เจ้าของ: Watcher

[หอประมูลสือฟั่ง] *เปิดการประมูลรอบใหม่ ลงชื่อได้เลย

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2025-6-19 18:50:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ สิบเก้า เดือน ห้า รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามอู่ เวลา 11.20 เป็นต้นไป ณ หอประมูลสือฟั่ง ประตูหลัง


          และแล้วจากการรออันยาวนาน (?) ตรงไหน ไม่มั้ง พ่อบ้านก็เดินกลับมาจากภายในอย่างไร้ซุ่มเสียง ราวกับเงาล่องเรือยามค่ำคืนโดยที่ข้างกายของเขาคือชายหนุ่มร่างสูงผู้แต่งกายด้วยชุดผ้าทอเส้นเรียบหรูแบบคนหนานเจ้าอย่างชัดเจน ผ้าสีสรรละลายตา ดวงตาคมผิวขาวแต่ตาเข้ม ผ้าเส้นพริ้วสีสด ๆ ท่านพ่อบ้านเมื่อเดินออกมาก็ค้อมศีรษะลงต่ำในระดับที่นับว่านอบน้อมกว่าปกติเป็นสองช่วงลมหายใจ ท่าทางนอบน้อมเหมือนกับคนที่กำลังทำธุรกิจพันล้านก็ไม่ปานจากที่ดูแล้วน่าจะใช่แน่ ๆ เพราะท่าทางนั้นมันชัดเจนมากเกินจะเอ่ย

          “ขอบพระคุณท่านมาก นายท่านของเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับท่าน” น้ำเสียงของท่านพ่อบ้านนุ่มนวลแบบมืออาชีพราวกับทำสิ่งนี้มาเป็นพันครั้ง “ส่วนเรื่องผ่านด้าน ท่านไม่ต้องกังวนเลยแต่อย่างใด นายท่านข้ามีบุตรีเป็นถึงพระสนมระดับเฟยอยู่ในวังหลวง หากถือ ตรานั้นเดินทางเข้าสู่ฉางอัน จะไม่มีใครกล้าแตะต้องท่านได้เพราะเกรงบารมีแน่นอน”

          คำพูดสิ้นสุดพร้อมกับการคำนับอีกคราทุกถ้อยคำที่เปล่งออกมาด้วยความราบเรียบอันหนักแน่นที่แม้จะไม่ใช่คนของราชสำนักก็ยังรู้ดีว่าการเอ่ยเช่นนี้หมายถึงเครือข่ายที่มีบารมีที่แผ่ซ่านจนคลุมท้องฟ้าแบบสายใยที่ชอนใชเช่นหนอนในดินร่วนซุย พ่อบ้านหันกลับมา ดวงตาคมกรบกวาดมายังเด็กสาวเพียงผู้เดียวที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ อย่างมีวินัยตรงทางเข้าออกด้านหลัง เธอแทบไม่ขยับออกไปจากที่ตรงนั้น ดวงตาสีใสของเธอเหมือนกับไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหน นางดูซื่อจนน่าใช้งานจนน่าใจหาย แบบนี้สิ ไม่พูดไม่ถาม ใช้งานง่าย ๆ ค่อยคุ้มกับการรับนางเข้ามาทำงานที่จวนโอวหยางเสียหน่อย พ่อบ้านมีแววชื่นชมอยู่ลึก ๆ แต่ไม่นานเขาก็กล่าวคำด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต้องแสดงออกมากนักก็รู้ว่าเป็นคำสั่ง

          “กลับได้แล้ว”

          เด็กสาวรีบโค้งศีรษะทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่จะหมุนตัวไปทางชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เธอก้มศีรษะคำนับอย่างสงบเรียบร้อยด้วยมารยาทที่เหมาะแก่สถานะ เด็กสาวบ้าน ๆ คนหนึ่งที่รู้ดีว่าเมื่อใดควรก้มให้ต่ำเท่าที่จะทำได้ตามมารยาท ชายหนุ่มจากหนานเจ้ามองเธอเพียงชั่วครู่วูบเดียวของเสี้ยวใจ สายตานั้นกวาดต่ำลงมาแตะบริเวณเรียวคอขาวที่พ้นจากปกเสื้อนางแล้วหยุดอยู่ตรงนั้นคล้ายการประเมินบางอย่างแล้วพรายหางตากลับไปโดยไร้คำกล่าว เหมือนกับประเมินราคาเสร็จเรียบร้อยแล้วหรืออาจจะยังไม่แน่ใจราคาของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าว่าจะไปได้สูงถึงขนาดไหน

          หน้าตาอย่างกับคนกำลังประเมินสินค้าส่งออกอย่างรอบขอบ หลินหยาอยากเบ้ปากในใจยืดตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินตามพ่อบ้านกลับด้วยท่าทีเรียบร้อยที่สุด ในใจกำลังคิดว่า อย่ามากินข้านะ ข้าไม่ใช่หมูพะโล้บะช่อนะโว้ยยย ขอร้องงง โลกนี้มาเถื่อนจริง ๆ หนูจะโดนหั่นไหมเนี้ย

          ก่อนที่หลินหยาและท่านพ่อบ้านจะเดินกลับจวนโอวหยางไปด้วยกัน หลินหยาไม่ได้ถามว่าเขาเป็นใคร เธอไม่แม้แต่จะพูดอะไร เดินตามท่านพ่อบ้านกลับจวนโอวหยางอย่างสงบเสงียมยิ่งนัก ดวงตาของเธอยังคงเป็นแม่สาวตาใสตัวเล็กจิ๋วเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ท่าทางแล้วจะไม่มีความเครียด หากแต่ใครจะรู้ว่าภายในดวงตาใสนั้นกำลังไล่เรียงรายชื่อ เฟย ของสกุลโอวหยางแล้วเธอก็เหมือนกับคิดว่า..แล้วทำไมปล่อยให้เข้ามาถึง 3 คนกัน? ผ่านคนที่ต้องตรวจสอบมาขนาดนี้ได้อย่างไร? เจตนาชัดเจนถึงเพียงนี้? นี้สินะ พลังของสิ่งที่เรียกว่าอำนาจเงิน นั้นแหละ หากเป็นเช่นนั้นมันก็มองออกง่าย ๆ พลังของเงินตรา พลิกไม่ได้ เป็นได้ พลิกได้เป็นไม่ได้ ก็มีเยอะแยะ โลกนี้นะ...ช่างโสมมจริง ๆ



@Admin


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้)
มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่
อื่น ๆ: -
รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

คุณตกเป็นเป้าหมายขององค์กรปริศนา มีองค์กรลึกลับจากเงามืดซุ่มดูหลังโรงประมูลตลอดทั้งวัน และจดบันทึกทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง  โพสต์ 2025-6-19 19:13
โพสต์ 10118 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-19 18:50
โพสต์ 10,118 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ผู้มีบุญ  โพสต์ 2025-6-19 18:50
โพสต์ 10,118 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม จาก ทักษะนักดนตรีข้างถนน  โพสต์ 2025-6-19 18:50
โพสต์ 10,118 ไบต์และได้รับ +3 ความชั่ว +5 ความโหด จาก ขลุ่ย  โพสต์ 2025-6-19 18:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-6-30 23:58:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ผู้กลืนฏีกาพันเล่ม
วันที่สามสิบ อู่เยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
กลางยามโหย่ว ( 18.00 น. )


   ได้ข่าวคราวว่าหอประมูลครานี้มีของน่าสนใจไม่หยอก เว่ยเจียมู่หงก้าวเดินเข้ามาภายในหอประมูลสือฟั่ง ดวงตาคมราวกับจิ้งจอกเฒ่าไล่มองผู้คนราวกับต้งการจดจำใบหน้าของเหล่าผู้มือเติบนี้ไว้ ร่างสูงเดินตรงไปยัง ณ จุดลงทะเบียนประมูลเงินทองทั้งหลาย การเข้าร่วมมานั่งชมเฉย ๆ คงจะไม่ดีนักจึงลงนามร่วมประมูลในครานี้ด้วย

   มือหนาตะหวัดพู่กันลงชื่อ เว่ยเจียมู่หง รับม้วนกระดาษและแผ่นป้ายประจำตนเองเพื่อเรียนรู้การประมูลและได้ดูรายละเอียดของประมูลทั้งหลาย

   ดูเหมือนว่าเขาาจะได้ของที่เอาไปง้อเหม่ยเหมยคนดีของเขาที่เสียใจจากบิดาหลายชิ้นเชียว

ลงทะเบียน 20 ตำลึงทอง









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 4261 ไบต์และได้รับ 1 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-6-30 23:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-7-12 23:24:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 30 อู่เยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามอู่ (เวลา 11.00 - 13.00 น.)


ยามค่ำคืนคืบคลาน แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องลงมายังเรือนพำนักของหรงป๋อเหวิน บัณฑิตหนุ่มรูปงามผู้เปี่ยมด้วยสติปัญญา ทว่าในใจเขามิได้สงบเงียบดุจราตรีที่ล่วงเลย ข่าวคราวการประมูล ณ หอประมูลสือฟั่ง ที่ร่ำลือไปทั่วหล้าสร้างความสนใจใคร่รู้ให้แก่เขายิ่งนัก

สาเหตุแห่งความกระวนกระวายมิใช่สิ่งใดอื่น นอกจากความห่วงใยในน้องสาวคนเล็ก หรงซิ่วอิงผู้เป็นที่รักยิ่งของเขา นางจากบ้านไปรบยังแนวหน้าเกือบหนึ่งเดือนเต็ม ข่าวคราวเงียบหายไปดุจสายลม ยามนี้นางคงกลับมาถึงในไม่ช้านี้เป็นแน่ เขาในฐานะพี่ชายย่อมร้อนใจเป็นธรรมดา สิ่งที่ทำได้มีเพียงส่งใจไปให้ห่าง ๆ รอคอยการกลับมาของน้องสาวด้วยใจจดใจจ่อ

เมื่อนึกถึงรอยยิ้มสดใสของน้องสาวผู้หาญกล้า ดวงตาของหรงป๋อเหวินก็อ่อนโยนลง เขาตั้งใจไว้ว่าเมื่อน้องสาวกลับมาอย่างปลอดภัย จะมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนความเหนื่อยยากและเป็นขวัญกำลังใจให้นาง

วันรุ่งขึ้นในยามอู่ ป๋อเหวินจัดแจงแต่งกายอย่างเรียบร้อย ท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคักของเมืองหลวง เขามุ่งหน้าสู่หอประมูลสือฟั่ง อาคารโอฬารตระหง่านที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางนคร เสียงจอแจของผู้คนและกลิ่นหอมของเครื่องหอมชั้นดีคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

เมื่อมาถึง เขาเดินตรงไปยังจุดลงทะเบียนเพื่อแจ้งความจำนงในการเข้าร่วมการประมูลล่วงหน้า ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศก ปีที่ 11 โดยเลือกที่นั่งส่วนตัวที่มีม่านบังเพื่อความเป็นส่วนตัวเล็กน้อย เขาชำระเงินไป 20 ตำลึงทอง ซึ่งถือเป็นราคาที่ไม่น้อยสำหรับการจองที่นั่งระดับนี้ หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย เขาได้รับม้วนกระดาษอธิบายกติกาการประมูลและขั้นตอนการเข้าร่วมโดยละเอียด ป๋อเหวินคลี่ม้วนกระดาษออกอ่านคร่าว ๆ ขณะที่เดินออกจากหอประมูล ในใจคิดถึงสิ่งของที่อาจปรากฏในรายการประมูลซึ่งจะถูกส่งมาให้ในภายหลัง เขามุ่งหน้ากลับเรือนพำนักด้วยความหวังว่าสิ่งของล้ำค่าชิ้นนั้นจะปรากฏขึ้นเพื่อรอให้เขาประมูลไปมอบให้ซิ่วอิง น้องสาวผู้หาญกล้าของเขา




ลงทะเบียนเข้าร่วมประมูล 20 ตำลึงทอง

@Admin 






แสดงความคิดเห็น

ดี: 5.0
ดี: 5
  โพสต์ 2025-7-13 00:21
โพสต์ 8,173 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +1 ความโหด จาก ง้าวปีศาจปลา  โพสต์ 2025-7-12 23:24
โพสต์ 8,173 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +3 ความโหด จาก มีดแล่เนื้อ  โพสต์ 2025-7-12 23:24
โพสต์ 8173 ไบต์และได้รับ 4 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-12 23:24
โพสต์ 8,173 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-7-12 23:24
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x30
x30
x10
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x142
x4
x133
x186
x200
x399
x684
x707
x4
x4
x8
x4
x5
x20
x4
x599
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x687
x228
x438
x44
x531
x19
x14
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-7-13 00:03:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 30 เดือน 5 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ณ ถนนสิบลี้ หอประมูลสือฟั่ง


แสงแดดยามสายกรองผ่านม่านโปร่งสีงาช้างของเรือนหอประมูลสือฟั่งอย่างนุ่มนวล บรรยากาศภายในหอประมูลแห่งนี้กลับไม่เร่งเร้า โคมทองทรงดอกเหมยที่ประดับอยู่เรียงรายบนเพดานโค้งต่ำให้แสงสว่างละมุนไม่ต่างจากแสงเทียน เสียงอาภรณ์ผืนบางลากผ่านพื้นพรมผ้าทอเก่าหรูหรานั้นดังแผ่วเบา ทว่ากลับสะท้อนภาพของบรรดาผู้เข้าร่วมประมูลในระดับชนชั้นสูงของเมืองหลวงอย่างชัดเจน


ร่างอรชรของหรงเล่อในอาภรณ์เรียบหรูสีอ่อนอวดเรือนผมน้ำตาลขลับถักเป็นเปียแนบศีรษะอย่างพิถีพิถัน นางเดินเคียงมากับบิดาหวยหนานหวาง หลิวอัน ผู้มีบารมีในราชสำนัก ทั้งสองก้าวเข้ามาในหอประมูลด้วยท่วงท่ามั่นคงตามฐานะของขุนนางใหญ่และบุตรีเพียงผู้เดียวของจวน "เชิญหวยหนานหวางและธิดาลงทะเบียนทางนี้เพคะ" ผู้นำทางผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมประคองกายคำนับอย่างสุภาพ


หลิวอันเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำกล่าวใด ๆ ก่อนจะหยิบหยกแผ่นหนึ่งออกมาเป็นตราสัญลักษณ์ของจวนหลวง และจ่ายตำลึงทองจำนวน 20 ตำลึงสองที่ให้ตนเองและบุตรีให้แก่เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมอำนาจ "จดชื่อข้าลงในส่วนของหรงเล่อเสีย" เสียงทุ้มนิ่งที่เปี่ยมด้วยอำนาจของหลิวอันเอ่ยเรียบ ๆ พลางผายมือให้บุตรีที่ยืนอยู่เคียงข้าง


หญิงสาวระบายยิ้มบางขณะรับม้วนกระดาษผูกเชือกทองจากเจ้าหน้าที่ พอเปิดออกก็พบรายละเอียดกติกาการประมูลเรียงรายชัดเจนทั้งข้อจำกัด จำนวนเงินประมูลขั้นต่ำ ช่องทางชำระเงินและคำเตือนเรื่องการรักษาความลับของผู้ประมูลแต่ละคน 


"ห้องส่วนตัวหมายเลขสิบสอง ทางขึ้นฝั่งทิศเหนือ มีม่านผ้าหลัวบังสายตาให้เป็นส่วนตัวทุกประการ ขอให้โชคดีในการประมูลเพคะ" นางรับคำอย่างสุภาพเพื่อแจ้งไว้ก่อนเผื่อองค์หวางเย่มีประสงค์อื่น แต่หลิวอันกลับหันมาทางหรงเล่อบุตรีของตนเอง "ครั้งนี้อย่าตื่นเต้นนัก ดูให้ดี อย่าหลงเชื่อวัตถุแปลกที่ไม่มีประโยชน์" หรงเล่อก็เพียงพยักหน้ารับอย่างนอบน้อมแต่ในใจกลับเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น


"เพคะ ท่านพ่อ" นางตอบเบา ๆ ขณะกางม้วนกระดาษตรงหน้าอ่านรายละเอียดอีกครั้งอย่างตั้งใจ แววตาคู่สวยฉายประกายความคาดหวังเล็ก ๆ สำหรับสิ่งที่อาจมีค่าต่ออนาคตของใครบางคนในใจของนาง "นาน ๆ ทีจะได้เข้าร่วมงานประมูลเช่นนี้...ข้าต้องไม่กลับบ้านมือเปล่าแน่ ๆ" นางกระซิบเบา ๆ กับตัวเองด้วยรอยยิ้ม สายตานางเปี่ยมด้วยความตั้งใจเช่นเดียวกับเจ้ากระต่ายน้อยที่พร้อมกระโจนสู่ทุ่งแห่งโชคชะตา



@Admin 


อื่น ๆลงทะเบียนเข้าร่วมประมูล 20 ตำลึงทอง

แสดงความคิดเห็น

ดี: 4.0
ดี: 4
  โพสต์ 2025-7-13 00:20
โพสต์ 13057 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-13 00:03
โพสต์ 13,057 ไบต์และได้รับ +4 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-13 00:03
โพสต์ 13,057 ไบต์และได้รับ +5 EXP +2 คุณธรรม +2 ความชั่ว +2 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-13 00:03
โพสต์ 13,057 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-13 00:03
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-7-13 01:35:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WeijiaLianhua เมื่อ 2025-7-13 01:38


ผู้กลืนฏีกาพันเล่ม
วันที่ห้า ลิ่วเยว่ เจี้ยนหยวนศกที่สิบเอ็ด
ยามซวี ( 20.00 น. )


   เมื่อถึงวันเวลาที่ได้กำหนดไว้เป็นวันประมูลสินค้า ก็ได้เวลาของการเข้าร่วมงานประมูล ณ หอประมูลสือฟั่ง ร่างสูงเจ้าของนาม เว่ยเจียมูหง ผู้เป็นผู้ตรวจการขุนนางทั้งราชสำนักต้าฮั่นได้เดินเข้าไปยังที่นั่งม่านฉากกั้นที่เขาได้ลงทะเบียนไว้ ตามที่เขาต้องตรวจสอบผู้คนภายในงานนี้ ไหนเลยจะอาจหาญไปนั่งแสดงตนกลางงานประมูลให้เหล่าเสนาอำมาตย์ขุนนางกังฉินรู้เนื้อรู้ตัวกัน

   ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามได้ในการรอให้ที่นั่งทั้งหลายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทางเถ้าแก่หอประมูลสินค้านี้ก็เริ่มดำเนินการจัดการประมูลสินค้าทั้งหลายในยามย่ำค่ำผู้คนเลิกงานเหมาะแก่การเริ่มการประมูลค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นหินเพลิงฟ้างดงามจำนวนห้าก้อน ถูกตกเป็นของพ่อค้าอันมีนามว่าโจวจินหนึ่งก้อนและที่เหลืออยู่ในมือของรองผู้ว่าฉางอัน—โอวหยางเป่าเฉิง

   มีเงินเหมาอัญมณีก้อนเล็กถึงเพียงนี้เชียว—

   เว่ยเจียมู่หงทำได้เพียงทดเอาไว้ในใจก่อนที่จะนั่งฟังรายการสินค้าใช้ประมูลต่อไป สินค้านั้นคือเตาวิญญาณ ตัวสินค้าไม่เท่าไหร่ ทว่าชื่อผู้ชนะประมูลอย่าง หรงป๋อเหวิน ทำเอาคิ้วเรียวของผู้ตรวจการขุนนางกระตุกเล็กน้อย ผู้ใดกันจะไปคาดคิดว่าบุรุษผู้เป็นหนึ่งนซานไถขึ้นตรงต่อต้าซือและหวงตี้จะมาประมูลสินค้าที่แห่งนี้

   การประมูลสินค้ามากมายผ่านไป สินค้าที่เขาไม่คิดว่าจะมีอย่างช่อเมล็ดข้าวมงคลที่ย้ำนักหนาว่าเป็นของจากพระสนมลูากุ้ยเฟย ทำเอาร่างสูงหลังม่านกั้นขบขันออกมาเบา ๆ ผู้ใดกันจะโง่มองไม่ออกว่ามันเป็นของปลอม พระสนมลู่กุ้ยเฟยน่ะหรือจะมาเอาของทำมือสำหรับฝ่าบาทมาประมูลขาย

   ยกเว้นว่าจะไปฉกชิงของหลวงต้องโทษประการเชียว—

   “เว่ยเจียมู่หง เพิ่ม 10 ตำลึงทอง—”

   เขาเพียงแค่ประมูลให้เนียนไปกับฝูงชนก็เท่านั้น เมื่อมีผู้อื่นเกทับก็ปล่ยอของเช่นนี้ไป หัวของเขาคิดไว่ว่าคงราคาไม่เกิน 50 ตำลึงทองกระมัง

   “เมล็ดข้าวมงคล 80 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน ตกเป็นของ—”

   หาสังเกตในแววตาของบุรุษผู้นี้นั้น เขาได้เหม่อมองไปแสนไกลเสียแล้ว…

   ต่อจากการประมูลช่อเมล็ดข้าวที่เขารู้สึกเกินความคาดหมายไปไกลโขก็มาถึงสินค้าประมูลที่เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจอยู่พอควร ไร่ชาเขตเมืองอู๋ ถึงจะไม่ใช่เขตใกล้ฉางอัน ลั่วหยาง หรือ หนานหยาง แต่หากได้มาในมือก็คงไม่ใช่สินค้าประมูลที่่ย่ำแย่เท่าใดนัก

   “นายท่านโอวหยางเสนอเพิ่ม 40 ตำลึงทอง”

   “เว่ยเจียมู่หงเสนอเพิ่ม 10 ตำลึงทอง”

   “หรงเล่อเสนอเพิ่ม 10 ตำลึงทอง โอ้! หรวป๋อเหวินประมูลเพิ่มอีก 10 ตำลึงทอง!!!”

   จากการประมูลเพียงเพื่อให้กลืนไปกับฝูงชนกลายเป็นการประมูลเอาชนะเสียอย่างนั้น การยกป้ายเพิ่มราคามากมายส่งให้ค่าที่ดินของไร่ชานี้สูงขึ้นไปอีกและ—

   “เว่ยเจียมู่หรองเสนอเพิ่มอีก 20 ตำลึงทอง ราคาตอนนี้เป็น 240 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน”

   การเกทับราคาที่คิดว่าน่าจะมีคนประมูลต่อทำให้เขาหลวมตัวกลายเป็นผู้ชนะการประมูลไร่ชาเสียแล้ว จากนั้นเขาก็ไม่ได้มีจิตใจจะชมการประมูลวังใต้บาดาลเท่าไหร่นัก รู้เพียงรายนามคุ้ยเคยอย่าง หรงป๋อเหวิน เป็นผู้ชนะไป

   นี่เขาต้องตรวจสอบบุรุษแซ่หรงผู้นั้นหรือไม่กัน ?

   ครั้นการประมูลจบสิ้นก็ได้เวลาชำระค่าสินค้าประมูล—ไม่สิมันคือการเดินไปรับกรรมโดยแท้

   เว่ยเจียมู่หง— สำนักงานราชวินิจฉัยแห่งต้าฮั่นกำลังใช้ดวงตาคมจดจำรายละเอียดทั้งหลายของสถานที่แห่งนี้ก่อนจะเดินออกจากที่นั่งหลังผ้าม่ายกั้นของตน ทั้งสินค้าที่นำมาประมูล ทั้งมูลค่าที่ผู้ร่วมงานในวันนี้ประมูลได้ เขาผู้ที่ต้องตรวจสอบหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะรายการใหญ่ว่าผู้ใดกันประมูลทั้งไร่ชา ทั้งวังมังกรได้

   แต่เหตุใดกันเขาถึงเผลอพลั้งมือยกประมูลไร่ชาไปได้กัน—

   เพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างของการเข้าร่วมประมูลในครานี้ว่าเข้าประมูลในนามของพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋จึงทำให้เขาแอบรู้สึกขนลุกซู่อยู่เนือง ๆ หากต้องเอ่ยบอกกับเหม่ยเหมยว่าเขาประมูลไร่ชาให้นางได้

   “หากมีสิ่งใดน่าสนใจท่านก็ประมูลมาก็แล้วกัน”

   น้ำเสียงของพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋ดังก้องราวกับเตือนใจเขาว่านางแม้ไม่ได้เอ่ยปากบอกอยากได้สิ่งใด ทว่าสิ่งที่เขาใช้บัญชีของนางในการประมูลย่อมต้องเป็นสิ่งที่มั่นใจว่านางจะพอใจเป็นขั้นต่ำ เช่นนั้นแล้ว—บุรุษผู้เป็นซื่อยู่สื่อยามปกติเคยครุ่นคิดวิธีการตรวจสอบขุนนางมากมาย ยามนี้ต้องมานั่งสรรหาวิธีการมากมายว่าจะนำเสนอนางเช่นไรดีใหนางรู้สึกสนใจไร่ชานี้

   ความวุ่นวายใจทั้งหมดอยู่ภายในใจเป็นหมื่อนล้านคำ แต่ไม่อาจแสดงออกมาได้สักคำ ทำได้เพียงกระชับแว่นสายตาบนใบหน้าของตนเองเพื่อตั้งสติให้มั่น

   บัดนั้นน้ำเสียงหวานที่เป็นดั่งเสียงนกการเวกแว่วเข้ามานักเขา ใบหน้าคมคายผินมองสตรีงามแล้วพบกับใบหน้าคุ้นเคยลาง ๆ หลิวหรงเล่อ—บุตรีแห่งหวยหนานหวาง นี่เอง เขายกมือตอบรับคำคำนับของสตรีตรงหน้าก่อนที่จะยกมุมปากขึ้นแสดงรอยแย้มสรวลทั้งงดงาม อ่อนโยน และมีความเอ็นดูอยู่ในที

   “หากกู่เหนียงเอ่ยเช่นนั้นแล้ว ข้าขอเรียนถามได้หรือไม่ว่าท่านจะเอาไร่ชานี้ไปด้วยเหตุใด ? ”

   ติดตามที่โรลของ @LinYa

   คำก็ความลับ สองคำก็ความลับ

   ครั้นเมื่อดวงตาคมเลื่อนไปมองรอบกายเป็นการยืนยันว่าเสี่ยวกู่เหนียงนางนี้หาได้มากับผู้ใดไม่ ใบหน้าของบุรุษผู้ที่มักจะสวมหน้ากากสังคมแย้มยิ้มพิธีการดูอ่อนลงอยู่สามส่วน ราวกับว่ากำลังเอ่ยสนทนากับน้องสาวของเขา สตรีผู้ที่เขากำลังพยายามเชื่อมไมตรีต่อนางอีกครา และน้องสาวแท้ ๆ อีกคนที่เขาจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อใดกันที่นางจะแย้มยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจ

   ที่จริง ไม่ว่าจะเว่ยเจียเหลียนฮวา หรือ เว่ยเจียอิงฮวา ต่างถูกสังคมหล่อหลอมจนไม่อาจเป็นเด็กสาวสดใสเช่นเดิมได้อีกต่อไป การที่เขาได้พิศมองความบริสุทธิ์ของเสี่ยวกู่เหนียงตรงหน้า ในฐานะเกอเกอที่มีเหม่ยเหมยถึงสองคนย่อมใจอ่อนเป็นธรรมดา

   เว่ยเจียมู่หงกระแอมไอเล็กน้อยก่อนที่เขาจะกระชับแว่นที่ดวงตาซ้าย แม้ว่าท่าทางนี้จะเป็นนิสัยติดกายไม่อาจห้ามได้ ทว่ามันกลับเสริมให้เขาดูเป็นผู้ทรงภูมิและขับให้ดวงตาคมวาวใสในเวลาเดียวกัน เขาที่จริง ๆ แล้วก็กำลังเดือดร้อนในแง่ของการหาวิธีอธิบายเหม่ยเหมยผู้เป็นถึงพระสนมเว่ยเจียเสียนอี๋นั้นได้รับข้อเสนอแนะเช่นนี้ไยเขาจะไม่สนใจ

   เขามิได้ต้องการเก็งกำไรแม้เพียงน้อย เพียงแค่ว่าต้องการมั่นใจว่าผู้ที่รับไปนั้นได้ใช้ประโยชน์เพื่อหน้าที่การงานหาได้นำไปซักฟอกเงินตราเป็นแหล่งผิดกฎหมายบ้านเมืองต่อไป

   “เช่นนั้นราคาของไร่ชา 240 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงินนี้ ข้าขอเพิ่มเพียงขั้นต่อ 10 ตำลึงทองเท่านั้น” วจีทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับเลื่อนเรียวนิ้วสีซีดเอกลักษณ์ของบุรุษผู้ทำงานนั่งโต๊ะตลอดเวลามาวางบนริมฝีปากที่แย้มยิ้มไม่คลาย ดั่งสัญลักษณ์การเงียบปากเก็บคำไม่เอ่ยวาจา “ถือเสียว่าเป็นค่าเก็บความลับของข้ากับเสี่ยวกู่เหนียงก็แล้วกัน”

   การนางมาเพียงผู้เดียวย่อมเป็นการดีต่อการไม่แสดงตัวตนของเขา หากว่านางจดจำนามไปเรียนแจ้งแก่หวยหนานหวาง เกรงว่าหัวของเขาคงไม่อาจตั้งบนบ่าได้ถึงสองราตรี

   “หากเสี่ยวกู่เหนียงตกลงตามนี้ คงต้องใคร่ขอให้เสี่ยวกู่เหนียงเดินมาลงนามด้วยตนเองแล้ว”

   ร่างแกร่งที่ซ่อนในอาภรณ์ขาวสะอาดเช่นบัณฑิตผายมือเชื้อเชิญให้สตรีตรงหน้าเดินตามไปยังโต๊ะจัดการสินค้าที่ประมูลได้เพื่อให้นางได้ลงนามการเป็นเจ้าของที่ดินด้วยตนเองต่อไป

   ติดตามที่โรลของ @LinYa

   “ข้าจะมอบไร่ชาให้เสี่ยวกู่เหนียงนางนี้”

   วจีทุ้มเอื้อนเอ่ยออกมาแสดงความประสงค์เพื่อส่งต่อรางวัลผู้ชนะการประมูลให้แก่สตรีนางหนึ่ง ใบหน้าของเขาแม้ยังคงประดับรอยยิ้มจางไม่คลายราวกับเป็นโฉมหน้าของเขา ทว่าครั้นเมื่อเอ่ยกับเถ้าแก่ขอประมูลกลับดูแข็งกร้าวขึ้นสักสี่ส่วนราวกับว่าคำของเขาหาได้เป็นคำที่สามารถบิดพริ้วหรือปฏิเสธได้ไม่

   เถ้าแก่หอประมูลเร่งบอกให้เสี่ยวเอ้อร์เร่งเอาสัญญาการมอบหมายสองฉบับมาให้สตรีตรงหน้าเขียน หนึ่งเป็นหนังสือโฉนดที่ดินไร่ชา อีกหนึ่งเป็นหนังสือยืนยันมอบรางวัลประมูลให้แก่ผู้อื่นที่มิใช่ผู้ชนะการประมูล ดวงตาคมไล่อ่านในชั่วครู่—ดูเหมือนว่าเขาจำต้องตวัดพู่กันลงนามตนเองเสียแล้ว

   “เสี่ยวกู่เหนียงเชิญก่อนได้เลย”

   เขาให้สตรีน้อยหยิบพู่กันมาตวัดลงนามสัญญาทั้งสองฉบับก่อน ดวงตาคมไล่มองตามมือเรียวของผู้เป็นธิดาแห่งหวยหนานหวางเพื่อชมฝีอักษรและจดจำรูปลักษณ์ของนามที่นางตวัดอย่างบรรจง

   刘 (หลิว
   荣 หรง

   乐 เล่อ)

   เป็นนามที่เขาไม่คิดฝันว่าจะได้ทอดมองยามตวัดปลายพู่กันประกอบอักษรเท่าใดนัก เขาที่พินิจจนเสร็จสมบูรณก็ถึงคราวเขาลงนามเองเสียบ้าง

   魏 (เว่ย
   佳 เจีย
   慕 มู่
   弘 หง)

   ครั้นเมื่อตัวอักษรได้บรรจงประดิษฐ์นามแห่งผู้เป็นใหญ่ในสำนักตรวจการขุนนาง ยามที่พู่กันถูกวางลง ใบหน้าคมคายผินไปยังสตรีข้างกายหมายส่งสัญญาณการเงียบคำไม่เอ่ยปากใด ๆ อีกครา สัญญาณการยกเรียวนิ้วจรดริมฝีปากของเขาเองพร้อมรอยยิ้มเบาบางทั้งที่แววตาดูสนเท่ห์ชอบกล

   “ครานี้คงเป็นข้าทีต้องขอจวินจู่โปรดรับคำแล้วว่าท่านจะไม่ตรัสสิ่งใดกับพระบิดาของท่าน”

   จวินจู่*
   ( *ความหมาย: “คุณหนูแห่งเมือง” หรือ “องค์หญิงระดับจวนน้อย” ใช้สำหรับลูกสาวของหวางเย่โดยตรง )

   คำนี้หลุดออกมาเป็นนัย ๆ ว่าเขาผู้นี้เป็นข้าราชบริพารผู้ภักดีต่อหวงตี้ไยจะจดจำสตรีผู้มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงจวนหวางได้ สิ้นการสัญญาลมปากแล้วก็ถึงคราวของการจัดการสัญญาหน้ากระดาษให้เสร็จสิ้นเสียที เถ้าแก่หอประมูลสัมผัสได้ถึงแววตาที่เขาใช้จดจ้องนั้นก็เสียวสันหลังวาบ—เร่งมือจัดการเอกสารสัญญาให้ทั้งเขาและหลิวหรงเล่อได้เก็บสัญญาไว้เป็นหลักฐานของการแลกเปลี่ยนในวันนี้

   ในครานี้เองนางค่อย ๆ ยื่นถุงเงินตำลึง 10 ตำลึงทองมาให้เขา เป็นส่วนต่างที่เขาเรียกมันว่าค่าเก็บเป็นความลับระหว่างเขาและเสี่ยวกู่เหนียงผู้งดงาม ใบหน้าของบุรุษที่เพิ่งส่งสายตาเฉียบคมให้เถ้าแก่พลันอ่อนลงทันตา ท่าทางซุ่มซ่ามนั้นเรียกเสียงขบขันเบา ๆ จากร่างสูงด้วยความเอ็นดูเล็ก ๆ

   “จะรังเกียจตำลึงทองของจวินจู่ได้อย่างไรกัน ” เว่ยเจียมู่หงเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปรับถุงเงินกำมะหยี่งดงาม “นับว่าเป็นเกียรติของข้าที่ได้เจรจากับธิดาแห่งหวยหนานหวางแล้ว”

   เว่ยเจียมู่หงเอ่ยก่อนจะยื่นถุงตำลึงของเขาไปจ่ายค่ามุกพลังวิญญาณมูลค่า 50 ตำลึงทองก่อนจะหันมาทางสตรีข้างกายเพื่อเอ่ยสอบถามอย่างสุภาพบุรุษผู้แลเห็นสตรีน้อยเดินทางมาที่แห่งนี้ตัวคนเดียว

   “ขอบังอาจเรียนถามได้หรือไม่ ว่าท่านมีผู้คุ้มกันมาด้วยหรือไม่จวินจู่”

   ติดตามที่โรลของ @LinYa

   “เช่นนั้นโปรดช้าก่อนจวินจู่”

   ครั้นสตรีสูงศักดิ์ตรัสเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่นึกขึ้นได้ภายในห้วงความคิดคือการจ่ายค่าเก็บความลับอย่างเท่าเทียม มือแกร่งยกขึ้นหยิบถุงตำลึงสีครามปักลายเมฆาดิ้นทองขึ้นมาถือไว้ ภายในนั้นมีตำลึงจำนวน 5 ตำลึงทองบรรจุอยู่ เจ้าถุงตำลึงทองนี้ได้ถูกหยิบยื่นให้บุตรีแห่งหวยหนานหวาง

   “หากข้าเอ่ยกับท่านว่าเงิน 10 ตำลึงเงินเปรียบดั่งค่าเก็บความลับระหว่างท่านกับข้า เช่นนั้นแล้วข้าที่ได้ใคร่ขอให้ท่านโปรดรักษาความลับนี้ด้วยย่อมมีค่าความลำที่ต้องจ่ายเช่นกัน—เช่นนั้นแล้วถือว่าเป็นค่าความลับของข้า โปรดจวินจู่รับเอาไว้ด้วยเถิด”

   “หากมีโอกาสวาสนานำพาคงได้พบพานอีกครา ขอให้จวินจู่สุขภาพแข็งแรงเช่นกัน”

   ร่างสูงค้อมกายลงคำความเคารพเชื้อพระวงศ์สายนอกเล็กน้อย ๆ ก่อนจะยืนพิศมองสตรีหายลับไปจากครรลองสายตา เมื่อมั่นใจว่านางได้ไปตามที่นางควรไปแล้วก็ได้เวลาแยกย้ายของเขาเช่นกัน

   เว่ยเจียมู่หงในวันนี้ได้รับรู้ของการใช้เงินมือเติบแล้ว และเขาก็ได้รอดตายจากการเฟ้นหาเหตุผลมายกให้เหม่ยเหมยผู้เป็นดั่งยอดปราชญ์

   อา…ไม่ต้องปวดหัวตลอดคืนแล้ว




ชำระค่าไร่ชาเมืองอู๋ 240 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน ค่ามุขพลังวิญญาณ 50 ตำลึงทอง

ไร่ชาขอโอนกรรมสิทธิ์เป็นของ @LinYa









แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 32050 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-13 01:35
โพสต์ 32,050 ไบต์และได้รับ +10 EXP +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-13 01:35
โพสต์ 32,050 ไบต์และได้รับ +35 EXP +12 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-7-13 01:35
โพสต์ 32,050 ไบต์และได้รับ +15 EXP +20 คุณธรรม จาก อัจฉริยะ  โพสต์ 2025-7-13 01:35
โพสต์ 32,050 ไบต์และได้รับ +10 EXP +12 คุณธรรม +12 ความโหด จาก ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก  โพสต์ 2025-7-13 01:35
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พัดบุปผาบานจันทร์เพ็ญ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ยอดคีตศิลป์
อัจฉริยะ
กระบี่
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
แหวนดาราจรัส(D)
พู่กันคัดอักษร
ชุดเหวินชิงฮวาเฟิน(เสียนอี๋)
หมวกไผ่ผ้าคลุม
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x10
x7
x70
x50
x10
x1
x40
x12
x33
x5
x42
x9
x40
x43
x1
x269
x2
x5
x2
x1
x163
x2
x2
x1
x11
x6
x1
x21
x33
x12
x2
x1
x19
x10
x5
x6
x3
x20
x4
x2
x11
x15
x134
x4
x3
x2
x247
x10
x4
x238
x6
x64
x33
x1
x50
x105
x67
x33
x152
x6
x17
x81
x16
x10
x21
โพสต์ 2025-7-13 03:58:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 12 เดือน 6  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไห่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ หอประมูลสือฟั่ง


ภายใต้ม่านผ้าหลัวโปร่งแสงที่แยกห้องส่วนตัวหมายเลขสิบสองออกจากสายตาภายนอกนั้น บรรยากาศเงียบงันเป็นพิเศษ ทั้งเพราะตำแหน่งฝั่งทิศเหนือที่สูงกว่าผู้คนทั่วไปและเพราะบุคคลที่นั่งอยู่ภายในล้วนมีศักดิ์ฐานะมิใช่ธรรมดา หรงเล่อในอาภรณ์เรียบหรูสีอ่อนกับเครื่องประดับที่ล้วนแสดงถึงความละเมียดของคุณหนูชั้นสูง นั่งอย่างสำรวมบนที่นั่งไม้หอม ยามสายตานางกวาดผ่านป้ายประมูลจวบจนเห็นคำว่า ‘ไร่ชาภูเขาเมืองอู๋’ ปรากฏขึ้นในการประมูลครั้งนี้ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นพลันมีแววเปล่งประกายเล็กน้อย นางเอียงหน้าเพียงเล็กน้อยเหมือนจะบันทึกเอาไว้ในใจ ก่อนจะก้มมองรายชื่อรายการประมูลที่วางอยู่เบื้องหน้าในม้วนผ้าพับอย่างเรียบร้อย


“ไร่ชางั้นหรือ...ดีทีเดียว” นางรำพึงเบา ๆ กับตนเอง


เมื่อพิธีกรบนเวทีประกาศรายการแรกว่าเป็น “หินอัพเกรด 1 ก้อน” เสียงประมูลเริ่มขานตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ได้ผู้ชนะ คือบุรุษหนุ่มในชุดพ่อค้าแววตาคู่นั้นเจ้าเล่ห์จนหญิงสาวจดจำได้แม่น “โจวจิน...เขานี่เอง” หรงเล่อพึมพำชื่อพ่อค้าแห่งร้านหงหยุนหลายเบา ๆ ในใจ ขณะที่นิ้วเรียวเคาะพนักพิงเบา ๆ ตามจังหวะความคิด ชิ้นต่อมาเป็น หินอัพเกรดจำนวน 4 สี่ก้อน แว่วเสียงประมูลถี่ขึ้นอีกระดับ ก่อนจะสงบลงเมื่อชื่อหนึ่งถูกประกาศคือรองผู้ว่าการฉางอัน โอวหยาง เป่าเฉิง


หรงเล่อเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะละสายตากลับมามองผู้เป็นบิดาที่นั่งข้างกาย หลิวอันอยู่ในอาภรณ์เรียบง่าย หากแต่กระบี่ที่เหน็บเอวพร้อมป้ายหยกประจำตำแหน่งกับดวงตาเรียบนิ่งของเขายังแสดงถึงความเป็นขุนนางผู้ทรงอำนาจที่ไม่มีผู้ใดกล้าประมาท “มิสนใจของชิ้นใดหรือ” เขาเอ่ยถามเรียบ ๆ พลางเหลือบมองบุตรีด้วยแววตาที่มิใช่ตำหนิหากแต่แฝงความสังเกต


หรงเล่อระบายยิ้มบางงดงามหากมีแววซนซ่าซ่อนอยู่ในน้ำเสียง “ของที่กินไม่ได้ หม่อมฉันไม่สนใจหรอกเพคะ” นางหันกลับไปยังเวทีแล้วกล่าวเสริมเสียงหวาน “แต่ไร่ชาเมืองอู๋นั่น...หากได้มาไว้ในครอบครองก็ดีไม่น้อย ดื่มชาได้ ปลูกต้นได้ ทำของขวัญก็ได้ ล้วนแต่เป็นของที่ ‘กินได้ทั้งใจ’ มิใช่หรือเพคะ” หลิวอันได้ยินคำตอบนั้นก็คลี่ยิ้มบางที่แทบไม่เห็นมุมปากเขายกขึ้นเพียงเสี้ยวก่อนจะหลุบตาลงนิ่ง ดุจปล่อยให้นางได้ลงมือตามอำเภอใจแบบที่ลูกสาวคนนี้ถนัดโดยไม่ลืมว่าหากนางพลาดเขาอยู่เบื้องหลังเสมอ


และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่คุณหนูหรงเล่อจะลงประมูลไร่ชา...เพื่อนำไปมอบให้สหายรักของนางผู้หนึ่งหญิงสาวนามว่า หนาน หลินหยา แม่ค้าสามัญชนที่หรงเล่อรักเหมือนครอบครัว


เสียงฆ้องทองกังวานจากเวทีประมูลดังขึ้นเป็นระยะ ตามจังหวะของการเปิดตัวสินค้าชิ้นใหม่ หรงเล่อเอนกายพิงพนักอาสน์ไม้หอมเบา ๆ นางทอดสายตามองไปยังเวทีเบื้องล่างผ่านม่านผ้าหลัวโปร่งใส และแล้วชื่อของผู้ประมูลชิ้นถัดไปก็ถูกประกาศ เตาพลังวิญญาณ ราคาสูงถึง 170 ตำลึงทอง หรงเล่อขมวดคิ้วนิด ๆ คล้ายครุ่นคิดก่อนจะเบิกตาน้อย ๆ ด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อผู้ชนะประมูล “หรงป๋อเหวิน...” นางขานชื่อนั้นเสียงเบา เหมือนพูดกับตนเองแต่ไม่พ้นหูของบุรุษข้างกาย


ใบหน้างามแหงนมองผ่านม่านอีกครั้ง แล้วรำพึงออกมาว่า “เขาคือฝูจี๋ลิ่งคนนั้นนี่...ที่เคยพบที่ตลาดตะวันออกพร้อมกับหลินหยา ตอนนั้นเขาดูประหม่ามิใช่น้อยนึกไม่ถึงว่าจะมาร่วมประมูลกับเขาด้วยเช่นกัน” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนระยิบระยับคล้ายระลึกถึงบางสิ่งก่อนที่นางจะส่ายหน้าช้า ๆ แล้วอดระบายยิ้มเอ็นดูไม่ได้ “แถมยังกล้าทุ่มราคาตั้ง 170 ตำลึงทอง...รวยใช่เล่นเหมือนกันนะท่านผู้นั้น” น้ำเสียงของนางไม่มีเยาะหยัน หากแต่เป็นการหยอกล้อในใจอย่างซื่อใสแบบที่หรงเล่อถนัด


ขณะนั้นเอง พิธีกรบนเวทีได้ประกาศสินค้าชิ้นถัดไปด้วยน้ำเสียงเน้นถ้อยหนักแน่น “ช่อเมล็ดข้าวมงคล ที่รังสรรค์โดยพระหัตถ์ของลู่กุ้ยเฟย! สตรีผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ!” เสียงฮือฮาทางฝั่งทิศตะวันออกดังขึ้นทันทีทว่าในห้องส่วนตัวหมายเลขสิบสองกลับเงียบสงบเกินคาด


หรงเล่อมองของประมูลชิ้นนั้นเพียงแวบเดียวก่อนจะเบือนหน้ากลับมาทางหลิวอันผู้เป็นบิดาผู้สงบเยือกเย็นเสมอ สายตานางเปล่งประกายเจือความขี้เล่นขึ้นเล็กน้อยขณะเอียงศีรษะน้อย ๆ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ท่านพ่อ...ของสิ่งใดในงานนี้ที่ท่านสนใจบ้างหรือไม่เจ้าคะ? ไม่แน่ว่าอาจมีของบางอย่างที่เหมาะสมกับท่านเอง...หรือใครบางคนก็เป็นได้” คำถามที่ดูคล้ายบังเอิญหากแต่วางจังหวะคำอย่างเจนจัด หญิงสาวมองใบหน้าท่านพ่อของตนที่นิ่งราวกับภูผา พลางรอคำตอบด้วยแววตาที่คล้ายรู้ทันแต่ก็มิได้คิดจะล่วงเกินคำตอบใดหากอีกฝ่ายเลือกจะสงบปากเช่นเคย


หลิวอันขยับปลายนิ้วบนขอบถ้วยน้ำชาที่แทบจะไม่พร่องแม้แต่หยดเดียวก่อนจะเอ่ยช้า ๆ ด้วยเสียงทุ้มเรียบ “ข้า...เพียงเฝ้าดูสิ่งที่บุตรีข้าอยากได้ก็พอแล้ว” วาจานั้นราบเรียบอย่างที่สุด แต่กลับทิ้งแรงสะเทือนบางเบาในอกหรงเล่อให้รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด นางยิ้มอีกครั้งโดยไม่กล่าวสิ่งใด เพียงแตะริมฝีปากลงบนขอบถ้วยชาของตนเบา ๆ ดั่งกลบเกลื่อนความเขินอายที่จู่ ๆ ก็แทรกมาโดยไม่ตั้งใจทว่าภายในดวงใจนางกลับอดรู้สึกไม่ได้ว่า...บางทีท่านพ่ออาจจะสนใจใครบางคนจริง ๆ ก็เป็นได้


เสียงฆ้องกังวานขึ้นอีกครั้ง ก่อนผู้ดำเนินการประมูลจะประกาศด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ของประมูลถัดไป ไร่ชาในเขตเมืองอู๋ จำนวน 1 ไร่ เริ่มต้นที่ 125 ตำลึงเงิน!”


หรงเล่อที่นั่งฟังอยู่ด้วยท่าทีเฉยชาจากช่อเมล็ดข้าวมงคลเมื่อครู่ถึงกับเบิกตากว้างขึ้นทันใด มือบางที่กำลังประคองถ้วยชาถึงกับหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ สายตาเปล่งประกายขึ้นทันที คล้ายเด็กสาวพบของเล่นที่รอคอยมานานนับปี นางวางถ้วยชาลงเบา ๆ พลางเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจ้องมองเวทีเบื้องล่างด้วยความตั้งใจ “ไร่ชา...ที่เมืองอู๋” นางพึมพำเบา ๆ สีหน้าเปลี่ยนจากอ่อนโยนสงบ เป็นมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวราวจะเข้าสู่สนามรบ


ขณะที่มือของนางขยับไปใกล้ป้ายประมูลในมือ กลับต้องชะงัก เมื่อเสียงหนักแน่นของผู้ประมูลคนแรกดังขึ้น “40 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน จากรองผู้ว่าฉางอัน ท่านโอวหยาง!” ใบหน้าของหรงเล่อชะงักนิดหนึ่ง นางมองผ่านม่านผ้าหลัวไปยังชายผู้เปี่ยมบารมีคนนั้นก่อนจะขมวดคิ้วเบา ๆ


“40 เลยหรือ...” นางพึมพำคล้ายไม่ได้ถามใครโดยตรงแต่น้ำเสียงนั้นแฝงความตกตะลึง อีกไม่ถึงหายใจเดียวเสียงประมูลถัดมาก็ดังขึ้นจากชายหนุ่มในชุดขาวมาดขรึม เว่ยเจียมู่หง “50 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” คิ้วเรียวของหรงเล่อกระตุกอีกครั้งแววตาฉายแสงกร้าวขึ้นมาอย่างหายากในหญิงสาวผู้สุขุมนุ่มนวล นางขยับตัวหมายจะประมูลแต่ไม่ลืมหันไปมองท่านพ่ออย่างเร็ว ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ยกป้ายในมือตนเองขึ้น


“60 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน จากจวินจู่หรงเล่อ!” เสียงฮือฮาในห้องประมูลดังขึ้นเป็นระลอก ไม่ใช่เพียงเพราะจำนวนเงินแต่เพราะนามของผู้ประมูลที่ชัดเจน จวินจู่หรงเล่อ หญิงสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตระกูลหวยหนาน ทว่าผู้ที่ไม่หวั่นเกรงกลับปรากฏขึ้นแทบจะในทันทีเช่นกันเสียงทุ้มขรึมราวลมหนาวจากเทือกเขาทางเหนือดังขึ้น


“70 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน จากหรงป๋อเหวิน” หรงเล่อชะงักไปอีกรอบ “หรงป๋อเหวิน...เขาก็อยากได้ไร่นี้ด้วยหรือ” นางหันไปมองบุรุษผู้นั้นแม้มองไม่ชัดนักผ่านม่าน แต่แผ่นหลังตรงและท่วงท่ามั่นคงก็ยังสะท้อนออกมาว่าผู้นั้นไม่ใช่คนธรรมดา ใบหน้าหรงเล่อเคร่งขรึมขึ้นช้า ๆ ขณะที่ริมฝีปากงามขบเม้มด้วยความขุ่นเคืองใจอย่างเงียบงัน “บ้าบอ! ทำไมจู่ ๆ มีแต่คนอยากได้ไร่นี้กันนัก...ของดีของงามจริงแท้หรือไง?”


เสียงพึมพำนั้นมิได้ถึงหูใครนักนอกจากบุรุษข้างกายอย่างหลิวอันผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นดั่งภูเขาใหญ่ที่ไม่เคยไหวเอนแม้พายุจะถาโถม เขาเพียงแค่ปรายตามองบุตรีสาวของตนที่กำลังฮึดฮัดเหมือนลูกแมวน้อยกำลังขู่เสือแล้วค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างเงียบงัน มุมปากของหลิวอันกระตุกขึ้นเล็กน้อยอย่างคนที่พึงใจแต่ไม่ยอมเอ่ยปาก เขารู้ว่าหากเป็นเรื่อง สหาย ของนางแล้ว ไร่ชานั้นก็คือของสำคัญที่สุดสำหรับหรงเล่อในวันนี้...และคงไม่มีผู้ใดในห้องประมูลรู้ทันใจของนางไปมากกว่าบิดาของนางอีกแล้ว


หรงเล่อนั่งหลังตรงอยู่ในห้องประมูลหมายเลขสิบสอง ม่านผ้าหลัวที่คลี่ลงรอบด้านช่วยให้สายตาภายนอกไม่อาจล่วงล้ำเข้ามาได้ง่าย นางกำลังจะยกป้ายเสนอราคาต่อจากหรงป๋อเหวิน ทว่าเสียงสงบนิ่งแต่ทรงอำนาจก็ดังแทรกขึ้นแทน


“80 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” หรงเล่อชะงักกึกแววตาฉายความงุนงงยามสบกับทิศที่ไม่ปรากฏชื่อเสียงนั้นมาจากห้องพิเศษทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ ใครกันที่กล้าประมูลแข่งกับสามบุรุษผู้ทรงอิทธิพลเช่นนี้? “คนผู้นั้น...ใครกัน?” นางพึมพำในลำคอขณะกำลังจะตัดสินใจยกป้ายประมูลขึ้นเพื่อสู้ราคาดังกล่าวแต่ก่อนที่มือจะได้ขยับ เสียงที่ทำให้นางถึงกับเบิกตากว้างก็ดังลั่นขึ้นในห้องประมูล


“100 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” โอวหยาง เป่าเฉิง รองผู้ว่าราชการนครฉางอันกำลังเคาะราคาทะลุเพดานในพริบตา 


หรงเล่อถึงกับอ้าปากค้างนางเอื้อมมือควานหาถ้วยชาแล้วยกขึ้นจิบเพื่อระงับความตกใจ แทบจะสำลักเสียให้ได้ “ทะ…ทะลุ 100 ตำลึงทองแล้วเรอะ...” เสียงกระซิบของนางเต็มไปด้วยความงุนงงระคนตึงเครียด ไม่ทันให้นางได้หยุดใจ เว่ยเจียมู่หงก็แย่งสายลมประมูลกลับไปอีกครั้ง


“110 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน”


หรงเล่อกัดริมฝีปาก ยกป้ายไม้ขึ้นโดยไม่ลังเล “120 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน!” ทันทีที่เสียงของนางถูกประกาศไปทั่วห้อง เหมือนมวลบรรยากาศรอบตัวก็กระเพื่อมเบา ๆ แต่ยังไม่ทันได้พอใจในความกล้าเกทับของตน…


“140 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” เสียงนิ่งราวหยดน้ำเย็นดังขึ้นจากเว่ยเจียมู่หงอีกครั้ง


หรงเล่อแทบจะหันไปมองห้องของอีกฝ่ายตรง ๆ อย่างห้ามตัวเองไม่อยู่แววตานางลุกวาบขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ เอาเถิด! ลองดู! “150 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน!” เสียงของนางดังกังวานราวระฆังใสในห้องประมูล ท่านพ่อของนางหลิวอันแม้จะไม่เอ่ยวาจา แต่กระตุกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะวางถ้วยชาของตนลงอย่างสงบ แล้วยกปลายนิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ เพียงสามครั้ง คล้ายจะบอกนางว่า ‘พอได้แล้ว’ แต่คำว่า ‘พอ’ ดูเหมือนจะยังมาไม่ถึงในเวทีของการแข่งขัน


เสียงสงบของชายหนุ่มที่หรงเล่อคุ้นชื่อดียิ่งดังขึ้นพร้อมกับราคาที่สูงจนนางแทบผงะ “160 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน จากหรงป๋อเหวิน” หรงเล่อเบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิมมือที่ประคองป้ายยังไม่ยอมลดลง “บะ...บ้าจริง ทำไมถึงมีแต่คนต้องการไร่นี้กันนัก! หรือว่าในไร่มีทองคำซุกไว้หรืออย่างไร!” นางพึมพำเสียงเบาอย่างหงุดหงิด แม้ใจจะอยากสู้แต่สายตาเฉียบคมของหลิวอันที่เหลือบมองมาจากอีกฝั่งนั้นกลับราวกับฟาดปราณมาเตือนให้นางหยุดก่อน


หรงเล่อจึงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่นไม่ใช่ด้วยความยอมแพ้ แต่เพราะสำนึกถึงหน้าที่หากประมูลต่อไปอาจเป็นการขัดคำของบิดาผู้เปรียบดั่งขุนเขานั้น นางจึงได้แต่นั่งนิ่งปล่อยให้ราคาสุดท้ายของไร่ชาแห่งเมืองอู๋ ไต่ขึ้นฟ้าราวเหรียญทองหล่นกลางพายุ…พร้อมความขุ่นข้องใจที่เกาะกุมดวงตาใสราวอัญมณีนั้นของจวินจู่แห่งหวยหนาน


หรงเล่อเหลือบมองท่านพ่อด้วยดวงตาที่แม้จะยังเปล่งประกายความมุ่งมั่นทว่าก็เจือความลังเลอยู่ในที นางสูดลมหายใจเบา ๆ ก่อนโน้มตัวเข้าหาเงาร่างสูงสงบที่นั่งเยื้องอยู่ข้างกันภายใต้ม่านบางพร้อมเสียงกระซิบที่อ่อนน้อม "หากเกินกว่าที่คิดไว้...หรงเล่อจะไม่ยื่นแข่งประมูลอีกเพคะ เพื่อให้ท่านพ่อสบายใจ" คำพูดที่ไม่ได้เอาแต่ใจหากแต่เต็มไปด้วยการตัดสินใจอย่างผู้ใหญ่ที่รู้จักชั่งน้ำหนัก หญิงสาวค่อย ๆ วางป้ายประมูลลงบนตักอย่างสงบแม้หัวใจจะยังเต้นเร่าในอกก็ตามแต่ดูเหมือนสวรรค์จะทดสอบใจนางไม่หยุด


“180 สิบตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” เสียงเรียบของเว่ยเจียมู่หงดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน เป็นราคาที่เพียงได้ยินก็ทำให้สายตาทุกคู่ในห้องประมูลต้องเบิกกว้าง หรงเล่อหันขวับไปทางม่านฝั่งตะวันออกที่คาดว่าเป็นที่นั่งของชายผู้นั้นก่อนจะกำหมัดแน่น ใบหน้าขาวจัดราวหยกแต้มสีแดงจัดบนแก้มข้างหนึ่งจากแรงอารมณ์นางกัดฟันแน่น


“190 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน!” เสียงใสของจวินจู่หลิวหรงเล่อดังกังวานไปทั่ว แม้ภายในห้องของนางจะไม่มีใครนอกจากบิดาหากแต่คำประกาศของนางกลับทำให้ผู้คนทั่วหอประมูลต้องหันขวับ นางยังไม่ยอมแพ้ แม้จะรู้ว่ามันอาจหมายถึงการเผชิญหน้ากับสองคนตำแหน่งใหญ่แห่งเมืองหลวง แต่แล้ว…เสียงของเว่ยเจียมู่หงกลับดังขึ้นอีกคราราวกับจะกระซิบเยาะเย้ยอยู่ในใจนาง


“200 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน”


หรงเล่อถึงกับชะงักดั่งถูกเฆี่ยนกลางหลัง เสียงอุทาน “อ๊ะ…” หลุดออกมาเบา ๆ ขณะนางอ้าปากค้าง ใจหนึ่งรู้ว่านี่เริ่มจะเลยขอบเขตแห่งการยอมรับของท่านพ่อแล้ว แต่อีกใจก็ยัง...ยังอยากได้สิ่งนี้มาให้เพื่อนรักของตนเองนางเม้มริมฝีปากก่อนจะตัดใจ…ชูมืออีกครั้ง


“210 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน!!” เสียงของนางสั่นเล็กน้อยในตอนท้ายไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นเพราะแรงใจที่ทุ่มออกไปเกินคาดหมาย ใบหน้าที่ก่อนหน้านี้สงบเยือกเย็นบัดนี้แดงจัดขึ้นราวกับดอกเหมยกลางเหมันต์แต่...ก็ยังไม่จบ


“220 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” หรงเล่อหันขวับ...ชายหนุ่มผู้นั้น หรงป๋อเหวิน ฝูจี๋ลิ่งผู้นั้นประมูลแซงเธอไปอีกแล้ว! "โอ๊ย!" นางหลุดเสียงเบา ๆ พลางทุบตักตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ไม่ทันให้นางหายใจทันดี “240 ตำลึงทอง 125 ตำลึงเงิน” คราวนี้เสียงของเว่ยเจียมู่หงกลับมาพร้อมรอยยิ้มอันมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงช่างสงบเสียจนหรงเล่อรู้สึกเหมือนตนถูกล้อมด้วยม่านหมอกหนาวเยือกมือบางของนางกำลังจะยกขึ้นอีกครั้ง


แต่ทว่า


“หรงเล่อ” หลิวอัน บิดาของนางกระซิบด้วยเสียงต่ำแต่ทรงพลังยิ่งนัก หรงเล่อหันไปสบตากับดวงตาดำขลับลึกของบิดา นางเห็นความเป็นห่วงความไม่สบายใจและความแน่วแน่ว่าไม่อยากให้นางก้าวข้ามเส้นที่ไม่ควรข้าม นางกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนแม้จะยังตัดใจไม่ลงแต่นางก็ยอมลดมือลงค่อย ๆ วางป้ายประมูลลงข้างกายอย่างเงียบงันไร่ชานั้น...นางคงได้เพียงเฝ้ามองมันตกไปอยู่ในมือของชายอื่นทั้งที่ใจยังไม่อยากแพ้เลยแม้แต่น้อย 


เสียงฆ้องดังขึ้นสามครั้งการประมูลไร่ชาแห่งเมืองอู๋ จบลงด้วยราคาที่ไม่มีใครกล้าแซงอีกต่อไปและหรงเล่อ...ก็ได้แต่นั่งนิ่ง กำชายเสื้อไว้แน่น ท่องในใจซ้ำ ๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร...มันต้องมีทางอื่น’ แต่ในดวงตาสุกใสนั้น ก็ยังมีแววเจ็บใจแวววับอยู่ดี


หลิวอันเอื้อมมือไปรินน้ำชาใส่ถ้วยอย่างสงบนิ่งก่อนจะยื่นให้หรงเล่อโดยไม่พูดสิ่งใด สายตาทอดมองบุตรีผู้ซึ่งยังคงมีสีหน้าเสียดายปรากฏบนดวงหน้าอย่างชัดเจน ถึงแม้นางจะยอมวางป้ายประมูลลงแต่ก็หาได้ปล่อยวางจากใจจริง ๆ ไม่ "สิ่งใดที่ควรมี ย่อมควรมาด้วยวิธีที่เหมาะควร..." เสียงทุ้มต่ำของหวยหนานหวางเอ่ยขึ้นเบา ๆ แต่แฝงด้วยน้ำหนักทุกคำ กลิ่นชาอ่อนลอยอบอวลในม่านห้องขณะเสียงนั้นแทรกผ่านไปถึงใจคนฟัง "มิใช่สิ่งที่ดีทุกอย่างจะเหมาะกับเจ้า และมิใช่ทุกการได้มาจะแลกเปลี่ยนด้วยตำลึงทองเสมอไป..." เขาหยุดเล็กน้อย สบตาบุตรีโดยตรง "แต่ผู้เป็นเจ้าของ ‘หัวใจ’ ของตนเอง...ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรก้าวถอย และเมื่อใดควรก้าวรุกสิ่งสำคัญคืออย่าให้ราคาของใจเจ้าสูงเกินกว่าสิ่งที่เจ้าได้รับกลับคืนมา"


หรงเล่อพยักหน้าเบา ๆ ท่าทางเหมือนรับฟังอย่างเข้าใจ ริมฝีปากขบเม้มไว้แน่น มือบางลูบชายกระโปรงเบา ๆ ขณะสายตาเหม่อมองม่านสีหลัวเบื้องหน้า “เพคะ…” เสียงของนางเบาราวกระซิบแต่ทว่านัยน์ตานั้นกลับเป็นประกายขึ้นมาอย่างเงียบงัน โอวหยาง...เว่ยเจียมู่หง...ฝูจี๋ลิ่ง…นามเหล่านี้ไหลวนในหัวของนางราวกระแสธารน้ำนิ่งที่ซ่อนใต้น้ำแข็ง


ถ้าการประมูลไร่ชาไม่ได้ผล ก็แค่…เปลี่ยนวิธี นางยิ้มบาง ๆ ท่ามกลางความเงียบของห้องประมูลหมายเลขสิบสอง ดวงตานั้นมิได้ส่อแววเอาแต่ใจหรืออวดดีทว่าเจิดจ้าอย่างน่าประหลาด นางจะลองดู...


...
......

เสียงจอแจของเหล่าคหบดีและชนชั้นสูงยังคงคลาคล่ำในหอประมูลสื่อเฟิงม้การประมูลจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ผู้คนมากหน้าหลายตายังวนเวียนอยู่ภายในเพื่อเจรจา ซุบซิบ หรือต่อรองหลังม่านผ้าแพรที่กั้นห้องส่วนตัวไว้เป็นชั้น ๆ หรงเล่อในชุดผ้าแพรบางเบาสีครามปักลวดลายเมฆกระจ่าง ก้าวออกจากห้องประมูลอย่างเงียบเชียบ นัยน์ตาอ่อนหวานมองตรงไปยังเรือนพักรับรองของชายหนุ่มผู้คว้าไร่ชาเมืองอู๋ไปเป็นคนสุดท้าย กลิ่นหอมของชาดอกหลี่ฮวาที่เธอจิบก่อนออกมายังคงซ่านปลายลิ้นแต่ในอกนั้นกลับเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ


เมื่อมาถึงเบื้องหน้าบ่าวคนหนึ่งรีบเปิดม่านให้ หรงเล่อสาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างสง่างามม่านผ้าลู่ไหวตามจังหวะลมเบา ๆ ท่ามกลางกลิ่นธูปกฤษณาจาง ๆ ในห้องนั้นชายหนุ่มเจ้าของไร่ชาเมืองอู๋เขามีอากัปกิริยาสุขุม เฉียบคม ดวงตาคมดั่งพญาอินทรีที่พร้อมกำลังจะเดินออกจากที่นั่งส่วนตัว


หรงเล่อประสานมือคารวะด้วยความนอบน้อมแต่ไม่ขลาดกลัว เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานชัดถ้อยชัดคำ ดวงหน้างามละไมมีรอยยิ้มแฝงความจริงใจและวาจาผ่านการคัดสรรมาแล้ว "ท่านชาย...ข้าน้อยมีนามว่าหรงเล่อ เป็นบุตรีของอ๋องหวยหนาน ข้ามิอาจเอาชนะการประมูลไร่ชาเมืองอู๋ได้ ด้วยท่านพ่อไม่ประสงค์ให้ข้าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น..." เธอหยุดเล็กน้อยก่อนจะสบตาเขาอย่างเปิดเผยไม่มีความเคลือบแคลงใด ๆ


"ข้าอยากได้ไร่นั้น...จริง ๆ เจ้าค่ะ หากแต่ไม่ต้องการให้เรื่องนี้รบกวนหน้าที่การค้าหรือเกียรติของท่าน หากท่านเต็มใจขายให้ข้าในราคาส่วนตัว ข้าสัญญาว่าจะไม่มีผู้ใดรู้ถึงการเจรจาครานี้เป็นความลับระหว่างเราเท่านั้น" เธอเว้นจังหวะมองอีกฝ่ายเพื่อวัดปฏิกิริยา พลางยิ้มละไมเหมือนกลีบดอกเหมยที่ผลิบานยามสายลมอ่อนพัดผ่าน “ข้ามิใช่ผู้ละโมบ หากแต่ไร่นั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อข้าจริง ๆ ขอเพียงท่านเมตตา ข้าจะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง” น้ำเสียงหรงเล่ออ่อนหวานแต่แฝงความแน่วแน่ดวงตาใสซื่อกลับแฝงความเด็ดเดี่ยวตามแบบสตรีสูงศัก


@WeijiaLianhua 

สายลมเบาลอดม่านแพรบางเข้ามาในห้องรับรองที่ประดับประดาด้วยผ้าทอหรงเล่อยืนฟังเสียงนุ่มลึกของบุรุษในชุดขาวสะอาดผู้หนึ่งก็เอื้อนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา เขามิใช่ชายชราในวัยปลาย แต่อายุยังมิถึงสามสิบเต็มดีทว่ากลับมีบารมีในแววตา ริมฝีปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเฉียบ เปี่ยมไปด้วยเมตตา...และความลุ่มลึกที่หากไม่ระวังย่อมถูกกลืนหายไปในวังวนนั้นอย่างง่ายดาย


หรงเล่อก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อยนางสูดลมหายใจเงียบ ๆ ปลายนิ้วที่เคยวางทับท้องผ้าแนบแน่นไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบด้วยแววตาใสซื่อและจริงใจ "ข้า...มิใช่ว่าอยากได้ไร่ชาเพื่อเก็บไว้โอ้อวดตนเองเจ้าค่ะ" เสียงของนางนุ่มนวลแต่แน่วแน่ "หากแต่ข้ามีสหายคนหนึ่ง...เป็นหญิงสาวที่ข้ามีใจผูกพันดั่งสายโลหิตแม้นางไม่ใช่ญาติสนิท แต่ข้าก็ถือว่านางเปรียบเสมือนครอบครัว"


นางหยุดเล็กน้อยสบตาชายตรงหน้าอย่างแน่วแน่ แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่มีกลิ่นอายของความรักความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง 


"นางพึ่งเริ่มต้นเส้นทางค้าขาย ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีหลังพิง หากแต่ยังคงพยายามอย่างสุดใจเพื่อมีชีวิตของตนเอง ข้า...อยากประมูลไร่ชานี้ให้เพื่อให้นางมีจุดเริ่มต้นที่มั่นคงกว่านี้ แม้มิได้ร่ำรวยหรือลือชื่อแต่หากมีไร่ชาแท้ ๆ ก็จะเป็นทุนแห่งชีวิต" รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปากของหรงเล่ออย่างนุ่มนวล แม้จะแฝงความเก้อเขินอยู่บ้างเมื่อเอ่ยความในใจ


"ข้ารู้ดีว่าคำขอเช่นนี้อาจดูไม่สมเหตุสมผลสำหรับท่านนัก...หากแต่หากท่านเมตตา มอบไร่ชานั้นให้ข้าในฐานะผู้รับแทน ข้าจะไม่มีวันลืมพระคุณในครั้งนี้เลยเจ้าค่ะและข้าจะมิขอได้เปล่า หากแต่จะเพิ่มจำนวนเงินแม้อาจจะไม่ได้มาก แต่ข้าเพียงท่านชายจะมิเอ่ยวาจากับท่านพ่อเก็บสิ่งนี้เป็นความลับระหว่างเราสองได้หรือไม่เจ้าคะ" นางกล่าวอย่างสงบ เรียบง่าย ทว่ามีน้ำหนักในคำ...จากใจจริงของหญิงสาวผู้หนึ่งที่มิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน แต่เพื่อใครอีกคนสตรีที่ชื่อ หลินหยา ผู้แบกชีวิตเปลี่ยวเปล่าท่ามกลางเมืองใหญ่เพียงลำพัง


@WeijiaLianhua 


ดวงตาสีอ่อนใต้กรอบแว่นสีทองฉายแววคล้ายจะมองทะลุทุกคำพูดของธิดาหวยหนานอ๋อง เสียงของท่านชายนั้นเอ่ยเรียบทว่ามีน้ำหนักเฉียบขาดเกินกว่าจะปฏิเสธอย่างบุ่มบ่ามได้มิใช่คำสั่ง หากแต่เปี่ยมด้วยวาจาที่ไม่อาจบิดพลิ้วได้ เป็นวาจาของคนที่แม้จะไม่ข่มขู่ก็มีอำนาจในน้ำเสียงโดยธรรมชาติ


หรงเล่อในยามนั้นราวกับปลดปล่อยลมหายใจที่ตนเองกลั้นไว้มาเนิ่นนาน สีหน้าที่เคยเคร่งเครียดอย่างไม่อาจปิดบัง กลับกลายเป็นความปลื้มปิติที่ผุดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางคลี่ออกเป็นรอยยิ้มละไมทั้งหวานทั้งอ่อนโยน ทว่ายังมีความเก้อเขินเล็ก ๆ จากความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ


“เป็นกรุณาแล้วที่ท่านชายเมตตา เช่นนั้นข้าขอตามท่านไปเจ้าค่ะ”


น้ำเสียงของนางไม่ดังนัก หากแต่ทุกถ้อยคำสะอาดใส ราวกับกลั่นจากหัวใจจริงแท้ หรงเล่อก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างงามสง่า ผ้าคลุมไหล่ที่ทอจากไหมชั้นเลิศพลิ้วไหวตามร่างกาย นางไม่ลืมที่จะก้าวอย่างระวัง ให้สมกับชื่อเสียงบุตรีของเชื้อสายผู้สูงศักดิ์ แม้ในใจจะอดไม่ได้ที่จะเริ่มครุ่นคิดวิธีหลอกท่านพ่ออย่างแยบยลว่าไร่ชานี้มาจากโชคชะตาและความบังเอิญที่มีกลิ่นบุญคุณปนอยู่


“หรือจะบอกว่าเป็นของขวัญดีนะ...” นางคิดพลางทำเสียงพึมพำอย่างหาทางเอาตัวรอดเช่นทุกครั้ง เมื่อเดินไปถึงโต๊ะจัดการสินค้าที่ประมูลได้ ดวงตาคู่สวยของหรงเล่อมองกระดาษสัญญาที่วางอยู่ตรงหน้า นางสูดลมหายใจแผ่วเบาก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นแล้วเขียนชื่อของตนลงไปด้วยฝีมือลายสือที่งดงามดั่งหยาดน้ำค้างจากดอกบัวบนสระ


ร่างอรชรของหรงเล่อค่อย ๆ หมุนกายกลับมาหาท่านชายผู้มีพระคุณอย่างเรียบร้อยงดงามตามแบบสตรีตระกูลสูงส่ง ในมือเล็กบอบบางของนางนั้น มีถุงผ้ากำมะหยี่สีเขียวหยกใบหนึ่งแน่นหนา ทว่าคล้ายถูกใช้ประโยชน์บ่อยครั้งจนมีร่องรอยการจับอยู่บ้าง ภายในบรรจุเหรียญตำลึงทองคำสิบเหรียญซึ่งเทียบได้พอดีกับจำนวนที่อีกฝ่ายเรียกเก็บ 


หรงเล่อระบายรอยยิ้มละไมในดวงหน้าสวยหวาน ก่อนจะโน้มตัวเล็กน้อยอย่างมีมารยาทแล้วยื่นถุงนั้นส่งให้บุรุษตรงหน้า “นี่เป็นจำนวนที่ท่านได้ระบุไว้ก่อนหน้า ขอท่านชายรับไว้เป็นหลักฐานแห่งน้ำใจของหรงเล่อเถิดเจ้าค่ะ…”


ทว่าขณะที่มือเรียวของนางยื่นไปเบื้องหน้า ถุงเงินที่ดูไม่หนักนักกลับสั่นคลอนเล็กน้อยเหตุเกิดจากแรงสะบัดจากชายแขนเสื้อที่หลุดออกจากการพับอย่างแนบเนียนตอนเดินเมื่อครู่ หรงเล่อรีบตวัดมือจับถุงเงินเอาไว้แน่นพลางร้องเสียงแผ่ว “อ๊ะ!” สายตาเจ้าตัวเบิกกว้างเล็กน้อย ความตกใจและความเขินปนกันจนแก้มเนียนขึ้นสีชมพูระเรื่อราวกลีบพีชต้องแดดยามเช้า


“ขะ...ขออภัยเจ้าค่ะ ข้า…มือไม้มักจะซุ่มซ่ามเสมอ ไม่คิดว่าจะทำสิ่งสำคัญหลุดมือเอาเสียจริง...” นางก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างรู้ผิด แล้วรีบยื่นถุงเงินให้อีกฝ่ายใหม่อีกครามือข้างหนึ่งประคองปากกระเป๋าไว้แน่นเสียยิ่งกว่าก่อนหน้าหรือเผื่อมือเจ้ากรรมจะพลาดอีก นางก็พร้อมแล้วที่จะไม่เสียมาดบุตรีตระกูลอ๋องอีกรอบ


“หากท่านชายมิรังเกียจ โปรดรับไว้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”


คำพูดนั้นทั้งแผ่วหวานและเปี่ยมด้วยความตั้งใจจริง ไม่มีวี่แววของความหยิ่งทะนงหรือเสแสร้งแม้แต่น้อยมีเพียงความจริงใจที่อยากตอบแทนน้ำใจในวันนี้อย่างเต็มหัวใจ...แม้จะซุ่มซ่ามจนเกือบขายหน้าด้วยถุงเงินก็ตาม


@WeijiaLianhua 


หรงเล่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผินหน้ากลับมามองอีกฝ่าย ดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนจางแฝงด้วยรอยระแวดเล็กน้อย ทว่าก็แฝงด้วยความสุภาพสงบนิ่งแบบหญิงสูงศักดิ์ที่ได้รับการอบรมอย่างดี นางใช้ดวงหน้าระบายยิ้มบางหากแต่มิได้ตอบในทันที เพราะกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างความเมตตาของอีกฝ่ายกับข้อจำกัดของฐานะตนเอง 


“ขอบคุณในความเป็นห่วงของท่านชายเจ้าค่ะ ข้ามิได้เดินทางลำพัง ท่านพ่อของข้าเดินทางมาพร้อมกันในวันนี้ เพียงแต่มิอาจร่วมเข้าร่วมการสนทนาในตอนนี้ได้…อย่างที่ท่านรู้” นางโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงแสดงความเคารพมิใช่ในฐานะขุนนางต่อขุนนาง แต่เป็นสตรีต่อบุรุษผู้เอื้ออารีอย่างมีมารยาท ก่อนที่รอยยิ้มอ่อนหวานจะเบ่งบานขึ้นบนริมฝีปากอย่างสงบ แม้ภายในจะมีความเจ้าเล่ห์เช่นสตรีที่แอบบิดาตนมาเจรจาซื้อขายโดยที่ไม่ได้กล่าวบอกผู้ใด


“เรื่องทุกประการได้เป็นไปโดยเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นหรงเล่อขอตัวก่อนรบกวนท่านชายโปรดรักษากายา อย่าได้โหมงานหนักให้ต้องแรมรอนพักฟื้น”


คำลานั้นเปล่งออกมาอย่างนอบน้อมและมีสง่าราศี ขณะนางผินกายกลับ เหลือเพียงกลิ่นหอมจางของบุปผาอวี้หลันที่แซมเส้นผมทอดทิ้งไว้ในอากาศดั่งภาพฝันในยามเหมันต์พัดผ่าน…สตรีที่แม้กล่าวคำลาก็ยังนอบน้อมงดงาม และเต็มไปด้วยรอยจารึกแห่งกุลสตรีในเชื้อสายราชสำนักอย่างแท้จริง



@Admin 


อื่น ๆ : รับกรรมสิทธิ์ไร่ชาเมืองอู่

แสดงความคิดเห็น

รับเอกสารไปดำเนินเรื่อง  โพสต์ 2025-7-13 14:48
โพสต์ 102639 ไบต์และได้รับ 80 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-13 03:58
โพสต์ 102,639 ไบต์และได้รับ +10 ความโหด จาก พลั่ว  โพสต์ 2025-7-13 03:58
โพสต์ 102,639 ไบต์และได้รับ +30 EXP +40 คุณธรรม +40 ความชั่ว +44 ความโหด จาก แผ่นไม้ลายเถาวัลย์เร้นเงา   โพสต์ 2025-7-13 03:58
โพสต์ 102,639 ไบต์และได้รับ +10 คุณธรรม +6 ความโหด จาก ใบตราพ่อค้าสกุลลู่  โพสต์ 2025-7-13 03:58
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-7-14 19:50:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด






วันที่ 12 ลิ่วเยว่ รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11
ยามไฮ่ (เวลา 21.00 - 23.00 น.)


ในวันที่ดวงตะวันลับขอบฟ้า หรงป๋อเหวินในอาภรณ์เรียบง่ายแต่เนื้อผ้าชั้นดี ก้าวเข้าสู่หอประมูลสือฟั่งที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากทุกสารทิศ เสียงจอแจอื้ออึงบ่งบอกถึงความคึกคักของการค้าขายและทรัพย์สินมีค่าที่กำลังจะเปลี่ยนมือ

เขาเดินตรงไปยังส่วนที่จัดไว้สำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้า ซึ่งเป็นที่นั่งหลังม่านกั้นที่ให้ความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเวทีประมูลได้อย่างชัดเจน เมื่อนั่งลงเรียบร้อย พัดคู่ใจก็ถูกนำขึ้นมาโบกสะบัดแผ่วเบา คลายความร้อนระอุของอากาศยามบ่ายพลางเหลือบมองผู้คนที่จับจองที่นั่งจนเต็มพื้นที่ บางคนเป็นพ่อค้าวาณิชย์ผู้มั่งคั่ง บางคนเป็นขุนนางชั้นสูงที่มาแสวงหาของล้ำค่า และบางคนก็เป็นเพียงผู้ที่หลงใหลในศิลปวัตถุโบราณ

ไม่นานนัก ก็มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าการประมูลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ของชิ้นแรกที่ถูกนำออกมาจัดแสดงเป็นหินอัปเกรด แม้จะดูน่าสนใจแต่ก็ยังไม่เป็นที่ต้องตาป๋อเหวินมากนัก เขาเพียงแต่เฝ้ามองอย่างเงียบงันขณะที่พ่อค้าแซ่โจวกับรองผู้ว่าโอวหยางซึ่งดูจากเครื่องแต่งกายแล้วน่าจะใช่มั้ง(?) แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อครอบครองหินนั่น เสียงเคาะไม้ประมูลดังถี่รัวราวกับจังหวะกลองศึก สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายที่ต่างก็ไม่ยอมลดละ

เสียงเคาะไม้ดังสนั่นเป็นครั้งสุดท้าย 

“เจ็ดสิบสองตำลึงทอง! หินอัปเกรดตกเป็นของท่านโจวจิน!”

ป๋อเหวินถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ราคาของหินก้อนเล็ก ๆ ที่ดูไม่โดดเด่นถึงกับพุ่งสูงไปถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ 

"หินนั่นราคาสูงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?" 

ความประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้า แต่ก็ต้องรีบเก็บซ่อนไว้เมื่อการประมูลดำเนินต่อไป ของล้ำค่าชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกนำออกมา หรงป๋อเหวินยังคงนั่งสังเกตการณ์อย่างใจเย็นรอคอยของที่คู่ควรแก่การประมูล

จนกระทั่งถึงคราวของเตาพลังวิญญาณที่วางอยู่บนแท่น แสงสะท้อนจากเตาจับตาหรงป๋อเหวินทันที เขาถึงกับหูผึ่ง ทันใดนั้นความทรงจำหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ถ้าจำไม่ผิดน้องสี่เคยบ่นว่าอยากได้เตาพลังวิญญาณดี ๆ สักอัน การประมูลเตาชิ้นนี้ได้คงจะทำให้นางดีใจเป็นแน่

เสียงของผู้นำประมูลดังกังวาน 

"เตาพลังวิญญาณโบราณชิ้นนี้ เริ่มต้นประมูลที่ห้าสิบตำลึงทอง!"

ยังไม่ทันที่หรงป๋อเหวินจะเอ่ยปากเสนอราคา ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากหลังม่าน 

“เพิ่มสี่สิบตำลึงทอง!”

ป๋อเหวินชะงักเล็กน้อย เขามองไปยังทิศทางของเสียงนั้น บุคคลปริศนาผู้นั้นช่างรวดเร็วนัก ไม่ทันไรมูลค่าของเตาพลังวิญญาณก็พุ่งขึ้นไปถึงเก้าสิบตำลึงทองแล้ว แต่จะให้เขายอมแพ้การประมูลครั้งนี้ไปง่าย ๆ คงไม่ได้ ในเมื่อเป็นของที่น้องสี่ปรารถนา หรงป๋อเหวินตัดสินใจทันควัน 

“เพิ่มอีกสิบตำลึงทอง!” เสียงของเขาดังขึ้น

มูลค่าของเตาพลังวิญญาณพุ่งทะยานไปถึงหนึ่งร้อยตำลึงทองแล้ว แต่คู่แข่งจากหลังม่านก็ยังไม่ลดละ เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้ง 

“เพิ่มอีกยี่สิบตำลึงทอง!”

หรงป๋อเหวินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูท่าอีกฝ่ายจะมุ่งมั่นไม่แพ้กัน แต่ของชิ้นนี้เขาก็ไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ 

“เพิ่มอีกสิบตำลึงทอง!” เขาเอ่ยขึ้นอย่างมั่นคงไม่ยอมอ่อนข้อ

ทว่ายังไม่ทันที่ผู้นำประมูลจะได้เอ่ยปาก ก็มีเสียงที่คุ้นหูแทรกเข้ามา 

“เพิ่มอีกสามสิบตำลึงทอง!” 

พ่อค้าแซ่โจวที่เพิ่งได้หินอัปเกรดไปเมื่อครู่ ปรากฏตัวขึ้นจากฝูงชนพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ดูเหมือนเขาก็สนใจเตาพลังวิญญาณชิ้นนี้เช่นกัน

หรงป๋อเหวินถึงกับพับพัดในมือลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังพ่อค้าแซ่โจว การมาเกทับกันเช่นนี้ทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก แต่จะให้เขายอมแพ้กับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร เขาสูดหายใจลึกกำลังภายในถูกรวบรวมไว้ที่ลำคอ

“เพิ่มอีกสิบตำลึงทอง!” เสียงของเขาดังกว่าเดิม บ่งบอกถึงความไม่ยอมถอย

คราวนี้บรรดาผู้ประมูลคนอื่น ๆ เริ่มมองหน้ากัน หลายคนกระซิบกระซาบด้วยความตกใจกับราคาที่พุ่งสูงลิ่วของเตาพลังวิญญาณชิ้นนี้ ผู้นำประมูลรอให้เสียงกระซิบกระซาบซาลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด 

“มีผู้ใดจะให้ราคาสูงกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบตำลึงทองอีกหรือไม่?” เขาทอดเสียงเล็กน้อย ก่อนจะนับ “หนึ่ง...สอง...สาม...”

เสียงเคาะไม้ดังสนั่นก้องหอประมูล 

“เตาพลังวิญญาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบตำลึงทอง! ตกเป็นของใต้เท้าหรงป๋อเหวิน!”

หรงป๋อเหวินถอนหายใจอย่างโล่งอก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย เขามั่นใจว่าน้องสี่จะต้องดีใจกับของขวัญชิ้นนี้เป็นแน่

หลังจากที่ได้เตาพลังวิญญาณมาครอบครอง การประมูลของอื่น ๆ ก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มีทั้งช่อเมล็ดข้าวมงคลที่ร่ำลือกันว่ารังสรรค์ขึ้นด้วยพระหัตถ์ของลู่กุ้ยเฟย ซึ่งถูกประมูลไปในราคาสูงลิ่ว หรือแม้แต่ไร่ชาผืนใหญ่ในเขตเมืองอู๋ ซึ่งถูกเว่ยเจียมู่หงคว้าไปอย่างง่ายดาย หรงป๋อเหวินอดคิดไม่ได้ว่าซื่อยู่สื่อก็มาปรากฏตัวอยู่ในหอประมูลแห่งนี้ด้วยหรือว่าเขาจะมาจับผิดพวกคนรวยผิดปกติกันนะ?

ตอนนี้เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว หรงป๋อเหวินก็ไม่ได้สนใจของเหล่านั้นมากนัก เขามีเพียงเสนอราคาออกไปบ้างพอให้การประมูลมีสีสัน ไม่ได้จริงจังที่จะครอบครองสิ่งใดเป็นพิเศษ แต่ก็ยังคงเฝ้ารอด้วยความสนใจว่าจะมีสิ่งใดน่าสนใจปรากฏขึ้นอีก จนกระทั่งเสียงกังวานของผู้นำประมูลดังขึ้นอีกครั้ง

“ของชิ้นต่อไป! วังบาดาล! มูลค่าเริ่มต้นสองร้อยตำลึงทองขอรับ!”

ป๋อเหวินถึงกับสำลักชาที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม เขามองไปยังเวทีประมูลด้วยความประหลาดใจ วังบาดาลหรือ? นี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ เดี๋ยวนี้เขาประมูลซื้อวังกันแล้วอย่างนั้นรึ?! สองร้อยตำลึงทองสำหรับวังที่มองไม่เห็นอยู่ใต้น้ำเนี่ยนะ? ทีแรกหรงป๋อเหวินก็ไม่ได้สนใจจะเข้าประมูลสินค้าชิ้นนี้มากนัก แต่ด้วยความนึกสนุก เขาอยากลองเสนอราคาเล่น ๆ ปั่นราคาให้พวกเศรษฐีที่กำลังประมูลต้องจ่ายหนัก ๆ เสียหน่อย

บุคคลปริศนาหลังม่านคนเดิมเสนอขึ้นทันที 

“เพิ่มสี่สิบตำลึงทอง!” 

ตามมาด้วยเสียงคุ้นเคยของพ่อค้าแซ่โจว 

“เพิ่มอีกสี่สิบตำลึงทอง!” 

ไม่นานนักเสียงใส ๆ ของหลิวหรงเล่อก็ดังตามมา 

“เพิ่มอีกสามสิบตำลึงทอง!” 

และแน่นอนคราวนี้ดูเหมือนรองผู้ว่าโอวหยางก็เอากับเขาด้วย 

“เพิ่มอีกสี่สิบตำลึงทอง!”

ท่าทางท่านโอวหยางคงอยากได้วังนี้มาก หรงป๋อเหวินเห็นดังนั้นก็ยิ่งนึกสนุก เขานึกอยากจะปั่นราคาเพิ่มให้ท่านรองผู้ว่าได้จ่ายแพง ๆ จึงเอ่ยเสนอออกไปอย่างไม่รีรอ 

“เพิ่มอีกสามสิบตำลึงทอง!”

เขาคิดว่ารองผู้ว่าโอวหยางจะต้องเสนอเพิ่มอย่างแน่นอน เพราะดูจากท่าทีแล้ว ท่านคงไม่อยากพลาดวังบาดาลแห่งนี้เป็นแน่ แต่ทว่า…เสียงนับเริ่มขึ้นทันทีเมื่อไม่มีผู้ใดเสนอราคาเพิ่มอีก

“วังบาดาล สามร้อยแปดสิบตำลึงทอง! ครั้งที่หนึ่ง!”

“วังบาดาล สามร้อยแปดสิบตำลึงทอง! ครั้งที่สอง!”

“วังบาดาล สามร้อยแปดสิบตำลึงทอง! ครั้งที่สาม!!!”

เสียงเคาะไม้ดังสนั่นก้องหอประมูล 

“วังบาดาลตกเป็นของใต้เท้าหรงป๋อเหวินขอรับ!!!”

รองผู้ว่าโอวหยางถึงกับหันไปมองคนที่แย่งวังของเขาไปด้วยสายตาที่ประหลาดใจปนริษยา หารู้ไม่ว่าคนที่นั่งอยู่หลังม่านที่เพิ่งได้วังบาดาลไปนั้นหูวิ้งไปแล้ว เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ข้าต้องจ่ายสามร้อยแปดสิบตำลึงทองเพื่อวังบาดาลเชียวรึ! ความรู้สึกเสียดายเงินแล่นวาบเข้ามาในใจทันที ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ของประมูลได้ตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์!

ป๋อเหวินยังคงนั่งแข็งทื่ออยู่หลังม่านกั้น พัดในมือร่วงหล่นลงกระทบพื้นเบา ๆ เสียงอื้ออึงรอบข้างดูเหมือนจะจางหายไป ความคิดเดียวที่ก้องอยู่ในหัวคือ 

‘สามร้อยแปดสิบตำลึงทอง! ข้าต้องจ่ายเงินขนาดนี้เพื่อสิ่งไร้สาระเช่นวังบาดาลเนี่ยนะ!’ 

ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงปนกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถาโถมเข้ามา เขาแค่ต้องการปั่นราคาเล่น ๆ ไม่ได้คิดจะครอบครองมันจริง ๆ เลยสักนิด! ตอนนี้จะทำอย่างไรดี? จะปฏิเสธก็คงไม่ได้เสียหน้าแย่ แล้วเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้จะหามาจากไหน? ความสนุกที่เคยมีพลันมลายหายไปสิ้นแทนที่ด้วยความหนักอึ้งในอก

การประมูลดำเนินต่อไปอีกไม่กี่ชิ้น แต่หรงป๋อเหวินไม่ได้สนใจสิ่งใดอีกแล้ว เขาได้แต่เหม่อมองไปยังเวทีประมูลอย่างไร้จุดหมาย คล้ายวิญญาณได้หลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ท้ายที่สุดเมื่อผู้นำประมูลประกาศปิดการประมูล ผู้คนเริ่มทยอยกันออกจากหอประมูลด้วยสีหน้าพึงพอใจและไม่พึงพอใจปะปนกันไป หรงป๋อเหวินลุกขึ้นยืนช้า ๆ ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งราวกับถูกโซ่ตรวนรัดไว้

ขณะที่เขากำลังเดินออกมาจากห้องประมูล เจ้าหน้าที่ของหอประมูลก็เข้ามาหาด้วยรอยยิ้มเปี่ยมเลศนัย 

“ยินดีด้วยนะขอรับใต้เท้าหรง! ท่านได้เตาพลังวิญญาณและวังบาดาลไปครอบครอง!” เขาทำท่าทางเชื้อเชิญให้หรงป๋อเหวินไปชำระเงิน หรงป๋อเหวินได้แต่ฝืนยิ้มตอบ พลางคิดในใจว่า 

‘ยินดีบ้าอะไรกัน! นี่มันหายนะชัด ๆ!’

เขาเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องชำระเงินด้วยความรู้สึกเหมือนเดินไปสู่ลานประหาร ในหัวยังคงเต็มไปด้วยคำถามและแผนการที่จะหาเงินมาจ่ายค่าวังบาดาล ที่ไม่ได้ตั้งใจประมูลมา เขาเหลือบไปเห็นรองผู้ว่าโอวหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกล ดวงตาของท่านรองผู้ว่ายังคงจ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดา นั่นไม่ใช่แค่ความประหลาดใจ แต่ดูเหมือนจะมีประกายความอิจฉาริษยาแฝงอยู่ด้วย หรงป๋อเหวินรีบหลบสายตาไม่กล้าสบตาตรง ๆ

ขณะที่หรงป๋อเหวินกำลังยืนประจันหน้ากับโต๊ะชำระเงินที่ดูราวกับปากเหวแห่งความหายนะ ความคิดหนึ่งก็พลันแล่นวาบเข้ามาในหัว คล้ายลำแสงสว่างจ้าในความมืดมิด! เขาพลันนึกขึ้นได้ถึงเรื่องหนึ่งที่ติดค้างอยู่ในใจมาตลอด...น้องสี่! ตอนที่นางหนีออกจากจวนของท่านพ่อ นางเอาทรัพย์สินติดตัวไปเพียงน้อยนิดนัก ส่วนใหญ่ของมีค่ายังคงถูกเก็บไว้ในจวน และเมื่อเขาได้รับคำสั่งให้มาประจำตำแหน่งที่ฉางอัน เขาก็ได้นำทรัพย์สินทั้งหมดของน้องสี่ที่เหลืออยู่ในจวนติดตัวมาด้วย หวังว่าจะได้พบกับนางแล้วมอบคืนให้

จนบัดนี้เขาได้พบนางแล้วแต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้มอบทรัพย์สินเหล่านั้นให้นางเลยสักครั้ง จู่ ๆ ความคิดที่ว่า ‘ถ้าเอาทรัพย์สินของน้องสี่มาจ่ายค่าของประมูลทั้งหมด แล้วยกให้เป็นของนางไปเลย นางก็ไม่ได้เสียอะไรนี่นา!’ ก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว แถมยังได้วังบาดาลสุดอลังการเป็นสินเดิมอีกต่างหาก! ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่าเป็นแผนการที่แยบยลยิ่งนัก! น้องสาวของเขาจะกลายเป็นผู้ครอบครองวังลึกลับใต้บึงสุ่ยปี้แห่งนี้โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว! (เหรอ?)

เมื่อคิดได้ดังนั้นหรงป๋อเหวินก็รีบจัดการชำระเงินทั้งหมดทันที ใบหน้าของเขาที่เคยซีดเผือดพลันกลับมามีสีสันอีกครั้ง ความกังวลก่อนหน้ามลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยความตื่นเต้นและรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก พลาง จินตนาการถึงใบหน้าอันแสนยินดีของน้องสาว เมื่อนางได้กลับมาจากสงครามและได้รับรู้ว่าเขาได้เตรียม ของขวัญชิ้นใหญ่สองชิ้น คือเตาพลังวิญญาณที่นางปรารถนาและที่สำคัญคือ วังบาดาล อันน่าอัศจรรย์นี้ไว้ให้นางแล้ว

แม้จะต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลจากทรัพย์สินของนาง แต่ในเมื่อทั้งหมดจะตกเป็นของนางอยู่ดี ก็ไม่ต่างอะไรกับการย้ายที่เก็บเท่านั้นเอง หรงป๋อเหวินรู้สึกเบาใจอย่างบอกไม่ถูก เขารอคอยวันที่น้องสี่จะกลับมา และอดที่จะคิดถึงภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของนางไม่ได้...มันจะต้องเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่และน่าประหลาดใจที่สุดที่นางเคยได้รับมาเป็นแน่!


ชำระค่าเตาพลังวิญญาณ 170 ตำลึงทอง
ชำระค่าวังบาดาล 380 ตำลึงทอง  
รวมเป็น 550 ตำลึงทอง

ขอชำระเป็น 421 ตำลึงทอง + 1290 ตำลึงเงิน (ตำลึงทองหมด)


ข้อมูลที่ต้องส่งเพื่อขอรับวังบาดาลอย่างเป็นทางการ:
ภาพปกวังบาดาล:
 

ภาพปกหลักวังบาดาล:
https://img5.pic.in.th/file/secure-sv1/Yng-Ning-Palace---2.png

ชื่อวังบาดาล: วังหย่งหนิงแห่งบึงสุ่ยปี้


@Admin 






แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 39594 ไบต์และได้รับ 24 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-7-14 19:50
โพสต์ 39,594 ไบต์และได้รับ [ถูกบล็อค] ความชั่ว +2 ความโหด จาก ปราณเพลิงสีชาด  โพสต์ 2025-7-14 19:50
โพสต์ 39,594 ไบต์และได้รับ +15 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +8 ความโหด จาก ยอดฝีมือ  โพสต์ 2025-7-14 19:50
โพสต์ 39,594 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)  โพสต์ 2025-7-14 19:50
โพสต์ 39,594 ไบต์และได้รับ +8 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 ความโหด จาก เกราะเกล็ดมังกร  โพสต์ 2025-7-14 19:50
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
แหวนดาราจรัส(2)
หงอนคู่ราชันย์
ง้าวกรีดนภา
แหวนดาราจรัส(D)
ยอดยุทธ์ผู้ล่า
ปราณเพลิงสีชาด
ยอดฝีมือ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
เกราะเกล็ดมังกร
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
หินสลักโบราณ
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ญ)
มีดแล่เนื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x30
x30
x10
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x1
x4
x1
x142
x4
x133
x186
x200
x399
x684
x707
x4
x4
x8
x4
x5
x20
x4
x599
x2
x20
x12
x22
x6
x12
x17
x10
x38
x2
x687
x228
x438
x44
x531
x19
x14
x1
x19
x228
x1
x21
x10
x203
x3
x116
x37
x5
x63
x1
x2
x40
x1
x5
x2
x7
x6
x5
x6
x6
x17
x2
x2
x25
x15
x16
x2
x47
x6
x7
โพสต์ 2025-8-22 20:30:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด


วันที่ 22 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามโหย่ว เวลา 17.00 - 19.00 น. ณ ถนนสิบลี้ หอประมูลสือฟั่ง

อีเว้นท์ ภารกิจ “ม้าคู่ใจใต้หล้า (良驹天下)”


แสงสุดท้ายของอาทิตย์ย้อมฟ้าเป็นสีส้มแดง หอประมูลสือฟั่งที่ตั้งตระหง่านกลางถนนสิบลี้ราวกับวังทองคำ มีโคมแดงประดับตามทางเดินส่องแสงสว่างทีละดวง กลิ่นธูปผสมกลิ่นไม้หอมลอยอบอวล ผู้คนมากหน้าหลายตาสวมชุดหรูหราต่างเดินเข้าออกอย่างคึกคัก ทั้งพ่อค้าใหญ่ ขุนนาง และแม้แต่บรรดาสตรีตระกูลดังที่อยากมาครอบครองของล้ำค่า หลินหยาในอาภรณ์เรียบง่ายก้าวสู่บันไดหินอ่อน มองไปยังประตูใหญ่ที่มีรูปสลักสิงหาทองสองตัวนั่งเฝ้าอยู่ สายตาของนางเต็มไปด้วยความตั้งใจ “แค่ลงทะเบียนเท่านั้น อย่าทำตัวเด่นเกินไป...”


แต่ก้าวแรกที่นางเข้าไปในลานหอ ความรู้สึกเย็นวาบก็วิ่งขึ้นสันหลังทันที ราวกับมีสายตาคมคู่อยู่ในเงามืด กำลังจ้องมองตนอยู่ สัญชาตญาณเตือนดังขึ้นในใจสายตานั้นไม่ใช่เพียงความอยากรู้อยากเห็นธรรมดา หากแต่เป็นการจับจ้องเหมือนกำลัง ประเมินราคา


หัวใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ หลินหยาไม่อาจลืมได้ครั้งก่อนที่นางมาเยือนหอแห่งนี้ก็เคยโดนมองแบบนี้มาก่อน “บุรุษชาวหนานเจ้า…เจ้าคนนั้นหรอ” ภาพความทรงจำผุดขึ้นในห้วงคิด ใบหน้าคมเข้มของชายผู้เคยมีธุระติดต่อกับพ่อบ้านของรองผู้ว่าโอวหยาง แววตาที่หันมามองนางวันนั้น ไม่ได้มองในฐานะคน แต่มองราวกับกำลังชั่งตวงสินค้าชิ้นหนึ่ง วัดความงาม ความคุ้มค่า และราคาที่จะได้หากนำไปขาย


ริมฝีปากน้อย ๆ ของหลินหยากัดแน่น เธอฝืนยิ้มบางไว้บนใบหน้าไม่ให้ใครสังเกต ทว่าก้าวเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อย ก้าวตรงไปยังโต๊ะลงทะเบียนที่มีตระกูลเจาเป็นผู้ควบคุม เจ้าหน้าที่ประจำโต๊ะเหลือบมองนาง พยักหน้าเรียบเฉย “หากท่านต้องการลงทะเบียนเข้าประมูลโปรดแจ้งชื่อขอรับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มตระกูลเจาหยิบแผ่นทะเบียนขึ้นมาก่อนเอ่ยเสียงเรียบสุภาพ “ค่าลงทะเบียนต้องซื้อที่นั่งตามกฎของหอประมูล ที่นั่งปกติราคา ห้าตำลึงทอง แต่ถ้าท่านประสงค์ความเป็นส่วนตัว จะมีที่นั่งแบบพิเศษพร้อมม่านบัง ราคา ยี่สิบตำลึงทอง ขอรับ”


คำพูดยังไม่ทันจบดีหลินหยาก็แทบจะตอบออกไปทันทีว่า “เอาที่นั่งห้าตำลึงทะ…” แต่ปลายเสียงของนางขาดหายไป..เพราะวินาทีเดียวกันนั้นเอง ความรู้สึกเสียววาบเหมือนมีคมมีดวางอยู่บนต้นคอหวนกลับมาอีกครั้ง ร่างกายสั่นแผ่วโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ใจเต้นโครมครามจนแทบได้ยินชัด นางไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ว่า...สายตานั้น มันยังอยู่ มันไม่เคยหายไป เพียงแต่บางครั้งก็เลือนหายราวกับคนผู้นั้นเจตนาหลบเร้น ก่อนจะหวนกลับมาทิ่มแทงนางในยามที่เผลอ


ปลายนิ้วเรียวของหลินหยาที่แตะอยู่บนขอบโต๊ะถึงกับสั่นไหว นางกัดฟันสะกดความหวาดหวั่นก่อนจะยกมือขึ้นเปลี่ยนใจทันที “ข้า…จะเอาที่นั่งยี่สิบตำลึงทองแบบส่วนตัวเจ้าค่ะ” เสียงนางหนักแน่นกว่าปกติ แต่หากฟังดี ๆ จะได้ยินความรีบร้อนแอบซ่อนอยู่


เจ้าหน้าที่เลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นชัดว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะลังเลเปลี่ยนใจกลางคัน แต่เขาไม่เอ่ยถามต่อ เพียงบันทึกลงในทะเบียนแล้วประทับตรา ส่งป้ายไม้ที่นั่งส่วนตัวให้แทน “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ แม่นาง ที่นั่งส่วนตัวหมายเลข 12 ท่านสามารถเข้าร่วมการประมูลได้ในวันที่ 26 หากต้องการบริการเพิ่มเติม เช่น ขนส่งสิ่งที่ท่านประมูลได้ หอเรายินดีดูแล” หลินหยาพยักหน้าเล็กน้อย รับป้ายมาเก็บใส่แขนเสื้อแน่น ใบหน้าแต้มรอยยิ้มบางให้ดูเป็นธรรมชาติ แต่เหงื่อเย็นกลับซึมออกตามขมับอย่างห้ามไม่อยู่ “ดีแล้ว อย่างน้อยม่านบังมันก็คงช่วยให้ข้ารู้สึกปลอดภัยขึ้นบ้าง…”


นางสาวเท้าก้าวออกจากโถงลงทะเบียน ความวุ่นวายของผู้คนรอบกายกลับฟังดูคล้ายเสียงโกลาหลไกล ๆ เพราะในหูของนางเต็มไปด้วยเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นรัว เมื่อก้าวลงบันไดหินสู่ลานกว้างเบื้องหน้า ความรู้สึกหนักอึ้งที่บ่าก็กลับมาอีกครั้ง ราวกับมีใครกำลังเดินตามหลังห่าง ๆ แค่เพียงหนึ่งหรือสองก้าว หลินหยากลืนน้ำลายช้า ๆ พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก้าวไปเรื่อย ๆ แต่ทุกเส้นขนบนร่างกลับลุกชัน…หวังว่าไกลจากตรงนี้นางจะไม่เจอเรื่องแล้วล่ะ รอบหน้าอาจจะต้องปลอมตัวมาหรือเปล่านะ




@Admin 


พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่

อื่น ๆ: เขิน หาเรื่องให้ตัวเองเก่ง รู้ล่ะ ทำไมโดนจับบ่อย ๆ 5555555

ลงทะเบียนเข้าร่วมประมูล 20 ตำลึงทอง

รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 24855 ไบต์และได้รับ 16 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-22 20:30
โพสต์ 24,855 ไบต์และได้รับ +10 EXP +10 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-22 20:30
โพสต์ 24,855 ไบต์และได้รับ +6 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +10 คุณธรรม +8 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-22 20:30
โพสต์ 24,855 ไบต์และได้รับ +9 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +9 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-22 20:30
โพสต์ 24,855 ไบต์และได้รับ +20 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +5 คุณธรรม จาก ยอดคีตศิลป์  โพสต์ 2025-8-22 20:30
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
โพสต์ 2025-8-26 20:31:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuRuxuan เมื่อ 2025-8-26 20:35








ลงทะเบียนเข้าประมูล



24 เดือน 7  รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11 ยามอู่ < 11.00 น. - 13.00 น. >



ยามอู่ของวันฟ้าแจ่ม แสงแดดยามสายสาดผ่านยอดหลังคาอาคารสูงเรียงรายกลางนครหลวงฉางอัน ฉายลงบนก้อนหินสีเทาเรียบที่ปูทางตลอดเส้นถนนสิบลี้ ซึ่งทอดยาวไปจนถึงหน้าหอประมูลสือฟั่งอันโด่งดัง หอประมูลที่นับว่ารุ่งเรืองที่สุดในนครแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวแพร่สะพัดว่าในครานี้ จะมีการนำ “ยอดอาชาไนย” เข้ามาให้ผู้คนร่วมแย่งชิง



ในมุมหนึ่งของถนนแคบ ๆ ทิศตะวันตก กลับมีบุรุษน้อยร่างระหงในอาภรณ์ผ้าเนื้อดี สีอ่อนละมุนตา เดินอย่างไม่รีบร้อน เส้นผมดำขลับถูกรวบไว้หลวม ๆ ด้วยผ้าสีขาวหม่นที่ดูธรรมดายิ่งกว่าชาวบ้านทั่วไป ใบหน้าแม้มีเค้าความงามจนคล้ายภาพวาดบนผนังวังหลวง แต่กลับซ่อนอยู่ภายใต้หมวกคลุมศีรษะและผ้าคลุมหน้าบางเบา หากไม่เพ่งพิศอย่างตั้งใจ ก็มิอาจเดาได้เลยว่าเบื้องหลังนั้นคือองค์ชาย



หรูเสวียน ในครานี้คือ “เสวียนอิ๋ง” ชื่อปลอมที่ใช้เป็นประจำเมื่อคิดจะแฝงตัวออกจากวัง หยุดยืนอยู่หน้าหอประมูล หางตากวาดมองซ้ายขวาเล็กน้อยเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีใครคุ้นเคยแล้วจึงก้าวย่างเข้าสู่ด้านใน



บรรยากาศภายในหอประมูลหรูหราสมชื่อ พื้นไม้ขัดเงาจนมองเห็นเงาตนเองสะท้อนแวววาว เครื่องหอมอบกลิ่นจันทน์แผ่วบางเคล้าความเคร่งขรึมของสถานที่ แม่สาวในชุดสีเขียวขับผิวขาวประหนึ่งหยก ได้ก้าวออกมาต้อนรับราวรู้ล่วงหน้าว่าแขกผู้นี้มีทรัพย์หนัก เธอค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เสียงหวานเย็นดังขึ้นราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ



“คุณชายประสงค์จะลงทะเบียนร่วมประมูลหรือเจ้าคะ?”



เจ้าหนูน้อยเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยใต้ชายผ้า แสร้งปรับน้ำเสียงให้ทุ้มนุ่มกว่าปกติเล็กน้อย 


“ใช่ ขอรับ... ข้าได้ยินข่าวว่าครานี้มียอดอาชาจากแดนไกล ข้าเลยคิดจะมาร่วมชมดูสักครั้ง”



หญิงสาวยิ้มกิริยาสุภาพ ก่อนจะพยักหน้าเชิญเขาเข้าไปยังโต๊ะลงทะเบียน ซึ่งมีบุรุษในชุดม่วงนั่งรออยู่พร้อมพู่กันและสมุดรายชื่อ



“ขอเรียนถามชื่อขอรับ”



เด็กชายวางท่าให้แนบเนียนที่สุด ไม่หยิ่งเกิน ไม่อ่อนน้อมเกิน “เสวียนอิ๋ง”



ปลายพู่กันหยุดค้างเพียงครู่เดียวก่อนขีดจารชื่อนั้นลง จากนั้นจึงมีเด็กหนุ่มอีกคนส่งกระดาษม้วนหนึ่งพร้อมป้ายทองคำขนาดเท่าฝ่ามือเล็กให้เขา



“นี่คือกติกาการประมูลพร้อมหมายเลขที่นั่งของท่านคุณชาย เป็นที่นั่งส่วนตัว มีม่านปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ราคาค่าที่นั่ง 20 ตำลึงทองขอรับ หากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถมาเข้าร่วมได้ในวันจริง”



หรูเสวียนรับของทั้งหมดโดยไม่กล่าวอันใดเพิ่มเติม ก่อนจะหยิบถุงเล็ก ๆ ที่เหน็บมาจากใต้ชายเสื้อส่งให้ 



ชายผู้นั้นรับไปแล้วนับอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะก้มตัวอีกครั้งแล้วกล่าวอย่างนอบน้อม “ขอบคุณ คุณชายเสวียนอิ๋งที่อุปถัมภ์หอประมูลของพวกเราขอรับ”



เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เด็กชายก็มิได้พำนักนาน เดินทอดน่องออกมาจากหอประมูลเงียบ ๆ ขณะเดินผ่านเหล่าคนที่ต่อคิวกันยาวเหยียดเพื่อจองที่นั่งราคาถูกกว่า เขาก็แอบอมยิ้มอยู่ในใจ...



“ต้องคอยดูเสียหน่อย... ว่าเจ้าม้าตัวนั้น จะมีปีกงอกหรือกลืนไฟได้กันแน่”



หลังกลับถึงจุดที่ห่างไกลผู้คน เขาถอดหมวกคลุมและผ้าปิดหน้าออก ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พลางมองแสงแดดบนยอดไม้ที่ไหวตามสายลม



“อีกหลายวันเลยสินะ... ข้าจะได้เห็นโรงประมูลแบบเต็มขั้นเสียที ไม่แน่ว่าอาจมีเรื่องสนุกยิ่งกว่าดูม้าก็ได้…”



ว่าแล้วเจ้าตัวน้อยก็ยกม้วนกติกาประมูลขึ้นมาอ่านอีกครา ก้มหน้าครุ่นคิดวางแผนเงียบ ๆ ต่อให้ไม่ได้อะไรติดมือ อย่างไรเสียเขาก็ได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิตแล้วใช่หรือไม่ หรือไม่แน่ว่า... จะได้ของที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้




ลงทะเบียนเข้าร่วมประมูล 20 ตำลึงทอง



แสดงความคิดเห็น

โพสต์ 14143 ไบต์และได้รับ 8 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-26 20:31
โพสต์ 14,143 ไบต์และได้รับ +2 EXP +5 คุณธรรม +4 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-26 20:31
โพสต์ 14,143 ไบต์และได้รับ +2 EXP +4 คุณธรรม จาก พู่กันคัดอักษร  โพสต์ 2025-8-26 20:31
โพสต์ 14,143 ไบต์และได้รับ +4 คุณธรรม จาก พัดคุณชาย  โพสต์ 2025-8-26 20:31
โพสต์ 14,143 ไบต์และได้รับ +5 คุณธรรม +4 ความชั่ว +5 ความโหด จาก เกราะทองแดง  โพสต์ 2025-8-26 20:31
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ลำนำ(ซวีหยวน)
หมวกถังเจียน
ผู้มีบุญ
แหวนดาราจรัส(D2)
พู่กันคัดอักษร
พัดคุณชาย
เกราะทองแดง
อาภรณ์พร่ำพิรุณ (ช)
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x10
x2
x4
x4
x4
x4
x20
x30
x30
x90
x4
x100
x4
x1
x47
x30
x20
x10
x10
x20
x5
x5
x2
x3
x12
x70
x74
x70
x20
x1
x1
x1
x1
x4
x3
x2
x4
x2
x4
x10
โพสต์ 2025-8-26 23:10:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LinYa เมื่อ 2025-8-27 08:52


วันที่ 26 เดือน 7 รัชศกเจี้ยนหยวน ปีที่ 11

ยามไห่ เวลา 21.00 - 23.00 น. ณ ถนนสิบลี้ ฝั่งตะวันตก หอประมูลสือฟั่ง (ไปประมูล)

อีเว้นท์ ภารกิจ “ม้าคู่ใจใต้หล้า (良驹天下)”


ความมืดยามราตรีปกคลุมทั่วฉางอันแต่ฝั่งตะวันตกกลับคึกคักราวงานเทศกาลเพราะมีแสงโคมไฟนับร้อยพันดวงส่องสว่างอยู่ สถานที่หนึ่งที่เป็นศูนย์รวมของความมั่งคั่งและอำนาจ หอประมูลสือฟั่ง ตัวอาคารตั้งตระหง่านดั่งวังทองคำ ไฟประดับสีส้มแดงลุกโชนส่องผนังไม้ดำฉลุลายมังกรหงส์ราวกับเรืองแสงเองได้ ตรงหน้าประตูมีสิงโตหินเฝ้ายืนตระหง่าน ข้างในเป็นบันไดหินอ่อนทอดยาวขึ้นสู่ห้องโถงใหญ่ที่เสียงผู้คนขับขานกันหนาหูทั้งพ่อค้าใหญ่ ขุนนาง ผู้มีบารมี และบุคคลลึกลับจากเงามืด ต่างมารวมตัวเพื่อแย่งชิงสิ่งล้ำค่าที่จะถูกนำออกมาประมูล


วันนี้หลินหยาเลือกชุดที่เรียบหรูต่างจากทุกวัน อาภรณ์แพรสีม่วงอ่อนที่ทำให้นางดูนุ่มนวลน่ามอง ผมยาวถูกรวบอย่างประณีต ไม่โดดเด่นจนสะดุดตาเกินไป แต่กลับพอเหมาะพอดีจนดูสง่างามอย่างไร้ที่ติ นางเดินผ่านผู้คนด้วยกิริยาเรียบง่าย แต่แววตากลับส่องประกายแฝงความมุ่งมั่น


พนักงานของหอประมูลนำทางนางเข้าสู่ห้องประมูลเฉพาะซุ้มส่วนตัวที่เลือกไว้ตั้งแต่ตอนลงทะเบียน ภายในตกแต่งหรูหราด้วยม่านแพรบางสีม่วงอ่อน มีฉากกั้นสูงตลอดแนวห้องเพื่อให้ผู้เข้าประมูลแต่ละคนมองเวทีได้ แต่ไม่มีใครมองเห็นหน้ากันเอง บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นกำยานอ่อน ๆ ที่ช่วยให้ใจสงบ หลินหยาเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไม้สลักที่ปูด้วยเบาะไหมนุ่ม ข้างโต๊ะมีป้ายไม้เล็ก ๆ สำหรับยกขึ้นเมื่อต้องการเสนอราคา มือเล็กวางขลุ่ยของตนข้างตัวก่อนจะพ่นลมหายใจเบา ๆ


“ดี…อย่างน้อยที่นี่ก็ปลอดภัย ไม่ต้องทนกับสายตาประเมินค่าของใครสักพัก”


ม่านสีม่วงกั้นนางไว้จากสายตาทั้งหมด ทำให้เธอได้เพียงฟังเสียงจากรอบด้าน เสียงกระซิบกระซาบของขุนนางผู้มั่งคั่ง เสียงหัวเราะคิกคักของพ่อค้าใหญ่ เสียงกระทืบเท้าของบอดี้การ์ด และเสียงฆ้องแผ่วที่ดังขึ้นเพื่อบอกว่าการประมูลกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ในความมืดที่อบอวลด้วยความตึงเครียดและความโลภ ทุกคนต่างเฝ้ารอว่าสมบัติชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นเวทีคืออะไร แต่สำหรับหลินหยา...สิ่งที่นางรออยู่คือ "ม้า" ที่ถูกคัดออกจากกรมโยธา ของที่นางตั้งใจจะคว้าให้ได้


เสียงฆ้องดัง ปังงงง!! ก้องสะท้อนทั่วโถงหอประมูลสือฟั่ง ไฟตะเกียงน้ำมันนับร้อยดวงส่องสว่างระยิบระยับเหนือศีรษะ ผู้ดำเนินการสวมชุดแดงเข้มยืนอยู่กลางเวทีไม้ยกสูง ด้านหลังมีม่านผืนใหญ่ปักลายมังกรหงส์ไขว้กันอย่างสง่า “ของประมูลชิ้นแรกในคืนนี้ม้าศึกสีน้ำตาลเข้ม พึ่งถูกจับมาจากป่าทุ่งหญ้าแดนเหนือ!” เสียงของเขาดังชัดเจน “ม้าตัวนี้แกร่งกล้า ยืนหยัดได้ยามสมรภูมิ ปราดเปรียวดุจสายลม ราคาตั้งต้น 80 ตำลึงเงิน!!” ม่านเล็กสีม่วงตรงซุ้มของหลินหยาไหวเบา ๆ เมื่อหญิงสาวโน้มตัวไปข้างหน้า ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสนใจทันที แต่เพียงไม่กี่อึดใจเธอก็เม้มปากเล็กน้อย “ไม่ใช่เป้าหมายของเรา...คงต้องรอดูต่อไป”


ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดนาน เสียงป้ายไม้กระแทกโต๊ะจากซุ้มต่าง ๆ ก็ดังขึ้นรัว ๆ


“30 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน!!”


“70 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน!!”


เสียงประมูลแข่งกันดังระงมแทบไม่ให้หยุดหายใจ หลินหยาเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพวกขุนนางและพ่อค้าใหญ่ในซุ้มรอบด้านล้วนเล่นกันด้วย ตำลึงทอง ไม่ใช่ตำลึงเงิน หัวใจเธอเต้นแรง ความตื่นเต้นผสมความกังวลวิ่งพล่านในอก “เพิ่งลำดับแรกก็พุ่งไปขนาดนี้เลยรึ?!” ราคาพุ่งทะยานราวกับเปลวไฟโหมกระหน่ำ เสียงตะโกนแข่งกันดังสนั่น จนสุดท้าย เสียงจากซุ้มผ้าม่านสีดำด้านทิศเหนือดังขึ้นเพียงคำเดียวแต่เด็ดขาด “80 ตำลึงทอง 80 ตำลึงเงิน” ทั้งหอประมูลเงียบกริบไปชั่วขณะ ก่อนเสียงฆ้องดังขึ้น ปังงง!!


ผู้ชนะคือซุ้มม่านดำ!” เสียงอื้ออึงตามมา ผู้คนต่างพึมพำชื่นชมและคาดเดาตัวตนของผู้ที่กล้าทุ่มขนาดนั้น ขณะที่หลินหยาซ่อนตัวอยู่หลังม่านสีม่วงของนาง ริมฝีปากเล็กอ้าค้าง ตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ


“โอ้ววววว...เพิ่งเริ่มประมูลก็ราคามหาศาลขนาดนี้เลยหรอ ข้า...ข้าจะสู้ไหวหรือเนี่ย!” นางเผลอกำชายชุดแพรสีม่วงของตนแน่น แต่แล้วก็หัวเราะเบา ๆ อย่างขบขันตัวเอง “ก็ใช่สิ ข้ามาที่นี่เพื่อม้า จะหวั่นไหวอะไรนัก...แค่ต้องประหยัดและฉลาดกว่าพวกนั้นเท่านั้นเอง” ม่านสีม่วงยังปกปิดรอยยิ้มขี้เล่นของหญิงสาว ในขณะที่การประมูลยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด...


เสียงฆ้องดังขึ้นอีกครั้ง ปังงงง!! พิธีกรบนเวทีชูมือตะโกนอย่างตื่นเต้น “ต่อไป! ของประมูลชิ้นที่สอง รถม้าคันหรูแห่งตำหนักใน! รถม้าที่ครั้งหนึ่งลู่กุ้ยเฟยเคยประทับร่วมกับฝ่าบาท ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย!!” ม่านใหญ่ถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็น รถม้าสีดำประดับลายทองหรูหรา ม้าศึกดำเชิดหัวสง่างาม แสงตะเกียงสะท้อนบนพู่ประดับสีแดงเข้ม ทุกสายตาในหอประมูลแทบจะพร้อมใจกันเบิกกว้าง บรรยากาศเงียบงันไปเสี้ยวอึดใจ ก่อนเสียงฮือฮาดังก้องราวกับคลื่น


หลังม่านสีม่วงของตน หลินหยาอ้าปากค้างทันที “หะ…หา!? ใครมันบ้าเอาของแบบนี้มาประมูลวะเนี้ย!!” ใจเต้นระรัวทั้งตกใจทั้งขบขัน นี่มันไม่ใช่แค่รถม้าธรรมดา แต่เป็น ของที่มีเรื่องเล่าทางราชสำนักติดอยู่เต็มเปา! “ราคาเริ่มต้น 1 ตำลึงทอง!!” เพียงแค่นั้น เสียงเสนอราคาก็ดังขึ้นเป็นสายฟ้าแลบ


“21 ตำลึงทอง!!”


“61 ตำลึงทอง!!” เสียงผู้ประมูลตะโกนแทรกกันระงมจนเวทีแทบสั่นสะเทือน หลินหยาถึงกับเอามือปิดปากตัวเองไม่ให้เผลออุทานออกมา “นี่มันน้อยกว่าม้าน้ำตาลอีก แต่กลับไต่สูงกว่าเป็นสิบเท่าเรอะ!” และหลังจากนั้น ตัวเลขก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่ง...เสียงจากซุ้มทางซ้ายมือของหลินหยาดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำ “121 ตำลึงทอง!!” ทั้งหอประมูลเงียบกริบราวถูกตัดลมหายใจ ทุกสายตาเบนมาที่ซุ้มผ้าม่านนั้นในทันที ก่อนเสียงฆ้องประกาศดังสนั่น ปังงงง!!


“121 ตำลึงทอง!! รถม้าคันหรูตกเป็นของซุ้มด้านซ้ายสีม่วงแล้ว!!” เสียงอื้ออึงดังสะท้อนรอบห้อง บ้างฮือฮาชื่นชม บ้างพึมพำด้วยความระแวง “ใครกันแน่...ถึงกล้าทุ่มมหาศาลเพื่อครอบครองรถม้าของกุ้ยเฟย?”


หลินหยาในม่านสีม่วงแทบจะล้มพับลงบนโต๊ะ นางอ้าปากค้าง มือสั่นน้อย ๆ “โอ้โหววว ซุ้มข้าง ๆ ข้าเองเรอะ!! นี่มันบ้าไปแล้วนะ...จะประมูลอะไรขนาดนั้น! เป็นสลิ่มลู่กุ้ยเฟยกับลฝ่าบาทเราะ” หัวใจหญิงสาวสั่นสะท้าน ทั้งเพราะความตื่นเต้นจากราคาที่ทะยานสูง และทั้งเพราะความรู้สึกไม่สบายใจที่ผู้ชนะอยู่ใกล้นางเสียจนเผลอหายใจแรงไปทีเดียว “เฮ้อ...นี่มันเพิ่งลำดับสองเองนะ ข้างหน้าจะขนาดไหนกันอีกวะเนี่ย...”


เสียงฆ้อง ปังงงง!! ดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ดำเนินการเวทีเผยรอยยิ้มพร้อมผายมือไปยังม่านที่ถูกเปิดออก เผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามราวภาพฝัน “ของลำดับที่สามแพะจากภูเขาเทียนซาน!” เสียงตะโกนก้องสะท้อนทั้งหอประมูล “ร่างกายแข็งแกร่งทนหนาวจัดได้ งดงามสง่าราคาเริ่มต้น 70 ตำลึงทอง!!” ทันใดนั้นม่านเล็กถูกเลิกออก เผยร่างแพะสีขาวเงินสง่างาม เขาโค้งงามเหมือนเสี้ยวจันทร์ ดวงตาสีเหลืองทองทอประกายมีพลัง เครื่องประดับเงินประดับอัญมณีสีน้ำแข็งส่องประกายรอบตัวมันราวกับเป็นสัตว์ในตำนาน


หลินหยาในม่านสีม่วงถึงกับยกมือปิดปากตัวเอง “โอ้ววว…สวยขนาดนี้ ใครไม่อยากได้บ้างล่ะเนี่ย!!” หัวใจเธอเต้นแรง รู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา แต่แล้วก็สะบัดหัวเบา ๆ “ไม่ ๆ ข้าต้องการม้า ไม่ใช่แพะ…อย่าเผลอเด็ดขาดนะหลินหยา!” และหลังจากนั้นบนเวทีเสียงการประมูลแข่งกันดังรัวราวกับฟ้าผ่า


“110 ตำลึงทอง!!”


“120 ตำลึงทอง!!”  ราคาพุ่งทะยานราวกับไฟโหมเผาในพริบตา หลินหยามองด้วยตาโต อ้าปากค้างจนแทบหุบไม่ลง “270 ตำลึงทอง”  สุดท้ายเสียงหนักแน่นจากซุ้มม่านสีเหลืองนวลด้านขวามือของหลินหยาดังขึ้น “310 ตำลึงทอง!!” ทั้งหอประมูลเงียบกริบในเสี้ยววินาที ก่อนเสียงฆ้องดังขึ้นประกาศชัยชนะ ปังงงง!!


“310 ตำลึงทอง!! แพะจากเทียนซานตกเป็นของซุ้มสีเหลืองนวล!!” เสียงฮือฮาดังกระหึ่มทั่วโถง มีทั้งเสียงอึ้ง เสียงยกย่อง และเสียงซุบซิบว่าใครกันแน่ที่มีทรัพย์สินมหาศาลขนาดนี้


หลินหยาที่นั่งหลังม่านถึงกับเงยหน้าพิงเก้าอี้ ร้องกรี๊ดในใจแบบไร้เสียง “เชี่ยยยยย!! 310 ตำลึงทอง!! ซื้อแพะนะเว้ยไม่ใช่มังกร!! พระเจ้าโว้ยยยยย โอ้วววว รวยขนาดนี้ข้าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง ๆ เลยด้วยซ้ำ!” มือเล็กกำชายเสื้อแน่น ความเครียดผสมตื่นเต้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มบาง “ดี...ดีก็ดี ข้าแค่ต้องรอ รอจนกว่าจะถึงรอบของม้าเท่านั้นแหละ!” ม่านสีม่วงสั่นเบา ๆ ตามแรงสะท้านของหัวใจหญิงสาว ในขณะที่เวทีเริ่มประกาศของชิ้นถัดไป...


เสียงฆ้องดังขึ้นสามครั้งติด ปังงงง!! ปังงงง!! ปังงงง!! ทุกสายตาในหอประมูลสือฟั่งเบนไปยังเวทีราวถูกสะกด ผู้ดำเนินการโบกพัดหยกในมือก่อนประกาศด้วยน้ำเสียงทรงพลัง “และนี่คือ สินค้าพิเศษสุดท้ายของคืนนี้! … ยอดอาชาแห่งทุ่งหญ้าตอนเหนือ ม้าดำทมิฬ!” ม่านผืนใหญ่ถูกเลิกขึ้นเผยให้เห็นม้าดำเงางามสง่า แผงคอยาวสลวยสยายไปตามลม ดวงตาคมกริบวาววับราวมีประกายไฟซ่อนอยู่ทุกก้าวที่มันกระทืบพื้น เสียงกีบกระแทกไม้ดังก้องกังวานจนผู้คนรอบด้านต่างกลืนน้ำลายพร้อมกัน


หลินหยาในซุ้มม่านสีม่วงถึงกับโน้มตัวไปข้างหน้า ตากลมทอประกาย “ใช่เลย! ข้าอยากได้เจ้าตัวนี้แหละ!”


แต่ยังไม่ทันได้ยิ้มกว้าง เสียงประกาศต่อมากลับทำเอาหญิงสาวแทบหงายหลัง


“ยอดอาชาตัวนี้ มิใช่เพียงม้าศึกธรรมดา ร่ำลือกันว่าเคยเป็นอาชาที่ฝ่าบาททรงร่วมขี่กับลู่กุ้ยเฟย! … และทั้งสองได้แสดงความรักต่อกันบนหลังม้าตัวนี้!! นับเป็นสิริมงคลหาที่เปรียบมิได้!! มูลค่าเริ่มต้น 100 ตำลึงทอง!!” โถงประมูลถึงกับอื้ออึงทันที บ้างพึมพำว่ามันคือของสูงค่าเพราะเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ บ้างกลับหัวเราะในลำคออย่างหยาบโลนที่จินตนาการออกทันทีว่าความหมายของคำว่า “แสดงความรัก” คืออะไร


ส่วนหลินหยานั้นอึ้งค้างไปสามวิ ก่อนจะกุมขมับหน้าซีดเผือด “เชี้ยยยยยยยย!!! บนหลังม้า!? ทำบ้าอะไรกันฮ่องเต้กับกุ้ยเฟย!! อายโคตรรรร!!” ใบหน้าแดงก่ำราวจะระเบิด นางแทบอยากวิ่งหนีออกจากซุ้ม แต่แล้วก็กัดฟันแน่น “แต่ว่า…ช่างหัวสิ! มันคือลาภลอยชัด ๆ มันคือนิพพานของคนจนอย่างข้า!! ต่อให้ต้องหน้าด้าน…ข้าก็ต้องได้ม้าตัวนี้มา!!!” มือเล็กกำป้ายประมูลแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ร่างกายสั่นสะท้านทั้งเพราะความโกรธ ความเขินอาย และความโลภในเวลาเดียวกัน


“บัดซบเอ๊ย…แม่งเอ๊ย…โดนทำร้ายจิตใจที่จะต้องประมูลม้านี้ แต่…T_T แต่ข้าต้องได้มันมา!!!” ม่านสีม่วงสั่นไหวเบา ๆ ราวกับสะท้อนความวุ่นวายภายในใจหญิงสาวผู้หมายมั่น ยอดอาชาสีดำยืนตระหง่านอยู่กลางเวที ในขณะที่เสียงประมูลเริ่มดังขึ้นรอบด้านอย่างดุเดือด…


เสียงฆ้องดังระรัว ปังงงง!! เปิดศึกการประมูลม้าดำทมิฬอย่างเป็นทางการ ทันใดนั้นซุ้มด้านซ้ายของหลินหยาก็ยกป้ายไม้ขึ้นทันที น้ำเสียงทุ้มต่ำดังลอดม่านออกมา “140 ตำลึงทอง” ทั้งหอประมูลสะท้านเฮือกทันที ราคาพุ่งขึ้นเกินฐานตั้งต้นไปหลายเท่า หลินหยาเบิกตากว้างปากอ้าค้าง “ห๊าาา!? มึงเปิดมาก็ 40 ตำลึงทองเลยเรอะ!!” ใจเต้นระส่ำแทบทะลุออกมาจากอก แต่ยังไม่ทันตั้งสติ เสียงอีกซุ้มหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา “150 ตำลึงทอง!!”


หลินหยาอ้าปากค้างไม่ทันหุบ มือเล็กสั่นระริกจนแทบทำป้ายหลุด “เดี๋ยวนะ!! เพิ่งเริ่มเองนะเว้ยยย!!” ยังไม่ทันขาดคำเสียงซุ้มด้านซ้ายเดิมก็โพล่งขึ้นมาอีกครั้ง “200 ตำลึงทอง!!”


“อึ๊กกก!!” หลินหยาแทบสำลักน้ำลายตัวเอง “ไอ้ซุ้มบ้านี่มันจะเอาให้ได้เลยใช่ไหมวะะะ!!” โถงทั้งโถงแตกตื่น เงียบลงชั่วครู่ก่อนระเบิดเสียงฮือฮาออกมาเป็นระลอก บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเข้มข้น ทว่าไม่ทันไร เสียงหนึ่งที่หลินหยาคุ้นเคยก็โพล่งขึ้นจากแถวที่นั่งปกติด้านล่างเสียงนุ่มทว่าหนักแน่นฟังแล้วหัวใจเธอกระตุกวาบ “250 ตำลึงทอง!!”


ดวงตาหญิงสาวเบิกกว้าง “โจวจินนนน!!! มึงมาทำเชี่ยไรที่นี่!!” เสียงรอบข้างดังลั่น บรรยากาศแทบแตกออกเมื่อโจวจินทุ่มราคาสูงเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้ และไม่หยุดเพียงเท่านั้น เสียงเขาดังซ้ำอีกครั้ง ราวกับจะกรีดใจหลินหยาให้ขาดกลาง “ข้าเสนอ 250 ตำลึงทอง!!”


“อ๊ากกกกกกก!!!” หลินหยาตะโกนกรี๊ดในใจ รู้สึกเสียวสันหลังวาบราวกับถูกลากขึ้นแท่นประหาร เสียงฆ้องดังตามมาทันที ปังงง!! ห้องทั้งห้องแตกตื่นด้วยเสียงซุบซิบ ราวกับกำแพงหินถล่มทับลงมาที่ซุ้มม่านสีม่วงของหลินหยา หญิงสาวนั่งแข็งค้าง หัวใจเต้นแรงจนเกือบหลุดออกจากอก มือเล็กกุมอกตัวเองแน่น “เชี่ยยยย โจวจิน…ไอ้พ่อค้าเถื่อนเวรตะไล!! มึงทุ่มราคาทำไม ข้าจะหายใจออกไหมเนี่ย!!!” เลือดแทบกระอักออกมาจากความเครียดที่ราคาพุ่งสูงปรี๊ด 


หลินหยากัดฟันแน่น สูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วค่อย ๆ ยกป้ายไม้ในมือขึ้นเบา ๆ ด้วยเสียงเล็กแหบพร่าในลำคอ “…260 ตำลึงทอง” โถงทั้งโถงเงียบกริบลงอีกครั้ง ก่อนระเบิดเสียงอื้ออึงยิ่งกว่าเดิม บางคนถึงกับหัวเราะฮา เสียงซุบซิบดังลั่น “ใครวะ เสนอเพียง 10 ตำลึงทองทับราคามหาศาลแบบนั้น!?”


หลังม่านสีม่วง หลินหยาแทบจะก้มหน้าฟุบกับโต๊ะ ร่างบางสั่นสะท้านทั้งเพราะความอายและความบ้าบิ่นในคราวเดียว  “โฮ๊กกกกกกกกกกกก เชี้ยยยยยยยยย!! กระอักเลือดได้ไหมเนี่ย!! แพงสัสสสสสสสสส!!!” ดวงตากลมพราวระยับ ทั้งหวาดกลัว ทั้งฮึกเหิม ทั้งสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน การประมูลยังไม่จบ…และทุกสายตาเริ่มจับจ้องไปที่ม่านสีม่วงของเธอแล้ว ผู้กล้าหน้าด้านที่เพิ่งสาดน้ำมันลงบนกองไฟแห่งการประมูลอันเดือดดาล


เสียงฆ้องดัง ปังงงง!! ก้องสะท้อนหอประมูลทั้งหลัง การประมูลยังไม่หยุด ม้าดำทมิฬยืนสง่าอยู่กลางเวทีเหมือนกำลังหัวเราะเยาะผู้คนที่กำลังทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อตัวมัน หลังม่านสีม่วง หลินหยากัดริมฝีปากจนแทบแตก ใบหน้าซีดเผือดแต่ดวงตายังลุกโชน “ได้สิ…ข้าต้องได้เจ้ามา!!!” แต่ทันใดนั้น เสียงจากซุ้มอีกฝั่งดังขึ้นมาเย้ยหยัน “270 ตำลึงทอง!!”


“เชี่ยยยยย!!!” หลินหยาร้องกรี๊ดในใจแทบจะฟาดโต๊ะ มือเล็กกำป้ายไม้จนแทบหัก ก่อนจะกัดฟันประกาศเสียงสั่น “280 ตำลึงทอง!!” เสียงฮือฮาดังก้อง แต่ไม่ทันให้เธอได้หายใจ เสียงจากซุ้มด้านซ้ายไอ้เพื่อนบ้านนรกนั่นก็ประโคมขึ้นมาด้วยเสียงหยันแฝงอำนาจ


“310 ตำลึงทอง!!”


“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก ไอ้สัสเอ๊ยยยย!!!” หลินหยากรี๊ดร้องในใจแทบขาดใจ ตัวสั่นงันงก ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ แต่เธอก็กัดฟันสุดกำลัง ยกป้ายไม้ขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังสิ้นใจ


“320 ตำลึงทอง!!” โถงทั้งโถงเงียบกริบ ราวกับเวลาหยุดลงในชั่วอึดใจ เสียงกระซิบซุบซิบดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่มีใครยกป้ายตามต่อ ทุกคนเฝ้ามองซุ้มม่านสีม่วงด้วยความสงสัยว่าคนผู้นั้นเป็นใครกัน ที่กล้าทุ่มหน้าด้านชนพวกมหาเศรษฐีตรงหน้า เสียงฆ้องดังสนั่น ปังงงง!!


“320 ตำลึงทอง!! ม้าดำทมิฬตกเป็นของซุ้มม่านสีม่วงแล้ว!!” เสียงเฮ เสียงหัวเราะ เสียงปรบมือผสมปนเปกันไปทั่วหอ แต่หลังม่านสีม่วง หนาน หลินหยา หน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ น้ำตารื้นขึ้นมาเพราะทั้งโล่งใจ ทั้งช็อก ทั้งอยากตาย เธอทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้หอบหายใจแรงเหมือนเพิ่งกลับจากออกรบ ดวงตากลมพราวระยับด้วยทั้งความดีใจและความสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน


“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! ข้าได้มันมาแล้วววววว!!! แต่พระเจ้าาาาา 320 ตำลึงทอง!!! ฮือออออออออออ!!! ข้ากระอักเลือดแน่!!!” มือเล็กสั่นระริกกอดป้ายประมูลแน่นเหมือนกำลังยึดเส้นชีวิตสุดท้ายไว้ รู้ตัวดีว่านี่คือทั้งชัยชนะและหายนะในคราวเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ชนะได้ครอบครองม้าดำทมิฬมาเป็นของตน!! ม่านสีม่วงไหวเบา ๆ ตามแรงสั่นสะท้านของหญิงสาวผู้หน้าด้านที่สุดในหอประมูลคืนนี้


เสียงฆ้องปิดฉากดัง ปังงงง!! ตามด้วยเสียงพิธีกรประกาศสิ้นสุดการประมูลคืนนี้ บรรยากาศในหอประมูลค่อย ๆ คลายความตึงเครียด เหล่าขุนนาง พ่อค้าใหญ่ และบุคคลลึกลับต่างทยอยลุกออกจากซุ้มของตน เสียงพูดคุย ก้าวเท้า และเสียงเหรียญทองตำลึงเงินดังระงมราวกับฝูงผึ้งแตกฮือ หลังม่านสีม่วง หลินหยาทิ้งตัวหายใจแรงเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิอเวจีมา ใบหน้าแดงซ่านเพราะทั้งเครียดทั้งเหนื่อยและ…ทั้งอับอาย กระเป๋าเบาจนแทบจะบินลอยขึ้นฟ้า “โอยยย…ข้าจะกินข้าวยังไงต่อไปดีวะเนี่ย…”


แต่ก่อนที่จะไปลงทะเบียนรับม้าดำทมิฬ หญิงสาวกลับไม่ยอมลุกทันที ดวงตากลมแอบเหลือบมองซุ้มด้านซ้ายที่ทำให้นางแทบจะกระอักเลือดหลายรอบตลอดการประมูล “ขอดูหน้ามึงหน่อยเถอะ…ว่าเป็นใครกันแน่ ไอ้บ้านี่!” นางค่อย ๆ เลิกชายม่านขึ้นเบา ๆ แค่พอให้มองลอดออกไปได้ จังหวะนั้นเอง ม่านซุ้มสีเข้มข้างซ้ายถูกเปิดออก บุรุษคนหนึ่งก้าวออกมา… แต่ระหว่างนั้น นางรีบก้มศีรษะ ดึงม่านลงอย่างรวดเร็วไม่ให้ใครจับได้ว่ากำลังแอบมอง ก่อนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วบ่นเบา ๆ ในลำคอ “โอยยยย…กูจะตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ!” แต่ก็แอบมองอยู่ดี พลางทำท่าตีเนียน จัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย เดินออกจากซุ้มม่านสีม่วงไปยังโต๊ะลงทะเบียนเพื่อทำเรื่องรับม้าดำทมิฬที่เพิ่งประมูลมาได้อย่างระทึกขวัญ





@Admin 

พรสวรรค์: ลาภลอย (ไม้) 

มีโอกาสพบเจออีเว้นท์แปลก ๆ บางอย่างแทรกในเควสที่กำลังทำอยู่


อื่น ๆ: แอบดูคนซุ้มข้าง ๆ มันบังอาจมาปั่นตัดหน้าฉัน 30 ตำลึง 50 ตำลึง มุง เป็น ใคร!!

หาเรื่องให้ตัวเองโดยแท้


จ่ายค่าม้า 320 ตำลึงทอง หรือ 120 ตำลึงทอง 2,000 ตำลึงเงิน

ขออนุญาตจ่ายเพิ่มเป็นตำลึงเงิน


รางวัล: -


แสดงความคิดเห็น

สวมหน้ากากสีเงินหันมองมาทางหลินหยาแสยะยิ้มและลุกเดินจากไป  โพสต์ 2025-8-27 12:31
โพสต์ 75210 ไบต์และได้รับ 56 EXP! [VIP]  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +1 Point +20 คุณธรรม จาก ด้ายแดงแห่งโชคชะตา  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +10 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +25 คุณธรรม +20 ความโหด จาก แหวนดาราจรัส(D2)  โพสต์ 2025-8-26 23:10
โพสต์ 75,210 ไบต์และได้รับ +14 EXP [ถูกบล็อค] ความชั่ว +18 คุณธรรม จาก ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ  โพสต์ 2025-8-26 23:10
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดทิวาเมฆาล่อง
รองเท้าหยุนเวย
โล่ไม้
วาสนาเซียน
ด้ายแดงแห่งโชคชะตา
แหวนดาราจรัส(D2)
ตำราอาหารลับของเสี่ยวจ้าวจื่อ
ยอดคีตศิลป์
ปราณกระเรียนขาว(ไม้)
ขลุ่ยพันธะในเงาศาลา
เกราะทองเทวะ
กระเป๋าเจ็ดขุมทรัพย์(D)
ทักษะผู้ขี่มังกรตะวันตก
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x16
x16
x16
x1
x49
x5
x27
x3
x10
x10
x2
x2
x3
x114
x5
x6
x6
x5
x7
x4
x6
x4
x21
x3
x159
x40
x41
x1
x5
x34
x11
x246
x1
x1
x1
x145
x5
x7
x66
x20
x6
x93
x149
x5
x209
x5
x50
x5
x85
x6
x208
x68
x75
x81
x4
x105
x5
x8
x4
x4
x14
x16
x9
x15
x69
x1
x1
x53
x55
x47
x16
x140
x10
x11
x11
x36
x9
x10
x4
x16
x60
x55
x2
x1
x104
x64
x9
x11
x215
x55
x28
x70
x78
x49
x5
x3
x128
x12
x10
x11
x5
x3
x3
x9
x5
x11
x3
x1
x6
x14
x10
x137
x109
x21
x11
x14
x48
x3
x1
x7
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้