123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
เจ้าของ: Watcher

[หอประมูลสือฟั่ง] *เปิดการประมูลรอบใหม่ ลงชื่อได้เลย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-8-26 23:10:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-8-27 08:52


วันที่ 26 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไห่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอประมูลสือฟั่ง (ไปประมูล)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ม้าคู่ใจใต้หล้า (良驹天下)”


ความมืดยามราตรีปกคลุมทั่วฉางอันแต่ฝั่งตะวันตกกลับคึกคักราวงานเทศกาลเพราะมีแสงโคมไฟนับร้อยพันดวงส่องสว่างอยู่ สถานที่หนึ่งที่เป็นศูนย์รวมของความมั่งคั่งและอำนาจ หอประมูลสือฟั่ง ตัวอาคารตั้งตระหง่านดั่งวังทองคำ ไฟประดับสีส้มแดงลุกโชนส่องผนังไม้ดำฉลุลายมังกรหงส์ราวกับเรืองแสงเองได้ ตรงหน้าประตูมีสิงโตหินเฝ้ายืนตระหง่าน ข้างในเป็นบันไดหินอ่อนทอดยาวขึ้นสู่ห้องโถงใหญ่ที่เสียงผู้คนขับขานกันหนาหูทั้งพ่อค้าใหญ่ ขุนนาง ผู้มีบารมี และบุคคลลึกลับจากเงามืด ต่างมารวมตัวเพื่อแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่จะถูกนำออกมาประมูล


วันนี้หลินหยาเลือกชุดที่เรียบหรูต่างจากทุกวัน อาภรณ์แพรสีม่วงอ่อนที่ทำให้นางดูนุ่มนวลน่ามอง ผมยาวถูกรวบอย่างประณีต ไม่โดดเด่นจนสะดุดตาเกินไป แต่กลับพอเหมาะพอดีจนดูสง่างามอย่างไร้ที่ติ นางเดินผ่านผู้คนด้วยกิริยาเรียบง่าย แต่แววตากลับส่องประกายแฝงความมุ่งมั่น


พนักงานของหอประมูลนำทางนางเข้าสู่ห้องประมูลเฉพาะซุ้มส่วนตัวที่เลือกไว้ตั้งแต่ตอนลงทะเบียน ภายในตกแต่งหรูหราด้วยม่านแพรบางสีม่วงอ่อน มีฉากกั้นสูงตลอดแนวห้องเพื่อให้ผู้เข้าประมูลแต่ละคนมองเวทีได้ แต่ไม่มีใครมองเห็นหน้ากันเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นกำยานอ่อน ๆ ที่ช่วยให้ใจสงบ หลินหยาเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไม้สลักที่ปูด้วยเบาะไหมนุ่ม ข้างโต๊ะมีป้ายไม้เล็ก ๆ สำหรับยกขึ้นเมื่อต้องการเสนอราคา มือเล็กวางขลุ่ยของตนข้างตัวก่อนจะพ่นลมหายใจเบา ๆ


“ดี…อย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัย ไม่ต้องทนกับสายตาประเมินค่าของใครสักพัก”


ม่านสีม่วงกั้นนางไว้จากสายตาทั้งหมด ทำให้เธอได้เพียงฟังเสียงจากรอบด้าน เสียงกระซิบกระซาบของขุนนางผู้มั่งคั่ง เสียงหัวเราะคิกคักของพ่อค้าใหญ่ เสียงกระทืบเท้าของบอดี้การ์ด และเสียงฆ้องแผ่วที่ดังขึ้นเพื่อบอกว่าการประมูลกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ในความมืดที่อบอวลด้วยความตึงเครียดและความโลภ ทุกคนต่างเฝ้ารอว่าสมบัติชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นเวทีคืออะไร แต่สำหรับหลินหยา...สิ่งที่นางรออยู่คือ "ม้า" ที่ถูกคัดออกจากกรมโยธา ของที่นางตั้งใจจะคว้าให้ได้


เสียงฆ้องดัง ปังงงง!! ก้องสะท้อนทั่วโถงหอประมูลสือฟั่ง ไฟตะเกียงน้ำมันนับร้อยดวงส่องสว่างระยิบระยับเหนือศีรษะ ผู้ดำเนินการสวมชุดแดงเข้มยืนอยู่กลางเวทีไม้ยกสูง ด้านหลังมีม่านผืนใหญ่ปักลายมังกรหงส์ไขว้กันอย่างสง่า “ของประมูลชิ้นแรกในคืนนี้ม้าศึกสีน้ำตาลเข้ม พึ่งถูกจับมาจากป่าทุ่งหญ้าแดนเหนือ!” เสียงของเขาดังชัดเจน “ม้าตัวนี้แกร่งกล้า ยืนหยัดได้ยามสมรภูมิ ปราดเปรียวดุจสายลม ราคาตั้งต้น 80 ตำลึงเงิน!!” ม่านเล็กสีม่วงตรงซุ้มของหลินหยาไหวเบา ๆ เมื่อหญิงสาวโน้มตัวไปข้างหน้า ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสนใจทันที แต่เพียงไม่กี่อึดใจเธอก็เม้มปากเล็กน้อย “ไม่ใช่เป้าหมายของเรา...คงต้องรอดูต่อไป”


ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดนาน เสียงป้ายไม้กระแทกโต๊ะจากซุ้มต่าง ๆ ก็ดังขึ้นรัว ๆ


“30 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน!!”


“70 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน!!”


เสียงประมูลแข่งกันดังระงมแทบไม่ให้หยุดหายใจ หลินหยาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพวกขุนนางและพ่อค้าใหญ่ในซุ้มรอบด้านล้วนเล่นกันด้วย ตำลึงทอง ไม่ใช่ตำลึงเงิน หัวใจเธอเต้นแรง ความตื่นเต้นผสมความกังวลวิ่งพล่านในอก “เพิ่งลำดับแรกก็พุ่งไปขนาดนี้เลยรึ?!” ราคาพุ่งทะยานราวกับเปลวไฟโหมกระหน่ำ เสียงตะโกนแข่งกันดังสนั่น จนสุดท้าย เสียงจากซุ้มผ้าม่านสีดำด้านทิศเหนือดังขึ้นเพียงคำเดียวแต่เด็ดขาด “80 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน” ทั้งหอประมูลเงียบกริบไปชั่วขณะ ก่อนเสียงฆ้องดังขึ้น ปังงง!!


ผู้ชนะคือซุ้มม่านดำ!” เสียงอื้ออึงตามมา ผู้คนต่างพึมพำชื่นชมและคาดเดาตัวตนของผู้ที่กล้าทุ่มขนาดนั้น ขณะที่หลินหยาซ่อนตัวอยู่หลังม่านสีม่วงของนาง ริมฝีปากเล็กอ้าค้าง ตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ


“โอ้ววววว...เพิ่งเริ่มประมูลก็ราคามหาศาลขนาดนี้เลยหรอ ข้า...ข้าจะสู้ไหวหรือเนี่ย!” นางเผลอกำชายชุดแพรสีม่วงของตนแน่น แต่แล้วก็หัวเราะเบา ๆ อย่างขบขันตัวเอง “ก็ใช่สิ ข้ามาที่นี่เพื่อม้า จะหวั่นไหวอะไรนัก...แค่ต้องประหยัดและฉลาดกว่าพวกนั้นเท่านั้นเอง” ม่านสีม่วงยังปกปิดรอยยิ้มขี้เล่นของหญิงสาว ในขณะที่การประมูลยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด...


เสียงฆ้องดังขึ้นอีกครั้ง ปังงงง!! พิธีกรบนเวทีชูมือตะโกนอย่างตื่นเต้น “ต่อไป! ของประมูลชิ้นที่สอง รถม้าคันหรูแห่งตำหนักใน! รถม้าที่ครั้งหนึ่งลู่กุ้ยเฟยเคยประทับร่วมกับฝ่าบาท ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย!!” ม่านใหญ่ถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็น รถม้าสีดำประดับลายทองหรูหรา ม้าศึกดำเชิดหัวสง่างาม แสงตะเกียงสะท้อนบนพู่ประดับสีแดงเข้ม ทุกสายตาในหอประมูลแทบจะพร้อมใจกันเบิกกว้าง บรรยากาศเงียบงันไปเสี้ยวอึดใจ ก่อนเสียงฮือฮาดังก้องราวกับคลื่น


หลังม่านสีม่วงของตน หลินหยาอ้าปากค้างทันที “หะ…หา!? ใครมันบ้าเอาของแบบนี้มาประมูลวะเนี้ย!!” ใจเต้นระรัวทั้งตกใจทั้งขบขัน นี่มันไม่ใช่แค่รถม้าธรรมดา แต่เป็น ของที่มีเรื่องเล่าทางราชสำนักติดอยู่เต็มเปา! “ราคาเริ่มต้น 1 ตำลึงทอง!!” เพียงแค่นั้น เสียงเสนอราคาก็ดังขึ้นเป็นสายฟ้าแลบ


“21 ตำลึงทอง!!”


“61 ตำลึงทอง!!” เสียงผู้ประมูลตะโกนแทรกกันระงมจนเวทีแทบสั่นสะเทือน หลินหยาถึงกับเอามือปิดปากตัวเองไม่ให้เผลออุทานออกมา “นี่มันน้อยกว่าม้าน้ำตาลอีก แต่กลับไต่สูงกว่าเป็นสิบเท่าเรอะ!” และหลังจากนั้น ตัวเลขก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่ง...เสียงจากซุ้มทางซ้ายมือของหลินหยาดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ “121 ตำลึงทอง!!” ทั้งหอประมูลเงียบกริบราวถูกตัดลมหายใจ ทุกสายตาเบนมาที่ซุ้มผ้าม่านนั้นในทันที ก่อนเสียงฆ้องประกาศดังสนั่น ปังงงง!!


“121 ตำลึงทอง!! รถม้าคันหรูตกเป็นของซุ้มด้านซ้ายสีม่วงแล้ว!!” เสียงอื้ออึงดังสะท้อนรอบห้อง บ้างฮือฮาชื่นชม บ้างพึมพำด้วยความระแวง “ใครกันแน่...ถึงกล้าทุ่มมหาศาลเพื่อครอบครองรถม้าของกุ้ยเฟย?”


หลินหยาในม่านสีม่วงแทบจะล้มพับลงบนโต๊ะ นางอ้าปากค้าง มือสั่นน้อย ๆ “โอ้โหววว ซุ้มข้าง ๆ ข้าเองเรอะ!! นี่มันบ้าไปแล้วนะ...จะประมูลอะไรขนาดนั้น! เป็นสลิ่มลู่กุ้ยเฟยกับลฝ่าบาทเราะ” หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้าน ทั้งเพราะความตื่นเต้นจากราคาที่ทะยานสูง และทั้งเพราะความรู้สึกไม่สบายใจที่ผู้ชนะอยู่ใกล้นางเสียจนเผลอหายใจแรงไปทีเดียว “เฮ้อ...นี่มันเพิ่งลำดับสองเองนะ ข้างหน้าจะขนาดไหนกันอีกวะเนี่ย...”


เสียงฆ้อง ปังงงง!! ดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ดำเนินการเวทีเผยรอยยิ้มพร้อมผายมือไปยังม่านที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามราวภาพฝัน “ของลำดับที่สามแพะจากภูเขาเทียนซาน!” เสียงตะโกนก้องสะท้อนทั้งหอประมูล “ร่างกายแข็งแกร่งทนหนาวจัดได้ งดงามสง่าราคาเริ่มต้น 70 ตำลึงทอง!!” ทันใดนั้นม่านเล็กถูกเลิกออก เผยร่างแพะสีขาวเงินสง่างาม เขาโค้งงามเหมือนเสี้ยวจันทร์ ดวงตาสีเหลืองทองทอประกายมีพลัง เครื่องประดับเงินประดับอัญมณีสีน้ำแข็งส่องประกายรอบตัวมันราวกับเป็นสัตว์ในตำนาน


หลินหยาในม่านสีม่วงถึงกับยกมือปิดปากตัวเอง “โอ้ววว…สวยขนาดนี้ ใครไม่อยากได้บ้างล่ะเนี่ย!!” หัวใจเธอเต้นแรง รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา แต่แล้วก็สะบัดหัวเบา ๆ “ไม่ ๆ ข้าต้องการม้า ไม่ใช่แพะ…อย่าเผลอเด็ดขาดนะหลินหยา!” และหลังจากนั้นบนเวทีเสียงการประมูลแข่งกันดังรัวราวกับฟ้าผ่า


“110 ตำลึงทอง!!”


“120 ตำลึงทอง!!”  ราคาพุ่งทะยานราวกับไฟโหมเผาในพริบตา หลินหยามองด้วยตาโต อ้าปากค้างจนแทบหุบไม่ลง “270 ตำลึงทอง”  สุดท้ายเสียงหนักแน่นจากซุ้มม่านสีเหลืองนวลด้านขวามือของหลินหยาดังขึ้น “310 ตำลึงทอง!!” ทั้งหอประมูลเงียบกริบในเสี้ยววินาที ก่อนเสียงฆ้องดังขึ้นประกาศชัยชนะ ปังงงง!!


“310 ตำลึงทอง!! แพะจากเทียนซานตกเป็นของซุ้มสีเหลืองนวล!!” เสียงฮือฮาดังกระหึ่มทั่วโถง มีทั้งเสียงอึ้ง เสียงยกย่อง และเสียงซุบซิบว่าใครกันแน่ที่มีทรัพย์สินมหาศาลขนาดนี้


หลินหยาที่นั่งหลังม่านถึงกับเงยหน้าพิงเก้าอี้ ร้องกรี๊ดในใจแบบไร้เสียง “เชี่ยยยยย!! 310 ตำลึงทอง!! ซื้อแพะนะเว้ยไม่ใช่มังกร!! พระเจ้าโว้ยยยยย โอ้วววว รวยขนาดนี้ข้าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง ๆ เลยด้วยซ้ำ!” มือเล็กกำชายเสื้อแน่น ความเครียดผสมตื่นเต้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง “ดี...ดีก็ดี ข้าแค่ต้องรอ รอจนกว่าจะถึงรอบของม้าเท่านั้นแหละ!” ม่านสีม่วงสั่นเบา ๆ ตามแรงสะท้านของหัวใจหญิงสาว ในขณะที่เวทีเริ่มประกาศของชิ้นถัดไป...


เสียงฆ้องดังขึ้นสามครั้งติด ปังงงง!! ปังงงง!! ปังงงง!! ทุกสายตาในหอประมูลสือฟั่งเบนไปยังเวทีราวถูกสะกด ผู้ดำเนินการโบกพัดหยกในมือก่อนประกาศด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “และนี่คือ สินค้าพิเศษสุดท้ายของคืนนี้! … ยอดอาชาแห่งทุ่งหญ้าตอนเหนือ ม้าดำทมิฬ!” ม่านผืนใหญ่ถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นม้าดำเงางามสง่า แผงคอยาวสลวยสยายไปตามลม ดวงตาคมกริบวาววับราวมีประกายไฟซ่อนอยู่ทุกก้าวที่มันกระทืบพื้น เสียงกีบกระแทกไม้ดังก้องกังวานจนผู้คนรอบด้านต่างกลืนน้ำลายพร้อมกัน


หลินหยาในซุ้มม่านสีม่วงถึงกับโน้มตัวไปข้างหน้า ตากลมทอประกาย “ใช่เลย! ข้าอยากได้เจ้าตัวนี้แหละ!”


แต่ยังไม่ทันได้ยิ้มกว้าง เสียงประกาศต่อมากลับทำเอาหญิงสาวแทบหงายหลัง


“ยอดอาชาตัวนี้ มิใช่เพียงม้าศึกธรรมดา ร่ำลือกันว่าเคยเป็นอาชาที่ฝ่าบาททรงร่วมขี่กับลู่กุ้ยเฟย! … และทั้งสองได้แสดงความรักต่อกันบนหลังม้าตัวนี้!! นับเป็นสิริมงคลหาที่เปรียบมิได้!! มูลค่าเริ่มต้น 100 ตำลึงทอง!!” โถงประมูลถึงกับอื้ออึงทันที บ้างพึมพำว่ามันคือของสูงค่าเพราะเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ บ้างกลับหัวเราะในลำคออย่างหยาบโลนที่จินตนาการออกทันทีว่าความหมายของคำว่า “แสดงความรัก” คืออะไร


ส่วนหลินหยานั้นอึ้งค้างไปสามวิ ก่อนจะกุมขมับหน้าซีดเผือด “เชี้ยยยยยยยย!!! บนหลังม้า!? ทำบ้าอะไรกันฮ่องเต้กับกุ้ยเฟย!! อายโคตรรรร!!” ใบหน้าแดงก่ำราวจะระเบิด นางแทบอยากวิ่งหนีออกจากซุ้ม แต่แล้วก็กัดฟันแน่น “แต่ว่า…ช่างหัวสิ! มันคือลาภลอยชัด ๆ มันคือนิพพานของคนจนอย่างข้า!! ต่อให้ต้องหน้าด้าน…ข้าก็ต้องได้ม้าตัวนี้มา!!!” มือเล็กกำป้ายประมูลแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ร่างกายสั่นสะท้านทั้งเพราะความโกรธ ความเขินอาย และความโลภในเวลาเดียวกัน


“บัดซบเอ๊ย…แม่งเอ๊ย…โดนทำร้ายจิตใจที่จะต้องประมูลม้านี้ แต่…T_T แต่ข้าต้องได้มันมา!!!” ม่านสีม่วงสั่นไหวเบา ๆ ราวกับสะท้อนความวุ่นวายภายในใจหญิงสาวผู้หมายมั่น ยอดอาชาสีดำยืนตระหง่านอยู่กลางเวที ในขณะที่เสียงประมูลเริ่มดังขึ้นรอบด้านอย่างดุเดือด…


เสียงฆ้องดังระรัว ปังงงง!! เปิดศึกการประมูลม้าดำทมิฬอย่างเป็นทางการ ทันใดนั้นซุ้มด้านซ้ายของหลินหยาก็ยกป้ายไม้ขึ้นทันที น้ำเสียงทุ้มต่ำดังลอดม่านออกมา “140 ตำลึงทอง” ทั้งหอประมูลสะท้านเฮือกทันที ราคาพุ่งขึ้นเกินฐานตั้งต้นไปหลายเท่า หลินหยาเบิกตากว้างปากอ้าค้าง “ห๊าาา!? มึงเปิดมาก็ 40 ตำลึงทองเลยเรอะ!!” ใจเต้นระส่ำแทบทะลุออกมาจากอก แต่ยังไม่ทันตั้งสติ เสียงอีกซุ้มหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “150 ตำลึงทอง!!”


หลินหยาอ้าปากค้างไม่ทันหุบ มือเล็กสั่นระริกจนแทบทำป้ายหลุด “เดี๋ยวนะ!! เพิ่งเริ่มเองนะเว้ยยย!!” ยังไม่ทันขาดคำเสียงซุ้มด้านซ้ายเดิมก็โพล่งขึ้นมาอีกครั้ง “200 ตำลึงทอง!!”


“อึ๊กกก!!” หลินหยาแทบสำลักน้ำลายตัวเอง “ไอ้ซุ้มบ้านี่มันจะเอาให้ได้เลยใช่ไหมวะะะ!!” โถงทั้งโถงแตกตื่น เงียบลงชั่วครู่ก่อนระเบิดเสียงฮือฮาออกมาเป็นระลอก บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเข้มข้น ทว่าไม่ทันไร เสียงหนึ่งที่หลินหยาคุ้นเคยก็โพล่งขึ้นจากแถวที่นั่งปกติด้านล่างเสียงนุ่มทว่าหนักแน่นฟังแล้วหัวใจเธอกระตุกวาบ “250 ตำลึงทอง!!”


ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้าง “โจวจินนนน!!! มึงมาทำเชี่ยไรที่นี่!!” เสียงรอบข้างดังลั่น บรรยากาศแทบแตกออกเมื่อโจวจินทุ่มราคาสูงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ และไม่หยุดเพียงเท่านั้น เสียงเขาดังซ้ำอีกครั้ง ราวกับจะกรีดใจหลินหยาให้ขาดกลาง “ข้าเสนอ 250 ตำลึงทอง!!”


“อ๊ากกกกกกก!!!” หลินหยาตะโกนกรี๊ดในใจ รู้สึกเสียวสันหลังวาบราวกับถูกลากขึ้นแท่นประหาร เสียงฆ้องดังตามมาทันที ปังงง!! ห้องทั้งห้องแตกตื่นด้วยเสียงซุบซิบ ราวกับกำแพงหินถล่มทับลงมาที่ซุ้มม่านสีม่วงของหลินหยา หญิงสาวนั่งแข็งค้าง หัวใจเต้นแรงจนเกือบหลุดออกจากอก มือเล็กกุมอกตัวเองแน่น “เชี่ยยยย โจวจิน…ไอ้พ่อค้าเถื่อนเวรตะไล!! มึงทุ่มราคาทำไม ข้าจะหายใจออกไหมเนี่ย!!!” เลือดแทบกระอักออกมาจากความเครียดที่ราคาพุ่งสูงปรี๊ด 


หลินหยากัดฟันแน่น สูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วค่อย ๆ ยกป้ายไม้ในมือขึ้นเบา ๆ ด้วยเสียงเล็กแหบพร่าในลำคอ “…260 ตำลึงทอง” โถงทั้งโถงเงียบกริบลงอีกครั้ง ก่อนระเบิดเสียงอื้ออึงยิ่งกว่าเดิม บางคนถึงกับหัวเราะฮา เสียงซุบซิบดังลั่น “ใครวะ เสนอเพียง 10 ตำลึงทองทับราคามหาศาลแบบนั้น!?”


หลังม่านสีม่วง หลินหยาแทบจะก้มหน้าฟุบกับโต๊ะ ร่างบางสั่นสะท้านทั้งเพราะความอายและความบ้าบิ่นในคราวเดียว  “โฮ๊กกกกกกกกกกกก เชี้ยยยยยยยยย!! กระอักเลือดได้ไหมเนี่ย!! แพงสัสสสสสสสสส!!!” ดวงตากลมพราวระยับ ทั้งหวาดกลัว ทั้งฮึกเหิม ทั้งสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน การประมูลยังไม่จบ…และทุกสายตาเริ่มจับจ้องไปที่ม่านสีม่วงของเธอแล้ว ผู้กล้าหน้าด้านที่เพิ่งสาดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งการประมูลอันเดือดดาล


เสียงฆ้องดัง ปังงงง!! ก้องสะท้อนหอประมูลทั้งหลัง การประมูลยังไม่หยุด ม้าดำทมิฬยืนสง่าอยู่กลางเวทีเหมือนกำลังหัวเราะเยาะผู้คนที่กำลังทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อตัวมัน หลังม่านสีม่วง หลินหยากัดริมฝีปากจนแทบแตก ใบหน้าซีดเผือดแต่ดวงตายังลุกโชน “ได้สิ…ข้าต้องได้เจ้ามา!!!” แต่ทันใดนั้น เสียงจากซุ้มอีกฝั่งดังขึ้นมาเย้ยหยัน “270 ตำลึงทอง!!”


“เชี่ยยยยย!!!” หลินหยาร้องกรี๊ดในใจแทบจะฟาดโต๊ะ มือเล็กกำป้ายไม้จนแทบหัก ก่อนจะกัดฟันประกาศเสียงสั่น “280 ตำลึงทอง!!” เสียงฮือฮาดังก้อง แต่ไม่ทันให้เธอได้หายใจ เสียงจากซุ้มด้านซ้ายไอ้เพื่อนบ้านนรกนั่นก็ประโคมขึ้นมาด้วยเสียงหยันแฝงอำนาจ


“310 ตำลึงทอง!!”


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ไอ้สัสเอ๊ยยยย!!!” หลินหยากรี๊ดร้องในใจแทบขาดใจ ตัวสั่นงันงก ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ แต่เธอก็กัดฟันสุดกำลัง ยกป้ายไม้ขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังสิ้นใจ


“320 ตำลึงทอง!!” โถงทั้งโถงเงียบกริบ ราวกับเวลาหยุดลงในชั่วอึดใจ เสียงกระซิบซุบซิบดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีใครยกป้ายตามต่อ ทุกคนเฝ้ามองซุ้มม่านสีม่วงด้วยความสงสัยว่าคนผู้นั้นเป็นใครกัน ที่กล้าทุ่มหน้าด้านชนพวกมหาเศรษฐีตรงหน้า เสียงฆ้องดังสนั่น ปังงงง!!


“320 ตำลึงทอง!! ม้าดำทมิฬตกเป็นของซุ้มม่านสีม่วงแล้ว!!” เสียงเฮ เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือผสมปนเปกันไปทั่วหอ แต่หลังม่านสีม่วง หนาน หลินหยา หน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ น้ำตารื้นขึ้นมาเพราะทั้งโล่งใจ ทั้งช็อก ทั้งอยากตาย เธอทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้หอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งกลับจากออกรบ ดวงตากลมพราวระยับด้วยทั้งความดีใจและความสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน


“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! ข้าได้มันมาแล้วววววว!!! แต่พระเจ้าาาาา 320 ตำลึงทอง!!! ฮือออออออออออ!!! ข้ากระอักเลือดแน่!!!” มือเล็กสั่นระริกกอดป้ายประมูลแน่นเหมือนกำลังยึดเส้นชีวิตสุดท้ายไว้ รู้ตัวดีว่านี่คือทั้งชัยชนะและหายนะในคราวเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ชนะได้ครอบครองม้าดำทมิฬมาเป็นของตน!! ม่านสีม่วงไหวเบา ๆ ตามแรงสั่นสะท้านของหญิงสาวผู้หน้าด้านที่สุดในหอประมูลคืนนี้


เสียงฆ้องปิดฉากดัง ปังงงง!! ตามด้วยเสียงพิธีกรประกาศสิ้นสุดการประมูลคืนนี้ บรรยากาศในหอประมูลค่อย ๆ คลายความตึงเครียด เหล่าขุนนาง พ่อค้าใหญ่ และบุคคลลึกลับต่างทยอยลุกออกจากซุ้มของตน เสียงพูดคุย ก้าวเท้า และเสียงเหรียญทองตำลึงเงินดังระงมราวกับฝูงผึ้งแตกฮือ หลังม่านสีม่วง หลินหยาทิ้งตัวหายใจแรงเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิอเวจีมา ใบหน้าแดงซ่านเพราะทั้งเครียดทั้งเหนื่อยและ…ทั้งอับอาย กระเป๋าเบาจนแทบจะบินลอยขึ้นฟ้า “โอยยย…ข้าจะกินข้าวยังไงต่อไปดีวะเนี่ย…”


แต่ก่อนที่จะไปลงทะเบียนรับม้าดำทมิฬ หญิงสาวกลับไม่ยอมลุกทันที ดวงตากลมแอบเหลือบมองซุ้มด้านซ้ายที่ทำให้นางแทบจะกระอักเลือดหลายรอบตลอดการประมูล “ขอดูหน้ามึงหน่อยเถอะ…ว่าเป็นใครกันแน่ ไอ้บ้านี่!” นางค่อย ๆ เลิกชายม่านขึ้นเบา ๆ แค่พอให้มองลอดออกไปได้ จังหวะนั้นเอง ม่านซุ้มสีเข้มข้างซ้ายถูกเปิดออก บุรุษคนหนึ่งก้าวออกมา… แต่ระหว่างนั้น นางรีบก้มศีรษะ ดึงม่านลงอย่างรวดเร็วไม่ให้ใครจับได้ว่ากำลังแอบมอง ก่อนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบ่นเบา ๆ ในลำคอ “โอยยยย…กูจะตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ!” แต่ก็แอบมองอยู่ดี พลางทำท่าตีเนียน จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เดินออกจากซุ้มม่านสีม่วงไปยังโต๊ะลงทะเบียนเพื่อทำเรื่องรับม้าดำทมิฬที่เพิ่งประมูลมาได้อย่างระทึกขวัญ





@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: แอบดูคนซุ้มข้าง ๆ มันบังอาจมาปั่นตัดหน้าฉัน 30 ตำลึง 50 ตำลึง มุง เป็น ใคร!!

หาเรื่องให้ตัวเองโดยแท้


จ่ายค่าม้า 320 ตำลึงทอง หรือ 120 ตำลึงทอง 2,000 ตำลึงเงิน

ขออนุญาตจ่ายเพิ่มเป็นตำลึงเงิน


รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

สวมหน้ากากสีเงินหันมองมาทางหลินหยาแสยะยิ้มและลุกเดินจากไป  โพสต์ 2025-8-27 12:31
โพสต์ 75210 ไบต์และได้รับ 56 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +1 Point +20 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-26 23:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-27 15:06:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 27 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไห่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอประมูลสือฟั่ง


เสียงฝีเท้าของผู้คนยังคงก้องสะท้อนในโถงหอประมูลสือฟั่ง บรรยากาศหลังปิดการประมูลเต็มไปด้วยความอื้ออึง ทั้งเสียงหัวเราะร่ำสุราและเสียงคุยอวดโชว์อำนาจ แต่สำหรับหลินหยาหญิงสาวที่แทบกระอักเลือดจากการประมูลเมื่อครู่หัวใจยังคงเต้นระรัวราวกลองศึก นางกำลังจะก้าวออกจากม่านสีม่วงไปลงทะเบียนรับม้า ทว่าหางตากลับเหลือบเห็นเงาร่างสูงจากซุ้มด้านซ้าย บุรุษผู้ทำให้ราคาพุ่งจนแทบล่มจม ชายหนุ่มคนนั้นก้าวออกมาจากม่านด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่สิ่งที่ทำให้หลินหยาหยุดหายใจชั่วขณะคือ…


หน้ากากเงินครึ่งหน้าที่เขาสวมอยู่ แสงตะเกียงสะท้อนวาววับเย็นเยียบราวกับบดบังความจริงเบื้องหลัง แต่ทว่า…สิ่งที่ไม่ถูกปิดซ่อนคือรอยยิ้มแสยะบางเบาที่โผล่ขึ้นเมื่อเขาหันสายตามาทางหลินหยาโดยตรง


หัวใจของหญิงสาวสะท้านเฮือก ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “ค…คุ้นเหลือเกิน…ทำไมข้ารู้สึกว่ามันคือเขา…” มือเล็กเผลอกำแน่นจนสั่น ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัว ความรู้สึกคุ้นเคยปะทะกับความหวาดหวั่นราวสายฟ้าฟาดในอก ยิ่งเมื่อเห็นดวงตาคมที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากทอดมองมายังเธอโดยไม่พูดสักคำ ราวกับอ่านใจนางออกทุกอย่าง ไม่ใช่จางกงกงหรอก…ไม่ใช่…เขาเป็นจงฉางชื่อ ติดตามตรวจงานในวังทุกวัน จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง… หลินหยาย้ำบอกตัวเอง พยายามสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวใจ แต่ยิ่งสะบัดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นความคุ้นเคยนั้นราวกับเล็บที่ข่วนลึกลงในหัวใจ


ชายสวมหน้ากากเงินแสยะยิ้มเล็ก ๆ เหมือนจะบอกเป็นนัย ก่อนหันหลัง เดินลับหายไปในเงามืดของโถงใหญ่โดยไม่แม้แต่จะเหลียวกลับมาอีก หัวใจของหลินหยายังเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ ร่างบางสั่นสะท้านจนแทบยืนไม่มั่นคง เชี่ย…อย่าใช่เขาเลย…ขอร้อง


หญิงสาวสูดลมหายใจลึก บังคับขาให้ก้าวออกมา รีบมุ่งตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียนเพื่อทำเรื่องรับม้าดำทมิฬ มือสั่นจนแทบเขียนชื่อตัวเองไม่ถูก แต่ดวงตากลับพยายามหลบเลี่ยงไม่มองเงามืดตรงมุมใด ๆ อีก “ม้า ๆ เอาม้าให้ข้าเร็วเข้าเถอะ ข้าไม่อยากอยู่ตรงนี้แม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!”





@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: จางกงกงหรือเปล่าาาาา กี๊ดดดด

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 16628 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +5 EXP +5 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +2 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +4 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +4 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-27 15:06
โพสต์ 16,628 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-27 15:06
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x16
x16
x16
x30
x1
x30
x5
x27
x2
x10
x8
x10
x2
x1
x3
x114
x5
x5
x5
x5
x6
x4
x4
x4
x21
x1
x158
x20
x21
x1
x5
x34
x7
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x6
x66
x20
x6
x93
x79
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x196
x55
x68
x78
x4
x105
x5
x8
x4
x3
x11
x9
x8
x15
x69
x1
x1
x5
x53
x42
x47
x16
x140
x10
x11
x10
x26
x9
x10
x4
x15
x60
x55
x2
x1
x95
x62
x9
x10
x167
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x120
x12
x9
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x6
x1
x1
x6
x13
x8
x135
x70
x20
x11
x14
x48
x3
x1
x4
โพสต์ 2025-8-29 20:53:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-8-29 20:55








ร่วมงานประมูล

26 เดือน 7  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 < 21.00 น. - 23.00 น. >


ยามไห่คล้อยต่ำลงสู่ฟากฟ้า แสงจันทร์บางเบาส่องลอดผ่านซุ้มหน้าต่างของหอประมูลสือฟั่ง ครานี้ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาจนแน่นขนัด ทั้งขุนนางพ่อค้า เศรษฐีตระกูลใหญ่ ไปจนถึงนักเลงแห่งย่านการค้า ล้วนจับจ้องอย่างคาดหวังกับรายการประมูลในค่ำคืนนี้ 



องค์ชายมุ่งตรงไปยังที่นั่งหมายเลขพิเศษซึ่งจ่ายค่าที่นั่งไว้แล้วด้วยทองคำยี่สิบตำลึง เบื้องหน้าคือม่านบางสีเหลืองนวลขึงอยู่รอบซุ้ม ให้ความเป็นส่วนตัวและยังกรองสายตาจากภายนอกได้อย่างดี เขาแทรกตัวเข้าไปนั่งภายใน ม้วนพัดกระดาษสีขาวงาช้างวางอยู่บนตัก ใบหน้าซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมบางเบา และหมวกผ้าธรรมดาที่ไม่มีลวดลายใดให้สะดุดตา


องค์ชาย เอนกายเบา ๆ บนเบาะกำมะหยี่สีดำสนิท ดวงเนตรกลมโตสีดำสนิทมองผ่านช่องเล็ก ๆ ในม่าน พลางขยับพัดกระดาษไปมาเบา ๆ เพื่อกลบความรู้สึกตื่นเต้นที่เริ่มจะตีขึ้นในใจ ไม่ใช่เพราะเรื่องของการประมูลแต่อย่างใด หากแต่เป็นบรรยากาศโดยรอบ ทั้งกลิ่นเครื่องหอมที่หอมนวลประหนึ่งกลิ่นชาดอกเหมยอ่อน ๆ ผสานกับเสียงผู้คนที่ต่ำสูงคละกัน เสียงขานราคา เสียงหัวเราะอย่างมีเลศนัย บางครั้งก็มีเสียงโห่ร้องแสดงความเสียดายที่ถูกเสนอราคาสูงล้ำขึ้นไปอีก


เขาไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งใดเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องยอมรับว่าโลกนอกวังหลวงนั้น... ช่างคึกคักเป็นนัก


รายการแรกเริ่มต้นขึ้นโดยไร้พิธีรีตอง เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นเป็นสัญญาณ และผู้ดำเนินการประมูลที่แต่งกายในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม ปักลายเมฆเงิน ก็เริ่มต้นขานอย่างกระชับ


“รายการประมูลลำดับแรกของค่ำคืนนี้ เป็นอาชาสีน้ำตาลพันธุ์ผสมจากดินแดนทุ่งหญ้า มีกำลังแข็งแรง ขี่ได้ทั้งระยะไกลและเร็ว เหมาะสำหรับขุนนางที่มีภารกิจเดินทางไปตรวจแผ่นดิน เริ่มต้นประมูลที่แปดสิบตำลึงเงิน เพิ่มขั้นต่ำสิบตำลึงทอง”


เสียงขานราคาดังขึ้นแทบจะทันที ผู้คนผลัดกันขานเสียงอย่างแข็งขัน ราวกับกำลังเล่นหมากล้อมในสนามประลอง


แปดสิบตำลึงทอง... แปดสิบตำลึงเงิน... ราคาสุดท้ายถูกเคาะลงด้วยเสียงตอกของกระบองไม้ ผู้ประมูลได้ส่งเสียงร้องเบา ๆ อย่างผู้ได้รับชัย องค์ชายน้อยในซุ้มเหลืองเพียงแค่ขยับข้อมือเป่าลมใส่พัดอย่างเบื่อหน่าย ม้าเช่นนั้นเขาเห็นจนชินตาในคอกของตำหนักตงเฉิน ยังนับว่ามีพันธุ์ที่ดีกว่านี้หลายตัว เสียงที่นั่งอื่น ๆ คุยกันด้วยความตื่นเต้นกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกเฉยชาเข้าไปใหญ่


รายการที่สองต่างหาก ที่ทำให้มือเล็กที่ถือพัดชะงักค้างกลางอากาศ


“ท่านผู้มีเกียรติ เชิญชมของล้ำค่าชิ้นที่สอง... รถม้าคันพิเศษที่เคยประทับเสด็จหวงตี้แห่งแผ่นดินพร้อมด้วยลู่กุ้ยเฟยผู้เลอโฉม! รถม้าคันนี้หลังจากที่ทั้งสองเสด็จลงจากรถ ก็ไม่ได้มีผู้ใดแตะต้องอีกเลย ทั้งภายในยังคงสภาพเดิม ราวหยุดเวลาไว้ด้วยรัก…”


พัดที่โบกอยู่พลันหยุดชะงัก หรูเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย มือเล็กกำพัดกระดาษแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้จะเป็นชื่อที่เขาคุ้นชิน แต่ยามได้ยินออกจากปากผู้อื่นในสถานที่ที่มีการซื้อขาย ก็ติดรสแปลกประหลาดอยู่ในอก


“หนึ่งตำลึงทอง...”


เสียงแรกเริ่มต้น พร้อมราคาที่ไต่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ยี่สิบ... สี่สิบ... ห้าสิบ... เสียงประมูลดังกระหน่ำราวสายฝนที่สาดสู่หลังคากระเบื้อง


เด็กชายไม่กล่าวอะไร นิ่งราวรูปปั้น หัวใจกลับเต้นแผ่วเบาเป็นจังหวะไม่แน่นอน


หนึ่งร้อย... หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดตำลึงทอง


เสียงตอกไม้ประกาศการสิ้นสุดการประมูลก็ดังขึ้นในที่สุด เขายังไม่ขยับไปไหน เหมือนวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้วครึ่งหนึ่ง


แต่แล้วรายการถัดมา... กลับดึงวิญญาณนั้นกลับมาอย่างสิ้นเชิง


สิ่งที่นำออกมากลับไม่ใช่ม้า ไม่ใช่รถ ไม่ใช่อาวุธอาคมหรือหยกศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็น... แพะ


แพะตัวนั้นยืนอยู่บนแท่นไม้ เสียงกีบกระทบพื้นเบา ๆ ดังจังหวะมั่นคง ขนของมันเป็นสีขาวเงินแวววาว โค้งเขางามราวเสี้ยวจันทร์เดือนสิบสอง ดวงตาสีทองของมันจ้องเขม็งมาทางซุ้มหมายเลขสิบสองจนหรูเสวียนถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่ง


แพะตัวนั้น... งดงามจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง


“แพะจากเทือกเขาเทียนซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ของหอเรายืนยันว่าเป็นสายพันธุ์หายาก ตัวผู้ อายุเพียงสามปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ขึ้นเขาลงห้วยได้ไม่หวั่น แม้จะดูงามประหนึ่งสัตว์เทพ แต่ใช้งานได้ดีเยี่ยม เริ่มต้นที่เจ็ดสิบตำลึงทอง”


เสียงประมูลเริ่มดังขึ้นทันที สี่สิบ... สิบ... สิบ... ห้าสิบ และแล้ว... เขาก็ตัดสินใจเข้าร่วม


“สิบตำลึงทอง” เด็กชายขานเบา ๆ ส่งเสียงออกจากด้านในซุ้มผ่านท่อกระดาษไม้ไผ่ที่ใช้เชื่อมเสียง


จากนั้นราคาก็ทะยานขึ้น สามสิบ... สี่สิบ... เขาขานอีกสิบ


มือเล็กกำพัดแน่นขึ้น ดวงตากลมโตยังจับจ้องแพะเบื้องหน้าไม่วาง แม้จะอยู่ไกล แต่สายตาของเขาเหมือนจะจับได้ว่าแพะตัวนั้นเหลือบมองมาทางเขาอีกครั้ง


เจ็ดสิบ... หนึ่งร้อย...


เสียงประมูลยังไม่หยุดลง เขาเริ่มลังเล ดวงหน้าเม้มเล็ก ๆ ก่อนตัดสินใจยื่นมือเรียกข้ารับใช้ของหอประมูลให้ช่วยนับจำนวนทองในถุงของเขา


“หากข้าประมูลอีกสิบ จะยังพอหรือไม่?”


คนรับใช้รับถุงทองไปแล้วคำนวณอย่างรวดเร็ว ก่อนพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เด็กชายจึงพยักหน้ากลับและเปล่งเสียง


“อีกสิบตำลึงทอง”


เงียบ... แล้วก็มีเสียงผู้เสนออีก สามสิบ... จากนั้นสี่สิบ เขานิ่งไป เหงื่อผุดบนไรผม เด็กชายสูดลมหายใจลึก


ครั้งสุดท้าย...


“สิบตำลึงทอง”


เสียงตอกไม้ประกาศกึกก้องทั่วหอ ผู้ประมูลหมายเลขสิบสอง ได้ไปในราคา... สามร้อยสิบตำลึงทอง หรูเสวียนทรุดนั่งลงอีกครั้ง เบาโล่งใจราวกับวิญญาณหลุดจากพันธนาการ มือเล็ก ๆ ถือพัดพับลงบนตักอย่างเหนื่อยล้า แต่แววตาเป็นประกายอย่างห้ามไม่อยู่ แพะตัวนั้น... เป็นของเขาแล้ว


เขานั่งฟังรายการถัดไปอย่างเงียบงัน ไม่ประมูลอีก ด้วยทรัพย์ในมือที่หมดไปกับเจ้าแพะสีเงิน


ยอดอาชาแห่งทุ่งหญ้าตอนเหนือถูกนำออกมา ม้าสีดำขลับแวววาว ร่างสูงเพรียวสง่างาม ผู้ดำเนินประมูลเอ่ยสรรเสริญถึงความสามารถของมัน และกล่าวถึงประวัติที่เคยร่วมขี่กับหวงตี้และกุ้ยเฟยลู่ในยามเสด็จประพาส ความรักของทั้งสองถูกกล่าวอย่างกลมกลืนกับคุณสมบัติของม้า


เขาได้แต่หลุบตาลง ห่อเหี่ยวอยู่ในอกโดยไม่ทราบสาเหตุ คล้ายลมหวนพัดกระทบใจแผ่ว ๆ ทั้งที่ไม่เคยอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ไม่อาจจับต้อง


หรูเสวียนนั่งพิงพนัก ปล่อยให้เสียงประมูลกลบความเงียบในหัวใจไปจนหมด กระทั่งราคาสิ้นสุดที่ 320 ตำลึงทอง... เพียงสิบตำลึงสูงกว่าเจ้าแพะของเขา


เมื่อการประมูลยุติ เด็กชายเดินออกมาจากซุ้มอย่างสงบเงียบ ซ่อนใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมเช่นเดิม ก่อนจะไปยังด้านหลังหอเพื่อรับแพะตัวที่เขาเพิ่งประมูลได้



จ่ายค่าแพะ 310 ตำลึงทอง


@Admin 

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 22293 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +5 EXP +15 คุณธรรม +8 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +6 EXP +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +3 EXP +6 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-8-29 20:53
โพสต์ 22,293 ไบต์และได้รับ +6 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-8-29 20:53
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หมวกถังเจียน
ผู้มีบุญ
แหวนดาราจรัส(D2)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x30
x1
x5
x1
x2
x2
x2
x2
x20
x5
x20
x20
x60
x4
x100
x4
x1
x47
x30
x20
x10
x10
x20
x5
x5
x2
x3
x12
x70
x64
x60
x20
x1
x1
x1
x1
x4
x3
x2
x4
x2
x4
x10
โพสต์ 2025-9-27 12:08:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 27 เดือน 9 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามซวี เวลา 20.00 - 21.00 น.
╰┈➤ พบเจอเว่ยชิง / เถียนเฟิง


แสงโคมแดงนับร้อยแขวนระยิบระยับอยู่เหนือโถงใหญ่ของหอว่านหงเหริน กลิ่นธูปหอมอวลอบอวลในอากาศ เสียงดนตรีสายบรรเลงประสานกับเสียงหัวเราะรื่นเริงของแขกเหรื่อผู้มั่งคั่งที่มาจากทั่วสารทิศ ทุกคนต่างรอคอยการประมูลครั้งสำคัญ— “ค่ำคืนแห่งความสุขกับเสวี่ยซี”

เสวี่ยซีในชุดผ้าไหมบางสีเงินขาว เดินก้าวออกมาจากหลังม่าน แสงไฟสาดกระทบเรือนกายอรชร ทำให้เขาดูดุจดวงจันทร์กลางราตรีที่ส่องสว่างในความมืด แขกหลายคนแทบกลั้นลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้างอย่างหลงใหล

เบื้องหลังเวทีเถ้าแก่หลิวไค่ยืนกอดอก ใบหน้าฉาบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขากระซิบสั่งลูกน้องที่อยู่ใกล้ “คืนนี้ ต้องทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงที่สุด อย่าให้เสียชื่อหอว่านหงเหริน ข้าจะคอยดูว่าไอ้เด็กงามนี่จะใช้เสน่ห์ของมันได้ดีแค่ไหน”

ดวงตาคมกริบของเขาหันไปจับจ้องที่เสวี่ยซีราวกับสัตว์นักล่ามองเหยื่อ และเพื่อไม่ให้ผิดพลาด เขาสั่งกำชับทันที “หากเห็นว่าแขกคนใดหมายตาเป็นพิเศษ… ให้รีบส่งสัญญาณ บังคับให้มันเดินเข้าไปคารวะ พูดจาหวานหู สร้างราคาให้สูงที่สุด ขืนมันทำพลาด… อย่าหาว่าข้าใจดี”

ลูกน้องก้มศีรษะรับคำ “ขอรับ เถ้าแก่”

เสวี่ยซีได้ยินบางส่วน หัวใจพลันหนักอึ้ง เขาเคยชินแล้วกับการเป็นเครื่องมือทางการค้าของหอ แต่ทุกครั้งที่ต้องยอมทำตามคำสั่ง กลับรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีหนามตำหัวใจ

“เสวี่ยซี เจ้าจงออกไปแสดงให้เต็มที่” เสียงเถ้าแก่หลิวไค่ดังลอดผ่านม่านมาอีกครั้ง “ค่ำคืนนี้ชะตาของเจ้าขึ้นอยู่กับราคาที่เจ้าเรียกได้ จำไว้!”

เสวี่ยซีหลับตาลงชั่วขณะ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามกักเก็บร่องรอยความเจ็บปวดไว้ใต้รอยยิ้มอันแสนอ่อนหวาน เขาเข้าใจดีว่า หากเขาฝืนหรือแสดงอาการไม่พอใจ แม้เพียงเล็กน้อย ย่อมต้องชดใช้ด้วยความทุกข์ที่หนักหนากว่าเดิม

เสียงฆ้องดังขึ้น การประมูลเริ่มต้น

“สามร้อยตำลึงทอง!” แขกผู้มั่งคั่งคนหนึ่งตะโกนขึ้น เสียงหัวเราะตามมาทันที
“สี่ร้อยตำลึงทอง!”
“ห้าร้อยตำลึงทอง!”

การต่อสู้เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงประมูลดังสลับกับเสียงหัวเราะเช่นระลอกคลื่น เสวี่ยซียังคงยิ้มละไม เขาก้าวลงจากแท่นทีละก้าว เดินเข้าไปใกล้แขกผู้เสนอราคาสูงที่สุดในตอนนั้น ค้อมศีรษะเล็กน้อย เอ่ยเสียงนุ่มดุจสายลม “ขอบพระคุณท่านที่ให้เกียรติ… ความเมตตาของท่านคือสิ่งล้ำค่าสำหรับข้า”

เพียงประโยคเดียว เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น แขกผู้นั้นหน้าแดงระเรื่อ ยกมือขึ้นอีกครั้ง “หนึ่งพัน!”

หลิวไค่หัวเราะเบา ๆ พลางพยักหน้าอย่างพอใจ เขาออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ดีมาก… ไปต่อ! ให้มันเดินไปหาท่านหญิงรองแห่งตระกูลเซียวด้วย นางมองอยู่หลายครั้งแล้ว”

เสวี่ยซีฝืนก้าวเท้าเข้าไปใกล้สตรีสูงวัยผู้มั่งคั่งที่นั่งอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงนอบน้อมราวผ้าแพร “ท่านหญิงโปรดอย่าได้อาย ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ท่านมองมาที่ข้า”

หญิงผู้นั้นหัวเราะเสียงหวาน ยกป้ายขึ้นทันที “พันสองตำลึงทอง!”

เสียงประมูลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ทุกครั้งที่เสวี่ยซีย่อตัวโค้งหรือเอ่ยวาจาแข็งใจพูดกับแขกผู้ใด ราคาก็พุ่งสูงขึ้นตามเกมที่หลิวไค่จัดวาง

แต่ในใจของเสวี่ยซี กลับรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินไปทีละน้อย เหมือนตนเองกำลังขายวิญญาณแลกกับเงินทองที่ไม่ได้ตกถึงมือเขาแม้แต่น้อย ร่างกายและชื่อเสียงของเขากลายเป็นเพียงเครื่องมือที่เถ้าแก่ใช้กอบโกย


ขณะเดียวกัน ที่มุมเงามืดของโถง จ้งชิงนั่งอยู่เงียบ ๆ สายตาคมคอยสังเกตการณ์ เขาเห็นทุกสิ่งทั้งการบังคับอันแยบยลของเถ้าแก่ และการฝืนยิ้มของเสวี่ยซีที่ซ่อนความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง จ้งชิงกำหมัดแน่น แต่ยังมิได้ก้าวออกมา

“เจ้าเด็กน้อย…” เขาพึมพำในใจ “เจ้าถูกขังอยู่ในกรงทองเช่นนี้ได้อย่างไร”


เสียงประมูลยังดำเนินต่อ แขกเหรื่อเริ่มแข่งกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

“พันสาม!”
“พันสี่!”
“พันห้า!”

หลี่หยางที่นั่งอยู่ใกล้แท่นประมูลกัดฟันกรอด เขาเฝ้ามองเสวี่ยซีด้วยแววตาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดและเสน่หา ในใจของเขายังคงยึดติดกับอดีตสิบปีที่อยู่ร่วมกัน ความโกรธและความหวงพัดกระหน่ำ เขาลุกขึ้นประกาศเสียงดังลั่น “สองพัน!”

ทั้งหอเงียบกริบไปชั่วขณะ ทุกคนต่างมองหน้าหลี่หยางและหันไปมองเสวี่ยซี แววตาของเสวี่ยซีสั่นสะท้านทันที เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตานานเกินไป

แต่ก่อนที่ความเงียบจะสิ้นสุด เสียงทุ้มทรงอำนาจก็ดังขึ้นแทรก บดขยี้บรรยากาศทั้งหอให้แตกกระจาย
“สามพันตำลึงทอง!”

เสียงนั้นกึกก้อง ราวกับประกาศิตสวรรค์แขกทุกคนหันไปพร้อมกัน ก็พบกับบุรุษสูงใหญ่ในอาภรณ์สีดำเข้ม ใบหน้าคมกริบ ดวงตาคมดุราวพยัคฆ์ผู้ไม่เคยปราชัย เถียนเฟิง

เขาก้าวออกมาจากเงามืด สายตาจ้องตรงไปที่เสวี่ยซีเพียงผู้เดียว ในแววตานั้นไม่เพียงมีความโกรธ แต่ยังเต็มไปด้วยความครอบครองและหวงแหนที่เด่นชัดจนทำให้หลายคนขนลุก

เถ้าแก่หลิวไค่ถึงกับกลืนน้ำลาย แม้ใจโลภจะยินดีที่ราคาพุ่งสูงถึงเพียงนี้ แต่ก็อดสั่นสะท้านต่ออำนาจของบุรุษตรงหน้าไม่ได้

เสวี่ยซีใจเต้นรัว เขาสับสน หวาดหวั่นแต่ก็เหมือนถูกตรึงไว้ด้วยสายตาคมกริบของเถียนเฟิง ราวกับหนีไปที่ใดก็ไม่พ้น

ผู้ประกาศเสียงสั่น รีบตะโกนตัดสิน “สามพันตำลึงทอง! ไม่มีใครกล้าสู้… ค่ำคืนนี้เป็นของท่านเถียนเฟิง!”

เสียงฆ้องดังสนั่น แขกทั้งหอต่างอึ้งงัน บ้างถอนหายใจ บ้างสบถเบา ๆ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดเถียนเฟิง

หลี่หยางหน้าเคร่งเครียด กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ เลือดซึมออกมา เขามองเสวี่ยซีที่ถูกเถียนเฟิงมุ่งตรงเข้ามาคว้าแขน รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกขาด แต่ไร้อำนาจจะขัดขวาง

เถียนเฟิงกระซิบเสียงต่ำที่ข้างหูเสวี่ยซี น้ำเสียงทั้งกร้าวและแฝงความเจ็บปวด “ซีเอ๋อร์… เจ้ากล้าให้ใครประมูลเจ้าเช่นนี้หรือ”

ก่อนที่เสวี่ยซีจะทันตอบ เถียนเฟิงก็ลากเขาออกไปจากหอ ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ สายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ความริษยา และความเวทนา



เสียงกีบม้าดังสะท้อนในความเงียบงันของราตรี ด้านนอกหอว่านหงเหรินเพิ่งสงบลง แต่ในใจของเสวี่ยซีกลับคล้ายพายุที่กำลังซัดสาด เขาถูกเถียนเฟิงจับข้อมือแน่นจนแทบเจ็บ ร่างบางถูกลากขึ้นรถม้าส่วนตัวที่ประดับตราสัญลักษณ์ต้าซือคง ทุกคนในหอต่างได้แต่มองตามโดยไร้ผู้ใดกล้าขัดขวาง

ภายในรถม้าเงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจหนักหน่วงของเถียนเฟิงและเสียงหัวใจเต้นระรัวของเสวี่ยซี ร่างสูงใหญ่นั่งพิงข้างฝา แต่ดวงตาคมกลับจ้องมาที่เสวี่ยซีไม่กะพริบ แววตานั้นเต็มไปด้วยโทสะ ความหวงแหน และความเจ็บปวดที่คุมไม่อยู่

“ซีเอ๋อร์…” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นในความเงียบ “เจ้ากล้าให้คน…ประมูลเจ้าเช่นนั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าแทบคลั่งแค่ไหน”

เสวี่ยซีเม้มริมฝีปากแน่น เขาพยายามพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่ได้อยากเช่นนั้น มันเป็นคำสั่งของเถ้าแก่หลิวไค่ หากข้าขัดใจ ข้าจะ…”

“หุบปาก!” เถียนเฟิงตวาดเสียงดัง ร่างบางสะดุ้งเฮือก เขารีบก้มหน้าหลบตา แต่ในอกกลับสั่นสะเทือน

เถียนเฟิงโน้มตัวเข้ามาใกล้ กระชากคางเสวี่ยซีขึ้นบังคับให้สบตา ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความกร้าว “ต่อให้เจ้าอ้างว่าเป็นคำสั่ง ต่อให้เจ้าถูกบังคับ แต่เจ้าก็ยังยิ้มให้พวกมัน! เจ้ายังย่อตัวโค้งเหมือนเต็มใจจะมอบหัวใจ”

“ข้าไม่ได้” เสวี่ยซีรีบส่ายหน้า ดวงตาสีอำพันคลอน้ำตา “ข้าเพียงแสดงตามที่เขาสั่ง หากไม่ทำเช่นนั้น ข้าจะถูกลงโทษ”

เถียนเฟิงกัดฟันกรอด นิ้วมือที่จับคางแน่นขึ้น “แล้วเจ้าคิดบ้างหรือไม่ ว่าข้าที่นั่งดูอยู่นั้น…ข้าแทบจะฆ่าพวกมันทั้งหมดเพียงเพราะสายตาที่พวกมันมองเจ้า”

เสียงคำรามนั้นเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เสวี่ยซีตัวสั่น รู้สึกทั้งกลัวและสับสน เขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าความหึงหวงของเถียนเฟิงทำให้หัวใจเขาสั่นไหวอย่างประหลาดรถม้าแล่นมาถึงจวนต้าซือคงอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูใหญ่เปิดออก เถียนเฟิงก็ลากเสวี่ยซีลงมาโดยไม่สนใจสายตาบ่าวไพร่ ทุกคนรีบก้มหน้าหลบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 25160 ไบต์และได้รับ 12 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +10 EXP +15 คุณธรรม +15 ความโหด จาก โดดเด่นมีเอกลักษณ์  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +9 EXP +9 คุณธรรม +9 ความโหด จาก แหวนหยกสลักนาม   โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม จาก ยาหยกบูรพา  โพสต์ 2025-9-27 12:08
โพสต์ 25,160 ไบต์และได้รับ +6 EXP +6 คุณธรรม +6 ความโหด จาก พู่หยกสลักลายมังกร  โพสต์ 2025-9-27 12:08
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ปิ่นปักผมหยกขาว
 มีดสั้นเงาจันทร์
ชุดวสันต์ลีลา
คัมภีร์ดาราศาสตร์ตงฟาง
โดดเด่นมีเอกลักษณ์
พู่กันดาราศาสตร์
แหวนหยกสลักนาม
ยาหยกบูรพา
พู่หยกสลักลายมังกร
กระบี่คู่สลักจันทรา
แหวนดาราจรัส(D)
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x1
x40
x2
x7
x1
x2
x2
x1
x6
x1
x8
x2
x10
x7
x12
x26
x48
x8
x24
x24
x5
x2
x10
x1
x2
x12
x30
x21
x5
x6
x2
x1
x10
x5
x60
x90
x60
x5
x2
x120
x6
x17
x20
x2
x20
x2
x2
x2
x3
x2
x2
x3
123
ตั้งกระทู้ใหม่ กลับไป
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้