เจ้าของ: Watcher

[ศาลาจื่อเถิงฮวา]

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-21 06:17:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 20 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ศาลาจื่อเถิงฮวา  (พบ จางกงกง)


แดดยามเซินร้อนอบอ้าวแต่อ่อนแรงกว่าตอนกลางวัน แสงจากตะวันคล้ายกำลังหลบซ่อนหลังม่านเมฆจาง ๆ ส่องลอดร่มเงาเถาวัลย์ม่วงที่คลุมอยู่เหนือศาลาหลังใหญ่เบื้องหน้า... ศาลาจื่อเถิงฮวา ศาลาทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านราวตำหนักของภูตบุปผากลางป่าเงียบสงบ ใต้เพดานไม้มีเถาวัลย์จื่อเถิงห้อยระย้าราวม่านกลีบดอกไม้พร่างพราย สายลมพัดกลีบม่วงปลิวไหวกลบกลิ่นอ่อน ๆ จากร่างหญิงสาวผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาช้า ๆ หลินหยาก้าวเข้าสู่ศาลาด้วยความเงียบงัน นางสวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน สีอ่อนกลมกลืนกับบรรยากาศรอบข้าง 


ผมยาวสยายอยู่บนบ่าด้านหนึ่ง ถูกกลีบดอกจื่อเถิงที่ปลิวมาแตะต้องแผ่วเบาราวกับล้อเลียนนางที่ยืนลังเลอยู่ใต้ชายคาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนทอดมองเข้าไปในศาลาที่ว่างเปล่า ไม่มีเสียง ไม่มีเงา ไม่มีแม้กระทั่งคนเฝ้า มันชวนให้นางอยากถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอีกรอบ


“เมื่อวานท่านเดินหนีข้า ข้ายังไม่ทันได้พูดอะไรเลยนะ” นางพึมพำเบา ๆ ราวกับพูดกับคนในความทรงจำ


สายลมวูบหนึ่งพัดเข้ามา เงาเสื้อคลุมดำสะบัดปลิวในสายลมนั้น และเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นช้า ๆ จากปลายศาลา เสียงฝีเท้าเบาและแน่นอนเช่นเดิม ทุกก้าวเหมือนถูกคิดคำนวณมาแล้ว และทุกย่างเยื้อนก็แฝงอำนาจที่มองไม่เห็น


“มาเร็วนี้ เสี่ยวหยา” เสียงนั้นนุ่มทุ้มแต่เยือกเย็น หลินหยาเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปอย่างรวดเร็ว เงาดำใต้หมวกไผ่ที่บดบังใบหน้าส่วนหนึ่งปรากฏร่างคุ้นเคยในชุดสีเข้มวันนี้เขาไม่ได้สวมหน้ากากครึ่งหน้าเหมือนเคยแต่ก็ยังคงปกปิดใบหน้า มาแบบเงียบงันราวกับภูตพราย เขายืนอยู่ตรงนั้นใต้เงาเถาจื่อเถิง กลิ่นกฤษณาอ่อนจางของเขาปะทะจมูกหญิงสาวในทันที ราวกับจิตใจของนางถูกสะกิดให้เต้นระรัว


“ข้าแค่จะมาบอกว่า…ข้าย้ายที่พักแล้วเจ้าค่ะ” หลินหยาเอ่ยออกไปในที่สุด แม้เสียงจะเบาแต่แน่นหนัก “ตอนนี้ข้าอยู่ที่โรงเตี๊ยมชิงหมิงนอกเมืองเจ้าค่ะ ไม่ใช่บ้านของท่านหลิวอันแล้ว” นางยกมือรวบชายเสื้อแน่นแนบตัว ไม่รู้เพราะกลัวลมหรือกลัวคำพูดของตนเองจะทำให้ใครบางคน ‘เงียบ’ ลงอีก


แต่จางกงกงเพียงยืนนิ่ง ใต้หมวกไผ่ของเขามีเพียงนัยน์ตาคมกริบที่จับจ้องมาทางนางโดยไม่ขยับ “ข้ารู้แล้ว” เขาเอ่ยเสียงเรียบ


หลินหยากะพริบตาปริบ ๆ “…ท่านรู้แล้วหรือเจ้าคะ?”


“เมื่อเจ้าย้ายไปที่ไหน ข้าย่อมรู้ทุกสิ่ง” นางแทบจะกัดปากตัวเอง ยังจะกล้าเรียกมันว่า ‘รู้’ อีกหรือ? นั่นมันแทบจะเป็น ‘คุม’ แล้วเสียมากกว่า


“แล้วเหตุใดเมื่อวานจึงเดินหนีข้าเล่าเจ้าค่ะ…” น้ำเสียงของหลินหยาแผ่วลงเล็กน้อย ปลายนิ้วกำชายเสื้อแน่นเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากจะคิดอะไรเกี่ยวกับว่ามีคนตามนางอยู่จริง ๆ เวลาที่เดินทางไปที่ไหนก็จะมีสายตาประหลาดมองมาเสมอ ไม่สิ มองมาตลอดนี้หว่า


สายลมพัดแรงขึ้น เถาจื่อเถิงสั่นสะเทือน เสียงดอกไม้ที่หล่นกระทบพื้นดังแผ่วราวหัวใจของใครบางคนที่กำลังวูบไหว “ที่เดินหนี เพราะข้าไม่อยาก…ลงโทษเจ้าบ่อย ๆ นัก” ดวงตาหญิงสาวเบิกขึ้นเล็กน้อย นางมองเขาอย่างไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือรู้สึกอย่างไรดี ดวงหน้าที่เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็เย็นไปหมดนั้นยิ่งทำให้นางเป็นฝ่ายเบือนหน้าออกไปอีกครั้ง


“เช่นนั้นก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ…ข้ามาวันนี้เพราะแค่จะมาบอกท่านเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ” หลินหยาบอกเช่นนั้น


แต่จางกงกงกลับขยับตัวเดินตรงมาใกล้ กลิ่นเย็นของเสื้อคลุมและกลิ่นกฤษณารุนแรงขึ้น นางยังไม่ทันจะได้ถอย ชายเสื้อคลุมของเขาก็ปัดถูกมือของนางเบา ๆ ก่อนเสียงทุ้มนั้นจะดังข้างหู “เจ้าแน่ใจหรือ…ว่าข้าจะให้เจ้ากลับไปง่าย ๆ เสี่ยวหยา?” หลินหยาแข็งค้างอยู่ตรงนั้นในทันทีที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น จากนั้นจึงเบือนหน้าหนีจากกลิ่นกฤษณาที่เกาะแนบอยู่บนอาภรณ์ของเขา แต่นางกลับรู้สึกถึงแรงจ้องจากใต้หมวกไผ่ที่หนักขึ้นราวกับแทรกทะลวงเข้ามาในหัวใจอย่างไม่มีความเกรงใจ ใบหน้าที่ขาวจัดของนางขึ้นสีแดงเรื่อเมื่ออีกฝ่ายไม่ขยับ ไม่พูดอะไร…แต่ก็ไม่ถอย นางเลยต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นแทน


หลินหยาหันขวับกลับมา แววตาของนางเต็มไปด้วยความระแวดระวัง ม่านตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนตวัดขึ้นสบกับดวงตาคมกริบที่ซ่อนอยู่ใต้เงาหมวกไผ่ “แล้วท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?” นางถาม น้ำเสียงติดห้วน “มีอะไรรึไงเจ้าคะ? หรือท่านรู้ว่าเมื่อวานข้าเจอท่านหลิวอัน หลังจากท่านปล่อยข้าทิ้งไว้หลังหอว่านหงเหรินแล้วเดินหนีข้าไป? แต่ข้าแค่จะไปบอกเขาว่าข้าจะย้ายออกจากบ้านหลังเล็กของเขาแล้วก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรนี้เจ้าคะ...” ถ้อยคำนั้นฟังดูเหมือนคำอธิบาย ทว่าในความเป็นหลินหยา มันคือการตั้งการ์ดกันไว้ก่อนว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีความลับใด ๆ...อย่างน้อยก็ไม่มีที่นางคิดว่าควรจะต้องรู้สึกผิด

 

แต่คำตอบของจางกงกงไม่ใช่ถ้อยคำธรรมดา เขาเอียงศีรษะน้อย ๆ ก่อนเอ่ยเสียงแผ่วแต่อาบไล้ด้วยเส้นเสียงที่เย็นเฉียบจนทำให้เงาจื่อเถิงเหนือศาลาดูมืดลงไปชั่วครู่ “เจ้าไปบอกเขาแต่ไม่คิดจะบอกข้าในตอนที่จากกัน…” เขาหยุด “หรือเจ้าตั้งใจจะให้ข้า ‘เจอ’ เจ้ากับเขาเข้าโดยบังเอิญ?”


“ว่าอย่างไรนะ?” หลินหยาเลิกคิ้วขึ้นทันทีเพราะการที่เขาบอกแบบนี้เขาจะหาเรื่องนางอีกหรือไง?


จางกงกงขยับตัวเพียงครึ่งก้าว แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนเงาทั้งศาลาเคลื่อนตามร่างเขามา ดวงตาใต้หมวกไผ่นั้นฉายแววเย็นเยียบ พริบตาเดียวเสียงทุ้มนั้นกลับเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบราวยาพิษในน้ำผึ้ง “เจ้าอยากเห็นข้าหึงหวงเจ้าจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกงั้นหรือเสี่ยวหยา?”


หลินหยากะพริบตา ดึงสติกลับมาแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน “บ้าหรอเจ้าคะ! ท่านนี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ ใครบอกว่าอยากให้ท่าน…เฮ้ย! อย่าเข้ามานะท่าน!” นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันทีที่เห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้น แต่จางกงกงกลับไม่พูดอะไร เขากลับเอื้อมมือไปที่ชายเสื้อของนาง ดึงปลายมันขึ้นเพียงนิดแล้วปล่อยมือราวกับเล่นกับตุ๊กตา


“เนื้อผ้าของเจ้าเปื้อนกลีบดอกไม้” เขาเอ่ยเสียงเรียบแบบคนหาข้ออ้างจะเข้าใกล้นาง แต่แววตานั่นมันไม่ใช่คนที่กำลังดูผ้า...เขากำลังมอง นาง ต่างหาก


หลินหยาขยับตัวกอดอกแน่นขึ้นกว่าเดิม สีหน้ากึ่งหงุดหงิดกึ่งขัดเขิน นางทำหน้ายุ่งแล้วถามเสียงแข็ง “ท่านอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะเจ้าคะ…ข้าบอกเลยนะว่าการที่ข้าไปบอกหลิวอันล่ะ ท่านอย่าได้คิดไปไกลนักนะได้หรือไม่เจ้าคะ ในสายตาข้าท่านหลิวอันก็เหมือนญาติคนหนึ่งเหมือนบุพการีของข้าที่มีพระคุณ”


แต่ข้าไม่ใช่ญาติของเจ้า” จางกงกงเอ่ย น้ำเสียงนั้นอ่อนลงเหมือนกระซิบในใจ ทว่าแววตาที่ทอดมองกลับไม่อ่อนโยนอย่างที่พูด เขาเพียงยืนอยู่ตรงหน้า พลิกมือยื่นออกมาช้า ๆ แล้วแตะปลายนิ้วที่ข้อมือนางเบา ๆ “และข้าก็ไม่เคยคิดจะเป็นญาติของเจ้าเลย”


เสียงหัวใจหลินหยาดัง “ตึก” ขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าของนางร้อนผ่าวอย่างไม่มีเหตุผล เพราะคำนั้นมันชวนทำให้คิดลึก แต่ก่อนที่นางจะทันเอ่ยปาก เขากลับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเบาและเฉียบคม “หรือเจ้าชอบให้ข้าจับได้ตอนเจ้าทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้...มันกระตุ้นเจ้าให้ดื้อดึงนักใช่ไหม?” หลินหยาตาโต ผงะถอยแทบสะดุดตอนที่อีกฝ่ายบอกนางแบบนั้น เพราะการที่หลินหยาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ครั้งล่าสุดมันทำให้เกิดคืนนั้น…


“ท่านบ้าไปแล้วหรือเจ้าคะ! ข้าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ!” แต่เสียงของนางกลับสั่นยามเมื่อพูดออกมา และแววตาของจางกงกง...กลับยิ้มด้วยดวงตารอยยิ้มนั้นร้ายกาจ เยือกเย็น และโรคจิตตามเคย ริมฝีปากของหลินหยาอ้าค้างตอนที่เห็นรอยยิ้มนั้นขนลุกซู่เหมือนแมวเจอศัตรู ขณะที่ปลายเท้าของนางแทบอยากจะหมุนตัววิ่งหนีไปเสียเดี๋ยวนั้น ใบหน้าขาวจัดแดงวาบขึ้นเหมือนถูกเปลวเพลิงซัดเข้าหน้า ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนเบิกกว้าง ขยับปากเหมือนจะเถียงอะไรสักอย่าง แต่ไม่ทันได้เปล่งเสียง ก็ถูกคำพูดประโยคถัดมาของจางกงกงตวัดรัดเข้าอย่างจัง


“หรือว่าเจ้า…กำลังคิดถึง คืนที่ข้าลงโทษเจ้า อยู่?” เสียงต่ำเรียบเฉียบของเขาทอดผ่านมาอย่างจงใจชัดเจน หลินหยาสะดุดลมหายใจ นางเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อคำที่ได้ยิน แต่เขายังไม่หยุด “ที่โรงเตี๊ยมเมืองจี้...หืม?” น้ำเสียงคล้ายเย้าหยักเยาะ ทว่ายังแฝงความสงบของนักล่าในเงามืด "เจ้ากำลังอยากจะถูกข้ากดลงกับเตียงผ้าไหมนุ่มหมือนครั้งนั้นอีกใช่หรือไม่...หรืออยากให้ข้าเรียกชื่อเจ้าด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นอีกครั้งขณะเจ้าร้องครางเสียงหวานเหมือนวันนั้น?"


หลินหยาตาโตเต็มที่ ปากสั่นเล็กน้อย สีหน้ากึ่งตกใจ กึ่งโกรธ กึ่ง...ละลาย…ตอนที่ได้ยิน โอ๊ยยย อีตาขันทีโรคจิต!!  “บะ...บ้า! ท่านพูดบ้าอะไรออกมา ไม่อายปาก! ใครจะไปคิดถึงเรื่องแบบนั้นกันล่ะ!” นางเงื้อฝ่ามือราวกับจะฟาดเข้าหน้าเขา แต่สุดท้ายก็ห้ามตัวเองได้ทัน เพราะนั่น...คือ จางกงกง จงฉางชื่อผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวังหลวง ไม่ใช่หนุ่มบ้าน ๆ ที่จะมาตีเล่นกันได้ง่าย ๆ แต่ที่สำคัญกว่านั้น…นางรู้ว่า เขาไม่ได้ล้อเล่น หากนางชกหน้าหรือตีเขาอีกรอบ ในน้ำเสียงที่สงบนิ่งนั่นมีความร้อนเร่าราวกับเถ้าถ่านใต้หิมะ ท่าทางของเขาไม่ใช่แค่หยอก แต่จ้องมองราวกับพร้อมจะกระชากนางกลับไปที่เตียงไม้ชั้นดีภายในโรงเตี๊ยมเมืองจี้อีกครั้ง ดวงตาของเขาไม่ได้เพียงแค่สื่อความทรงจำ แต่กำลัง... ‘ขู่’ ด้วยความรู้สึกที่คล้ายความหิวกระหายอย่างเย็นชา


หลินหยารีบถอยหลังหนึ่งก้าวกอดอกแน่นขึ้น มือข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นป้องปัดปากตัวเองไม่ให้หลุดเสียงอะไรออกมาหรือจะโดนเขาจู่โจมตอนนี้เหมือนแมวพองขนขู่หางชูชันพร้อมต่อสู้ “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยคิดถึงมันเลยนะ!” นางปฏิเสธเสียงสั่น


“อ้อ?” จางกงกงเอียงศีรษะ แสยะยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก “แปลกดีนะเสี่ยวหยา…แต่หน้าเจ้ากลับแดงนัก...ข้าชักจะไม่เชื่อแล้วสิ”


“ท่านนี้มันขี้แกล้ง! โรคจิตจริง ๆ!” หลินหยาตะโกนเสียงแหลมพร้อมกับหมุนตัวจะเดินหนี ทว่าแขนเสื้อกลับถูกรั้งไว้ จางกงกงไม่พูด ไม่แสดงอาการรั้งแรงใด ๆ เขาแค่ปล่อยให้นิ้วชี้เรียวยาวเกี่ยวปลายชายแขนเสื้อของนางเบา ๆ ให้หยุด เบาพอจะไม่เป็นการรั้งไว้จริงจัง...แต่กลับหนักพอจะหยุดคนที่กำลังหวั่นไหวได้


หลินหยาหันขวับมาจ้องหน้าเขา “ท่านจะแกล้งอะไรข้าอีกเจ้าคะ!” จางกงกงไม่ตอบในทันที เขาเพียงแค่ปล่อยชายเสื้อนางลง ก่อนเอ่ยเบา ๆ ด้วยเสียงเย็นเรียบที่ทำเอาลมหายใจของคนฟังติดค้างในอก “ข้าแค่อยากให้เจ้าจำไว้ว่า...แม้เจ้าจะพยายามวิ่งหนีจากข้า หรือไปที่ใด แต่เจ้ายังเป็นของข้า...ในแบบที่ไม่มีผู้ใดเคยได้เจ้าหรือทำให้เจ้ารู้สึกได้นอกจากข้า” ประโยคนั้นไม่ใช่การขู่ ไม่ใช่คำสัญญา และไม่ใช่การยั่วเย้าอย่างเด็กหนุ่มหึงหวง มันคือถ้อยคำของสัตว์นักล่าผู้รู้ดีว่ากรงของตนยังแน่นหนาแม้เหยื่อจะดิ้นรน


หลินหยายืนเงียบ...หัวใจเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้ พระเจ้า...นี่เธอไปเล่นกับคนแบบไหนเข้ากันแน่?




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: มาหาค้าบบบ มาหาแล้วค้าบบบ

รางวัล: คุยกับจางกงกงแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-11] จางกงกง


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 52294 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-21 06:17
โพสต์ 52,294 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-21 06:17
โพสต์ 52,294 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-21 06:17
โพสต์ 52,294 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-21 06:17
โพสต์ 52,294 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ปราณกระเรียนขาว(ไม้)  โพสต์ 2025-8-21 06:17
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-27 19:31:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 27 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามเซิน เวลา 15.00 - 17.00 น. ณ นอกเมืองฉางอัน ศาลาจื่อเถิงฮวา (พบ จางกงกง)


ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเซินอันอ่อนละมุน แสงทองจับต้องปลายเถาจื่อเถิงที่ชูช่ออยู่เหนือหลังคาศาลา จางกงกงในคราบท่านชายห่าวหมิงที่สวมหน้ากากครึ่งหน้ายืนทอดสายตาออกไปยังทุ่งนอกเมือง ร่างสูงในอาภรณ์เรียบหรูประดับลวดลายเมฆามงคลขลิบสีชาด ดูสงบงามแต่เปี่ยมด้วยแรงกดดันแผ่ว ๆ อย่างผู้ควบคุมทุกสิ่งได้ในมือ แม้เพียงยืนเฉย ๆ ก็คล้ายจะเปล่งประกายอำนาจออกมาจากปลายชายอาภรณ์ เสียงกีบม้ากระทบผืนดินกรวดดังมาแต่ไกล ท่ามกลางม่านเงาของไม้พุ่มและกลิ่นหอมบางของเถาวัลย์ ม้าศึกตัวหนึ่งปรากฏขึ้นจากฝั่งถนนสายรอง สะดุดตาด้วยขนสีดำขลับวาวราวกับมืดสนิทแห่งรัตติกาล หากแต่ตัดด้วยเครื่องแต่งประดับสีแดงชาดเรื่อซึ่งไหวเอนไปกับทุกจังหวะฝีเท้า


ยอดอาชาแห่งทุ่งหญ้าตอนเหนือ ‘ม้าดำทมิฬ’ ปรากฏกายดั่งเรื่องเล่าในตำนาน ดวงตาสีเข้มวาววับ ร่างกำยำสง่างามดั่งวิญญาณนักรบขี่ลม กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์บางอย่างแผ่กระจายไปรอบกายแต่ไม่อาจดึงสายตาได้มากเท่าหญิงสาวบนหลังม้า


หลินหยาในชุดเรียบง่ายแต่ปรับให้เข้ากับการเดินทาง ท่วงท่านั่งหลังม้าแม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ หากแต่ท่าทางที่ยกมือโบกให้อีกคนอย่างร่าเริงกลับเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตและความสดใสที่ทำให้แม้แต่ศาลาหินก็เหมือนจะพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา “จะ…อ่ะ ไม่สิท่านชายห่าวหมิง~!” นางร้องเรียกด้วยเสียงสดใส ก่อนจะชี้ไปยังม้าที่ขี่มาอย่างภูมิใจ “ตัวนี้แหละที่ข้าประมูลมาได้ ยอดอาชาแห่งตำนาน! ร่ำลือกันว่าเคยเป็นม้าที่ฝ่าบาททรงขี่เคียงกับลู่กุ้ยเฟย…ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

 

แววตาของจางกงกงที่มองไปยังม้าดำเปลี่ยนไปทันที...กลายเป็นความทึ่ง ปะปนความลุ่มหลงและศรัทธาลึก ๆ ที่เขามีต่อจักรพรรดิและกุ้ยเฟยผู้ทรงเสน่ห์ เขาก้าวไปใกล้แต่ไม่ใช่เพื่อชมม้า หากแต่เพื่อสำรวจว่าคำพูดของหลินหยา…เป็นจริงหรือไม่ “ม้าดำ...ตัวนี้…” เขากระซิบกับตัวเอง มองดูตราสลักลายก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างลึกล้ำ “…หึ” แต่ก่อนเขาจะพูดสิ่งใดอีก เสียงแกร๊กเบา ๆ ก็ดังขึ้นเมื่อหลินหยาเผลอเหยียบพลาด พลันเธอก็แทบจะเอนไปทางหนึ่งเพราะเท้าข้างหนึ่งไม่ถูกปรับที่พักให้พอดี ความวุ่นวายเล็กน้อยแต่ดูเหมือนจะทำให้คนมองนั้นปวดใจยิ่งกว่าการถูกลอบสังหารเสียอีก


“หยุดตรงนั้นอย่าลง” จางกงกงขมวดคิ้วสั่งเสียงเข้ม เดินเร็วเข้ามาทันที คิ้วเรียวยาวขมวดชัดขณะจ้องสำรวจสัดส่วนม้ากับขาหลินหยา เขาเงยหน้าขึ้นสบตานาง สีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย “เสี่ยวหยา…เจ้าขี่โดยไม่ปรับความสูงของที่พักเท้าให้เข้ากับสรีระตัวเองหรือ?” เขาถามโดยไม่รอคำแก้ตัวก่อนจะจับที่ขอบอานขึ้นประคองเธอให้นั่งมั่นคงกว่าเดิม มือเรียวยาวนั่นสัมผัสเพียงเล็กน้อยตรงข้อเท้า ทว่าส่งแรงมั่นคงผ่านเข้ามาจนหลินหยาสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความเก้อเขิน


เขาหรี่ตาน้อย ๆ แล้วเอ่ยช้า ๆ อย่างคนที่หมดแรงจะโกรธ แต่ก็ยังอดพูดไม่ได้ “เจ้าควรดีใจที่ข้าเป็นคนเห็นเจ้าเสียก่อนนะเสี่ยวหยา...ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ ยอดอาชาจากสมัยฮ่องเต้ยังไม่ทันขี่ออกสนาม ก็อาจได้เห็นเจ้ากลิ้งตกอานกลางศาลาไปก่อนแล้ว” ริมฝีปากหยักนั่นแสยะยิ้มเยาะนางนิด ๆ ตามนิสัย...แต่แววตานั้นกลับคล้ายจะเอ็นดูมากกว่าคำพูดใด ๆ “หรือเจ้าจะให้ข้าสอนอีกครั้ง?” น้ำเสียงของเขาเรียบ...แต่เต็มไปด้วยความหมาย ปลายนิ้วที่เคยจับขอบอานนั้นบัดนี้เลื่อนขึ้นแตะหลังมือของนางเบา ๆ แล้วบีบแน่นหนึ่งครั้ง คล้ายเป็นคำเตือน…หรือคำสัญญาว่าต่อจากนี้ หากนางยังดื้ออีกเขานี่แหละจะเป็นคน ‘ควบ’ ทุกสิ่งด้วยตัวเอง


“ทะ…ท่าน?” หลินหยาหน้าแดงจัดตอนที่อีกคนบอกว่าจะให้สอนอีกครั้งสอนอะไร๊!!


"หืม?" จางกงกงเลิกคิ้วอย่างคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์นักตั้งแต่ต้น ใบหน้าเรียบเฉยนั้นขยับแย้มยิ้มราวกับเงาเสือที่ขยับริมฝีปาก ลมหายใจของเขาข้างลำคอหลินหยาทำเอาเธอขนลุกวาบทันที ทั้งที่เขายังไม่ได้แตะต้องอะไรนอกจากเสียงเบา ๆ ที่กล่าวคำว่าสอนอีกครั้ง หญิงสาวบนหลังม้าตาโต หน้าแดงจัดจนร้อนวูบวาบ เธอกระแอมกลบเก้อพลางเหลือบมองอีกคนอย่างจับผิด “…สอน...ขี่ม้า ใช่ไหมเจ้าคะ?”


“อืม ขี่ม้า” เขารับคำหน้าตาย แต่กลับเอียงหน้ามาใกล้กระซิบต่อใกล้ข้างหู “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เสี่ยวหยา...หืม?” น้ำเสียงแผ่วต่ำกระซิบแนบผิวเนื้อจนรู้สึกสั่นน้อย ๆ เสมือนลมหายใจของเขาซุกอยู่ใต้เส้นผมที่ไหวกระเพื่อม


"ข้าคิดอะไรเหรอเจ้าคะ ข้าเปล่านะ..." หลินหยาขยับตัวบนหลังม้าเหมือนอยากถอยหนีแต่ก็ไปไหนไม่ได้ มือเล็กที่กุมบังเหียนอยู่สั่นเล็กน้อย ทั้งที่พยายามกลบความเขินด้วยรอยยิ้ม "...ท่านจะสอนก็ดีแล้วเจ้าค่ะ แต่คงต้องสอนแบบรวบรัดนิดหนึ่ง ข้าจะเอาไปฝึกต่อเองเพราะดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยว่าง”


“ข้าไม่ว่าง?” เขาทวนคำอย่างเชื่องช้า “ถ้าจะสอนเจ้า...ข้าพอมีเวลาทั้งคืน” หลินหยาแทบสำลักอากาศไปตรงนั้นตอนได้ยินคำว่าทั้งคืน แต่เขาก็ยิ้มเฉย ๆ แล้วขยับยืนห่างไปครึ่งก้าวเหมือนผู้ชายดี ๆ ไม่เคยคิดอะไรเลย ทิ้งไว้แต่หัวใจหญิงสาวที่เต้นโครมครามปั่นป่วนไม่มีชิ้นดี เมื่ออีกฝ่ายสงบลงจางกงกงก็เอ่ยขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย “ตั้งชื่อมันหรือยัง?”


“ยังเลยเจ้าค่ะ” หลินหยาตอบพลางส่ายหน้าพรืด มือหนึ่งยังลูบคอม้าดำเบา ๆ ด้วยสีหน้าที่ยอมรับความพังของตนเองอย่างเต็มอก “ตอนแรกนะข้าเกือบจะตั้งมันว่า...ลู่กุ้ยเฟยแล้วด้วยซ้ำ”


ชายหนุ่มเบิกตาเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้ดังนัก แต่แผ่วลึกอย่างน่าเย้ย “หากเจ้าใช้ชื่อนั้นจริง…” เขาขยับยกมือขึ้นแตะคางหลินหยาเบา ๆ ให้ก้มลงมาหาเขาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ราวกับจะบอกความลับ “ข้าคงไม่ต้องรอให้ฮ่องเต้สั่งเผา...ข้าจะลงโทษเจ้าแทนเสียเองทันทีที่ได้ยินชื่อมัน” หลินหยากะพริบตาปริบ ๆ แล้วหัวเราะแห้ง ๆ อย่างน่าสงสาร “แล้ว...ท่านมีชื่อแนะนำหรือไม่เจ้าคะ? ข้าไม่กล้าตั้งแล้ว...ดูจากท่าทางท่านเมื่อครู่ ข้าว่าท่านคงรักม้าพระราชทานพวกนี้มากกว่าผู้คนเสียอีก”


ชายหนุ่มคล้ายคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วกระซิบเบา ๆ “ชื่อม้าตัวนี้...ให้ชื่อว่า ‘เยวี่ยเหยียน’ ดีหรือไม่?”


“เยวี่ยเหยียน...เปลวเพลิงจันทร์?”


“เพราะมันเคลื่อนไหวเงียบดั่งรัตติกาล และดวงตานั้นเผาไหม้ดั่งแสงจันทร์ถูกกลืนโดยไฟ ไม่มีใครควบมันได้ หากจิตไม่มั่นคงพอ” เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตากลับทอดมองหญิงสาวบนหลังม้าเหมือนจะสื่อความนัยมากกว่าคำพูดนัก 


หลินหยาเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วก้มลงกระซิบชื่อใหม่ให้กับเจ้าม้าดำด้วยเสียงที่อ่อนโยนราวกับกล่อมเด็ก “เยวี่ยเหยียน…ต่อไปนี้เจ้าชื่อเยวี่ยเหยียนนะ” และทันทีที่เสียงเรียกนั้นหลุดจากปากเจ้าม้าดำก็สะบัดหางดังฟึ่บ เหยียบพื้นด้วยเสียงหนักแน่น แล้วเงยหน้าขึ้นพองจมูกส่งเสียงเบา ๆ ราวกับตอบรับ


จางกงกงยิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก…มันยอมรับชื่อจากเจ้า แสดงว่าเหมาะสมแล้ว”


“ข้าจะดูแลมันให้ดีเจ้าค่ะ” หลินหยาตอบเสียงหนักแน่น มือยังลูบแผงคอสีดำของเยวี่ยเหยียนพลางยิ้มหวาน “เหมือนที่ใครบางคน...เคยบอกว่าจะดูแลข้าอย่างไร ก็เช่นกัน” จางกงกงชะงักมองนาง ดวงตานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นจัดที่คล้ายกลั่นจากน้ำแข็งพันปี “เจ้ากำลังเปรียบเทียบตัวเองกับม้าหรือกับเปลวเพลิงในคืนจันทร์?”

 

หลินหยาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา...แล้วตอบเพียงคำเดียว “ก็ไม่รู้สิเจ้าคะ” จางกงกงยกยิ้มช้า ๆ ดวงตาทอแสงวาวแผ่วเหมือนคมมีดที่ส่องจากเงามืด...ไม่มีคำใดหลุดออกจากปากเขาอีก นอกจากสายตาที่ทอดมองนางอย่างลึกซึ้งราวกับจะจดจำคำพูดนั้นไว้ในห้องลับของใจ


เธอหันมายิ้มให้เขาอีกครั้งอย่างคนไม่คิดมาก ใบหน้าร่าเริงนั่นมีรอยยิ้มเจือซนเต็มสองแก้มอย่างเคย แม้ในอกยังเต้นแรงไม่หยุดเมื่อคิดถึงแววตาของเขายามเธอกล้าเอ่ยคำเปรียบเปรยเมื่อครู่ แต่จางกงกงกลับเงียบไปพักใหญ่ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำเบา “แล้วเจ้าจะตั้งชื่อให้ข้าบ้างไหม?”


หลินหยาชะงักตอนที่ได้ยินหญิงสาวนิ่งไป รอยยิ้มเลือนหายจากริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนเธอจะค่อย ๆ เอียงคอมองเขาด้วยดวงตากลมโต “...ตั้งชื่อให้ท่านหรือเจ้าคะ?” จางกงกงยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง แต่แววตาเย็นเฉียบของเขายังทอดมองนางอย่างไม่วาง "หากวันหนึ่ง...ข้าเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งในบ้านเจ้า ไม่ใช่ในฐานะผู้คุมเจ้าอย่างทุกวันนี้ แต่เป็นเพียงผู้ชายที่ติดตามเจ้าอย่างเงียบ ๆ เจ้า...จะตั้งชื่อให้ข้าว่าอะไร?" คำถามนั้น...อ่อนโยนผิดวิสัยของเขา


นางเงียบไปเพียงชั่วอึดใจ หลินหยากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน จู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง มือเล็กที่ถือบังเหียนม้ากระชับแน่นขึ้นพลางกระพริบตาปริบ ๆ 


เสียงลมยามเย็นพัดผ่านแผ่วเบา ขณะที่ร่างของหลินหยาเบี่ยงตัวลงจากหลังม้าอย่างเบาแรงแต่ยังไม่ทันเท้าจะแตะพื้น มือแกร่งคู่นั้นกลับยื่นมารองรับราวกับรอจังหวะนั้นอยู่แล้ว จางกงกงคว้าร่างของนางเข้าสู่อ้อมแขนได้อย่างมั่นคง ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้าหรือแรงสะเทือนใด ๆ ให้ม้ารู้สึก หลินหยาหลุบตามองมือของเขาที่ประคองตัวเธอไว้ด้วยความนุ่มนวลเกินกว่าจะเป็นชายผู้โหดเหี้ยมคนนั้น แล้วจึงเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบงัน สบตากับอีกฝ่าย...ดวงตาสีน้ำตาลมะพร้าวอ่อนนั้นสะท้อนภาพของผู้ชายที่ใคร ๆ ต่างหวาดหวั่น ยามนี้กลับไม่มีแม้แต่ไอควันของความเกลียดชังมีเพียงใจที่เต้นสั่น ๆ และความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่าเริ่มมาตั้งแต่เมื่อใด


มือเล็กข้างหนึ่งขยับแตะลงบนแก้มของเขา ลูบเบา ๆ ตามสันกรามแข็งแรง ราวกับกำลังปลอบโยนบางอย่างที่ซ่อนลึกไว้ในเงามืดของอดีต "ข้ารู้ว่าท่านชอบชื่อรองของท่านมากใช่ไหมเจ้าคะ..." เสียงของนางเบา ราวกับไม่ต้องการให้ลมได้ยิน "เพราะฮ่องเต้เป็นผู้พระราชทานตั้งให้?" จางกงกงไม่ตอบ แต่ดวงตาคมที่ไม่เคยเปิดเผยแก่ผู้ใดกลับลดแววอำมหิตลง เหลือเพียงความเงียบที่ขึงแน่นอยู่รอบตัวเขาและนาง ราวกับทั้งโลกกำลังรอฟังคำต่อไปจากปากของเด็กสาวในอ้อมแขนนั้น


“ห่าวหมิง…” หลินหยากล่าวต่อ ดวงหน้าอ่อนโยนแต่หนักแน่นเต็มไปด้วยความหมาย “ห่าว จากคำว่า ความยิ่งใหญ่ของมหาสมุทร หรือท้องฟ้าไร้ขอบเขต ไร้สิ้นสุด…หมิง จากคำว่า ผู้มีความรู้กว้างขวางและเฉลียวฉลาด… หรือผู้ที่มีความคิดกระจ่างแจ้ง ยิ่งใหญ่ และมองเห็นได้ลึกซึ้งกว่าผู้อื่น” เธอเงยหน้าขึ้นกระซิบอย่างมั่นคงราวกับผู้พิพากษาชะตาฟ้า “เป็นชื่อที่บ่งบอกถึงสติปัญญา ความสามารถในการเข้าใจโลกอย่างถ่องแท้และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าผู้ใดเป็นชื่อที่สูงส่ง…และคู่ควรกับท่าน”


สายลมหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วอึดใจ มือของชายหนุ่มยังคงประคองเธอไว้แน่น แต่กลับสั่นเล็กน้อย ราวกับได้ยินเสียงจากอดีตที่เขากดไว้ใต้จิตใจลึกสุด...เสียงกรีดร้องของครอบครัวที่เขาเกลียด เสียงเปลวเพลิงของบ้านเกิดที่แหลกสลาย…และชื่อจริงที่เขาทิ้งไปตั้งแต่เลือดเปื้อนมือเป็นครั้งแรก เขาเคยคิดว่าชื่อของเขาตายไปแล้ว เหลือเพียง “จางห่าวหมิง” หรือ “จางกงกง” ในเกมของราชสำนัก แต่ยามนี้...เสียงของเด็กสาวตรงหน้า กลับทำให้ชื่อรองนั้นฟังดู...มีความหมายขึ้นมาอย่างประหลาด


และหลินหยากล่าวต่อด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบชื่อท่านเจ้าค่ะ...ชอบท่านทุกอย่างนั้นแหละ...” คำพูดนั้นทิ่มแทงเขาแรงกว่าดาบใด ๆ ที่เคยเจอในชีวิต 


จางกงกงเงียบไป ดวงตาสะท้อนภาพนางอย่างแน่นิ่ง ราวกับจ้องมองเพชรแท้ที่เขาไม่มีสิทธิ์แตะต้อง มือของเขาที่รองรับร่างเล็กไว้กลับแน่นขึ้นในเสี้ยววินาทีไม่ใช่เพราะแรง แต่มันคือความลังเล ความกลัวจะปล่อยเธอลงแล้วอีกฝ่ายจะจากไปไม่หันกลับมาอีก “เสี่ยวหยา…” เขาเรียกชื่อเธอเบา ๆ เสียงนั้นเกือบสั่น “…เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า คำพูดง่าย ๆ พวกนั้น...อันตรายแค่ไหน”


แต่เธอกลับยิ้ม พลางกระซิบตอบทั้งที่หัวใจเต้นแรงจนแทบแตก “ข้ารู้เจ้าค่ะ...และข้ายังกล้าพูดมันออกมาอยู่ดีใช่ไหมเจ้าคะ” ความเงียบปกคลุมทั่วสนามหญ้าด้านนอกตำหนัก ท้องฟ้ายามเย็นมีสีส้มสลับม่วงดุจผ้าไหมที่ฟ้าทอขึ้นมาใหม่ ร่างทั้งสองยืนเคียงกัน มือที่เคยใช้ฆ่า…กลับกำลังโอบกอดชีวิตเดียวที่เขาอยากรักษาไว้ ในอ้อมแขนนั้น เด็กสาวผู้มีหัวใจกล้าหาญเกินวัย ยังคงยิ้มให้เขาอย่างบริสุทธิ์ ไม่หวั่นเกรงแม้สายตาโหดร้ายของปีศาจเบื้องหน้าจะเปลี่ยนเป็นแววตา...ของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังจะหลงรักใครจนถอนตัวไม่ขึ้น




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: มาหวาน เขิน จุงเบยยย


ตั้งชื่อให้สัตว์เลี้ยง
Level ผู้ตั้งชื่อให้ 100
ใช้ตบะ 200 หน่วย : +20 Level ทันที
(หากเป็นสัตว์ป่าธรรมดา เมื่อได้รับพิธีตั้งชื่อ สัตว์ป่าธรรมดาจะวิวัฒนาการเป็น ปีศาจ ทันที)


รางวัล: คุยกับจางกงกงแบบเสมอต้นเสมอปลาย [NPC-11] จางกงกง

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 52731 ไบต์และได้รับ 40 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-27 19:31
โพสต์ 52,731 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-27 19:31
โพสต์ 52,731 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-27 19:31
โพสต์ 52,731 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-27 19:31
โพสต์ 52,731 ไบต์และได้รับ +35 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-27 19:31

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1ตบะฝึกฝน -200 ย่อ เหตุผล
Watcher -200

ดูบันทึกคะแนน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-9-21 22:28:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XueXi เมื่อ 2025-9-22 18:19

วันที่ 21 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 16.30 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

สวนจื่อเถิงเงียบสงบในยามเย็น ลมเอื่อยพัดกลีบดอกไม้สีม่วงครามให้ปลิวไสวอย่างช้า ๆ กลิ่นหอมบางเบาของเถาวัลย์ลอยคลอเคลียในอากาศ ศาลาสี่เหลี่ยมกลางสวนราวกับสถานที่ซ่อนเร้นสำหรับผู้ที่ปรารถนาจะหลบหนีจากโลกภายนอก เสวี่ยซีเดินเข้าไปในศาลาด้วยก้าวเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมองเถาวัลย์ที่เลื้อยพันเสาไม้และแปลงดอกไม้ที่อยู่รอบด้าน เขายกมือป้องปากหาวเบา ๆ คล้ายเพิ่งตื่นจากการงีบสั้น ๆ แต่เมื่อสายตาเหลือบเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงมุมศาลา เขาก็ชะงักเล็กน้อย

ชายหนุ่มคนนั้นนั่งหลังตรง สายตาเหม่อมองบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่อยู่กลางสวน แสงแดดลอดผ่านซุ้มไม้ร่วงหล่นบนบ่าของเขาเป็นลวดลายสวยงาม ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม ไม่ได้มีร่องรอยยิ้มใด ๆ

“ข้านึกว่าศาลาว่างอยู่” เสวี่ยซียิ้มบาง ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ชายหนุ่มหันมามอง เขามีดวงตาคมเข้มที่ทำให้เสวี่ยซีรู้สึกเหมือนถูกอ่านใจในทันที แต่เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไร”

เสวี่ยซีโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้ไล่ เขาจึงเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม วางตะกร้าใบเล็กลงบนโต๊ะไม้ “อากาศดีนะขอรับวันนี้ ดอกจื่อเถิงออกดอกพร้อมกันหมดเลย”

“อืม” ห่าวหมิงตอบเพียงสั้น ๆ น้ำเสียงเรียบง่าย

เสวี่ยซียิ้มแหยเล็กน้อย เขาไม่คุ้นกับคนพูดน้อยนัก แต่ก็ไม่ได้ถอยหนี “ข้าชื่อซีซี เพิ่งมีเวลาว่างเลยออกมาเดินเล่น ท่านมาที่นี่บ่อยหรือไม่?”

“บางครั้ง”

คำตอบยังสั้น แต่เสวี่ยซีสังเกตเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายไม่ได้เย็นชา กลับเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ที่พูดยากออกมา เขาจึงไม่ยอมแพ้ ยังคงชวนคุยต่อ “งั้นท่านคงรู้ดีว่าสวนนี้เงียบสงบมาก”

คราวนี้ห่าวหมิงเงียบไปเล็กน้อย ก่อนตอบ “ก็ประมาณนั้น”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ อย่างดีใจที่อีกฝ่ายยอมพูดยาวขึ้นนิดหนึ่ง “ข้ากลัวว่าจะรบกวนเวลาอยู่คนเดียวของท่านเสียอีก”

“ไม่รบกวน”


เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป เสวี่ยซีเปิดตะกร้าเล็ก ๆ ที่นำติดตัวมา ข้างในมีขนมบัวหิมะสีขาวนวลเรียงรายอย่างประณีต และขวดสุราเบญจมาศเล็ก ๆ “ข้าซื้อขนมมาจากตลาดข้างนอก ลองชิมหน่อยไหม?”

ห่าวหมิงเลิกคิ้วเล็กน้อยราวกับไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำชวนแบบนี้ “ย่อมได้”

“อ่า” เสวี่ยซีกล่าวพลางหยิบจานเล็กที่เตรียมมา จัดขนมอย่างเรียบร้อยแล้วยื่นให้

ห่าวหมิงรับจานมาอย่างระมัดระวัง เหมือนกลัวจะทำให้ของที่อีกฝ่ายตั้งใจเตรียมมาชำรุด เขามองขนมครู่หนึ่งก่อนจะลองกัดคำเล็ก ๆ

“รสชาติเป็นอย่างไร” เสวี่ยซีถามตาเป็นประกาย

“หวานแต่ไม่เลี่ยน” ห่าวหมิงตอบหลังเคี้ยวเสร็จ สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นนิดหน่อย

“ใช่ไหมล่ะ! ข้าชอบเพราะมันไม่หวานจนเกินไป” เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ แล้วรินสุราเบญจมาศใส่ถ้วยเล็ก “ดื่มด้วยกันสักหน่อยเถิด สุรานี้หอมมากไม่แรงจนเวียนหัวหรอก”

ห่าวหมิงรับถ้วยมา ยกดื่มเพียงอึกเดียว กลิ่นหอมของดอกเบญจมาศลอยอวลอยู่ในลมหายใจ เขาวางถ้วยลงแล้วพยักหน้า “ก็ดี”

“ข้าดีใจที่ท่านชอบ” เสวี่ยซียิ้ม ดวงตาสีอำพันเป็นประกายสดใส

ลมเย็นพัดผ่านศาลาอีกครั้ง กลีบดอกจื่อเถิงร่วงลงมา เสวี่ยซียื่นมือไปรับดอกหนึ่งแล้วหมุนเล่นในมือ “ข้าชอบดอกไม้นี้มาก สีมันทำให้รู้สึกสงบ”

ห่าวหมิงมองมือเรียวที่ถือกลีบดอกไม้ สายตานุ่มนวลลงโดยไม่รู้ตัว “อ่อเหรอ”

การสนทนาดำเนินไปเรื่อย ๆ จากเรื่องดอกไม้ กลายเป็นเรื่องตลาด เรื่องขนมร้านโปรด เสวี่ยซีเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยน้ำเสียงสดใสจนแม้แต่ห่าวหมิงที่พูดน้อยก็เริ่มพูดตอบบ้าง แม้จะยังเป็นคำสั้น ๆ



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-9-23 21:41
โพสต์ 12991 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-21 22:28
โพสต์ 12,991 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-21 22:28
โพสต์ 12,991 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-21 22:28
โพสต์ 12,991 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-21 22:28
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-22 18:29:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 22 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 16.30 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

สวนจื่อเถิงยังคงเงียบงามเช่นเคย ลมเย็นของยามสายพัดเอื่อย กลีบดอกสีม่วงครามร่วงหล่นลงบนทางเดินเหมือนหิมะบาง ๆ เสวี่ยซีเดินเข้ามาในสวนด้วยก้าวที่คุ้นเคยมากขึ้น เขามีตะกร้าใบเล็กในมือเช่นเดิม แต่คราวนี้ข้างในมีเพียงผลไม้สดกับขวดน้ำชา

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอใครในวันนี้ แต่เมื่อเดินมาถึงศาลากลางสวน สายตาก็พบร่างสูงคุ้นตานั่งอยู่ที่มุมเดิม ร่างนั้นสงบนิ่งเหมือนเมื่อวาน ดวงตายังคงมองไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิด

เสวี่ยซีหยุดอยู่ตรงทางเข้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินขึ้นศาลาอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้รบกวนความสงบของอีกฝ่าย

“เจอกันอีกแล้วนะ….” เสวี่ยซีเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง น้ำเสียงไม่ได้ดังจนเกินไป “ว่าท่านชื่ออะไรรึ”

ชายหนุ่มขยับหันมามอง สายตาสงบนิ่งเช่นเดิม ก่อนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย “อืม ห่าวหมิง”

เสวี่ยซีนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างไม่รีบร้อน วางตะกร้าไว้ข้างตัว วันนี้เขาไม่ได้หยิบขนมหรือสุราออกมา เพียงหยิบผลไม้สดหนึ่งลูกมาปอกเปลือกช้า ๆ เสียงมีดกรีดผิวผลไม้ดังเบา ๆ คล้ายเป็นเสียงเดียวที่มีชีวิตในศาลา

“เมื่อวาน ข้ากลับไปแล้วคิดได้ว่าข้าอาจพูดมากไปหน่อย” เสวี่ยซีเอ่ยขึ้นพลางยิ้มบาง “เจ้าไม่ชอบให้คนชวนคุยเยอะ ๆ ใช่หรือไม่”

“ไม่” ห่าวหมิงตอบสั้น ดวงตายังคงนิ่ง แต่สายตาไม่ได้ดูหงุดหงิด

“งั้นก็ดี” เสวี่ยซีหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ข้ากลัวว่าจะรบกวนความเงียบที่เจ้าชอบเสียแล้ว”

คราวนี้ห่าวหมิงไม่ได้ตอบอะไร แต่สายตาที่มองมายังเสวี่ยซีดูไม่แข็งกระด้างเหมือนเมื่อวาน เสวี่ยซีสังเกตได้จึงไม่ได้พยายามพูดมากเกินไป เขาปอกผลไม้จนเสร็จ หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะเลื่อนจานไปกลางโต๊ะ

“หากเจ้าหิวก็กินได้ตามสบาย ข้าแบ่งไว้เผื่อ”

ห่าวหมิงเหลือบมองผลไม้เพียงครู่ ก่อนพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้หยิบกินทันที

“ข้าชอบสวนนี้มากขึ้นทุกที” เสวี่ยซีกล่าวพลางวางมีดลง “เมื่อก่อนข้าไม่ค่อยออกมาข้างนอกเท่าไร เพราะที่หอก็มีงานให้ทำไม่ขาด แต่ช่วงนี้ข้าอยากหาที่สงบ ๆ ให้ใจสบาย เลยมักจะออกมาเดินเล่น”

ชายหนุ่มเพียงฟังเงียบ ๆ ไม่ได้ขัดจังหวะ

“เจ้าอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้หรือ?” เสวี่ยซีถามต่อ แต่เสียงไม่เร่งเร้า

“ใกล้”

“อ้อ อย่างนั้นเอง” เสวี่ยซีพยักหน้า ไม่ซักไซ้อะไรต่อให้เกินจำเป็น “ที่จริงข้าไม่ได้อยู่แถวนี้สักเท่าไร แต่เพราะคนรักของข้าแนะนำให้มาลองเดินเล่นที่นี่ บอกว่าดอกจื่อเถิงกำลังสวยที่สุด ข้าเลยลองมาดู”

คราวนี้ห่าวหมิงขยับสายตามองเขานิ่ง ๆ ชั่วครู่เหมือนเพิ่งใส่ใจคำพูดนั้น ก่อนหันกลับมองบ่อน้ำตามเดิม

“เจ้ามีคนรักแล้ว” น้ำเสียงเขาไม่ได้ถาม แต่เหมือนทวนสิ่งที่ได้ยิน

“ใช่” เสวี่ยซีตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้าเลยไม่ได้ออกมาเพื่อหาความสนุกอะไรหรอก แค่อยากพักใจบ้าง”

ศาลากลับมาเงียบไปชั่วขณะ เสียงลมพัดลอดช่องไม้ดังอู้ ๆ

เสวี่ยซีไม่เร่งบทสนทนาอีก ปล่อยให้ความเงียบดำเนินไปตามธรรมชาติ จนกระทั่งห่าวหมิงเอื้อมมือหยิบผลไม้ชิ้นหนึ่งจากจานขึ้นมากินอย่างเงียบ ๆ

“หวาน” ชายหนุ่มเอ่ยเพียงคำเดียว

“ดีแล้วที่เจ้าไม่รังเกียจ” เสวี่ยซียิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหยิบชิ้นหนึ่งมากินเองบ้าง

หลังจากนั้นการสนทนาจึงค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่ได้ยาว แต่ก็ไม่ขาดหายจนรู้สึกอึดอัด เสวี่ยซีเล่าถึงตลาดที่เขาไปเมื่อเช้า ว่ามีร้านขายชาเปิดใหม่ และมีคนขายดอกไม้ที่ร้องเพลงเพราะ ห่าวหมิงเพียงฟังเงียบ ๆ บางครั้งจึงพยักหน้าหรือเอ่ยคำตอบสั้น ๆ

เวลาผ่านไปจนเงาไม้ยาวขึ้น เสวี่ยซีลุกขึ้นเก็บตะกร้าเตรียมจะกลับ “ขนมบัวหิมะกับสุราเบญจมาศ รับไว้สิ ข้าไปก่อน” วางของไว้

ห่าวหมิงพยักหน้าเงียบ ๆ

เสวี่ยซีหันไปมองอีกครั้งก่อนจะก้าวลงจากศาลา “ถ้าเจ้าไม่รำคาญ ข้าอาจจะมาอีกในวันถัด ๆ ไป”

ห่าวหมิงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงมองเขานิ่ง ๆ แววตาอ่านยาก

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ “งั้นถือว่าข้าบอกไว้ก็แล้วกัน”

เขาก้าวเดินออกจากสวน ปล่อยให้ศาลากลับคืนสู่ความเงียบดังเดิม



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมบัวหิมะ)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม

มีโพสต์ด้านบนที่ยังรอตรวจ

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 75 โพสต์ 2025-9-23 21:41
โพสต์ 15368 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-22 18:29
โพสต์ 15,368 ไบต์และได้รับ +2 EXP +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-22 18:29
โพสต์ 15,368 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-22 18:29
โพสต์ 15,368 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-22 18:29
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-24 02:21:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 23 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 16.30 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

ลมพัดกลีบดอกจื่อเถิงที่ยังคงผลิบานให้พลิ้วลงมาเป็นสายเหมือนม่านม่วงอ่อน ๆ ปกคลุมทางเดิน เสวี่ยซีเดินเข้ามาในสวนด้วยก้าวเท้าเบาเช่นเคย วันนี้เขามีตะกร้าเล็กในมือเช่นเดิม แต่ภายในไม่ได้มีผลไม้หรือขนมอย่างวันก่อน หากแต่มีขนมไหมฟ้าที่เพิ่งได้มาจากร้านดังในตลาด กับสุราเบญจมาศขวดหนึ่งที่เขาตั้งใจนำมาเป็นของฝาก

เขาไม่ได้คิดนักว่าจะเจอใคร แต่พอเดินขึ้นศาลา ดวงตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงมุมอย่างสงบนิ่งเช่นทุกครั้ง ห่าวหมิงยังคงนั่งเหมือนรูปสลัก ดวงตาสายมองออกไปยังบ่อน้ำเบื้องหน้า

เสวี่ยซีหยุดยืนครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปใกล้ เอ่ยเสียงนุ่ม “เจ้ามาก่อนอีกแล้วนะห่าวหมิง”

ชายหนุ่มเงยหน้ามองเพียงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “อืม”

เสวี่ยซีหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ไม่ได้คาดหวังคำพูดยืดยาวจากอีกฝ่าย เขานั่งลงฝั่งตรงข้าม วางตะกร้าไว้ข้างตัวแล้วทอดสายตามองเถาวัลย์รอบศาลา กลีบที่ร่วงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นทำให้บรรยากาศดูราวกับโลกในความฝัน

“ที่นี่เงียบจริง ๆ” เสวี่ยซีเอ่ยขึ้น พลางเอนหลังพิงเสาไม้ “บางทีเงียบเกินไปจนทำให้คิดอะไรที่ไม่อยากคิด”

ห่าวหมิงเหลือบตามองเขา “เจ้ามีเรื่องกังวล”

“ก็ไม่เชิงหรอก” เสวี่ยซีส่ายหน้าช้า ๆ “เพียงแต่บางครั้งเงียบเกินไป ข้าก็นึกถึงอดีต ทั้งที่อยากลืมมัน”

คราวนี้ห่าวหมิงไม่ถามต่อ เพียงฟังอย่างเงียบ ๆ เสวี่ยซีจึงพูดเพียงเท่านั้น ไม่ได้เล่าให้ลึกกว่าเดิม เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนชอบถาม

เพื่อไม่ให้บรรยากาศหนักเกินไป เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าชอบอ่านตำราหรือไม่”

ห่าวหมิงนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบ “บางเล่ม”

“อ๋อ งั้นเจ้าคงเลือกอ่านเฉพาะที่สนใจ” เสวี่ยซียิ้มบาง “ข้าเองไม่ใช่คนเก่งเรื่องอักษรนักหรอก อ่านได้บ้างแต่ก็ไม่ลึกซึ้ง แต่ชอบฟังผู้อื่นเล่า”

ห่าวหมิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร เสวี่ยซีไม่เร่ง จึงนั่งเงียบเคียงกัน ปล่อยให้เสียงลมและเสียงน้ำจากบ่อน้ำกลางสวนเป็นผู้พูดแทน

เวลาผ่านไป เสวี่ยซีหยิบถุงห่อเล็ก ๆ ออกจากตะกร้า เปิดออกเผยให้เห็นขนมไหมฟ้าสีขาวนวลที่ถูกจัดเรียงเป็นชิ้นเล็ก ๆ “นี่ ข้าซื้อมาจากร้านที่ผู้คนบอกว่าอร่อยที่สุดในย่านตะวันออก ข้าไม่รู้ว่าจริงหรือไม่หรอก แต่เห็นคนต่อคิวยาวนักเลยลองซื้อมาดู”

ห่าวหมิงก้มตามอง แต่ยังคงนั่งเฉย

“ไม่ต้องรีบชิมก็ได้” เสวี่ยซีกล่าวพลางหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเจ้าไม่ชอบหวาน ข้าก็จะฝากไว้ให้เจ้ากินทีหลัง”

เขาวางขนมลงบนโต๊ะอย่างเบามือ แล้วหยิบขวดสุราเบญจมาศตามออกมา วางข้าง ๆ กัน “นี่ด้วย สุราขวดเล็ก กลิ่นหอมดอกไม้ ไม่แรงมากนัก เผื่อเจ้ามีอารมณ์ดื่ม”

ห่าวหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนกำลังคิด ก่อนพยักหน้าเพียงเบา ๆ มือใหญ่เอื้อมไปรับทั้งสองสิ่งมาเก็บไว้ข้างตัว

“ขอบคุณ” คำพูดสั้น ๆ หลุดออกมา น้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม แต่เสวี่ยซีได้ยินแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย

“ดีแล้วที่ท่านยอมรับไว้ อย่างน้อยจะได้ไม่เสียแรงที่ข้าหอบมาถึงนี่”

ศาลากลับสู่ความเงียบอีกครั้ง แต่คราวนี้ความเงียบไม่ทำให้เสวี่ยซีอึดอัด เขานั่งทอดสายตาออกไปยังเงาน้ำที่สะท้อนสีม่วงครามของดอกจื่อเถิง แล้วพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง “บางครั้งการนั่งเฉย ๆ ไม่พูดอะไรก็ดีเหมือนกัน”

ห่าวหมิงหันมามองเขาเล็กน้อย ไม่ได้ตอบ แต่สายตาไม่ได้แข็งกร้าว กลับดูเหมือนเห็นด้วยในเงียบ ๆ

เมื่อดวงอาทิตย์คล้อยต่ำ เสวี่ยซีลุกขึ้นเก็บตะกร้า หันไปบอกด้วยน้ำเสียงนุ่ม “วันนี้ข้าคงต้องกลับก่อน ไว้เจอกันคราวหน้า”

ห่าวหมิงพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดเพิ่มเติม

เสวี่ยซีโบกมือลาเบา ๆ ก่อนก้าวลงจากศาลา เสียงฝีเท้าลดเลือนไปตามทางเดินที่ปกคลุมด้วยกลีบดอกจื่อเถิง ทิ้งไว้เพียงร่างสูงที่นั่งนิ่งพร้อมห่อขนมไหมฟ้าและสุราเบญจมาศวางอยู่ข้างตัว



✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ สุราเบญจมาศ
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม


แสดงความคิดเห็น

หัวใจกับจางกงกงตันสองดวงแล้ว  โพสต์ 2025-9-24 08:57
คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 50 โพสต์ 2025-9-24 08:57
โพสต์ 13852 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-24 02:21
โพสต์ 13,852 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก พิมพ์นิยม  โพสต์ 2025-9-24 02:21
โพสต์ 13,852 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-24 02:21
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-25 22:22:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 25 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 16.30 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

ศาลาทรงสี่เหลี่ยมกลางสวนจื่อเถิงนั้นตั้งอยู่ท่ามกลางเถาวัลย์สีม่วงครามที่ทอดเลื้อยพันเสาไม้เก่าแก่ กลีบดอกจื่อเถิงพลิ้วไหวลงมาตามสายลม เสมือนม่านบางเบาที่โอบล้อมผู้มาเยือนให้หลงเข้าไปอยู่ในโลกอีกมิติหนึ่ง แสงแดดยามสายลอดผ่านกลีบดอกไม้แตกกระจายเป็นประกายจาง ๆ เสียงจิ้งหรีดและนกน้อยร้องคลออยู่เบื้องหลัง

ในศาลามีเพียงสองเงาร่างที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันบนม้านั่งไม้เรียบง่าย ร่างหนึ่งคือเสวี่ยซี บุรุษผิวขาวราวหยก อ่อนหวานทั้งกิริยาวาจา อีกฝ่ายคือห่าวหมิง บุรุษหนุ่มผู้เงียบขรึม สีหน้าสงบเหมือนสายน้ำที่ไม่เผยความลึกตื้น

เสวี่ยซีวางกล่องเล็ก ๆ ไว้ข้างตัว กวาดตามองรอบ ๆ สวนจื่อเถิงด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนเอ่ยขึ้นเป็นฝ่ายแรก น้ำเสียงอ่อนโยนราวสายลมเช้า “สถานที่แห่งนี้เงียบสงบจริง ๆ ราวกับหลุดออกมาจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่… ข้ามาที่นี่หลายครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะงดงามกว่าที่เคย”

ห่าวหมิงเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “เพราะเจ้ามองด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม”

คำตอบนั้นทำให้เสวี่ยซีชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ท่านพูดได้ลึกซึ้งนัก ข้ายอมรับว่าข้าเป็นคนที่เชื่ออะไรง่าย ๆ บางครั้งก็เผลอมองสิ่งรอบตัวเพียงผิวเผิน หากไม่มีผู้ชี้แนะก็มักจะมองข้ามความหมายบางอย่างไป”

ห่าวหมิงไม่พูดต่อทันที เขาเพียงจ้องไปยังดอกจื่อเถิงที่แกว่งไกว ก่อนจึงกล่าวช้า ๆ “ไม่จำเป็นต้องมองลึกเสมอไปหรอก การเห็นสิ่งสวยงามตรงหน้าอย่างที่มันเป็น ก็นับว่าเพียงพอแล้ว”

เสวี่ยซีเงียบไปครู่หนึ่ง รับฟังด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาพยักหน้าช้า ๆ แล้วหันไปสบตาอีกฝ่าย “ท่านห่าวหมิง…ข้าเพิ่งรู้จักท่านไม่นาน แต่รู้สึกว่าท่านเป็นคนที่เข้าใจโลกดีนัก ราวกับผ่านอะไรมามากมาย”

ห่าวหมิงไม่ตอบตรง ๆ เพียงยกถ้วยชาเบื้องหน้าขึ้นจิบเล็กน้อย สีหน้าไม่แสดงความยินดียินร้าย เสวี่ยซีจึงถอนหายใจเบา ๆ แต่ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองที่อีกฝ่ายไม่เปิดปาก

ความเงียบในศาลาไม่ได้อึดอัด หากแต่เป็นความเงียบที่ทำให้เสียงธรรมชาติรอบกายชัดเจนขึ้น ลมพัดผ่าน เสียงใบไม้เสียดสีกันดังซู่ซ่า ราวกับคอยเติมเต็มบทสนทนาที่ขาดหาย

สักพักเสวี่ยซีเอียงศีรษะเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความจริงใจ “เชื่อในโชคชะตาหรือไม่?”

ห่าวหมิงวางถ้วยชาลง คิ้วขยับเพียงเล็กน้อย เขาครุ่นคิดก่อนตอบ “บางสิ่งเราเลือกได้ บางสิ่งเลือกไม่ได้ หากเจ้าจะเรียกสิ่งที่เลือกไม่ได้ว่าโชคชะตา…ก็ใช่ ข้าเชื่อ”

คำตอบนั้นเรียบง่ายแต่ชัดเจน เสวี่ยซีมองอีกฝ่ายนิ่งไปชั่วครู่ ดวงตาสีอำพันคล้ายกำลังเก็บงำความคิดไว้มากมาย แต่ไม่ได้เอ่ยแสดงออกมา เขาเพียงพยักหน้ารับช้า ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว แม้ข้าจะยังไม่เข้าใจโลกนัก แต่บางที…การได้ฟังเช่นนี้ก็ทำให้ใจข้าสงบขึ้น”

เวลาล่วงไปจนแสงแดดเอียงคล้อย กลีบดอกจื่อเถิงเริ่มร่วงมากขึ้นเป็นพิเศษ ปกคลุมพื้นราวกับผืนพรมสีม่วงคราม เสวี่ยซีเหลือบมองท้องฟ้าแล้วเอ่ยขึ้น “เวลาผ่านไปเร็วนัก ข้าคงต้องกลับแล้ว”

เขาค่อย ๆ หยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากกล่องที่วางไว้ เปิดเผยให้เห็นขนมไหมฟ้าเนื้อนุ่มและขวดน้ำเต้าหู้ที่ห่ออย่างเรียบง่าย เสวี่ยซียื่นไปทางห่าวหมิง รอยยิ้มยังคงละมุน “นี่เป็นของที่ข้าทำไว้เองเล็กน้อย ข้าอยากมอบให้ท่านเก็บไว้ เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย…แต่เป็นน้ำใจจากข้า”

ห่าวหมิงมองสิ่งที่ยื่นมา เงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะยื่นมือรับโดยไม่พูดอะไรมากนัก เพียงเอ่ยเบา ๆ “ขอบคุณ”

เสวี่ยซีพยักหน้าอย่างยินดี ดวงตาเปล่งประกายอ่อนหวาน “ข้าหวังว่าท่านจะชอบ ถึงแม้จะธรรมดาไปหน่อยก็ตาม”

ห่าวหมิงไม่ได้เอ่ยชม แต่สายตาที่ทอดมองแสดงออกชัดว่ารับรู้ถึงความจริงใจ เสวี่ยซีจึงยิ้มอีกครั้ง ก่อนก้าวออกจากศาลาอย่างสง่างาม ท่ามกลางม่านดอกจื่อเถิงที่ปลิวไสว

และในความเงียบนั้น ห่าวหมิงยังคงยืนมองเงาหลังของเสวี่ยซีที่ค่อย ๆ ลับหายไป แววตาไม่บ่งบอกอารมณ์ หากแต่ลึก ๆ กลับมีประกายบางอย่างที่ไม่อาจตีความได้แน่ชัด


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-11] จางกงกง
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +20 ความสัมพันธ์ ขนมว่างเกรดทอง (ขนมไหมฟ้า)
✎ +15 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง ได้โบนัส +5 เพิ่ม
✎ ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน



แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-11] จางกงกง เพิ่มขึ้น 95 โพสต์ 2025-9-25 23:23
โพสต์ 14184 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-25 22:22
โพสต์ 14,184 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +5 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-25 22:22
โพสต์ 14,184 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-25 22:22
โพสต์ 14,184 ไบต์และได้รับ +4 EXP +4 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-25 22:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
โพสต์ 2025-9-26 21:02:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 26 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามเซิน เวลา 16.30 - 17.00 น.
╰┈➤ พบเจอจางกงกง

สวนจื่อเถิงยามบ่ายวันนี้คล้ายจะงดงามกว่าวันวาน ดอกเถาวัลย์สีม่วงครามยังคงร่วงหล่นเป็นม่านบาง ๆ ราวสายฝนโปรยปราย เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ใหญ่ดังแผ่วเบา เงาแดดทอดลงบนพื้นศาลาทรงสี่เหลี่ยมกลางสวน ดูสงบเสมือนหยุดเวลา

เสวี่ยซีก้าวเข้ามาในศาลาด้วยจังหวะก้าวเบา ๆ วันนี้เขามาในเวลาเดิมดังเช่นเมื่อวาน ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มบาง แม้ในแววตาจะมีแววครุ่นคิดซ่อนอยู่ ร่างบอบบางประหนึ่งกลีบบุปผาเดินตรงไปยังม้านั่งไม้ด้านใน และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบร่างของห่าวหมิงที่มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ท่านห่าวหมิง” เสียงของเสวี่ยซีดังขึ้นอย่างอ่อนหวาน ดวงตาสีอำพันส่องประกายยามสบตา “ข้าดีใจที่ท่านมาอีกครั้ง”

ห่าวหมิงหันตามเสียง เขาเพียงพยักหน้าช้า ๆ ไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำมากนัก สายตาเยือกเย็นดุจสายน้ำ แต่กลับทำให้เสวี่ยซีรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาด

ทั้งสองนั่งลงเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังฟังเสียงธรรมชาติรอบกายแทนการสนทนา จนกระทั่งเสวี่ยซีเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน “เมื่อวานก่อน ข้าต้องขอบคุณท่านอีกครั้ง ที่พาไปเลือกปิ่นปักผม”

เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สีหน้าปรากฏรอยยิ้มเจือความประหม่า “คนรักของข้า เขาชอบมากนัก ตอนที่ข้าปักลงบนเส้นผมของข้าให้เขาดู แววตาที่เขามองข้าเต็มไปด้วยความยินดี ข้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี”

เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเสวี่ยซี สีหน้าขาวผ่องขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาสีอำพันเปล่งประกายประหนึ่งเด็กที่กำลังเล่าเรื่องราวอันล้ำค่าให้สหายฟัง

ห่าวหมิงนิ่งเงียบ ฟังโดยไม่แทรกเขามองเสวี่ยซีอย่างพินิจราวกับต้องการอ่านความจริงใจที่ซ่อนอยู่ในถ้อยคำ จนเมื่ออีกฝ่ายเงียบลง เขาจึงเอ่ยถามเสียงเรียบ “เจ้ากล่าวว่า…คนรัก ข้าเคยคิดว่าคงเป็นสตรี แต่จากที่ฟังดู…มิใช่กระนั้นหรือ?”

เสวี่ยซีชะงักไป ดวงตากะพริบเล็กน้อย ริมฝีปากเผยอเหมือนจะปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุดกลับยิ้มบาง ราวกับไม่อาจปกปิดความจริงได้อีก “ใช่แล้ว คนรักของข้ามิใช่สตรี หากเป็นบุรุษเช่นกัน”

คำตอบนั้นโปรยลงกลางบรรยากาศสงบเงียบ ราวกับก้อนหินตกลงในสระน้ำ ห่าวหมิงเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความแปลกใจมากนัก เขาเพียงสบตาเสวี่ยซีอย่างตรงไปตรงมา “ข้าเข้าใจแล้ว”

เสวี่ยซีรีบก้มหน้าลง ราวกับหวั่นว่าคำพูดนี้จะทำให้อีกฝ่ายรังเกียจ เสียงของเขาแผ่วเบาแต่ยังคงหวานนุ่ม “ข้า…กลัวว่าท่านจะมองข้าแปลกไป”

ห่าวหมิงส่ายศีรษะเล็กน้อย “ผู้คนมีสิทธิ์เลือกผู้ที่ตนรัก ข้าไม่ใช่ผู้ที่จะตัดสินว่าถูกหรือผิด” น้ำเสียงนั้นหนักแน่นและมั่นคง ทำให้เสวี่ยซีเงยหน้าขึ้นช้า ๆ

ดวงตาสีอำพันพลันสั่นไหวเล็กน้อย ความโล่งอกแล่นผ่านใจ เสวี่ยซีจึงเอ่ยต่อเบา ๆ “ข้าอยากทำทุกอย่างเพื่อให้เขาประทับใจ ข้ากลัวว่า…สักวันเขาอาจจะหันหลังให้ แต่เมื่อวาน ข้าได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความชอบใจ ข้าจึงรู้สึกว่าความพยายามเล็กน้อยของข้ามิได้สูญเปล่า”

ห่าวหมิงมองเขาอย่างพิจารณา แววตาเยือกเย็นคล้ายจะมองลึกเข้าไปถึงหัวใจที่เปราะบาง เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่จริงจัง “หากเจ้ามอบความจริงใจต่อเขา คนผู้นั้นย่อมสัมผัสได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลจนเกินไป”

เสวี่ยซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มละมุน ดวงตาฉายแววอ่อนโยน “ข้าอาจเป็นคนที่ใสซื่อไปหน่อย คิดอะไรตรงไปตรงมา แต่เมื่อได้ฟังถ้อยคำของท่านก็เหมือนมีแสงสว่างส่องนำทาง”

ห่าวหมิงไม่ได้ตอบ แต่หันสายตาออกไปมองกลีบดอกจื่อเถิงที่ร่วงหล่น เสมือนใช้ความเงียบเป็นคำพูดแทน

ทั้งสองสนทนากันต่ออีกเล็กน้อย เรื่องราววนเวียนอยู่กับธรรมชาติรอบตัว เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน และบางครั้งเสวี่ยซีก็หัวเราะคิกคักคล้ายเด็กน้อย ขณะที่ห่าวหมิงยังคงพูดน้อยเช่นเดิม แต่ความเงียบของเขากลับไม่ทำให้อึดอัด หากเป็นเสมือนร่มเงาที่คอยโอบอุ้ม

เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรง เสวี่ยซีจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “เวลาผ่านไปเร็วนัก ข้าคงต้องกลับแล้ว”

เขาค่อย ๆ ล้วงห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากตะกร้าที่นำติดมือมา คลี่ออกเผยให้เห็น น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีนจัดวางเรียงอย่างประณีตในถ้วย พร้อมขวดเล็กบรรจุ น้ำเต้าหู้ ที่ห่ออย่างเรียบง่าย เสวี่ยซียื่นไปตรงหน้าห่าวหมิงด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “นี่เป็นสิ่งเล็กน้อยที่ข้าทำขึ้นมาเอง ข้าอยากมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณ”

ห่าวหมิงรับไว้เงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยถ้อยคำมากนัก แต่แววตาที่มองเสวี่ยซีกลับฉายแววบางอย่างคล้ายยอมรับในความจริงใจนั้น

เสวี่ยซียกมือประนมเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย “ข้าหวังว่าท่านจะชอบ”

แล้วเขาก็ก้าวถอยออกไปอย่างสง่างาม ร่างบอบบางค่อย ๆ ลับหายไปท่ามกลางม่านเถาวัลย์สีม่วงครามที่ปลิวสะบัด ขณะที่ห่าวหมิงยังคงนั่งนิ่งในศาลา จ้องมองสิ่งที่เพิ่งได้รับ แววตาลึกล้ำราวกับมีความคิดบางอย่างซ่อนอยู่


✎ +5 ความสัมพันธ์สนทนาทั่วไป [NPC-12] จาง เชียน
หัวดี โบนัสเพิ่มความโปรดปราน+20
✎ โบนัส ความสัมพันธ์พิเศษ (VIP) กับ NPC +10 แต้ม

✎ +30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง  (น้ำทิพย์กวางตุ๋นยาจีน)
✎ +5 ความสัมพันธ์ น้ำเต้าหู้
✎ อาหารปรุง/ชงชา ได้โบนัส +5 เพิ่ม

✎ โดดเด่นมีเอกลักษณ์
มีโอกาสได้รับความเอ็นดูจาก NPC ความโปรดปรานเพิ่มขึ้น +15 ทุกครั้งที่พบเจอและทำอาหารให้อีกฝ่ายกิน

แสดงความคิดเห็น

คุณได้รับความสัมพันธ์กับ [NPC-12] จาง เชียน เพิ่มขึ้น 85 โพสต์ 2025-9-26 21:10
น้ำเต้าหู้ยังไม่ได้ส่งให้ ดังนั้นไม่ได้เอฟเฟคคอมโบ +30 ความสัมพันธ์ อาหารเกรดแดง + (+5) ชาหรือสุราก็ได้ ได้รับแค่ +30  โพสต์ 2025-9-26 21:09
โพสต์ 16451 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-26 21:02
โพสต์ 16,451 ไบต์และได้รับ +5 EXP +10 คุณธรรม +10 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-26 21:02
โพสต์ 16,451 ไบต์และได้รับ +5 EXP +4 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-26 21:02
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
130
ความชั่ว
694
ความโหด
1563
โพสต์ 2025-10-1 14:41:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 28 เดือน 8  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 22.00 - 23.00 น.


ยามราตรีล่วงสู่ห้วงเงียบสงัด แสงจันทร์ลอยคลี่คลุมทั่วนครฉางอัน ดุจผืนแพรสีเงินทอดยาวบนหล้า ท่ามกลางสวนกว้างที่ปลูกเถาวัลย์ จื่อเถิง นับพันกิ่งก้าน ดอกเล็กสีม่วงครามห้อยระย้าเป็นพวง กลีบบางพลิ้วไหวตามลมอ่อน ร่วงหล่นประหนึ่งสายฝนบุปผา กลิ่นหอมเย็นแผ่วกระจายไปไกลจนทั่วอาณาบริเวณ


กลางสวนแห่งนั้น ตั้งศาลาทรงสี่เหลี่ยมใหญ่โอ่อ่า หลังคาโค้งกว้างราวปีกหงส์ค้ำยันด้วยเสาไม้สลักลวดลายวิจิตร ศาลาจื่อเถิงฮวาสถานที่ที่เหล่าปัญญาชนหรือกวีมักมานั่งชมจันทร์ แต่ว่าในค่ำคืนนี้มิใช่บัณฑิตผู้ใด หากเป็นร่างซูบผอมของชายแก่ผู้คลุ้มคลั่ง


จี เทียนเต้า เดินโซเซขึ้นบันไดหินทีละขั้น ดวงตาเหม่อลอย พึมพำถ้อยคำไม่มีที่สิ้นสุด บางประโยคขำขัน บางถ้อยเศร้าสร้อยคล้ายร่ำไห้ เมื่อขึ้นถึงกลางศาลา เขาทรุดตัวลงนอนโดยไม่สนท่าทาง หงายหลังพาดแขนขาเก้งก้างบนพื้นศาลา ราวกับนักพรตเมาหลับไร้สติ


กลีบดอกจื่อเถิงปลิวตามลมโปรยลงทับร่างเขา ชายแก่พลันหัวเราะคิกคักทั้งที่เปลือกตาปิดสนิท ราวกับฝันว่าเทพธิดามาโปรยกลีบบุปผาให้แก่ตน บางครั้งเขาครางฮึมฮำเหมือนกำลังต่อปากต่อคำกับสวรรค์ บางครั้งพลิกกายดิ้นรน คล้ายคนถูกฝันร้ายโอบรัด


เสียงลมลอดช่องศาลาก้องผสมกับเสียงกรนสลับหัวเราะของชายบ้า ทำให้สถานที่อันสงบงามกลายเป็นฉากประหลาดราวภาพวาดสวรรค์ล้อเล่นมนุษย์


ยามดึกสงัด ความมืดปกคลุมศาลาจื่อเถิงฮวาไว้ใต้เงาจันทร์ ดอกเถาวัลย์ม่วงโปรยลงมาดุจม่านแพร ลมหอบเอากลิ่นหอมแผ่วเบาคล้ายควันธูปลอยวนไปทั่ว ทว่าในห้วงหลับใหลของจี เทียนเต้า หาใช่ความสงบเย็นไม่


กลับกลายเป็นภาพฝันประหลาดที่ยากแก่การตีความ


เขาเห็นตนเองยืนอยู่กลางทุ่งกว้าง ท้องฟ้าเหนือศีรษะไม่ใช่สีน้ำเงินยามราตรี แต่กลับเป็นสีเลือดคลุ้ม ฝูงดวงจันทร์นับร้อยแขวนพร่างเต็มฟ้า แต่ละดวงส่องแสงจ้าเจิดจนเจ็บตา ทุกก้าวที่เขาเดิน กลีบดอกจื่อเถิงสีม่วงก็ตกลงมาจากความว่างเปล่า ไม่สิ้นสุด


ท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงเอว ถึงอก และราวจะกลืนร่างเขาลงไป


ท่ามกลางสายกลีบหอมหวาน มีเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังมาจากรอบทิศ เสียงนั้นคล้ายเสียงของเขาเอง แต่แหลมคมกว่า น่าขนลุกกว่า


“เจ้ามันคนไร้ค่า…โลกไม่ต้องการเจ้า…”

เสียงนั้นพร่ำซ้ำไม่หยุด ราวกับโลกทั้งโลกพร้อมสมทบเย้ยหยัน


เขาเงยหน้าจะตะโกนตอบโต้ แต่ทันใดนั้น กลีบดอกจื่อเถิงที่โปรยอยู่กลับแปรเปลี่ยนเป็นเกล็ดงูเขียวเป็นหมื่นพัน เลื้อยพันเกี่ยวรัดกายเขา เสียงเสียดสีของเกล็ดดังก้องกลบเสียงหัวเราะ ร่างเขาถูกกดจมลงไปในทะเลงู มองไม่เห็นแม้กระทั่งแสงจันทร์


ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะขาดใจ เขาเห็นประตูหินบานมหึมาประตูเดียวกับที่ถ้ำหมินเถียนปิง ค่อย ๆ เปิดออกช้า ๆ จากรอยแยกนั้นสาดแสงสีทองอำพันเจิดจ้า สว่างยิ่งกว่าดวงจันทร์พันดวง พร้อมเสียงกระซิบดังขึ้นในหู


“หากเจ้ากล้า…จงก้าวเข้ามา”


เขาสะดุ้งตื่น เหงื่อชุ่มกาย แม้ยังนอนอยู่ในศาลาจื่อเถิงฮวา แต่กลีบดอกไม้ที่ปลิวมาปกคลุมกายกลับดูหนาแน่นผิดปกติราวกับฝันนั้นกลายเป็นจริง



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 15538 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-1 14:41
โพสต์ 15,538 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +5 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-1 14:41
โพสต์ 15,538 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-1 14:41
โพสต์ 15,538 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-1 14:41
โพสต์ 15,538 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-1 14:41
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
130
ความชั่ว
694
ความโหด
1563
โพสต์ 2025-10-1 21:08:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 30 เดือน 8  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
เวลา 11.30 - 12.30 น.


จี เทียนเต้าเดินตัวเปล่ามาถึงศาลาจื่อเถิงฮวาราวกับร่างถูกพัดพามาด้วยสายลม เสื้อตัวเก่าเกรียมแดดคลุมร่างผอมแห้งของเขาไว้หลวม ๆ เท้าเปล่าที่ย่ำผ่านโคลนและก้อนหินตลอดทั้งเช้าพาเขามาหยุดอยู่ใต้เงาไม้ที่มีกลีบดอกจื่อเถิงร่วงหล่นอยู่เต็มพื้น


ศาลาทรงโบราณหลังนั้น ตั้งอยู่กลางสวนดอกไม้สีม่วงราวกับความฝันของใครสักคนที่ถูกลืมไปนานแล้ว จี เทียนเต้ามองเถาไม้ที่เลื้อยพันคานหลังคาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งตัวนอนราบลงบนพื้นศิลาเย็น เขาหลับตา เงียบงัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันที่เหมือนจริงยิ่งกว่าชีวิต


ในห้วงฝัน เขาไม่ได้เป็นชายแก่หัวล้านผู้ไร้ที่ไปอีกต่อไป เขา จี เทียนเต้า ยืนอยู่กลางลานหินสีขาวใต้เท้าคือธงผืนใหญ่ของราชวงศ์ฮั่นเบื้องหน้าเป็นกองทัพนับหมื่นทหารสวมเกราะเงินเงาวับดั่งกระจก ทะยานธงสูงชูคำว่า เทียนเต้า เขาไม่ได้พูดมากในฝันนี้ เขายืนเฉย ๆ แต่ทุกคนยอมศิโรราบ เสียงขานนามของเขาดังกึกก้องทั่วปฐพี


“ใต้หล้ายอมสยบต่อเทียนเต้า จอมยุทธสยบศึก จักรพรรดิไร้บัลลังก์!”



ชายที่เคยถูกทอดทิ้ง กลับกลายเป็นผู้ที่โลกไม่อาจละสายตา เขาเดินผ่านจักรพรรดิผู้แท้จริงในพระราชวัง เดินผ่านแม่ทัพใหญ่ผู้เคยเหยียบหน้าเขาไว้ในวัยเยาว์ เขามิได้ล้างแค้น แต่เพียงยิ้ม รอยยิ้มที่บอกว่า โลกนี้ของข้าแล้ว แต่แล้ว เสียงโห่ร้องพลิกกลับเป็นเสียงหัวเราะ เสียงเรียกชื่อเขากลายเป็นเสียงเย้ยหยัน


“เทียนเต้า เจ้าแค่คนบ้า คิดว่าโลกจะให้เจ้าสวมมงกุฎงั้นหรือ คนไร้นิ้วเท้าแต่คิดเหยียบใต้หล้า”



เขาหันมองไปรอบตัวทหารทั้งกองหายไปราชวังกลายเป็นซากไม้ผุสายลมกลายเป็นเสียงกรีดร้องเขาอยู่เพียงลำพังบนพื้นดินแห้งแล้งกลางกลีบดอกจื่อเถิงที่ร่วงหล่นเหมือนเศษกระดาษเผาทิ้ง เขาเอื้อมมือคว้าอะไรสักอย่างในอากาศ คว้ามงกุฎทอง ที่กลับกลายเป็นก้อนหินโง่ ๆเขากรีดร้อง กรีดร้องออกมาจากความในใจที่อัดแน่นมาทั้งชีวิต




“ข้าแค่ อยากมีค่าแค่นั้นเอง”



เสียงนกตัวหนึ่งร้องแผ่วเบา จี เทียนเต้าสะดุ้งตื่น เหงื่อชุ่มทั้งตัว ร่างกายสั่นสะท้านแม้สายลมจะอ่อนโยนเพียงใด เขานั่งนิ่งอยู่กลางศาลา ลมหายใจหนักอึ้ง กลีบดอกจื่อเถิงตกลงมาบนหน้าผากเขาพอดี ร่วงลงไปยังอก เขาหยิบมันขึ้นมา พลิกมันไปมาในมือ แล้วพูดเบา ๆ เหมือนพูดกับอดีตที่ไม่มีวันย้อนคืน


“ฝันดีเสียจริง แต่อย่าให้ข้าเชื่อมันเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วก็เงียบไป



แสงแดดเที่ยงวันเริ่มสาดเข้ามาในศาลา จื่อเถิงฮวาโบกไหวช้า ๆ อย่างอ่อนโยน ราวกับจะปลอบโยน ชายแก่ที่หัวใจพังทลายอีกครั้ง ทั้งที่ไม่เหลืออะไรให้พังอีกแล้ว


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 7232 ไบต์และได้รับ 3 EXP!  โพสต์ 2025-10-1 21:08
โพสต์ 7,232 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-1 21:08
โพสต์ 7,232 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-1 21:08
โพสต์ 7,232 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-1 21:08
โพสต์ 7,232 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-1 21:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1

1

กระทู้

91

ตอบกลับ

1161

เครดิต

ผู้ใฝ่รู้

พลังน้ำใจ
888
ตำลึงทอง
39
ตำลึงเงิน
114
เหรียญอู่จู
9349
STR
0+6
INT
0+1
LUK
0+5
POW
0+0
CHA
20+5
VIT
5+7
คุณธรรม
130
ความชั่ว
694
ความโหด
1563
โพสต์ 2025-10-2 00:22:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วันที่ 30 เดือน 8  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

เวลา 15.00 - 16.00 น.


ลึกเงียบสงัด มีเพียงสายลมวสันต์พัดพาเอากลิ่นหอมละมุนของดอกจื่อเถิงที่บานสะพรั่งนับพันนับหมื่นเถาแทรกซึมไปทั่วอากาศ สวนจื่อเถิงในชานเมืองฉางอันยามนี้ประหนึ่งแดนเทพธิดา สีม่วงครามไหวระริกไปกับลม อาบทอแสงจันทร์ให้ส่องประกายดั่งม่านแพรอันวิจิตร


ท่ามกลางความงามอันจับตา ศาลาจื่อเถิงฮวาตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน รูปทรงสี่เหลี่ยมสมบูรณ์ทุกสัดส่วน หลังคาซ้อนชั้นยกโค้งสูง ลวดลายแกะสลักที่เสาและขอบคานงดงามราวจิตรกรรมทิพย์ เสาหินแต่ละต้นถูกรัดพันด้วยเถาวัลย์ดอกไม้สีม่วง บางดอกเบ่งบานเต็มที่ 


บางดอกโรยร่วงหล่นพรั่งพรูลงบนพื้นศิลา ดุจหิมะม่วงโปรยปราย ความเงียบสงัดของราตรีทำให้แม้เพียงเสียงกลีบไม้ตกกระทบพื้นยังได้ยินชัดเจน


จี เทียนเต้า ก้าวโซเซเข้าสู่ศาลาด้วยท่วงท่าของผู้พเนจร หัวล้านเป็นเงามันวาวภายใต้แสงจันทร์ เครารุงรังสะบัดไปมากับลม เสื้อผ้าเก่าเกรอะเปื้อนฝุ่นละอองจากการเดินทางยาวนาน ร่างผอมซูบชวนให้ราวกับไม้แห้งใกล้หัก ทว่าดวงตาของเขากลับฉายแววมาดมั่นแปลกพิกล ประหนึ่งผู้ครอบครองโลกทั้งปวง


เขาแหงนหน้ามองเพดานศาลา หัวเราะเสียงแหบพร่า


“ฮ่า! ฮ่า! สถานที่นี้…สมควรเป็นวังทองของข้า ข้าเทียนเต้า—เซียนบ้าผู้ถูกสวรรค์ทอดทิ้ง!”


เสียงก้องสะท้อนกลับมาในความว่างเปล่า เสียงนั้นราวกับมีใครอีกคนตอบสนอง ทำให้เขายิ่งหัวเราะร่าอย่างคนคลุ้มคลั่ง ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนพื้นศาลา แขนขายาวเก้งก้างเหยียดยื่นออกไปอย่างไม่ใส่ใจ กลิ่นเหงื่อเปรี้ยวระคนกับกลิ่นหอมของดอกจื่อเถิงประหลาดนัก เหมือนเป็นการประสานระหว่างความเสื่อมโทรมกับความวิจิตรบรรจง


สายลมพัดเบา ๆ ผ่านโถงศาลา กลีบดอกไม้ปลิวหล่นทับร่างเขาราวผ้าคลุมศพ เขาหลับตาพริ้ม ปากยังพร่ำเพ้อถึงโชคชะตา โลกอันโหดร้าย และสวรรค์ที่ไม่เคยมอบสิ่งใดแก่ตนเอง ยามเสียงลมพัดราวพิณทิพย์ เขากลับหัวเราะเบา ๆ คล้ายเด็กต้องมนตร์ สุดท้ายก็เอนกายลงนอนกลางศาลา หลับใหลไปด้วยท่าทีบิดเบี้ยว รอยยิ้มกึ่งเศร้ากึ่งบ้าคลั่งปรากฏบนใบหน้าซูบซีด ร่างไร้ที่พึ่งพิงสั่นสะท้านไปตามลมและกลีบดอกไม้ที่ยังโปรยปรายไม่หยุดหย่อน


ในค่ำคืนแห่งสวนจื่อเถิง มิอาจแยกได้ว่าศาลากลางดอกไม้นั้นคือที่พักพิงของผู้พเนจร หรือเป็นเรือนทองแห่งเทพบ้าคลั่งที่โลกมิอาจหยั่งถึง…


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 10624 ไบต์และได้รับ 6 EXP!  โพสต์ 2025-10-2 00:22
โพสต์ 10,624 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +2 ความโหด จาก กระบี่คู่สลักจันทรา  โพสต์ 2025-10-2 00:22
โพสต์ 10,624 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-10-2 00:22
โพสต์ 10,624 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความโหด จาก เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ  โพสต์ 2025-10-2 00:22
โพสต์ 10,624 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-10-2 00:22
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่คู่สลักจันทรา
เกราะทองแดง
เครื่องรางไหมถักแห่งมิตรภาพ
มีดแล่เนื้อ
หมวกไผ่ผ้าคลุมดำ
พู่กันคัดอักษร
น่ารัก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้