสนใจ ข้ามิเคยเจอนายโลมหรือนางโลมคนใดที่มีท่าทีเช่นเจ้ามาก่อน ไม่กลัวข้ารึ”

        “แล้วเหตุใดข้าต้องกลัวท่านด้วยเล่า ท่านเป็นผีหรือ…ถ้าใช่ข้าจะได้ให้คนเอาน้ำมนต์มาสาดไล่”

        “ฮ่าๆๆ ข้าละชอบใจเจ้าจริงๆ เสี่ยวสุ่ย”ไม่ว่าเปล่ามือของคุณชายโอวหยางก็ค่อยๆเอื้อมมาลูบไล้ที่ต้นขาของหมิงชุนสุ่ยเบาๆก่อนจะถือมือของชายหนุ่มปัดออกทันทีจนเจ้าของมือถึงกับชะงักนิ่งไปพร้อมกับคิ้วคมที่เริ่มขมวดเข้าหากัน

        “ข้าขายศิลปะไม่ได้ขายร่างกาย อีกทั้งต่อให้ข้าขายร่างกายคืนแรกของข้าก็ยังไม่ถูกประมูล ต่อให้ท่านเป็นเทพเซียนก็ต้องทำตามกฏหอไม่อาจร่วมสังวาสได้ เข้าใจหรือไม่คุณชาย”หมิงชุนสุ่ยกล่าวพร้อมกับยกนิ้วขึ้นจิ้มไปยังปลายจมูกของคุณชายเบื้องหน้าก่อนจะออกแรงดันออกไป

        หมิงชุนสุ่ยยันตัวลุกขึ้นโดยไม่สนใจท่าทีที่เริ่มไม่พอใจของคุณชายตระกูลใหญ่แม้แต่น้อย ร่างสูงโปร่งเดินอ้อมโต๊ะไปหยิบไหสุราขึ้นมาเปิดแล้วรินใส่จอกยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากที่คล้ายเม้มเข้าหากันเล็กน้อยของคุณชายโอวหยาง

        “แต่ถ้าเป็นเพื่อนดื่มสุราข้าก็พอจะทำให้ได้ ว่าอย่างไรเล่าคุณชายโอวหยาง”หมิงชุนสุ่ยเอ่ยพร้อมกับแย้มยิ้มที่แสดงออกถึงการท้าทายคุณชายแสนเอาแต่ใจเบื้องหน้าอย่างไม่คิดปิดบัง 'เอาสิ คิดว่านิสัยเอาแต่ใจมีเจ้าเป็นคนเดียวรึไง'

      "เจ้าท้ายทายข้ารึ"

     "แล้วแต่ท่านจะคิด คุณชาย..."








แสดงความคิดเห็น

คุณชายโอวหยางยื่นเสนอหากเจ้าปรนนิบัติถึงพริกถึงขิงบนเตียง ขายร่างกายคืนนี้เขาจะให้คุณ 20 ตำลึงทอง  โพสต์ 2025-9-18 15:52
โพสต์ 21013 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-9-18 15:25
โพสต์ 21,013 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2025-9-18 15:25
โพสต์ 21,013 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-18 15:25
โพสต์ 21,013 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-9-18 15:25
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27
โพสต์ 2025-9-19 00:13:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 19 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 19.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

หอว่านหงเหรินยังคงอวลไปด้วยเสียงพิณแผ่วเบาและเสียงหัวเราะของแขกเหรื่อที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย แสงโคมแดงแกว่งไหวสะท้อนผ่านผ้าม่านโปร่งบาง เผยให้เห็นเงาร่างเลือนรางของเหล่านางโลมที่ร่ายรำอยู่เบื้องล่าง

ในห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสอง เถียนเฟิงจองไว้สำหรับตนและเสวี่ยซีเพียงคนเดียว โต๊ะไม้หอมแกะลายกุหลาบป่าถูกจัดวางไว้อย่างพิถีพิถัน บนโต๊ะนั้นมีเพียงสุราดอกเบญจมาศในไหเคลือบเขียนอักษรทอง และถ้วยเล็กสองใบที่วางเคียงกัน กลิ่นหอมละมุนของดอกไม้แทรกซึมในอากาศ แตกต่างจากสุรานารีแดงที่ทั้งร้อนแรงและเย้ายวน สุราเบญจมาศกลับชวนให้ใจสงบ ละเมียดละไมดุจห้วงคืนแห่งความสงบสุข

เสวี่ยซีนั่งอยู่เบื้องหน้า แสงไฟอุ่นจากโคมกระทบผิวเนียนละเอียดจนแลดูสว่างวาบ ร่างบอบบางในชุดผ้าไหมบางสีอ่อนเผยให้เห็นเส้นโค้งนุ่มนวล ดวงตาสีอำพันสุกใสสะท้อนความลังเลและความหวาดหวั่นลึกๆ ที่เขาไม่เคยกล้าพูด เถียนเฟิงนั่งตรงข้าม สายตาคมเข้มจับจ้องอยู่ทุกอากัปกิริยา

“สุราเบญจมาศ...” เสวี่ยซีรินลงถ้วยส่งให้เถียนเฟิง พลางยิ้มบาง “ไม่แรงเท่าสุรานารีแดง แต่หวานนุ่มลึก เหมาะแก่การดื่มยามเงียบสงบ”

เถียนเฟิงรับถ้วยมา ปลายนิ้วแตะเบาๆ กับมือของเสวี่ยซีโดยไม่ตั้งใจบางทีอาจตั้งใจก็ได้ เขาเอ่ยเสียงต่ำ “เหมาะกับเจ้า”

ทั้งสองจึงนั่งเคียงกันบนเสื่อ เสวี่ยซีรินเหล้า รอยยิ้มและถ้อยคำหยอกล้อเบาบางสร้างบรรยากาศผ่อนคลายขึ้นทีละน้อย เถียนเฟิงฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง แต่สายตาไม่เคยปล่อยให้เสวี่ยซีห่างหายไปจากความสนใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว

หัวใจเสวี่ยซีสั่นไหวกับคำพูดเรียบง่ายเช่นนั้น แต่ไม่ทันจะตอบอะไร เถ้าแก่หลิวไค่กลับส่งสาวใช้มาเรียกตัวเขาลงไปข้างล่าง อ้างว่ามีเรื่องด่วนเกี่ยวกับแขกประจำ เสวี่ยซีลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันมามองเถียนเฟิง “ข้าจะกลับมาโดยเร็ว ท่าน...รอข้าสักครู่”

เขารีบก้าวออกจากห้อง ทิ้งเถียนเฟิงให้นั่งอยู่ลำพังในห้องเงียบสงัด

เมื่อเสวี่ยซีกลับขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่เห็นกลับทำให้ร่างทั้งร่างแข็งทื่อราวถูกฟ้าผ่า ผ้าม่านโปร่งเบื้องหน้าถูกเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นภาพเถียนเฟิงนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้หรูหรา ข้างกายมีนางโลมในชุดบางเฉียบกำลังเอนซบ พยายามรินสุราให้เขาด้วยท่าทีสนิทสนม เสียงหัวเราะแผ่วจากนางโลมเหมือนมีดแหลมกรีดลึกลงกลางอกเสวี่ยซี

ภาพนั้นเหมือนหวนกลับไปยังความทรงจำในอดีต หลี่หยางที่ครั้งหนึ่งเคยพร่ำคำรัก คำมั่นสัญญา แต่สุดท้ายกลับกอดคนอื่นต่อหน้าต่อตาเขา ความเย็นชาจากวันเก่าแล่นกลับมาอย่างรุนแรงจนลมหายใจติดขัด

“ท่าน...” เสียงเสวี่ยซีสั่นเครือจนแทบไม่เป็นถ้อยคำ

เถียนเฟิงหันมามองทันที ร่างสูงขยับลุกขึ้นผลักนางโลมออกไปด้วยท่าทีรังเกียจ แต่สายตาที่หันกลับมาหาเสวี่ยซีกลับแข็งกร้าว “เจ้าลงไปช้านัก ข้าจึงเรียกนางโลมมารินเหล้าให้ก็เท่านั้น สิ่งที่เจ้าเห็นก็เป็นเพียงแค่การหยอกเล่น เจ้าจะต้องทำหน้าเช่นนั้นทำไม?”

“เพียงหยอกเล่น?” เสวี่ยซีเสียงสั่น ขอบตาร้อนผ่าว ภาพตรงหน้าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึง “หลี่หยาง” บุรุษผู้หนึ่งในอดีตที่เคยทำร้ายหัวใจเขา “ท่าน...ก็ไม่ต่างอะไรจากเขาเลย”

เถียนเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาแข็งกร้าว “เจ้าเปรียบข้ากับมันงั้นรึ?!”

เสวี่ยซีถอยหลังไปสองก้าว น้ำตาไหลพราก “ข้า...ข้าคิดว่าท่านไม่เหมือนเขา...แต่เมื่อเห็นภาพเมื่อครู่ ข้าจะไม่คิดเช่นนั้นได้อย่างไร!”

เถียนเฟิงคว้าข้อมือเสวี่ยซีไว้แน่น ดวงตาลุกวาบ “แล้วนี่อะไร!” เขาเงยหน้ามองนิ้วเรียวของเสวี่ยซี บนนั้นสวมแหวนดาราจรัสวงหนึ่ง แววตาของเถียนเฟิงแข็งกระด้างทันที “แหวนของใคร? อย่าบอกนะว่าเป็นของข้า เพราะข้าไม่เคยให้เจ้า!”

เสวี่ยซีรีบชักมือกลับ แต่ก็ไม่ทัน เถียนเฟิงจับไว้มั่นราวคีมเหล็ก “มัน...มันไม่ใช่ของหลี่หยาง”

“แต่ก็เป็นของผู้ชายใช่หรือไม่!” น้ำเสียงเถียนเฟิงแผดดังขึ้นจนสะท้อนก้องไปทั่วห้อง “เจ้าอธิบายมา! เจ้าเอาแหวนของใครมาสวมไว้บนมือเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเต็มใจรับของมัน?”

เสวี่ยซีสะอื้น ริมฝีปากสั่นระริก “เขา...เขาเพียงแค่ให้มา” ร่างบอบบางนึกถึงคุณชายเหวินซวี



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-08] เถียน เฟิง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ โรลเพลย์พูดคุยประจำวัน: ได้รับความสัมพันธ์ +5 แต้ม


ค่าจ้าง: 100 ตำลึงเงิน - 15 EXP (รายวัน)

แสดงความคิดเห็น

(หัวในตันสิบดวงแล้ว)  โพสต์ 2025-9-19 11:06
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-08] เถียน เฟิง เพิ่มขึ้น 10 โพสต์ 2025-9-19 11:06
คุณได้รับ 15 EXP โพสต์ 2025-9-19 11:06
โพสต์ 13937 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-19 00:13
โพสต์ 13,937 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-19 00:13

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงเงิน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-19 16:52:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 19 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไห้ เวลา 21.00 - 23.00 น.
╰┈➤ พบเจอเถียนเฟิง

แสงตะเกียงน้ำมันในหอว่านหงเหรินส่องวูบไหว ละอองกลิ่นกำยานผสมกลิ่นสุราหนักหน่วงคลุ้งอยู่เต็มโถง เสียงหัวเราะและดนตรีพิณจากด้านล่างยังดังลอดขึ้นมาไม่หยุด แต่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองกลับเต็มไปด้วยความเงียบที่กดทับ หัวใจทั้งสองเต้นแรงปะทะกันด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจหาทางออกได้

เสวี่ยซีก้าวพรวดออกมาจากห้อง ใบหน้างดงามดั่งหยกสลักซีดเผือด ดวงตาอำพันแดงก่ำด้วยน้ำตาและความโกรธที่พลุ่งพล่าน ร่างบอบบางสั่นเทิ้มเพราะทั้งเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยว เถียนเฟิงรีบก้าวตามมา มือใหญ่เอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กนั้น แต่กลับถูกเสวี่ยซีสะบัดออกเต็มแรง

“ปล่อยข้า!” เสียงสั่นเครือปนหอบหายใจ ดวงตาคู่งามพร่ามัวด้วยหยาดน้ำตา แต่ยังคงวาวโรจน์ดุจเปลวเพลิง “อย่ามาแตะต้องข้าอีก!”

เสียงสะท้อนก้องออกไปนอกห้องผ่านโถงเงียบสงัดด้านนอก แขกบางคนที่เดินผ่านพอดีถึงกับชะงักหันมามอง ทันทีที่รู้ว่ามาจากห้องซึ่งเถียนเฟิงอยู่กับเสวี่ยซี สายตาหลายคู่ก็เริ่มจับจ้องกันด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เถียนเฟิงยืนนิ่งไปชั่วครู่ ใบหน้าคมสันเครียดขึง สายตาคมกล้าเต็มไปด้วยความสับสนและโกรธระคนเจ็บปวด เขาก้าวตามไปอีกครั้ง เสียงต่ำกดลึกดังตามหลัง “ซีเอ๋อร์! เจ้าฟังข้าก่อน”

แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ร่างบอบบางก็หันขวับกลับมา สะบัดชายแขนเสื้อยาวฟาดใส่เหมือนตัดขาด เสียงหัวเราะเย้ยหยันพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากบางที่ยังสั่นระริก “ฟังงั้นรึ ข้าฟังท่านมามากพอแล้ว”

เถียนเฟิงชะงักไป นัยน์ตาวาววับเหมือนถูกแทงกลางอก เสียงเขาแข็งขึ้นโดยไม่ตั้งใจ “แล้วเจ้าเล่า เจ้าใส่แหวนของชายอื่นต่อหน้าข้า เจ้าจะอธิบายอย่างไร”

เสวี่ยซีหัวเราะออกมาอย่างเจ็บปวด น้ำตาเอ่อคลอ แต่รอยยิ้มกลับเฉือนหัวใจยิ่งกว่าใบมีด “มันเป็นเพียงแค่แหวนจากผู้มีพระคุณของข้า… แต่ท่านล่ะ ท่านกลับนั่งหัวเราะกับนางโลมอยู่ในห้อง! ข้าคืออะไรในสายตาท่าน แค่ตัวสำรองที่ท่านซื้อจากเถ้าแก่ไว้ครอบครองรึ หรือเพียงนายโลมที่ท่านจะใช้เงินกดหัวให้เชื่อฟัง”

ถ้อยคำเสียดแทงนั้นทำให้เถียนเฟิงก้าวเข้ามาใกล้ สีหน้าร้อนรุ่มปนโกรธจัด “เจ้าอย่าบิดเบือน นางโลมผู้นั้นเพียงแค่มารินเหล้าให้ข้า!”

“แล้วท่านรอไม่ได้เหรอ ข้าเพียงลงไปทำธุระเพราะเถ้าแก่เรียก” เสียงเสวี่ยซีแหลมคมดั่งมีดกรีด “ท่านคิดว่ามันสนุกนักที่ได้ให้ข้าเห็นภาพเช่นนั้น เหมือนกับใครบางคนที่ข้าเคยรู้จักจริงๆ… ท่านกับหลี่หยางแตกต่างกันตรงไหน เถียนเฟิง ท่านต่างกันตรงไหนเล่า”

เถียนเฟิงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด เขาก้าวเข้ามาคว้าข้อมือเสวี่ยซีอีกครั้ง ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะและความเจ็บ “เจ้ามีหน้ามาเปรียบข้ากับมันอย่างนั้นรึ ข้าคือเถียนเฟิง! ไม่ใช่ชายสารเลวนั่น!”

เสียงดังลั่นสะท้อนก้องจนบานประตูสั่น บรรดานางโลม นายโลมที่อยู่ใกล้ชั้นบนแอบแนบหูฟัง แววตาเต็มไปด้วยความสะใจปนสงสาร “นายโลมผู้เลื่องชื่อทะเลาะกับคนที่คอยจองตัวงั้นหรือ… นี่มันเรื่องใหญ่ทีเดียว”

“อย่ามาอ้างค่า!” เสวี่ยซีผลักเขาออกเต็มแรงจนเซถอยหลัง น้ำตาไหลพรากพรั่งพรูลงแก้มงดงามที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “หากท่านคิดว่าข้าเป็นเพียงนายโลมก็บอกมาเลยสิ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจอีกต่อไป”

เสียงสะอื้นขาดห้วงดังสะท้อนอยู่ในโถง เถียนเฟิงยืนอึ้ง หัวใจหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก เขาอยากอธิบาย อยากกอดรั้งร่างเล็กนั้นเอาไว้ แต่สองมือกลับแข็งค้างอยู่กลางอากาศเหมือนถูกโซ่ตรวนมัดไว้

เขาผลักเถียนเฟิงจนกระแทกกับโต๊ะสุรา แก้วสุราเบญจมาศที่ยังเหลืออยู่หกกระจายกลิ่นฟุ้ง ร่างบอบบางหอบหายใจแรง ก่อนจะหมุนตัวเปิดประตูออก เสียง “ปัง!” ของประตูไม้ดังก้องสะท้อนลงไปทั่วโถง

ทุกสายตาที่อยู่ด้านล่างหันขึ้นมาพร้อมกัน บ้างยกคิ้ว บ้างซุบซิบกระซิบกระซาบ เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังแทรก “นายโลมชื่อดังทะเลาะกับแขกนี่นะ… น่าสนุกจริงๆ”

เสวี่ยซีเดินฝ่าฝูงคนลงบันไดมา น้ำตายังคงพรั่งพรูบนใบหน้างดงาม แต่แววตาแข็งกร้าวไม่ยอมให้ใครเห็นความอ่อนแอ ร่างบอบบางนั้นเดินเร็วเหมือนจะหนีออกจากความเจ็บปวดทั้งหมด ทิ้งเถียนเฟิงยืนแน่นิ่งอยู่ในห้องด้านบน

เถียนเฟิงหอบหายใจหนัก สองมือกำแน่นสั่นสะท้าน ดวงตาคมเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ เขาได้ยินเสียงหัวเราะและซุบซิบของเหล่าผู้คนด้านนอก ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้าเป็นพันชิ้น

ร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้หนักอึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความสับสนปวดร้าว สุดท้ายเหลือเพียงเงาของเขาที่นั่งนิ่งท่ามกลางกลิ่นสุราที่หกกระจาย และความเงียบงันอันหนาวเหน็บที่กัดกินหัวใจ


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 13698 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-19 16:52
โพสต์ 13,698 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-19 16:52
โพสต์ 13,698 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-19 16:52
โพสต์ 13,698 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-19 16:52
โพสต์ 13,698 ไบต์และได้รับ +2 EXP +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก ตำราอักษรภาพพื้นฐาน  โพสต์ 2025-9-19 16:52
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

7

กระทู้

79

ตอบกลับ

4204

เครดิต

เริ่มมีชื่อเสียง

พลังน้ำใจ
3759
ตำลึงทอง
125
ตำลึงเงิน
660
เหรียญอู่จู
12577
STR
4+2
INT
4+0
LUK
10+7
POW
3+0
CHA
9+0
VIT
5+5
คุณธรรม
365
ความชั่ว
0
ความโหด
182
โพสต์ 2025-9-19 23:25:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Mingchunshui เมื่อ 2025-9-19 23:35

ข้อตกลง ที่ยังไม่ได้ตกลง เหมือนเวลามีคนยัดหมูกรอบใส่ปาก กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก

        “หึ”

        แทนที่จะได้เห็นท่าที่หงุดหงิดและท่าทีตะโกนโวยวายราวคนบ้าของโอวหยางเฉียนฮุย แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นมุมปากที่ยกยิ้มกับแววตาที่กำลังดูสนุก นั่นทำให้หมิงชุนสุ่ยอดไม่ได้ที่จะเลิ่กคิ้วมองด้วยความสงสัย

        แต่ความสงสัยนั้นก็อยู่เพียงไม่นานเมื่อมือหนาของคุณชายโอวหยางเอื้อมมาจับตรึงข้อมือขาวที่ถือจอกสุราจ่อปากของเขาเอาไว้แล้วเปิดริมฝีปากดื่มสุราในจอกนั้นรวดเดียวจนหมด

“เจ้าน่าสนใจอย่างที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆ เสี่ยวสุ่ยของข้า เอาอย่างนี้ดีไหม”

        ไม่ว่าเปล่ามือที่จับยึดข้อมือของชายหนุ่มเอาไว้ก็พลันออกแรงดึงจนร่างของหมิงชุนสุ่ยถึงกับเซถลาลงมาบันตัก พร้อมกับมืออีกข้างที่ขยับมาโอบกอดเอวบางของเขาไว้อย่างรวดเร็วเป็นการพันธนาการร่างของชายหนุ่มเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนี้ไปที่ใด

        “อึก…คุณชายโอวหยาง ท่านจะทำอะไร”หมิงชุนสุ่ยถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพร้อมกับร่างที่พยายามที่จะดิ้นหนีออกจากการกอดรัดของคุณชายโอวหยาง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่สามารถดิ้นหนีออกไปจากอ้อมแขนนี้ได้กลับกันยิ่งเขาดิ้นเหมือนว่าท่อนแขนนั้นกลับยิ่งรัดแน่นจนร่างกายของพวกเขายิ่งแนบชิดกันจนสัมผัสได้ถึงอะไรต่อมิอะไร

        “ชู่วว…อย่าพึ่งโมโหสิ เจียวสุ่ย”โอวหยางเฉียนฮุยเอ่ยพร้อมร้อยยิ้มขณะที่ดวงตาสีเข้มแสนเจ้าเล่ห์นั้นกลับกวาดไล่มองไปตามใบหน้าที่หล่อเหลาแต่ก็แฝงไปด้วยความงดงามราวสตรี ผิวกายขาวเนียน ดุจก้อนแป้ง ลำคอระหงที่น่าแต่งแต้มร่องรอยขบกัดสีกุหลาบลงไปจนเต็ม ไหนจะเอวบางที่แทบจะหักติดมือมานี่อีก ไม่ว่าที่ใดบนร่างกายของเจียวสุ่ยผู้นี้ก็ช่างถูกใจตนไปเสียหมด

        “ข้ามีข้อเสนอดีๆให้เจ้า”

        “อะไร”

        “คืนนี้ ถ้าเจ้ายอมเป็นของข้า ข้าจะเพิ่มเงินพิเศษให้เจ้าเป็นห้าตำลึงทอง”

        “คุณชาย ข้าบอกท่านแล้วข้ายังมิได้ประมูลคืนแรกต่อให้ท่านให้ข้าเพิ่มข้าก็….”หมิงชุนสุ่ยยังคงออกปากปฏิเสธหากแต่พูดเสียงของคุณชายโอวหยางดังแทรงขึ้นมาเสียก่อน

        “สิบตำลึงทอง”

        “คุณชายข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้…”

        “สิบห้า”

        “นี่!...”

        “งั้นยี่สิบตำลึงเป็นอย่างไร เงินยี่สิบตำลึงทอง ต่อให้เป็นคือประมูลคืนแรกของเจ้าก็ใช่ว่าจะมีคนที่ยอมจ่ายมากขนาดนี้นะ เจียวสุ่ย”ใบหน้าของโอวหยางเฉียนฮุยยื่นเข้ามาใกล้จนอยู่ห่างจากใบหน้าของหมิงชุยสุ่ยไม่ถึงคืบ

        ลมหายใจร้อนที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นสุราเป่ารดใบหน้าของชายหนุ่มก่อนที่ปลายจมูกนั้นจะค่อยเลื่อนลงมาสัมผัสเบาๆ ที่ลำคอสูดดมกลิ่นกายหอมจากซอกคอขาวอย่างหลงไหล “คิดดีๆ”

        “....”หมิงชุนสุ่ยเม้มปากแน่น ร่างกายที่ถูกสัมผัสอย่างฉาบฉวงนิ่งเกร็งไม่กล้าขยับ คำกลับของโอวหยางเฉียนฮุยนั่นตัวเขาเองก็ไม่กล้าปฏิเสธเลยว่าไม่เป็นความจริง

สำหรับเงินยี่สิบตำลึงทองนั้นถือว่าเยอะมากจริงๆ และต่อให้มันเป็นการประมูลคืนแรกสำหรับนายโลมอย่างไม่ก็ไม่มีทางที่เงินจะพุ่งสูงขึ้นจนแตะยี่สิบตำลึงทองได้ง่ายๆเพราะต่อให้เงินประมูลมีมากแต่ก็ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้กับหอ เหลือตกมาถึงตัวของนายโลมไม่กี่ตำลึงทอง

ขณะที่หมิงชุนสุ่ยกำลังตบตีกับความคิดในหัวของตนเองอยู่นั้นคุณชายโอวหยางก็ไม่ปล่อยให้เวลาไหลไปอย่างเสียเปล่า ปลายจมูกโด่งซุกไซร้ไปตามแอ่งชีพจรบนลำคอและลาดไหล่อย่างเชื่องช้าพร้อมกับริมฝีปากร้อนที่จุมพิตและขบเม้มที่ลำคอขาวจนรอยจ้ำสีกุหลาบ

เจียวสุ่ยอา..ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาดและรู้ว่าสิ่งใด…ที่คุ้มค่า” มือหนาที่โอบกอดรอบเอวของนายโลมคนงามอยู่ค่อยขยับไล้เบาๆไปตามแนวกระดูกสันหลังลงไปจนถึงสะโพก ก่อนที่จะฉวยจังหวะในตอนที่อีกฝ่ายนิ่งคล้อยตามกระตุกปมผ้าผูกเอวจนหลุด

“อ่ะ…คุณชาย เดี๋ยว!!”

“ช้าไปแล้วเจียวสุ่ยคนงาม”หมิงชุนสุ่ยที่ได้สติกลับมาร้องขึ้นพร้อมกับพยายามดันร่างของตนเองออก แต่ก็ยังคงช้ากว่าโอวหยางเฉียนฮุย
ร่างของเขาถูกคุณชายโอวหยางจับรวบขึ้นพาดบ่าพร้อมกับขาวยาวๆ ของคุณชายจวนรองผู้ว่าที่ก้าวตรงไปยังเตียงนอนหลังใหญ่ที่ตั้งอยู๋ด้านหลังฉากกั้นในห้องรับรองพิเศษซึ่งถูกปู่ด้วยผ้าแพรเนื้อดีสำหรับการรับรองกิจกรรมพิเศษของแขกพิเศษ

        หมิงชุนสุ่ยถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างไม่เบาและก็ไม่แรงจนเกินไป ยามเมื่อร่างกายถูกปล่อยเป็นอิสระชั่วคราวสัญชาตญาณของชายหนุ่มก็พลันกู่ร้องให้เขารีบหนีก่อนที่จะไม่มีโอกาส

        ชายหนุ่มพลิกตัวพยายามที่จะคลานหนีไปอีกฝั่งของเตียงหากแต่ก็ไม่สำเร็วเมื่อข้อเท้าของเขาถูกมือของคุณชายโอวหยางคว้าจับเอาไว้ก่อนจะลากกลับไปหา พร้อมกับร่างสูงที่ปีนขึ้นเตียงตามขึ้นมาคร่อมทับร่างของเขาเอาไว้

        “อ่ะ!!... ปล่อยนะ”

        “อย่าหนีเลย เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”น้ำเสียงแฝงไปด้วยอารมณ์กำหนัดและความเอาแต่ใจของโอวหยางเฉียนฮุยดังขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ตามมาตะคุบและตรึงข้อมือทั้งสองข้างของคนงามใต้ร่างเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับยกขึ้นวางไว้เหนือหัว ส่วนขาทั้งสองที่พยายามจะถีบก็ถูกมืออีกข้างจับยกขึ้นพากบ่าเป็นการปิดเส้นทางหนีของคนใต้ร่างอย่างสิ้นเชิง “ยิ่งเจ้าดิ้นหนีข้า ข้ายิ่งมีอารมณ์นะ รู้รึเปล่า”

        ราวเสือที่กำลังหยอกเหยื่อ ริมฝีปากร้อยก้มลงขบกัด ดูดเม้มลำคอขาวของคนตรงใต้ร่างอย่างหื่นกระหาย มือข้างหนึ่งที่เว้นว่างไว้เอื้อมลงไปปลดอารมณ์สีเขียวอ่อนที่คนงามสวมอยู่ออกเผยให้เห็นแผ่นอกขาวกับยอดอกสีอ่อนชวนให้ใครต่อใครกลืนกิน

        “เป็นเด็กดีว่าง่ายๆ ดีกว่าเจ้าจะได้ไม่เจ็บตัว”

        “ไม่ ข้ายัง ไม่ได้ตกลง อ้าาาา….”

        “อย่าขัดใจข้า เจ้าก็รู้ว่าถ้าขัดใจข้าจะเกิดอะไรขึ้นเจียวสุ่ย”

        ไม่ว่าเสียงร้องของหมิงชุนสุ่ยหรือท่าทีที่ขัดขืนก็ไม่อาจต้านทานแรงกำหนัดจากคนบนร่างได้ ร่างของชายหนุ่มถูกจับพลิกไปมาร่างปลาย่าง เสียงหวีดร้องที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงร้องครวญครางเนิ่นนานจนแหบแห้ง

ทุกส่วนของร่างกายล้วนเต็มไปด้วยรอยจ้ำจากการขบเม้นและรอยกัดมากมายโดยเฉพาะบริเวณแผ่นหลังที่แทบจะไร้ที่ว่าง

ช่องทางด้านหลังถูกใช้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแสบร้อน ทั้งยังเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบใคร่สีขาว และหยาดเหงื่อ เตียงนอนที่เคยถูกปูทับด้วยแพรพันเนื้อดีกลับยับย่นแหละเปื้อนไปด้วยคราบต่างๆ จนแทบแยกไม่ออก จวบจนผ่านไปครึ่งค่อนคืนสงครามย่อมๆ บนเตียงในห้องรับรองพิเศษนี่จึงจบลงพร้อมกับร่างบุรุษสองคนที่นอนกอดเกี่ยวกันอยู่บนเตียงอย่างหมดแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ถูกกระทำที่แทบเยิ่นไปทั้งตัว

ค่ำคืนที่สองของการทำงาน ณ หอหว่านหงเหริกกลับกลายเป็นค่ำคืนที่แสนเหนื่อยยาก จนหมิงชุนสุ่ยแทบจะกระอั่กแล้วก็ได้แต่หวังว่า แขกพิเศษผู้นี้จะไม่เรียกใช้บริการเข้าอีกเป็นครั้งที่สอง แม้ว่า อีกฝ่ายจะกระเป๋าหนักมาก แต่เจอแบบนี้บ่อยๆก็ไม่ไหว ตัวลายเป็นไปหมด จนเขาไม่แน่ใจแล้วว่าไอ้ที่นอนอยู่ข้างๆนี่คนหรือหมา


20 ตำลึงทอง ยังไม่รับรวม ในถุงที่คุณชายโอวหยางให้เถ้าแก่เอาไปล่อมาเมื่อวาน







แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 20945 ไบต์และได้รับ 9 EXP!  โพสต์ 2025-9-19 23:25
โพสต์ 20,945 ไบต์และได้รับ +3 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก ผีผา  โพสต์ 2025-9-19 23:25
โพสต์ 20,945 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-9-19 23:25
โพสต์ 20,945 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ลาภลอย  โพสต์ 2025-9-19 23:25

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตำลึงทอง +20 ตำลึงเงิน +100 ย่อ เหตุผล
Watcher + 20 + 100

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผีผา
พัดคุณชาย
ลาภลอย
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x10
x1
x2
x2
x2
x2
x2
x1
x1
x10
x10
x30
x4
x10
x27
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้